ในวันที่สอง หานซานเฉียนมาที่ร้านโลงศพในเขตจีนเพียงลำพังเจ้าของร้านที่นี่เป็นชายชราผมหงอกและมีริ้วรอยลึกบนใบหน้า ตัวของเขาโค้งงอเหมือนเทียนในสายลม ให้ความรู้สึกว่าอาจล้มลงได้ทุกเมื่อ“เถ้าแก่ เมื่อไหร่โลงที่ผมสั่งถึงจะเสร็จ?” หานซานเฉียนถามเจ้าของร้าน เจ้าของร้านตอบด้วยน้ำเสียงแหบห้าว "พ่อหนุ่ม ฉันช่วยเร่งให้เธอแล้ว เร็วสุดก็คงต้องพรุ่งนี้"“เร็วหน่อยได้ไหมครับ ผมต้องใช้มันพรุ่งนี้” หานซานเฉียนกล่าว พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของระยะเวลาสามวันที่หานเทียนเซิงมอบให้เขา หานซานเฉียนไม่อยากพลาดโอกาสที่ดีที่สุดนี้ไป“พ่อหนุ่ม ฉันแก่แล้ว และการเคลื่อนไหวของฉันก็ช้านิดหน่อย หวังว่าเธอจะเข้าใจ” เจ้าของร้านกล่าวหานซานเฉียนไม่ได้ตั้งใจจะกดดันเจ้าของร้าน แต่เขามีเวลาไม่มาก ถึงได้รีบร้อนแบบนี้“เถ้าแก่ หรือให้ผมช่วยได้ไหมครับ ดูว่ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยคุณได้บ้าง” หานซานเฉียนเสนอเจ้าของร้านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และมองตรงไปที่หานซานเฉียน“ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ลดค่าจ้างคุณแน่นอน” หานซานเฉียนกล่าวเจ้าของร้านยิ้มเบา ๆ พลางส่ายหัวแล้วพูดว่า "พ่อหนุ่ม เธอชื่อหานซานเฉียนสินะ แล้วโลงศพนี้จะมอบให้หานเที
"คุณจะทำให้พวกเขาผิดหวังไม่ได้นะคะ ตระกูลฉี๋เดิมพันกับทุกอย่าง เพราะว่าพวกเขาเชื่อในตัวคุณ" ฉี๋อีหยุนยิ้มและรินไวน์ให้หานซานเฉียนหนึ่งแก้ว“ผมไม่อยากแบกรับแรงกดดันแบบนี้ หากเกิดอะไรขึ้น ตระกูลฉี๋ก็จะกลายเป็นเหยื่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และผมจะไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องตระกูลฉี๋หรอกนะ” หานซานเฉียนกล่าวฉี๋อีหยุนเลิกคิ้วแล้วพูดว่า "ตระกูลฉี๋เต็มใจเสียสละเพื่อคุณ ฉันเองก็เช่นกัน"“บ้าไปแล้ว” หานซานเฉียนอดไม่ได้ที่จะสถบ“คุณจะคิดว่าฉันบ้าก็ไม่เป็นไร ยังไงซะฉันก็บ้ามานานแล้ว ไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่ชอบคุณมากขนาดนี้หรอก” ดวงตาของฉี๋อีหยุนปกคลุมไปด้วยหมอก และเธอก็พยายามยกมุมปากขึ้น เพื่อให้ตัวเองดูเหมือนกำลังยิ้ม แต่การแสดงออกที่ดูเหมือนยิ้มแต่นัยน์ตากำลังร้องไห้นี้กลับทำให้ผู้คนรู้สึกสงสารหานซานเฉียนถอนหายใจและดื่มไวน์แดงในแก้วหมดอึกเดียวทั้งสองแลกแก้วกันไปมา และหลังจากดื่มไวน์แดงที่ฉี๋อีหยุนนำมาจนหมด พวกเขาก็เปิดไวน์ขวดสองของที่บ้าน อย่างไรก็ตาม คราวนี้หานซานเฉียนไม่ยอมให้ตัวเองเมา แต่ฉี๋อีหยุนนั้นเมามากเมื่ออุ้มฉี๋อีหยุนกลับมาที่ห้อง หานซานเฉียนกำลังจะกลับไปเคลียร์โต๊ะอาหาร แต่ฉี๋อีหย
หลายคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกัน สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด หลังจากมองหน้ากันไปมาพวกเขาก็พูดขึ้นพร้อมกัน"มาแล้ว!""มาแล้ว!""มาแล้ว!"หม่าเฟยห่าวสีหน้าจมดิ่ง และพูดด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยว่า "ไม่คิดว่าเขาจะกล้ามาจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากคุกเข่าให้หน้าหานเทียนเซิงเท่านั้น"ต่อมาโทรศัพท์มือถือของหลาย ๆ คนก็ดังขึ้นพร้อมกับข้อความที่ส่งเข้ามาอีกครั้งภาพเดียวกันจากมุมมองที่ต่างออกไปปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ของพวกเขา"นี่มัน…"“ไอ้หมอนี่กำลังทำอะไรอยู่น่ะ!”“เขา...เขาเอาโลงศพมางั้นเหรอ”หม่าเฟยห่าวดูรูปถ่ายในโทรศัพท์ของเขาและตกใจมาก จนแก้วไวน์ในมือของเขาหล่นแตกบนพื้นในเวลานี้ หม่าเฟยห่าวรู้สึกเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือชาไปทั้งหัวในภาพหานซานเฉียนถือโลงศพด้วยมือข้างเดียว ยืนอยู่นอกประตูคฤหาสน์ของตระกูลหานหม่าเฟยห่าวรู้สึกปากแห้งผาก เขาหยิบขวดน้ำขึ้นมาจิบด้วยมืออันสั่นเทา จากนั้นดูเหมือนว่าเขาจะไม่เชื่อว่าภาพถ่ายที่เขาเห็นเป็นของจริงจึงได้ขยี้ตาอีกครั้ง“ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้วเหรอ?” หม่าเฟยห่าวหายใจไม่ออก และรีบวิดีโอคอลหาหาสายลับของเขาทันที เมื่อต่อ
ฝูงชนเริ่มตื่นเต้นในงานเลี้ยงวันเกิดของอู๋โหยวเฟิง แม้ว่าออร่าและความแข็งแกร่งของหานเทียนเซิงจะทำให้ผู้คนแทบหายใจไม่ออก แต่ก็ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าพลังที่แท้จริงคืออะไร ออร่าของหานเทียนเซิงที่สามารถกลืนโลกนั้นสามารถทำให้พวกเขาเกิดความเคารพไม่รู้จบ บางคนถึงกับจินตนาการว่าตัวเองเป็นหานเทียนเซิง และควบคุมอำนาจสูงสุดครั้งหนึ่งหานซานเฉียนเคยทำให้คนรวยรุ่นสองทั้งหมดคุกเข่า ความเกลียดชังนี้ทำให้คนส่วนใหญ่หวังว่าเขาจะตายด้วยน้ำมือของหานเทียนเซิงยิ่งหานเทียนเซิงมีท่าทีแข็งกร้าวมากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้นเมื่อมองไปที่หานซานเฉียนที่กำลังถือโลงศพ หานเทียนเซิงก็แสดงอาการเยาะเย้ย“นายทำให้เจ้าของร้านโรงศพต้องตาย มันสมเหตุสมผลไหมที่จะก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้? นายคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้นายตายอย่างกล้าหาญมากขึ้นงั้นเหรอ?” หานเทียนเซิงกล่าวอย่างดูถูก“หานเทียนเซิง โลงศพนี้เป็นของขวัญที่ดี วันนี้ในปีหน้าจะเป็นวันครบรอบวันตายของคุณ” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ฝูงชนก็พากันหัวเราะเยาะหานซานเฉียน แม้ว่าออร่าของเขาจะแข็งแกร่งมาก และแม้ว่าเขาจะทำสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำ
หานเทียนเซิงโกรธมากจนสั่นไปทั้งตัว เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่มีใครสามารถทำให้เขาอารมณ์แปรปรวนรุนแรงได้ขนาดนี้แต่แหล่งที่มาของความโกรธของเขาไม่ใช่แค่การตายของหานลี่และหานเฟิงเท่านั้น แต่มันรวมไปถึงกับการที่หายลี่คุกเข่าขอร้องอ้อนวอนต่อหน้าหานซานเฉียนด้วยคนของตระกูลหานในอเมริกาจะคุกเข่าให้พวกไร้ประโยชน์อย่างตระกูลหานในเหยียนจิงได้อย่างไร!นี่เป็นความอัปยศที่หานเทียนเซิงไม่สามารถยอมรับได้ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น เขาบีบบังคับให้หานเทียนหยางออกจากอเมริกาด้วยความภาคภูมิใจ และถึงกับคิดว่ามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถนำตระกูลหานไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้หลายปีที่ผ่านมา ในใจของหานเทียนเซิง หานเทียนหยางเป็นเพียงคนขี้ขลาดและไร้ประโยชน์มา และตระกูลหานในเหยียนจิงก็เป็นเพียงเศษขยะเขาไม่เต็มใจยอมรับความจริงที่ว่า หานลี่คุกเข่าให้หานซานเฉียน และเพื่อปกปิดข้อเท็จจริงนี้ก็มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือฆ่าหานซานเฉียน!“หานเซี่ยว ฆ่าเขาซะ! ฉันอยากให้เขาตายโดยไม่ฝังศพ” หานเทียนเซิงพูดอย่างเย็นชาหานเซี่ยวก้าวไปข้างหน้า และพูดกับหานซานเฉียนด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง "นายฆ่าลูกศิษย์ของฉัน วันนี้ฉันจะล
หม่าเฟยห่าวไม่คิดว่าจู่ ๆ หม่าอวี้จะปรากฏตัวในเวลานี้ และความคิดแรกของเขาคือยืมมือของหม่าอวี้ในการฆ่าหานซานเฉียน เพื่อให้โอกาสตัวเองในการแก้แค้นแต่ตอนนี้หม่าเฟยห่าวไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะคู่ต่อสู้คือหานเทียนเซิง แม้ว่าหม่าอวี้จะสนับสนุนเขา หม่าเฟยห่าวก็ทำได้เพียงยืนนิ่งจนกว่าเขาจะแน่ใจว่าหม่าอวี้เต็มใจที่มีเรื่องกับหานเทียนเซิงเพื่อเขา“หานเซี่ยว ไม่คิดเลยว่าหลังจากผ่านไปหลายปี ฉันจะยังได้เห็นนายลงมือ ช่างเป็นเกียรติของฉันจริง ๆ” หม่าอวี้เดินไปหาหานเซี่ยวด้วยรอยยิ้มหานเซี่ยวขมวดคิ้ว เขาตระหนักดีถึงสถานะปัจจุบันของหม่าอวี้ เพราะเขาเองก็เคยได้เข้าร่วมเทียนฉี และเขาก็รู้ด้วยว่าหม่าอวี้มีสถานะไม่ธรรมดาในเทียนฉีแต่ทำไมจู่ ๆ ผู้ชายคนนี้ถึงกลับมาอเมริกาล่ะ?“หม่าอวี้ นายมาทำอะไรที่นี่?” หานเซี่ยวถามหม่าอวี้เหลือบมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า "มาพาเขาไป"จู่ ๆ สีหน้าของหานเซี่ยวก็มืดลง หานเทียนเซิงต้องการให้หานซานเฉียนตาย ดังนั้นวันนี้เขาจำเป็นต้องฆ่าหานซานเฉียน แต่เพราะหม่าอวี้เข้ามายุ่ง จึงอดไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกกลัว เพราะยังไงหม่าอวี้ก็อยู่ในเทียนฉีเป็นเวลาหลายปีแล้ว และตอนนี้หานเซ
คำพูดของหม่าเฟยห่าวทำให้หม่าอวี้ชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อเห็นหม่าเฟยห่าวเตรียมพร้อมและตั้งตารอ ใบหน้าของหม่าอวี้ก็จมดิ่ง หมอนี่มีปัญหากับหานซานเฉียนอย่างนั้นเหรอ?วันนี้แม้ว่าเขาก็ยังต้องดูแลหานซานเฉียนอย่างระมัดระวัง แต่หม่าเฟยห่าวคิดที่จะแก้แค้นเขาเนี่ยนะ?“พวกนายมีปัญหาอะไรกัน?” หม่าอวี้ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกหม่าเฟยห่าวพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามแข่งให้เขาฟัง และแน่นอนว่าเขาได้เติมเชื้อเพลิงลงไป โดยเหมือนว่าตนเองเป็นฝ่ายโดนกระทำ และยิ่งพูดก็ยิ่งแสร้งทำเป็นเสียใจจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาหม่าอวี้รู้ดีว่าหม่าเฟยห่าวเป็นคนอย่างไร จึงรู้ว่าเขาเติมเชื้อเพลิงลงไปในเรื่องไม่น้อย และถึงแม้ว่าทุกสิ่งที่เขาพูดจะเป็นเรื่องจริง หม่าอวี้ก็ไม่กล้าช่วยเขาล้างแค้นอยู่ดี“โชคดีที่นายยอมคุกเข่าให้เขา เพราะถ้าเขาคุกเข่าให้นายล่ะก็แย่แน่” หลังจากฟังเรื่องราวของคำพูดของหม่าเฟยห่าวแล้ว หม่าอวี้ก็พูดอย่างโล่งใจหม่าเฟยห่าวมองหม่าอวี้ด้วยความสับสน ในฐานะลุง เมื่อได้ยินว่าหลานชายถูกทำร้ายทำไมเขายังสงบนิ่งได้อยู่อีก?“ลุง มอบเขาให้ผมจัดการเถอะครับ” คำพูดของหม่าเฟยห่าวกล่าว“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายทำตัว
หยุนเฉิงโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงซูหยิงเซี่ยเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เพราะเปลือกตาของเธอกระตุกไม่หยุด เหมือนมีลางสังหรณ์ไม่ดีแพร่กระจายอยู่ในใจของเธอ ทำให้เธอนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาด้วยความงุนงงฉือจิงเคยชินกับสภาพจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับของซูหยิงเซี่ยแล้ว เธอมักจะแสดงอาการฟุ้งซ่านอยู่เสมอ ในฐานะแม่ ฉือจิงเข้าใจความรู้สึกทางจิตใจของซูหยิงเซี่ยในขณะนี้โดยธรรมชาติหานเนี่ยนตกไปอยู่ในมือของคนเลวตั้งแต่อายุยังน้อย แม้แต่เธอก็ยังรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้“คิดถึงหานเนี่ยนอีกแล้วเหรอ?” ฉือจิงนั่งข้าง ๆ ซูหยิงเซี่ยด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน จับมือของเธอขึ้นมาแล้วถามเบา ๆซูหยิงเซี่ยกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง เธอมองดูฉือจิงก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดว่า "แม่คะ สัมผัสที่หกของผู้หญิงนั้นแม่นจริง ๆ ใช่ไหมคะ?"“มันก็เป็นแค่คำเล่าลือกันเท่านั้น ไม่ต้องกังวลไปนัก หานเนี่ยนจะไม่เป็นอะไร” ฉือจิงปลอบใจเธอซูหยิงเซี่ยส่ายหัวแล้วพูดว่า "ไม่ใช่หานเนี่ยนค่ะ แต่เป็นซานเฉียน หนูมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าซานเฉียนกำลังเผชิญกับอันตรายบางอย่าง" ฉือจิงตกตะลึงอย่างอธิบายไม่ถูก วันนี้เธอก็รู้สึกใจหวิว ๆ