“เขาสนใจการแข่งรถฟอร์มูลา และต้องการก่อตั้งทีมของตัวเอง พวกคุณช่วยพาเขาไปเล่นด้วยได้ไหม?” ฉี๋อีหยุนกล่าว เธอเคยคิดถึงสถานการณ์การสร้างศัตรูแบบนี้ก่อนที่เธอจะมา เพราะเธอเป็นคนพาเขามา แล้วคนพวกนี้จะใจดีกับหานซานเฉียนได้อย่างไร?“ครอบครัวแบบไหนกัน ถึงได้อยากมาเล่นกับพวกเรา?” ฟางซั่วในฐานะคนตามจีบหมายเลขหนึ่งของฉี๋อีหยุน รู้สึกไม่ชอบหน้าหานซานเฉียนเป็นอย่างมาก เพราะสัญชาตญาณบอกเขาว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ หากพวกเขาเป็นแค่เพื่อนธรรมดา ทำไมฉี๋อีหยุนต้องพาเขามาแนะนำเองแบบนี้ด้วยล่ะ?“เงินไม่ได้ขาด” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยเมย เมื่อก่อนเขาไม่มีความมั่นใจขนาดนั้น แต่ตอนนี้มีคนอุปถัมภ์อย่างหนานกงป๋อหลิง และนี่ไม่ใช่เงินของเขาเอง เขาจึงไม่ต้องกังวลอะไร “ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับนายมาก่อน ครอบครัวของนายทำอะไรในเขตจีน?” ฟางซั่วถาม“ฉันเพิ่งมาที่อเมริกา ครอบครัวยังไม่ได้มีธุรกิจอะไรที่นี่” หานซานเฉียนกล่าวฟางซั่วเลิกคิ้วด้วยความรังเกียจ และพูดกับคนอื่น ๆ "ที่แท้ก็เป็นคนมาใหม่ ในเมื่ออยากจะเล่น ใครก็ได้มาช่วยแนะนำกับเขาหน่อยสิว่ารถแข่งฟอร์มูลาต้องใช้เงินเท่าไหร่”“น้องชาย ม
“ฟางซั่ว หมอนั่นไม่ได้โกหกเราใช่ไหม เขารวยขนาดนั้นเลยเหรอ?”“เขาดูไม่เหมือนคนรวยเลยสักนิด บางทีเขาอาจจะแค่แกล้งทำเป็นอวดเบ่งต่อหน้าฉี๋อีหยุนก็ได้”“ฉันก็คิดเหมือนกัน เงินหนึ่งพันล้านดอลลาร์สามารถสร้างทีมแข่งรถระดับท็อปได้เลย แล้วเขาจะมัวมาเล่นกับพวกเราทำไมกัน?”หลังจากที่หานซานเฉียนและฉี๋อีหยุนไปที่โรงรถ ฟางซั่วและกลุ่มของเขาก็เริ่มพูดคุยกันในฐานะคนตามจีบหมายเลขหนึ่งของของฉี๋อีหยุน ฟางซั่วเองก็สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อจีบฉี๋อีหยุน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่หานซานเฉียนจะคุยโม้ฟางซั่วมีใบหน้ามืดมน เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ถ้าหมอนี่นี้คุยโม้จริง ๆ ฉันจะเปิดเผยเขาเอง เมื่อถึงเวลานั้นเขาได้ตายทั้งเป็นแน่"“เหอะเหอะ นายให้โรงรถห้องสี่สิบสี่กับเขา เจ้าของคนก่อนยังโชคร้าย ได้ยินมาว่าตอนนี้เขาเปิดร้านซ่อมรถเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเอง ผู้ชายคนนี้ก็คงจะมีจุดจบไม่ต่างกันแน่นอน"“เลขสี่สิบสี่เป็นเลขอัปมงคล ใครไปใช้ก็จะโชคร้าย แม้ว่าเขาจะรวยจริงก็ต้องล้มละลายในไม่ช้าแน่”“ก็ใช่น่ะสิ ไม่อย่างนั้นพวกนายคิดว่าทำไมฉันถึงให้ห้องนั้นกับเขากันล่
ซู่หยางจ้องมองไปที่มือของหานซานเฉียนอย่างงุนงง คำว่า ‘เพื่อน’ ทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนกอย่างอธิบายถูก ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาถูกเพื่อนสนิทแทงข้างหลัง ถึงขั้นร่วมมือกันกับผู้หญิงของเขา โจมตีเขาถึงแก่ชีวิต ไม่เช่นนั้นวันนี้เขาคงไม่มีจุดจบที่น่าอนาถถึงขนาดนี้ หานซานเฉียนเห็นว่าซู่หยางมีสีหน้าแปลก ๆ และเขาก็ส่ายหัวเล็กน้อย พอจะเดาได้ว่าเขาหวาดกลัวอะไร หลังจากเก็บมือกลับคืนมาแล้ว หานซานเฉียนก็พูดว่า "ถ้าคำว่าเพื่อนมันหนักเกินไปสำหรับคุณ งั้นคุณก็ถือซะว่าผมเป็นหุ้นส่วนก็ได้"ซู่หยางยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาตกอับมาจนถึงตอนนี้ และคิดว่าตัวเองจะปล่อยวางเหตุการณ์นี้ และยอมรับชะตากรรมของตัวเองแล้ว ไม่คิดเลยว่าพอมีคนพูดคำนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เขาจะยังคงเจ็บปวดอยู่ปล่อยวาง มันเป็นแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้นแหละ“ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อน วันนี้ผมจะลงเอยแบบนี้ได้ยังไง” ซู่หยางพูดนิ่ง ๆ“คุณอยากแก้แค้นไหมล่ะ? โอกาสอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว ตราบใดที่คุณเต็มใจที่จะคว้ามันไว้” หานซานเฉียนกล่าวซู่หยางเงยหน้าขึ้นและมองตรงไปในดวงตาของหานซานเฉียน พวกเขาเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้ากัน และเขาก็ไม่คิดว่าจู่ ๆ พระเจ้าจะส่งความเมต
หานซานเฉียนที่ผ่านการล้างบาปจากเรือนจำตี้ซินมาแล้ว วิธีการเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คนธรรมดาหวาดกลัวเมื่อเขาขยี้แขนหนึ่งในนั้นจนหัก ในที่สุดก็ได้ที่อยู่ของสำนักงานใหญ่มาเมื่อเห็นฉากนี้ ซู่หยางก็ขนลุกเกรียว ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น เขาในฐานะลูกชายจากตระกูลที่ร่ำรวย เขาเคยเห็นด้านมืดของสังคมมามากมาย และเขาก็รู้จักกับคนที่โหดเหี้ยมมาบ้างแต่เมื่อเทียบกับวิธีการของหานซานเฉียน วิธีการของคนเหล่านั้นอยู่ห่างออกไปเกือบหนึ่งกาแล็กซี มันไม่สามารถเทียบกันได้เลยอาการของซู่หยางนั้นยังถือว่าดี แต่ใบหน้าของเพื่อนของเขาตอนนี้นั้นซีดเผือดไปด้วยความหวาดกลัว และร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านอย่างหยุดไม่ได้เมื่อขึ้นรถอีกครั้ง หานซานเฉียนก็ขับรถไปที่สำนักงานใหญ่ของพวกอันธพาลเหล่านั้นทันทีในรถ สุดท้ายซู่หยางก็อดไม่ได้ที่จะถามหานซานเฉียน "คุณเป็นใครกันแน่?"“มันไม่สำคัญว่าผมเป็นใคร ตราบใดที่ไม่เป็นอันตรายต่อคุณก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?” หานซานเฉียนกล่าว อันที่จริงเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับพฤติกรรมรุนแรงของเขาเมื่อกี้นี้ ดูเหมือนจะมีความโกรธแค้นเกิดขึ้นในใจจนเขาไม่สามารถควบคุมได้ บางทีอาจเป็นเพราะกา
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหัวโล้น ซู่หยางก็ตาแดงก่ำ และตัวสั่นด้วยความโกรธ แม้แต่เพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ยังรู้สึกเคียดแค้นแทนเขา เขากัดฟันแล้วพูดว่า "คิดไม่ถึงเลยว่าหม่าเฟยห่าวจะโหดร้ายได้ขนาดนี้ แย่งผู้หญิงของนายไปไม่พอ ยังทำลายชื่อเสียงของนายด้วย แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ปล่อยนายไปอีก”ซู่หยางกำหมัดแน่น ความเคียดแค้นเกือบจะทำให้เขาเสียสติซู่หยางอดทนต่อความแค้นนี้มานานหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้เขาทนไม่ได้อีกต่อไป!ทันใดนั้น ซู่หยางก็คุกเข่าลงต่อหน้าหานซานเฉียน“ซู่หยาง นายจะทำอะไร!” เพื่อนของเขายื่นมือออกไปดึงซู่หยางขึ้น แต่ซู่หยางปฏิเสธซู่หยางก็ก้มศีรษะให้หานซานเฉียนแล้วพูดว่า "ตราบใดที่คุณสามารถล้างแค้นผมได้ ชีวิตของซู่หยางก็จะเป็นของคุณ คุณจะให้ผมทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น"“ชีวิตคุณไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับผม แค่มีชีวิตต่อไปแล้วช่วยผมใช้เงินก็พอแล้ว ส่วนจะแก้แค้นได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ จัดตั้งทีมขึ้นมาก่อน หากมีปัญหาอะไรก็ติดต่อหาผม" หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ ว่าเขาไม่มีแรงพอที่จะพาซู่หยางไปตามล่าทุกคนหรอกนะ“ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” ซู่หยางกล่าวอย่างมาดมั่นหานซานเ
ซุนอี้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ขาของเขาชาจนไม่มีความรู้สึกไปนานแล้ว แต่เขาไม่กล้ามีความคิดที่จะลุกขึ้นเลยแม้แต่น้อย จะรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องรอง เพราะได้รู้จักตัวตนของหานซานเฉียนจากปากของฉี๋อีหยุนแล้วนั้น ซุนอี้ก็กังวลว่าเขารักษาชีวิตตัวเองไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำหานเหยียนผู้สูงส่งยังป็นได้เพียงสุนัขของหน้าหานซานเฉียนเท่านั้น แล้วบุคคลตัวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีตัวตนแบบเขาจะเทียบได้กับอะไรกัน?ดังนั้นการคุกเข่าของเขานอกจากการยอมรับผิดแล้ว ยังเป็นการอ้อนวอนขอไว้ชีวิตตัวเองอีกด้วย เมื่อซุนอี้เห็นหานซานเฉียน เขาก็คลานไปตรงหน้าหานซานเฉียนทันที“คุณหาน ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วครับ” ซุนอี้ก้มหัวลงและร้องขอความเมตตาจากหานซานเฉียน“ผิดไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?” หานซานเฉียนยิ้มอย่างดูถูกและพูดว่า “ซุนอี้ คุณจะผิดไปแล้วได้ยังไง คุณก็แค่โลภเกินไปเท่านั้น”“ใช่ครับ คุณหานพูดถูกทุกอย่าง ผมหวังว่าคุณหานจะปล่อยผมไป” ซุนอี้พยักหน้า ไม่ว่าหานซานเฉียนจะพูดอะไร เขาก็ทำได้เพียงยอมรับมันเท่านั้น“ซุนอี้ คุณต้องการที่จะหุบบริษัทนี้ ถ้าผมปล่อยคุณไป แล้วผมจะอธิบายกับตระกูลหนานกงยังไงล่ะ?”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ฉี๋อีหยุนก็รู้สึกแปลก ๆ ทำไมจู่ ๆ หานซานเฉียนถึงได้เปลี่ยนใจกะทันหันล่ะ?แต่เธอก็เข้าใจในไม่ช้า ว่ากุญแจที่สำคัญมันอยู่ที่คำถามของหานซานเฉียน ที่ว่าพ่อแม่ของเธอรู้ว่าเขาแต่งงานแล้วหรือยัง ผู้ชายคนนี้คงกำลังวางแผนใช้พ่อแม่ของเธอเพื่อตัดความคิดของเธอสินะสิ่งนี้ทำให้ฉี๋อีหยุนกัดฟันแน่น“สักวันหนึ่ง คุณจะต้องนอนบนเตียงของฉันอย่างเชื่อฟัง โดยไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ทั้งนั้น” ฉี๋อีหยุนพูดผ่านไรฟันไม่นานหานซานเฉียนก็มาถึงบ้านของตระกูลฉี๋ ฉี๋อีหยุนมาต้อนรับหานซานเฉียนที่หน้าประตู เธอพูดกับเขาว่า "ระวังตัวด้วยล่ะ ฉันจะจับคุณกินในสักวัน"หานซานเฉียนดูไม่เกรงกลัวและตอบว่า "ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ให้โอกาสคุณได้ทำแบบนั้นหรอก คนดี ๆ แบบผมจะตกอับได้ยังไง"ในสถานการณ์ปกติหานซานเฉียนจะไม่ทำอะไรที่ไม่เหมาะสม และเรื่องนี้ฉี๋อีหยุนก็รู้ดี ดังนั้นเธอจึงเตรียมยาสีน้ำเงินไว้บนโต๊ะข้างเตียงของเธอไว้ในกรณีฉุกเฉิน เธอไม่เชื่อว่าหากถูกกระตุ้นด้วยยาแล้วหานซานเฉียนจะยังคงรักษาสติเอาไว้ได้"แล้วมารอดูกัน"เมื่อมาถึงบ้านของตระกูลฉี๋ การตกแต่งนั้นอลังการมาก ให้ความรู้สึกหรูหรามาก แต่ก
ฉี๋ตงหลินและภรรยาของเขาทำอาหารเย็นสุดหรู เมื่อเขารู้ว่าหานซานเฉียนสามารถดื่มกับเขาได้ ฉี๋ตงหลินก็มีความสุขมากที่บ้าน ฉี๋ตงหลินไม่มีโอกาสดื่มมากนัก โอวหยางเฟยเข้มงวดมาก เขาสามารถจิบได้แค่วันละสองสามจิบเท่านั้น มันไม่สนุกเอาซะเลย ถ้าหานซานเฉียนสามารถดื่มกับเขา วันนี้ก็คงจะได้ดื่มด่ำเสียทีเมื่อฉี๋ตงหลินกำลังจะไปเอาไวน์ เขาก็ตัวแข็งทื่อและมองตรงไปที่โอวหยางเฟย เห็นได้ชัดว่ากำลังรอคำสั่งจากเธอเมื่อเห็นฉากนี้ หานซานเฉียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่มันไม่ใช่การเยาะเย้ย แต่เป็นรอยยิ้มที่กำลังอิจฉาอายุปูนนี้แล้ว แต่ยังคงความสัมพันธ์แบบนี้เอาไว้ได้ สำหรับหานซานเฉียนแล้วนี่เป็นสิ่งที่น่าอิจฉา เขาเองก็หวังว่าเมื่อเขาและซูหยิงเซี่ยมาถึงวัยนี้ พวกเขาจะมีชีวิตธรรมดที่ไร้กังวลแบบนี้เหมือนกันแต่น่าเสียดายที่คำว่าธรรมดา ดูเหมือนจะห่างไกลจากหานซานเฉียนมากขึ้นเรื่อย ๆหานซานเฉียนไม่รู้เลยว่าชีวิตในเทียนฉีเป็นอย่างไร และคนที่นั่นพวกเขาทำอะไรกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจมากก็คือ เมื่อเขาได้สัมผัสกับแวดวงนี้ โลกใหม่ทั้งโลกก็จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และชีวิตของเขาก็ไม่สามารถเป็นชีวิตธรรมดาได้อี