ฉี๋ตงหลินและภรรยาของเขาทำอาหารเย็นสุดหรู เมื่อเขารู้ว่าหานซานเฉียนสามารถดื่มกับเขาได้ ฉี๋ตงหลินก็มีความสุขมากที่บ้าน ฉี๋ตงหลินไม่มีโอกาสดื่มมากนัก โอวหยางเฟยเข้มงวดมาก เขาสามารถจิบได้แค่วันละสองสามจิบเท่านั้น มันไม่สนุกเอาซะเลย ถ้าหานซานเฉียนสามารถดื่มกับเขา วันนี้ก็คงจะได้ดื่มด่ำเสียทีเมื่อฉี๋ตงหลินกำลังจะไปเอาไวน์ เขาก็ตัวแข็งทื่อและมองตรงไปที่โอวหยางเฟย เห็นได้ชัดว่ากำลังรอคำสั่งจากเธอเมื่อเห็นฉากนี้ หานซานเฉียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่มันไม่ใช่การเยาะเย้ย แต่เป็นรอยยิ้มที่กำลังอิจฉาอายุปูนนี้แล้ว แต่ยังคงความสัมพันธ์แบบนี้เอาไว้ได้ สำหรับหานซานเฉียนแล้วนี่เป็นสิ่งที่น่าอิจฉา เขาเองก็หวังว่าเมื่อเขาและซูหยิงเซี่ยมาถึงวัยนี้ พวกเขาจะมีชีวิตธรรมดที่ไร้กังวลแบบนี้เหมือนกันแต่น่าเสียดายที่คำว่าธรรมดา ดูเหมือนจะห่างไกลจากหานซานเฉียนมากขึ้นเรื่อย ๆหานซานเฉียนไม่รู้เลยว่าชีวิตในเทียนฉีเป็นอย่างไร และคนที่นั่นพวกเขาทำอะไรกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจมากก็คือ เมื่อเขาได้สัมผัสกับแวดวงนี้ โลกใหม่ทั้งโลกก็จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และชีวิตของเขาก็ไม่สามารถเป็นชีวิตธรรมดาได้อี
สำหรับผู้ชายคนอื่น ๆ การได้ค้างคืนกับเทพธิดาอย่างฉี๋อีหยุนเป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับหานซานเฉียนมันเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมาก เพราะถ้าเขาทำแบบนั้นจริง มันก็หมายถึงเขาทรยศซูหยิงเซี่ย และไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันก็ทำให้เขารู้สึกผิดอย่างมากต่อซูหยิงเซี่ยอยู่ดีหานซานเฉียนใช้สองมือถูขมับตัวเอง เขาก้มศีรษะลง ไม่กล้ามองไปที่ฉี๋อีหยุนฉี๋อีหยุนสัมผัสได้ถึงความเสียใจของหานซานเฉียน แต่เธอไม่คิดที่จะบอกความจริงกับเขา แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องเท็จ แต่เธอก็ยินดีที่จะทำให้เขาเข้าใจผิดแบบนี้ต่อไปหานซานเฉียนไม่มีทางรักเธอ แต่การที่เขามีความรู้สึกผิดต่อเธอ ก็ถือว่าเธอได้ตำแหน่งบางอย่างในหัวใจของเขาแล้ว“คุณอยากให้ผมชดใช้ยังไง?” หานซานเฉียนถามฉี๋อีหยุนฉี๋อีหยุนยืนขึ้นเดินเข้าห้องน้ำโดยไม่มีการปกปิดใด ๆ และพูดว่า "ไม่จำเป็น"เมื่อฉี๋อีหยุนปิดประตูห้องน้ำ หานซานเฉียนก็เงยหน้าขึ้น แม้ว่าเขาจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้ แต่ฉี๋อีหยุนก็นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาในสภาพนั้น เขาจึงไม่นึกสงสัยอะไรในเรื่องนี้ เขาไม่สามารถใช้คำพูดทำให้ฉี๋อีหยุนอับอายได้อีกต่อไปทั้งหมดเป็นเพราะการดื่มเหล้าจนเมา ถ้าไม่ใช
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หยวนหลิงพยายามใช้วิธีที่เธอเรียนมาเพื่อช่วยหานซานเฉียน มันมีผลไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เห็นได้ชัดว่าต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงจะฟื้นตัวเต็มที่ จากนั้นเธอก็ไปช่วยถังจงหาบ้านเธอสนใจเรื่องที่เกี่ยวกับถังจงมาก และไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาดอะไรไปแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าจะมีบ้านประกาศขาย เธอก็จะสำรวจสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยจากมุมมองของเธอเองก่อนว่าดีไหมการตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นนั้นเดิมทีเป็นไปไม่ได้เลยในความคิดของหยวนหลิง แต่ความเป็นไปไม่ได้นี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นทีละน้อยน่าเสียดายที่บุปผาโปรยร่วงด้วยมีใจ สายนทีไหลผ่านไร้ไมตรี ถังจงไม่ได้มีความคิดแบบเดียวกันกับเธอ ความคิดของเขาทั้งหมดอยู่ที่หานซานเฉียน“พี่ซานเชียน ก่อนที่ผมจะมาได้ตรวจสอบบริษัทที่พี่เคยพูดถึงแล้วครับ พี่อยากจะให้ผมทำอะไรครับ?” ถังจงถามหานซานเฉียน“จำเป็นต้องเปลี่ยนผู้บริหารระดับกลางและระดับสูงทั้งหมดของบริษัท นายต้องก่อตั้งและปลูกฝังกลุ่มคนสนิทของตัวเองในอเมริกา” หานซานเฉียนกล่าว หากเขาต้องการตั้งหลักในสหรัฐอเมริกา เขาก็ต้องมีพลังอำนาจของตัวเอง ตอนนี้เขาสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อผลักดันให้ถังจงพ
“บริษัทที่มีแต่คนขี้ประจบประแจงแบบนี้จะไปรอดจริง ๆ เหรอคะ?” หลังจากมอบหมายเรื่องนี้ให้กับถังจงแล้ว หานซานเฉียนก็ออกจากห้องประชุม หยวนหลิงในฐานะผู้ช่วยก็ติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด เธอทนกับบรรยากาศในบริษัทที่ทุกคนชื่นชมกันไปมาแบบนี้ไม่ไหวจริง ๆ แต่หานซานเฉียนดูเหมือนจะสนุกกับความรู้สึกนี้มาก ดังนั้นหยวนหลิงจึงอดไม่ได้ที่จะเตือนเขา“แน่นอนว่าไม่รอด ดังนั้นเดี๋ยวคนขี้ประจบประแจงเหล่านี้ก็จะถูกถังจงไล่ออกไปเอง” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม"ถังจงเป็นคนที่ประจบสอพลอที่สุด ต่อให้คนอื่นถูกไล่ออกไปแล้วยังไง? คุณแน่ใจเหรอว่าถังจงสามารถบริหารบริษัทได้?" หยวนหลิงกล่าวอย่างเหยียดหยามหานซานเฉียนมองไปที่หยวนหลิงด้วยความประหลาดใจ ความเข้าใจผิดนี้มาจากไหนกัน? ความประทับใจที่เธอมีต่อถังจงเปลี่ยนไปเนื่องจากความเข้าใจผิดนี้น่ะเหรอ?หานซานเฉียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ หากหยวนหลิงคิดเช่นนั้นจริง ๆ เธอก็ดูถูกถังจงมากไปแล้วนึกถึงเมื่อก่อน หานซานเฉียนเห็นภาพสะท้อนตัวเองในตัวถังจง ดังนั้นเขาจึงช่วยถังจง แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าถังจงจะมีความสามารถจริง และความสามารถของถังจงก็ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อยตอนนั้นที่เขาไปเมื
คำถามของหานซานเฉียน ทำให้ซู่หยางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เมื่อคิดย้อนกลับไป ทุกคนในพื้นที่เขตจีนต่างก็รู้เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น และในฐานะพยาน ซู่หยางรู้มากยิ่งกว่าใครว่าฟางซั่วอับอายขายขี้หน้ามากแค่ไหนในเวลานั้น“คุณเอาเกลือถูไปที่บาดแผลของเขาน่ะสิ” ซู่หยางกล่าว"โอ้ว?" ทันทีที่หานซานเฉียนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้ว่ามีเรื่องราวอยู่ในนั้นและถามด้วยรอยยิ้ม "ยังไง?"“ในอดีต ฟางซั่วเคยทำผิดพลาดร้ายแรง คู่ต่อสู้ขู่ว่าจะฆ่าเขา ในเวลานั้นฟางซั่วกลัวมากจนเขาไม่กล้าออกไปข้างนอกด้วยซ้ำ คู่ต่อสู้ตามไปหาเขาถึงที่บ้าน ผมบังเอิญอยู่ที่นั่นพอดี คู่ต่อสู้ขอให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต ประโยคนี้ทำให้ฟางซั่วตกใจมากจนฉี่ราดกางเกง ตอนนั้นเขาตัวสั่นเทนซ่อนตัวอยู่ข้างหลังแม่ของตัวเอง ถ้าแม่ของเขาไม่พยายามทุกวิถีทางในการปกป้องเขาล่ะก็ ตอนนี้หญ้าบนหลุมศพของเขาคงจะสูงหลายเมตรแล้วล่ะ” ซู่หยางอธิบายหานซานเฉียนตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของเขาจะกระทบจุดเจ็บปวดของฟางซั่วอย่างไม่คาดคิดมีเพียงพวกขี้แพ้เท่านั้นที่จะซ่อนอยู่ข้างหลังผู้หญิง และในเวลานั้นฟางซั่วก็ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังแม่ของเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่จู่ ๆ
เห็นได้ชัดว่าฟางซั่วเต็มไปด้วยความโกรธจนร่างกายสั่นเทา หานซานเฉียนหวังว่าเขาจะลงมือ และพาทุกคนลงมือด้วย เพราะด้วยวิธีนี้จะได้รับรับการตัดสินอย่างสมบูรณ์แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น“ไม่คิดว่าจะเรื่องอะไรสนุก ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะมาถูกเวลาจริง ๆ” เมื่อเสียงเงียบลง ฟางซั่วและคนอื่น ๆ ก็มองไปที่เจ้าของเสียงสำหรับหานซานเฉียนนี่เป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย แต่สำหรับฟางซั่วคน ๆ นี้มีสถานะที่สูงกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด“พี่ห่าว”“พี่ห่าว”“พี่ห่าว”สามารถทำให้คนรวยรุ่นที่สองเหล่านี้เรียกว่าพี่ได้อย่างเชื่อฟัง และอย่างเคารพนับถือ หานซานเฉียนก็พอเดาได้ว่าเขาเป็นใคร ในเวลานี้ ซู่หยางเดินไปหาหานซานเฉียนและกระซิบ "เขาคือหม่าเฟยห่าวครับ"แม้ว่าซู่หยางจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง แต่หานซานเฉียนยังคงสัมผัสได้ถึงความโกรธในน้ำเสียงของเขาแต่ความโกรธเป็นเรื่องปกติสำหรับซู่หยาง เพราะที่เขาต้องตกอับอย่างทุกวันนี้ก็เป็นเพราะหม่าเฟยห่าว เมื่อเจอหน้าศัตรูจึงตาแดงก่ำเป็นธรรมดา “พี่ห่าว พี่มาถูกเวลาแล้วครับ” ฟางซั่วมองหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย เขาจงใจโทรแจ้งข่าวกับหม่าเฟยห่าว
“ซู่หยาง เขาจะไหวไหม?”“พวกเราเคยเห็นมาแล้วว่าบอดี้การ์ดคนนี้แข็งแกร่งมากแค่ไหน ต่อให้หลายคนรุมเขาก็ยังเอาชนะเขาไม่ได้เลย”“พี่หานจะไม่บาดเจ็บใช่ไหม”ในโรงรถ คนที่ยังไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนต่างพากันเป็นกังวลขึ้นมาในเวลานี้ไม่ใช่ว่าพวกเขากลัวว่าจะเสียหน้า เพราะหลังจากผ่านมาหลายปี พวกเขาต่างก็ไม่ได้สนใจศักดิ์ศรีกันแล้ว ใช้ชีวิตเหมือนหนูข้างถนนที่ใคร ๆ ก็ตะโกนเพื่อทุบตีเมื่อพบเจอแต่พวกเขาไม่อยากให้หานซานเฉียนได้รับบาดเจ็บ เพราะที่พวกเขาสามารถกลับคืนสู่สนามได้ก็เป็นเพราะความช่วยเหลือจากหานซานเฉียนซู่หยางรู้ว่าบอดี้การ์ดของหม่าเฟยห่าวทรงพลังมาก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หม่าเฟยห่าวมีเรื่องกับคนหลายคน และเหตุผลที่เขาสามารถหลบหนีได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บก็เพราะความแข็งแกร่งของบอดี้การ์ดคนนี้แต่ในเวลานี้ซู่หยางไม่ได้ตื่นตระหนกหรือกังวลเลยแม้แต่น้อยเขาแข็งแกร่งมากก็จริง แต่หานซานเฉียนแข็งแกร่งกว่า!ในพื้นที่ทั้งหมดของชายหัวโล้น ผู้คนหลายสิบคนถูกหานซานเฉียนทุบตีจนหมอบกับพื้น ความแข็งแกร่งนี้ที่แม้แต่บอดี้การ์ดของหม่าเฟยห่าวก็ไม่อาจทำได้“พวกนายรอดูเถอะ พี่หานจะจบการต่อสู้นี
หลังจากที่ฟางซั่วคุกเข่าลงด้วยความกลัว คนรวยรุ่นสองที่อยู่รอบ ๆ หม่าเฟยห่าวก็คุกเข่าลงพร้อมกัน เขาเป็นคนเดียวที่โดดเด่นจากฝูงชน แต่ในเวลานี้ ความโดดเด่นของเขานั้นหมายถึงอันตราย เพราะความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนนั้นได้รับการพิสูจน์แล้ว หม่าเฟยห่าวจึงไม่อยากกลายเป็นนกที่ยื่นหัวออกมา ลูกทีมของซู่หยางต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นสถานการณ์นี้สถานที่แห่งนี้เป็นตัวแทนของอนาคตของแวดวงธุรกิจในเขตจีน และดาวเด่นในอนาคตเหล่านี้ต่างก็ยอมจำนนแทบเท้าของหานซานเฉียนเดิมทีซู่หยางคิดว่าคนเหล่านี้ยอมตายดีกว่ายอมจำนน แต่เขาไม่คิดเลยว่าทั้งหมดจะขี้ขลาดกันขนาดนี้หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป การเคลื่อนไหวของหานซานเฉียนจะสะเทือนไปทั้งพื้นที่เขตจีนแน่นอน แต่ความเคียดแค้นที่จะเกิดขึ้นอาจเป็นเหมือนเมฆดำที่ปกคลุมเมือง หานซานเฉียนจะต้องถูกคนเหล่านี้แก้แค้นอย่างรุนแรงแน่นอน และเขาจะทนต่อการแก้เหล่านี้ได้ไหม?“หานซานเฉียน นายไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาจริง ๆ เหรอ?” หม่าเฟยห่าวมองหานซานเฉียนด้วยสีหน้าดุร้าย เขาไม่อยากเสียหน้า และไม่อยากเป็นเหมือนกับพวกไร้ประโยชน์รอรบตัวเขาเหล่านี้ แต่ท่าทางของหานซานเฉียนก็ไม่เปลี่ยนแปลง เ