คำถามของหานซานเฉียน ทำให้ซู่หยางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เมื่อคิดย้อนกลับไป ทุกคนในพื้นที่เขตจีนต่างก็รู้เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น และในฐานะพยาน ซู่หยางรู้มากยิ่งกว่าใครว่าฟางซั่วอับอายขายขี้หน้ามากแค่ไหนในเวลานั้น“คุณเอาเกลือถูไปที่บาดแผลของเขาน่ะสิ” ซู่หยางกล่าว"โอ้ว?" ทันทีที่หานซานเฉียนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้ว่ามีเรื่องราวอยู่ในนั้นและถามด้วยรอยยิ้ม "ยังไง?"“ในอดีต ฟางซั่วเคยทำผิดพลาดร้ายแรง คู่ต่อสู้ขู่ว่าจะฆ่าเขา ในเวลานั้นฟางซั่วกลัวมากจนเขาไม่กล้าออกไปข้างนอกด้วยซ้ำ คู่ต่อสู้ตามไปหาเขาถึงที่บ้าน ผมบังเอิญอยู่ที่นั่นพอดี คู่ต่อสู้ขอให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต ประโยคนี้ทำให้ฟางซั่วตกใจมากจนฉี่ราดกางเกง ตอนนั้นเขาตัวสั่นเทนซ่อนตัวอยู่ข้างหลังแม่ของตัวเอง ถ้าแม่ของเขาไม่พยายามทุกวิถีทางในการปกป้องเขาล่ะก็ ตอนนี้หญ้าบนหลุมศพของเขาคงจะสูงหลายเมตรแล้วล่ะ” ซู่หยางอธิบายหานซานเฉียนตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของเขาจะกระทบจุดเจ็บปวดของฟางซั่วอย่างไม่คาดคิดมีเพียงพวกขี้แพ้เท่านั้นที่จะซ่อนอยู่ข้างหลังผู้หญิง และในเวลานั้นฟางซั่วก็ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังแม่ของเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่จู่ ๆ
เห็นได้ชัดว่าฟางซั่วเต็มไปด้วยความโกรธจนร่างกายสั่นเทา หานซานเฉียนหวังว่าเขาจะลงมือ และพาทุกคนลงมือด้วย เพราะด้วยวิธีนี้จะได้รับรับการตัดสินอย่างสมบูรณ์แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น“ไม่คิดว่าจะเรื่องอะไรสนุก ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะมาถูกเวลาจริง ๆ” เมื่อเสียงเงียบลง ฟางซั่วและคนอื่น ๆ ก็มองไปที่เจ้าของเสียงสำหรับหานซานเฉียนนี่เป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย แต่สำหรับฟางซั่วคน ๆ นี้มีสถานะที่สูงกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด“พี่ห่าว”“พี่ห่าว”“พี่ห่าว”สามารถทำให้คนรวยรุ่นที่สองเหล่านี้เรียกว่าพี่ได้อย่างเชื่อฟัง และอย่างเคารพนับถือ หานซานเฉียนก็พอเดาได้ว่าเขาเป็นใคร ในเวลานี้ ซู่หยางเดินไปหาหานซานเฉียนและกระซิบ "เขาคือหม่าเฟยห่าวครับ"แม้ว่าซู่หยางจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง แต่หานซานเฉียนยังคงสัมผัสได้ถึงความโกรธในน้ำเสียงของเขาแต่ความโกรธเป็นเรื่องปกติสำหรับซู่หยาง เพราะที่เขาต้องตกอับอย่างทุกวันนี้ก็เป็นเพราะหม่าเฟยห่าว เมื่อเจอหน้าศัตรูจึงตาแดงก่ำเป็นธรรมดา “พี่ห่าว พี่มาถูกเวลาแล้วครับ” ฟางซั่วมองหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย เขาจงใจโทรแจ้งข่าวกับหม่าเฟยห่าว
“ซู่หยาง เขาจะไหวไหม?”“พวกเราเคยเห็นมาแล้วว่าบอดี้การ์ดคนนี้แข็งแกร่งมากแค่ไหน ต่อให้หลายคนรุมเขาก็ยังเอาชนะเขาไม่ได้เลย”“พี่หานจะไม่บาดเจ็บใช่ไหม”ในโรงรถ คนที่ยังไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนต่างพากันเป็นกังวลขึ้นมาในเวลานี้ไม่ใช่ว่าพวกเขากลัวว่าจะเสียหน้า เพราะหลังจากผ่านมาหลายปี พวกเขาต่างก็ไม่ได้สนใจศักดิ์ศรีกันแล้ว ใช้ชีวิตเหมือนหนูข้างถนนที่ใคร ๆ ก็ตะโกนเพื่อทุบตีเมื่อพบเจอแต่พวกเขาไม่อยากให้หานซานเฉียนได้รับบาดเจ็บ เพราะที่พวกเขาสามารถกลับคืนสู่สนามได้ก็เป็นเพราะความช่วยเหลือจากหานซานเฉียนซู่หยางรู้ว่าบอดี้การ์ดของหม่าเฟยห่าวทรงพลังมาก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หม่าเฟยห่าวมีเรื่องกับคนหลายคน และเหตุผลที่เขาสามารถหลบหนีได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บก็เพราะความแข็งแกร่งของบอดี้การ์ดคนนี้แต่ในเวลานี้ซู่หยางไม่ได้ตื่นตระหนกหรือกังวลเลยแม้แต่น้อยเขาแข็งแกร่งมากก็จริง แต่หานซานเฉียนแข็งแกร่งกว่า!ในพื้นที่ทั้งหมดของชายหัวโล้น ผู้คนหลายสิบคนถูกหานซานเฉียนทุบตีจนหมอบกับพื้น ความแข็งแกร่งนี้ที่แม้แต่บอดี้การ์ดของหม่าเฟยห่าวก็ไม่อาจทำได้“พวกนายรอดูเถอะ พี่หานจะจบการต่อสู้นี
หลังจากที่ฟางซั่วคุกเข่าลงด้วยความกลัว คนรวยรุ่นสองที่อยู่รอบ ๆ หม่าเฟยห่าวก็คุกเข่าลงพร้อมกัน เขาเป็นคนเดียวที่โดดเด่นจากฝูงชน แต่ในเวลานี้ ความโดดเด่นของเขานั้นหมายถึงอันตราย เพราะความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนนั้นได้รับการพิสูจน์แล้ว หม่าเฟยห่าวจึงไม่อยากกลายเป็นนกที่ยื่นหัวออกมา ลูกทีมของซู่หยางต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นสถานการณ์นี้สถานที่แห่งนี้เป็นตัวแทนของอนาคตของแวดวงธุรกิจในเขตจีน และดาวเด่นในอนาคตเหล่านี้ต่างก็ยอมจำนนแทบเท้าของหานซานเฉียนเดิมทีซู่หยางคิดว่าคนเหล่านี้ยอมตายดีกว่ายอมจำนน แต่เขาไม่คิดเลยว่าทั้งหมดจะขี้ขลาดกันขนาดนี้หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป การเคลื่อนไหวของหานซานเฉียนจะสะเทือนไปทั้งพื้นที่เขตจีนแน่นอน แต่ความเคียดแค้นที่จะเกิดขึ้นอาจเป็นเหมือนเมฆดำที่ปกคลุมเมือง หานซานเฉียนจะต้องถูกคนเหล่านี้แก้แค้นอย่างรุนแรงแน่นอน และเขาจะทนต่อการแก้เหล่านี้ได้ไหม?“หานซานเฉียน นายไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาจริง ๆ เหรอ?” หม่าเฟยห่าวมองหานซานเฉียนด้วยสีหน้าดุร้าย เขาไม่อยากเสียหน้า และไม่อยากเป็นเหมือนกับพวกไร้ประโยชน์รอรบตัวเขาเหล่านี้ แต่ท่าทางของหานซานเฉียนก็ไม่เปลี่ยนแปลง เ
เมื่อพิจารณาจากท่าทางของหม่าฟู่ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจเรื่องแบบนี้ ขอแค่หม่าเฟยห่าวไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ให้คนอื่นจับได้ก็พอแล้วหม่าฟู่มีคู่แข่งหลายคน และคนพวกนั้นก็กลายเป็นกระดูกที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาไปแล้ว เพราะถ้าเขาไม่เหยียบกระดูกเหล่านี้เพื่อขึ้นสู่จุดสูงสุด แล้วเขาจะมีสถานะอย่างในปัจจุบันได้อย่างไร?ดังนั้นหากหม่าเฟยห่าวต้องการฆ่าใครสักคน ไม่เพียงแต่เขาจะไม่รั้ง แต่เขายังชมเชยด้วยซ้ำ “แต่คนนี้รับมือได้ยากครับ” หม่าเฟยห่าวกล่าว หากสามารถจัดการหานซานเฉียนได้อย่างง่ายดาย เขาก็จะไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับหม่าฟู่“บอดี้การ์ดของแกยังไม่พอเหรอ?” หม่าฟู่พูดอย่างเหยียดหยาม“บอดี้การ์ดถูกเขาจัดการไปแล้วครับ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถลงมาจากเตียงได้เลยตลอดชีวิต” หม่าเฟยห่าวกล่าวหลังจากได้ยินสิ่งนี้ หม่าฟู่ก็ลุกขึ้นนั่งตรงทันทีบอดี้การ์ดของหม่าเฟยห่าวเขาเป็นคนหามาเอง ดังนั้นหม่าฟู่จึงรู้ดีว่าเขาทรงพลังมากแค่ไหน แต่เขากลับถูกจัดการแล้วอย่างนั้นเหรอ!“แกไปยั่วยุใคร?” หม่าฟู่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง แม้ว่าเขาจะไม่สนใจว่าหม่าเฟยห่าวจะสร้างศัตรู แต่มันจะเป็นอีกเรื่องถ้าคู่ต่อสู้ของเขาแข็ง
“ผมบอกว่าทุกคนแล้ว นั่นก็รวมถึงหม่าเฟยห่าวด้วยอยู่แล้ว” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยเมยฉี๋อีหยุนตกใจตาโตอ้าปากค้าง และเผลอปล่อยองุ่นในมือจนมันตกลงไปบนพื้นอย่างไม่รู้ตัวหานซานเฉียนไม่ได้สังเกตว่าฉี๋อีหยุนใส่มันเข้าไปในปากของเธอแล้วเมื่อกี้ เขาแค่คิดว่าเธอทำหล่นลงพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นจึงคิดที่จะหยิบมันขึ้นมาให้ เขาเช็ดฝุ่นออกเล็กน้อยก่อนจะโยนมันเข้าปาก “น่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ?” หานซานเฉียนพูดด้วยท่าทีสบาย ๆฉี๋อีหยุนลุกขึ้นยืนทันทีและพูดว่า "มันมากกว่าแค่น่าตกใจ มันเหลือเชื่อมากต่างหาก คุณรู้ไหมว่าแม้แต่หานเหยียนก็ยังต้องให้เกียรติเขาอยู่บ้าง แต่คุณกลับสั่งให้เขาคุกเข่าเนี่ยนะ!"“หานเหยียนเป็นเพียงสุนัขของผม การที่เธอให้เกียรติหม่าเฟยห่าว หมายความว่าผมจำเป็นต้องให้เกียรติเขาเหมือนกันด้วยงั้นเหรอ?” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ“นั่น…” ฉี๋อีหยุนพูดไม่ออก คำพูดเหล่านี้สมเหตุสมผลมากไม่สามารถโต้แย้งได้เลย แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่ออยู่ดี เพราะเธอรู้จักนิสัยของหม่าเฟยห่าวเป็นอย่างดี เขาบ้าอำนาจและหยิ่งผยอง และไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา ตอนนั้นเขายังแทงข้างหลังซู่หยางเพื่อประโยชน์ของตั
การแข่งขันระหว่างสองพี่น้อง เทียนเซิงและเทียนหยางได้กลายมาเป็นความเกลียดชังมานานแล้ว สำหรับหานเทียนเซิงความเกลียดชังนี้ลึกเข้าไปในกระดูกของเขาแล้ว เขาจะไม่มีวันยอมให้คนจากตระกูลหานในเหยียนจิงเข้ามาอยู่ในเขตจีนในพื้นที่ของเขาอย่างแน่นอน คนรุ่นหลังที่โง่เขลานี้คิดอยากจะโยนความรับผิดชอบมาให้ตระกูลของเขา หานเทียนเซิงจะยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร“พ่อของเธอยังไม่กลับมาอีกเหรอ?” หานเทียนเซิงพูดด้วยความโกรธสำหรับหานเหยียน หานลี่ตกอยู่ในมือของหานซานเฉียน แต่เธอไม่รู้ว่าหานลี่เสียชีวิตแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่เธอกลับมาอเมริกา เธอก็อ้างกับสมาชิกในตระกูลว่าพ่อของเธอติดธุระอื่น และจะยังไม่ได้กลับมาอเมริกาในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นจึงเขาจึงมอบตำแหน่งผู้นำให้กับเธอ “คุณปู่คะ ช่วงนี้ไม่มีข่าวเกี่ยวกับพ่อเลยค่ะ” หานเหยียนกล่าว“ดูเหมือนว่าฉันเป็นคนเดียวที่ออกจะออกหน้าได้สินะ” หานเทียนเซิงกล่าวหานเหยียนเงยหน้าขึ้นและมองหานเทียนเซิงด้วยสีหน้าตกใจ เธอมาหาหานเทียนเซิงเพราะหวังว่าจะให้เขาช่วยคิดวิธีแก้ไขปัญหา แต่เธอไม่คิดเลยว่าหานเทียนเซิงจะออกหน้าด้วยตัวเอง ผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่หานเหยียนคาด
นอกจากตระกูลหม่า ตระกูลอื่น ๆ ก็มีสถานการณ์เดียวกัน อาวุโสของแต่ละตระกูลกำลังกำชับคนรุ่นหลังให้สงบสติอารมณ์ในช่วงเวลานี้ และอย่าก่อเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนเมื่อหานเทียนเซิงกลับออกมาด้านนอก ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในอันตราย แต่หนึ่งในหลาย ๆ ครอบครัวก็เป็นข้อยกเว้น พวกเขาไม่เพียงกังวล แต่มันคือความกลัว ทุกคนหน้าซีดพากันนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นตัวสั่นเทา“พ่อครับ หรือจะเปลี่ยนวันจัดฉลองวันเกิดของพ่อใหม่ดีล่ะครับ”“จะกำหนดวันใหม่ง่าย ๆ ได้ยังไง บัตรเชิญทั้งหมดถูกส่งออกไปแล้ว และวันมะรืนนี้ก็จะถึงวันงานแล้ว หากมาเปลี่ยนวันเอาตอนนี้ คนอื่นคงได้หัวเราะเยาะเอาน่ะสิ”“หัวเราะเยาะแล้วจะทำไงได้ล่ะครับ หานเทียนเซิงออกมาสร้างความวุ่นวายอะไรหรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้ ถ้าตระกูลเราเป็นนกที่ยื่นหัวออกไป หากเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไงล่ะครับ?”คนที่พูดนั้นคืออาวุโสของตระกูลอู๋ และเจ้าของวันเกิด อู๋โหยวเฟิงกำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเขาและหานเทียนเซิงเป็นคนรุ่นเดียวกัน และพวกเขาก็เคยมีเรื่องบางอย่างกันในอดีต แต่หานเทียนเซิงไม่ได้แก้แค้นอะไรเขา และปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปตามเวลาเมื่อเขาเกษียณ อู๋โหยวเฟิง