เมื่อได้ยินคำพูดของชายหัวโล้น ซู่หยางก็ตาแดงก่ำ และตัวสั่นด้วยความโกรธ แม้แต่เพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ยังรู้สึกเคียดแค้นแทนเขา เขากัดฟันแล้วพูดว่า "คิดไม่ถึงเลยว่าหม่าเฟยห่าวจะโหดร้ายได้ขนาดนี้ แย่งผู้หญิงของนายไปไม่พอ ยังทำลายชื่อเสียงของนายด้วย แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ปล่อยนายไปอีก”ซู่หยางกำหมัดแน่น ความเคียดแค้นเกือบจะทำให้เขาเสียสติซู่หยางอดทนต่อความแค้นนี้มานานหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้เขาทนไม่ได้อีกต่อไป!ทันใดนั้น ซู่หยางก็คุกเข่าลงต่อหน้าหานซานเฉียน“ซู่หยาง นายจะทำอะไร!” เพื่อนของเขายื่นมือออกไปดึงซู่หยางขึ้น แต่ซู่หยางปฏิเสธซู่หยางก็ก้มศีรษะให้หานซานเฉียนแล้วพูดว่า "ตราบใดที่คุณสามารถล้างแค้นผมได้ ชีวิตของซู่หยางก็จะเป็นของคุณ คุณจะให้ผมทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น"“ชีวิตคุณไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับผม แค่มีชีวิตต่อไปแล้วช่วยผมใช้เงินก็พอแล้ว ส่วนจะแก้แค้นได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ จัดตั้งทีมขึ้นมาก่อน หากมีปัญหาอะไรก็ติดต่อหาผม" หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ ว่าเขาไม่มีแรงพอที่จะพาซู่หยางไปตามล่าทุกคนหรอกนะ“ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” ซู่หยางกล่าวอย่างมาดมั่นหานซานเ
ซุนอี้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ขาของเขาชาจนไม่มีความรู้สึกไปนานแล้ว แต่เขาไม่กล้ามีความคิดที่จะลุกขึ้นเลยแม้แต่น้อย จะรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องรอง เพราะได้รู้จักตัวตนของหานซานเฉียนจากปากของฉี๋อีหยุนแล้วนั้น ซุนอี้ก็กังวลว่าเขารักษาชีวิตตัวเองไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำหานเหยียนผู้สูงส่งยังป็นได้เพียงสุนัขของหน้าหานซานเฉียนเท่านั้น แล้วบุคคลตัวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีตัวตนแบบเขาจะเทียบได้กับอะไรกัน?ดังนั้นการคุกเข่าของเขานอกจากการยอมรับผิดแล้ว ยังเป็นการอ้อนวอนขอไว้ชีวิตตัวเองอีกด้วย เมื่อซุนอี้เห็นหานซานเฉียน เขาก็คลานไปตรงหน้าหานซานเฉียนทันที“คุณหาน ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วครับ” ซุนอี้ก้มหัวลงและร้องขอความเมตตาจากหานซานเฉียน“ผิดไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?” หานซานเฉียนยิ้มอย่างดูถูกและพูดว่า “ซุนอี้ คุณจะผิดไปแล้วได้ยังไง คุณก็แค่โลภเกินไปเท่านั้น”“ใช่ครับ คุณหานพูดถูกทุกอย่าง ผมหวังว่าคุณหานจะปล่อยผมไป” ซุนอี้พยักหน้า ไม่ว่าหานซานเฉียนจะพูดอะไร เขาก็ทำได้เพียงยอมรับมันเท่านั้น“ซุนอี้ คุณต้องการที่จะหุบบริษัทนี้ ถ้าผมปล่อยคุณไป แล้วผมจะอธิบายกับตระกูลหนานกงยังไงล่ะ?”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ฉี๋อีหยุนก็รู้สึกแปลก ๆ ทำไมจู่ ๆ หานซานเฉียนถึงได้เปลี่ยนใจกะทันหันล่ะ?แต่เธอก็เข้าใจในไม่ช้า ว่ากุญแจที่สำคัญมันอยู่ที่คำถามของหานซานเฉียน ที่ว่าพ่อแม่ของเธอรู้ว่าเขาแต่งงานแล้วหรือยัง ผู้ชายคนนี้คงกำลังวางแผนใช้พ่อแม่ของเธอเพื่อตัดความคิดของเธอสินะสิ่งนี้ทำให้ฉี๋อีหยุนกัดฟันแน่น“สักวันหนึ่ง คุณจะต้องนอนบนเตียงของฉันอย่างเชื่อฟัง โดยไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ทั้งนั้น” ฉี๋อีหยุนพูดผ่านไรฟันไม่นานหานซานเฉียนก็มาถึงบ้านของตระกูลฉี๋ ฉี๋อีหยุนมาต้อนรับหานซานเฉียนที่หน้าประตู เธอพูดกับเขาว่า "ระวังตัวด้วยล่ะ ฉันจะจับคุณกินในสักวัน"หานซานเฉียนดูไม่เกรงกลัวและตอบว่า "ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ให้โอกาสคุณได้ทำแบบนั้นหรอก คนดี ๆ แบบผมจะตกอับได้ยังไง"ในสถานการณ์ปกติหานซานเฉียนจะไม่ทำอะไรที่ไม่เหมาะสม และเรื่องนี้ฉี๋อีหยุนก็รู้ดี ดังนั้นเธอจึงเตรียมยาสีน้ำเงินไว้บนโต๊ะข้างเตียงของเธอไว้ในกรณีฉุกเฉิน เธอไม่เชื่อว่าหากถูกกระตุ้นด้วยยาแล้วหานซานเฉียนจะยังคงรักษาสติเอาไว้ได้"แล้วมารอดูกัน"เมื่อมาถึงบ้านของตระกูลฉี๋ การตกแต่งนั้นอลังการมาก ให้ความรู้สึกหรูหรามาก แต่ก
ฉี๋ตงหลินและภรรยาของเขาทำอาหารเย็นสุดหรู เมื่อเขารู้ว่าหานซานเฉียนสามารถดื่มกับเขาได้ ฉี๋ตงหลินก็มีความสุขมากที่บ้าน ฉี๋ตงหลินไม่มีโอกาสดื่มมากนัก โอวหยางเฟยเข้มงวดมาก เขาสามารถจิบได้แค่วันละสองสามจิบเท่านั้น มันไม่สนุกเอาซะเลย ถ้าหานซานเฉียนสามารถดื่มกับเขา วันนี้ก็คงจะได้ดื่มด่ำเสียทีเมื่อฉี๋ตงหลินกำลังจะไปเอาไวน์ เขาก็ตัวแข็งทื่อและมองตรงไปที่โอวหยางเฟย เห็นได้ชัดว่ากำลังรอคำสั่งจากเธอเมื่อเห็นฉากนี้ หานซานเฉียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่มันไม่ใช่การเยาะเย้ย แต่เป็นรอยยิ้มที่กำลังอิจฉาอายุปูนนี้แล้ว แต่ยังคงความสัมพันธ์แบบนี้เอาไว้ได้ สำหรับหานซานเฉียนแล้วนี่เป็นสิ่งที่น่าอิจฉา เขาเองก็หวังว่าเมื่อเขาและซูหยิงเซี่ยมาถึงวัยนี้ พวกเขาจะมีชีวิตธรรมดที่ไร้กังวลแบบนี้เหมือนกันแต่น่าเสียดายที่คำว่าธรรมดา ดูเหมือนจะห่างไกลจากหานซานเฉียนมากขึ้นเรื่อย ๆหานซานเฉียนไม่รู้เลยว่าชีวิตในเทียนฉีเป็นอย่างไร และคนที่นั่นพวกเขาทำอะไรกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจมากก็คือ เมื่อเขาได้สัมผัสกับแวดวงนี้ โลกใหม่ทั้งโลกก็จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และชีวิตของเขาก็ไม่สามารถเป็นชีวิตธรรมดาได้อี
สำหรับผู้ชายคนอื่น ๆ การได้ค้างคืนกับเทพธิดาอย่างฉี๋อีหยุนเป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับหานซานเฉียนมันเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมาก เพราะถ้าเขาทำแบบนั้นจริง มันก็หมายถึงเขาทรยศซูหยิงเซี่ย และไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันก็ทำให้เขารู้สึกผิดอย่างมากต่อซูหยิงเซี่ยอยู่ดีหานซานเฉียนใช้สองมือถูขมับตัวเอง เขาก้มศีรษะลง ไม่กล้ามองไปที่ฉี๋อีหยุนฉี๋อีหยุนสัมผัสได้ถึงความเสียใจของหานซานเฉียน แต่เธอไม่คิดที่จะบอกความจริงกับเขา แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องเท็จ แต่เธอก็ยินดีที่จะทำให้เขาเข้าใจผิดแบบนี้ต่อไปหานซานเฉียนไม่มีทางรักเธอ แต่การที่เขามีความรู้สึกผิดต่อเธอ ก็ถือว่าเธอได้ตำแหน่งบางอย่างในหัวใจของเขาแล้ว“คุณอยากให้ผมชดใช้ยังไง?” หานซานเฉียนถามฉี๋อีหยุนฉี๋อีหยุนยืนขึ้นเดินเข้าห้องน้ำโดยไม่มีการปกปิดใด ๆ และพูดว่า "ไม่จำเป็น"เมื่อฉี๋อีหยุนปิดประตูห้องน้ำ หานซานเฉียนก็เงยหน้าขึ้น แม้ว่าเขาจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้ แต่ฉี๋อีหยุนก็นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาในสภาพนั้น เขาจึงไม่นึกสงสัยอะไรในเรื่องนี้ เขาไม่สามารถใช้คำพูดทำให้ฉี๋อีหยุนอับอายได้อีกต่อไปทั้งหมดเป็นเพราะการดื่มเหล้าจนเมา ถ้าไม่ใช
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หยวนหลิงพยายามใช้วิธีที่เธอเรียนมาเพื่อช่วยหานซานเฉียน มันมีผลไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เห็นได้ชัดว่าต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงจะฟื้นตัวเต็มที่ จากนั้นเธอก็ไปช่วยถังจงหาบ้านเธอสนใจเรื่องที่เกี่ยวกับถังจงมาก และไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาดอะไรไปแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าจะมีบ้านประกาศขาย เธอก็จะสำรวจสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยจากมุมมองของเธอเองก่อนว่าดีไหมการตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นนั้นเดิมทีเป็นไปไม่ได้เลยในความคิดของหยวนหลิง แต่ความเป็นไปไม่ได้นี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นทีละน้อยน่าเสียดายที่บุปผาโปรยร่วงด้วยมีใจ สายนทีไหลผ่านไร้ไมตรี ถังจงไม่ได้มีความคิดแบบเดียวกันกับเธอ ความคิดของเขาทั้งหมดอยู่ที่หานซานเฉียน“พี่ซานเชียน ก่อนที่ผมจะมาได้ตรวจสอบบริษัทที่พี่เคยพูดถึงแล้วครับ พี่อยากจะให้ผมทำอะไรครับ?” ถังจงถามหานซานเฉียน“จำเป็นต้องเปลี่ยนผู้บริหารระดับกลางและระดับสูงทั้งหมดของบริษัท นายต้องก่อตั้งและปลูกฝังกลุ่มคนสนิทของตัวเองในอเมริกา” หานซานเฉียนกล่าว หากเขาต้องการตั้งหลักในสหรัฐอเมริกา เขาก็ต้องมีพลังอำนาจของตัวเอง ตอนนี้เขาสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อผลักดันให้ถังจงพ
“บริษัทที่มีแต่คนขี้ประจบประแจงแบบนี้จะไปรอดจริง ๆ เหรอคะ?” หลังจากมอบหมายเรื่องนี้ให้กับถังจงแล้ว หานซานเฉียนก็ออกจากห้องประชุม หยวนหลิงในฐานะผู้ช่วยก็ติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด เธอทนกับบรรยากาศในบริษัทที่ทุกคนชื่นชมกันไปมาแบบนี้ไม่ไหวจริง ๆ แต่หานซานเฉียนดูเหมือนจะสนุกกับความรู้สึกนี้มาก ดังนั้นหยวนหลิงจึงอดไม่ได้ที่จะเตือนเขา“แน่นอนว่าไม่รอด ดังนั้นเดี๋ยวคนขี้ประจบประแจงเหล่านี้ก็จะถูกถังจงไล่ออกไปเอง” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม"ถังจงเป็นคนที่ประจบสอพลอที่สุด ต่อให้คนอื่นถูกไล่ออกไปแล้วยังไง? คุณแน่ใจเหรอว่าถังจงสามารถบริหารบริษัทได้?" หยวนหลิงกล่าวอย่างเหยียดหยามหานซานเฉียนมองไปที่หยวนหลิงด้วยความประหลาดใจ ความเข้าใจผิดนี้มาจากไหนกัน? ความประทับใจที่เธอมีต่อถังจงเปลี่ยนไปเนื่องจากความเข้าใจผิดนี้น่ะเหรอ?หานซานเฉียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ หากหยวนหลิงคิดเช่นนั้นจริง ๆ เธอก็ดูถูกถังจงมากไปแล้วนึกถึงเมื่อก่อน หานซานเฉียนเห็นภาพสะท้อนตัวเองในตัวถังจง ดังนั้นเขาจึงช่วยถังจง แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าถังจงจะมีความสามารถจริง และความสามารถของถังจงก็ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อยตอนนั้นที่เขาไปเมื
คำถามของหานซานเฉียน ทำให้ซู่หยางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เมื่อคิดย้อนกลับไป ทุกคนในพื้นที่เขตจีนต่างก็รู้เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น และในฐานะพยาน ซู่หยางรู้มากยิ่งกว่าใครว่าฟางซั่วอับอายขายขี้หน้ามากแค่ไหนในเวลานั้น“คุณเอาเกลือถูไปที่บาดแผลของเขาน่ะสิ” ซู่หยางกล่าว"โอ้ว?" ทันทีที่หานซานเฉียนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้ว่ามีเรื่องราวอยู่ในนั้นและถามด้วยรอยยิ้ม "ยังไง?"“ในอดีต ฟางซั่วเคยทำผิดพลาดร้ายแรง คู่ต่อสู้ขู่ว่าจะฆ่าเขา ในเวลานั้นฟางซั่วกลัวมากจนเขาไม่กล้าออกไปข้างนอกด้วยซ้ำ คู่ต่อสู้ตามไปหาเขาถึงที่บ้าน ผมบังเอิญอยู่ที่นั่นพอดี คู่ต่อสู้ขอให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต ประโยคนี้ทำให้ฟางซั่วตกใจมากจนฉี่ราดกางเกง ตอนนั้นเขาตัวสั่นเทนซ่อนตัวอยู่ข้างหลังแม่ของตัวเอง ถ้าแม่ของเขาไม่พยายามทุกวิถีทางในการปกป้องเขาล่ะก็ ตอนนี้หญ้าบนหลุมศพของเขาคงจะสูงหลายเมตรแล้วล่ะ” ซู่หยางอธิบายหานซานเฉียนตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของเขาจะกระทบจุดเจ็บปวดของฟางซั่วอย่างไม่คาดคิดมีเพียงพวกขี้แพ้เท่านั้นที่จะซ่อนอยู่ข้างหลังผู้หญิง และในเวลานั้นฟางซั่วก็ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังแม่ของเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่จู่ ๆ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ