คำพูดของจวงถางทำให้กงเทียนประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าจวงถางจะมองเห็นค่าหานซานเฉียนสูงขนาดนี้“อาจารย์ ถ้าไม่ใช่เพราะผมประมาท เขาไม่ทางเป็นคู่ต่อสู้ของผมได้เลย” กงเทียนพูดอย่างคับแค้นใจจวงถางยิ้มอย่างดูถูกและพูดว่า "นายคิดถึงความแข็งแกร่งของตัวเองก่อนที่จะเข้ามาที่เทียนฉี แล้วลองเทียบกับเขาดู แล้วนายจะรู้ว่ามีช่องว่างของความต่างมากแค่ไหน"หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จวงถางก็กล่าวต่อ "เขาเป็นคนเดียวที่ยังไม่ได้เข้าสู่เทียนฉีในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แต่กลับมีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้ นายลองจินตนาการดูว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกแค่ไหนหลังจากเข้าสู่เทียนฉี?"ประโยคนี้ทำให้กงเทียนพูดอะไรไม่ออก ถ้าเขาเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของเขาก่อนที่เขาจะเข้าสู่เทียนฉีกับหานซานเฉียน มันจะเทียบกับเขาไม่ได้อย่างสมบูรณ์ ในเวลานั้น เขาอาจเป็นเพียงแค่มดตัวหนึ่งต่อหน้าหานซานเฉียนเท่านั้น“ท่านอาจารย์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านี่คือขีดจำกัดศักยภาพของเขา บางทีแม้หลังจากเข้าสู่เทียนฉีแล้ว เขาอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นก็ได้นะครับ” กงเทียนกล่าว“การหลอกลวงตัวเองและผู้อื่นเช่นนี้มีประโยชน์อะไร?” จวงถางพูดอย่างเหยียดหยาม
คำพูดของหนานกงป๋อหลิงทำให้หนานกงเยี่ยนและหนานกงซุนตระหนักได้ว่าเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากแค่ไหนแต่หนานกงเยี่ยนและหนานกงซุนไม่เคยคิดเลยว่าการแข่งขันเพื่อสืบทอดตำแหน่งผู้นำ จู่ ๆ จะมีคนนอกตระกูลโผล่เข้ามาร่วมด้วย และคนนอกตระกูลคนนี้ยังสามารถสร้างความประทับใจให้จวงถางได้ด้วยนี่เป็นการโจมตีที่เกือบถึงแก่ชีวิตสำหรับพวกเขาหลังจากที่หนานกงป๋อหลิงจากไป หนานกงเยี่ยนก็พูดกับหนานกงซุนว่า "นายคงไม่ใช่ว่าไม่กล้าแตะต้องเขาจริง ๆ หรอกใช่ไหม ไม่ว่ายังไงตำแหน่งผู้นำก็ไม่ควรตกไปอยู่ในมือของคนที่มีนามสกุลหานเด็ดขาด"หนานกงซุนเยาะเย้ยและพูดว่า "ถ้านายอยากจัดการเขา งั้นนายก็ลองดูสิ คุณปู่พูดไว้อย่างชัดเจนแล้ว ถ้านายอยากถูกไล่ออกจากตระกูลหนานกงก็อย่าลากฉันไปด้วย"“หนานกงซุน นายจะยอมถอยจริง ๆ เหรอ? นายเคยคิดเกี่ยวกับผลที่ตามมาของการที่ตระกูลหนานกงตกไปอยู่ในเงื้อมมือของหานซานเฉียนบ้างไหม?” หนานกงเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา เขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเพียงลำพัง หากจะจัดการหานซานเฉียน เขาต้องร่วมมือกับหนานกงซุนเท่านั้น เมื่อถึงเวลาจำเป็น เขาก็จะสามารถส่งต่อความรับผิดชอบให้หนานกงซุนได้ เขาวางแผนทุกอย่างได้อย่
ฉี๋อีหยุนส่ายหัวอย่างไม่สนใจ การประมูลประเภทนี้ไม่มีความหมายสำหรับเธอ มันเป็นเพียงสถานที่ที่คนเหล่านั้นเอาไว้อวดความร่ำรวยของตัวเองเท่านั้น และสิ่งที่เรียกว่าคนใหญ่คนโตก็ไม่สามารถกระตุ้นความสนใจจากฉี๋อีหยุนได้เลยแม้แต่น้อยได้ความคิดทั้งหมดของเธออยู่ที่หานซานเฉียน อาจกล่าวได้ว่าเธอไม่สนใจที่จะมองผู้ชายคนอื่นเลยนอกจากหานซานเฉียน “อ้อใช่ ลูกอย่าลืมแต่งตัวสวย ๆ ล่ะ เผื่อว่าลูกจะชอบคนใหญ่คนโตคนนั้นขึ้นมา” ฉี๋ตงหลินเตือนฉี๋อีหยุนพูดในใจคำนึงว่า จะเป็นไปได้ยังไง ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เธอก็ไม่ทางชอบแน่นอนฉี๋อีหยุนรู้ว่าตัวเองหมกมุ่นอยู่กับหานซานเฉียน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดโดยพื้นฐาน แต่รู้ทั้งรู้ว่ามันผิด ฉี๋อีหยุนก็ยังคงเต็มใจที่จะทำผิดพลาดแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดนี้ แม้ว่าเรื่องนี้ถูกกำหนดมาให้มีจุดจบที่ไม่สวยงามก็ตาม แต่เธอก็ยังอยากจะหาโอกาสลองดูใหม่อีกครั้งในวันประมูล ฉี๋อีหยุนที่รู้สึกเบื่อหน่ายก็ยังคงไปที่นั่นอยู่ดี แต่เธอแต่งตัวเรียบ ๆ สวมหมวกแก๊ปลิ้นเป็ดเหมือนผู้หญิงธรรมดาทั่วไป และกลมกลืนไปกับฝูงชน โดยเฉพาะแว่นตาที่ปกปิดความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ของ
เมื่อหานซานเฉียนปรากฏตัวในงานประมูล ภาพลักษณ์ของเขาไม่มีใครให้ความสนใจเลย ผู้คนที่กำลังมองซ้ายมองขวา ก็มองเขาเพียงแค่แวบเดียวและไม่ได้สนใจเขาอีกเพราะการแต่งกายของหานซานเฉียนไม่ได้ดูเหมือนคนมีอำนาจแต่อย่างใด และคนใหญ่คนโตในความคิดของพวกเขาจะต้องเข้ามาในงานอย่างโอ่อ่า เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ช่วยตามมาสักคนแบบนี้ เนื่องจากจิตใจของทุกคนไม่ได้อยู่กับการประมูล สินค้าประมูลจำนวนมากจึงขายไม่ออก นี่เป็นเหตุการณ์ที่ผู้ประมูลไม่ได้คาดคิดเอาไว้ และผู้บริหารระดับสูงบางคนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาสำหรับฉี๋อีหยุน เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก ผู้ประมูลปลุกปั่นหัวข้อใหญ่เพื่อให้มีการแข่งขันกันมากขึ้น แต่ใครจะคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้“แม่คะ ไม่เจ็บคอเหรอคะ ยังมองหาอะไรอยู่อีก บางทีคนใหญ่คนโตคนนั้นอาจไม่อยากมาที่นี่ด้วยซ้ำ” ฉี๋อีหยุนพูดกับโอวหยางเฟยอย่างช่วยไม่ได้“เฮ้อ” โอวหยางเฟยถอนหายใจ จุดประสงค์ของการมาที่นี่วันนี้ก็เพื่อพบผู้มีอำนาจคนนั้นด้วย ตอนนี้ดูเหมือนว่าความหวังของเธอคงจะพังทลายลงแล้ว“ชายหนุ่มคนนี้ดูไม่เหมือนมาจากเขตของจีนเลย เขาคือคนใหญ่คนโตคนนั้นหรือเปล่า?” ตอนนั้นเอง ฉี๋
เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างชัดเจน ฉี๋อีหยุนก็ยืนงงงันราวกับถูกฟ้าผ่าเขา!เขาจริง ๆ ด้วย!ทำไมจู่ ๆ เขาถึงมาปรากฏตัวในอเมริกาล่ะ? ในตอนแรก ฉี๋อีหยุนคิดว่าตัวเองตาฝาด ดังนั้นเธอจึงขยี้ตา และหลังจากยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่าคน ๆ นี้คือหานซานเฉียนจริง ๆ ความคิดแรกของฉี๋อีหยุนคือการเข้าไปหาเขาแต่เธอก็ตัวแข็งทื่ออย่างกะทันหันวันนี้เธอสวมหมวกปิดบังผมที่กระเซอะกระเซิงนั้นไว้ แถมยังไม่ได้สระผมด้วยซ้ำ เพราะเธอแค่อยากจะมาสนุกเท่านั้น ใครจะคิดว่าเธอจะได้เจอกับหานซานเฉียนในโอกาสแบบนี้?หากฉี๋อีหยุนมีโอกาสอีกครั้ง เธอจะแต่งตัวอย่างปราณีตมาเข้าร่วมแน่นอนหลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน เธอจำเป็นต้องแสดงด้านที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเธอต่อหน้าหานซานเฉียน“อีหยุน เป็นอะไรไป ลูกรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า?” โอวหยางเฟยเห็นว่าฉี๋อีหยุนมีท่าทีแปลกไป จึงถามขึ้นอย่างเป็นกังวลฉี๋อีหยุนพยักหน้าแล้วพูดว่า "แม่คะ หนูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ"หลังจากพูดจบ ฉี๋อีหยุนก็ก้มหัวแล้ววิ่งหนีไป เธอไม่อยากให้หานซานเฉียนเห็นเธอในสภาพนี้ตรงทางไปห้องน้ำ มีผู้หญิงที่มีรูปร่างคล้าย ๆ เธอแต่งตัวด้วยชุดเซ็กซี่คนนึงกำลังเดินมา
เมื่อโอวหยางเฟยไปถึงห้องน้ำ เธอก็พบว่าฉี๋อีหยุนได้เปลี่ยนเป็นชุด แถมยังกำลังแต่งหน้าอยู่หน้ากระจกด้วย นั่นทำให้เธอหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ดังคำกล่าวที่ว่า สตรีตั้งใจแต่งหน้าเพื่อคนที่รัก ที่ฉี๋อีหยุนทำแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอหลงรักผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นเธอจะรีบมาที่ห้องน้ำ และเสริมความงามของตัวเองทำไมกันล่ะ“ลูกนี่นะ เวลาปกติก็ไม่เตรียมเนื้อเตรียมตัว พอถึงเวลาก็ทำอย่างรีบร้อน เมื่อก่อนไปทำอะไรอยู่กัน” โอวหยางเฟยพูดด้วยสีหน้าล้อเลียนฉี๋อีหยุนกำลังยุ่งอยู่กับการแต่งหน้า ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลาคุยกับโอวหยางเฟย การเคลื่อนไหวของมือเธอมันชำนาญและรวดเร็ว เพราะกลัวว่ามันจะนานจนหานซานเฉียนจากไปเสียก่อน“แต่ชายหนุ่มคนนี้ไม่เลวจริง ๆ เมื่อกี้มีผู้หญิงมายั่วยวนเขา แต่เขาไม่แม้แต่จะมองเลยด้วยซ้ำ เขาเป็นคนที่ตรงไปตรงมามาก” โอวหยางเฟยพูดด้วยความชื่นชม แม้ว่าฉี๋ตงหลินจะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นอาจไม่ใช่สเปกเขา แต่ในมุมมองของโอวหยางเฟย เมื่อกี้สายตาของเขาไม่ได้มองไปที่ผู้หญิงคนนั้นเลย เพราะฉะนั้นนี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องสเปก แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงประเภทนี้ต่างหากฉี๋อีหยุนไม่ได้พูด แต่เธอรู้ว่
จากมุมมองของหานซานเฉียน แม้ว่าหยวนหลิงจะไม่ยอมถอย แต่เธอก็ไม่สามารถอดทนได้นาน เพราะอย่างไรเธอก็เป็นแค่ผู้หญิง เมื่อต้องเผชิญกับการใช้กำลังเช่นนี้ เธอจะอดทนได้นานแค่ไหนกันแต่ความอดทนของหยวนหลิงนั้นอยู่เหนือจินตนาการของหานซานเฉียนอย่างเห็นได้ชัดเมื่อขนย้ายของเข้ามาในบ้านครั้งแล้วครั้งเล่า ฝ่ามือของหยวนหลิงก็เต็มไปด้วยเลือด แต่เธอก็ยังคงอดทนต่อไปสิ่งนี้ทำให้หานซานเฉียนประหลาดใจมาก เขาไม่ได้คาดหวังว่าผู้หญิงคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้ แถมเธอยังไม่คิดที่จะยอมแพ้เลยด้วย เมื่อหานซานเฉียนเห็นหยวนหลิงเช็ดเลือดที่เปียกโชกด้วยผ้ากระดาษ เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า "ถ้าทนไม่ไหวก็ยอมแพ้เถอะ จะทรมานตัวเองทำไมกัน"หยวนหลิงก้มศีรษะลง น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอในฐานะพนักงานเสมียน เธอไม่เคยลำบากแบบนี้มาก่อน ความเจ็บปวดจากฝ่ามือของเธอเป็นเหมือนเข็มทิ่มลงมา อีกอย่างตอนนี้เธอเพิ่งจะขนของชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้นเอง ของชิ้นใหญ่ที่เจ็บปวดจริง ๆ ยังคงรอเธออยู่“คุณมีความแค้นอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ?” ขณะที่หยวนหลิงเงยหน้าขึ้น น้ำตาก็ไหลอาบแก้มของเธอหานซานเฉียนยักไหล่และพูดว่า "ผมรู้จุดประสงค์ที่หนานกงป๋อหลิ
หยวนหลิงจากไปด้วยความดูถูกอย่างรุนแรง เธอเคยเห็นชีวิตที่เน่าเปื่อยของผู้ชายร่ำรวยมากเกินไป และภาพลักษณ์หานซานเฉียนในใจเธอก็คือคนที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ดังนั้นเธอจึงไม่คิดว่าสิ่งที่หานซานเฉียนพูดนั้นเป็นเพียงคำพูดล้อเล่น ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างเขากับคนอื่น ๆ คือบางคนเล่นแบบลับ ๆ ในขณะที่เขาเล่นแบบเปิดเผยแต่ในใจของหยวนหลิงความตรงไปตรงมาแบบนี้ยิ่งไร้ยางอาย และผู้ชายแย่ ๆ แบบนี้ก็ไร้ยางอายยิ่งกว่า หากผู้หญิงคนไหนพบเขา ชาติที่แล้วเธอคงทำกรรมเอาไว้มากแน่ ๆ แต่ในความเป็นจริง หลังจากที่หยวนหลิงจากไป หานซานเฉียนก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการดูอยู่ทีวีที่บ้านหานซานเฉียนเกิดในตระกูลหานในเหยียนจิง และสถานะของเขาไม่ได้ต่ำต้อยอย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับผู้ญิงเหมือนคนร่ำรวยรุ่นที่สองคนอื่น ๆ นับตั้งแต่วันที่หัวใจเป็นของเขา หานซานเฉียนก็ไม่เคยคิดที่จะทรยศซูหยิงเซี่ยเลยไม่ว่าผู้หญิงจะสวยแค่ไหน ในสายตาของหานซานเฉียนก็เป็นเพียงผู้ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปในชีวิตเท่านั้นตกกลางคืน เงาหนึ่งเดินไปเดินมาสิบกว่ารอบอยู่นอกบ้านหานซานเฉียน ราวกับขโมยที่กำลังดูลาดเลาแต่หัวขโมยคนนี้แตกต่างจาก
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ