"พี่ พี่ซานเฉียนน่าชื่นชมจริง ๆ เขามีความกล้าที่จะไปสถานที่อย่างเรือนจำตี้ซินได้ยังไงกัน" โจวป๋อพูดกับเตาสือเอ้อร์ด้วยสายตาชื่นชมเตาสือเอ้อร์ถอนหายใจและพูดว่า "ที่นั่นคือเรือนจำตี้ซิน ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตกลับมาได้ ฉันหวังว่าเขาจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้จริง ๆ"“สือเอ้อร์ ไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาได้จริง ๆ เหรอ?” ม่อหยางถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เตาสือเอ้อร์ส่ายหัวอย่างหนักแน่นและพูดว่า "ถ้ามี ข่าวนี้คงแพร่กระจายไปทั่วโลกใต้ดินแล้ว นี่เป็นสิ่งที่หลายคนถือว่าเป็นเกียรติ แต่จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้เลย""เดี๋ยวนายก็จะได้ยินเร็ว ๆ นี้แหละ" ม่อหยางกัดฟันและพูดขึ้น ไม่ว่าจะมีใครรอดชีวิตออกมาก่อนหน้านี้หรือไม่ เขาก็เชื่อมั่นว่าหานซานเฉียนจะเป็นคนแรก เตาสือเอ้อร์ส่งเสียงในลำคอและพูดว่า "ผมไปลองติดต่อผู้คนในเรือนจำตี้ซินก่อนก็แล้วกัน มีอะไรก็ติดต่อผมมา"หลังจากเตาสือเอ้อร์และโจวป๋อจากไปแล้ว ม่อหยางก็ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยความงุนงง หลินหย่งรู้ว่าเขาเป็นห่วงหานซานเฉียนมาก แต่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ และกังวลไปก็เปล่าประโยชน์"พี่ใหญ่ม่อ ตั้งแต่ที่ผมรู้จักพี่ซานเฉ
ข่าวนี้โจมตีซูไห่เฉาอย่างหนัก จนเขาตกอยู่ในภวังค์ซูไห่เฉาคิดว่าจะประนีประนอมกับซูหยิงเซี่ยชั่วคราวเท่านั้น และเขายังหวังว่าเซินเวิงจะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในวันหนึ่ง แค่เซินเวิงให้การสนับสนุนเขา เขาก็จะมีทุนในการต่อต้านซูหยิงเซี่ย และแม้แต่เหยียบย่ำเธอไว้ใต้เท้าของเขาแต่ตอนนี้เซินเวิงตายแล้ว และเขาก็ไม่มีความหวังอะไรอีกแล้วการกำจัดซูหยิงเซี่ยเป็นเรื่องที่ไม่มีความเป็นไปได้เลย“นายโกหก เซินเวิงจะตายไปอย่างไม่มีเหตุผลได้ยังไง!” ซูไห่เฉามองหานซานเฉียนอย่างไม่เชื่อ"ซูไห่เฉา ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ ไม่ว่านายจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ฉันแนะนำให้นายรีบออกไปจากที่นี่ซะ ถ้านายยังกล้าคิดที่จะทำร้ายหยิงเซี่ย นายจะเป็นคนต่อไปที่ต้องตาย" หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชาซูไห่เฉาตกตะลึง และเขาไม่กล้าที่จะสงสัยในสิ่งที่หานซานเฉียนพูด แม้ว่าลูกชายที่ถูกตระกูลทอดทิ้งคนนี้จะมีชื่อที่ไม่ดีมากมาย แต่เขาก็ยังเป็นสมาชิกของตระกูลหานในเหยียนจิง ด้วยความสามารถในปัจจุบันของซูไห่เฉานั้น ไม่สามารถต่อกรกับหานซานเฉียนได้เลยแต่ถ้าเขากลับไปแบบนี้ บริษัทของเขาจะต้องล้มละลายภายในหนึ่งเดือนแน่ ๆ ซูไห่เฉารับไม่ได้ เขาไม
เขายอมละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อรักษาคุณภาพชีวิตในปัจจุบัน!“มีแค่นายที่คุกเข่าจะมีประโยชน์อะไร?” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆซูไห่เฉารู้ว่าเขาเคยทำไม่ดีต่อหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ย และซูอี้หานเองก็เช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่หานซานเฉียนพูด จึงหมายถึงซูอี้หานก็ต้องคุกเข่าลงด้วยซูไห่เฉาหันไปมองซูอี้หานด้วยสีหน้ามืดมนและพูดว่า "ทำไมยังไม่รีบคุกเข่าลงอีก"ซูอี้หานส่ายหัวปฏิเสธทันทีและพูดว่า"ทำไมฉันต้องคุกเข่าด้วย ซูไห่เฉา นายไม่ต้องการศักดิ์ศรี แต่ฉันต้องการ นายลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อก่อนซูหยิงเซี่ยเป็นคนยังไง? เธอเป็นแค่คนที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในตระกูลซูเท่านั้น ทำไมนายต้องคุกเข่าให้เธอด้วย”"เธอก็รู้ว่านั่นมันเป็นเรื่องในอดีต ตอนนี้มีใครในตระกูลซูที่สามารถเทียบเธอได้บ้าง?" ซูไห่เฉาพูดพร้อมกัดฟัน แม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับ แต่ข้อเท็จจริงมันอยู่ตรงหน้า มีเพียงซูหยิงเซี่ยเท่านั้นที่สามารถช่วยเขาออกมาจากกองไฟได้ หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากเธอ ชีวิตของเขา และแม้แต่ชีวิตของคนในตระกูลซูได้จบเห่จริง ๆ แน่“ฉันไม่เหมือนนาย ฉันยังมีโอกาสที่จะแซงหน้าเธอ ถ้าฉันได้แต่งงานกับคนรวยเมื่อไหร่ล่ะก็ บริษัทเล็ก ๆ ของเธอจะมีค่
หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่จัตุรัสเหรินหมิน แม้ว่าหลายคนจะรู้แล้วว่าข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับหานซานเฉียนมันไม่ใช่ความจริง แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังไม่รู้ ในเมื่อเรื่องนี้ซูไห่เฉาเป็นคนก่อขึ้น ก็ให้เขาไปชี้แจงเองน่าจะดีที่สุดเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้หานซานเฉียนไม่เคยเก็บมาใส่ใจ แต่ที่เขาทำแบบนี้เพราะเขาแคร์ซูหยิงเซี่ยและเขากำลังจะจากไปเร็ว ๆ นี้ เขาไม่ต้องทิ้งปัญหาใด ๆ ในหยุนเฉิงไว้ให้ซูหยิงเซี่ยเมื่อหานซานเฉียนขับรถมาที่ตึกหมิงจู ซูหยิงเซี่ยก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา นี่เป็นสถานที่ที่หานซานเฉียนทำให้เธอประหลาดใจในครั้งแรก และวันครบรอบแต่งงานปีนี้เป็นวันที่ประทับใจสำหรับซูหยิงเซี่ยสำหรับเธอภัตตาคารสุ่ยจิงมีความหมายพิเศษ ที่นี่เป็นสถานที่ที่สำคัญมาก หากไม่ใช่วันพิเศษ ก็ไม่คุ้มค่าที่จะมาที่นี่"คุณจะไปแล้วใช่ไหม?" จู่ ๆ ซูหยิงเซี่ยก็ถามหานซานเฉียนขึ้นหลังจากที่เขาจอดรถ"คุณยังจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นในวันครบรอบแต่งงานของเรา? จนถึงตอนนี้หลายคนในหยุนเฉิงก็ยังพูดคุยกันถึงเรื่องนั้นอยู่เลย แต่พวกเขาไม่รู้ว่าใครคือตัวเอกที่แท้จริง วันนี้ผมจะทำให้ทุกคนในหยุนเฉิงรู้ว่าดอกกุหลาบของภัตตาคารสุ่ยจิง
"นี่มัน...เพลงเมื่อตอนนั้นไม่ใช่เหรอ? เพลงที่บุคคลลึกลับใช้ขอแต่งงานที่ภัตตาคารสุ่ยจิงเมื่อครั้งก่อน""ใช่ เพลงนี้จริง ๆ ด้วย หรือว่า... ครั้งก่อนที่ภัตตาคารสุ่ยจิงไม่ใช่การขอแต่งงาน แต่คือหานซานเฉียนกับซูหยิงเซี่ย?""ฉันจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันครบรอบแต่งงานของหานซานเฉียนกับซูหยิงเซี่ย แถมตอนนั้นหลายคนยังเปรียบเทียบการขอแต่งงานครั้งนั้นกับเธอด้วยนะ""พระเจ้า แท้จริงคือหานซานเฉียนเซอร์ไพรส์วันครบรอบแต่งงานกับซูหยิงเซี่ยหรอกเหรอเนี่ย? น่าอิจฉาจริง ๆ"ในขณะนี้ผู้หญิงหลายคนต่างก็รู้สึกอิจฉาซูหยิงเซี่ยเหนือตึกหมิงจูยังคงมีภาพของภัตตาคารสุ่ยจิง ซูหยิงเซี่ยยกมือปิดหน้า น้ำตายังคงไหลออกมาอาบแก้มของเธอภาพนี้ไม่ได้ฉายแค่จุดนี้ท่านั้น แต่ยังมีการถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ตโดยผู้ที่มีเจตนาดี และในไม่ช้ามันก็อึกทึกไปทั่วทั้งหยุนเฉิงหัวข้อวันครบรอบแต่งงานแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วบนอินเทอร์เน็ต ทุกคนต่างก็รีบเปิดและรับชมฉากที่น่าอิจฉานี้ในตอนนี้ไม่มีใครคิดว่าซูหยิงเซี่ยแต่งงานกับคนไร้ค่า และไม่มีใครคิดว่าชีวิตของเธอถูกทำลายเพราะหานซานเฉียนอีกต่อไปทุกคนอดไม่ได้ที่จะอิจฉาซูหยิงเซี่ย ที่เธอมีสาม
ภายในความมืดที่แม้แต่จะเอื้อมมืออกไปก็มองไม่เห็นนิ้วพื้นที่ที่เงียบจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของตัวเองหลังจากที่หานซานเฉียนฉีดยาชาของเรือนจำตี้ซินในหยุนเฉิง เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในสถานที่ดังกล่าวแล้วเขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว เพราะความมืดทำให้เขาไม่สามารถระบุเวลาได้นี่เป็นบทเรียนแรกที่เรือนจำตี้ซินมอบให้กับ "แขกใหม่" สภาพแวดล้อมดังกล่าวสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่ใจ และผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอก็สามารถพังทลายลงในสภาพแวดล้อมนี้ได้ นี่คือฝันร้ายของทุกคนเมื่อพวกเขามาที่เรือนจำตี้ซินเพื่อรับรองความปลอดภัยของแขกแต่ละคน พวกเขาจะไม่ทำร้ายผู้คนที่อาศัยอยู่ในเรือนจำตี้ซิน แต่จะใช้การทรมานทางจิตใจแบบนี้เพื่อควบคุมพฤติกรรมของพวกเขา เพื่อไม่ให้คนเหล่านั้นก่อความวุ่นวายในเรือนจำตี้ซินการลงโทษที่โหดที่สุดในเรือนจำตี้ซินคือการถูกขังในห้องคุมขัง หรือก็คือในสภาพแวดล้อมที่มืดและเงียบสงัด แม้ว่าจะฟังดูไม่มีอะไร แต่เกือบทุกคนจะยอมเชื่อฟังหลังจากถูกทรมานทางจิตใจแบบนี้ เพราะการทรมานทางจิตใจที่เกิดจากความรู้สึกโดดเดี่ยวนั้นเจ็บปวดเกินไป และการที่ไม่สามารถรับรู้ถึงเวลาที่ผ่านไปนั้
"ชนผิวเหลืองแล้วแปลกตรงไหน รูปร่างแบบนี้คงจะถูกตีอย่างอนาถน่ะสิไม่ว่า" กวานหยงพูดพร้อมเบะปาก"ฉันไม่มีอะไรจะโต้แย้ง" ตี้สู่กล่าวไม่เพียงแต่ตี้สู่และกวานหยงเท่านั้นที่รู้สึกผิดหวัง แต่นักโทษคนอื่น ๆ ก็เริ่มแสดงความผิดหวังออกมาเช่นกัน บางคนหงุดหงิดจนทุบกรงเหล็ก และตะโกนด่าหานซานเฉียนที่สวมหน้ากากอยู่“นี่มันหมายความว่าอะไร คนแบบนี้มีคุณสมบัติขึ้นสังเวียนได้อย่างงั้นเหรอ?”“เอามันออกมา ฉันจะขึ้นเอง ทำไมฉันจะต้องมาเสียเวลากับไอ้เปี๊ยกนี่วะ”“ไซหัวออกไปซะ เปลี่ยนคน”"เปลี่ยนคน เปลี่ยนคน"เสียงความไม่พอใจของนักโทษดังก้องไปทั่ว สาเหตุที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เพราะผู้ชนะจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากเรือนจำตี้ซินแม้ว่าเรือนจำจะเป็นสถานที่ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และที่อยู่อาศัย แต่ผู้หญิงคือความฝันอันหรูหราของนักโทษเหล่านี้ หากชนะเกมนี้ก็จะได้รับผู้หญิงเป็นรางวัล ซึ่งนั่นเป็นสิ่งล่อใจที่ดีสำหรับนักโทษทุกคนในเรือนจำตี้ซิน แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณสมบัติเหมาะสมในการขึ้นสังเวียน ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นหานซานเฉียน จึงเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมากรอบ ๆ อาคารสามชั้น น
"โยวหลี่ โยวหลี่จริง ๆ ด้วย!"“ทำไมเขาถึงได้ขึ้นสังเวียนล่ะ เขาถูกขังอยู่ในห้องคุมขังไม่ใช่เหรอ?”“คราวที่แล้วเขาฆ่าคนตาย ฉันได้ยินมาว่าเขาจะถูกขังไว้ในห้องคุมขังตลอดชีวิต ทำไมถึงได้ปล่อยออกมาขึ้นชกได้อีกล่ะ”ตอนนี้บรรดานักโทษที่โห่ร้องใส่หานซานเฉียนเมื่อกี้ต่างแสดงสีหน้าสยดสยองออกมาโยวหลี่คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในการแข่งขันชกมวย เขาไม่เคยแพ้เลยสักครั้งเดียว แถมเขายังฆ่าคนโดยไม่ได้ตั้งใจในการชกครั้งสุดท้ายอีกด้วย ทำให้เรือนจำตี้ซินลงโทษเขาด้วยการจำคุกตลอดชีวิตในห้องคุมขัง ในสายตาของนักโทษทุกคน เป็นไปไม่ได้เลยที่โยวหลี่จะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ โอกาส?แม้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสขึ้นสังเวียนในตอนนี้ แต่พวกเขาก็ไม่มีใครกล้าขึ้นไปแล้วใครจะยอมตายเพื่อผู้หญิงกัน?“ตี้สู่ ที่โยวหลี่ปรากฏตัวขึ้นแบบนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเรือนจำตี้ซินต้องการให้ผู้ชายคนนี้ตาย?” กวานหยงมีสีหน้าหวาดกลัว แม้ว่าเขาจะเคยดูการแข่งขันของโยวหลี่มาแค่สองครั้ง แต่วิธีการที่โหดร้ายของโยวหลี่นั้นยังตราตรึงอยู่ในใจของเขา แถมชายคนนี้ยังเคยฆ่าตายคนมาก่อน ในเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแบบนี้ กวานหยงไม่สามารถคิดถึงความเป็นไปได้อื่น
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ