คำพูดของหานซานเฉียนทำให้ม่อหยางและคนอื่น ๆ ก้มหน้า พวกเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของหานซานเฉียน ที่มีต่อหานเทียนหยาง แต่จากคำพูดเหล่านี้พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความสำคัญของหานเทียนหยางที่มีต่อหานซานเฉียน ความหมกมุ่นของเขาแข็งแกร่งมากและไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ม่อหยางถอนหายใจ เดินไปหาหานซานเฉียนและตบไหล่เขาก่อนจะพูดว่า "ซานเฉียน นายต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด นับประสาอะไรกับเรื่องอันตราย ถ้านายกลับมาไม่ได้จริง ๆ พวกเราจะทำอย่างไร และเธอจะทำอย่างไร?"“ถ้ากลับมาไม่ได้ ก็รบกวนพวกนายช่วยฉันดูแลปกป้องเธอให้ดี ถ้าเธอพบคนที่ชอบก็สามารถแต่งงานใหม่ได้เลย” หานซานเฉียนกล่าวเมื่อม่อหยางได้ยินคำว่าการแต่งงานใหม่ เขารู้สึกไม่สบอารมณ์มากหานซานเฉียนอยู่ที่หยุนเฉิงมาหลายปีแล้ว และในที่สุดเขาก็ได้พัฒนาความสัมพันธ์กับซูหยิงเซี่ย แต่พวกเขากลับต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้อีกครั้งหลังจากสามปีที่เจอกัน ไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก ในที่สุดพวกเขาก็แต่งงานกัน แต่ตอนนี้มันอาจจะพังทลายและเขาจะต้องเสียใจกับการเสียสละของซูหยิงเซี่ย และทำให้ซูหยิงเซี่ยต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิตทันใดนั้นม่อหยางก็เตะก
"พี่ พี่ซานเฉียนน่าชื่นชมจริง ๆ เขามีความกล้าที่จะไปสถานที่อย่างเรือนจำตี้ซินได้ยังไงกัน" โจวป๋อพูดกับเตาสือเอ้อร์ด้วยสายตาชื่นชมเตาสือเอ้อร์ถอนหายใจและพูดว่า "ที่นั่นคือเรือนจำตี้ซิน ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตกลับมาได้ ฉันหวังว่าเขาจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้จริง ๆ"“สือเอ้อร์ ไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาได้จริง ๆ เหรอ?” ม่อหยางถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เตาสือเอ้อร์ส่ายหัวอย่างหนักแน่นและพูดว่า "ถ้ามี ข่าวนี้คงแพร่กระจายไปทั่วโลกใต้ดินแล้ว นี่เป็นสิ่งที่หลายคนถือว่าเป็นเกียรติ แต่จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้เลย""เดี๋ยวนายก็จะได้ยินเร็ว ๆ นี้แหละ" ม่อหยางกัดฟันและพูดขึ้น ไม่ว่าจะมีใครรอดชีวิตออกมาก่อนหน้านี้หรือไม่ เขาก็เชื่อมั่นว่าหานซานเฉียนจะเป็นคนแรก เตาสือเอ้อร์ส่งเสียงในลำคอและพูดว่า "ผมไปลองติดต่อผู้คนในเรือนจำตี้ซินก่อนก็แล้วกัน มีอะไรก็ติดต่อผมมา"หลังจากเตาสือเอ้อร์และโจวป๋อจากไปแล้ว ม่อหยางก็ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยความงุนงง หลินหย่งรู้ว่าเขาเป็นห่วงหานซานเฉียนมาก แต่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ และกังวลไปก็เปล่าประโยชน์"พี่ใหญ่ม่อ ตั้งแต่ที่ผมรู้จักพี่ซานเฉ
ข่าวนี้โจมตีซูไห่เฉาอย่างหนัก จนเขาตกอยู่ในภวังค์ซูไห่เฉาคิดว่าจะประนีประนอมกับซูหยิงเซี่ยชั่วคราวเท่านั้น และเขายังหวังว่าเซินเวิงจะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในวันหนึ่ง แค่เซินเวิงให้การสนับสนุนเขา เขาก็จะมีทุนในการต่อต้านซูหยิงเซี่ย และแม้แต่เหยียบย่ำเธอไว้ใต้เท้าของเขาแต่ตอนนี้เซินเวิงตายแล้ว และเขาก็ไม่มีความหวังอะไรอีกแล้วการกำจัดซูหยิงเซี่ยเป็นเรื่องที่ไม่มีความเป็นไปได้เลย“นายโกหก เซินเวิงจะตายไปอย่างไม่มีเหตุผลได้ยังไง!” ซูไห่เฉามองหานซานเฉียนอย่างไม่เชื่อ"ซูไห่เฉา ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ ไม่ว่านายจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ฉันแนะนำให้นายรีบออกไปจากที่นี่ซะ ถ้านายยังกล้าคิดที่จะทำร้ายหยิงเซี่ย นายจะเป็นคนต่อไปที่ต้องตาย" หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชาซูไห่เฉาตกตะลึง และเขาไม่กล้าที่จะสงสัยในสิ่งที่หานซานเฉียนพูด แม้ว่าลูกชายที่ถูกตระกูลทอดทิ้งคนนี้จะมีชื่อที่ไม่ดีมากมาย แต่เขาก็ยังเป็นสมาชิกของตระกูลหานในเหยียนจิง ด้วยความสามารถในปัจจุบันของซูไห่เฉานั้น ไม่สามารถต่อกรกับหานซานเฉียนได้เลยแต่ถ้าเขากลับไปแบบนี้ บริษัทของเขาจะต้องล้มละลายภายในหนึ่งเดือนแน่ ๆ ซูไห่เฉารับไม่ได้ เขาไม
เขายอมละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อรักษาคุณภาพชีวิตในปัจจุบัน!“มีแค่นายที่คุกเข่าจะมีประโยชน์อะไร?” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆซูไห่เฉารู้ว่าเขาเคยทำไม่ดีต่อหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ย และซูอี้หานเองก็เช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่หานซานเฉียนพูด จึงหมายถึงซูอี้หานก็ต้องคุกเข่าลงด้วยซูไห่เฉาหันไปมองซูอี้หานด้วยสีหน้ามืดมนและพูดว่า "ทำไมยังไม่รีบคุกเข่าลงอีก"ซูอี้หานส่ายหัวปฏิเสธทันทีและพูดว่า"ทำไมฉันต้องคุกเข่าด้วย ซูไห่เฉา นายไม่ต้องการศักดิ์ศรี แต่ฉันต้องการ นายลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อก่อนซูหยิงเซี่ยเป็นคนยังไง? เธอเป็นแค่คนที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในตระกูลซูเท่านั้น ทำไมนายต้องคุกเข่าให้เธอด้วย”"เธอก็รู้ว่านั่นมันเป็นเรื่องในอดีต ตอนนี้มีใครในตระกูลซูที่สามารถเทียบเธอได้บ้าง?" ซูไห่เฉาพูดพร้อมกัดฟัน แม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับ แต่ข้อเท็จจริงมันอยู่ตรงหน้า มีเพียงซูหยิงเซี่ยเท่านั้นที่สามารถช่วยเขาออกมาจากกองไฟได้ หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากเธอ ชีวิตของเขา และแม้แต่ชีวิตของคนในตระกูลซูได้จบเห่จริง ๆ แน่“ฉันไม่เหมือนนาย ฉันยังมีโอกาสที่จะแซงหน้าเธอ ถ้าฉันได้แต่งงานกับคนรวยเมื่อไหร่ล่ะก็ บริษัทเล็ก ๆ ของเธอจะมีค่
หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่จัตุรัสเหรินหมิน แม้ว่าหลายคนจะรู้แล้วว่าข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับหานซานเฉียนมันไม่ใช่ความจริง แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังไม่รู้ ในเมื่อเรื่องนี้ซูไห่เฉาเป็นคนก่อขึ้น ก็ให้เขาไปชี้แจงเองน่าจะดีที่สุดเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้หานซานเฉียนไม่เคยเก็บมาใส่ใจ แต่ที่เขาทำแบบนี้เพราะเขาแคร์ซูหยิงเซี่ยและเขากำลังจะจากไปเร็ว ๆ นี้ เขาไม่ต้องทิ้งปัญหาใด ๆ ในหยุนเฉิงไว้ให้ซูหยิงเซี่ยเมื่อหานซานเฉียนขับรถมาที่ตึกหมิงจู ซูหยิงเซี่ยก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา นี่เป็นสถานที่ที่หานซานเฉียนทำให้เธอประหลาดใจในครั้งแรก และวันครบรอบแต่งงานปีนี้เป็นวันที่ประทับใจสำหรับซูหยิงเซี่ยสำหรับเธอภัตตาคารสุ่ยจิงมีความหมายพิเศษ ที่นี่เป็นสถานที่ที่สำคัญมาก หากไม่ใช่วันพิเศษ ก็ไม่คุ้มค่าที่จะมาที่นี่"คุณจะไปแล้วใช่ไหม?" จู่ ๆ ซูหยิงเซี่ยก็ถามหานซานเฉียนขึ้นหลังจากที่เขาจอดรถ"คุณยังจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นในวันครบรอบแต่งงานของเรา? จนถึงตอนนี้หลายคนในหยุนเฉิงก็ยังพูดคุยกันถึงเรื่องนั้นอยู่เลย แต่พวกเขาไม่รู้ว่าใครคือตัวเอกที่แท้จริง วันนี้ผมจะทำให้ทุกคนในหยุนเฉิงรู้ว่าดอกกุหลาบของภัตตาคารสุ่ยจิง
"นี่มัน...เพลงเมื่อตอนนั้นไม่ใช่เหรอ? เพลงที่บุคคลลึกลับใช้ขอแต่งงานที่ภัตตาคารสุ่ยจิงเมื่อครั้งก่อน""ใช่ เพลงนี้จริง ๆ ด้วย หรือว่า... ครั้งก่อนที่ภัตตาคารสุ่ยจิงไม่ใช่การขอแต่งงาน แต่คือหานซานเฉียนกับซูหยิงเซี่ย?""ฉันจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันครบรอบแต่งงานของหานซานเฉียนกับซูหยิงเซี่ย แถมตอนนั้นหลายคนยังเปรียบเทียบการขอแต่งงานครั้งนั้นกับเธอด้วยนะ""พระเจ้า แท้จริงคือหานซานเฉียนเซอร์ไพรส์วันครบรอบแต่งงานกับซูหยิงเซี่ยหรอกเหรอเนี่ย? น่าอิจฉาจริง ๆ"ในขณะนี้ผู้หญิงหลายคนต่างก็รู้สึกอิจฉาซูหยิงเซี่ยเหนือตึกหมิงจูยังคงมีภาพของภัตตาคารสุ่ยจิง ซูหยิงเซี่ยยกมือปิดหน้า น้ำตายังคงไหลออกมาอาบแก้มของเธอภาพนี้ไม่ได้ฉายแค่จุดนี้ท่านั้น แต่ยังมีการถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ตโดยผู้ที่มีเจตนาดี และในไม่ช้ามันก็อึกทึกไปทั่วทั้งหยุนเฉิงหัวข้อวันครบรอบแต่งงานแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วบนอินเทอร์เน็ต ทุกคนต่างก็รีบเปิดและรับชมฉากที่น่าอิจฉานี้ในตอนนี้ไม่มีใครคิดว่าซูหยิงเซี่ยแต่งงานกับคนไร้ค่า และไม่มีใครคิดว่าชีวิตของเธอถูกทำลายเพราะหานซานเฉียนอีกต่อไปทุกคนอดไม่ได้ที่จะอิจฉาซูหยิงเซี่ย ที่เธอมีสาม
ภายในความมืดที่แม้แต่จะเอื้อมมืออกไปก็มองไม่เห็นนิ้วพื้นที่ที่เงียบจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของตัวเองหลังจากที่หานซานเฉียนฉีดยาชาของเรือนจำตี้ซินในหยุนเฉิง เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในสถานที่ดังกล่าวแล้วเขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว เพราะความมืดทำให้เขาไม่สามารถระบุเวลาได้นี่เป็นบทเรียนแรกที่เรือนจำตี้ซินมอบให้กับ "แขกใหม่" สภาพแวดล้อมดังกล่าวสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่ใจ และผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอก็สามารถพังทลายลงในสภาพแวดล้อมนี้ได้ นี่คือฝันร้ายของทุกคนเมื่อพวกเขามาที่เรือนจำตี้ซินเพื่อรับรองความปลอดภัยของแขกแต่ละคน พวกเขาจะไม่ทำร้ายผู้คนที่อาศัยอยู่ในเรือนจำตี้ซิน แต่จะใช้การทรมานทางจิตใจแบบนี้เพื่อควบคุมพฤติกรรมของพวกเขา เพื่อไม่ให้คนเหล่านั้นก่อความวุ่นวายในเรือนจำตี้ซินการลงโทษที่โหดที่สุดในเรือนจำตี้ซินคือการถูกขังในห้องคุมขัง หรือก็คือในสภาพแวดล้อมที่มืดและเงียบสงัด แม้ว่าจะฟังดูไม่มีอะไร แต่เกือบทุกคนจะยอมเชื่อฟังหลังจากถูกทรมานทางจิตใจแบบนี้ เพราะการทรมานทางจิตใจที่เกิดจากความรู้สึกโดดเดี่ยวนั้นเจ็บปวดเกินไป และการที่ไม่สามารถรับรู้ถึงเวลาที่ผ่านไปนั้
"ชนผิวเหลืองแล้วแปลกตรงไหน รูปร่างแบบนี้คงจะถูกตีอย่างอนาถน่ะสิไม่ว่า" กวานหยงพูดพร้อมเบะปาก"ฉันไม่มีอะไรจะโต้แย้ง" ตี้สู่กล่าวไม่เพียงแต่ตี้สู่และกวานหยงเท่านั้นที่รู้สึกผิดหวัง แต่นักโทษคนอื่น ๆ ก็เริ่มแสดงความผิดหวังออกมาเช่นกัน บางคนหงุดหงิดจนทุบกรงเหล็ก และตะโกนด่าหานซานเฉียนที่สวมหน้ากากอยู่“นี่มันหมายความว่าอะไร คนแบบนี้มีคุณสมบัติขึ้นสังเวียนได้อย่างงั้นเหรอ?”“เอามันออกมา ฉันจะขึ้นเอง ทำไมฉันจะต้องมาเสียเวลากับไอ้เปี๊ยกนี่วะ”“ไซหัวออกไปซะ เปลี่ยนคน”"เปลี่ยนคน เปลี่ยนคน"เสียงความไม่พอใจของนักโทษดังก้องไปทั่ว สาเหตุที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เพราะผู้ชนะจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากเรือนจำตี้ซินแม้ว่าเรือนจำจะเป็นสถานที่ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และที่อยู่อาศัย แต่ผู้หญิงคือความฝันอันหรูหราของนักโทษเหล่านี้ หากชนะเกมนี้ก็จะได้รับผู้หญิงเป็นรางวัล ซึ่งนั่นเป็นสิ่งล่อใจที่ดีสำหรับนักโทษทุกคนในเรือนจำตี้ซิน แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณสมบัติเหมาะสมในการขึ้นสังเวียน ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นหานซานเฉียน จึงเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมากรอบ ๆ อาคารสามชั้น น