สิ่งแรกที่ไท่ชินอ๋องทำ เมื่อฟื้นคืนสติอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็คือร่างพระราชโองการ ประกาศความผิดของมหาเสนาบดีเจียงผิง ไทเฮาเจียงซู่จิ่น และอ๋องสาม มีใจความว่า...ทั้งสามร่วมมือกันก่อขบถต่อฮ่องเต้ แต่ไท่ชินอ๋องได้ทำการปราบปรามสำเร็จ ถึงแม้ทั้งสามจะสิ้นชีวิตในการปราบปรามไปแล้วก็ตาม แต่ยังคงมีโทษผิดติดตัว ให้ถอดยศเป็นสามัญชนทั้งตัวผู้กระทำและครอบครัว ยึดทรัพย์สินข้าทาสบริวาร และเนรเทศครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ไปชายแดนในฐานะนักโทษใช้แรงงาน แล้วให้หวังกงกงเชิญฮ่องเต้น้อยนั่งบัลลังก์ เพื่อประกาศพระราชโองการ ให้เจ้ากรมอาญารับราชโองการไปปฏิบัติในทันทีซึ่งครอบครัวและเหล่าข้าทาสบริวารของนักโทษทั้งหมดล้วนถูกคุมตัวตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันแล้ว โดยกองทัพพิทักษ์เมืองหลวงที่มีแม่ทัพอยู่ในสังกัดไท่ชินอ๋องโดยตรงและให้หวังกงกงรวบรวมฎีกาที่ยังไม่ได้วินิจฉัยทั้งหมดส่งมายังจวนของไท่ชินอ๋อง เมื่อหวังกงกงอ่านพระราชโองการจบ เหล่าขุนนางต่างกล่าวถวายพระพรฮ่องเต้ที่กำลังปีนพระราชบัลลังก์เล่นอย่างสนุกสนาน ด้วยความพร้อมเพรียงกันว่า "ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปีๆๆๆๆๆ" แล้วหลานกงกง
ไท่ชินอ๋องหายจากอาการบาดเจ็บ ไปว่าราชการตามปกติได้สามวันแล้ว พอกลับถึงจวนวันนี้ก็บอกข่าวดีต่อหลี่ชิง "จริ งหรือขอรับ? ท่านอ๋อง" หลี่ชิงตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้า...ตั้งแต่เขาถูกจับตัวกลับมา จนเกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย เขาไม่ได้พบกับแม่เลย มีเพียงหลิวกงกง เสี่ยวฉีจื่อ กับไท่ชินอ๋องคอยบอกเขาว่า อย่าได้กังวล ขอเพียงเขาอยู่อย่างสงบเสงี่ยม แม่ก็จะปลอดภัย แต่วันนี้...ไท่ชินอ๋องบอกว่าจะให้เขาได้พบกับแม่ "ข้าไม่หลอกเจ้าหรอกนะ...ชิงชิง" ไท่ชินอ๋องตอบ พลางยกมือลูบผมนุ่ม "ขอบคุณขอรับ ขอบคุณมากขอรับ" หลี่ชิงพร่ำพูด น้ำตารื้อ ไท่ชินอ๋องจึงจูงมือหลี่ชิงไปนั่งที่โต๊ะอาหาร "พวกเรากินอาหารกันไปพลางๆ พูดคุยกันไปพลางๆ อีกสักครู่ท่านแม่ยายก็คงมาถึง เพราะข้าให้หลิวกงกงไปรับแล้ว" "ขอรับ" หลี่ชิงคีบกับไว้ในชามของไท่ชินอ๋องอย่างเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ "ตั้งแต่ข้าฟื้นจากถูกลูกธนูอาบยาพิษครั้งนี้ ดูชิงชิงของข้าจะเอาใจใส่ข้าเป็นพิเศษ" ไท่ชินอ๋องกล่าวแล้วยกยิ้ม "เช่นนี้ต่อให้ข้าถูกลูกธนูพิษเพิ่มอีกสักสองสามดอกก็คุ้มค่า" หลี่ชิงยกมือเรียวปิดปากได้รูป ปรามว่า "ท่านอ๋องไม่พูดเช
หลังพิธีการฝังศพ "ซูฟูเหริน" เสร็จ หลี่ชิงก็ขึ้นรถม้ากลับจวนไท่ชินอ๋อง พอถึงจวน...ท่านหมอก็รีบตรวจดูดวงตาของหลี่ชิงทันทีส่วนเสี่ยวฉีจื่อรับผ้าเช็ดหน้าที่ห่อหัวหอมแดงที่เป็นตัวต้นเหตุให้หลี่ชิงน้ำตาไหลพรากไปจากมือเรียวงาม เสี่ยวหงจื่อก็รีบนำกาละมังใส่น้ำสะอาดมาให้เด็กหนุ่มล้างมือที่อาจจะเปื้อนยางของหัวหอมแดง ออกให้หมด "ดวงตาของกุ้ยหวางเฟยระคายเคืองเล็กน้อย พักผ่อนสักวันหนึ่งก็คงหายดีขอรับ ข้าน้อยจะจัดยาบำรุงสายตาให้เทียบหนึ่งขอรับ" ท่านหมอกล่าวหลังจากตรวจดวงตาคู่งามเสร็จ "ขอบคุณท่านหมอมาก" หลี่ชิงกล่าวเสียงนุ่มนวล "เป็นหน้าที่ของข้าน้อยขอรับ" ท่านหมอตอบ แล้วไปจัดยาไท่ชินอ๋องที่นั่งรออยู่ปล่อยให้คนรุมล้อมดูแลหลี่ชิงเสร็จเรียบร้อยก่อนจึงลุกจากเก้าอี้ยาวที่นั่งอยู่ เข้ามาโอบไหล่บอบบาง ถามว่า "เหนื่อยมากหรือไม่? ชิงชิง" หลี่ชิงเผยอยิ้ม ตอบว่า "นิดหน่อยขอรับ...แล้วแม่..." กล่าวยังไม่ทันจบประโยค ไท่ชินอ๋องก็ขัดขึ้น "จุ๊ๆ...ต่อแต่นี้ไปไม่มีท่านแม่ มีแต่ท่านน้า 'หานฝูหรง' น้าสาวคนเล็กของข้า หรือท่านหญิงหาน" "ขอรับ ข้าน้อยจะจำไว้ให้แม่นยำ" หลี่ชิงยิ้
ต้าโก่วนำจดหมายจากต้าเหลียวมาส่งสองฉบับ ฉบับหนึ่งเป็นของอ๋องสี่ส่งถึงไท่ชินอ๋อง อีกฉบับหนึ่งเป็นของอาเฟยที่ส่งมาถึงกุ้ยหวางเฟย ไท่ชินอ๋องเปิดจดหมายของอ๋องสี่ก่อน แล้วอ่านออกเสียงให้หลี่ชิงฟังด้วย ข้อความในจดหมายเขียนมาสั้นๆ ว่า... "ถึงพี่ใหญ่ วานท่านช่วยหาขันทีให้ข้าสักสี่คน ต้องหนุ่มแน่น วรยุทธดี ซื่อสัตย์ ที่สำคัญที่สุดคือ"รู้งาน" จากน้องสี่ เฉินชง" ดวงตาคู่สวยมองไท่ชินอ๋องอย่างสงสัย "ท่านอ๋องสี่มิใช่มีขันทีอยู่แล้วหรอกหรือ?" "ที่เขาต้องการคือ...ขันทีรู้งาน" ไท่ชินอ๋องตอบ พลางพับจดหมายใส่ซองตามเดิม "รู้งาน?" เรียวคิ้วงามเลิกขึ้นเล็กน้อย "อืม...คงเอาไว้ประกบตัวเจ้ากรมข่าว"ประกบตัวอาเฟย!...หมายความว่าอ๋องสี่ตัดสินใจจะรับอาเฟยเป็นภรรยาแล้ว!!! หลี่ชิงลอบถอนหายใจเบาๆ ไท่ชินอ๋องโอบแขนกอดไหล่บอบบางเอาไว้อย่างปลอบประโลม พลางกล่าวเสียงอ่อนโยนว่า "ชิงชิง...น้องสี่เป็นคนที่พึ่งพาได้ และท่าทางเขาจะรักอาเฟยอย่างจริงใจ เจ้าอย่าได้กังวลเลย" หลี่ชิงพยักหน้าน้อยๆ ไท่ชินอ๋องรู้ว่าหลี่ชิงรักอาเฟยเหมือนน้องชายแท้ๆ และพยายามจะปกป้องอีกฝ่ายไว้
ไท่ชินอ๋องหันไปมองต้าโก่ว แล้วถามว่า "ตกลงอาเฟยซื้ออะไรมาฝากชิงชิง?" "เป็นพรมขนสัตว์อย่างดีที่สุดขอรับ" ต้าโก่วประสานมือตอบนอบน้อม "อ้อ..." หลี่ชิงพยักหน้า ก่อนจะถามต้าโก่วว่า "อาเฟยเขียนจดหมายบอกข้าว่า...เขาไม่มีข้าวกิน จริงหรือไม่?" "เป็นความจริงขอรับ" ต้าโก่วตอบด้วยสีหน้าประหลาดชอบกล แต่ดวงตาคู่สวยของหลี่ชิงเริ่มแดงเรื่อและคลอด้วยหยาดน้ำใส ไท่ชินอ๋องเห็น ก็โอบกระชับไหล่บอบบาง พลางเอ่ยปลอบ "น้องสี่คงไม่ปล่อยให้อาเฟยต้องอดข้าวหรอกชิงชิง...จริงหรือไม่ต้าโก่ว?" ท้ายประโยคหันไปไล่เบี้ยองครักษ์ประจำตัวอาเฟยอันดับสี่ "เรื่องนี้มันยาวขอรับ ท่านอ๋อง" ต้าโก่วตอบไม่เต็มปากเต็มคำนัก "เช่นนั้น...เจ้าเล่ามาให้ละเอียด" "ขอรับ..." ต้าโก่วขานรับ แล้วเล่าว่า "มีอยู่วันหนึ่ง ท่านอาเฟยนั่งร้องไห้..." "อาเฟยคงคิดถึงบ้าน" หลี่ชิงเอ่ยขึ้นเบาๆ "หามิได้ขอรับ" ต้าโก่วตอบ "แล้วอาเฟยร้องไห้ทำไม? ถูกผู้ใดรังแกหรือ?" ไท่ชินอ๋องถาม "มิมีผู้ใดรังแกท่านอาเฟยขอรับ" ต้าโก่วเอ่ย "เพียงแต่ท่านอาเฟยเบื่อแป้งย่าง อยากกินข้าวสวย แต่ต้าเหลียวไม่มีข้าวสวย ท่านอ๋อง
ที่โต๊ะอาหารมื้อเย็น... ไท่ชินอ๋องเสร็จจากการอ่านฎีกา ก็มานั่งเคียงหลี่ชิง ไท่หวางเฟยคีบของโปรดใส่ชามให้อีกฝ่าย พลางกล่าว "ท่านอ๋อง...วันนี้อ่านฎีกาจนถึงเย็น โปรดระวังรักษาสุขภาพด้วยขอรับ" "ขอบใจมาก ชิงชิง" ไท่ชินอ๋องหยิบตะเกียบเงินบริสุทธิ์ขึ้นมาถือไว้ พลางกล่าว "ถ้าข้าขอให้เจ้าช่วยตรวจฎีกาด้วย เจ้าจะว่าอย่างไร?" "มีกฏมณเฑียรบาลห้ามมิให้ฝ่ายในก้าวก่ายราชการแผ่นดินมิใช่หรือขอรับ?" หลี่ชิงถามเสียงเบา "กฏอยู่ที่คน ถ้าข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้ช่วย ก็จะหลีกเลี่ยงกฏเกณฑ์นี้ได้" ไท่ชินอ๋องกล่าว "ข้าน้อยเกรงจะตัดสินความไม่เหมาะสมขอรับ" "อืม...ถ้าเช่นนั้น ในตอนแรก เจ้าอ่านแล้วบอกใจความสำคัญให้ข้าเป็นผู้ตัดสินก็ได้ และไม่กำหนดให้เจ้าต้องเข้าประชุมเช้าทุกเช้า" ไท่ชินอ๋องกล่าวพลางยื่นหน้ามาหอมแก้มเปล่งปลั่ง ก็สบเข้ากับดวงตากลมแป๋วของฮ่องเต้น้อย ที่วิ่งเข้ามาเกาะตักหลี่ชิง "หลานกงกง...ฮ่องเต้เสวยหรือยัง?" ไท่ชินอ๋องส่งเสียงถาม "เสวยแล้วขอรับ ท่านอ๋อง" หลานกงกงตอบนอบน้อม "เช่นนั้น เจ้ามาเชิญ(อุ้ม)ฮ่องเต้ออกไป" ไท่ชินอ๋องสั่ง "ขอรับ" หลานกงกง
หลี่ชิง เด็กหนุ่มน้อยวัยสิบสี่ หน้าตาสะสวยราวกับเทพเซียน รูปร่างบอบบาง เพราะเพิ่งย่างเข้าสู่วัยแรกรุ่นดรุณ ผมดำขลับยาวสลวยปล่อยปรกหลังไหล่ สวมชุดไว้ทุกข์สีขาวผ้าเนื้อหยาบ แต่เขาไม่ได้เต็มใจจะไว้ทุกข์เลย…เขานั่งอยู่บนเตียงนอนเล็กๆ ในห้องแคบๆ ที่มีเพียงแสงริบหรี่จากเทียนไขเล่มเล็กเพียงเล่มเดียวเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อน ประตูหน้าต่างของห้องล้วนถูกล่ามโซ่คล้องกุญแจจากภายนอกมีเพียงประตูห้องเท่านั้นที่เขาเป็นคนลงกลอนข้างในซ้ำเพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกเปิดพรวดพราดเข้ามาได้ตามอำเภอใจ เสียงกุกกักดังมาจากนอกประตู…ทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้ามอง มีคนกำลังไขกุญแจด้านนอก…จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงขลุกขลักๆ เบาๆ ของความพยายามที่จะเปิดประตูเข้ามา แต่พยายามอยู่สักพักเมื่อไม่เป็นผล ก็เปลี่ยนมาเป็นเคาะประตูเบาๆ เรียกเสียงค่อยๆ ว่า “เสี่ยวชิง เปิดประตูให้ข้าหน่อย” “ใคร?” หลี่ชิงแกล้งถาม ทั้งๆ ที่จำเสียงของอีกฝ่ายได้ “ข้างเอง…เฉาฉุน” คนข้างนอกประตูจำใจต้องประกาศตัวด้วยเสียงดังกว่ากระซิบแค่นิดเดียว “ดึกดื่นป่านนี้แล้ว คุณชายใหญ่มาที่นี่ทำไม?” เด็กหนุ่มกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าไม่กลัวข้าโกรธแล้วลงโทษเจ้าหรือ?” ไท่ชินอ๋องถามเสียงเรียบๆ ดังเดิม “จะอย่างไร…ข้าก็ต้องตายอยู่แล้ว” หลี่ชิงตอบ “ถ้าท่านโกรธแล้วลงโทษข้า อย่างมากก็แค่ตาย แล้วคนเราตายได้เพียงหนเดียวเท่านั้น” ไท่ชินอ๋องยกยิ้มมุมปากขวาขึ้นนิดหนึ่ง “เจ้าจะแสดงความกล้าหาญ…เช่นนั้นหรือ?”แต่…คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏแววประหลาดใจในดวงตาวูบหนึ่ง “ข้ากำลังเรียกร้องความสนใจจากท่านอยู่” “เพื่อ?” “ถ้าท่านสนใจข้า ข้าอาจจะมีชีวิตรอด…แต่ถ้าท่านไม่สนใจข้า ข้าก็แค่ถูกฝังตายทั้งเป็นเหมือนเดิมเท่านั้น” “ทำไมเจ้าไม่อ้อนวอนขอร้องข้าดีๆ ละ?” “ผู้สูงศักดิ์อย่างท่านไม่ใจอ่อนง่ายๆ หรอก…ท่านผ่านคำอ้อนวอนขอร้องจากผู้คนมามากมายอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจะมาสนใจอะไรกับคำอ้อนวอนของข้า” หลี่ชิงกล่าวตรงๆ “แต่ถ้าท่านไม่มีความสนใจข้าเลย ท่านคงไม่ให้คนนำตัวข้ามาให้ท่านดู” “อืม…เจ้าพูดถูก” ไท่ชินอ๋องยกมุมปากนิดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ข้าอยากเห็นว่าบุรุษแบบไหนกันนะจึงทำให้มหาอำมาตย์เฉาฮั่วถึงกับตายคาเตียงได้” หยุดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อว่า “แต่เห็นแล้ว…ก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหน
ที่โต๊ะอาหารมื้อเย็น... ไท่ชินอ๋องเสร็จจากการอ่านฎีกา ก็มานั่งเคียงหลี่ชิง ไท่หวางเฟยคีบของโปรดใส่ชามให้อีกฝ่าย พลางกล่าว "ท่านอ๋อง...วันนี้อ่านฎีกาจนถึงเย็น โปรดระวังรักษาสุขภาพด้วยขอรับ" "ขอบใจมาก ชิงชิง" ไท่ชินอ๋องหยิบตะเกียบเงินบริสุทธิ์ขึ้นมาถือไว้ พลางกล่าว "ถ้าข้าขอให้เจ้าช่วยตรวจฎีกาด้วย เจ้าจะว่าอย่างไร?" "มีกฏมณเฑียรบาลห้ามมิให้ฝ่ายในก้าวก่ายราชการแผ่นดินมิใช่หรือขอรับ?" หลี่ชิงถามเสียงเบา "กฏอยู่ที่คน ถ้าข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้ช่วย ก็จะหลีกเลี่ยงกฏเกณฑ์นี้ได้" ไท่ชินอ๋องกล่าว "ข้าน้อยเกรงจะตัดสินความไม่เหมาะสมขอรับ" "อืม...ถ้าเช่นนั้น ในตอนแรก เจ้าอ่านแล้วบอกใจความสำคัญให้ข้าเป็นผู้ตัดสินก็ได้ และไม่กำหนดให้เจ้าต้องเข้าประชุมเช้าทุกเช้า" ไท่ชินอ๋องกล่าวพลางยื่นหน้ามาหอมแก้มเปล่งปลั่ง ก็สบเข้ากับดวงตากลมแป๋วของฮ่องเต้น้อย ที่วิ่งเข้ามาเกาะตักหลี่ชิง "หลานกงกง...ฮ่องเต้เสวยหรือยัง?" ไท่ชินอ๋องส่งเสียงถาม "เสวยแล้วขอรับ ท่านอ๋อง" หลานกงกงตอบนอบน้อม "เช่นนั้น เจ้ามาเชิญ(อุ้ม)ฮ่องเต้ออกไป" ไท่ชินอ๋องสั่ง "ขอรับ" หลานกงกง
ไท่ชินอ๋องหันไปมองต้าโก่ว แล้วถามว่า "ตกลงอาเฟยซื้ออะไรมาฝากชิงชิง?" "เป็นพรมขนสัตว์อย่างดีที่สุดขอรับ" ต้าโก่วประสานมือตอบนอบน้อม "อ้อ..." หลี่ชิงพยักหน้า ก่อนจะถามต้าโก่วว่า "อาเฟยเขียนจดหมายบอกข้าว่า...เขาไม่มีข้าวกิน จริงหรือไม่?" "เป็นความจริงขอรับ" ต้าโก่วตอบด้วยสีหน้าประหลาดชอบกล แต่ดวงตาคู่สวยของหลี่ชิงเริ่มแดงเรื่อและคลอด้วยหยาดน้ำใส ไท่ชินอ๋องเห็น ก็โอบกระชับไหล่บอบบาง พลางเอ่ยปลอบ "น้องสี่คงไม่ปล่อยให้อาเฟยต้องอดข้าวหรอกชิงชิง...จริงหรือไม่ต้าโก่ว?" ท้ายประโยคหันไปไล่เบี้ยองครักษ์ประจำตัวอาเฟยอันดับสี่ "เรื่องนี้มันยาวขอรับ ท่านอ๋อง" ต้าโก่วตอบไม่เต็มปากเต็มคำนัก "เช่นนั้น...เจ้าเล่ามาให้ละเอียด" "ขอรับ..." ต้าโก่วขานรับ แล้วเล่าว่า "มีอยู่วันหนึ่ง ท่านอาเฟยนั่งร้องไห้..." "อาเฟยคงคิดถึงบ้าน" หลี่ชิงเอ่ยขึ้นเบาๆ "หามิได้ขอรับ" ต้าโก่วตอบ "แล้วอาเฟยร้องไห้ทำไม? ถูกผู้ใดรังแกหรือ?" ไท่ชินอ๋องถาม "มิมีผู้ใดรังแกท่านอาเฟยขอรับ" ต้าโก่วเอ่ย "เพียงแต่ท่านอาเฟยเบื่อแป้งย่าง อยากกินข้าวสวย แต่ต้าเหลียวไม่มีข้าวสวย ท่านอ๋อง
ต้าโก่วนำจดหมายจากต้าเหลียวมาส่งสองฉบับ ฉบับหนึ่งเป็นของอ๋องสี่ส่งถึงไท่ชินอ๋อง อีกฉบับหนึ่งเป็นของอาเฟยที่ส่งมาถึงกุ้ยหวางเฟย ไท่ชินอ๋องเปิดจดหมายของอ๋องสี่ก่อน แล้วอ่านออกเสียงให้หลี่ชิงฟังด้วย ข้อความในจดหมายเขียนมาสั้นๆ ว่า... "ถึงพี่ใหญ่ วานท่านช่วยหาขันทีให้ข้าสักสี่คน ต้องหนุ่มแน่น วรยุทธดี ซื่อสัตย์ ที่สำคัญที่สุดคือ"รู้งาน" จากน้องสี่ เฉินชง" ดวงตาคู่สวยมองไท่ชินอ๋องอย่างสงสัย "ท่านอ๋องสี่มิใช่มีขันทีอยู่แล้วหรอกหรือ?" "ที่เขาต้องการคือ...ขันทีรู้งาน" ไท่ชินอ๋องตอบ พลางพับจดหมายใส่ซองตามเดิม "รู้งาน?" เรียวคิ้วงามเลิกขึ้นเล็กน้อย "อืม...คงเอาไว้ประกบตัวเจ้ากรมข่าว"ประกบตัวอาเฟย!...หมายความว่าอ๋องสี่ตัดสินใจจะรับอาเฟยเป็นภรรยาแล้ว!!! หลี่ชิงลอบถอนหายใจเบาๆ ไท่ชินอ๋องโอบแขนกอดไหล่บอบบางเอาไว้อย่างปลอบประโลม พลางกล่าวเสียงอ่อนโยนว่า "ชิงชิง...น้องสี่เป็นคนที่พึ่งพาได้ และท่าทางเขาจะรักอาเฟยอย่างจริงใจ เจ้าอย่าได้กังวลเลย" หลี่ชิงพยักหน้าน้อยๆ ไท่ชินอ๋องรู้ว่าหลี่ชิงรักอาเฟยเหมือนน้องชายแท้ๆ และพยายามจะปกป้องอีกฝ่ายไว้
หลังพิธีการฝังศพ "ซูฟูเหริน" เสร็จ หลี่ชิงก็ขึ้นรถม้ากลับจวนไท่ชินอ๋อง พอถึงจวน...ท่านหมอก็รีบตรวจดูดวงตาของหลี่ชิงทันทีส่วนเสี่ยวฉีจื่อรับผ้าเช็ดหน้าที่ห่อหัวหอมแดงที่เป็นตัวต้นเหตุให้หลี่ชิงน้ำตาไหลพรากไปจากมือเรียวงาม เสี่ยวหงจื่อก็รีบนำกาละมังใส่น้ำสะอาดมาให้เด็กหนุ่มล้างมือที่อาจจะเปื้อนยางของหัวหอมแดง ออกให้หมด "ดวงตาของกุ้ยหวางเฟยระคายเคืองเล็กน้อย พักผ่อนสักวันหนึ่งก็คงหายดีขอรับ ข้าน้อยจะจัดยาบำรุงสายตาให้เทียบหนึ่งขอรับ" ท่านหมอกล่าวหลังจากตรวจดวงตาคู่งามเสร็จ "ขอบคุณท่านหมอมาก" หลี่ชิงกล่าวเสียงนุ่มนวล "เป็นหน้าที่ของข้าน้อยขอรับ" ท่านหมอตอบ แล้วไปจัดยาไท่ชินอ๋องที่นั่งรออยู่ปล่อยให้คนรุมล้อมดูแลหลี่ชิงเสร็จเรียบร้อยก่อนจึงลุกจากเก้าอี้ยาวที่นั่งอยู่ เข้ามาโอบไหล่บอบบาง ถามว่า "เหนื่อยมากหรือไม่? ชิงชิง" หลี่ชิงเผยอยิ้ม ตอบว่า "นิดหน่อยขอรับ...แล้วแม่..." กล่าวยังไม่ทันจบประโยค ไท่ชินอ๋องก็ขัดขึ้น "จุ๊ๆ...ต่อแต่นี้ไปไม่มีท่านแม่ มีแต่ท่านน้า 'หานฝูหรง' น้าสาวคนเล็กของข้า หรือท่านหญิงหาน" "ขอรับ ข้าน้อยจะจำไว้ให้แม่นยำ" หลี่ชิงยิ้
ไท่ชินอ๋องหายจากอาการบาดเจ็บ ไปว่าราชการตามปกติได้สามวันแล้ว พอกลับถึงจวนวันนี้ก็บอกข่าวดีต่อหลี่ชิง "จริ งหรือขอรับ? ท่านอ๋อง" หลี่ชิงตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้า...ตั้งแต่เขาถูกจับตัวกลับมา จนเกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย เขาไม่ได้พบกับแม่เลย มีเพียงหลิวกงกง เสี่ยวฉีจื่อ กับไท่ชินอ๋องคอยบอกเขาว่า อย่าได้กังวล ขอเพียงเขาอยู่อย่างสงบเสงี่ยม แม่ก็จะปลอดภัย แต่วันนี้...ไท่ชินอ๋องบอกว่าจะให้เขาได้พบกับแม่ "ข้าไม่หลอกเจ้าหรอกนะ...ชิงชิง" ไท่ชินอ๋องตอบ พลางยกมือลูบผมนุ่ม "ขอบคุณขอรับ ขอบคุณมากขอรับ" หลี่ชิงพร่ำพูด น้ำตารื้อ ไท่ชินอ๋องจึงจูงมือหลี่ชิงไปนั่งที่โต๊ะอาหาร "พวกเรากินอาหารกันไปพลางๆ พูดคุยกันไปพลางๆ อีกสักครู่ท่านแม่ยายก็คงมาถึง เพราะข้าให้หลิวกงกงไปรับแล้ว" "ขอรับ" หลี่ชิงคีบกับไว้ในชามของไท่ชินอ๋องอย่างเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ "ตั้งแต่ข้าฟื้นจากถูกลูกธนูอาบยาพิษครั้งนี้ ดูชิงชิงของข้าจะเอาใจใส่ข้าเป็นพิเศษ" ไท่ชินอ๋องกล่าวแล้วยกยิ้ม "เช่นนี้ต่อให้ข้าถูกลูกธนูพิษเพิ่มอีกสักสองสามดอกก็คุ้มค่า" หลี่ชิงยกมือเรียวปิดปากได้รูป ปรามว่า "ท่านอ๋องไม่พูดเช
สิ่งแรกที่ไท่ชินอ๋องทำ เมื่อฟื้นคืนสติอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็คือร่างพระราชโองการ ประกาศความผิดของมหาเสนาบดีเจียงผิง ไทเฮาเจียงซู่จิ่น และอ๋องสาม มีใจความว่า...ทั้งสามร่วมมือกันก่อขบถต่อฮ่องเต้ แต่ไท่ชินอ๋องได้ทำการปราบปรามสำเร็จ ถึงแม้ทั้งสามจะสิ้นชีวิตในการปราบปรามไปแล้วก็ตาม แต่ยังคงมีโทษผิดติดตัว ให้ถอดยศเป็นสามัญชนทั้งตัวผู้กระทำและครอบครัว ยึดทรัพย์สินข้าทาสบริวาร และเนรเทศครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ไปชายแดนในฐานะนักโทษใช้แรงงาน แล้วให้หวังกงกงเชิญฮ่องเต้น้อยนั่งบัลลังก์ เพื่อประกาศพระราชโองการ ให้เจ้ากรมอาญารับราชโองการไปปฏิบัติในทันทีซึ่งครอบครัวและเหล่าข้าทาสบริวารของนักโทษทั้งหมดล้วนถูกคุมตัวตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันแล้ว โดยกองทัพพิทักษ์เมืองหลวงที่มีแม่ทัพอยู่ในสังกัดไท่ชินอ๋องโดยตรงและให้หวังกงกงรวบรวมฎีกาที่ยังไม่ได้วินิจฉัยทั้งหมดส่งมายังจวนของไท่ชินอ๋อง เมื่อหวังกงกงอ่านพระราชโองการจบ เหล่าขุนนางต่างกล่าวถวายพระพรฮ่องเต้ที่กำลังปีนพระราชบัลลังก์เล่นอย่างสนุกสนาน ด้วยความพร้อมเพรียงกันว่า "ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปีๆๆๆๆๆ" แล้วหลานกงกง
ไท่ชินอ๋องมองศพของไทเฮานิ่งๆ อึดใจหนึ่ง จึงเดินจากไป...เพื่อตรงไปยังห้องโถงของตำหนักหลวง ที่นั่นคนที่เคยปลอมตัวเป็นคนขับรถม้า เขาคือชั่งเหอ รองหัวหน้าหน่วยราชองครักษ์รออยู่ พร้อมกับเหมยฟงองครักษ์ซ้าย "สามารถควบคุมหน่วยราชองครักษ์ได้แล้วขอรับท่านอ๋อง" ชั่งเหอน้อมกายรายงาน "ทางท่านอ๋องสี่ส่งข่าวมาว่า งานสำเร็จเรียบร้อยขอรับ" เหมยฟงกล่าว ไท่ชินอ๋องยกยิ้มอย่างเบาใจ...อ๋องสี่สามารถปลิดชีพแม่ทัพภาคเหนือเจียงจ้าน พี่ชายของไทเฮาแล้ว แต่ข่าวดีมาถึงไม่ถึงอึดใจ ข่าวร้ายก็ตามมา ทันใด...หลิวกงกงก็พุ่งทะยานเข้ามาคุกเข่าลงตรงหน้า "เรียนท่านอ๋อง เกิดเรื่องกับกุ้ยหวางเฟยแล้วขอรับ" "เกิดอะไรขึ้น?" ไท่ชินอ๋องถาม สีหน้าเครียด "กุ้ยหวางเฟยถูกพ่อบ้านเจา เสี่ยวอี้จื่อ และเสี่ยวลู่จื่อจับตัวไป เสี่ยวฉีจื่อและเสี่ยวหงจื่อล้วนถูกทำร้ายบาดเจ็บ พวกเขาทิ้งจดหมายฉบับนี้ไว้" หลิวกงกงส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ไท่ชินอ๋องที่ลานกว้างภายในจวนของมหาเสนาบดีเจียงผิง...หลี่ชิงถูกมัดแขวนไว้กับเสาสูงอยู่ตรงกลาง มีมือธนูขึ้นสายอาวุธอาบยาพิษเล็งมาที่เขา ซ่อนตัวอยู่ในที่กำบังมองไม่เห็นตัว หลี่ชิ
เพราะฮ่องเต้น้อยและตราแผ่นดินหายไป...ไท่ชินอ๋องจึงต้องเข้าวังกลางดึก เขาตรงไปหาไทเฮาที่ตำหนักของนาง แต่ตำหนักของไทเฮาวันนี้ไร้ผู้คน ไม่ว่าจะเป็นขันที นางกำนัล ราชองครักษ์ หรือแม้แต่ทหารยาม พอเปิดประตูห้องโถงใหญ่เข้าไปก็เห็นตรงกลางห้อง...ร่างของอ๋องสามนอนอยู่บนพื้นในสภาพเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดบนใบหน้าไท่ชินอ๋องสะบัดมือวูบ...ลูกเหล็กลูกหนึ่งก็พุ่งใส่หน้าผากของร่างบนพื้นทันที...อ๋องสามรีบพลิกตัวหลบอย่างหวุดหวิด ลูกเหล็กกระทบกับพื้นจนเกิดเป็นหลุมหลุมหนึ่งก่อนจะกระดอนกลับไปอยู่ในมือไท่ชินอ๋อง อ๋องสามดีดตัวยืนข้างๆ ไทเฮา กล่าวว่า "พี่ใหญ่ ท่านยังคงเหี้ยมโหดไม่เปลี่ยนแปลง แม้แต่กับศพ ท่านยังลงมือได้" "ศพที่จ้องจะทำร้ายข้าอย่างเจ้านะหรือ" ไท่ชินอ๋องควงลูกเหล็กในมือเพิ่มขึ้นเป็นสี่ลูกด้วยมือข้างเดียว "ข้าต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษอยู่แล้ว" "เวลานี้ ภายในวังถูกข้าควบคุมเอาไว้หมดแล้ว แม้แต่ไทเฮาก็ถูกข้าสะกัดจุดเอาไว้ ไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว" อ๋องสามกล่าวสีหน้ากระหยิ่ม แต่เพราะมีคราบเลือดปลอมแปลงบนใบหน้า จึงทำให้ดูขัดหูขัดตา "เจ้าต้องการอะไร?" ไท่ชินอ๋องถาม "พว
ในห้องนอน ตำหนักใหญ่... เสี่ยวอี้จื่อยกสำรับอาหารมาตั้งโต๊ะให้หลี่ชิง พลางส่งเสียงบอกอย่างนอบน้อมว่า "อาหารมาแล้วขอรับ กุ้ยหวางเฟย"หลี่ชิงจึงลุกจากเตียงนอนไปนั่งที่โต๊ะ...โซ่ที่ล่ามข้อเท้ายาวพอให้เขาลุกเดินในระยะหนึ่งจั้ง( สองเมตรครึ่ง ) เสี่ยวหงจื่อกล่าวเสริมว่า "กินให้มากๆ นะขอรับ กุ้ยหวางเฟยกินได้มากเท่าไหร่ อาหารที่ส่งให้ซูฟูเหรินก็มีจำนวนมากเท่านั้น" หลี่ชิงน้ำตาหยดลงในชามข้าวขณะคีบอาหารเข้าปาก ในเวลาเดียวกัน...ที่เรือนดอกเหมย สาวใช้ก็ยกสำรับมาตั้งโต๊ะ แล้วเชื้อเชิญซูไห่ถังกิน "กินมากมากนะเจ้าคะ...ฟูเหรินกินได้มากเท่าไหร่ กุ้ยหวางเฟยก็จะได้รับอาหารมากเท่านั้นเจ้าค่ะ" สาวใช้กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน อาชิง เวลานี้แม่คงทำเพื่อลูกได้อย่างมากที่สุดก็คือพยายามกินให้มากๆ เท่านั้น...ซูไห่ถังคิดในใจ พลางยกตะเกียบขึ้นกินอาหารอย่างเงียบๆ ที่กลางป่า...อาเฟยกำลังกัดกินไก่ย่างอย่างตั้งอกตั้งใจ อ๋องสี่บอกว่า...กินไก่ย่างหมดหนึ่งตัว จะได้เงินสามตำลึง กินน้อยกว่าหนึ่งตัวหักเงิน กินมากกว่าหนึ่งตัวไม่ว่า... อาเฟยคิด...หากกินไก่ย่างมื้อละตัว สิบมื้อสิบต