หลี่ชิง เด็กหนุ่มน้อยวัยสิบสี่ หน้าตาสะสวยราวกับเทพเซียน รูปร่างบอบบาง เพราะเพิ่งย่างเข้าสู่วัยแรกรุ่นดรุณ ผมดำขลับยาวสลวยปล่อยปรกหลังไหล่ สวมชุดไว้ทุกข์สีขาวผ้าเนื้อหยาบ แต่เขาไม่ได้เต็มใจจะไว้ทุกข์เลย…เขานั่งอยู่บนเตียงนอนเล็กๆ ในห้องแคบๆ ที่มีเพียงแสงริบหรี่จากเทียนไขเล่มเล็กเพียงเล่มเดียวเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อน ประตูหน้าต่างของห้องล้วนถูกล่ามโซ่คล้องกุญแจจากภายนอก
มีเพียงประตูห้องเท่านั้นที่เขาเป็นคนลงกลอนข้างในซ้ำเพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกเปิดพรวดพราดเข้ามาได้ตามอำเภอใจ
เสียงกุกกักดังมาจากนอกประตู…ทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้ามอง
มีคนกำลังไขกุญแจด้านนอก…จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงขลุกขลักๆ เบาๆ ของความพยายามที่จะเปิดประตูเข้ามา แต่พยายามอยู่สักพักเมื่อไม่เป็นผล ก็เปลี่ยนมาเป็นเคาะประตูเบาๆ เรียกเสียงค่อยๆ ว่า
“เสี่ยวชิง เปิดประตูให้ข้าหน่อย”
“ใคร?” หลี่ชิงแกล้งถาม ทั้งๆ ที่จำเสียงของอีกฝ่ายได้
“ข้างเอง…เฉาฉุน” คนข้างนอกประตูจำใจต้องประกาศตัวด้วยเสียงดังกว่ากระซิบแค่นิดเดียว
“ดึกดื่นป่านนี้แล้ว คุณชายใหญ่มาที่นี่ทำไม?” เด็กหนุ่มกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เสี่ยวชิง…พรุ่งนี้แล้ว เจ้าจะต้องถูกฝังทั้งเป็น เจ้าไม่กลัวหรือ?”
“กลัวหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องของท่าน?”
“ย่อมเป็นเรื่องของข้า” เสียงแหบทุ้มของเฉาฉุนเอ่ยอย่างร้อนรน “ข้าชอบเจ้า ข้าชอบเจ้ามากเสี่ยวชิง ขอเพียงเจ้ายอมข้า ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
“ปกป้องข้าหรือ? ท่านจะใช้ฐานะอะไรมาปกป้องข้า” หนุ่มน้อยส่งเสียงเฮอะเบาๆ ก่อนจะกล่าวต่อ “ที่ข้าตกที่นั่งลำบากครั้งนี้ล้วนเป็นเพราะท่าน หากท่านมิมาวุ่นวายกับข้า จนบิดาของท่านไปดูตัวข้าแล้วเกิดความพึงพอใจ ออกปากกับ…” หลี่ชิงนั้นกล้ำกลืนคำว่า…บิดาของข้า…เอาไว้ไม่ยอมกล่าวออกมา “ออกปากกับอำมาตย์หลี่ อำมาตย์หลี่ก็คงไม่คิดจะเอาข้าเป็นบันไดใฝ่หาอำนาจด้วยการยกข้าให้เป็นชายบำเรอของมหาอำมาตย์เฉาฮั่วบิดาของท่าน…แล้วผู้ใดจะคาดคิดว่าเขาอยู่ๆ จะหัวใจวายตายโดยไร้สาเหตุ จนข้าถูกประนามว่าเป็นคนร่านราคะ ต้องถูกจับฝังทั้งเป็นไปพร้อมกับศพของเขา”
“ยามนี้ข้าได้สืบทอดตำแหน่งมหาอำมาตย์ต่อจากท่านพ่อผู้วายชนม์แล้ว ขอเพียงเจ้ายอมข้า ข้าจะกันเจ้าเอาไว้ ไม่ให้พวกเขาจับเจ้าฝังไปกับท่านพ่อ”
“หึ…ท่านทำได้หรือ?” น้ำเสียงของหลี่ชิงเยาะหยัน
“ข้าทำได้” เฉาฉุนกล่าวยืนยันหนักแน่น
แต่หลี่ชิงไม่เชื่อ เพราะอีกฝ่ายมากเล่ห์แสนกล เด็กหนุ่มคาดเดาในใจว่า...เฉาฉุนคงไม่ยอมเอาอนาคตของตนเองมาแลกกับชีวิตลูกอนุไร้ค่าอย่างเขาเป็นแน่ ที่กล่าวมาทั้งหมดก็เพียงเพื่อหว่านล้อมให้เขายินยอมสมสู่ด้วยเท่านั้น หลังจากนั้นเขาจะถูกฝังทั้งเป็นหรืออย่างไร เฉาฉุนก็คงแค่เอามือไพล่หลังยืนมองเท่านั้น!
“เช่นนั้น…ท่านก็ช่วยให้ข้ารอดชีวิตจากการถูกฝังทั้งเป็นในวันพรุ่งนี้เสียก่อน เรื่องอื่นค่อยมาว่ากล่าวกันทีหลัง” หลี่ชิงกล่าวเสียงเรียบ
นอกประตูเงียบเสียงไปอึดใจหนึ่ง แล้วเสียงกุกกักของการคล้องโซ่ใส่กุญแจก็ดังขึ้น ต่อด้วยเสียงฝีเท้าก้าวห่างจากไป
เด็กหนุ่มถอนหายใจ…ชีวิตของเขาคงหนีไปพ้นวันพรุ่งนี้เป็นแน่แท้!
แต่ถึงต้องตาย…เขาก็ขอสาปแช่งให้จวนมหาอำมาตย์เฉาฮั่วกับจวนอำมาตย์หลี่ไฉพบกับความย่อยยับพินาศหมดสิ้นทั้งสองตระกูล!!!
หลี่ชิงนั่งอยู่ในความเงียบอีกพักใหญ่ ก็มีคนมาไขกุญแจปลดโซ่ประตู แต่พอเปิดประตูไม่ได้ ก็ทุบประตูโครมๆ ตะโกนว่า
“หลี่ชิงเปิดประตูเดี๋ยวนี้”
น่าจะเป็นเสียงคนรับใช้ชาย
หลี่ชิงจึงลุกจากเตียงที่นั่งอยู่ไปเปิดประตู พอประตูเปิดออกก็เห็นคนรับใช้ชายสองคนที่มีหน้าตาบูดบึ้งยืนอยู่
“ตามข้ามา” คนรับใช้คนหนึ่งเอ่ยเสียงห้วน แล้วคนรับใช้ชายทั้งสองก็จับต้นแขนของหลี่ชิงคนละข้างเอาไว้แน่น พาตัวไป
เด็กหนุ่มได้แต่คิด…พวกสารเลวนี่คงจะจับเขาไปใส่โลงตอกปิดฝาเตรียมไว้ฝังพรุ่งนี้เป็นแน่
แต่ผิดคาด…
คนรับใช้ทั้งสองลากตัวหลี่ชิงมาที่ห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลเฉา
ที่นั่น…มีคนผู้หนึ่งที่หลี่ชิงไม่รู้จักนั่งที่เก้าอี้ในตำแหน่งประธาน เป็นบุรุษหนุ่มวัยยี่สิบห้า หน้าตาหล่อเหลาคมคายอย่างยิ่ง ดวงตาคมกริบติดจะดุดัน รับกับมีสีหน้าเย็นชากระด้าง รูปร่างกำยำสูงใหญ่ แต่งกายหรูหราประณีต อย่างผู้สูงศักดิ์
ส่วนเฉาฉุนที่มีตำแหน่งเป็นมหาอำมาตย์และเจ้าบ้านในเวลานี้ กลับยืนอยู่ข้างๆ อย่างสงบเสงี่ยม
พอหลี่ชิงถูกนำตัวมา ก็ถูกบังคับให้คุกเข่าลงที่กลางห้องโถงตรงหน้าชายสูงศักดิ์คนนั้น
“เสี่ยวชิง…เอ้อ…หลี่ชิง” เฉาฉุนเอ่ยอย่างไม่ทันระวังก่อนจะรีบเปลี่ยนคำเรียกหาเพราะอยู่ต่อหน้าบุคคลอื่น “รีบโขกศีรษะคารวะไท่ชินอ๋อง” (ชินอ๋อง=ตำแหน่งสูงสุดของอ๋อง มีคำว่า “ไท่” ที่แปลว่ายิ่งใหญ่นำหน้า จึงเป็นตำแหน่งที่สูงขึ้นไปอีก ใช้เฉพาะในเรื่องนี้เท่านั้น)
บุรุษตรงหน้านี้คือไท่ชินอ๋องหรือ?
ไท่ชินอ๋องผู้มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดินหนานหยางนี้หรือ!
ผู้มีอำนาจเหนือกว่าฮ่องเต้เสียอีก!!!
หลี่ชิงคิดจะเสี่ยงดวงดู…หากได้ผลก็รอด หากไม่ได้ผลก็แค่ตาย…จะอย่างไรเขาก็ต้องตายอยู่แล้วนี่นา
เด็กหนุ่มนิ่งเฉย ไม่ยอมโขกศีรษะ
เฉาฉุนร้อนใจ ลอบโบกมือให้คนรับใช้ชายทั้งสองที่นำตัวหลี่ชิงมา และยืนสงบเสงี่ยมอยู่ด้านข้าง
ทั้งสองสมกับเป็นคนรับใช้มานานปี พอเห็นสัญญาณก็ตรงเข้ามาจะจับหลี่ชิงโขกศีรษะ
“ไม่ต้อง” ไท่ชินอ๋องส่งเสียงห้าม…คนมีอำนาจ แม้แต่เสียงก็ยังทรงอำนาจ
คนรับใช้ทั้งสองรีบคำนับแล้วกลับไปยืนอยู่ด้านข้างตามเดิม
“ทำไมเจ้าไม่ยอมคารวะข้า?” ไท่ชินอ๋องถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่แสดงอารมณ์ใดใด พลางยกน้ำชาขึ้นจิบ
“คารวะท่านแล้วมีประโยชน์อันใด?” หลี่ชิงใช้น้ำเสียงเดียวกันถาม…แต่เพราะยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยละอ่อนอยู่ เสียงที่ใช้จึงมิได้เข้มแข็งมีอำนาจมากเท่า
“เจ้าไม่กลัวข้าโกรธแล้วลงโทษเจ้าหรือ?” ไท่ชินอ๋องถามเสียงเรียบๆ ดังเดิม “จะอย่างไร…ข้าก็ต้องตายอยู่แล้ว” หลี่ชิงตอบ “ถ้าท่านโกรธแล้วลงโทษข้า อย่างมากก็แค่ตาย แล้วคนเราตายได้เพียงหนเดียวเท่านั้น” ไท่ชินอ๋องยกยิ้มมุมปากขวาขึ้นนิดหนึ่ง “เจ้าจะแสดงความกล้าหาญ…เช่นนั้นหรือ?”แต่…คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏแววประหลาดใจในดวงตาวูบหนึ่ง “ข้ากำลังเรียกร้องความสนใจจากท่านอยู่” “เพื่อ?” “ถ้าท่านสนใจข้า ข้าอาจจะมีชีวิตรอด…แต่ถ้าท่านไม่สนใจข้า ข้าก็แค่ถูกฝังตายทั้งเป็นเหมือนเดิมเท่านั้น” “ทำไมเจ้าไม่อ้อนวอนขอร้องข้าดีๆ ละ?” “ผู้สูงศักดิ์อย่างท่านไม่ใจอ่อนง่ายๆ หรอก…ท่านผ่านคำอ้อนวอนขอร้องจากผู้คนมามากมายอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจะมาสนใจอะไรกับคำอ้อนวอนของข้า” หลี่ชิงกล่าวตรงๆ “แต่ถ้าท่านไม่มีความสนใจข้าเลย ท่านคงไม่ให้คนนำตัวข้ามาให้ท่านดู” “อืม…เจ้าพูดถูก” ไท่ชินอ๋องยกมุมปากนิดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ข้าอยากเห็นว่าบุรุษแบบไหนกันนะจึงทำให้มหาอำมาตย์เฉาฮั่วถึงกับตายคาเตียงได้” หยุดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อว่า “แต่เห็นแล้ว…ก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหน
“อาเฟย…” หลี่ชิงเรียกเสียงนุ่มนวล “ขอรับ คุณชาย” อาเฟยขานรับด้วยรอยยิ้มสดใส“ข้าเป็นคนมาใหม่…เจ้าพอจะช่วยบอกเล่าความเป็นไปของจวนแห่งนี้ให้ข้ารับรู้ได้หรือไม่?” หลี่ชิงไม่ใช้ถ้อยคำออกคำสั่งแต่ใช้ถ้อยคำขอร้องอย่างสุภาพกับอาเฟยแทน อาเฟยยิ้มจนตาแทบปิด พยักหน้ารัวๆ “ได้ขอรับ” แล้วเล่าให้หลี่ชิงฟังว่า…ไท่ชินอ๋องมีนามว่าเฉินเจี๋ย มีพระชายาเอกนามว่าฟางหมิงซิน นางเป็นธิดาคนเดียวของอำมาตย์ฟางเหยียนเจ้ากรมพิธีการ พระชายาฟางหมิงซินมีนิสัยเจ้าระเบียบและหึงหวงแรง ไท่ชินอ๋องจึงไม่ได้แต่งตั้งพระชายารอง แต่มีอนุชายาสามนางคือ จูอี๋เหนียง หยวนอี๋เหนียง และเหมยอี๋เหนียง(อี๋เหนียง คือคำเรียกอนุชายา หรืออนุภรรยา) ส่วนอำนาจจัดการเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างในจวนขึ้นตรงกับพ่อบ้านเจา ยกเว้นเรื่องส่วนตัวของไท่ชินอ๋องที่จะอยู่ในการดูแลของขันทีหวังเสียง “เมื่อวาน ตอนที่คุณชายยังนอนหลับอยู่…พระชายาฟางหมิงซินก็ส่งสาวใช้มาดูขอรับ” อาเฟยเอ่ยเสียงเบาอย่างเกรงๆ “เจี่ยเจีย(พี่สาว…เป็นคำเรียกยกย่องสาวใช้) บอกว่า…หากคุณชายได้สติแล้ว ให้ไปคำนับพระชายาโดยเร็ว” หลี่ชิงได้ยิน ก็อดขมวดคิ้วเล็กน้
หลี่ชิงขบริมฝีปากจนห้อเลือด กำมือแน่น เพื่อข่มอารมณ์โกรธเกลียดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะถามอาเฟยต่อว่า “ยามนี้ซูอี๋เหนียงเป็นอย่างไรบ้าง?” “บ่าวไม่ทราบขอรับ บ่าวซื้อข่าวมาได้เพียงแค่นี้ เพราะบ่าวมีเงินจำกัดขอรับ” อาเฟยตอบแล้วก้มหน้าหงอยๆ “แค่นี้ก็ขอบใจเจ้ามากแล้วอาเฟย” หลี่ชิงกล่าวแล้วไอแค็กๆ “คุณชาย…” อาเฟยเอามืออังซอกคอของหลี่ชิง แล้วอุทานหน้าตื่นว่า “ท่านตัวร้อน” “แค่นิดเดียวเอง ไม่ถึงกับตายหรอก” เจ้านายหนุ่มน้อยตอบอย่างไม่แยแส ทันใด…เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขัดจังหวะ อาเฟยเดินไปเปิดประตู…คนเข้ามาแต่งชุดขันที อายุราวสามสิบ รูปร่างสูงเพรียว หน้าตาสุภาพ “หลิวกงกง” อาเฟยทักพร้อมกับค้อมศีรษะนอบน้อม “อืม” หลิวกงกงรับคำในลำคอ แล้วเดินเข้ามาในห้องนอน กล่าวกับหลี่ชิงว่า “คุณชายหลี่ ท่านอ๋องให้ท่านไปปรนนิบัติคืนนี้” “เอ้อ…คุณชายไม่…” อาเฟยจะบอกว่า…คุณชายไม่สบายอยู่ แต่หลี่ชิงรีบยกมือห้าม พร้อมกับรับคำหลิวกงกงว่า “ข้ารับทราบแล้วกงกง” “อืม…หลังกินอาหารแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมนะ ข้าจะมารับ” ว่าพลางหยิบตลับขี้ผึ้งสำหรับหล่อลื่นช่องทางสวาทยื่นส่งให้ “ส
เด็กหนุ่มยกถ้วยน้ำชาผสมยาปลุกกำหนัดขึ้นจรดริมฝีปากของตนเอง ขณะจะดื่ม ข้อมือเล็กๆ ของเขาก็ถูกมือใหญ่ของไท่ชินอ๋องคว้าจับยึดไว้ “ในน้ำชานั้นใส่อะไร?” เสียงทุ้มต่ำถาม “ยาปลุกกำหนัดขอรับ” หลี่ชิงตอบตามจริง “จะปรนนิบัติข้า ถึงกับต้องใช้ยาปลุกกำหนัดเชียวหรือ?” “ข้าน้อยไร้ประสบการณ์ เกรงจะปรนนิบัติท่านอ๋องไม่ถูกใจ จึงจำเป็นต้องใช้ยาปลุกกำหนัดช่วยขอรับ” ไท่ชินอ๋องจับมือของหลี่ชิงให้วางถ้วยลงบนโต๊ะ สั่งว่า “วางมันลง” หลี่ชิงก็ปฏิบัติตามไม่ขัดขืน “เจ้ามิใช่มีความสามารถจนทำให้มหาอำมาตย์เฉาผู้บิดาสิ้นใจตายคาเตียงหรอกหรือ?” “คืนนั้น…เขามิได้แตะต้องถูกตัวข้าน้อยแม้แต่ปลายนิ้วขอรับ” “เช่นนั้น เขาตายอย่างไร?” ไท่ชินอ๋องถามแล้วสั่งว่า “นั่งลง แล้วเล่าเหตุการณ์คืนนั้นให้ข้าฟังอย่างละเอียด” หลี่ชิงจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงกันข้ามกับไท่ชินอ๋องตามที่เขาสั่ง แล้วเล่าว่า “คืนนั้น…เขามาหาข้าน้อยที่ห้อง มีอาการคล้ายคนเมาอยู่หลายส่วน แต่พอเขาเดินเข้ามาใกล้ข้าน้อยเกือบหนึ่งจั้ง(หนึ่งจั้ง = 2.5 เมตร ในที่นี้จึงราวสองเมตรกว่า) เขาก็ล้มลง ในตอนแรกข้าน้อยคิดว่าเขาเ
เด็กหนุ่มยกถ้วยน้ำชาผสมยาปลุกกำหนัดขึ้นจรดริมฝีปากของตนเอง ขณะจะดื่ม ข้อมือเล็กๆ ของเขาก็ถูกมือใหญ่ของไท่ชินอ๋องคว้าจับยึดไว้ “ในน้ำชานั้นใส่อะไร?” เสียงทุ้มต่ำถาม “ยาปลุกกำหนัดขอรับ” หลี่ชิงตอบตามจริง “จะปรนนิบัติข้า ถึงกับต้องใช้ยาปลุกกำหนัดเชียวหรือ?” “ข้าน้อยไร้ประสบการณ์ เกรงจะปรนนิบัติท่านอ๋องไม่ถูกใจ จึงจำเป็นต้องใช้ยาปลุกกำหนัดช่วยขอรับ” ไท่ชินอ๋องจับมือของหลี่ชิงให้วางถ้วยลงบนโต๊ะ สั่งว่า “วางมันลง” หลี่ชิงก็ปฏิบัติตามไม่ขัดขืน “เจ้ามิใช่มีความสามารถจนทำให้มหาอำมาตย์เฉาผู้บิดาสิ้นใจตายคาเตียงหรอกหรือ?” “คืนนั้น…เขามิได้แตะต้องถูกตัวข้าน้อยแม้แต่ปลายนิ้วขอรับ” “เช่นนั้น เขาตายอย่างไร?” ไท่ชินอ๋องถามแล้วสั่งว่า “นั่งลง แล้วเล่าเหตุการณ์คืนนั้นให้ข้าฟังอย่างละเอียด” หลี่ชิงจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงกันข้ามกับไท่ชินอ๋องตามที่เขาสั่ง แล้วเล่าว่า “คืนนั้น…เขามาหาข้าน้อยที่ห้อง มีอาการคล้ายคนเมาอยู่หลายส่วน แต่พอเขาเดินเข้ามาใกล้ข้าน้อยเกือบหนึ่งจั้ง(หนึ่งจั้ง = 2.5 เมตร ในที่นี้จึงราวสองเมตรกว่า) เขาก็ล้มลง ในตอนแรกข้าน้อยคิดว่าเขาเ
หลี่ชิงขบริมฝีปากจนห้อเลือด กำมือแน่น เพื่อข่มอารมณ์โกรธเกลียดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะถามอาเฟยต่อว่า “ยามนี้ซูอี๋เหนียงเป็นอย่างไรบ้าง?” “บ่าวไม่ทราบขอรับ บ่าวซื้อข่าวมาได้เพียงแค่นี้ เพราะบ่าวมีเงินจำกัดขอรับ” อาเฟยตอบแล้วก้มหน้าหงอยๆ “แค่นี้ก็ขอบใจเจ้ามากแล้วอาเฟย” หลี่ชิงกล่าวแล้วไอแค็กๆ “คุณชาย…” อาเฟยเอามืออังซอกคอของหลี่ชิง แล้วอุทานหน้าตื่นว่า “ท่านตัวร้อน” “แค่นิดเดียวเอง ไม่ถึงกับตายหรอก” เจ้านายหนุ่มน้อยตอบอย่างไม่แยแส ทันใด…เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขัดจังหวะ อาเฟยเดินไปเปิดประตู…คนเข้ามาแต่งชุดขันที อายุราวสามสิบ รูปร่างสูงเพรียว หน้าตาสุภาพ “หลิวกงกง” อาเฟยทักพร้อมกับค้อมศีรษะนอบน้อม “อืม” หลิวกงกงรับคำในลำคอ แล้วเดินเข้ามาในห้องนอน กล่าวกับหลี่ชิงว่า “คุณชายหลี่ ท่านอ๋องให้ท่านไปปรนนิบัติคืนนี้” “เอ้อ…คุณชายไม่…” อาเฟยจะบอกว่า…คุณชายไม่สบายอยู่ แต่หลี่ชิงรีบยกมือห้าม พร้อมกับรับคำหลิวกงกงว่า “ข้ารับทราบแล้วกงกง” “อืม…หลังกินอาหารแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมนะ ข้าจะมารับ” ว่าพลางหยิบตลับขี้ผึ้งสำหรับหล่อลื่นช่องทางสวาทยื่นส่งให้ “ส
“อาเฟย…” หลี่ชิงเรียกเสียงนุ่มนวล “ขอรับ คุณชาย” อาเฟยขานรับด้วยรอยยิ้มสดใส“ข้าเป็นคนมาใหม่…เจ้าพอจะช่วยบอกเล่าความเป็นไปของจวนแห่งนี้ให้ข้ารับรู้ได้หรือไม่?” หลี่ชิงไม่ใช้ถ้อยคำออกคำสั่งแต่ใช้ถ้อยคำขอร้องอย่างสุภาพกับอาเฟยแทน อาเฟยยิ้มจนตาแทบปิด พยักหน้ารัวๆ “ได้ขอรับ” แล้วเล่าให้หลี่ชิงฟังว่า…ไท่ชินอ๋องมีนามว่าเฉินเจี๋ย มีพระชายาเอกนามว่าฟางหมิงซิน นางเป็นธิดาคนเดียวของอำมาตย์ฟางเหยียนเจ้ากรมพิธีการ พระชายาฟางหมิงซินมีนิสัยเจ้าระเบียบและหึงหวงแรง ไท่ชินอ๋องจึงไม่ได้แต่งตั้งพระชายารอง แต่มีอนุชายาสามนางคือ จูอี๋เหนียง หยวนอี๋เหนียง และเหมยอี๋เหนียง(อี๋เหนียง คือคำเรียกอนุชายา หรืออนุภรรยา) ส่วนอำนาจจัดการเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างในจวนขึ้นตรงกับพ่อบ้านเจา ยกเว้นเรื่องส่วนตัวของไท่ชินอ๋องที่จะอยู่ในการดูแลของขันทีหวังเสียง “เมื่อวาน ตอนที่คุณชายยังนอนหลับอยู่…พระชายาฟางหมิงซินก็ส่งสาวใช้มาดูขอรับ” อาเฟยเอ่ยเสียงเบาอย่างเกรงๆ “เจี่ยเจีย(พี่สาว…เป็นคำเรียกยกย่องสาวใช้) บอกว่า…หากคุณชายได้สติแล้ว ให้ไปคำนับพระชายาโดยเร็ว” หลี่ชิงได้ยิน ก็อดขมวดคิ้วเล็กน้
“เจ้าไม่กลัวข้าโกรธแล้วลงโทษเจ้าหรือ?” ไท่ชินอ๋องถามเสียงเรียบๆ ดังเดิม “จะอย่างไร…ข้าก็ต้องตายอยู่แล้ว” หลี่ชิงตอบ “ถ้าท่านโกรธแล้วลงโทษข้า อย่างมากก็แค่ตาย แล้วคนเราตายได้เพียงหนเดียวเท่านั้น” ไท่ชินอ๋องยกยิ้มมุมปากขวาขึ้นนิดหนึ่ง “เจ้าจะแสดงความกล้าหาญ…เช่นนั้นหรือ?”แต่…คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏแววประหลาดใจในดวงตาวูบหนึ่ง “ข้ากำลังเรียกร้องความสนใจจากท่านอยู่” “เพื่อ?” “ถ้าท่านสนใจข้า ข้าอาจจะมีชีวิตรอด…แต่ถ้าท่านไม่สนใจข้า ข้าก็แค่ถูกฝังตายทั้งเป็นเหมือนเดิมเท่านั้น” “ทำไมเจ้าไม่อ้อนวอนขอร้องข้าดีๆ ละ?” “ผู้สูงศักดิ์อย่างท่านไม่ใจอ่อนง่ายๆ หรอก…ท่านผ่านคำอ้อนวอนขอร้องจากผู้คนมามากมายอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจะมาสนใจอะไรกับคำอ้อนวอนของข้า” หลี่ชิงกล่าวตรงๆ “แต่ถ้าท่านไม่มีความสนใจข้าเลย ท่านคงไม่ให้คนนำตัวข้ามาให้ท่านดู” “อืม…เจ้าพูดถูก” ไท่ชินอ๋องยกมุมปากนิดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ข้าอยากเห็นว่าบุรุษแบบไหนกันนะจึงทำให้มหาอำมาตย์เฉาฮั่วถึงกับตายคาเตียงได้” หยุดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อว่า “แต่เห็นแล้ว…ก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหน
หลี่ชิง เด็กหนุ่มน้อยวัยสิบสี่ หน้าตาสะสวยราวกับเทพเซียน รูปร่างบอบบาง เพราะเพิ่งย่างเข้าสู่วัยแรกรุ่นดรุณ ผมดำขลับยาวสลวยปล่อยปรกหลังไหล่ สวมชุดไว้ทุกข์สีขาวผ้าเนื้อหยาบ แต่เขาไม่ได้เต็มใจจะไว้ทุกข์เลย…เขานั่งอยู่บนเตียงนอนเล็กๆ ในห้องแคบๆ ที่มีเพียงแสงริบหรี่จากเทียนไขเล่มเล็กเพียงเล่มเดียวเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อน ประตูหน้าต่างของห้องล้วนถูกล่ามโซ่คล้องกุญแจจากภายนอกมีเพียงประตูห้องเท่านั้นที่เขาเป็นคนลงกลอนข้างในซ้ำเพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกเปิดพรวดพราดเข้ามาได้ตามอำเภอใจ เสียงกุกกักดังมาจากนอกประตู…ทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้ามอง มีคนกำลังไขกุญแจด้านนอก…จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงขลุกขลักๆ เบาๆ ของความพยายามที่จะเปิดประตูเข้ามา แต่พยายามอยู่สักพักเมื่อไม่เป็นผล ก็เปลี่ยนมาเป็นเคาะประตูเบาๆ เรียกเสียงค่อยๆ ว่า “เสี่ยวชิง เปิดประตูให้ข้าหน่อย” “ใคร?” หลี่ชิงแกล้งถาม ทั้งๆ ที่จำเสียงของอีกฝ่ายได้ “ข้างเอง…เฉาฉุน” คนข้างนอกประตูจำใจต้องประกาศตัวด้วยเสียงดังกว่ากระซิบแค่นิดเดียว “ดึกดื่นป่านนี้แล้ว คุณชายใหญ่มาที่นี่ทำไม?” เด็กหนุ่มกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา