ไท่ชินอ๋องสั่งซื้อเครื่องสำอางอย่างดีเลิศมาให้หลี่ชิง...เด็กหนุ่มก็ให้คนรับใช้ส่งไปให้มารดาส่วนหนึ่ง โดยให้อาเฟยถือจดหมายไปให้มารดาด้วย อาเฟยนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนหลังลา มีบ่าวรับใช้ชายร่างกายแข็งแรงเป็นผู้จูง และมีบ่าวรับใช้ชายร่างกายแข็งแรงอีกสองคนหิ้วตะกร้าใส่ของเดินตามหลัง พอไปถึงจวนอำมาตย์หลี่ไฉ ก็พบกับหลี่จุ้นบุตรชายคนโตของอำมาตย์หลี่ไฉกำลังจะออกจากบ้านไปบ่อนพนันด้วยสีหน้าดำคร่ำเครียด "เจ้ายังจะไปอีก เจ้าล้างผลาญยังไม่พอหรือ?" เสียงฟูเหรินใหญ่ตะโกนไล่หลัง "ท่านแม่ ข้าจะไปถอนทุนคืน ท่านอย่าทำให้ข้าซวยได้ไหม?" หลี่จุ้นตะโกนตอบ แล้วจ้ำอ้าวออกจากประตูรั้ว จนเกือบจะชนกับอาเฟย เขามองอาเฟยด้วยสายตาเหยียดหยาม แล้วถ่มน้ำลายลงพื้น "เป็นแค่เด็กรับใช้ ทำเป็นผยอง" แล้วเดินจากไป ส่วนฟูเหรินใหญ่พอเห็นอาเฟยแวบๆ ก็รีบหลบ เพราะกลัวอาเฟยจะรีดไถเงินอีก อาเฟยทำแก้มป่อง บอกกับคนเปิดปิดประตูว่า "กุ้ยหวางเฟยให้ข้ามาหาซูฟูเหริน" แล้วยืดอกเดินเข้าประตูรั้วไปอย่างผู้ชำนาญทาง ฟูเหรินใหญ่ไปหาฟูเหรินผู้เฒ่าที่ห้องพระ "ท่านย่า...ข้าละกลุ้มใจจริงๆ ไม่ว่าพูดอย่างไร อ
อาเฟยวิ่งเต็มเหยียด...แล้วต้องชะงักตัวโก่ง เมื่อเห็นร่างในชุดรัดกุมสีดำร่างหนึ่งขวางอยู่ตรงหน้า ร่างนั้นสูงใหญ่ แต่ก็ยังเล็กกว่าท่านอ๋องสี่นิดหน่อย...ขนาดท่านอ๋องสี่ยังถูกอาเฟยจับทุ่มมาแล้ว แค่นี้ไม่ครณามือหรอก! อาเฟยคิดอย่างฉับไว พร้อมกับพุ่งเข้าใส่ร่างตรงหน้า กะจับทุ่มเสียให้จุก เพราะที่ห้องฝึกซ้อมนั้นปูพื้นด้วยฟูกนุ่ม ถึงถูกจับทุ่มก็แค่มึนๆ ไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่นี่มันพื้นถนนที่อัดแน่นด้วยดินปนกรวด ถูกทุ่มลงไปมีหวังเจ็บไม่หยอกร่างอาเฟยพุ่งปะทะร่างเป้าหมายเต็มแรง...แต่ไม่เพียงไม่สามารถจับอีกฝ่ายทุ่มได้อย่างที่เรียนมา กลับถูกศัตรูล้มทับเอาไว้ มิหนำซ้ำพวกที่วิ่งไล่มาข้างหลังยังช่วยกันทับ...จนอาเฟยแทบจะหายใจไม่ออก!!! หลี่ชิงนั่งซ้อมดีดพิณอยู่ในห้องฝึกพิณ มีเสียวฉีจื่อกับเสี่ยวจางจื่อยื่นเฝ้าที่ประตู สาวใช้นางหนึ่งถือถาดขนมและน้ำชาเข้ามาให้ โดยนำไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้ามาหาและยื่นจดหมายฉบับหนึ่งที่ไม่ได้ใส่ซองให้แก่หลี่ชิงโดยไม่เอ่ยปากพูดอะไร แล้วนางก็รีบออกจากห้องไป หลี่ชิงเปิดจดหมายอ่านดู...ในนั้นมีเพียงไม่กี่คำ 'อาเฟยอยู่ในมือข้า' หลี่ชิงรีบถลามา
ทันใด...เสียงโครมครามดังสนั่นหวั่นไหว!!! ฝาผนังห้องนอนทั้งแถบถูกดึงออกไปด้วยตะขอเหล็กทรงพลังนับสิบ ไท่ชินอ๋องยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า เฉาฉุนสะดุ้ง เขารู้ทันทีว่ายากจะหนีรอด จึงตัดสินใจดึงมีดออกมาแทงใส่หลี่ชิง พร้อมกับขบกรามกรอด กล่าวลอดไรฟันว่า "ข้าจะเอาเจ้าไปด้วย" หลี่ชิงเห็นคมมีดวาววับแทงลงมาตรงอกของตน แต่ไหล่ถูกมือเฉาฉุนกดเอาไว้ไม่สามารถขยับเขยื้อนไท่ชินอ๋องพุ่งเข้ามาเอามือเปล่าจับคมมีดไว้แน่นก่อนที่คมมีดจะทันทะลวงลงทรวงอกร่างบอบบาง อีกมือฟาดหลังมือใส่เฉาฉุน ส่งร่างของอดีตมหาอำมาตย์กระเด็นออกไป ไท่ชินอ๋องกระโจนตาม...มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บคว้าคออีกฝ่ายหมับ "ข้ายังมีความลับที่ท่านต้องการ" เฉาฉุนรีบบอกเพื่อเอาตัวรอด แต่ไท่ชินอ๋องเค้นเสียงดุดัน "ไม่จำเป็น...เจ้าหมดประโยชน์แล้ว สมควรตาย" กร๊อบ...มือที่แข็งยิ่งกว่าคีมเหล็กบิดคอเฉาฉุนหักคามือในทันที แล้วไท่ชินอ๋องก็เดินกลับมาหาหลี่ชิง ถอดเสื้อตัวนอกออกมาห่อหุ้มร่างบอบบางที่ถูกฉีกเสื้อผ้าจนเกือบเปลือยเอาไว้ ก่อนจะกระชากโซ่ตรวนที่พันธนาการหลี่ชิงขาดกระจุย อ๋องสี่ฟันเชือกที่มัดอาเฟยขา
เวลาสายของวันรุ่งขึ้น... หลี่ชิงเห็นเสี่ยวฉีจื่อเข้ามาปรนนิบัติรับใช้เพียงคนเดียว ก็อดถามถึงอีกคนไม่ได้ "เสี่ยวจางจื่อล่ะ ทำไมวันนี้จึงไม่เห็น...เกิดเรื่องเมื่อวานนี้ ทำให้เขาบาดเจ็บหรือ?" "หามิได้ขอรับ กุ้ยหวางเฟย" เสี่ยวฉีจื่อตอบนอบน้อม หลี่ชิงโล่งใจยิ้มออก แต่...ประโยคต่อมา "เสี่ยวจางจื่อเสียชีวิตแล้วขอรับ" รอยยิ้มบนดวงหน้างดงามค่อยๆ จางหาย "เขาเสียชีวิตอย่างไร? เล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียดที" หลี่ชิงกล่าว เสี่ยวฉีจื่อจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้หลี่ชิงฟังอีกรอบ "เสี่ยวจางจื่อตายเพราะข้าแท้ๆ" หลี่ชิงเอ่ยอย่างเสียใจ "กุ้ยหวางเฟยอย่าโทษตัวเองเลยขอรับ" เสี่ยวฉีจื่อกล่าว "การที่ผู้ร้ายสามารถลักพาตัวกุ้ยหวางเฟยไปได้ ล้วนเป็นความผิดพลาดของข้าน้อยทั้งสองคน เสี่ยวจางจื่อนั้นได้ชดใช้ด้วยชีวิตไปแล้ว แต่ข้าน้อยยังละอายใจที่ปล่อยให้กุ้ยหวางเฟยเจ็บตัวและตกใจ แล้วท่านอ๋องยังไม่ได้ลงทัณฑ์ แต่ให้ข้าน้อยทำความดีไถ่โทษขอรับ" "เจ้าเองก็อย่าคิดมาก เจ้าทำดีที่สุดแล้ว" หลี่ชิงกล่าวปลอบอีกฝ่าย "ขอบคุณขอรับ" เสี่ยวฉีจื่อกล่าว แล้วเห็นหลี่ช
เสี่ยวไห่จื่อผู้นี้มีขวัญกล้าเทียมฟ้า...เขาหันไปน้อมกายตอบไท่ชินอ๋องว่า "น้อมเรียนท่านอ๋อง...บ่าวคิดว่า ควรจะมีการจัดประลองยุทธเพื่อเลือกผู้มีฝีมือที่สุดเป็นหัวหน้าจึงถูกต้องขอรับ" ไท่ชินอ๋องไม่ได้ตอบข้อเสนอของเสี่ยวไห่จื่อ แต่เรียกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า "หลิวยี่..." หลิวกงกงก็โฉบเข้าหาเสี่ยวไห่จื่อราวเหยี่ยวตัวใหญ่โฉบลูกเจี๊ยบ กร๊อบ...ลำคอของเสี่ยวไห่จื่อถูกบิดหักทันที "เจ้าผิดตั้งแต่ขัดคำสั่งของกุ้ยหวางเฟยแล้ว" เสียงไท่ชินอ๋องเรียบๆ เรื่อยๆ ร่างของเสี่ยวไห่จื่อจึงค่อยๆ ล้มลง หลี่ชิงเนื้อตัวสั่นเทา... ไท่ชินอ๋องเดินข้ามห้องมาโอบกอดร่างบอบบางอย่างปลอบโยน "ชิงชิง ไม่ต้องกลัวนะ" เสี่ยวลู่จื่อกับเสี่ยวหงจื่อรีบจัดการเก็บศพอย่างรู้หน้าที่อาเฟยนำองครักษ์ทั้งสี่ที่ถูกจับอาบน้ำจนสะอาดสะอ้านมาแนะนำตัวให้หลี่ชิงรู้จัก โดยองครักษ์ทั้งสี่ยืนเข้าแถวตามขนาดความสูงใหญ่ของร่างกายอาเฟยเข้ามานั่งบนเบาะที่เสี่ยวหงจื่อปูบนพื้นข้างเก้าอี้ที่หลี่ชิงนั่งให้อย่างสนิทสนม แล้วแนะนำว่า "คนตัวใหญ่ที่สุดที่ยืนอยู่ขวามือ...ชื่อต้าหนิว(วัวตัวใหญ่) คนที่
พอหลี่ชิงเซผงะ ไท่ชินอ๋องก็โอบสองแขนกอดร่างบอบบางเอาไว้ ถามเบาๆ ว่า "เจ็บหรือไม่?" "ไม่ขอรับ" หลี่ชิงตอบพลางแกะอ้อมแขนของอีกฝ่ายออกด้วยกิริยาสุภาพ แล้วถามกลับว่า "ทำไมวันนี้ท่านอ๋องถึงกลับเร็วขอรับ?" แล้วทั้งสองก็พากันเดินไปนั่งที่ห้องโถงพักผ่อน สาวใช้นำน้ำชาและขนมมาต้อนรับ พอสาวใช้คล้อยหลัง ไท่ชินอ๋องก็ตอบว่า "ชดเชยที่เมื่อคืนนี้ข้ามิได้กลับ" หลี่ชิงนิ่งเงียบมิได้ซักถามอะไร ไท่ชินอ๋องจึงเป็นฝ่ายถาม "เจ้าไม่ถามข้าหรือว่าทำไมเมื่อคืนถึงไม่ได้กลับบ้าน?" "ข้าน้อยแล้วแต่ท่านอ๋องจะกรุณาบอกขอรับ" เด็กหนุ่มกล่าวเสียงเรียบๆ "เมื่อคืน...ข้าดื่มกับพวกราชทูตตงจิ่งหนักไปหน่อย ก็เลยเมาหลับไป พวกขันทีในวังจึงจัดห้องพักให้ค้างคืน"ไท่ชินอ๋องบอกเล่าความจริงแค่ครึ่งเดียว...เขาไม่ได้บอกว่าเขาถูกวางยานอนหลับ และตื่นมาในสภาพเปลือยเปล่ามีร่างเปลือยของไทเฮานอนเคียงข้างแนบชิด ซ้ำนางยังไม่ได้เอะอะโวยวายจะให้เขารับผิดชอบ แต่กลับกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า "ข้าเพิ่งพบความสุขที่แท้จริงเมื่อคืนนี้เอง" นางฉลาด นางไม่ใช้วิธีขู่เข็ญบังคับ แต่ใช้วิธียกย่องเยินยอให้ผู้
"แล้วจะทำอย่างไรดี?" หลี่ชิงกับมารดากล่าวแทบจะพร้อมกัน "ไม่ต้องกังวล...พวกเรามาพิจารณาเรื่องนี้ทีละคน" ไท่ชินอ๋องกล่าว "เริ่มที่ชิงชิง...หลี่ไฉยกชิงชิงให้ตระกูลเฉา แล้วข้าได้ซื้อตัวชิงชิงมาอีกต่อหนึ่ง ดังนั้นชิงชิงจึงมิได้เป็นคนในครอบครัวของหลี่ไฉอีกต่อไป ย่อมไม่ต้องรับโทษที่หลี่ไฉกระทำไว้" ซูไห่ถังแย้มยิ้มยินดี...อาชิงลูกของนางรอดแล้ว "แล้วแม่ของข้าน้อยล่ะ?" หลี่ชิงสีหน้ากังวล "ท่านแม่ยายมีฐานะเป็นภรรยาของเขา เขาต้องโทษ ท่านแม่ยายก็ติดหลังแหไปด้วย" ไท่ชินอ๋องกล่าว "นอกเสียจากว่า...หลี่ไฉจะเขียนหนังสือหย่าให้" หลี่ชิงกับมารดามองสบตากันอีกครั้ง "เขาจะยอมหรือ?" ซูไห่ถังเอ่ยถาม "ไว้เป็นหน้าที่ของข้าเอง" ไท่ชินอ๋องกล่าว แล้วเรียกหลิวกงกงมาสั่งว่า "พาท่านแม่ยายไปพักที่เรือนดอกเหมยสักพักก่อน หาสาวใช้กับบ่าวชายไปคอยดูแลด้วย" "ขอรับ" หลิวกงกงน้อมรับคำสั่ง"อยู่ที่จวนนี้...เชิญท่านแม่ยายมากินอาหารด้วยกันทุกมื้อ...ชิงชิงจะได้พูดคุยกับท่านให้หายคิดถึง" ไท่ชินอ๋องออกปากเชื้อเชิญซูไห่ถัง ที่คุกกรมอาญา... หลี่ไฉกับหลี่จุ้น สองพ่อลูกถูกขังอยู่ด้
"ท่านแม่ยาย...นี่คือหนังสือหย่าที่หลี่ไฉเขียนให้กับท่าน" ไท่ชินอ๋องยื่นส่งซองหนังสือสำคัญให้กับซูไห่ถัง ที่นั่งเล่นหมากล้อมอยู่กับบุตรชายในห้องโถงพักผ่อน...ช่วงก่อนเวลาอาหารเย็น "ขอบคุณ ท่านอ๋อง" ซูไห่ถังรับซองหนังสือสำคัญมาเก็บเอาไว้ในแขนเสื้อ(เสื้อจีนโบราณจะเย็บกระเป๋าไว้ด้านในแขนเสื้อหรืออกเสื้อ) "ลำบากท่านอ๋องแล้ว" ไท่ชินอ๋องนั่งลงข้างหลี่ชิง ตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า "ไม่ลำบาก ข้าแค่เกลี้ยกล่อมเขาเล็กน้อยเท่านั้น..." โดยมิได้อธิบายรายละเอียดของการเกลี้ยกล่อม ที่เริ่มจาก ลากตัวคนในครอบครัวของหลี่ไฉออกมารัดนิ้วทีละคน คนแรกคือ...หลี่จุ้นบุตรชายคนโต เสียงร้องโหยหวนของหลี่จุ้นดังก้องคุกคุมขังเพราะแม้ทัณฑ์รัดนิ้วจะไม่ได้ทำให้ถึงแก่ชีวิต แต่ความเจ็บปวดทรมานนั้นเหนือคณานับ ต่อจากหลี่จุ้นก็เป็นอวี้ฮวา จินฮวา ฟูเหรินใหญ่ พอมาถึงฟูเหรินผู้เฒ่า...หลี่ไฉจึงยอมจำนน เขียนคำสารภาพเรื่องราวที่ตระกูลเฉาสมคบคิดแผนการร้ายกับอ๋องสามอย่างไร และตนมีส่วนร่วมอย่างไรบ้างออกมา และเขียนหนังสือหย่าให้แก่ซูไห่ถัง แต่ไท่ชินอ๋องยังคงสั่งหวังกงกงให้ตีขาหลี่จุ้นให้หัก เป็นการเอาคืนให
ที่โต๊ะอาหารมื้อเย็น... ไท่ชินอ๋องเสร็จจากการอ่านฎีกา ก็มานั่งเคียงหลี่ชิง ไท่หวางเฟยคีบของโปรดใส่ชามให้อีกฝ่าย พลางกล่าว "ท่านอ๋อง...วันนี้อ่านฎีกาจนถึงเย็น โปรดระวังรักษาสุขภาพด้วยขอรับ" "ขอบใจมาก ชิงชิง" ไท่ชินอ๋องหยิบตะเกียบเงินบริสุทธิ์ขึ้นมาถือไว้ พลางกล่าว "ถ้าข้าขอให้เจ้าช่วยตรวจฎีกาด้วย เจ้าจะว่าอย่างไร?" "มีกฏมณเฑียรบาลห้ามมิให้ฝ่ายในก้าวก่ายราชการแผ่นดินมิใช่หรือขอรับ?" หลี่ชิงถามเสียงเบา "กฏอยู่ที่คน ถ้าข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้ช่วย ก็จะหลีกเลี่ยงกฏเกณฑ์นี้ได้" ไท่ชินอ๋องกล่าว "ข้าน้อยเกรงจะตัดสินความไม่เหมาะสมขอรับ" "อืม...ถ้าเช่นนั้น ในตอนแรก เจ้าอ่านแล้วบอกใจความสำคัญให้ข้าเป็นผู้ตัดสินก็ได้ และไม่กำหนดให้เจ้าต้องเข้าประชุมเช้าทุกเช้า" ไท่ชินอ๋องกล่าวพลางยื่นหน้ามาหอมแก้มเปล่งปลั่ง ก็สบเข้ากับดวงตากลมแป๋วของฮ่องเต้น้อย ที่วิ่งเข้ามาเกาะตักหลี่ชิง "หลานกงกง...ฮ่องเต้เสวยหรือยัง?" ไท่ชินอ๋องส่งเสียงถาม "เสวยแล้วขอรับ ท่านอ๋อง" หลานกงกงตอบนอบน้อม "เช่นนั้น เจ้ามาเชิญ(อุ้ม)ฮ่องเต้ออกไป" ไท่ชินอ๋องสั่ง "ขอรับ" หลานกงกง
ไท่ชินอ๋องหันไปมองต้าโก่ว แล้วถามว่า "ตกลงอาเฟยซื้ออะไรมาฝากชิงชิง?" "เป็นพรมขนสัตว์อย่างดีที่สุดขอรับ" ต้าโก่วประสานมือตอบนอบน้อม "อ้อ..." หลี่ชิงพยักหน้า ก่อนจะถามต้าโก่วว่า "อาเฟยเขียนจดหมายบอกข้าว่า...เขาไม่มีข้าวกิน จริงหรือไม่?" "เป็นความจริงขอรับ" ต้าโก่วตอบด้วยสีหน้าประหลาดชอบกล แต่ดวงตาคู่สวยของหลี่ชิงเริ่มแดงเรื่อและคลอด้วยหยาดน้ำใส ไท่ชินอ๋องเห็น ก็โอบกระชับไหล่บอบบาง พลางเอ่ยปลอบ "น้องสี่คงไม่ปล่อยให้อาเฟยต้องอดข้าวหรอกชิงชิง...จริงหรือไม่ต้าโก่ว?" ท้ายประโยคหันไปไล่เบี้ยองครักษ์ประจำตัวอาเฟยอันดับสี่ "เรื่องนี้มันยาวขอรับ ท่านอ๋อง" ต้าโก่วตอบไม่เต็มปากเต็มคำนัก "เช่นนั้น...เจ้าเล่ามาให้ละเอียด" "ขอรับ..." ต้าโก่วขานรับ แล้วเล่าว่า "มีอยู่วันหนึ่ง ท่านอาเฟยนั่งร้องไห้..." "อาเฟยคงคิดถึงบ้าน" หลี่ชิงเอ่ยขึ้นเบาๆ "หามิได้ขอรับ" ต้าโก่วตอบ "แล้วอาเฟยร้องไห้ทำไม? ถูกผู้ใดรังแกหรือ?" ไท่ชินอ๋องถาม "มิมีผู้ใดรังแกท่านอาเฟยขอรับ" ต้าโก่วเอ่ย "เพียงแต่ท่านอาเฟยเบื่อแป้งย่าง อยากกินข้าวสวย แต่ต้าเหลียวไม่มีข้าวสวย ท่านอ๋อง
ต้าโก่วนำจดหมายจากต้าเหลียวมาส่งสองฉบับ ฉบับหนึ่งเป็นของอ๋องสี่ส่งถึงไท่ชินอ๋อง อีกฉบับหนึ่งเป็นของอาเฟยที่ส่งมาถึงกุ้ยหวางเฟย ไท่ชินอ๋องเปิดจดหมายของอ๋องสี่ก่อน แล้วอ่านออกเสียงให้หลี่ชิงฟังด้วย ข้อความในจดหมายเขียนมาสั้นๆ ว่า... "ถึงพี่ใหญ่ วานท่านช่วยหาขันทีให้ข้าสักสี่คน ต้องหนุ่มแน่น วรยุทธดี ซื่อสัตย์ ที่สำคัญที่สุดคือ"รู้งาน" จากน้องสี่ เฉินชง" ดวงตาคู่สวยมองไท่ชินอ๋องอย่างสงสัย "ท่านอ๋องสี่มิใช่มีขันทีอยู่แล้วหรอกหรือ?" "ที่เขาต้องการคือ...ขันทีรู้งาน" ไท่ชินอ๋องตอบ พลางพับจดหมายใส่ซองตามเดิม "รู้งาน?" เรียวคิ้วงามเลิกขึ้นเล็กน้อย "อืม...คงเอาไว้ประกบตัวเจ้ากรมข่าว"ประกบตัวอาเฟย!...หมายความว่าอ๋องสี่ตัดสินใจจะรับอาเฟยเป็นภรรยาแล้ว!!! หลี่ชิงลอบถอนหายใจเบาๆ ไท่ชินอ๋องโอบแขนกอดไหล่บอบบางเอาไว้อย่างปลอบประโลม พลางกล่าวเสียงอ่อนโยนว่า "ชิงชิง...น้องสี่เป็นคนที่พึ่งพาได้ และท่าทางเขาจะรักอาเฟยอย่างจริงใจ เจ้าอย่าได้กังวลเลย" หลี่ชิงพยักหน้าน้อยๆ ไท่ชินอ๋องรู้ว่าหลี่ชิงรักอาเฟยเหมือนน้องชายแท้ๆ และพยายามจะปกป้องอีกฝ่ายไว้
หลังพิธีการฝังศพ "ซูฟูเหริน" เสร็จ หลี่ชิงก็ขึ้นรถม้ากลับจวนไท่ชินอ๋อง พอถึงจวน...ท่านหมอก็รีบตรวจดูดวงตาของหลี่ชิงทันทีส่วนเสี่ยวฉีจื่อรับผ้าเช็ดหน้าที่ห่อหัวหอมแดงที่เป็นตัวต้นเหตุให้หลี่ชิงน้ำตาไหลพรากไปจากมือเรียวงาม เสี่ยวหงจื่อก็รีบนำกาละมังใส่น้ำสะอาดมาให้เด็กหนุ่มล้างมือที่อาจจะเปื้อนยางของหัวหอมแดง ออกให้หมด "ดวงตาของกุ้ยหวางเฟยระคายเคืองเล็กน้อย พักผ่อนสักวันหนึ่งก็คงหายดีขอรับ ข้าน้อยจะจัดยาบำรุงสายตาให้เทียบหนึ่งขอรับ" ท่านหมอกล่าวหลังจากตรวจดวงตาคู่งามเสร็จ "ขอบคุณท่านหมอมาก" หลี่ชิงกล่าวเสียงนุ่มนวล "เป็นหน้าที่ของข้าน้อยขอรับ" ท่านหมอตอบ แล้วไปจัดยาไท่ชินอ๋องที่นั่งรออยู่ปล่อยให้คนรุมล้อมดูแลหลี่ชิงเสร็จเรียบร้อยก่อนจึงลุกจากเก้าอี้ยาวที่นั่งอยู่ เข้ามาโอบไหล่บอบบาง ถามว่า "เหนื่อยมากหรือไม่? ชิงชิง" หลี่ชิงเผยอยิ้ม ตอบว่า "นิดหน่อยขอรับ...แล้วแม่..." กล่าวยังไม่ทันจบประโยค ไท่ชินอ๋องก็ขัดขึ้น "จุ๊ๆ...ต่อแต่นี้ไปไม่มีท่านแม่ มีแต่ท่านน้า 'หานฝูหรง' น้าสาวคนเล็กของข้า หรือท่านหญิงหาน" "ขอรับ ข้าน้อยจะจำไว้ให้แม่นยำ" หลี่ชิงยิ้
ไท่ชินอ๋องหายจากอาการบาดเจ็บ ไปว่าราชการตามปกติได้สามวันแล้ว พอกลับถึงจวนวันนี้ก็บอกข่าวดีต่อหลี่ชิง "จริ งหรือขอรับ? ท่านอ๋อง" หลี่ชิงตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้า...ตั้งแต่เขาถูกจับตัวกลับมา จนเกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย เขาไม่ได้พบกับแม่เลย มีเพียงหลิวกงกง เสี่ยวฉีจื่อ กับไท่ชินอ๋องคอยบอกเขาว่า อย่าได้กังวล ขอเพียงเขาอยู่อย่างสงบเสงี่ยม แม่ก็จะปลอดภัย แต่วันนี้...ไท่ชินอ๋องบอกว่าจะให้เขาได้พบกับแม่ "ข้าไม่หลอกเจ้าหรอกนะ...ชิงชิง" ไท่ชินอ๋องตอบ พลางยกมือลูบผมนุ่ม "ขอบคุณขอรับ ขอบคุณมากขอรับ" หลี่ชิงพร่ำพูด น้ำตารื้อ ไท่ชินอ๋องจึงจูงมือหลี่ชิงไปนั่งที่โต๊ะอาหาร "พวกเรากินอาหารกันไปพลางๆ พูดคุยกันไปพลางๆ อีกสักครู่ท่านแม่ยายก็คงมาถึง เพราะข้าให้หลิวกงกงไปรับแล้ว" "ขอรับ" หลี่ชิงคีบกับไว้ในชามของไท่ชินอ๋องอย่างเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ "ตั้งแต่ข้าฟื้นจากถูกลูกธนูอาบยาพิษครั้งนี้ ดูชิงชิงของข้าจะเอาใจใส่ข้าเป็นพิเศษ" ไท่ชินอ๋องกล่าวแล้วยกยิ้ม "เช่นนี้ต่อให้ข้าถูกลูกธนูพิษเพิ่มอีกสักสองสามดอกก็คุ้มค่า" หลี่ชิงยกมือเรียวปิดปากได้รูป ปรามว่า "ท่านอ๋องไม่พูดเช
สิ่งแรกที่ไท่ชินอ๋องทำ เมื่อฟื้นคืนสติอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็คือร่างพระราชโองการ ประกาศความผิดของมหาเสนาบดีเจียงผิง ไทเฮาเจียงซู่จิ่น และอ๋องสาม มีใจความว่า...ทั้งสามร่วมมือกันก่อขบถต่อฮ่องเต้ แต่ไท่ชินอ๋องได้ทำการปราบปรามสำเร็จ ถึงแม้ทั้งสามจะสิ้นชีวิตในการปราบปรามไปแล้วก็ตาม แต่ยังคงมีโทษผิดติดตัว ให้ถอดยศเป็นสามัญชนทั้งตัวผู้กระทำและครอบครัว ยึดทรัพย์สินข้าทาสบริวาร และเนรเทศครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ไปชายแดนในฐานะนักโทษใช้แรงงาน แล้วให้หวังกงกงเชิญฮ่องเต้น้อยนั่งบัลลังก์ เพื่อประกาศพระราชโองการ ให้เจ้ากรมอาญารับราชโองการไปปฏิบัติในทันทีซึ่งครอบครัวและเหล่าข้าทาสบริวารของนักโทษทั้งหมดล้วนถูกคุมตัวตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันแล้ว โดยกองทัพพิทักษ์เมืองหลวงที่มีแม่ทัพอยู่ในสังกัดไท่ชินอ๋องโดยตรงและให้หวังกงกงรวบรวมฎีกาที่ยังไม่ได้วินิจฉัยทั้งหมดส่งมายังจวนของไท่ชินอ๋อง เมื่อหวังกงกงอ่านพระราชโองการจบ เหล่าขุนนางต่างกล่าวถวายพระพรฮ่องเต้ที่กำลังปีนพระราชบัลลังก์เล่นอย่างสนุกสนาน ด้วยความพร้อมเพรียงกันว่า "ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปีๆๆๆๆๆ" แล้วหลานกงกง
ไท่ชินอ๋องมองศพของไทเฮานิ่งๆ อึดใจหนึ่ง จึงเดินจากไป...เพื่อตรงไปยังห้องโถงของตำหนักหลวง ที่นั่นคนที่เคยปลอมตัวเป็นคนขับรถม้า เขาคือชั่งเหอ รองหัวหน้าหน่วยราชองครักษ์รออยู่ พร้อมกับเหมยฟงองครักษ์ซ้าย "สามารถควบคุมหน่วยราชองครักษ์ได้แล้วขอรับท่านอ๋อง" ชั่งเหอน้อมกายรายงาน "ทางท่านอ๋องสี่ส่งข่าวมาว่า งานสำเร็จเรียบร้อยขอรับ" เหมยฟงกล่าว ไท่ชินอ๋องยกยิ้มอย่างเบาใจ...อ๋องสี่สามารถปลิดชีพแม่ทัพภาคเหนือเจียงจ้าน พี่ชายของไทเฮาแล้ว แต่ข่าวดีมาถึงไม่ถึงอึดใจ ข่าวร้ายก็ตามมา ทันใด...หลิวกงกงก็พุ่งทะยานเข้ามาคุกเข่าลงตรงหน้า "เรียนท่านอ๋อง เกิดเรื่องกับกุ้ยหวางเฟยแล้วขอรับ" "เกิดอะไรขึ้น?" ไท่ชินอ๋องถาม สีหน้าเครียด "กุ้ยหวางเฟยถูกพ่อบ้านเจา เสี่ยวอี้จื่อ และเสี่ยวลู่จื่อจับตัวไป เสี่ยวฉีจื่อและเสี่ยวหงจื่อล้วนถูกทำร้ายบาดเจ็บ พวกเขาทิ้งจดหมายฉบับนี้ไว้" หลิวกงกงส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ไท่ชินอ๋องที่ลานกว้างภายในจวนของมหาเสนาบดีเจียงผิง...หลี่ชิงถูกมัดแขวนไว้กับเสาสูงอยู่ตรงกลาง มีมือธนูขึ้นสายอาวุธอาบยาพิษเล็งมาที่เขา ซ่อนตัวอยู่ในที่กำบังมองไม่เห็นตัว หลี่ชิ
เพราะฮ่องเต้น้อยและตราแผ่นดินหายไป...ไท่ชินอ๋องจึงต้องเข้าวังกลางดึก เขาตรงไปหาไทเฮาที่ตำหนักของนาง แต่ตำหนักของไทเฮาวันนี้ไร้ผู้คน ไม่ว่าจะเป็นขันที นางกำนัล ราชองครักษ์ หรือแม้แต่ทหารยาม พอเปิดประตูห้องโถงใหญ่เข้าไปก็เห็นตรงกลางห้อง...ร่างของอ๋องสามนอนอยู่บนพื้นในสภาพเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดบนใบหน้าไท่ชินอ๋องสะบัดมือวูบ...ลูกเหล็กลูกหนึ่งก็พุ่งใส่หน้าผากของร่างบนพื้นทันที...อ๋องสามรีบพลิกตัวหลบอย่างหวุดหวิด ลูกเหล็กกระทบกับพื้นจนเกิดเป็นหลุมหลุมหนึ่งก่อนจะกระดอนกลับไปอยู่ในมือไท่ชินอ๋อง อ๋องสามดีดตัวยืนข้างๆ ไทเฮา กล่าวว่า "พี่ใหญ่ ท่านยังคงเหี้ยมโหดไม่เปลี่ยนแปลง แม้แต่กับศพ ท่านยังลงมือได้" "ศพที่จ้องจะทำร้ายข้าอย่างเจ้านะหรือ" ไท่ชินอ๋องควงลูกเหล็กในมือเพิ่มขึ้นเป็นสี่ลูกด้วยมือข้างเดียว "ข้าต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษอยู่แล้ว" "เวลานี้ ภายในวังถูกข้าควบคุมเอาไว้หมดแล้ว แม้แต่ไทเฮาก็ถูกข้าสะกัดจุดเอาไว้ ไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว" อ๋องสามกล่าวสีหน้ากระหยิ่ม แต่เพราะมีคราบเลือดปลอมแปลงบนใบหน้า จึงทำให้ดูขัดหูขัดตา "เจ้าต้องการอะไร?" ไท่ชินอ๋องถาม "พว
ในห้องนอน ตำหนักใหญ่... เสี่ยวอี้จื่อยกสำรับอาหารมาตั้งโต๊ะให้หลี่ชิง พลางส่งเสียงบอกอย่างนอบน้อมว่า "อาหารมาแล้วขอรับ กุ้ยหวางเฟย"หลี่ชิงจึงลุกจากเตียงนอนไปนั่งที่โต๊ะ...โซ่ที่ล่ามข้อเท้ายาวพอให้เขาลุกเดินในระยะหนึ่งจั้ง( สองเมตรครึ่ง ) เสี่ยวหงจื่อกล่าวเสริมว่า "กินให้มากๆ นะขอรับ กุ้ยหวางเฟยกินได้มากเท่าไหร่ อาหารที่ส่งให้ซูฟูเหรินก็มีจำนวนมากเท่านั้น" หลี่ชิงน้ำตาหยดลงในชามข้าวขณะคีบอาหารเข้าปาก ในเวลาเดียวกัน...ที่เรือนดอกเหมย สาวใช้ก็ยกสำรับมาตั้งโต๊ะ แล้วเชื้อเชิญซูไห่ถังกิน "กินมากมากนะเจ้าคะ...ฟูเหรินกินได้มากเท่าไหร่ กุ้ยหวางเฟยก็จะได้รับอาหารมากเท่านั้นเจ้าค่ะ" สาวใช้กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน อาชิง เวลานี้แม่คงทำเพื่อลูกได้อย่างมากที่สุดก็คือพยายามกินให้มากๆ เท่านั้น...ซูไห่ถังคิดในใจ พลางยกตะเกียบขึ้นกินอาหารอย่างเงียบๆ ที่กลางป่า...อาเฟยกำลังกัดกินไก่ย่างอย่างตั้งอกตั้งใจ อ๋องสี่บอกว่า...กินไก่ย่างหมดหนึ่งตัว จะได้เงินสามตำลึง กินน้อยกว่าหนึ่งตัวหักเงิน กินมากกว่าหนึ่งตัวไม่ว่า... อาเฟยคิด...หากกินไก่ย่างมื้อละตัว สิบมื้อสิบต