ทันใด...เสียงโครมครามดังสนั่นหวั่นไหว!!! ฝาผนังห้องนอนทั้งแถบถูกดึงออกไปด้วยตะขอเหล็กทรงพลังนับสิบ ไท่ชินอ๋องยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า เฉาฉุนสะดุ้ง เขารู้ทันทีว่ายากจะหนีรอด จึงตัดสินใจดึงมีดออกมาแทงใส่หลี่ชิง พร้อมกับขบกรามกรอด กล่าวลอดไรฟันว่า "ข้าจะเอาเจ้าไปด้วย" หลี่ชิงเห็นคมมีดวาววับแทงลงมาตรงอกของตน แต่ไหล่ถูกมือเฉาฉุนกดเอาไว้ไม่สามารถขยับเขยื้อนไท่ชินอ๋องพุ่งเข้ามาเอามือเปล่าจับคมมีดไว้แน่นก่อนที่คมมีดจะทันทะลวงลงทรวงอกร่างบอบบาง อีกมือฟาดหลังมือใส่เฉาฉุน ส่งร่างของอดีตมหาอำมาตย์กระเด็นออกไป ไท่ชินอ๋องกระโจนตาม...มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บคว้าคออีกฝ่ายหมับ "ข้ายังมีความลับที่ท่านต้องการ" เฉาฉุนรีบบอกเพื่อเอาตัวรอด แต่ไท่ชินอ๋องเค้นเสียงดุดัน "ไม่จำเป็น...เจ้าหมดประโยชน์แล้ว สมควรตาย" กร๊อบ...มือที่แข็งยิ่งกว่าคีมเหล็กบิดคอเฉาฉุนหักคามือในทันที แล้วไท่ชินอ๋องก็เดินกลับมาหาหลี่ชิง ถอดเสื้อตัวนอกออกมาห่อหุ้มร่างบอบบางที่ถูกฉีกเสื้อผ้าจนเกือบเปลือยเอาไว้ ก่อนจะกระชากโซ่ตรวนที่พันธนาการหลี่ชิงขาดกระจุย อ๋องสี่ฟันเชือกที่มัดอาเฟยขา
เวลาสายของวันรุ่งขึ้น... หลี่ชิงเห็นเสี่ยวฉีจื่อเข้ามาปรนนิบัติรับใช้เพียงคนเดียว ก็อดถามถึงอีกคนไม่ได้ "เสี่ยวจางจื่อล่ะ ทำไมวันนี้จึงไม่เห็น...เกิดเรื่องเมื่อวานนี้ ทำให้เขาบาดเจ็บหรือ?" "หามิได้ขอรับ กุ้ยหวางเฟย" เสี่ยวฉีจื่อตอบนอบน้อม หลี่ชิงโล่งใจยิ้มออก แต่...ประโยคต่อมา "เสี่ยวจางจื่อเสียชีวิตแล้วขอรับ" รอยยิ้มบนดวงหน้างดงามค่อยๆ จางหาย "เขาเสียชีวิตอย่างไร? เล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียดที" หลี่ชิงกล่าว เสี่ยวฉีจื่อจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้หลี่ชิงฟังอีกรอบ "เสี่ยวจางจื่อตายเพราะข้าแท้ๆ" หลี่ชิงเอ่ยอย่างเสียใจ "กุ้ยหวางเฟยอย่าโทษตัวเองเลยขอรับ" เสี่ยวฉีจื่อกล่าว "การที่ผู้ร้ายสามารถลักพาตัวกุ้ยหวางเฟยไปได้ ล้วนเป็นความผิดพลาดของข้าน้อยทั้งสองคน เสี่ยวจางจื่อนั้นได้ชดใช้ด้วยชีวิตไปแล้ว แต่ข้าน้อยยังละอายใจที่ปล่อยให้กุ้ยหวางเฟยเจ็บตัวและตกใจ แล้วท่านอ๋องยังไม่ได้ลงทัณฑ์ แต่ให้ข้าน้อยทำความดีไถ่โทษขอรับ" "เจ้าเองก็อย่าคิดมาก เจ้าทำดีที่สุดแล้ว" หลี่ชิงกล่าวปลอบอีกฝ่าย "ขอบคุณขอรับ" เสี่ยวฉีจื่อกล่าว แล้วเห็นหลี่ช
เสี่ยวไห่จื่อผู้นี้มีขวัญกล้าเทียมฟ้า...เขาหันไปน้อมกายตอบไท่ชินอ๋องว่า "น้อมเรียนท่านอ๋อง...บ่าวคิดว่า ควรจะมีการจัดประลองยุทธเพื่อเลือกผู้มีฝีมือที่สุดเป็นหัวหน้าจึงถูกต้องขอรับ" ไท่ชินอ๋องไม่ได้ตอบข้อเสนอของเสี่ยวไห่จื่อ แต่เรียกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า "หลิวยี่..." หลิวกงกงก็โฉบเข้าหาเสี่ยวไห่จื่อราวเหยี่ยวตัวใหญ่โฉบลูกเจี๊ยบ กร๊อบ...ลำคอของเสี่ยวไห่จื่อถูกบิดหักทันที "เจ้าผิดตั้งแต่ขัดคำสั่งของกุ้ยหวางเฟยแล้ว" เสียงไท่ชินอ๋องเรียบๆ เรื่อยๆ ร่างของเสี่ยวไห่จื่อจึงค่อยๆ ล้มลง หลี่ชิงเนื้อตัวสั่นเทา... ไท่ชินอ๋องเดินข้ามห้องมาโอบกอดร่างบอบบางอย่างปลอบโยน "ชิงชิง ไม่ต้องกลัวนะ" เสี่ยวลู่จื่อกับเสี่ยวหงจื่อรีบจัดการเก็บศพอย่างรู้หน้าที่อาเฟยนำองครักษ์ทั้งสี่ที่ถูกจับอาบน้ำจนสะอาดสะอ้านมาแนะนำตัวให้หลี่ชิงรู้จัก โดยองครักษ์ทั้งสี่ยืนเข้าแถวตามขนาดความสูงใหญ่ของร่างกายอาเฟยเข้ามานั่งบนเบาะที่เสี่ยวหงจื่อปูบนพื้นข้างเก้าอี้ที่หลี่ชิงนั่งให้อย่างสนิทสนม แล้วแนะนำว่า "คนตัวใหญ่ที่สุดที่ยืนอยู่ขวามือ...ชื่อต้าหนิว(วัวตัวใหญ่) คนที่
พอหลี่ชิงเซผงะ ไท่ชินอ๋องก็โอบสองแขนกอดร่างบอบบางเอาไว้ ถามเบาๆ ว่า "เจ็บหรือไม่?" "ไม่ขอรับ" หลี่ชิงตอบพลางแกะอ้อมแขนของอีกฝ่ายออกด้วยกิริยาสุภาพ แล้วถามกลับว่า "ทำไมวันนี้ท่านอ๋องถึงกลับเร็วขอรับ?" แล้วทั้งสองก็พากันเดินไปนั่งที่ห้องโถงพักผ่อน สาวใช้นำน้ำชาและขนมมาต้อนรับ พอสาวใช้คล้อยหลัง ไท่ชินอ๋องก็ตอบว่า "ชดเชยที่เมื่อคืนนี้ข้ามิได้กลับ" หลี่ชิงนิ่งเงียบมิได้ซักถามอะไร ไท่ชินอ๋องจึงเป็นฝ่ายถาม "เจ้าไม่ถามข้าหรือว่าทำไมเมื่อคืนถึงไม่ได้กลับบ้าน?" "ข้าน้อยแล้วแต่ท่านอ๋องจะกรุณาบอกขอรับ" เด็กหนุ่มกล่าวเสียงเรียบๆ "เมื่อคืน...ข้าดื่มกับพวกราชทูตตงจิ่งหนักไปหน่อย ก็เลยเมาหลับไป พวกขันทีในวังจึงจัดห้องพักให้ค้างคืน"ไท่ชินอ๋องบอกเล่าความจริงแค่ครึ่งเดียว...เขาไม่ได้บอกว่าเขาถูกวางยานอนหลับ และตื่นมาในสภาพเปลือยเปล่ามีร่างเปลือยของไทเฮานอนเคียงข้างแนบชิด ซ้ำนางยังไม่ได้เอะอะโวยวายจะให้เขารับผิดชอบ แต่กลับกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า "ข้าเพิ่งพบความสุขที่แท้จริงเมื่อคืนนี้เอง" นางฉลาด นางไม่ใช้วิธีขู่เข็ญบังคับ แต่ใช้วิธียกย่องเยินยอให้ผู้
"แล้วจะทำอย่างไรดี?" หลี่ชิงกับมารดากล่าวแทบจะพร้อมกัน "ไม่ต้องกังวล...พวกเรามาพิจารณาเรื่องนี้ทีละคน" ไท่ชินอ๋องกล่าว "เริ่มที่ชิงชิง...หลี่ไฉยกชิงชิงให้ตระกูลเฉา แล้วข้าได้ซื้อตัวชิงชิงมาอีกต่อหนึ่ง ดังนั้นชิงชิงจึงมิได้เป็นคนในครอบครัวของหลี่ไฉอีกต่อไป ย่อมไม่ต้องรับโทษที่หลี่ไฉกระทำไว้" ซูไห่ถังแย้มยิ้มยินดี...อาชิงลูกของนางรอดแล้ว "แล้วแม่ของข้าน้อยล่ะ?" หลี่ชิงสีหน้ากังวล "ท่านแม่ยายมีฐานะเป็นภรรยาของเขา เขาต้องโทษ ท่านแม่ยายก็ติดหลังแหไปด้วย" ไท่ชินอ๋องกล่าว "นอกเสียจากว่า...หลี่ไฉจะเขียนหนังสือหย่าให้" หลี่ชิงกับมารดามองสบตากันอีกครั้ง "เขาจะยอมหรือ?" ซูไห่ถังเอ่ยถาม "ไว้เป็นหน้าที่ของข้าเอง" ไท่ชินอ๋องกล่าว แล้วเรียกหลิวกงกงมาสั่งว่า "พาท่านแม่ยายไปพักที่เรือนดอกเหมยสักพักก่อน หาสาวใช้กับบ่าวชายไปคอยดูแลด้วย" "ขอรับ" หลิวกงกงน้อมรับคำสั่ง"อยู่ที่จวนนี้...เชิญท่านแม่ยายมากินอาหารด้วยกันทุกมื้อ...ชิงชิงจะได้พูดคุยกับท่านให้หายคิดถึง" ไท่ชินอ๋องออกปากเชื้อเชิญซูไห่ถัง ที่คุกกรมอาญา... หลี่ไฉกับหลี่จุ้น สองพ่อลูกถูกขังอยู่ด้
"ท่านแม่ยาย...นี่คือหนังสือหย่าที่หลี่ไฉเขียนให้กับท่าน" ไท่ชินอ๋องยื่นส่งซองหนังสือสำคัญให้กับซูไห่ถัง ที่นั่งเล่นหมากล้อมอยู่กับบุตรชายในห้องโถงพักผ่อน...ช่วงก่อนเวลาอาหารเย็น "ขอบคุณ ท่านอ๋อง" ซูไห่ถังรับซองหนังสือสำคัญมาเก็บเอาไว้ในแขนเสื้อ(เสื้อจีนโบราณจะเย็บกระเป๋าไว้ด้านในแขนเสื้อหรืออกเสื้อ) "ลำบากท่านอ๋องแล้ว" ไท่ชินอ๋องนั่งลงข้างหลี่ชิง ตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า "ไม่ลำบาก ข้าแค่เกลี้ยกล่อมเขาเล็กน้อยเท่านั้น..." โดยมิได้อธิบายรายละเอียดของการเกลี้ยกล่อม ที่เริ่มจาก ลากตัวคนในครอบครัวของหลี่ไฉออกมารัดนิ้วทีละคน คนแรกคือ...หลี่จุ้นบุตรชายคนโต เสียงร้องโหยหวนของหลี่จุ้นดังก้องคุกคุมขังเพราะแม้ทัณฑ์รัดนิ้วจะไม่ได้ทำให้ถึงแก่ชีวิต แต่ความเจ็บปวดทรมานนั้นเหนือคณานับ ต่อจากหลี่จุ้นก็เป็นอวี้ฮวา จินฮวา ฟูเหรินใหญ่ พอมาถึงฟูเหรินผู้เฒ่า...หลี่ไฉจึงยอมจำนน เขียนคำสารภาพเรื่องราวที่ตระกูลเฉาสมคบคิดแผนการร้ายกับอ๋องสามอย่างไร และตนมีส่วนร่วมอย่างไรบ้างออกมา และเขียนหนังสือหย่าให้แก่ซูไห่ถัง แต่ไท่ชินอ๋องยังคงสั่งหวังกงกงให้ตีขาหลี่จุ้นให้หัก เป็นการเอาคืนให
หลิวกงกงได้รับคำสั่งจากไท่ชินอ๋อง ให้ประมูลซื้อจวนตระกูลหลี่ที่ถูกขายทอดตลาดขึ้นมา และปรับปรุงตกแต่งใหม่หมด จัดซื้อสาวใช้และบ่าวรับใช้ และส่งบ่าวจากจวนไท่ชินอ๋องไปเป็นพ่อบ้าน เปลี่ยนชื่อจวนจากจวนตระกูลหลี่ เป็นจวนซูฟูเหริน แล้วจึงให้พาซูไห่ถังกลับไป คืนนั้น...หลี่ชิงนั่งซึม น้ำตาไหล ไท่ชินอ๋องโอบกอดร่างบอบบางเอาไว้ ถามเสียงอ่อนโยนว่า "คิดถึงท่านแม่หรือ?" "ขอรับ" หลี่ชิงรับตรงๆ "ข้าน้อยอยากให้แม่อยู่กับข้าน้อยที่นี่" ไท่ชินอ๋องหอมแก้มนุ่ม แล้วกล่าวว่า "ข้าเข้าใจ ...แต่มันไม่เหมาะสม" "เพราะเหตุใดขอรับ?" "ท่านแม่ของเจ้ามีอายุมากกว่าข้าเพียงห้าหกปี นางยังสาวอยู่มาก จะถูกติฉินนินทาได้" ไท่ชินอ๋องพูดเพียงเท่านี้ หลี่ชิงก็เข้าใจ...เด็กหนุ่มพยักหน้า ยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตา "ท่านอ๋องมองการณ์ไกล ข้าน้อยคิดตื้นๆ" "เอาละ...ข้าอนุญาตให้เจ้าไปเยี่ยมท่านแม่ได้บ่อยๆ" "ให้ข้าน้อยออกจากจวนได้หรือขอรับ?" หลี่ชิงถามอย่างไม่ค่อยจะเชื่อหู "ถูกต้อง...แต่ต้องพาขันทีคนสนิทไปด้วยทั้งหมด" "ขอบคุณมากขอรับ" หลี่ชิงดีใจจนแทบจะโห่ร้องออกมา "ขอบคุณเฉยๆ ด้วยป
ด้วยความกลัวตาย...เซี่ยฉงโขกศีรษะร่ำร้องแต่ว่า "ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตด้วยๆๆ..." "ให้ข้าไว้ชีวิตเจ้านั้นไม่ยาก แต่เจ้าจะต้องสารภาพเบื้องหลังเรื่องครั้งนี้ออกมาให้หมด" ไท่ชินอ๋องกล่าวเสียงเรียบๆ "ขอรับ" เซี่ยฉงรับคำอย่างหวาดกลัว "ข้าน้อยเป็นคนเสเพลขอรับ ชอบกินชอบเที่ยวชอบดื่ม มิได้ทำมาหากินอะไร ทรัพย์สินเงินทองที่บรรพบุรุษเหลือไว้ให้ก็ใช้จวนหมด เมื่อเจ็ดวันก่อนท่านอำมาตย์ฟางเหยียนเจ้ากรมพิธีการ ให้คนนำข้าน้อยไปพบ และสั่งให้ข้าน้อยมาฟ้องร้องกุ้ยหวางเฟยว่าเป็นบุตรของข้าน้อย ไม่ว่าข้าน้อยจะทำสำเร็จหรือไม่ เขาก็จะให้เงินข้าน้อยสิบหมื่นตำลึงขอรับ" "แล้วเงินค่าธรรมเนียมวางศาลล่ะ เจ้าเอามาจากไหน?" ใต้เท้าจิน ผู้พิพากษาถามขึ้นเพราะค่าธรรมเนียมวางศาลจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผู้ถูกฟ้องร้อง...ครั้งนี้ฟ้องถึงกุ้ยหวางเฟย ค่าธรรมเนียมวางศาลจึงสูงมาก! "เป็นเงินของท่านอำมาตย์ฟางเหยียนขอรับ ...เงินร้อยหมื่นตำลึงทอง แม้แต่เศรษฐียังน้อยคนนักจะหามาได้ ถ้าข้าน้อยมีเงินมากขนาดนั้น ข้าน้อยคงไม่หาเรื่องใส่ตัวมาฟ้องร้องกุ้ยหวางเฟยหรอกขอรับ""เพราะเหตุใดใต้เท้าฟาง(อำมาตย์ฟางเหยียน)จึ
"จะอย่างไร...เด็กคนนี้ต่อไปเติบโตขึ้นจะได้มีความเกรงใจกตัญญูต่อไทเฮา" มหาเสนาบดีเจียงผิงกล่าวต่อ "ท่านพ่อคิดว่าสมควรปล่อยให้เติบโตหรือ?" ไทเฮาย้อนถามกลับ "หากเขาเติบโตขึ้นและกุมอำนาจไว้ในมือได้ คิดว่าเขาจะปล่อยข้าหรือ?"มหาเสนาบดีเจียงผิงรู้ดีแก่ใจว่า...คำพูดของบุตรสาวนั้นมีทีท่าว่าจะกลายเป็นความจริงได้มากทีเดียว...หากฮ่องเต้น้อยเติบโตขึ้นแล้ว ได้รู้ความจริงว่า จางอวี้เหลียนมารดาแท้ๆ ของเขา ที่กำลังจะได้รับการแต่งตั้งเป็นกุ้ยเฟย(พระสนมเอก) ถูกฮองเฮาใส่ร้ายจนต้องขังในวังเย็น ซ้ำร้ายฮองเฮายังส่งคนไปเผาวังเย็นคลอกมารดาของเขาตายอย่างน่าอนาถ เท่านั้นยังไม่พอ...ฮองเฮายังวางยาฮ่องเต้ให้เหมือนป่วยตายเพราะความเศร้าเสียใจต่อการตายของสนมจางอวี้เหลียน...ครั้นพอฮ่องเต้น้อยได้ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงหกเดือน ฮองเฮาได้เลื่อนขึ้นเป็นไทเฮา และด้วยการสนับสนุนของมหาเสนาบดีเจียงผิงผู้บิดา ได้นั่งตำแหน่งผู้สำเร็จราชการร่วมกับไท่ชินอ๋อง นางยังถวายผ้าแพรขาว (สั่งให้ผูกคอตาย)ให้แก่ฮองไทเฮาอีกด้วย "ดังนั้น...ข้าต้องจัดการอะไรบางอย่างก่อนที่เขาจะเติบโต" ไทเฮาเอ่ยเรียบๆ "ไทเฮาหมายถึงเปลี่ยนผู้นั่งบ
ไท่ชินอ๋องนำรายชื่อของบุรุษที่เคยร่วมหลับนอนกับซูไห่ถังทั้งหมดห้าคนส่งให้เซียวซานองครักษ์ขวา พร้อมกับคำสั่งว่า "เก็บอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด และเผาหอคณิกาให้ไม่เหลือซากด้วย" "ขอรับ" เซียวซานน้อมรับคำ แล้วผละจากไป "หลิวยี่ ดูแลซูฟูเหริน อย่าให้นางคิดสั้น" "ขอรับ" หลิวกงกงน้อมรับคำสั่ง แล้วเข้าไปในห้องที่ซูไห่ถังพักอยู่ สั่งงานเสร็จ...ไท่ชินอ๋องก็ขึ้นม้าขี่กลับจวน ซูไห่ถังเห็นหลิวกงกงยังรั้งอยู่ ก็ถามว่า "กงกง ท่านมิได้กลับพร้อมไท่ชินอ๋องหรือ?" "ท่านอ๋องสั่งให้ข้าน้อยอยู่รับใช้ฟูเหรินซักพัก รอเรื่องคดีความผ่านพ้น ค่อยกลับไปจวนขอรับ" หลิวกงกงตอบ ซูไห่ถังรู้ว่า...ไท่ชินอ๋องเกรงว่าตนจะคิดสั้น จึงให้ขันทีผู้ใหญ่อย่างหลิวกงกงคอยประกบไว้ ไท่ชินอ๋องกลับถึงจวน...ก็เรียกเสี่ยวฉีจื่อมาสอบถาม "ชิงชิงเป็นอย่างไรบ้าง?" "กุ้ยหวางเฟยกินอาหารไม่ลงขอรับ กินได้เพียงสองคำก็ไม่ยอมกิน ไม่ว่าพวกบ่าวจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร ก็เอาแต่ส่ายหน้า" "อืม..." ไท่ชินอ๋องทำเสียงรับรู้ แล้วสั่ง "ให้ห้องครัวตั้งโต๊ะ เดี๋ยวข้าป้อนกุ้ยหวางเฟยเอง" "ขอรับ" เสี่ยวฉีจื่อรับ
ด้วยความกลัวตาย...เซี่ยฉงโขกศีรษะร่ำร้องแต่ว่า "ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตด้วยๆๆ..." "ให้ข้าไว้ชีวิตเจ้านั้นไม่ยาก แต่เจ้าจะต้องสารภาพเบื้องหลังเรื่องครั้งนี้ออกมาให้หมด" ไท่ชินอ๋องกล่าวเสียงเรียบๆ "ขอรับ" เซี่ยฉงรับคำอย่างหวาดกลัว "ข้าน้อยเป็นคนเสเพลขอรับ ชอบกินชอบเที่ยวชอบดื่ม มิได้ทำมาหากินอะไร ทรัพย์สินเงินทองที่บรรพบุรุษเหลือไว้ให้ก็ใช้จวนหมด เมื่อเจ็ดวันก่อนท่านอำมาตย์ฟางเหยียนเจ้ากรมพิธีการ ให้คนนำข้าน้อยไปพบ และสั่งให้ข้าน้อยมาฟ้องร้องกุ้ยหวางเฟยว่าเป็นบุตรของข้าน้อย ไม่ว่าข้าน้อยจะทำสำเร็จหรือไม่ เขาก็จะให้เงินข้าน้อยสิบหมื่นตำลึงขอรับ" "แล้วเงินค่าธรรมเนียมวางศาลล่ะ เจ้าเอามาจากไหน?" ใต้เท้าจิน ผู้พิพากษาถามขึ้นเพราะค่าธรรมเนียมวางศาลจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผู้ถูกฟ้องร้อง...ครั้งนี้ฟ้องถึงกุ้ยหวางเฟย ค่าธรรมเนียมวางศาลจึงสูงมาก! "เป็นเงินของท่านอำมาตย์ฟางเหยียนขอรับ ...เงินร้อยหมื่นตำลึงทอง แม้แต่เศรษฐียังน้อยคนนักจะหามาได้ ถ้าข้าน้อยมีเงินมากขนาดนั้น ข้าน้อยคงไม่หาเรื่องใส่ตัวมาฟ้องร้องกุ้ยหวางเฟยหรอกขอรับ""เพราะเหตุใดใต้เท้าฟาง(อำมาตย์ฟางเหยียน)จึ
หลิวกงกงได้รับคำสั่งจากไท่ชินอ๋อง ให้ประมูลซื้อจวนตระกูลหลี่ที่ถูกขายทอดตลาดขึ้นมา และปรับปรุงตกแต่งใหม่หมด จัดซื้อสาวใช้และบ่าวรับใช้ และส่งบ่าวจากจวนไท่ชินอ๋องไปเป็นพ่อบ้าน เปลี่ยนชื่อจวนจากจวนตระกูลหลี่ เป็นจวนซูฟูเหริน แล้วจึงให้พาซูไห่ถังกลับไป คืนนั้น...หลี่ชิงนั่งซึม น้ำตาไหล ไท่ชินอ๋องโอบกอดร่างบอบบางเอาไว้ ถามเสียงอ่อนโยนว่า "คิดถึงท่านแม่หรือ?" "ขอรับ" หลี่ชิงรับตรงๆ "ข้าน้อยอยากให้แม่อยู่กับข้าน้อยที่นี่" ไท่ชินอ๋องหอมแก้มนุ่ม แล้วกล่าวว่า "ข้าเข้าใจ ...แต่มันไม่เหมาะสม" "เพราะเหตุใดขอรับ?" "ท่านแม่ของเจ้ามีอายุมากกว่าข้าเพียงห้าหกปี นางยังสาวอยู่มาก จะถูกติฉินนินทาได้" ไท่ชินอ๋องพูดเพียงเท่านี้ หลี่ชิงก็เข้าใจ...เด็กหนุ่มพยักหน้า ยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตา "ท่านอ๋องมองการณ์ไกล ข้าน้อยคิดตื้นๆ" "เอาละ...ข้าอนุญาตให้เจ้าไปเยี่ยมท่านแม่ได้บ่อยๆ" "ให้ข้าน้อยออกจากจวนได้หรือขอรับ?" หลี่ชิงถามอย่างไม่ค่อยจะเชื่อหู "ถูกต้อง...แต่ต้องพาขันทีคนสนิทไปด้วยทั้งหมด" "ขอบคุณมากขอรับ" หลี่ชิงดีใจจนแทบจะโห่ร้องออกมา "ขอบคุณเฉยๆ ด้วยป
"ท่านแม่ยาย...นี่คือหนังสือหย่าที่หลี่ไฉเขียนให้กับท่าน" ไท่ชินอ๋องยื่นส่งซองหนังสือสำคัญให้กับซูไห่ถัง ที่นั่งเล่นหมากล้อมอยู่กับบุตรชายในห้องโถงพักผ่อน...ช่วงก่อนเวลาอาหารเย็น "ขอบคุณ ท่านอ๋อง" ซูไห่ถังรับซองหนังสือสำคัญมาเก็บเอาไว้ในแขนเสื้อ(เสื้อจีนโบราณจะเย็บกระเป๋าไว้ด้านในแขนเสื้อหรืออกเสื้อ) "ลำบากท่านอ๋องแล้ว" ไท่ชินอ๋องนั่งลงข้างหลี่ชิง ตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า "ไม่ลำบาก ข้าแค่เกลี้ยกล่อมเขาเล็กน้อยเท่านั้น..." โดยมิได้อธิบายรายละเอียดของการเกลี้ยกล่อม ที่เริ่มจาก ลากตัวคนในครอบครัวของหลี่ไฉออกมารัดนิ้วทีละคน คนแรกคือ...หลี่จุ้นบุตรชายคนโต เสียงร้องโหยหวนของหลี่จุ้นดังก้องคุกคุมขังเพราะแม้ทัณฑ์รัดนิ้วจะไม่ได้ทำให้ถึงแก่ชีวิต แต่ความเจ็บปวดทรมานนั้นเหนือคณานับ ต่อจากหลี่จุ้นก็เป็นอวี้ฮวา จินฮวา ฟูเหรินใหญ่ พอมาถึงฟูเหรินผู้เฒ่า...หลี่ไฉจึงยอมจำนน เขียนคำสารภาพเรื่องราวที่ตระกูลเฉาสมคบคิดแผนการร้ายกับอ๋องสามอย่างไร และตนมีส่วนร่วมอย่างไรบ้างออกมา และเขียนหนังสือหย่าให้แก่ซูไห่ถัง แต่ไท่ชินอ๋องยังคงสั่งหวังกงกงให้ตีขาหลี่จุ้นให้หัก เป็นการเอาคืนให
"แล้วจะทำอย่างไรดี?" หลี่ชิงกับมารดากล่าวแทบจะพร้อมกัน "ไม่ต้องกังวล...พวกเรามาพิจารณาเรื่องนี้ทีละคน" ไท่ชินอ๋องกล่าว "เริ่มที่ชิงชิง...หลี่ไฉยกชิงชิงให้ตระกูลเฉา แล้วข้าได้ซื้อตัวชิงชิงมาอีกต่อหนึ่ง ดังนั้นชิงชิงจึงมิได้เป็นคนในครอบครัวของหลี่ไฉอีกต่อไป ย่อมไม่ต้องรับโทษที่หลี่ไฉกระทำไว้" ซูไห่ถังแย้มยิ้มยินดี...อาชิงลูกของนางรอดแล้ว "แล้วแม่ของข้าน้อยล่ะ?" หลี่ชิงสีหน้ากังวล "ท่านแม่ยายมีฐานะเป็นภรรยาของเขา เขาต้องโทษ ท่านแม่ยายก็ติดหลังแหไปด้วย" ไท่ชินอ๋องกล่าว "นอกเสียจากว่า...หลี่ไฉจะเขียนหนังสือหย่าให้" หลี่ชิงกับมารดามองสบตากันอีกครั้ง "เขาจะยอมหรือ?" ซูไห่ถังเอ่ยถาม "ไว้เป็นหน้าที่ของข้าเอง" ไท่ชินอ๋องกล่าว แล้วเรียกหลิวกงกงมาสั่งว่า "พาท่านแม่ยายไปพักที่เรือนดอกเหมยสักพักก่อน หาสาวใช้กับบ่าวชายไปคอยดูแลด้วย" "ขอรับ" หลิวกงกงน้อมรับคำสั่ง"อยู่ที่จวนนี้...เชิญท่านแม่ยายมากินอาหารด้วยกันทุกมื้อ...ชิงชิงจะได้พูดคุยกับท่านให้หายคิดถึง" ไท่ชินอ๋องออกปากเชื้อเชิญซูไห่ถัง ที่คุกกรมอาญา... หลี่ไฉกับหลี่จุ้น สองพ่อลูกถูกขังอยู่ด้
พอหลี่ชิงเซผงะ ไท่ชินอ๋องก็โอบสองแขนกอดร่างบอบบางเอาไว้ ถามเบาๆ ว่า "เจ็บหรือไม่?" "ไม่ขอรับ" หลี่ชิงตอบพลางแกะอ้อมแขนของอีกฝ่ายออกด้วยกิริยาสุภาพ แล้วถามกลับว่า "ทำไมวันนี้ท่านอ๋องถึงกลับเร็วขอรับ?" แล้วทั้งสองก็พากันเดินไปนั่งที่ห้องโถงพักผ่อน สาวใช้นำน้ำชาและขนมมาต้อนรับ พอสาวใช้คล้อยหลัง ไท่ชินอ๋องก็ตอบว่า "ชดเชยที่เมื่อคืนนี้ข้ามิได้กลับ" หลี่ชิงนิ่งเงียบมิได้ซักถามอะไร ไท่ชินอ๋องจึงเป็นฝ่ายถาม "เจ้าไม่ถามข้าหรือว่าทำไมเมื่อคืนถึงไม่ได้กลับบ้าน?" "ข้าน้อยแล้วแต่ท่านอ๋องจะกรุณาบอกขอรับ" เด็กหนุ่มกล่าวเสียงเรียบๆ "เมื่อคืน...ข้าดื่มกับพวกราชทูตตงจิ่งหนักไปหน่อย ก็เลยเมาหลับไป พวกขันทีในวังจึงจัดห้องพักให้ค้างคืน"ไท่ชินอ๋องบอกเล่าความจริงแค่ครึ่งเดียว...เขาไม่ได้บอกว่าเขาถูกวางยานอนหลับ และตื่นมาในสภาพเปลือยเปล่ามีร่างเปลือยของไทเฮานอนเคียงข้างแนบชิด ซ้ำนางยังไม่ได้เอะอะโวยวายจะให้เขารับผิดชอบ แต่กลับกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า "ข้าเพิ่งพบความสุขที่แท้จริงเมื่อคืนนี้เอง" นางฉลาด นางไม่ใช้วิธีขู่เข็ญบังคับ แต่ใช้วิธียกย่องเยินยอให้ผู้
เสี่ยวไห่จื่อผู้นี้มีขวัญกล้าเทียมฟ้า...เขาหันไปน้อมกายตอบไท่ชินอ๋องว่า "น้อมเรียนท่านอ๋อง...บ่าวคิดว่า ควรจะมีการจัดประลองยุทธเพื่อเลือกผู้มีฝีมือที่สุดเป็นหัวหน้าจึงถูกต้องขอรับ" ไท่ชินอ๋องไม่ได้ตอบข้อเสนอของเสี่ยวไห่จื่อ แต่เรียกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า "หลิวยี่..." หลิวกงกงก็โฉบเข้าหาเสี่ยวไห่จื่อราวเหยี่ยวตัวใหญ่โฉบลูกเจี๊ยบ กร๊อบ...ลำคอของเสี่ยวไห่จื่อถูกบิดหักทันที "เจ้าผิดตั้งแต่ขัดคำสั่งของกุ้ยหวางเฟยแล้ว" เสียงไท่ชินอ๋องเรียบๆ เรื่อยๆ ร่างของเสี่ยวไห่จื่อจึงค่อยๆ ล้มลง หลี่ชิงเนื้อตัวสั่นเทา... ไท่ชินอ๋องเดินข้ามห้องมาโอบกอดร่างบอบบางอย่างปลอบโยน "ชิงชิง ไม่ต้องกลัวนะ" เสี่ยวลู่จื่อกับเสี่ยวหงจื่อรีบจัดการเก็บศพอย่างรู้หน้าที่อาเฟยนำองครักษ์ทั้งสี่ที่ถูกจับอาบน้ำจนสะอาดสะอ้านมาแนะนำตัวให้หลี่ชิงรู้จัก โดยองครักษ์ทั้งสี่ยืนเข้าแถวตามขนาดความสูงใหญ่ของร่างกายอาเฟยเข้ามานั่งบนเบาะที่เสี่ยวหงจื่อปูบนพื้นข้างเก้าอี้ที่หลี่ชิงนั่งให้อย่างสนิทสนม แล้วแนะนำว่า "คนตัวใหญ่ที่สุดที่ยืนอยู่ขวามือ...ชื่อต้าหนิว(วัวตัวใหญ่) คนที่
เวลาสายของวันรุ่งขึ้น... หลี่ชิงเห็นเสี่ยวฉีจื่อเข้ามาปรนนิบัติรับใช้เพียงคนเดียว ก็อดถามถึงอีกคนไม่ได้ "เสี่ยวจางจื่อล่ะ ทำไมวันนี้จึงไม่เห็น...เกิดเรื่องเมื่อวานนี้ ทำให้เขาบาดเจ็บหรือ?" "หามิได้ขอรับ กุ้ยหวางเฟย" เสี่ยวฉีจื่อตอบนอบน้อม หลี่ชิงโล่งใจยิ้มออก แต่...ประโยคต่อมา "เสี่ยวจางจื่อเสียชีวิตแล้วขอรับ" รอยยิ้มบนดวงหน้างดงามค่อยๆ จางหาย "เขาเสียชีวิตอย่างไร? เล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียดที" หลี่ชิงกล่าว เสี่ยวฉีจื่อจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้หลี่ชิงฟังอีกรอบ "เสี่ยวจางจื่อตายเพราะข้าแท้ๆ" หลี่ชิงเอ่ยอย่างเสียใจ "กุ้ยหวางเฟยอย่าโทษตัวเองเลยขอรับ" เสี่ยวฉีจื่อกล่าว "การที่ผู้ร้ายสามารถลักพาตัวกุ้ยหวางเฟยไปได้ ล้วนเป็นความผิดพลาดของข้าน้อยทั้งสองคน เสี่ยวจางจื่อนั้นได้ชดใช้ด้วยชีวิตไปแล้ว แต่ข้าน้อยยังละอายใจที่ปล่อยให้กุ้ยหวางเฟยเจ็บตัวและตกใจ แล้วท่านอ๋องยังไม่ได้ลงทัณฑ์ แต่ให้ข้าน้อยทำความดีไถ่โทษขอรับ" "เจ้าเองก็อย่าคิดมาก เจ้าทำดีที่สุดแล้ว" หลี่ชิงกล่าวปลอบอีกฝ่าย "ขอบคุณขอรับ" เสี่ยวฉีจื่อกล่าว แล้วเห็นหลี่ช