ตอนที่ 1
เสียงก้องกระแทกคำสั่งอันหยาบกร้านจากพ่อเลี้ยงขี้เมาก้องกังวานในห้องสลัว
"เอาเงินมานี่!"
มือหนาและเย็นเยียบของเขากระชากกระเป๋าออกจากมือของเด็กสาววัยเพียงสิบแปดอย่างไร้เยื่อใย น้ำขืนแรงพยายามเหนี่ยวรั้งกระเป๋ากลับมา
หัวใจเต้นกระหน่ำด้วยความกลัวและความเจ็บปวดที่ปะปนปั่นป่วน ความหวังที่จะรักษาเงินจำนวนนี้ไว้เหมือนเศษสุดท้ายของเกราะที่ปกป้องความฝันของเธอ
เงินเพียงเล็กน้อยที่เธอสะสมมาจากงานพิเศษหลังเลิกเรียน ถูกเก็บงำด้วยความหวังที่จะเป็นทุนให้เธอได้เรียนต่อในวันที่มืดมิดไร้ซึ่งการสนับสนุนจากแม่ที่ติดเหล้า และคลั่งไคล้ชายผู้เป็นพ่อเลี้ยงจนโงหัวไม่ขึ้น
“พ่อจ๋า อย่าเอาเงินของน้ำไปเลยนะคะ”
เสียงของเธอสั่นเครือ ดวงตาวาววับทอประกายอ้อนวอน หวังให้เขาได้ตระหนักถึงความหมายของเงินนี้ แต่นัยน์ตาแข็งกระด้างของเขากลับฉายเพียงร่องรอยความเย็นชา
"แกจะหวงเงินทำไม! ตราบใดที่แกกับแม่แกยังซุกหัวนอนอยู่ใต้หลังคาบ้านของฉัน!"
คำพูดกราดเกรี้ยวดังก้อง น้ำยืนนิ่ง ความรู้สึกไร้ค่าแล่นผ่านร่างราวกระแสลมหนาวที่เยือกเย็น แต่เมื่อมือหยาบกร้านนั้นพยายามจะฉวยเอาเงินไปอีกครั้ง
เธอรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ดึงกระเป๋าออกมาด้วยแรงที่มาจากความมุ่งมั่นอันสุดท้ายในใจ
ความกลัวและความเสียใจหลอมรวมเป็นพลังให้เธอพุ่งออกจากบ้านนั้นอย่างสุดชีวิต ร่างเล็กวิ่งฝ่าความมืดไปโดยไม่คิดหันกลับไปมอง
เสียงตะโกนดังก้องไล่ตามหลัง
“อีน้ำ! กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงอันดุดันแฝงด้วยความโกรธเกรี้ยว และแม้ขาทั้งสองข้างจะสั่นสะท้านทุกย่างก้าว แต่น้ำก็เร่งวิ่งให้เร็วขึ้นไปอีก
หัวใจที่เคยถูกกักขังมานานเริ่มเต้นรัวด้วยแรงแห่งเสรีภาพ การก้าวออกจากที่คุมขังในครั้งนี้ แม้ปลายทางจะยังเลือนราง แต่เธอรู้สึกถึงลมหายใจของอิสรภาพที่รออยู่เบื้องหน้า
แต่ทันใดนั้น… “โคร้ม!” เสียงดังสนั่นทำลายความเงียบสงบในชั่วพริบตา ราวกับโลกหยุดหมุน
คนขับหันมาพลันพร้อมกับใบหน้าซีดเผือด
“คุณเวธัสครับ! ชนคนครับ!”
เสียงรายงานดังก้องในหูของเจ้าของรถ ร่างสูงสง่าที่นั่งอยู่เบาะหลัง ความเย็นเยือกแห่งความตระหนกแผ่ซ่านไหลท่วมร่าง หัวใจเต้นโครมครามด้วยความกังวลและความตกใจที่ตีรวนกัน
“รีบลงไปดูอาการคนเจ็บ!”
เมธัสออกคำสั่ง ราวกับย้ำเตือนตัวเองว่าเวลานี้การช่วยเหลือคือสิ่งสำคัญ
เขาสั่งเสียงหนักแน่นแต่แฝงด้วยความร้อนใจ ขณะมองออกไปในความมืด หวังเพียงให้คนที่ถูกชนไม่เป็นอะไร
เวธัสก้าวลงจากรถด้วยอาการร้อนรน หัวใจเต้นกระหน่ำไม่เป็นจังหวะ เมื่อสายตาจับจ้องไปยังร่างบอบบางของเด็กสาวที่นอนสลบอยู่เบื้องหน้า
ใบหน้าของเธออ่อนเยาว์สดใส ผิวพรรณเปล่งปลั่งราวกับดอกไม้ที่ยังผลิบานไม่เต็มที่ ความเวทนาแล่นวาบเข้าครอบครองใจเขาทันที ความรู้สึกผิดเกาะกุมจนยากจะปัดป้อง
เวธัสไม่รอช้า ควักโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรเรียกรถพยาบาลอย่างเร่งด่วน เสียงเขาแผ่วสั่นด้วยความกังวลที่เขาพยายามปิดซ่อน เมื่อเด็กสาวถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาล
เขาจึงรีบก้าวตามไปที่โรงพยาบาลพร้อมคนขับอย่างไม่รั้งรอ
เมื่อคุณหญิงภาวิณีได้ฟังเรื่องจากปากลูกชาย หัวใจถึงกับหายวาบ
ความห่วงใยแผ่ซ่านอย่างไม่อาจเก็บงำไว้ได้ เธอรีบเร่งตามไปยังโรงพยาบาลด้วยความกังวลที่อัดแน่นในอก
ดวงตาคู่นั้นฉายแววความหวาดหวั่น ไม่เพียงแต่ห่วงใยเมธัสผู้เป็นลูกชาย
แต่ยังเกรงว่าข่าวนี้จะลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่ ในแวดวงนักธุรกิจที่ทุกสายตาจับจ้อง
ชื่อเสียงของเมธัสคือสิ่งที่ถูกเฝ้าจับตามองเสมอ จึงรีบไล่ให้ลูกชายกลับบ้านไปพักผ่อนในทันที
ขณะเดียวกัน เสียงครวญเบาๆ ดังขึ้นจากเตียงผู้ป่วย
"โอ๊ย..."
ธารธารา หรือ น้ำค้าง เด็กสาวผู้บาดเจ็บ เริ่มรู้สึกตัว แม้ยังคลุมเครือจากความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง แต่ความรู้สึกนั้นพาให้เธอขยับเล็กน้อย
พลันภาพใบหน้าของคุณหญิงภาวิณีที่นั่งเฝ้าข้างเตียงด้วยแววตาแห่งความสงสารปรากฏชัดขึ้น
คุณหญิงภาวิณีรีบลุกขึ้น เดินเข้ามาหาธารธาราด้วยท่าทางอ่อนโยน
"หนูเป็นยังไงบ้างลูก พอไหวไหม"
เสียงนั้นอ่อนหวานแฝงความเมตตา ชวนให้ธารธารารู้สึกถึงความอบอุ่นแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
หลังจากเมธัส ลูกชายของเธอ ถูกส่งกลับบ้านไปพักผ่อนเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของสื่อมวลชน
คุณหญิงภาวิณีก็ปักหลักอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยความตั้งใจจะจัดการเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเอง
ความเป็นแม่ทำให้เธอตัดสินใจอย่างรอบคอบและหนักแน่น เพราะรู้ดีว่าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปอาจกลายเป็นข่าวใหญ่ได้
"หนูเป็นอะไรมากไหมจ๊ะ"
คุณหญิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาฉายความห่วงใยอย่างจริงใจ
ธารธาราซึ่งยังอยู่ในอาการมึนงง พยายามรวบรวมสติเรียบเรียงความทรงจำอันเลือนราง ก่อนเอ่ยตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
“เอ่อ… หนูเป็นอะไรไปหรอคะ”
คุณหญิงภาวิณีถอนหายใจเบาๆ พลางยิ้มละมุน
“หนูถูกรถของลูกชายฉันชนน่ะจ้ะ”
เธอพูดพลางจับมือธารธาราไว้ด้วยความเมตตา
“แล้วหนูมีเบอร์ติดต่อพ่อกับแม่ไหมจ๊ะ เดี๋ยวฉันจะได้โทรหาท่านให้”
เมื่อคำว่า "พ่อกับแม่" ดังขึ้น ราวกับไปกระทบความรู้สึกบางอย่างในใจของเด็กสาว ดวงตาคู่นั้นสั่นไหวด้วยความหวาดหวั่น
เธอขยับมือตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าลงพลางตอบเสียงสั่นเครือ
“มะ…ไม่ค่ะ ห้ามบอกเด็ดขาดนะคะ”
ธารธาราร้องขอด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความกลัว หัวใจของเธอสั่นไหวราวกับใบไม้ต้องลม
คุณหญิงภาวิณีมองเด็กสาวด้วยความไม่เข้าใจ แต่ยังคงปรารถนาดีในแววตา
“ทำไมหรอจ๊ะ”
เธอถามอย่างอ่อนโยน
ธารธาราก้มหน้า แววตาลังเลเหมือนคนแบกภาระอันหนักหนา ความรู้สึกที่เก็บกดมานานพัดพาให้เธอรู้สึกสิ้นหวัง ในที่สุด
เธอจึงตัดสินใจเปิดใจเล่าเรื่องราวชีวิตที่เธออดทนเผชิญมาทั้งหมดให้หญิงวัยกลางคนที่ดูอบอุ่นและอ่อนโยนตรงหน้าได้ฟัง
น้ำเสียงสั่นเครือของเธอเผยถึงความเจ็บปวดและโดดเดี่ยวที่ฝังลึก
“แม่ไม่เคย…รักหนูเลยค่ะ”
เธอเอ่ยแผ่วเบา เล่าถึงมารดาที่เลี้ยงดูเธอราวกับเป็นคนแปลกหน้า
ความรักหรือความผูกพันไม่เคยปรากฏในบ้านที่ควรจะเป็นที่พักพิง
เด็กสาวบอกเล่าชีวิตวัยเด็กอันโดดเดี่ยวที่เต็มไปด้วยความเงียบงันและคำพูดบาดลึก
หยดน้ำตาเริ่มรินไหลบนใบหน้าอ่อนเยาว์ แต่ธารธารากลับไม่ยกมือขึ้นปาดออก
คุณหญิงภาวิณีมองธารธาราด้วยความเห็นใจ ความอ่อนโยนในดวงตาคู่นั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เมื่อเธอรับรู้ถึงความยากลำบากที่เด็กสาววัยเพิ่งจบชั้นมัธยมปลายต้องเผชิญ
เธอยื่นมือออกไปแตะเบา ๆ บนมือธารธารา พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“หนูไม่ต้องกลัวไปนะจ๊ะ ต่อจากนี้ หนูจะไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว ฉันสัญญา”
ธารธาราเงยหน้ามองคุณหญิงภาวิณี แววตาฉายประกายแห่งความหวังที่ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้พบ
เธอเหมือนดอกไม้เล็กๆ ที่เพิ่งได้รับหยาดน้ำท่ามกลางทะเลทราย
"หนูเรียนจบ ม.6 แล้วใช่ไหม"
คุณหญิงถามด้วยเสียงนุ่มนวล
"ใช่ค่ะ"
ธารธาราตอบพลางพยักหน้า แม้ภายในใจจะยังว้าวุ่นสับสน
แต่คำถามนั้นแฝงด้วยความปรารถนาดีที่เธอไม่เคยได้รับจากใคร
คุณหญิงภาวิณีหันมาสบตาเธอด้วยแววตามุ่งมั่น
"เอางี้นะ เดี๋ยวฉันจะรับผิดชอบหนูเอง"
น้ำเสียงของคุณหญิงแน่วแน่ ชัดเจนราวกับแสงสว่างที่ค่อยๆ สาดส่องมาในชีวิตอันโดดเดี่ยวของธารธารา
"ฉันจะส่งหนูเรียนต่อมหาวิทยาลัยเอง และถ้าหนูไม่รังเกียจ ย้ายมาอยู่ที่บ้านฉันเถอะจ้ะ จะได้มีที่พักที่ปลอดภัย จนกว่าหนูจะเรียนจบ”
ธารธาราเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง หัวใจพองโตอย่างไม่อาจยับยั้ง น้ำตาแห่งความซาบซึ้งค่อยๆ รินไหล
เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความเมตตาเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเธอ
ความยินดีหลั่งท่วมในหัวใจ ราวกับได้ค้นพบแสงแห่งความหวังในชีวิตใหม่ที่เธอไม่เคยฝันถึง
“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณจากใจจริงๆ ค่ะ”
เธอเอ่ยขอบคุณด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลริน เธอยกมือขึ้นพนมอย่างซาบซึ้ง ขณะที่ในใจรู้สึกถึงความอบอุ่นและการเริ่มต้นใหม่
ตอนที่ 2ผ่านมาเกือบสองปีแล้วที่ธารธาราย้ายเข้ามาอาศัยในบ้านของคุณหญิงภาวิณี ตอนนี้เธออายุ20 ปีแล้วและเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สองคณะนิเทศศาสตร์ด้วยหน้าตาที่ยิ่งโตมายิ่งสะสวยสะดุดตาเธอยิ่งดูเหมาะสมกับคณะนี้ไม่เหมือนเด็กสาวที่มาจากสลัมอย่างที่เธอเป็นเสียด้วยซ้ำแต่ภาพลักษณ์ของเธอนั้นดันเหมือนลูกคุณหนูบ้านไหนเสียอีกแต่ธารธาราไม่เคยปิดบังตัวตนของเธอแม้แต่น้อยว่ามาจากที่ใดใครอุปการะถึงผู้เป็นแม่จะเลี้ยงดูเธอมาไม่ดีนักเธอก็มีติดต่อหาท่านบ้างโดยไม่ห็ผู้เป็นพ่อเลี้ยงทราบและมีแอบส่งเงินให้ผู้มารดาใช้บ้างในบางคราเธอไม่ได้อยู่ในบ้านหลังใหญ่ร่วมกับคุณหญิงและคนในบ้านหรอกหากแต่อาศัยในบ้านหลังเล็กที่อยู่ท้ายสุดของบริเวณ บ้านหลังเล็กนี้ตกแต่งอย่างสวยงามและอบอุ่นบรรยากาศเงียบสงบจนไม่เหมือนบ้านพักของแม่บ้านหรือคนงานทั่วไปธารธารารู้สึกขอบคุณคุณหญิงเสมอที่มอบพื้นที่ให้เธอได้อยู่อย่างสบายใจและปลอดภัยวันนี้เป็นวันหยุดของเธอ ธารธาราจึงตั้งใจใช้เวลาทำงานเพื่อส่งให้อาจารย์ในวันจันทร์ที่ใกล้จะมาถึงขณะที่เธอนั่งเขียนงานอยู่ในห้อง แม่บ้านก็เดินเข้ามาพร้อมกับแจ้งข่าวว่า“คุณน้ำคะ คุณผู้หญิงเรียกให้ไปพบค่ะ”ธ
ตอนที่ 3ช่วงเช้าของวันถัดมา"แผนของเราก็คือ..."คุณหญิงภาวิณีหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยความแน่วแน่"วันไหนที่หนูมีเรียนเช้า หลังเลิกเรียนก็ไปช่วยทำความสะอาดคอนโดของตาเว ถ้าวันไหนเรียนบ่าย ช่วงเช้าก็ไปจัดการแทน ส่วนเรื่องเงินเดือน...ฉันจะเพิ่มให้เป็นเดือนละห้าหมื่น ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่หนูช่วยเหลือฉันในครั้งนี้"ธารธารายิ้มอย่างสุภาพ แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความซาบซึ้งที่แทบเอ่อล้นออกมา แต่ความกตัญญูที่เธอมีต่อคุณหญิงทำให้เธอไม่อยากรับสิ่งใดเพิ่มเติม"คุณท่านคะ ไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนให้หนูก็ได้ค่ะ หนูยินดีช่วยคุณท่านด้วยใจอยู่แล้ว""เอาไปเถอะนะจ๊ะ"เสียงของคุณหญิงอ่อนโยน สายตาเปี่ยมไปด้วยความเมตตาและอาทร"ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ฉันอยากจะตอบแทน เพื่อความสบายใจของฉันเองด้วย"ธารธาราก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม น้ำเสียงของเธอสั่นไหวเล็กน้อยด้วยความตื้นตัน"ขอบพระคุณมากค่ะคุณท่าน หนูจะตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ"“อ๊ะ นี่คือคีย์การ์ดคอนโดของตาเว”คุณหญิงภาวิณีส่งคีย์การ์ดให้ธารธาราด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ทำยังไงก็ได้ ให้ตาเวหลงรักหนูให้ได้”“ขะ…เข้าใจแล้
ตอนที่ 4 ถุงยางเป็นเหตุ ธารธาราเดินเข้ามาในคอนโดของเวธัสครั้งแรก รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับความกว้างขวางและความหรูหราของที่นี่ เสียงฝีเท้าของเธอดังก้องไปทั่วห้อง ทำให้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ภายในห้องตกแต่งโทนสีเทา ‘เขาก็ดูเหมือนผู้ชายปกติทั่วไปนะเออเกย์นี่นาไม่ใช่กระเทยเสียหน่อยก็แค่ผู้ชายที่รักชายเท่านั้นเอง’ธารธาราถกเถียงกับตนเองภายในใจ เธอเริ่มสำรวจห้องอย่างตั้งใจ ตกหลุมรักบรรยากาศทันทีที่เห็นวิวจากหน้าต่างและการตกแต่งที่เรียบหรู แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้องนอนของเขา ความรู้สึกตื่นเต้นกลับกลายเป็นความวิตกกังวล เมื่อเธอเริ่มทำความสะอาดพื้น เธอเผลอไปเตะถังขยะที่อยู่หน้าห้องน้ำโดยไม่ตั้งใจ ทันใดนั้น ถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วหลายชิ้นก็กลิ้งออกมาจากถังขยะ ดวงตาของธารธาราเบิกกว้างเหมือนจะเป็นลม "โหนี่อย่าบอกนะถุงเนี่ยมันไปจิ้มรูตูดผู้ชายมาอร๊ายยยอิน้ำรับไม่ได้ค่ะเก็บด่วน" ความรู้สึกตื่นตระหนกและตกใจพุ่งเข้ามาในใจ เธอแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ใบหน้าของเธอเริ่มร้อนผ่าว เธอรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนทุกอย่างรอบตัวเริ่มพร่าเบลอไปหมด ความคิดสับสนวิ่งวนอยู่ในหัว “โอ้ย ฉันจะบ้าถุงยางเ
ตอนที่ 5 แชมเปญเป็นเหตุ1 ความร้อนจากเตาและเสียงน้ำมันที่ดังซู่ซ่าทำให้ธารธาราค่อย ๆ คลายความตึงเครียดลงเล็กน้อย เมื่อมื้ออาหารใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทุ่มเททั้งใจและความสามารถลงในอาหารจานนี้ แม้ว่ามันจะดูเหมือนเรื่องเล็กน้อยสำหรับใครบางคน แต่สำหรับธารธารา การทำอาหารมื้อนี้คือสิ่งเดียวที่เธอสามารถแสดงออกได้ว่าตัวเองมีค่า “สเต็กเสร็จแล้วค่ะ” ธารธาราวางจานสเต็กลงบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย ก่อนจะได้ยินเสียงสนทนาระหว่างชายหนุ่มทั้งสอง “คุณเวธัสครับ วันนี้ผมได้ไวน์มาจากฝรั่งเศส เป็นแชมเปญรสชาติดีมาก” ชายหนุ่มผู้มาพร้อมกับเวธัสพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ดวงตาของเขาเป็นประกายราวกับกำลังรอคอยให้ค่ำคืนนี้เป็นเวลาที่พิเศษเวธัสยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบกลับอย่างผ่อนคลาย “คุณกันเก็บไว้เพื่อมาจิบกับผมเลยใช่ไหมครับ?” “ต้องใช่อยู่แล้วครับ” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างกระตือรือร้น พร้อมส่งขวดแชมเปญในมือให้เวธัส เวธัสเหลือบมองธารธาราที่กำลังจัดโต๊ะอยู่ ก่อนจะหันมาสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “น้ำค้างเธอมาเอาไวน์ไปใส่แก้วให้ฉันที” เวธัสปกติเขาเพิ่งจะได้คุยกับธารธาราเป็นครั้งแรก จึงเรีย
แชมเปญเป็นเหตุ2 ธารธาราค่อย ๆ หยิบแก้วไวน์ขึ้นมารินให้ตัวเองอย่างระมัดระวัง ไวน์สีแดงใสไหลลงในแก้วช้า ๆ กลิ่นหอมของมันอบอวลในอากาศ ราวกับจะเพิ่มความตึงเครียดที่เธอรู้สึกขึ้นอีกขั้น เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ธารธาราหยิบแก้วไวน์ขึ้นมานั่งลงตรงข้ามเวธัส ความรู้สึกของเธอเหมือนกับกำลังนั่งอยู่ในฉากของละครที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้เล่น ความเงียบที่ปกคลุมระหว่างพวกเขาทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูตึงเครียด แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มีบางอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้แฝงอยู่ในสายตาของเวธัส... ธารธาราจิบไวน์ไปได้ไม่นาน ก็เริ่มรู้สึกถึงความแปลกประหลาดที่ก่อตัวขึ้นภายในร่างกาย ความร้อนรุ่มที่ไม่สามารถอธิบายได้ค่อย ๆ ลามไปทั่วตัว หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเลือดกำลังสูบฉีดเร็วกว่าเดิม สติของเธอเริ่มเบลอ ร่างกายร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างผิดปกติ ความรู้สึกนี้ไม่ใช่ผลจากแค่การดื่มไวน์ธรรมดา เธอเริ่มคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้... ผู้ชายที่ออกไปเมื่อครู่ ชายคนคนนั้นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่ ๆ "นี่มัน..." เธอพึมพำกับตัวเองอย่างหวาดวิตก ไวน์ที่เธอดื่มเข้าไปต้องมีอะไรบางอย่างเธอเริ่มปะติดปะต่อเ
ตอนที่ 7 ทรมานตัวเอง ธารธารารู้สึกราวกับไฟกำลังลุกโชนอยู่ภายในร่างกาย ความร้อนที่วิ่งผ่านผิวหนังและกระแสเลือดทำให้เธอแทบจะทนไม่ไหว ความรู้สึกนั้นยิ่งทวีความรุนแรงจนเธออดไม่ได้ที่จะครวญในใจ “โอ๊ย... นี่มันทรมานชัด ๆ!” เธอพยายามรวบรวมสติ ก่อนจะตระหนักว่าโทรศัพท์มือถือของเธอตกอยู่ในห้องนอนของเวธัสด้วยความร้อนรุ่มที่ท่วมท้น ธารธารารีบลุกขึ้นเดินไปเคาะประตูห้องนอนของเวธัสอย่างร้อนรน "ขอน้ำเข้าไปหาโทรศัพท์ได้ไหมคะ ทำหล่นไว้ในห้อง" เสียงของเธอสะท้อนถึงความกระวนกระวาย เวธัสที่กำลังพยายามตั้งสติในห้องนอน เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดอย่างไม่สบายใจ “มีอะไร” เสียงของเขาฟังดูแข็งกระด้างและกร้าวขึ้นกว่าปกติ “เอ่อน้ำทำโทรศัพท์ตกไว้ค่ะขอเข้าไปหาหน่อยได้ไหมคะ” “เชิญ...” คำตอบสั้น ๆ ที่ดูเหมือนเป็นการอนุญาตง่าย ๆ แต่ในหัวของเวธัสกลับเต็มไปด้วยความขัดแย้งในใจ ทันทีที่เวธัสเอ่ยปาก เขาก็ฉุกคิดขึ้นมาในทันใด “ทำไมเราไม่หยิบโทรศัพท์ให้เธอเองนะ เชิญเธอเข้ามาทำไม? วางระเบิดตัวเองชัด ๆ ไอ้เวเอ๊ย!” ฃ เขาตำหนิตัวเองในใจ ขณะที่ดวงตาของเขาเฝ้ามองธารธาราก้าวเข้ามาในห้
ตอนที่ 8 หยุดชะงัก มือเรียวหนาค่อยๆ เลื่อนไปที่ใต้กระโปรงของร่างบางเพียงไม่นางกางเกงซับในร่างบางหลุดลอยออกไปอย่างไม่รู้ตัว มือเรียวหนาค่อยๆ สอดเข้าไปแยกกลีบดอกไม้แรกแย้มเบาๆ “อ๊า”ร่างบางครางด้วยความเสียวซ่าน มือเรียวหนาค่อยสอดเข้าไปเร่งจังหวะเข้าออก อย่างรวดเร็วจนเจ้าของร่างบางนั้นเสียวซ่านจนเตะถึงขอบสวรรค์ ร่างหนาของเวธัสรีบลุกขึ้นก่อนกล่าวขึ้นว่า “ฉันช่วยเธอได้เท่านี้แหละ” เวธัสพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ ก่อนจะผละออกจากเตียงและเดินลับเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงร่างของธารธาราที่นอนหอบหายใจสะท้าน บนที่นอนกว้างของเขา เธอรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงเกินควบคุม พร้อมกับความร้อนที่ยังอ้อยอิ่งอยู่ทั่วกาย ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายท่วมท้น เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย สายตาหลบหลีกด้วยความรู้สึกประหม่าที่ปะปนด้วยความอาย เธอพยายามควบคุมตัวเองให้สงบลง แต่ความทรงจำในช่วงเวลานั้นยังคงวนเวียนอยู่ในใจอย่างไม่จางหาย ความร้อนเร่าที่เคยพลุ่งพล่านภายในกายธารธาราบัดนี้ค่อย ๆ สงบลง เวธัสได้ช่วยปลดปล่อยความอึดอัดนั้นให้เธอโดยที่เธอยังคงความบริสุทธิ์เอาไว้เช่นเดิม ความรู้สึกประหลาดอาบไล้อยู่ในใจเธ
ตอนที่ 9 นรกขุมแรก แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไปเล่า?ภารกิจพลิกหัวใจจากเกย์ให้กลับเป็นชายแท้ยังคงคลุมเครือ ไม่ได้ลุล่วงดังหวังเสียที วันนี้ธารธารามีเรียนเพียงแค่คาบเดียว พอหมดชั่วโมงเธอก็รีบมายังคอนโดของเวธัสเพื่อจะได้จัดการทำความสะอาดให้เรียบร้อยตามหน้าที่โดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับเขาในวันนี้ “คุณท่านคะ คุณเวอยู่ที่คอนโดไหมคะ”เธอถามแม่ของเขาด้วยเสียงสุภาพ “ไม่อยู่หรอก เห็นบอกว่างานยุ่ง จะกลับค่ำ ๆ นั่นแหละจ๊ะ” “โอเคค่ะ งั้นหนูเข้าไปจัดการทำความสะอาดให้นะคะ” “แล้วแผนน่ะไปถึงไหนแล้ว มีหวังมั้ยตาเวจะกลับใจได้บ้างหรือเปล่า?” “อีกไม่นานหรอกค่ะคุณท่าน” เธอตอบเบา ๆอย่างมั่นใจ หากในใจก็ยังรู้สึกเคว้งคว้างอยู่ไม่น้อย เพราะอะไรหลายอย่างในหัวใจของคนที่ชื่อเวธัสดูจะซับซ้อนเกินกว่าจะคาดเดา เมื่อมาถึงคอนโดของเขา ธารธารารีบจัดการทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ในใจนั้นยังไม่พร้อมสู้หน้าเขาสักเท่าไหร่ ยังไม่พร้อมจะรับมือกับสายตาคมกริบที่ดูเหมือนจะอ่านความคิดของเธอทะลุปรุโปร่ง ขณะที่เธอกำลังเช็ดฝุ่นบนโต๊ะ มือถือก็สั่นเตือนกริ๊ง! เสียงของเพื่อนสนิทจากมหาวิทยาลัยดังขึ้นปลายสาย “ฮัลโหลว่าไง จี๊ด”
ตอนที่ 25เมื่อได้รับคำตอบที่รอคอย เวธัสรู้สึกเหมือนได้รับชีวิตใหม่ เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ให้โอกาสนี้หลุดมือไปเขาพิสูจน์ให้ธารธาราเห็นถึงความจริงใจอีกครั้งด้วยการค่อย ๆ สร้างความสัมพันธ์ขึ้นใหม่อย่างไม่รีบร้อนพวกเขาเริ่มต้นจากการพูดคุยกันแบบเพื่อน แลกเปลี่ยนเรื่องราวและความสนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันในทุกวัน เวธัสพยายามทำให้ธารธารารู้สึกว่าเธอมีค่าเสมอ และทุกครั้งที่เธอเล่าเรื่องที่ทำให้เธอยิ้มหรือหัวเราะเขาจะตั้งใจฟังและยิ้มตาม เขาอยากให้เธอได้รู้ว่าความสุขของเธอนั้นสำคัญกับเขามากแค่ไหนมีครั้งหนึ่งที่ธารธาราต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อถ่ายละคร เวธัสตัดสินใจขับรถไปหาที่กองถ่ายพร้อมกับของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขารู้ว่าเธอชอบธารธาราทั้งประหลาดใจและปลื้มใจ เธออดไม่ได้ที่จะกล่าวขอบคุณเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่ไม่เคยใช้กับเขามานาน“จริงๆ พี่เวไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้นะคะ”เธอบอกเขาอย่างจริงใจ“ไม่เลยพี่เต็มใจ”เขายิ้มบาง ๆ พลางมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้งธารธารายิ้มกลับ ดวงตาของเธอเริ่มเผยความอบอุ่นที่เคยถูกเก็บซ่อนไว้ เวธัสรับรู้ได้ว่ากำแพงของเธอค่อย ๆ พังทลายลงทีละนิดแต่เขาก็ไ
ตอนที่ 24หลังจากวันนั้น เวธัสไม่รอช้า เขาทุ่มเททุกวิถีทางในการพิสูจน์ให้ธารธาราเห็นว่าเขาจริงจังและพร้อมจะเปลี่ยนแปลงเขาแสดงออกผ่านการกระทำแทนคำพูด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความห่วงใยเล็กๆ น้อยๆ ที่คอยอยู่ข้างเธอเสมอโดยไม่ล้ำเส้นหรือการเฝ้ารอเธอหลังเลิกกองถ่ายในยามดึก แค่เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยบางวันเขาส่งอาหารและกาแฟที่เธอชอบไปที่กองถ่าย โดยไม่เคยปรากฏตัวหรือพูดถึงความพยายามเหล่านี้ให้ใครรู้เพราะเขาไม่ต้องการให้ธารธารารู้สึกอึดอัด เวธัสรู้ดีว่าการแสดงความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อาจไม่ใช่การพร่ำบอก แต่คือการทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความตั้งใจนั้นอย่างแท้จริงในวันหนึ่งที่ฝนตกหนัก เขามารอรับเธอที่กองถ่ายโดยที่ธารธาราไม่รู้มาก่อน เธอเดินออกจากกองพร้อมร่มเล็กๆ ที่ไม่อาจป้องกันสายฝนได้ทั้งหมดเวธัสจึงเดินเข้ามากางร่มใหญ่ของเขาเหนือหัวเธอ เธอสะดุ้งเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเขา เธอเพียงขยับถอยห่างเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงเรียบๆ ว่า“ไม่จำเป็นต้องมาทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ ”เวธัสพยักหน้าเข้าใจ“พี่รู้ครับ แต่พี่แค่อยากให้น้ำรู้ว่าพี่พร้อมจะอยู่ข้างๆ น้ำ…ในทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าฝนจะตกหนักแค่
ตอนที่ 23หลังจากได้สติ เวธัสรู้ว่าเขาไม่อาจปล่อยให้ธารธาราหายไปจากชีวิตโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยเขาตัดสินใจที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อขอโทษและแก้ไขสิ่งที่เคยพลาดไป เขาใช้เวลารวบรวมความกล้าและความคิดที่ชัดเจนก่อนจะเริ่มต้นการเดินทางเพื่อแก้ไขความสัมพันธ์ครั้งนี้อย่างจริงจังเขาเริ่มจากการหาข้อมูลจากเพื่อนร่วมงานและคนใกล้ชิดของธารธารา พยายามที่จะค้นหาเบาะแสว่าสถานที่ถ่ายละครของเธออยู่ที่ไหนจนในที่สุด เขาได้รู้ว่าวันถ่ายละครของธารธาราจะมีขึ้นอีกครั้งในอีกไม่กี่วันวันนั้นเขาไปถึงกองถ่ายแต่เช้า ในใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและคำถามว่าเธอจะยอมฟังเขาหรือไม่ เวธัสรอจนธารธารามาถึงดวงตาของเขามองตามเธอทันทีที่เธอก้าวลงจากรถ ด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อเธอหันมาเห็นเขา ธารธาราชะงักไปชั่วขณะ ใบหน้าของเธอฉายแววประหลาดใจ แต่ทันทีที่เห็นเวธัส เธอกลับเบือนสายตาเดินผ่านเขาไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“น้ำ...รอสักครู่ได้ไหม?”เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ขอโอกาสธารธาราหันมามองเขานิ่งๆ รอยยิ้มอ่อนที่เคยมีให้เขาได้หายไปจากใบหน้าเหลือเพียงความเยือกเย็น“มีอ
ตอนที่ 22 จากคนมีเหตุผลกลายเป็นคนงี่เง่าเวลาผ่านไปนับเดือนตั้งแต่ธารธาราเดินออกจากชีวิตของเวธัส เขาพยายามจะติดต่อเธอทุกทาง ทั้งโทรศัพท์ ข้อความ หรือแม้แต่การส่งอีเมลแต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร ธารธาราก็บล็อกทุกช่องทางจนหมด ราวกับว่าเธอได้หายไปจากโลกของเขาอย่างสิ้นเชิงในช่วงแรก เวธัสยังทำเป็นไม่ใส่ใจ พยายามบอกตัวเองว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องการ ธารธาราจะได้ไม่ต้องมารู้สึกผิดหรือติดอยู่กับความสัมพันธ์ที่เขาเองก็ไม่แน่ใจแต่ในขณะที่วันเวลาค่อยๆ ผ่านไป เขากลับพบว่าความเงียบงันนั้นเริ่มกลืนกินหัวใจของเขา เขารู้สึกว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การไม่มีธารธาราอยู่ข้างๆทำให้ชีวิตของเขาดูหม่นหมอง และการงานที่เคยเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจสำหรับเขาก็ไม่อาจเติมเต็มช่องว่างในใจนั้นได้อีกต่อไปทุกคืน เขาไม่อาจข่มตาหลับได้ หันไปมองข้างกายที่ว่างเปล่า ห้องที่เคยมีร่องรอยของเธอเต็มไปหมดกลับเงียบสงบและว่างเปล่าเขาเริ่มรู้สึกว่าการใช้ชีวิตที่ไม่มีธารธาราอยู่ข้างๆ กลายเป็นเรื่องที่แทบทนไม่ได้ และเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับความรู้สึกนี้ จนในที่สุด วันหนึ่งเขาจึงตัดสินใจไปหาคนที่เขาคิดว่าคงจะเข้าใจมากที่ส
ตอนที่ 21พายุหึงเมื่อธารธารากลับมาถึงคอนโด ภายในห้องมืดสลัว เธอสังเกตเห็นเวธัสนั่งเงียบอยู่ตรงริมระเบียงตำแหน่งโปรดของเขาเขาเหม่อมองออกไปในความมืดพลางสูบบุหรี่อย่างเงียบงัน ควันจางลอยอ้อยอิ่งในอากาศเส้นสายควันบางเบาที่สะท้อนแสงไฟจากถนนเบื้องล่างดูราวกับโอบล้อมใบหน้าของเขาไว้อย่างหม่นหมองเวธัสเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่บ่อยนัก การที่เขาถือบุหรี่อยู่เช่นนี้บ่งบอกได้ชัดว่าในใจของเขากำลังมีเรื่องให้ขบคิดหนักหน่วงธารธาราเพียงแค่ยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง ความสงสัยผุดขึ้นในใจ แต่เธอไม่กล้าถาม ไม่อยากรบกวนความเงียบงันของเขา เธอจึงทำเพียงเดินผ่านไปเงียบๆ หวังว่าเขาจะได้ใช้เวลาตามลำพังหญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องของตัวเอง เปิดไฟสลัวๆ และปลดปล่อยลมหายใจยาว ความเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวันกดทับเธอจนรู้สึกเหมือนแทบหมดแรงจิตใจที่ว้าวุ่นเกี่ยวกับงานสัมภาษณ์ที่เพิ่งผ่านมาก็ยังไม่จางหาย เธอเดินเข้าไปชำระร่างกายโดยไม่รู้เลยว่าเรื่องที่เวธัสนั่งขบคิดและเครียดถึงที่สุดนั้น ไม่ใช่เรื่องใดอื่น นอกจากเรื่องของเธอเองในความเงียบ เวธัสเหม่อมองควันบุหรี่ที่ค่อยๆ ลอยจางขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน เขารู้ดีว่าธารธาราไม่ได้ตั้
ตอนที่ 20 พายุหึง"น้ำค้าง!"เสียงเรียกของออย ผู้จัดการสาววัยสามสิบปลายๆ ดังขึ้นในความวุ่นวายของกองถ่าย ท่ามกลางเสียงทีมงานขนย้ายอุปกรณ์และจัดฉาก ทุกคนในวงการนี้รู้จักเธอในนาม "น้ำค้าง" แต่คนที่บ้านเรียกเธอว่า "น้ำ" เพียงสั้นๆ ฟังดูเรียบง่ายและอบอุ่น"คะ พี่ออย"น้ำค้างรับคำพร้อมรอยยิ้ม เธอเดินเข้ามาหาผู้จัดการที่ยืนกอดอก มองเธอด้วยสายตาแฝงความขี้เล่น“อิจฉาจัง ได้ประกบคู่กับพระเอกหล่อขนาดนี้”ออยพูดพลางยิ้มมุมปากน้ำค้างหัวเราะน้อยๆ และพยักหน้าอย่างเห็นด้วย“จริงค่ะพี่ หล่อมาก”ออยชะงักไปเล็กน้อยเหมือนไม่คาดคิดคำตอบจากเธอ ก่อนหรี่ตามองด้วยท่าทีจับผิด “เอ้า เห็นด้วยง่ายๆ นึกว่าจะตอบกลับมาแบบ ‘ก็งั้นๆ’ ตามที่ชอบพูดซะอีก”น้ำค้างหัวเราะคิก พลางส่ายหน้าราวกับเอ็นดู“แหม พอเขาหล่อ ก็บอกว่าหล่อสิคะพี่ จะให้พูดก็งั้นๆ ทั้งที่เห็นเต็มตาได้ไง”คำพูดของเธอแฝงด้วยความจริงใจและความตรงไปตรงมา ออยได้ยินแล้วยิ่งยิ้มกว้าง ก่อนจะส่ายหน้าอย่างอดเอ็นดูไม่ได้ คำตอบของน้ำค้างช่างซื่อตรงและน่ารักเหมือนเจ้าตัวช่วงเวลาสัมภาษณ์เต็มไปด้วยแสงแฟลชจากกล้องและเสียงฮือฮาของผู้สื่อข่าว น้ำค้างนั่งอยู่ข้างพระเอกหนุ
ตอนที่ 19 รู้สึกก่อน เจ็บก่อนธารธารายืนอยู่หน้ากระจก ส่องดูภาพสะท้อนของตัวเองในชุดเสื้อขาวสกรีนชื่อละครและกางเกงยีนส์ราคาแพงเธอรู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยโอกาสและความหวัง ใบหน้าที่เคยไร้เดียงสาของเธอในวันวานได้ถูกแทนที่ด้วยความมั่นใจที่ส่องประกายเมื่อมีคนมองเห็นคุณค่าในตัวเธอแต่ในขณะที่กำลังใช้เวลาในช่วงที่มีความสุขนี้ เสียงทุ้มของเมธัสก็ดังขึ้นจากด้านหลัง สัมผัสอบอุ่นที่โอบกอดเธอจากข้างหลังทำให้ธารธารารู้สึกถึงความหวั่นไหวที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความรักความสนิทสนมในอ้อมกอดนั้นทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง และในชั่วขณะหนึ่ง ความคิดเล็กๆ ก็แวะเวียนว่าเขากำลังหลงรักเธออยู่หรือเปล่า“ให้ฉันไปส่งไหม”เมธัสถามขึ้นเสียงอ่อนโยน“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำขับรถไปเอง”ธารธารารีบตอบ พยายามไม่ให้ตัวเองรู้สึกอ่อนไหวเกินไป“ลืมไปว่าเดี๋ยวนี้เป็นดาราดัง มีรถหรูขับไม่ใช่เด็กกระโปโลเหมือนเมื่อก่อน”เขาแซว ทำให้เธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในตัวเอง แต่คำพูดนั้นกลับทำให้ความรู้สึกบางอย่างตีกลับในใจเธอ“คุณอย่าทำให้น้ำลำบากใจเลยค่ะ”เสียงของเธอแผ่วเบา พลางคิดถึงสถานะที่ยังคงไม่มีความแน่นอน“ถ้าไม่ไ
ตอนที่ 18 ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งเมธัสไม่ยอมปล่อยให้เธอได้หายใจหรือคิดหนี สัมผัสของเขาช่างร้อนแรง ราวกับไฟที่แผดเผาทุกความรู้สึกในหัวใจของธารธาราเขากระชับแขนรอบตัวเธอและดึงเธอเข้ามาใกล้จนไร้ระยะห่าง จูบของเขาไม่ใช่เพียงสัมผัสที่ผิวเผินแต่แฝงไปด้วยอารมณ์รุนแรงที่ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาอย่างลึกซึ้ง และธารธารารู้สึกว่าตนเองแทบจะหลอมละลายอยู่ในอ้อมแขนของเขาเมธัสพาธารธาราถอยหลังทีละก้าวโดยไม่ละริมฝีปากจากเธอ สติสัมปชัญญะของธารธาราค่อยๆ เลือนหาย ความร้อนรุ่มในอกแพร่กระจายไปทั่วร่างเธอรู้สึกถึงเนื้อผ้าเย็นชื้นของผ้าปูเตียงเมื่อแผ่นหลังของเธอสัมผัสลงบนเตียงนุ่ม เมธัสค่อยๆ กดเธอลงเบาๆ โดยที่ดวงตาคมนั้นยังจับจ้องเธออย่างแน่วแน่ริมฝีปากของเขาผละจากริมฝีปากบางเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะโน้มลงมาที่ลำคอขาวนวลของเธอ สัมผัสอ่อนโยนสลับกับความร้อนรุ่ม ทำให้เธอรู้สึกเหมือนต้องมนตร์ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างภายนอกห้องนั้นเลือนหายไป เหลือเพียงพวกเขาสองคนที่ถูกพันธนาการด้วยแรงดึงดูดอันยากจะต้านทานหัวใจของธารธาราเต้นแรงราวกับจะหลุดออกจากอก ทุกสัมผัสของเขาช่างอบอุ่นและอ่อนโยนจนเธอไม่อาจปฏิเสธได้ขณะที่เขาประคองใ
ตอนที่ 17 เกย์จริงหรือปลอม ธารธาราเดินเข้ามาในห้องก็พบว่าเมธัสนั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้วยามนี้ใบหน้าหล่อเหลาแม้ในยามที่เขาแสดงอาการเย็นชาและเคร่งขรึม ใบหน้าหล่อเหลาและแววตาทรงอำนาจของเขาเปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยว สายตาของเขาจับจ้องมาที่เธอด้วยความเรียบเฉย แต่มันเหมือนกับเป็นคมมีดที่จ่ออยู่ที่คอของเธอ ทำให้หัวใจธารธารารู้สึกสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว “ฉันบอกว่ายังไง” “หมายถึงอะไรคะ” “ห้ามคบกับใครในระหว่างที่อยู่กับฉัน” “ฉันไม่ได้คบค่ะ” “แล้วใครมาส่ง” “เพื่อนค่ะ” “เพื่อนงั้นหรอ” เมธัสก้าวเข้ามาหาเธออย่างเงียบเชียบ ทว่าหนักแน่น ทุกก้าวที่เขาย่างกรายเข้ามาราวกับจงใจส่งพลังข่มขู่ไปในที ดวงตาคมเข้มสบประสานกับเธออย่างไร้ความปรานี ธารธาราได้แต่เดินถอยหลังโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นระรัวด้วยความหวาดระแวง อึดอัดและปั่นป่วนจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก ในใจเธอผุดคำถามกังขา คำล่ำลือที่เคยได้ยินว่าเขาเป็นเพียงภาพลวงตาที่ซ่อนเบื้องหลังบุคลิกเคร่งขรึมอย่างนี้ได้จริงหรือ? ชายหนุ่มตรงหน้าที่แสดงท่าทีเด็ดเดี่ยวและเอาแต่ใจอย่างชัดเจน หากนี่คือการเสแสร้ง ธารธาราก็ไม่อาจมองเห็นเค้าของมันได้เลย แ