เช้าวันต่อมาเว่ยจื้อโหยวตื่นขึ้นมาด้วยความไม่สบายใจเท่าไหร่ นางไม่รู้ว่าฝันหรือเรื่องจริงแต่จะอะไรก็ช่างมันก่อน คนเราย่อมต้องพึ่งพาตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ถึงปากนางจะก่นด่าไปบ้างมันก็สมควรแล้ว นางแค่ต้องการระบายความอัดอั้นตันใจเพียงเท่านั้น
นางไม่แน่ใจว่าความฝันนางจะใช่เรื่องจริงหรือไม่เพราะยังไม่สามารถพิสูจน์อันใดได้เพราะนางยังไม่ได้ลงมือเพาะปลูกอันใดเลย หรือเพียงทางเดียวเท่านั้นมิติจะใช่เรื่องจริงหรือไม่คงต้องลองดู
เมื่อได้ข้อสรุปของตนเองเพื่อพิสูจน์ว่าความฝันมันจะเป็นจริงหรือไม่ นางจึงกำหนดจิตให้เข้า ทันใดนั้นนางก็เข้ามาอยู่ในสถานที่แปลก ๆ ที่ดูแห้งแล้งและแร้นแค้น
สถานที่แห่งนี้มีพื้นที่เพียงแค่ 1หมู่เท่านั้น มีบ่อน้ำที่ทำจากหิน 1บ่อเพียงเท่านั้น นอกเหนือจากนี้แล้วไม่มีอะไรเลยแม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้า นี่คงจะเป็นบ่อน้ำแร่อย่างที่บอกแน่นอน
เมื่อแน่ใจแล้วว่านี่ไม่ใช่ความฝัน นางจึงกลับออกไปข้างนอกและเริ่มทำมื้อเช้าสำหรับน้องทั้งสองปลายยามอิ๋น
ท่านพ่อและท่านลุงบังคับเกวียนมาถึงบ้านของนางเพื่อนำปลาไปขายเช่นเมื่อวาน
“อาโหยวตื่นแล้วหรือลูก เจ้านอนไม่หลับหรือ เหตุใดถึงได้ขอบตาดำคล้ำขนาดนั้น หรือว่าเป็นห่วงลูกเขย” เว่ยเจี้ยนป๋อเห็นสภาพลูกสาวเป็นเช่นนี้แล้วเขาปวดใจนัก
“เปล่าเจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าฝันร้ายนิดหน่อยเจ้าค่ะ”
“ลุงว่าเจ้ากลับไปนอนพักเถอะ ส่วนหน้าที่นำปลาขึ้นจากกับดักลุงกับพ่อเจ้าจะจัดการเอง เสร็จแล้วลุงจะปิดประตูรั้วให้”
“ข้าไม่นอนแล้วเจ้าค่ะท่านลุง ประเดี๋ยวข้าจะไปตรวจดูกับดักที่วางเอาไว้ จะได้ให้ท่านพ่อกับท่านลุงนำไปขายด้วย ส่วนนี้เป็นสัตว์ที่ข้าล่ามาได้เมื่อวานต้องรบกวนท่านลุงกับท่านพ่อแล้วเจ้าค่ะ”
“จะขึ้นเขาหรือลูก มันจะไม่อันตรายหรือ ให้พ่อไปด้วยดีหรือไม่ แล้วนี่เงิน 2 ตำลึงส่วนแบ่งค่าขายปลาของลูก”
“ขอบพระคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ ท่านพ่อช่วยท่านลุงจับปลาเถอะเจ้าค่ะ ข้าไปไม่นานอีกอย่างข้าวางกับดักเพียงป่าชั้นนอกไม่ได้เข้าป่าลึกไม่อันตรายหรอกเจ้าค่ะ (แต่ในใจนางกลับพูดว่า แค่ป่าชั้นนอกของป่าทางด้านซ้ายเอง)”
“เช่นนั้นระวังตัวด้วยเข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ”
หลังจากนั้นเว่ยจื้อโหยวก็แบกตะกร้าเข้าป่าไปตรวจดูกับดัก ด้วยพละกำลังที่ร่างเดิมมีบวกกับความสามารถของนางที่ติดตัวมาย่อมไม่ลำบากส่วนของที่ได้มานั้นหากไม่จำเป็นนางจะไม่นำออกมาใช้ คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก ตอนนี้ต้องเริ่มสร้างรากฐานและความแข็งแกร่งแก่ครอบครัวก่อน
แต่พรที่ส่งเสริมการเพาะปลูกนางย่อมยินดีรับเอาไว้ ส่วนน้ำแร่ในมิติน้อย ๆ นั้นนางจะใช้เจือจางในน้ำสำหรับดื่มกินในบ้าน หากมีโอกาสนางจะแอบนำไปผสมกับน้ำในบ้านของท่านยายด้วยเช่นเดียวกัน การไม่เจ็บป่วยนั้นเป็นเรื่องที่ดี
เว่ยจื้อโหยวใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงบริเวณที่นางวางกับดักเอาไว้ นางรีบตรวจดูกับดักทั้ง 10 อัน พบว่ามีไก่ป่ามาติดกับดัก 4 ตัวและกระต่ายป่ามาติดกับดักอีก 2 ตัวส่วนอีกสองอันไม่มีสัตว์ป่ามาติด
เว่ยจื้อโหยวนำสัตว์ป่าออกจากกับดักและมัดขากระต่ายกับไก่ใส่ในตะกร้าไม้ไผ่จากนั้นนางวางกับดักเอาไว้เหมือนเดิมและเร่งฝีเท้าออกจากป่าไป
เว่ยจื้อโหยวกลับมาถึงบ้านท่านพ่อและท่านลุงของนางก็นำปลาขึ้นจากหลุมกับดักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถังใส่ปลาถูกยกขึ้นบนเกวียนเรียบร้อยแล้วเมื่อเจี้ยนป๋อเห็นว่าลูกสาวกลับออกจากป่าด้วยความปลอดภัยเขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ท่านพ่อข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ นี่เป็นไก่กับกระต่ายข้าฝากท่านพ่อนำไปขายเพิ่มเจ้าค่ะ”
“ได้พ่อจะจัดการให้ เจ้าเข้าบ้านไปพักผ่อนเถอะ”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ”
หลังจากที่เกวียนลาเคลื่อนที่ออกจากบ้านของนางไปจนลับตาแล้ว เว่ยจื้อโหยวปิดประตูรั้วและกลับเข้าบ้านแต่นางหาได้กลับไปพักผ่อนเช่นที่รับปากบิดาเอาไว้ไม่ นางออกกำลังกายทบทวนวิชาต่อสู้ที่ติดตัวนางมาและนางยังทำเช่นนี้เสมอทุก ๆ วันหลังจากวันนี้
ปลายยามโหย่วน้องทั้งสองคนก็ตื่นขึ้นมา หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้วเด็กทั้งสองคนช่วยกันรดน้ำแปลงผักหลังบ้านที่พวกเขาปลูกเอาไว้
วันนี้เว่ยจื้อโหยวตั้งใจจะเข้าป่าล่าสัตว์เช่นเคยแต่เพราะกลัวนางเฉียนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีมารังแกเด็กทั้งสองคนในตอนที่นางไม่อยู่ นางจึงคิดว่าจะพาน้อง ๆ ไปฝากที่บ้านท่านยายของนางหลังมื้ออาหารเช้า
“คงต้องเร่งหาเงินสร้างบ้านใหม่แล้วล่ะ ด้วยสภาพบ้านเราตอนนี้ไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย พี่ใหญ่ของพวกเจ้าก็ไม่อยู่ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าป้าสะใภ้จะทำเรื่องอะไรลงไปอีก วันนี้เจ้าสองคนไปอยู่บ้านท่านยายของข้าก่อนประเดี๋ยวข้ากลับจากป่าแล้วจะไปรับเข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจขอรับพี่สะใภ้”
“เข้าใจเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ ข้าเองก็กลัวว่าป้าสะใภ้ยังไม่เลิกมุ่งร้ายเราพี่น้องข้าเองก็ไม่เข้าใจนางยังต้องการอะไรจากพวกเราอีก พวกเราไม่เหลืออะไรให้นางแล้ว”
“คนบางคนก็ไม่มีเหตุผลมากมายนอกจากความเกลียดชัง อย่าเก็บมาใส่ใจเลยเรื่องนี้ข้าจะหาทางทำให้นางไม่กล้ามายุ่งกับพวกเจ้าอีก ตอนนี้เรายังปลูกผักไม่ได้ ที่บ้านไม่มีงานอะไรให้ทำแล้ว หลังกินข้าวเสร็จข้าจะไปส่งพวกเจ้าที่บ้านท่านยาย”
“เจ้าค่ะพี่สะใภ้”
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จเว่ยจื้อโหยวเดินไปส่งน้องทั้งสองคนที่บ้านท่านยายของนาง ที่บ้านท่านยายเองมีที่ดินเพียง 5 หมู่เพียงเท่านั้น งานในแปลงนาจึงมีไม่มาก ยิ่งมีท่านพ่อกับท่านแม่และน้องชายทั้งสองของนางมาช่วยด้วยแล้วเมื่อแรงงานในบ้านมากขึ้น จึงทำให้งานน้อยลงไปด้วย
“ท่านแม่ ท่านยาย ท่านป้าสะใภ้อยู่หรือไม่เจ้าคะ”
“อาโหยวมีเรื่องอะไรให้แม่ช่วยหรือไม่ เข้าบ้านก่อนค่อยคุยกัน” นางเหมยชิงที่ดินออกมาหน้าบ้านพอทีจึงรีบเปิดประตูให้ลูกสาวเข้ามา
“ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ ข้าเพียงเอาน้องทั้งสองมาฝากไว้กับท่านแม่เท่านั้น เมื่อวานท่านแม่คงพอจะรู้ว่าบ้านนั้นมาระรานอีกแล้ว ข้าจะเข้าป่าไม่อยู่บ้านก็เลยกลัวว่าบ้านนั้นจะมารังแกน้อง ๆ ตอนข้าไม่อยู่อีก จึงได้พามาฝากไว้ที่นี่ รบกวนท่านแม่ด้วยนะเจ้าคะ”
“รบกวนอะไรกันเรื่องแค่นี้ พวกเราต่างเป็นครอบครัวเดียวกัน วางใจเถอะน้องสองคนนี้แม่จะดูแลให้เอง เช่นนั้นเจ้าก็รีบไปเถอะหากสายแล้วประเดี๋ยวจะร้อนเอาได้ แล้วระวังอย่าเข้าป่าลึกเข้าใจหรือไม่”
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ เช่นนั้นข้าไปนะเจ้าคะ”
เว่ยจื้อโหยวเดินออกจากบ้านของท่านยายท่ามกลางสายตาที่มองที่นางอย่างเคียดแค้นชิงชัง เฉียนเสี่ยวหลินเป็นเครือญาติกับนางเฉียนป้าสะใภ้ของอวิ๋นเซียว นางผู้ซึ่งหลงรักอวิ๋นเซียวแต่ชายหนุ่มไม่เคยชายตาแลนางแม้แต่ครั้งเดียว
ด้วยเหตุนี้เมื่อแม่เฒ่าเหลียนยกหลานสาวให้กับเขาอีกทั้งเขายอมรับการแต่งงานด้วยความเต็มใจ ยิ่งทำให้นางแค้นใจอวิ๋นเซียวที่ไม่เคยชายตามองนาง และแค้นใจเว่ยจื้อโหยวที่มาแย่งเขาไปจากนาง เหตุใดพอเป็นนางเขาถึงไม่เคยเหลียวแลทั้ง ๆ ที่นางแสดงออกชัดเจนว่าชอบเขามากขนาดไหน
“สักวันข้าจะทำให้พวกเจ้าเสียใจที่ทำเช่นนี้กับข้า” เฉียนเสี่ยวหลินมองตามหลังเว่ยจื้อโหยวและพูดออกมาเบา ๆ
หากเว่ยจื้อโหยวรับรู้ความคิดของเฉียนเสี่ยวหลิน นางคงไม่แปลกใจเพราะแซ่เฉียนเช่นกันจะนิสัยเหมือนกันก็คงไม่แปลก คนพวกนี้จิตใจเต็มไปด้วยความชิงชังและเคียดแค้นจนฝังแน่นเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจ ทั้ง ๆ ที่นางยังไม่ได้ทำอันใดให้แต่ก็ยังมิวายโดนเกลียด
เว่ยจื่อโหยวเดินหน้าเข้าป่าทางด้านซ้าย วันนี้นางต้องการที่จะเข้าป่าไปลึกกว่าทุกที ไม่แน่ว่าอาจจะได้อะไรดี ๆ กลับมาบ้าง หลังจากกลับจากป่าวันนี้นางตั้งใจจะบอกความลับกับครอบครัวของนางเรื่องที่นางมีพละกำลังมากกว่าผู้อื่น
แต่จะพูดอย่างไรนั้นนางขอคิดก่อนเพราะกลัวว่าท่านพ่อท่านแม่ที่เห็นนางอ่อนแอโดนรังแกมาตลอดจะไม่เชื่อว่านางมีพละกำลังมากมายเพียงใด หากจะโทษก็ต้องโทษเว่ยจื้อโหยวเจ้าของร่างที่ปกปิดเรื่องนี้เอาไว้เพราะกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นตัวประหลาด เก็บงำความสามารถของตัวเองเอาไว้ทั้งยังยอมโดนรังแกอยู่ตลอด ช่างทำเรื่องวุ่นวายให้กับนางที่มารับช่วงต่อเสียจริง ๆ แต่ไม่ว่าจะเว่ยจื้อโหยวคนไหนมาคิด ๆ ดูแล้วมันก็คือนางทั้งนั้น
สำหรับนางที่พึ่งพาตัวเองมาตั้งแต่ชีวิตก่อนที่จะมาอยู่ในร่างของเว่ยจื้อโหยวในโลกนี้แล้ว หากว่าในโลกแห่งนี้นางจะเริ่มต้นพึ่งพาตัวเองอีกสักครั้งก็คงจะไม่เป็นไร ยังดีกว่าโลกที่แล้วที่นางไม่เหลือใครเลย ที่โลกนี้นางมีครอบครัว และนางจะต้องเป็นที่พึ่งพาให้กับครอบครัวเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ได้ ส่วนสามีนี้เป็นผลพลอยได้เพียงเท่านั้น ถือว่าเป็นผลพลอยได้ที่น่าพอใจสุด ๆ เลยล่ะ
เว่ยจื้อโหยวเดินเข้าป่าไปด้วยอารมณ์เบิกบานสุด ๆ ต้องหาเงินให้ได้มาก ๆ สร้างบ้านหลังใหญ่ให้ท่านพ่อท่านแม่ สร้างบ้านของตัวเองรอสามี ส่งน้อง ๆ ให้เรียนหนังสือ สร้างกิจการของตัวเอง และที่สำคัญหากสามียังไม่กลับมานางจะออกไปตามหาทันที นางมีเวลาไม่มากแล้ว เวลาแค่ 1 ปี นางต้องทำให้สำเร็จ เรื่องสู้รบนางไม่กลัวเลยสักนิด คนโบราณหรือจะมาสู้สาวในยุค 2022 อย่างนาง
เว่ยจื้อโหยวที่มัวแต่เดินคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้จนไม่รู้ว่าตัวเองเข้ามาในป่าลึกส่วนในสุด แต่สิ่งที่นางเห็นอยู่ตรงหน้านี่มันอะไร ทำไมถึงได้ดำขนาดนี้ ตัวอะไรหมูหรือทำไมถึงได้ดำขนาดนี้
นางไม่รู้ว่าที่แห่งนี้มีหมูป่าอยู่สองชนิดนั่นคือหมูป่าดำและหมูป่าสีน้ำตาล เพราะหมูป่าดำตั้งรกรากอยู่ในป่าลึกเท่านั้นจึงไม่เคยมีชาวบ้านคนไหนล่ามันมาได้ นางจะไม่เคยเห็นก็ไม่แปลก
สาวงามและหมูดำต่างยืนจ้องหน้ากันไม่มีใครหลบใคร เจ้าหมูดำเองก็คิดว่านางจะมาแย่งอาหารของมัน ส่วนนางก็คิดว่าเจ้าหมูดำจะขายได้ราคาหรือไม่
ในตอนที่หมูดำตัดสินใจพุ่งเข้าชนเว่ยจื้อโหยว นางก็ปล่อยลูกธนูในมือออกไปแล้วเช่นกัน ด้วยพละกำลังมหาศาลของนางลูกธนูหัวโลหะพุ่งเข้าใส่จุดตายของหมูดำทันที
เจ้าหมูตายไปทั้งที่แค้นใจเพราะมันยังกินไม่อิ่มมันแค่ต้องการปกป้องอาหารของมันเพียงเท่านั้น แต่ทำไมมันถึงต้องมาจบชีวิตลงเพราะหญิงสาวนางนี้ด้วย
“เฮ้อ นับว่าฝีมือยังดีอยู่ นึกว่าจะพลาดเสียแล้ว น่าจะหนักเอาการเจ้าหมูนี่ ขอใช้ประโยชน์ของมิติหน่อยก็แล้วกัน”
เว่ยจื้อโหยวเก็บหมูดำเข้าไปในมิติ จากนั้นนางก็ออกเดินต่อ ไม่นานนางก็พบเข้ากับฝูงกวางป่าเขายาว นางล่ากวางป่าได้อีก 1 ตัว จากนั้นนางรีบเก็บกวางป่าตัวใหญ่เข้ามิติ และหันหลังเดินออกจากป่ารีบกลับบ้านทันที
ระหว่างทางกลับบ้านนางพบต้นองุ่นป่าออกลูกดกหลายพวงแต่ยังไม่สุก นางจึงปล่อยเอาไว้ให้สุกเสียก่อนค่อยมาเก็บวันหลัง เมื่อเดินมาถึงชายป่านางมองซ้ายแลขวาเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นนางจึงเอากวางป่าออกมาและแบกกลับบ้านทันที
ทางด้านเว่ยเจี้ยนป๋อกับเหลียนอี้ปิงที่วันนี้นำปลาไปส่งที่เหลาอาหารพร้อมทั้งกระต่ายกับไก่ที่เว่ยจื้อโหยวล่ามาได้ ทำให้วันนี้พวกเขาได้เงินมาไม่น้อย เพราะจำนวนปลาที่จับได้มากขึ้นและมีขนาดตัวที่ใหญ่ ส่วนปลาตัวเล็กนั้นพวกเขาปล่อยกลับลงลำธารไป ทั้งสองคนติดสินใจว่าจะมาขุดหลุมดักปลาเพิ่ม เพราะหลงจู๊บอกว่าปลาที่พวกเขานำไปส่งเมื่อวานไม่พอขาย ถึงแม้วันนี้จะได้ปลาเพิ่มมาจากเมื่อวานนับ 100 ชั่ง แต่หลงจู๊คิดว่าไม่น่าจะพอขาย เพราะไม่มีใครสามารถจับปลามาส่งที่เหลาอาหารแบบที่ยังมีชีวิตอยู่และไร้บาดแผลเช่นนี้มาก่อน ทำให้เวลานำปลาไปปรุงอาหารจะได้รสชาติสดใหม่และอร่อยยิ่งขึ้น ตอนนี้อาหารเมนูปลาจึงเป็นอาหารขึ้นชื่อของเหลาอาหารไปแล้ว“น้องเขย ข้าว่าเรากลับไปขุดหลุมกับดักเพิ่มสัก 3 หลุมดีหรือไม่ ขุดห่างกันออกไปหน่อยลำธารสายนี้ไม่ค่อยมีชาวบ้านเดินผ่านมาเพราะมันอยู่ติดกับชายป่า เหมาะสำหรับให้พวกเราขุดหลุมดักปลา”“ข้าเห็นด้วยกับพี่ใหญ่ กระต่ายป่าและไก่ป่าของอาโหยวก็ขายได้ราคาดีไม่น้อย เลยเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงนางมาก นางสามารถดูแลตัวเองได้ หากข้าไม่ตัดสินใจแยกบ้านออกมาพวกเราคงจะไม่มีวันคืนที่ด
กวางตัวใหญ่เสี่ยวเอ้อร์นำไปชั่งน้ำหนักได้ถึง 500 ชั่ง พร้อมกับนำเขาที่ตัดออกมาส่งให้กับเว่ยเจี้ยนป๋อ กวาง 500 ชั่งที่ลูกสาวแสนบอบบางแบกออกมาจากป่า เว่ยเจี้ยนป๋อคิดแล้วให้เจ็บปวดนักเขาเองก็รักลูกสาวมาก เหตุใดลูกสาวเขาถึงทำงานหนักขนาดนี้ คิดแล้วช่างปวดใจนัก“นี่ขอรับเขากวางของพวกท่าน ส่วนนี่เป็นเงิน 500 ตำลึงเงิน เป็นตั๋วแลกเงินใบละ 100 ตำลึง 5 ใบ พวกท่านตรวจดูก่อน”“ขอบใจเจ้ามาก เช่นนั้นข้าสองคนลานะขอรับหลงจู๊”“อืม อย่าลืมนะ หากมีของดีอย่าลืมนึกถึงเหลาของข้า”“ขอรับพวกเราไม่ลืมท่านแน่ ๆ ขอรับ” เหลียนอี้ปิงรับคำหนักแน่น“พี่ใหญ่เรารีบเอาเขากวางนี่ไปขายก่อนเถอะขอรับ จะได้รีบกลับบ้านประเดี๋ยวจะมืดค่ำไปเสียก่อน”“ตกลง”ทั้งสองคนนำเขากวางมาขายให้กับโรงหมอตามคำแนะนำของหลงจู๊ เขากวางที่พวกเขานำมาเป็นเขากวางอ่อนที่ที่โรงหมอต้องการมานาน เขากวางอ่อนสามารถนำมาเพิ่มในเทียบยาได้หลายขนานและเขากวางอ่อนหายากไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถหาเขาที่ไม่อ่อนเกินไปและแก่เกินไป เขากวางที่ทั้งสองคนนำมานับว่าเหมาะสมมาก “เขากวางอ่อนนี้มีขนาดใหญ่สมบูรณ์ดีมาก อีกทั้งยังหายากมากพวกเจ้าช่างโชคดีจริง ๆ ที่สามารถหาเขากวางที
เฉียนเสี่ยวหลินที่แอบเดินตามเว่ยจื้อโหยวมาตั้งแต่นางและน้องทั้งสองคนเดินออกมาจากบ้านตระกูลเหลียน พอมาถึงในจุดที่ลับตาคนเฉียนเสี่ยวหลินถึงได้เดินออกมาขวางหน้าทั้งสามคนเอาไว้“เจ้าเป็นใคร มีธุระอะไรกับข้า เหตุใดถึงมาขวางหน้าข้าเอาไว้” เว่ยจื้อโหยวถามออกมาด้วยความแปลกใจ“ข้าเป็นใครอย่างนั้นหรือ ข้าก็คือคนที่ถูกเจ้าแย่งสามีไปเช่นไรเล่า” เฉียนเสี่ยวหลิน“ห้ะ!!! ข้านี่นะแย่งสามีเจ้า ข้าไปแย่งสามีเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่รึ แล้วสามีเจ้าที่ว่ามานี่คือผู้ใดหรือ”“เจ้าแย่งท่านพี่เซียวไปจากข้า เป็นเพราะเจ้า ยายของเจ้ายัดเยียดเจ้าให้พี่เซียว ทั้ง ๆ ที่ท่านพ่อเกือบจะยอมให้ข้าแต่งให้พี่เซียวอยู่แล้วแท้ ๆ มันเป็นเพราะเจ้านางจิ้งจอก” “แม่นางเสี่ยวหลิน พี่ใหญ่ของข้าไปเป็นสามีของท่านตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ เท่าที่พวกเราพี่น้องจำได้ พี่ใหญ่ของข้าไม่เคยพูดจากับท่านเลยสักครั้ง ถึงแม้ท่านจะเล่นลูกไม้เล่นหูเล่นตาอย่างไรพี่ใหญ่ของพวกเราก็ไม่เคยชายตามองท่านแท้ ๆ แต่มาวันนี้ท่านกล้ามาบอกว่าพี่ใหญ่ของข้าไปเป็นสามีท่าน อีกทั้งท่านยังมาพูดจาไม่ดีกับพี่สะใภ้ของข้า มันไม่มากไปหน่อยหรือ นี่ท่านอยากได้สามีคนอื่นจนตัวสั่นมาก
หลังจากที่ท่านพ่อและท่านลุงขับเกวียนออกไปเพื่อนำปลาไปส่งที่เหลาอาหาร วันนี้มีสัตว์ป่าเพิ่มมาอีกหลายตัวน่าจะได้เงินเพิ่มมาอีกหลายตำลึง วันนี้นางตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปตามล่าหมูป่าดำเพื่อนำไปขายให้เหลาอาหารน่าจะได้ราคาดีในเมื่อมันเป็นสิ่งที่หายากนั่นย่อมหมายถึงว่ามันย่อมต้องมีราคาแพงเป็นธรรมดา เว่ยจื้อโหยวทำมื้อเช้าเอาไว้รอน้องทั้งสองคนวันนี้นางตั้งใจว่าจะปลูกผัก เช่นนั้นตอนนี้นางจึงนำเมล็ดผักที่มีอยู่ในบ้านไปแช่น้ำแร่เอาไว้ก่อนพรุ่งนี้เช้าถึงค่อยนำมาปลูกลงแปลงที่เตรียมเอาไว้เว่ยจื้อโหยวแช่เมล็ดผักในน้ำแร่เสร็จแล้ว นางจึงมาเตรียมของเอาไว้รอท่านพ่อและท่านลุง รวมทั้งทำอาหารเอาไว้เผื่อทั้งสองคนด้วย น้องทั้งสองคนตื่นมาในยามเหม่า หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองคนรีบไปตักน้ำมารดผักที่ปลูกเอาไว้ก่อนหน้านี้ รดน้ำผักจนเสร็จแล้วทั้งสองคนถึงได้มากินมื้อเช้าที่พี่สะใภ้เตรียมเอาไว้ให้“พี่สะใภ้ วันนี้ข้าสองคนขอไปช่วยงานที่บ้านท่านยายเหลียนนะเจ้าคะ”“ได้สิ พวกเจ้าไปเถอะ ข้าเองก็จะเข้าป่ากับท่านพ่อและท่านลุง หากเจ้าสองคนอยู่บ้านข้ากลัวว่าป้าสะใภ้จะมาหาเรื่องรังแกพวกเจ้าตอนข้าไม่อยู่”“พี
เว่ยเจี้ยนป๋อรีบไปตัดไม้มาทำคานหาม เหลียนอี้ปิงเองก็รีบกุลีกุจอเข้าไปช่วยอีกแรง ด้วยความร่วมมือของทั้งสองคนไม่นานหมูดำตัวเขื่องก็ถูกมัดเท้าทั้ง 4 ข้างเข้ากับไม้ จากนั้นทั้งสองคนยกขึ้นพาดบ่าทันทีเว่ยเจี้ยนป๋อกับเหลียนอี้ปิงรีบหามหมูดำออกจากป่าทันทีโดยมีเว่ยจื้อโหยวแบกหมูดำที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าตัวที่พ่อกับลุงของนางหาม เว่ยจื้อโหยวสาวเท้าเดินออกจากป่าด้วยความเร่งรีบ นางจะรีบออกจากป่าเพื่อที่จะได้นำหมูป่าไปขายในวันนี้ ถ้าหากนำไปขายในวันพรุ่งนี้นางกลัวว่าหมูดำจะไม่สดและกลัวว่าราคาจะไม่ดี“ท่านพ่อเจ้าคะ ไหวหรือไม่เจ้าคะ แล้วท่านลุงเล่าเจ้าคะไหวไหม”“ไหว ๆ พวกเราไหว อาโหยวไม่ต้องเป็นห่วง รีบเดินเถอะลูก”“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าคิดว่าท่านพ่อกับท่านลุงควรจะเดินไปที่บ้านท่านยายเลยนะเจ้าคะ ให้ชาวบ้านได้เห็นว่าวันนี้ท่านพ่อกับท่านลุงได้หมูดำมา เวลาบ้านเรามีเงินขึ้นมาชาวบ้านจะได้ไม่ต้องมาตั้งข้อสงสัย ส่วนข้าจะกลับไปรอที่บ้าน ท่านพ่อค่อยเอาเกวียนมารับหมูดำอีกตัวไปขายด้วยกัน”“ได้ ตกลงตามนั้น พี่ใหญ่เห็นด้วยหรือไม่ขอรับ”“ข้าเห็นด้วย เดิมทีชาวบ้านพวกนี้ก็อิจฉาตาร้อนอยู่แล้วจะได้ไม่ต้องมีคนเอาไปพูดในทางที
ตลอดเวลาสามวันที่ผ่านมาเว่ยจื้อโหยวปลูกผักในที่ดินรอบ ๆ บ้านของนาง และปลูกผลไม้ที่นางขุดเอาต้นเล็ก ๆ กลับมาจากป่า ตอนนี้นางเริ่มว่างงานอีกแล้วเว่ยจื้อโหยวเดินไปบ้านท่านยายดูว่าพอจะมีอะไรให้นางช่วยหรือไม่ ตอนนี้ที่ดินที่ท่านลุงกับท่านพ่อซื้อมาใหม่นั้นได้จ้างชาวบ้านมาช่วยกันแผ้วถางเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงล้อมรั้วรอบที่ดินทั้งหมดด้วยท่านพ่อเข้าไปติดต่อช่างในเมืองมาสร้างบ้านและจ้างชาวบ้านบางส่วนด้วยเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็อยากจะสร้างบ้านใหม่เพียงแต่ว่าตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่ รอให้บ้านท่านพ่อสร้างเสร็จเสียก่อนนางค่อยสร้างบ้านของตัวเองเว่ยจื้อโหยววางแผนที่จะทำกำแพงดินล้อมรอบบ้านและที่ดินทั้ง 3 หมู่ ส่วนที่ดินที่นางต้องการซื้อเพิ่มนางต้องการจะล้อมรั้วให้สูงขึ้นกว่าเท่าตัว เพราะนางกลัวคนบ้านเฉียนเข้ามาขโมยพืชผลในสวนของนาง“ท่านแม่ ท่านยายมีอันใดให้ข้าช่วยหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่มีอันใดให้เจ้าช่วยแล้ว เจ้ากลับไปนอนพักผ่อนที่บ้านเถอะ ส่วนผ้าที่พ่อเจ้าซื้อมาเมื่อคราวก่อนประเดี๋ยวแม่กับป้าสะใภ้ของเจ้าจะตัดชุดให้เจ้ากับน้องสามีของเจ้าก่อน”“ขอบพระคุณท่านแม่เจ้าค่ะ แล้วท่านพ่อกับท่านลุงเล่าเจ้าค
เว่ยจื้อโหยวมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของตัวเองด้วยความตื่นเต้น นี่มันไม่ใช่มันฝรั่งหรอกหรือ แล้วนั่นมันไม่ใช่ฉั่งฉิกหรือ โอ๊ะ ปุ๊บปั๊บรับโชคสองชั้นเลย เว่ยจื้อโหยวลงมือขุดมันฝรั่งทั้งหมดโยนเข้าไปในมิติ จากนั้นนางจึงลงมือเด็ดใบฉั่งฉิกและดอกฉั่งฉิกทั้งหมดใส่เข้าไปในมิติด้วยเช่นเดียวกัน หลังจากจัดการใบและดอกเสร็จแล้วนางก็กลับมาจัดการขุดรากถอนโคนต้นฉั่งฉิกอีกรอบเสร็จแล้วก็นำเข้าไปเก็บในมิติเช่นเดียวกันส่วนฉั่งฉิกที่ยังไม่โตเต็มที่นางก็ขุดเอาทั้งหมดเข้าไปปลูกเอาไว้ในพื้นที่อันแห้งแล้งในมิติของนางทันที ขอเพียงรดด้วยน้ำแร่นางเชื่อว่าฉั่งฉิกพวกนี้จะสามารถเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีระหว่างที่นางเข้ามิติไปปลูกฉั่งฉิก นางก็แวะดูหมาป่าที่บาดเจ็บด้วย ตอนนี้ร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยบาดแผล จึงทำได้แค่เพียงนอนนิ่ง ๆ เท่านั้นเว่ยจื้อโหยวไม่ได้สนใจพวกมัน ส่วนลูกหมาเล็ก ๆ ทั้งสี่ตัวนั้นก็คลานไปทั่วตามประสาหมาเด็กแรกเกิดกำลังซน เมื่อนางจัดการทุกอย่างในมิติเสร็จเรียบร้อยแล้วนางก็กลับออกจากมิติและเดินกลับบ้านระหว่างทางกลับบ้านนางก็แวะตรวจดูกับดักที่นางวางเอาไว้ กับดักของนางวันนี้ผลการเก็บเกี่ยวไม่เลวเช่นเด
ระหว่างทางเข้าเมืองสองพ่อลูกพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เว่ยเจี้ยนป๋อดีใจมากที่เขาตัดสินใจแยกบ้านและพาครอบครัวย้ายมาอยู่บ้านเดิมของภรรยา ลูกสาวเขามีชีวิตที่ดีขึ้นทุกวันและยังนำพาให้เขาและพี่ชายภรรยาอยู่สุขสบายไปด้วย ที่สำคัญลูกสาวของเขามีความสุข ถึงแม้ว่านางจะต้องแต่งงานไปอย่างรวดเร็วก็ตามที“อาโหยวเข้าป่าก็ระวังตัวให้ดีนะลูก ตอนนี้พวกเราพอจะมีเงินขึ้นมาบ้างแล้วไม่ได้ขัดสนเหมือนเมื่อก่อน ไม่จำเป็นลูกอย่าเข้าป่าลึกให้มาก”“เจ้าค่ะท่านพ่อ แต่ท่านพ่อเจ้าคะเข้าป่าลึกก็ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ ข้าเอาตัวรอดได้ ท่านพ่อข้าอยากให้ท่านพ่อสร้างบ้านพักคนงานเอาไว้ในที่ดินที่ท่านพ่อซื้อมาใหม่ด้วยนะเจ้าคะ เราจะหาคนมาช่วยท่านพ่อทำนา ต่อไปข้าคิดจะทำการค้าหากว่าสงครามสงบลงแล้ว ท่านพ่อจะต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ส่วนน้อง ๆ ก็ให้ส่งไปอยู่สถานศึกษาให้หมด หากจะให้ดี ท่านพ่อรีบมีน้องให้ข้าอีกคนดีหรือไม่เจ้าคะ ท่านแม่จะได้ไม่เหงาด้วยหากน้องชายทั้งสองคนไม่อยู่” “ทำการค้าหรือ หากเจ้าอยากทำพ่อจะสนับสนุนเจ้าเอง แต่เรื่องมีน้องเอาไว้รอบ้านใหม่เสร็จก่อนนะลูก ตอนนี้ทำอะไรได้ไม่สะดวก แต่อย่าได้ไปพูดกับแม่ของเจ้าเชียวล่ะ มีหวังพ่อไ
หลังจากเหลียนอี้หลุนแต่งภรรยาเข้าบ้านได้ไม่นาน หยวนจิ้งเองก็พบรักเข้ากับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านแถบชานเมือง นางเป็นบุตรสาวพรานป่าที่มีนิสัยใจคอกล้าหาญไม่ต่างไปจากน้องสะใภ้อย่างเว่ยจื้อโหยว ที่สำคัญนางเป็นคนจิตใจดี หยวนจิ้งแต่งภรรยาได้ไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ทันที ต่างจากอี้หลุนที่ไม่ว่าจะทำยังไง ภรรยาก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ส่วนภรรยาของกู้ตงและสหายทั้งสองตอนนี้ตั้งครรภ์แล้วเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็กำลังจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยความพยายามของอี้หลุนในที่สุดภรรยาก็ตั้งครรภ์เสียที เซี่ยเหิงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าคนอื่น อ้ายหลินเองก็ท้องโตและกำลังใกล้คลอดตามเว่ยจื้อโหยวมาติด ๆ หมู่บ้านต้าลี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เว่ยเจี้ยนป๋อได้เป็นบิดาของจอหงวนฝ่ายบุ๋น อวิ๋นเซียวนั้นมีน้องชายเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ อวิ๋นเฟยกับหย่งคังก็มีลูกชายหญิงให้บิดามารดาได้เลี้ยงหลานไม่เหงา ทำเอาลุงใหญ่อย่างเหลียนอี้ปิงอิจฉาตาร้อนไปหมดเจ้าแฝดต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า หลังจากมารดาคลอดน้อง ๆ แล้วทั้งสองคนจะเข้าไปศึกษาที่เมืองหลวงตามที่รับปากกับท่านลุงเฟยหลงเอาไว้ เว่ยจื้อโหยวมีความสุขที่ได้อยู่กับลู
เหลียนอี้หลุนตอนนี้กำลังชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะทำตามใจตัวเองหรือจะยอมเดินออกมาอย่างเช่นที่เคยทำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่พึงใจในตัวม่านหลิน เพียงแต่เขาคิดว่าตัวเองมีชาติกำเนิดต่ำต้อย บิดามารดาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เจ้าเมืองเตี้ยนถงเองไม่เคยคิดดูถูกชาติกำเนิดของเหลียนอี้หลุนอย่างที่ตัวอี้หลุนเข้าใจ ที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกุเรื่องว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของสหายของนางนั้นเพื่อกระตุ้นให้อี้หลุนรู้ใจตัวเองเพียงเท่านั้น เหลียนอี้หลุนทำหน้าที่คุ้มกันขบวนสินค้ามานานแล้วและนางเองก็รู้ดีว่าเขาพึงใจในตัวบุตรสาวคนเล็กของนาง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้ง แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเช่นนางกับสามีนั้นมีหรือจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดเช่นไรกับบุตรสาวของตัวเอง ม่านหลินนั้นตกหลุมรักเหลียนอี้หลุนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงในสายตาคนอื่นนางเป็นคุณหนูจวนขุนนางที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นอกจากวิ่งออกไปเที่ยวตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหาร งานเย็บปักและการต่อสู้ไม่ได้ด้อยเลย ม่านหลินเองก็เริ่มถอดใจแล้วเช่นเดียวกัน นางคิดว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จ ขนาดที่นาง
หมู่บ้านหนานซานตอนนี้ข่าวการกลับมาของสามสหายปากร้ายแห่งหมู่บ้านหนานซานที่กลับมาจากเมืองหลวงพร้อมทั้งนำภรรยากลับมาด้วยเป็นที่เลื่องลือไปสี่หมู่บ้านยี่สิบลี้เลยก็ว่าได้ชาวบ้านหลายคนต่างไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษปากคมเช่นสามคนนั้นจะสามารถแต่งภรรยาจากเมืองหลวงกลับมาได้ อีกทั้งเหล่าภรรยายังเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่มาพร้อมกับสินเดิมมากมายและเช้าวันนี้หลังจากที่ส่งสามีออกไปทำงานแล้วเหล่าสะใภ้ทั้งสามก็นัดแนะกันเข้าป่าล่าสัตว์หาของป่าดังเช่นชาวบ้านทั่วไป ทั้งสามคนคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานมาอยู่หมู่บ้านหนานซานแห่งนี้“ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่สะใภ้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ป่านี้เสวี่ยเหลียนกับซินเหมยคงมารอแล้ว” ม่อจื่อ“จื่อเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะ อย่าเข้าป่าลึกมากนัก บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดอย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย เข้าใจหรือไม่” แม่สามีบอกลูกสะใภ้ชาวเมืองอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”ผิงม่อจื่อหลังจากบอกลาแม่สามีแล้วก็มุ่งหน้ามาที่จุดนัดหมายที่มีสหายสองคนรออยู่ที่ทางขึ้นเขาท้ายหมู่บ้าน เส้นทางนี้ชาวบ้านในหมู่บ้า
หลังจากผ่านพ้นการแต่งงานแบบที่แปลกประหลาดไปแล้ว สี่หนุ่มแห่งหมู่บ้านต้าลี่ต่างได้ภรรยากลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนอกเหนือจากของฝากที่พวกเขาซื้อเอาไว้มากมายเพราะทั้งสี่คนแต่งงานแล้วและภรรยายังตามสามีกลับไปด้วย ขากลับทำให้มีขบวนรถม้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เว่ยจื้อโหยวเองถึงแม้จะดีใจที่เจ้าพวกลิงทโมนทั้งสี่ในที่สุดก็รู้จักแต่งภรรยามีครอบครัวเสียทีจะได้ไม่ต้องรวมหัวกันไปทำเรื่องอะไรพิเรน ๆ อีก แต่ดูท่าทีภรรยาของแต่ละคนแล้ว เว่ยจื้อโหยวคิดว่าคงมีเรื่องปวดหัวตามมาอีกไม่น้อย “เดินทางปลอดภัยนะ อาเซียวน้องสะใภ้” เฟยหลง“ขอบคุณขอรับพี่รอง ท่านกลับไปดูแลพี่สะใภ้กับหลานชายเถอะไม่ต้องเป็นห่วง” อวิ๋นเซียว“เจ้าแฝดไม่อยู่กับลุงที่เมืองหลวงหรือ” เฟยหลงถามหลานชาย“ไม่ขอรับ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อทำงาน เอาไว้ถึงเวลาเข้าสำนักศึกษาแล้วค่อยมาอยู่กับท่านลุงที่เมืองหลวงขอรับ แต่ต้องรอให้ท่านแม่มีน้องก่อนนะขอรับ เพราะหากพวกเราสองคนมาอยู่ที่เมืองหลวงข้ากลัวท่านแม่จะเหงา” ต้าเป่า“ได้ เช่นนั้นลุงรองจะสร้างเรือนเอาไว้ให้พวกเจ้าสองคนนะ เอาติดกับเรือนของน้องชายเลยดีหรือไม่”“ดีขอรับ ท่านลุงรักษาตัวด้วยนะขอรับ เอาไว้ต้าเ
เวลาผ่านไปอีกสองวันก็มีข่าวออกมาว่าชุยต้าหวังพร้อมนางจินซื่อถูกจับข้อหาร่วมมือกันทำให้อดีตภรรยาเอกถึงแก่ความตาย และยึดเอาสินเดิมภรรยาพร้อมทั้งใส่ความบุตรที่เกิดกับภรรยาเอกให้มีความผิดและส่งขายไปเป็นทาสหลวงหลังจากเจ้าหน้าที่ทางการสอบสวนแล้วนางจินซื่อสารภาพว่าเป็นคนวางยาอดีตภรรยาเอกเพื่อต้องการขึ้นมาเป็นภรรยาเอกแทน ส่วนชุยต้าหวังมีความผิดฐานยึดเอาสินเดิมภรรยาและขายลูกชายทั้งสี่ไปเป็นทาส ด้วยเหตุนี้นางจินซื่อมีโทษประหารข้อหาฆ่าคนตาย ชุยต้าหวังมีโทษจำคุก 30 ปี ส่วนลูกชายอย่างชุยตงหลางนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่บิดามารดาได้กระทำลงไปจึงไม่มีความผิด ลูกสาวอย่างชุยรุ่ยเอ๋อร์นั้นมีส่วนรู้เห็นและร่วมมือกับมารดาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกันทางการได้คืนสินเดิมของมารดาชุยต้าทั้งหมดให้กับพวกเขาสี่พี่น้อง ชุยต้าเองย่อมรู้ว่าเป็นฝีมือของฮูหยิน แต่พวกเขาไม่ยินดีที่จะอยู่เมืองหลวงอีกต่อไป เพราะต่างก็ตั้งใจลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านต้าลี่แล้ว ชุยต้ากลับไปคงต้องคุยกับพี่น้องของตัวเองเรื่องสินเดิมมารดาที่เหลือไม่มากแล้วเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชุยต้าหวังและนางจินซื่
หย่งซีและชุยต้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับที่เว่ยจื้อโหยวกลับมาจากวังหลวงเช่นเดียวกัน หย่งซีใบหน้าบูดบึ้งเดินกระแทกเท้าตึง ๆ เข้าไปหาพี่สาวเพื่อบอกกับนางว่าเขาและชุยต้าถูกคนรังแกอย่างไรบ้าง“เป็นอะไรเสี่ยวซีทำไมหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้น ใครทำอะไรให้โมโหมาหรือ” เว่ยจื้อโหยวถามน้องชาย“ก็วันนี้ข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองมาแล้วไปเจอยายป้าปากแดงอยู่ ๆ ก็เข้ามาด่าว่าพี่ชายชุยต้ากับข้า แถมยังบอกว่าพี่ชายชุยต้าเป็นอดีตพี่ชายของนาง เท่านั้นยังไม่พอนางยังด่าว่าเป็นทาสด้วย เป็นทาสอะไรกันไม่ได้เป็นทาสเสียหน่อย”“ใครกันน่ะ เหตุใดถึงได้กล้าด่าคนอื่นกลางตลาดขนาดนั้น ไม่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีแล้วไม่มีใครมาสู่ขอหรือ แถมเป็นสตรีด้วย”“ข้าไม่รู้หรอกพี่ใหญ่ รู้แค่ว่านางไม่สวย ทาหน้าขาวโพลนแถมยังปากแดงอีกด้วย ใครจะไปสนใจกันว่านางเป็นใคร ไม่ได้รู้จักแต่เข้ามาด่า นางบอกว่าพี่ชุยต้าเป็นอดีตพี่ชาย”“สรุปที่เจ้าโมโหขนาดนี้ แม่นางผู้นั้นด่าเจ้าหรือด่าชุยต้า” “ด่าข้าด้วย ด่าพี่ชายชุยต้าด้วย นางด่าข้าว่าไอ้เด็กเหลือขอ พ่อแม่ไม่สั่งสอน” หย่งซีหน้างอตอบพี่สาว“ตกลง ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะไปถามชุยต้าเดี๋ยวพี่สาวจะจัดก
หลังจากที่ราชครูเถียนได้ตัดสินใจออกไปแบบนั้นแล้ว เขาไม่เสียใจที่ต้องทำเช่นนี้ หาไม่แล้วตระกูลเถียนคงได้ล่มสลายเพราะสตรีสมองหมูสองคนนี้เป็นแน่ เถียนเสี่ยวมี่ไม่ยินยอมจึงได้โวยวายว่าบิดาไม่ยุติธรรม“ท่านพ่อ ท่านจะมาทำแบบนี้กับข้าและท่านแม่ไม่ได้ เหตุใดเราสองแม่ลูกจะต้องไปอยู่ที่หมู่บ้านบรรพบุรุษด้วยเจ้าคะ การที่ลูกรักพี่จิ้งลูกผิดหรือเจ้าคะ”“ผิด เพราะหยวนจิ้งไม่ได้มีไมตรีต่อเจ้า การที่เจ้าไปวิ่งตามหยวนจิ้งแบบนั้นนอกจากจะด้อยค่าตัวเองแล้วยังทำลายเกียรติของตระกูลเถียนด้วย เจ้าไม่รู้สึกอับอายผู้คนบ้างหรือ”“ท่านพี่ ให้โอกาสเราแม่ลูกสักครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ ต่อไปข้าจะดูแลมี่มี่ให้ดี จะไม่ให้ออกไปก่อเรื่องได้อีก”“ข้าตัดสินใจแล้ว การกระทำของเสี่ยวมี่ที่ผ่านมามันบ่งบอกได้ถึงว่านางไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดี ตัวข้าเป็นขุนนางตำแหน่งราชครู แม้แต่ลูกสาวของตัวเองยังสั่งสอนไม่ได้แล้วข้าจะมีหน้าไปสั่งสอนผู้อื่นได้เช่นไร พวกเจ้าสองแม่ลูกอย่าลืมว่ายังมีลูกชายทั้งสองคนที่เป็นขุนนางอนาคตไกล อย่าให้การกระทำสิ้นคิดของเจ้ามาทำลายตระกูลเถียนและหน้าที่การงานของทุกคน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าให้ได้ปรับปรุงตัวเ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้หยวนจิ้งอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก หลังจากส่งหลาน ๆ กลับจวนแม่ทัพแล้ว ตัวเขาเองก็มุ่งหน้ากลับจวนกั๋วกงทันทีหยวนจิ้งกลับมาถึงก็ตรงไปที่เรือนของฮูหยินทันที เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เขาไม่อาจใจเย็นได้อีก ก่อนจะจัดการคนอื่นต้องจัดการคนในครอบครัวก่อน คนแรกคือท่านแม่ของเขาเอง“ท่านแม่อยู่หรือไม่”“อยู่เจ้าค่ะคุณชาย กำลังสนทนาอยู่กับฮูหยินท่านราชครูเจ้าค่ะ”“ขอบใจ มีอะไรก็ไปทำเถอะ"“เจ้าค่ะคุณชาย”หยวนจิ้งเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้าไปหาผู้เป็นมารดาที่ตอนนี้นั่งคุยกันอย่างออกรสอยู่กับฮูหยินจวนราชครู หยวนจิ้งเองไม่คิดจะไว้หน้าอยู่แล้ว ในใจเขาคิดว่าดีแล้วจะได้ไม่ต้องไปถึงจวนราชครู หวังว่าฮูหยินจะกลับไปสั่งสอนลูกสาวหรือตัวฮูหยินเองที่ต้องหยุดการกระทำทุกอย่างและอย่าได้คิดมาเล่นแง่หาข้ออ้างอะไรอีก แม้แต่ท่านแม่ของตัวเองวันนี้หยวนจิ้งเองก็ไม่คิดจะอ่อนข้อให้“คารวะท่านแม่ขอรับ คารวะฮูหยินท่านราชครู"“อ้าว อาจิ้งทำไมกลับมาไวนักล่ะลูก ไหนว่าไปที่ตำหนักองค์ชายสามไม่ใช่หรือ” “อุ๊ย ดูพูดเข้าสิ หลานจิ้งฮูหยงฮูหยินอะไรกัน เรียกท่านป้าเถอะจ้ะ” ฮูหยินราชครู“ไม่ล่ะขอรับ ข้าไม่ส
เว่ยจื้อโหยวพาลูก ๆ และสามีเดินทางรอนแรมจากหมู่บ้านต้าลี่ในที่สุดก็ถึงเมืองหลวงเสียที คนที่มารอรับพวกเขาอยู่นอกประตูเมืองคือเฟยหลงกับหยวนจิ้ง เด็กน้อยทั้งสี่ต่างขดตัวนอนหลับอยู่ภายในรถม้ากับพี่เลี้ยงสี่ขาทั้งสี่เฟยหลงพาน้องชายนอกสายเลือดที่เขารักไม่ต่างจากคนสายเลือดเดียวกันเข้าไปพักที่จวนแม่ทัพ ก่อนหน้านั้นหลายปีจวนแม่ทัพแห่งนี้มีอวิ๋นซวนกับหย่งคังและหย่งหมิงพักอยู่ ถึงแม้ตอนนี้จะมีเพียงหย่งหมิงกับอวิ๋นซวนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาเล่าเรียนในสถานศึกษาหลวง“ถึงแล้ว ที่นี่ล่ะ ตอนนี้อาซวนกับอาหมิงคงยังไม่กลับจากสถานศึกษา” หยวนจิ้ง“พาหลาน ๆ ไปนอนในห้องหับเสียก่อน เดินทางมาไกล ต้าเป่ากับน้อง ๆ คงเหนื่อยแย่” เฟยหลง “ขอรับพี่ใหญ่ พี่รอง” อวิ๋นเซียว"เอาล่ะ ซ้ายมือเป็นเรือนของอาเหิงกับครอบครัว ส่วนอาเซียวอยู่เรือนหน้าก็แล้วกัน เรือนด้านขวานั้นอาหมิงกับอาซวนพักอยู่ก่อนแล้ว ส่วนพวกเจ้าที่เหลือไปพักอยู่ที่เรือนหลังก็แล้วกัน" เฟยหลงแจกแจงที่พักหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายเข้าเรือนพักเรียบร้อยแล้ว รถม้าทั้ง 10 คันก็เขาไปจอดเรียบร้อยที่พื้นที่ด้านหลังของจวน ม้าเองก็ต้องการพักผ่อนเช่นเดียวก