ทางด้านเว่ยเจี้ยนป๋อกับเหลียนอี้ปิงที่วันนี้นำปลาไปส่งที่เหลาอาหารพร้อมทั้งกระต่ายกับไก่ที่เว่ยจื้อโหยวล่ามาได้ ทำให้วันนี้พวกเขาได้เงินมาไม่น้อย เพราะจำนวนปลาที่จับได้มากขึ้นและมีขนาดตัวที่ใหญ่ ส่วนปลาตัวเล็กนั้นพวกเขาปล่อยกลับลงลำธารไป
ทั้งสองคนติดสินใจว่าจะมาขุดหลุมดักปลาเพิ่ม เพราะหลงจู๊บอกว่าปลาที่พวกเขานำไปส่งเมื่อวานไม่พอขาย ถึงแม้วันนี้จะได้ปลาเพิ่มมาจากเมื่อวานนับ 100 ชั่ง แต่หลงจู๊คิดว่าไม่น่าจะพอขาย เพราะไม่มีใครสามารถจับปลามาส่งที่เหลาอาหารแบบที่ยังมีชีวิตอยู่และไร้บาดแผลเช่นนี้มาก่อน ทำให้เวลานำปลาไปปรุงอาหารจะได้รสชาติสดใหม่และอร่อยยิ่งขึ้น ตอนนี้อาหารเมนูปลาจึงเป็นอาหารขึ้นชื่อของเหลาอาหารไปแล้ว
“น้องเขย ข้าว่าเรากลับไปขุดหลุมกับดักเพิ่มสัก 3 หลุมดีหรือไม่ ขุดห่างกันออกไปหน่อยลำธารสายนี้ไม่ค่อยมีชาวบ้านเดินผ่านมาเพราะมันอยู่ติดกับชายป่า เหมาะสำหรับให้พวกเราขุดหลุมดักปลา”
“ข้าเห็นด้วยกับพี่ใหญ่ กระต่ายป่าและไก่ป่าของอาโหยวก็ขายได้ราคาดีไม่น้อย เลยเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงนางมาก นางสามารถดูแลตัวเองได้ หากข้าไม่ตัดสินใจแยกบ้านออกมาพวกเราคงจะไม่มีวันคืนที่ดีเช่นนี้”
“เอาเถอะเรื่องมันก็ผ่านมาแล้วต่อไปนี้พวกเจ้าใช้ชีวิตให้ดีก็พอ ตอนนี้ต้องยอมรับว่าเป็นเพราะอาโหยวพวกเราทั้งสองครอบครัวถึงได้มีลู่ทางทำเงิน อีกไม่นานพวกเราคงมีเงินสร้างบ้านใหม่และซื้อที่ดินเพิ่ม ต่อไปพวกเราจะมีแต่ความสุขดังเช่นอาโหยวพูด”
“ข้าก็เชื่อมั่นในตัวนางขอรับ หากข้าไม่แยกบ้านออกมาอาโหยวคงไม่แสดงความสามารถออกมาเป็นแน่ เพราะต่อให้นางมีความสามารถขนาดไหน ท่านแม่ข้าก็คงไม่เห็นครอบครัวของข้าอยู่ในสายตา”
“เอาเถอะ วันข้างหน้าหากเจ้าอยู่ดีกินดีแล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาคงเสียใจจนอยากตายเลยทีเดียว”
“ขอรับ”
“เช่นนั้นเดี๋ยวเราขับเกวียนเลยไปบ้านอาโหยวเลยก็แล้วกันจะได้ไม่ต้องเดินย้อนไปย้อนมา และเงินที่ได้มาวันนี้จะได้เอาให้นางเลย”
“ตกลงขอรับพี่ใหญ่”
เว่ยจื้อโหยวไม่คิดไม่ฝันเลยว่าท่านพ่อและท่านลุงของนางจะตัดสินใจเช่นนี้และมุ่งหน้ามาที่บ้านของนางประจวบเหมาะกับตอนที่นางเดินแบกกวางตัวใหญ่เขายาวออกจากป่าพอดี
จากที่คิดว่าจะบอกกับพ่อตัวเองเรื่องพละกำลังและเรื่องต่าง ๆ นานาของตัวเองทั้งเรื่องจริงบ้างเรื่องไม่จริงบ้างในตอนไปรับน้องทั้งสองคน แต่นึกไม่ถึงว่านางจะได้สารภาพเรื่องจริงบ้างและเรื่องไม่จริงบ้างของนางกับท่านพ่อและท่านลุงเร็วขนาดนี้
ระหว่างทางที่กลับมาบ้านโชคดีที่ไม่พบเจอกับชาวบ้าน คงเพราะป่าทางด้านซ้ายไม่มีชาวบ้านกล้าเข้าไปหาของป่าและเก็บผักป่ากันจึงให้ไม่มีใครเห็นนางแบกกวางตัวใหญ่เขายาวออกมาจากป่า
เมื่อเว่ยจื้อโหยวแบกกวางเดินเปิดประตูด้านกลังบ้านเข้ามา พอดีกับที่เว่ยเจี้ยนป๋อถือจอบกำลังจะเดินไปที่ลำธารพ่อลูกประจัญหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายและไม่ได้ตั้งใจ
เหลียนอี้ปิงหลังจากที่นำล่อไปผูกเอาไว้และหาน้ำให้แล้วก็เดินสะพายตะกร้าเตรียมตัวจะไปช่วยเว่ยเจี้ยนป๋อขุดหลุมดักปลา แต่เมื่อเดินมาถึงก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นน้องเขยตัวเองยืนนิ่งสายตาจ้องมองไปยังประตูหลังบ้านของหลานสาว
“น้องเขยเจ้ามองอันใด มีอะไรอย่างนั้นรึทำไมยังไม่ไปที่ลำธารอีก” เพราะเว่ยเจี้ยนป๋อรูปร่างสูงใหญ่ทำให้เหลียนอี้ปิงมองไม่เห็นเว่ยจื้อโหยวที่ยืนอยู่หน้าประตู
“พะ... พี่ใหญ่นั่นใช่อาโหยวลูกข้าหรือไม่”
“อะไรของเจ้า ถามอะไรแปลก ๆ ไหนกันอาโหยวไม่ใช่นางไปหาของป่าหรอกหรือ”
“นั่นขอรับ หน้าประตูขอรับ”
“เจ้าถอยออกมาก่อนตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่นข้ามองไม่เห็น”
พอเว่ยเจี้ยนป๋อขยับออกไปทางซ้าย สิ่งที่ปรากฎสู่สายตาของเหลียนอี้ปิงทำเอาเขาพูดไม่ออก ได้แต่ พูด "นะ…นั่น นั่น" อยู่เป็นนานสองนาน
เว่ยจื้อโหยวไม่คิดว่าท่านพ่อกับท่านลุงจะมาที่บ้านในเวลานี้ นางเองก็ตกใจเช่นเดียวกันแต่ในเมื่อความมันแตกแล้วก็ต้องอธิบายนั่นล่ะ ถึงอย่างไรท่านพ่อก็รักนางมากที่สุดไม่ว่าจะยังไงท่านพ่อจะต้องเชื่อนาง
“ท่านพ่อ ท่านลุง กำลังจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ”
"อาโหยว ลูก เหตุใดเจ้าถึง"
“นั่นสิอาโหยว เหตุใดเจ้าถึงมีกวางกลับมาด้วยไม่ใช่เจ้าบอกลุงกับพ่อเจ้าเพียงจะเข้าป่าไปเก็บผักป่าและวางกับดักเล็กน้อยหรือ”
“ท่านลุง ท่านพ่อเข้าบ้านก่อนเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะบอกท่านลุงกับท่านพ่อทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าเริ่มหนักแล้วท่านพ่อหลบทางข้าก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ถ้าเจ้าหนักวางมันลงพ่อจะแบกเข้าบ้านไปให้เจ้า”
“นั่นสิให้พ่อเจ้าแบกดีกว่า เจ้าตัวแค่นี้แบกมันมาได้อย่างไรกัน วางมันลงเร็ว ๆ เข้า”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านลุง ข้าไม่ได้หนักมากมายอะไร”
หลังจากที่หลบทางให้เว่ยจื้อโหยวเดินเข้ามาในบ้านแล้วนางวางกวางเขายาวตัวใหญ่ลงบนลานหลังบ้าน จากนั้นนางจึงบอกกับท่านพ่อและท่านลุงของนางว่าต้องการให้พวกเขานำกวางเข้าไปขายในเมือง ส่วนเรื่องอะไรที่ท่านพ่อและท่านลุงต้องการรู้ นางจะบอกพร้อมกันทุกคนในตอนค่ำพร้อมกับท่านตาท่านยายและทุกคน
“ท่านพ่อ ท่านลุงพวกท่านรีบเอากวางตัวนี้เข้าไปขายในเมืองเถอะเจ้าค่ะ ไปตอนนี้ยังพอมีเวลา หากว่ารอพรุ่งนี้เช้าข้ากลัวว่าเนื้อจะไม่สดทำให้ขายไม่ได้ราคาเจ้าค่ะ”
“เจ้ามีอะไรที่ยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่ของเจ้าหรือไม่อาโหยว”
“ท่านพ่อเจ้าคะ เดิมทีข้าเองก็มีเรื่องที่จะบอกกล่าวกับท่านพ่อท่านแม่และทุกคนเพียงแต่ว่าข้ายังไม่มีโอกาส เดิมทีข้าตั้งใจว่าจะบอกเรื่องบางอย่างกับทุกคนเย็นนี้เจ้าค่ะ”
“พ่อรอไม่ได้ เจ้าบอกพ่อมาก่อน ตอนนี้พ่อร้อนใจจะแย่แล้ว ใช่เจ้าเข้าป่าด้านซ้ายมาใช่หรือไม่”
“ใช่เจ้าค่ะท่านพ่อ แต่ท่านพ่อเจ้าคะท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วงข้านะเจ้าคะ ข้าแข็งแรงมาก อีกอย่างท่านพ่อจำตอนที่ข้าโดนท่านย่าทุบตีแล้วสลบก่อนที่เราจะแยกบ้านได้หรือไม่เจ้าคะ”
“พ่อย่อมต้องจำมันได้ไม่มีวันลืม ว่าแต่มันเกี่ยวอันใดกัน”
“ความจริงแล้วเดิมทีข้ามีพละกำลังเหนือกว่าผู้อื่น พูดง่าย ๆ ว่าข้าแข็งแรงมาก แต่เพราะข้ากลัวท่านย่าและคนอื่นจะหาว่าข้าเป็นตัวประหลาดเป็นปีศาจแล้วจับข้าไปเผาไฟข้าเลยต้องเก็บงำความสามารถเอาไว้จึงได้แสร้งเป็นอ่อนแอให้ผู้อื่นรังแกทุบที เพราะข้าเกรงว่าท่านพ่อท่านแม่จะเดือดร้อน อีกอย่างหากข้าแสดงความสามารถออกมาท่านย่าก็ไม่เคยเห็นพวกเราอยู่ในสายตา นอกจากจะเอาเงินที่ครอบครัวเราหามาได้เข้ากองกลางจนหมดแล้วยังจะหาว่าข้าเป็นตัวกาลกิณีอีก แล้วในตอนที่ข้าสลบไปวิญญาณข้าได้หลุดลอยไปไกลแสนไกล ชายชราที่มาพาข้าไปบอกว่าที่แห่งนั้นคือโลกอนาคตในอีกหลายหมื่นปี ข้าได้ความรู้มากมายมาจากที่นั่นเจ้าค่ะ”
“หละ..หลานพูดจริงหรืออาโหยว นั่นไม่ใช่ว่าเจ้าเกือบจะตายไปแล้วไม่ใช่หรือ หากว่าวิญญาณเจ้าออกจากร่างไปแล้วกลับเข้าร่างไม่ได้ไม่เท่ากับเจ้าได้ตายไปแล้วจริง ๆ หรอกหรือ”
“นั่นสิ อาโหยว พ่อขอโทษเจ้ามาก ที่พ่อเองไม่เอาไหน เพราะคำว่ากตัญญูมันค้ำคอ พ่อเกือบจะเสียเจ้าไปแล้ว พ่อมันโง่เอง สำหรับย่าเจ้าที่เกลียดพ่อ ต่อให้พ่อกตัญญูแค่ไหนในสายตาย่าเจ้าก็ไม่เคยมีพ่ออยู่ ขอบคุณสวรรค์ที่พาเจ้ากลับมานะ” เว่ยเจี้ยนป๋อพูดทั้งน้ำตา
“ลุงว่าเรื่องนี้ให้รู้แค่นี้เถอะ หากท่านพ่อท่านแม่ และน้องสาวรู้เข้านางคงไม่สบายใจ ในเมื่อหลานกลับมาก็ดีแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีอะไรมาทำร้ายเจ้าได้อีก”
“พ่อเห็นด้วยกับลุงของเจ้า อย่าให้แม่ของเจ้ารู้เลย นางจะไม่สบายใจและเสียใจ แล้วเรื่องที่เจ้าเข้าป่าด้านซ้ายมาเจ้าจะว่ายังไง”
“ท่านพ่อ ความจริงแล้วในป่านั้นมีของมีค่ามากมาย อีกทั้งสัตว์ป่าก็มากมายด้วย ในเมื่อชาวบ้านกลัวไม่กล้าเข้าไป ข้าเองก็มีพละกำลังมาก ข้าไม่กลัวป่าเจ้าค่ะ แต่ข้ากลัวอดตาย ข้ายังอยากหาเงินให้มาก จะได้มีเงินสร้างบ้านใหม่ซื้อที่ดินเพิ่มเยอะ ๆ ต่อไปข้าจะปลูกผักผลไม้ขายด้วยเจ้าค่ะ”
“หากลูกคิดว่าดูแลตัวเองได้พ่อก็จะไม่ห้าม แต่เข้าอย่าเข้าไปในป่าลึกให้มาก หรือจะเอาเช่นนี้ ให้ลุงของเจ้าไปส่งปลาในเมืองแล้วพ่อเข้าป่าไปกับเจ้าดีหรือไม่”
"ไม่ดีเจ้าค่ะ ท่านพ่อก็น่าจะรู้ยามเกิดศึกสงคราม ชาวบ้านอดอยากย่อมต้องมีคนผันตัวมาเป็นโจรปล้นชิง ท่านพ่อกับท่านลุงไปด้วยกันดีแล้วเจ้าค่ะหากเกิดอันใดขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันได้
“เอาเช่นนั้นก็ได้ เอาตามที่อาโหยวว่าเถอะ ตอนนี้เรารีบไปกันก่อนเถอะ จะได้รีบไปรีบกลับข้ากลัวว่าจะกลับมาค่ำมืด”
“ขอรับพี่ใหญ่”
คล้อยหลังท่านพ่อละท่านลุงเอากวางเข้าไปขายในเมือง เว่ยจื้อโหยวจึงเตรียมตัวเข้าป่าไปอีกครั้ง และในครั้งนี้นางตั้งใจจะเข้าป่าไปขุดเอาต้นผลไม้ลงมาปลูกในสวนนางไม่แน่ใจว่าผลไม้ที่นี่มีอะไรบ้าง
เว่ยจื้อโหยวตั้งใจว่าจะไปขุดต้นผิงกั่ว ต้นสาลี่ ในป่าทางด้านขวาที่นางพบเมื่อวันก่อน วันหลังนางค่อยเข้าไปหาเพิ่มที่ป่าทางด้านขวา ใช่แล้วองุ่นป่าพวกนั้นนางจะย้ายลงมาปลูกในสวนหลังจากที่นางเก็บองุ่นที่สุกแล้วจนหมด หลังจากนั้นนางจะขุดเอาต้นย้ายลงมาปลูกที่สวนของนาง
ทางด้านเว่ยเจี้ยนป๋อและเหลียนอี้ปิงตอนนี้กำลังเดินทางกลับเข้าเมืองอีกครั้งเพื่อนำกวางตัวใหญ่ไปขายให้กับเหลาอาหารที่พวกเขานำปลามาส่ง
เมื่อมาถึงเหลาอาหาร หลงจู๊ที่ออกมาที่ลานรับซื้อของจากชาวบ้านมองเห็นทั้งสองขับเกวียนเข้ามา หลงจู๊คิดว่าทั้งสองคนเอาปลามาขายอีกรอบจึงได้ยืนรออยู่ไม่ได้กลับเข้าไปในเหลาอาหาร
แต่ในตอนที่เกวียนเคลื่อนที่มาจอดด้านหน้าของเขาสิ่งที่หลงจู๊เห็นมันไม่ใช่ถังใส่ปลาแต่มันเป็นเสื่อไม้ไผ่ที่คลุมกวางเขายาวเอาไว้ไม่มิดต่างหาก
“หลงจู๊พวกเรากลับมาอีกครั้ง ไม่ทราบว่ากวางตัวนี้ท่านจะรับซื้อหรือไม่ขอรับ”
“รับสิรับ ทำไมข้าจะไม่รับเล่า ข้าต้องขอบใจเจ้าสองคนมาก ที่ทำให้เหลาของเรามีปลาสด ๆ ให้ทำอาหารทุกวัน สำหรับกวางตัวนี้ข้าให้ราคาชั่งละ 1 ตำลึงเงิน อย่างที่เจ้ารู้เนื้อกวางราคาแพงมากไม่มีพรานคนไหนหาเนื้อกวางได้มาหลายปีแล้ว ราคานี้ถือว่าเหมาะสมมากพวกเจ้าจะว่าเช่นไร”
“พวกเรายินดีขายขอรับ”
“อืม เช่นนั้นเขากวางข้าจะตัดคืนให้ เจ้านำไปขายที่โรงหมอน่าจะได้ราคาดี ครั้งหน้าหากพวกเจ้ามีของดีอย่าลืมเหลาของข้าก็พอ”
“ขอบคุณหลงจู๊ขอรับ พวกข้าย่อมไม่ลืมท่านแน่นอน”
“เจ้าสองคนรอสักครู่ ข้าจะให้เสี่ยวเอ้อร์นำไปชั่งน้ำหนัก และตัดเขากวางมาคืนให้”“ขอบพระคุณหลงจู๊มากขอรับ”
กวางตัวใหญ่เสี่ยวเอ้อร์นำไปชั่งน้ำหนักได้ถึง 500 ชั่ง พร้อมกับนำเขาที่ตัดออกมาส่งให้กับเว่ยเจี้ยนป๋อ กวาง 500 ชั่งที่ลูกสาวแสนบอบบางแบกออกมาจากป่า เว่ยเจี้ยนป๋อคิดแล้วให้เจ็บปวดนักเขาเองก็รักลูกสาวมาก เหตุใดลูกสาวเขาถึงทำงานหนักขนาดนี้ คิดแล้วช่างปวดใจนัก“นี่ขอรับเขากวางของพวกท่าน ส่วนนี่เป็นเงิน 500 ตำลึงเงิน เป็นตั๋วแลกเงินใบละ 100 ตำลึง 5 ใบ พวกท่านตรวจดูก่อน”“ขอบใจเจ้ามาก เช่นนั้นข้าสองคนลานะขอรับหลงจู๊”“อืม อย่าลืมนะ หากมีของดีอย่าลืมนึกถึงเหลาของข้า”“ขอรับพวกเราไม่ลืมท่านแน่ ๆ ขอรับ” เหลียนอี้ปิงรับคำหนักแน่น“พี่ใหญ่เรารีบเอาเขากวางนี่ไปขายก่อนเถอะขอรับ จะได้รีบกลับบ้านประเดี๋ยวจะมืดค่ำไปเสียก่อน”“ตกลง”ทั้งสองคนนำเขากวางมาขายให้กับโรงหมอตามคำแนะนำของหลงจู๊ เขากวางที่พวกเขานำมาเป็นเขากวางอ่อนที่ที่โรงหมอต้องการมานาน เขากวางอ่อนสามารถนำมาเพิ่มในเทียบยาได้หลายขนานและเขากวางอ่อนหายากไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถหาเขาที่ไม่อ่อนเกินไปและแก่เกินไป เขากวางที่ทั้งสองคนนำมานับว่าเหมาะสมมาก “เขากวางอ่อนนี้มีขนาดใหญ่สมบูรณ์ดีมาก อีกทั้งยังหายากมากพวกเจ้าช่างโชคดีจริง ๆ ที่สามารถหาเขากวางที
เฉียนเสี่ยวหลินที่แอบเดินตามเว่ยจื้อโหยวมาตั้งแต่นางและน้องทั้งสองคนเดินออกมาจากบ้านตระกูลเหลียน พอมาถึงในจุดที่ลับตาคนเฉียนเสี่ยวหลินถึงได้เดินออกมาขวางหน้าทั้งสามคนเอาไว้“เจ้าเป็นใคร มีธุระอะไรกับข้า เหตุใดถึงมาขวางหน้าข้าเอาไว้” เว่ยจื้อโหยวถามออกมาด้วยความแปลกใจ“ข้าเป็นใครอย่างนั้นหรือ ข้าก็คือคนที่ถูกเจ้าแย่งสามีไปเช่นไรเล่า” เฉียนเสี่ยวหลิน“ห้ะ!!! ข้านี่นะแย่งสามีเจ้า ข้าไปแย่งสามีเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่รึ แล้วสามีเจ้าที่ว่ามานี่คือผู้ใดหรือ”“เจ้าแย่งท่านพี่เซียวไปจากข้า เป็นเพราะเจ้า ยายของเจ้ายัดเยียดเจ้าให้พี่เซียว ทั้ง ๆ ที่ท่านพ่อเกือบจะยอมให้ข้าแต่งให้พี่เซียวอยู่แล้วแท้ ๆ มันเป็นเพราะเจ้านางจิ้งจอก” “แม่นางเสี่ยวหลิน พี่ใหญ่ของข้าไปเป็นสามีของท่านตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ เท่าที่พวกเราพี่น้องจำได้ พี่ใหญ่ของข้าไม่เคยพูดจากับท่านเลยสักครั้ง ถึงแม้ท่านจะเล่นลูกไม้เล่นหูเล่นตาอย่างไรพี่ใหญ่ของพวกเราก็ไม่เคยชายตามองท่านแท้ ๆ แต่มาวันนี้ท่านกล้ามาบอกว่าพี่ใหญ่ของข้าไปเป็นสามีท่าน อีกทั้งท่านยังมาพูดจาไม่ดีกับพี่สะใภ้ของข้า มันไม่มากไปหน่อยหรือ นี่ท่านอยากได้สามีคนอื่นจนตัวสั่นมาก
หลังจากที่ท่านพ่อและท่านลุงขับเกวียนออกไปเพื่อนำปลาไปส่งที่เหลาอาหาร วันนี้มีสัตว์ป่าเพิ่มมาอีกหลายตัวน่าจะได้เงินเพิ่มมาอีกหลายตำลึง วันนี้นางตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปตามล่าหมูป่าดำเพื่อนำไปขายให้เหลาอาหารน่าจะได้ราคาดีในเมื่อมันเป็นสิ่งที่หายากนั่นย่อมหมายถึงว่ามันย่อมต้องมีราคาแพงเป็นธรรมดา เว่ยจื้อโหยวทำมื้อเช้าเอาไว้รอน้องทั้งสองคนวันนี้นางตั้งใจว่าจะปลูกผัก เช่นนั้นตอนนี้นางจึงนำเมล็ดผักที่มีอยู่ในบ้านไปแช่น้ำแร่เอาไว้ก่อนพรุ่งนี้เช้าถึงค่อยนำมาปลูกลงแปลงที่เตรียมเอาไว้เว่ยจื้อโหยวแช่เมล็ดผักในน้ำแร่เสร็จแล้ว นางจึงมาเตรียมของเอาไว้รอท่านพ่อและท่านลุง รวมทั้งทำอาหารเอาไว้เผื่อทั้งสองคนด้วย น้องทั้งสองคนตื่นมาในยามเหม่า หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองคนรีบไปตักน้ำมารดผักที่ปลูกเอาไว้ก่อนหน้านี้ รดน้ำผักจนเสร็จแล้วทั้งสองคนถึงได้มากินมื้อเช้าที่พี่สะใภ้เตรียมเอาไว้ให้“พี่สะใภ้ วันนี้ข้าสองคนขอไปช่วยงานที่บ้านท่านยายเหลียนนะเจ้าคะ”“ได้สิ พวกเจ้าไปเถอะ ข้าเองก็จะเข้าป่ากับท่านพ่อและท่านลุง หากเจ้าสองคนอยู่บ้านข้ากลัวว่าป้าสะใภ้จะมาหาเรื่องรังแกพวกเจ้าตอนข้าไม่อยู่”“พี
เว่ยเจี้ยนป๋อรีบไปตัดไม้มาทำคานหาม เหลียนอี้ปิงเองก็รีบกุลีกุจอเข้าไปช่วยอีกแรง ด้วยความร่วมมือของทั้งสองคนไม่นานหมูดำตัวเขื่องก็ถูกมัดเท้าทั้ง 4 ข้างเข้ากับไม้ จากนั้นทั้งสองคนยกขึ้นพาดบ่าทันทีเว่ยเจี้ยนป๋อกับเหลียนอี้ปิงรีบหามหมูดำออกจากป่าทันทีโดยมีเว่ยจื้อโหยวแบกหมูดำที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าตัวที่พ่อกับลุงของนางหาม เว่ยจื้อโหยวสาวเท้าเดินออกจากป่าด้วยความเร่งรีบ นางจะรีบออกจากป่าเพื่อที่จะได้นำหมูป่าไปขายในวันนี้ ถ้าหากนำไปขายในวันพรุ่งนี้นางกลัวว่าหมูดำจะไม่สดและกลัวว่าราคาจะไม่ดี“ท่านพ่อเจ้าคะ ไหวหรือไม่เจ้าคะ แล้วท่านลุงเล่าเจ้าคะไหวไหม”“ไหว ๆ พวกเราไหว อาโหยวไม่ต้องเป็นห่วง รีบเดินเถอะลูก”“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าคิดว่าท่านพ่อกับท่านลุงควรจะเดินไปที่บ้านท่านยายเลยนะเจ้าคะ ให้ชาวบ้านได้เห็นว่าวันนี้ท่านพ่อกับท่านลุงได้หมูดำมา เวลาบ้านเรามีเงินขึ้นมาชาวบ้านจะได้ไม่ต้องมาตั้งข้อสงสัย ส่วนข้าจะกลับไปรอที่บ้าน ท่านพ่อค่อยเอาเกวียนมารับหมูดำอีกตัวไปขายด้วยกัน”“ได้ ตกลงตามนั้น พี่ใหญ่เห็นด้วยหรือไม่ขอรับ”“ข้าเห็นด้วย เดิมทีชาวบ้านพวกนี้ก็อิจฉาตาร้อนอยู่แล้วจะได้ไม่ต้องมีคนเอาไปพูดในทางที
ตลอดเวลาสามวันที่ผ่านมาเว่ยจื้อโหยวปลูกผักในที่ดินรอบ ๆ บ้านของนาง และปลูกผลไม้ที่นางขุดเอาต้นเล็ก ๆ กลับมาจากป่า ตอนนี้นางเริ่มว่างงานอีกแล้วเว่ยจื้อโหยวเดินไปบ้านท่านยายดูว่าพอจะมีอะไรให้นางช่วยหรือไม่ ตอนนี้ที่ดินที่ท่านลุงกับท่านพ่อซื้อมาใหม่นั้นได้จ้างชาวบ้านมาช่วยกันแผ้วถางเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงล้อมรั้วรอบที่ดินทั้งหมดด้วยท่านพ่อเข้าไปติดต่อช่างในเมืองมาสร้างบ้านและจ้างชาวบ้านบางส่วนด้วยเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็อยากจะสร้างบ้านใหม่เพียงแต่ว่าตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่ รอให้บ้านท่านพ่อสร้างเสร็จเสียก่อนนางค่อยสร้างบ้านของตัวเองเว่ยจื้อโหยววางแผนที่จะทำกำแพงดินล้อมรอบบ้านและที่ดินทั้ง 3 หมู่ ส่วนที่ดินที่นางต้องการซื้อเพิ่มนางต้องการจะล้อมรั้วให้สูงขึ้นกว่าเท่าตัว เพราะนางกลัวคนบ้านเฉียนเข้ามาขโมยพืชผลในสวนของนาง“ท่านแม่ ท่านยายมีอันใดให้ข้าช่วยหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่มีอันใดให้เจ้าช่วยแล้ว เจ้ากลับไปนอนพักผ่อนที่บ้านเถอะ ส่วนผ้าที่พ่อเจ้าซื้อมาเมื่อคราวก่อนประเดี๋ยวแม่กับป้าสะใภ้ของเจ้าจะตัดชุดให้เจ้ากับน้องสามีของเจ้าก่อน”“ขอบพระคุณท่านแม่เจ้าค่ะ แล้วท่านพ่อกับท่านลุงเล่าเจ้าค
เว่ยจื้อโหยวมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของตัวเองด้วยความตื่นเต้น นี่มันไม่ใช่มันฝรั่งหรอกหรือ แล้วนั่นมันไม่ใช่ฉั่งฉิกหรือ โอ๊ะ ปุ๊บปั๊บรับโชคสองชั้นเลย เว่ยจื้อโหยวลงมือขุดมันฝรั่งทั้งหมดโยนเข้าไปในมิติ จากนั้นนางจึงลงมือเด็ดใบฉั่งฉิกและดอกฉั่งฉิกทั้งหมดใส่เข้าไปในมิติด้วยเช่นเดียวกัน หลังจากจัดการใบและดอกเสร็จแล้วนางก็กลับมาจัดการขุดรากถอนโคนต้นฉั่งฉิกอีกรอบเสร็จแล้วก็นำเข้าไปเก็บในมิติเช่นเดียวกันส่วนฉั่งฉิกที่ยังไม่โตเต็มที่นางก็ขุดเอาทั้งหมดเข้าไปปลูกเอาไว้ในพื้นที่อันแห้งแล้งในมิติของนางทันที ขอเพียงรดด้วยน้ำแร่นางเชื่อว่าฉั่งฉิกพวกนี้จะสามารถเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีระหว่างที่นางเข้ามิติไปปลูกฉั่งฉิก นางก็แวะดูหมาป่าที่บาดเจ็บด้วย ตอนนี้ร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยบาดแผล จึงทำได้แค่เพียงนอนนิ่ง ๆ เท่านั้นเว่ยจื้อโหยวไม่ได้สนใจพวกมัน ส่วนลูกหมาเล็ก ๆ ทั้งสี่ตัวนั้นก็คลานไปทั่วตามประสาหมาเด็กแรกเกิดกำลังซน เมื่อนางจัดการทุกอย่างในมิติเสร็จเรียบร้อยแล้วนางก็กลับออกจากมิติและเดินกลับบ้านระหว่างทางกลับบ้านนางก็แวะตรวจดูกับดักที่นางวางเอาไว้ กับดักของนางวันนี้ผลการเก็บเกี่ยวไม่เลวเช่นเด
ระหว่างทางเข้าเมืองสองพ่อลูกพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เว่ยเจี้ยนป๋อดีใจมากที่เขาตัดสินใจแยกบ้านและพาครอบครัวย้ายมาอยู่บ้านเดิมของภรรยา ลูกสาวเขามีชีวิตที่ดีขึ้นทุกวันและยังนำพาให้เขาและพี่ชายภรรยาอยู่สุขสบายไปด้วย ที่สำคัญลูกสาวของเขามีความสุข ถึงแม้ว่านางจะต้องแต่งงานไปอย่างรวดเร็วก็ตามที“อาโหยวเข้าป่าก็ระวังตัวให้ดีนะลูก ตอนนี้พวกเราพอจะมีเงินขึ้นมาบ้างแล้วไม่ได้ขัดสนเหมือนเมื่อก่อน ไม่จำเป็นลูกอย่าเข้าป่าลึกให้มาก”“เจ้าค่ะท่านพ่อ แต่ท่านพ่อเจ้าคะเข้าป่าลึกก็ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ ข้าเอาตัวรอดได้ ท่านพ่อข้าอยากให้ท่านพ่อสร้างบ้านพักคนงานเอาไว้ในที่ดินที่ท่านพ่อซื้อมาใหม่ด้วยนะเจ้าคะ เราจะหาคนมาช่วยท่านพ่อทำนา ต่อไปข้าคิดจะทำการค้าหากว่าสงครามสงบลงแล้ว ท่านพ่อจะต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ส่วนน้อง ๆ ก็ให้ส่งไปอยู่สถานศึกษาให้หมด หากจะให้ดี ท่านพ่อรีบมีน้องให้ข้าอีกคนดีหรือไม่เจ้าคะ ท่านแม่จะได้ไม่เหงาด้วยหากน้องชายทั้งสองคนไม่อยู่” “ทำการค้าหรือ หากเจ้าอยากทำพ่อจะสนับสนุนเจ้าเอง แต่เรื่องมีน้องเอาไว้รอบ้านใหม่เสร็จก่อนนะลูก ตอนนี้ทำอะไรได้ไม่สะดวก แต่อย่าได้ไปพูดกับแม่ของเจ้าเชียวล่ะ มีหวังพ่อไ
สองคนพ่อลูกขับเกวียนกลับบ้านด้วยความเบิกบาน เว่ยจื้อโหยวอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก วันนี้นางหาเงินได้ 138 ตำลึงทองกับอีก 5 ตำลึงเงิน และเงินส่วนแบ่งจากการขายปลาในตอนเช้าอีก 5 ตำลึงเงิน ด้วยรายได้ในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 5 ตำลึงเงินนั้น นับว่าเป็นเงินที่ไม่น้อยเลย พรุ่งนี้เว่ยจื้อโหยวให้ท่านพ่อไปซื้อที่ดินให้นางเพิ่ม จากนั้นนางจะเข้าเมืองเพื่อว่าจ้างช่างมาสร้างบ้าน นอกจากนี้ยังต้องจ้างชาวบ้านล้อมรั้วด้วย นางต้องการซื้อที่ดินที่อยู่ติดกับบ้านของนางในตอนนี้ยาวไปถึงชายป่าเชิงเขาเว่ยจื้อโหยวต้องการจะปลูกผัก ปลูกผลไม้และเลี้ยงสัตว์ ปลูกข้าวเอาไว้กินและขายด้วย ในเมื่อนางสามารถปลูกพืชผักได้ดีกว่าคนอื่นเช่นนั้นนางจะปลูกให้มากหน่อยจะได้นำไปขายในเมืองและต่างเมืองในอนาคต“ท่านพ่อเจ้าคะ พรุ่งนี้หลังจากที่ท่านพ่อกลับจากส่งปลาแล้ว ท่านพ่อช่วยไปซื้อที่ดินเพิ่มให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ”“ได้สิ เจ้าต้องการที่ดินมากขนาดไหนหรืออาโหยวพ่อจะได้จัดการให้เสียทีเดียว”“ข้าต้องการที่ดินที่ติดกับบ้านสามีข้าทั้งด้านซ้ายด้านขวาและยาวไปจนถึงชายป่าเชิงเขาเจ้าค่ะท่านพ่อ”“มากมายถึงเพียงนั้นเชียวรึ”“ไม่มากเท่าไหร่เจ้าค่ะ ในอนาค
หลังจากเหลียนอี้หลุนแต่งภรรยาเข้าบ้านได้ไม่นาน หยวนจิ้งเองก็พบรักเข้ากับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านแถบชานเมือง นางเป็นบุตรสาวพรานป่าที่มีนิสัยใจคอกล้าหาญไม่ต่างไปจากน้องสะใภ้อย่างเว่ยจื้อโหยว ที่สำคัญนางเป็นคนจิตใจดี หยวนจิ้งแต่งภรรยาได้ไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ทันที ต่างจากอี้หลุนที่ไม่ว่าจะทำยังไง ภรรยาก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ส่วนภรรยาของกู้ตงและสหายทั้งสองตอนนี้ตั้งครรภ์แล้วเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็กำลังจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยความพยายามของอี้หลุนในที่สุดภรรยาก็ตั้งครรภ์เสียที เซี่ยเหิงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าคนอื่น อ้ายหลินเองก็ท้องโตและกำลังใกล้คลอดตามเว่ยจื้อโหยวมาติด ๆ หมู่บ้านต้าลี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เว่ยเจี้ยนป๋อได้เป็นบิดาของจอหงวนฝ่ายบุ๋น อวิ๋นเซียวนั้นมีน้องชายเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ อวิ๋นเฟยกับหย่งคังก็มีลูกชายหญิงให้บิดามารดาได้เลี้ยงหลานไม่เหงา ทำเอาลุงใหญ่อย่างเหลียนอี้ปิงอิจฉาตาร้อนไปหมดเจ้าแฝดต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า หลังจากมารดาคลอดน้อง ๆ แล้วทั้งสองคนจะเข้าไปศึกษาที่เมืองหลวงตามที่รับปากกับท่านลุงเฟยหลงเอาไว้ เว่ยจื้อโหยวมีความสุขที่ได้อยู่กับลู
เหลียนอี้หลุนตอนนี้กำลังชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะทำตามใจตัวเองหรือจะยอมเดินออกมาอย่างเช่นที่เคยทำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่พึงใจในตัวม่านหลิน เพียงแต่เขาคิดว่าตัวเองมีชาติกำเนิดต่ำต้อย บิดามารดาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เจ้าเมืองเตี้ยนถงเองไม่เคยคิดดูถูกชาติกำเนิดของเหลียนอี้หลุนอย่างที่ตัวอี้หลุนเข้าใจ ที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกุเรื่องว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของสหายของนางนั้นเพื่อกระตุ้นให้อี้หลุนรู้ใจตัวเองเพียงเท่านั้น เหลียนอี้หลุนทำหน้าที่คุ้มกันขบวนสินค้ามานานแล้วและนางเองก็รู้ดีว่าเขาพึงใจในตัวบุตรสาวคนเล็กของนาง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้ง แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเช่นนางกับสามีนั้นมีหรือจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดเช่นไรกับบุตรสาวของตัวเอง ม่านหลินนั้นตกหลุมรักเหลียนอี้หลุนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงในสายตาคนอื่นนางเป็นคุณหนูจวนขุนนางที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นอกจากวิ่งออกไปเที่ยวตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหาร งานเย็บปักและการต่อสู้ไม่ได้ด้อยเลย ม่านหลินเองก็เริ่มถอดใจแล้วเช่นเดียวกัน นางคิดว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จ ขนาดที่นาง
หมู่บ้านหนานซานตอนนี้ข่าวการกลับมาของสามสหายปากร้ายแห่งหมู่บ้านหนานซานที่กลับมาจากเมืองหลวงพร้อมทั้งนำภรรยากลับมาด้วยเป็นที่เลื่องลือไปสี่หมู่บ้านยี่สิบลี้เลยก็ว่าได้ชาวบ้านหลายคนต่างไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษปากคมเช่นสามคนนั้นจะสามารถแต่งภรรยาจากเมืองหลวงกลับมาได้ อีกทั้งเหล่าภรรยายังเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่มาพร้อมกับสินเดิมมากมายและเช้าวันนี้หลังจากที่ส่งสามีออกไปทำงานแล้วเหล่าสะใภ้ทั้งสามก็นัดแนะกันเข้าป่าล่าสัตว์หาของป่าดังเช่นชาวบ้านทั่วไป ทั้งสามคนคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานมาอยู่หมู่บ้านหนานซานแห่งนี้“ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่สะใภ้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ป่านี้เสวี่ยเหลียนกับซินเหมยคงมารอแล้ว” ม่อจื่อ“จื่อเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะ อย่าเข้าป่าลึกมากนัก บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดอย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย เข้าใจหรือไม่” แม่สามีบอกลูกสะใภ้ชาวเมืองอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”ผิงม่อจื่อหลังจากบอกลาแม่สามีแล้วก็มุ่งหน้ามาที่จุดนัดหมายที่มีสหายสองคนรออยู่ที่ทางขึ้นเขาท้ายหมู่บ้าน เส้นทางนี้ชาวบ้านในหมู่บ้า
หลังจากผ่านพ้นการแต่งงานแบบที่แปลกประหลาดไปแล้ว สี่หนุ่มแห่งหมู่บ้านต้าลี่ต่างได้ภรรยากลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนอกเหนือจากของฝากที่พวกเขาซื้อเอาไว้มากมายเพราะทั้งสี่คนแต่งงานแล้วและภรรยายังตามสามีกลับไปด้วย ขากลับทำให้มีขบวนรถม้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เว่ยจื้อโหยวเองถึงแม้จะดีใจที่เจ้าพวกลิงทโมนทั้งสี่ในที่สุดก็รู้จักแต่งภรรยามีครอบครัวเสียทีจะได้ไม่ต้องรวมหัวกันไปทำเรื่องอะไรพิเรน ๆ อีก แต่ดูท่าทีภรรยาของแต่ละคนแล้ว เว่ยจื้อโหยวคิดว่าคงมีเรื่องปวดหัวตามมาอีกไม่น้อย “เดินทางปลอดภัยนะ อาเซียวน้องสะใภ้” เฟยหลง“ขอบคุณขอรับพี่รอง ท่านกลับไปดูแลพี่สะใภ้กับหลานชายเถอะไม่ต้องเป็นห่วง” อวิ๋นเซียว“เจ้าแฝดไม่อยู่กับลุงที่เมืองหลวงหรือ” เฟยหลงถามหลานชาย“ไม่ขอรับ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อทำงาน เอาไว้ถึงเวลาเข้าสำนักศึกษาแล้วค่อยมาอยู่กับท่านลุงที่เมืองหลวงขอรับ แต่ต้องรอให้ท่านแม่มีน้องก่อนนะขอรับ เพราะหากพวกเราสองคนมาอยู่ที่เมืองหลวงข้ากลัวท่านแม่จะเหงา” ต้าเป่า“ได้ เช่นนั้นลุงรองจะสร้างเรือนเอาไว้ให้พวกเจ้าสองคนนะ เอาติดกับเรือนของน้องชายเลยดีหรือไม่”“ดีขอรับ ท่านลุงรักษาตัวด้วยนะขอรับ เอาไว้ต้าเ
เวลาผ่านไปอีกสองวันก็มีข่าวออกมาว่าชุยต้าหวังพร้อมนางจินซื่อถูกจับข้อหาร่วมมือกันทำให้อดีตภรรยาเอกถึงแก่ความตาย และยึดเอาสินเดิมภรรยาพร้อมทั้งใส่ความบุตรที่เกิดกับภรรยาเอกให้มีความผิดและส่งขายไปเป็นทาสหลวงหลังจากเจ้าหน้าที่ทางการสอบสวนแล้วนางจินซื่อสารภาพว่าเป็นคนวางยาอดีตภรรยาเอกเพื่อต้องการขึ้นมาเป็นภรรยาเอกแทน ส่วนชุยต้าหวังมีความผิดฐานยึดเอาสินเดิมภรรยาและขายลูกชายทั้งสี่ไปเป็นทาส ด้วยเหตุนี้นางจินซื่อมีโทษประหารข้อหาฆ่าคนตาย ชุยต้าหวังมีโทษจำคุก 30 ปี ส่วนลูกชายอย่างชุยตงหลางนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่บิดามารดาได้กระทำลงไปจึงไม่มีความผิด ลูกสาวอย่างชุยรุ่ยเอ๋อร์นั้นมีส่วนรู้เห็นและร่วมมือกับมารดาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกันทางการได้คืนสินเดิมของมารดาชุยต้าทั้งหมดให้กับพวกเขาสี่พี่น้อง ชุยต้าเองย่อมรู้ว่าเป็นฝีมือของฮูหยิน แต่พวกเขาไม่ยินดีที่จะอยู่เมืองหลวงอีกต่อไป เพราะต่างก็ตั้งใจลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านต้าลี่แล้ว ชุยต้ากลับไปคงต้องคุยกับพี่น้องของตัวเองเรื่องสินเดิมมารดาที่เหลือไม่มากแล้วเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชุยต้าหวังและนางจินซื่
หย่งซีและชุยต้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับที่เว่ยจื้อโหยวกลับมาจากวังหลวงเช่นเดียวกัน หย่งซีใบหน้าบูดบึ้งเดินกระแทกเท้าตึง ๆ เข้าไปหาพี่สาวเพื่อบอกกับนางว่าเขาและชุยต้าถูกคนรังแกอย่างไรบ้าง“เป็นอะไรเสี่ยวซีทำไมหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้น ใครทำอะไรให้โมโหมาหรือ” เว่ยจื้อโหยวถามน้องชาย“ก็วันนี้ข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองมาแล้วไปเจอยายป้าปากแดงอยู่ ๆ ก็เข้ามาด่าว่าพี่ชายชุยต้ากับข้า แถมยังบอกว่าพี่ชายชุยต้าเป็นอดีตพี่ชายของนาง เท่านั้นยังไม่พอนางยังด่าว่าเป็นทาสด้วย เป็นทาสอะไรกันไม่ได้เป็นทาสเสียหน่อย”“ใครกันน่ะ เหตุใดถึงได้กล้าด่าคนอื่นกลางตลาดขนาดนั้น ไม่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีแล้วไม่มีใครมาสู่ขอหรือ แถมเป็นสตรีด้วย”“ข้าไม่รู้หรอกพี่ใหญ่ รู้แค่ว่านางไม่สวย ทาหน้าขาวโพลนแถมยังปากแดงอีกด้วย ใครจะไปสนใจกันว่านางเป็นใคร ไม่ได้รู้จักแต่เข้ามาด่า นางบอกว่าพี่ชุยต้าเป็นอดีตพี่ชาย”“สรุปที่เจ้าโมโหขนาดนี้ แม่นางผู้นั้นด่าเจ้าหรือด่าชุยต้า” “ด่าข้าด้วย ด่าพี่ชายชุยต้าด้วย นางด่าข้าว่าไอ้เด็กเหลือขอ พ่อแม่ไม่สั่งสอน” หย่งซีหน้างอตอบพี่สาว“ตกลง ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะไปถามชุยต้าเดี๋ยวพี่สาวจะจัดก
หลังจากที่ราชครูเถียนได้ตัดสินใจออกไปแบบนั้นแล้ว เขาไม่เสียใจที่ต้องทำเช่นนี้ หาไม่แล้วตระกูลเถียนคงได้ล่มสลายเพราะสตรีสมองหมูสองคนนี้เป็นแน่ เถียนเสี่ยวมี่ไม่ยินยอมจึงได้โวยวายว่าบิดาไม่ยุติธรรม“ท่านพ่อ ท่านจะมาทำแบบนี้กับข้าและท่านแม่ไม่ได้ เหตุใดเราสองแม่ลูกจะต้องไปอยู่ที่หมู่บ้านบรรพบุรุษด้วยเจ้าคะ การที่ลูกรักพี่จิ้งลูกผิดหรือเจ้าคะ”“ผิด เพราะหยวนจิ้งไม่ได้มีไมตรีต่อเจ้า การที่เจ้าไปวิ่งตามหยวนจิ้งแบบนั้นนอกจากจะด้อยค่าตัวเองแล้วยังทำลายเกียรติของตระกูลเถียนด้วย เจ้าไม่รู้สึกอับอายผู้คนบ้างหรือ”“ท่านพี่ ให้โอกาสเราแม่ลูกสักครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ ต่อไปข้าจะดูแลมี่มี่ให้ดี จะไม่ให้ออกไปก่อเรื่องได้อีก”“ข้าตัดสินใจแล้ว การกระทำของเสี่ยวมี่ที่ผ่านมามันบ่งบอกได้ถึงว่านางไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดี ตัวข้าเป็นขุนนางตำแหน่งราชครู แม้แต่ลูกสาวของตัวเองยังสั่งสอนไม่ได้แล้วข้าจะมีหน้าไปสั่งสอนผู้อื่นได้เช่นไร พวกเจ้าสองแม่ลูกอย่าลืมว่ายังมีลูกชายทั้งสองคนที่เป็นขุนนางอนาคตไกล อย่าให้การกระทำสิ้นคิดของเจ้ามาทำลายตระกูลเถียนและหน้าที่การงานของทุกคน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าให้ได้ปรับปรุงตัวเ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้หยวนจิ้งอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก หลังจากส่งหลาน ๆ กลับจวนแม่ทัพแล้ว ตัวเขาเองก็มุ่งหน้ากลับจวนกั๋วกงทันทีหยวนจิ้งกลับมาถึงก็ตรงไปที่เรือนของฮูหยินทันที เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เขาไม่อาจใจเย็นได้อีก ก่อนจะจัดการคนอื่นต้องจัดการคนในครอบครัวก่อน คนแรกคือท่านแม่ของเขาเอง“ท่านแม่อยู่หรือไม่”“อยู่เจ้าค่ะคุณชาย กำลังสนทนาอยู่กับฮูหยินท่านราชครูเจ้าค่ะ”“ขอบใจ มีอะไรก็ไปทำเถอะ"“เจ้าค่ะคุณชาย”หยวนจิ้งเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้าไปหาผู้เป็นมารดาที่ตอนนี้นั่งคุยกันอย่างออกรสอยู่กับฮูหยินจวนราชครู หยวนจิ้งเองไม่คิดจะไว้หน้าอยู่แล้ว ในใจเขาคิดว่าดีแล้วจะได้ไม่ต้องไปถึงจวนราชครู หวังว่าฮูหยินจะกลับไปสั่งสอนลูกสาวหรือตัวฮูหยินเองที่ต้องหยุดการกระทำทุกอย่างและอย่าได้คิดมาเล่นแง่หาข้ออ้างอะไรอีก แม้แต่ท่านแม่ของตัวเองวันนี้หยวนจิ้งเองก็ไม่คิดจะอ่อนข้อให้“คารวะท่านแม่ขอรับ คารวะฮูหยินท่านราชครู"“อ้าว อาจิ้งทำไมกลับมาไวนักล่ะลูก ไหนว่าไปที่ตำหนักองค์ชายสามไม่ใช่หรือ” “อุ๊ย ดูพูดเข้าสิ หลานจิ้งฮูหยงฮูหยินอะไรกัน เรียกท่านป้าเถอะจ้ะ” ฮูหยินราชครู“ไม่ล่ะขอรับ ข้าไม่ส
เว่ยจื้อโหยวพาลูก ๆ และสามีเดินทางรอนแรมจากหมู่บ้านต้าลี่ในที่สุดก็ถึงเมืองหลวงเสียที คนที่มารอรับพวกเขาอยู่นอกประตูเมืองคือเฟยหลงกับหยวนจิ้ง เด็กน้อยทั้งสี่ต่างขดตัวนอนหลับอยู่ภายในรถม้ากับพี่เลี้ยงสี่ขาทั้งสี่เฟยหลงพาน้องชายนอกสายเลือดที่เขารักไม่ต่างจากคนสายเลือดเดียวกันเข้าไปพักที่จวนแม่ทัพ ก่อนหน้านั้นหลายปีจวนแม่ทัพแห่งนี้มีอวิ๋นซวนกับหย่งคังและหย่งหมิงพักอยู่ ถึงแม้ตอนนี้จะมีเพียงหย่งหมิงกับอวิ๋นซวนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาเล่าเรียนในสถานศึกษาหลวง“ถึงแล้ว ที่นี่ล่ะ ตอนนี้อาซวนกับอาหมิงคงยังไม่กลับจากสถานศึกษา” หยวนจิ้ง“พาหลาน ๆ ไปนอนในห้องหับเสียก่อน เดินทางมาไกล ต้าเป่ากับน้อง ๆ คงเหนื่อยแย่” เฟยหลง “ขอรับพี่ใหญ่ พี่รอง” อวิ๋นเซียว"เอาล่ะ ซ้ายมือเป็นเรือนของอาเหิงกับครอบครัว ส่วนอาเซียวอยู่เรือนหน้าก็แล้วกัน เรือนด้านขวานั้นอาหมิงกับอาซวนพักอยู่ก่อนแล้ว ส่วนพวกเจ้าที่เหลือไปพักอยู่ที่เรือนหลังก็แล้วกัน" เฟยหลงแจกแจงที่พักหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายเข้าเรือนพักเรียบร้อยแล้ว รถม้าทั้ง 10 คันก็เขาไปจอดเรียบร้อยที่พื้นที่ด้านหลังของจวน ม้าเองก็ต้องการพักผ่อนเช่นเดียวก