กวางตัวใหญ่เสี่ยวเอ้อร์นำไปชั่งน้ำหนักได้ถึง 500 ชั่ง พร้อมกับนำเขาที่ตัดออกมาส่งให้กับเว่ยเจี้ยนป๋อ กวาง 500 ชั่งที่ลูกสาวแสนบอบบางแบกออกมาจากป่า เว่ยเจี้ยนป๋อคิดแล้วให้เจ็บปวดนักเขาเองก็รักลูกสาวมาก เหตุใดลูกสาวเขาถึงทำงานหนักขนาดนี้ คิดแล้วช่างปวดใจนัก
“นี่ขอรับเขากวางของพวกท่าน ส่วนนี่เป็นเงิน 500 ตำลึงเงิน เป็นตั๋วแลกเงินใบละ 100 ตำลึง 5 ใบ พวกท่านตรวจดูก่อน”
“ขอบใจเจ้ามาก เช่นนั้นข้าสองคนลานะขอรับหลงจู๊”
“อืม อย่าลืมนะ หากมีของดีอย่าลืมนึกถึงเหลาของข้า”
“ขอรับพวกเราไม่ลืมท่านแน่ ๆ ขอรับ” เหลียนอี้ปิงรับคำหนักแน่น
“พี่ใหญ่เรารีบเอาเขากวางนี่ไปขายก่อนเถอะขอรับ จะได้รีบกลับบ้านประเดี๋ยวจะมืดค่ำไปเสียก่อน”
“ตกลง”
ทั้งสองคนนำเขากวางมาขายให้กับโรงหมอตามคำแนะนำของหลงจู๊ เขากวางที่พวกเขานำมาเป็นเขากวางอ่อนที่ที่โรงหมอต้องการมานาน เขากวางอ่อนสามารถนำมาเพิ่มในเทียบยาได้หลายขนานและเขากวางอ่อนหายากไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถหาเขาที่ไม่อ่อนเกินไปและแก่เกินไป เขากวางที่ทั้งสองคนนำมานับว่าเหมาะสมมาก
“เขากวางอ่อนนี้มีขนาดใหญ่สมบูรณ์ดีมาก อีกทั้งยังหายากมากพวกเจ้าช่างโชคดีจริง ๆ ที่สามารถหาเขากวางที่มีอายุพอเหมาะแก่การทำยาอีกทั้งเขาใหญ่และยาวขนาดนี้ โรงหมอของเราเองก็โชคดีเช่นกันที่พวกเจ้านำเขากวางนี้มาขายให้เรา ต่อไปจะได้มียาดี ๆ เอาไว้รักษาผู้คน”
“ขอรับ เราเองก็โชคดีเช่นเดียวกันขอรับ” เว่ยเจี้ยนป๋อ
“เช่นนั้นเขากวางทั้งสองข้างนี้ ข้าให้ข้างละ 5 ตำลึงทอง เจ้าจะตกลงขายหรือไม่”
“ข้ายินดีขายขอรับ”
“เช่นนั้นรอสักครู่ ข้าจะไปเอาเงินที่ห้องบัญชีมาให้ เจ้าจะรับเป็นก้อนเงินหรือตั๋วเงินดีล่ะ”
“ขอเป็นตั๋วแลกเงินขอรับ”
“ได้ เจ้ารอสักครู่”
หลังจากได้รับเงินค่าเขากวางแล้ว ทั้งสองคนไม่รอช้ารีบบังคับเกวียนมุ่งหน้ากลับบ้านทันที เงิน 20 ตำลึงทองยังนอนร้อนอยู่ในอกเสื้อของเว่ยเจี้ยนป๋อ เขาไม่คิดว่าภายในวันเดียวกันนี้ลูกสาวของเขาจะสามารถทำเงินได้มากมายขนาดนี้ เงินที่ได้จากการขายปลาเมื่อเช้านี้ 10 ตำลึง และเงินที่ได้จากการขายไก่ป่าและกระต่ายป่าอีก 1 ตำลึง
“เร่งฝีเท้าหน่อยขอรับพี่ใหญ่ ข้าใจคอไม่ดี”
“ได้ ข้าเองก็ไม่ต่างจากเจ้าเช่นเดียวกัน”
เมื่อทั้งสองคนเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นพวกเขาบังคับเกวียนไปที่บ้านของเว่ยจื้อโหยวทันที
“อาโหยว พ่อกลับมาแล้ว”
“ท่านพ่อ ท่านลุง มาเหนื่อย ๆ มานั่งกินน้ำก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะไปยกน้ำมาให้”
“ขอบใจเจ้ามาก”
ทั้งสองคนนั่งรออยู่ที่โต๊ะใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน ใช้เวลาไม่นานเว่ยจื้อโหยวก็ยกน้ำที่นางแอบผสมน้ำแร่เอาไว้ออกมาให้ท่านพ่อและท่านลุงของนางดื่ม
“เป็นเช่นไรเจ้าคะท่านพ่อ ท่านลุง ขายได้ราคาดีหรือไม่เจ้าค่ะ”
“ได้ราคาดีมากเลยล่ะอาโหยว อีกทั้งพวกเรายังเอาเขากวางไปขายที่โรงหมอด้วยล่ะ ได้ราคาดีมากเลยล่ะ”
“จริงหรือเจ้าคะท่านพ่อ เช่นนั้นก็ดีมากเจ้าค่ะเอาไว้ข้าจะไปล่ามาอีก”
“เจ้ายังจะเข้าป่าไปอีกหรือ ลุงว่าเอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ลุงกับพ่อของหลานจะรีบเอาปลาไปส่งแต่เช้ามืด จากนั้นกลับมาค่อยเข้าป่าเป็นเพื่อนเจ้า ในระหว่างที่เจ้ารอปลูกผักที่สวน งานที่แปลงนาก็ไม่มีอะไรแล้วท่านป้าสะใภ้กับท่านแม่ของเจ้าสามารถดูแลไหว ทั้งยังมีน้อง ๆ ของเจ้าอีก”
“เอาเช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”
“นี่เป็นเงินที่ขายได้ทั้งหมดของวันนี้ 10 ตำลึงค่าปลา 2 ตำลึง ค่าไก่และกระต่ายของเจ้า 5 ตำลึงทองสำหรับกวาง และนี่อีก 10 ตำลึงทองที่ได้จากการขายเขากวาง” เว่ยเจี้ยนป๋อ ทำการแจกแจงถึงที่มาของรายได้วันนี้
“เช่นนั้นก็คนละ 5 ตำลึงทอง กับอีก…” เว่ยจื้อโหยวยังพูดไม่จบเหลียนอี้ปิงก็เอ่ยปากขัดหลานสาว
“เจ้าจะแบ่งเงินค่าขายกวางให้พวกเราไม่ได้ เจ้าเป็นคนล่ามา”
“ไม่ได้นะเจ้าคะท่านลุง เราตกลงกันแล้วว่าจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน หากเป็นเช่นนี้ครั้งหน้าข้าไม่กล้ารบกวนท่านพ่อกับท่านลุงแล้ว”
“เจ้าพูดอะไรจะรบกวนได้ยังไง พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่ก็พ่อของเจ้า ลุงเองก็เป็นลุงแท้ ๆ ของเจ้า หากเราแบ่งกันเช่นนี้ไม่ใช่ว่าข้าสองคนเอาเปรียบเจ้าหรือ”
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าเต็มใจ เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อไปนี้พวกเราจะอยู่ดีกินดี มีอนาคตที่ดีไปด้วยกัน ท่านลุงกับท่านพ่อเก็บเงินเอาไว้เถอะนะเจ้าคะ จะได้มีเงินซื้อที่ดินเพิ่ม ต่อไปเราจะปลูกผัก ผลไม้ และข้าว จะได้ไม่ต้องซื้อกิน หน้าหนาวเราจะได้ไม่ขาดแคลนอาหาร ข้าอยากให้ท่านพ่อส่งน้องชายทั้งสองเรียนหนังสือด้วยเจ้าค่ะ ส่วนข้าจะให้อาซวนไปเรียนด้วยเช่นเดียวกัน”
“เช่นนั้นก็ตกลงตามที่อาโหยวว่าเถอะขอรับพี่ใหญ่ หลานมีใจกตัญญูท่านก็รับเอาไว้เถอะ”
“เช่นนั้นลุงจะรับเอาไว้ก็ได้ ขอบใจเจ้ามากนะอาโหยว”
“ข้าเต็มใจเจ้าค่ะ ต่อไปพวกเราจะอยู่ดีกินดี ท่านพ่อกับท่านลุงรู้ราคาหมูป่าดำหรือไม่เจ้าคะ”
“พ่อไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่ แต่แพงกว่าเนื้อกวางเพราะหมูป่าดำดุร้ายมาก และพวกมันอาศัยอยู่แต่ในป่าลึก ไม่เคยมีใครล่าได้นานแล้ว”
“นี่อาโหยวที่เจ้าถามมานี่ หรือว่าเจ้าคิดจะเข้าไปล่าหมูป่าดำหรือ”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านลุง วันนี้ข้าลองไปดูมาแล้ว พรุ่งนี้เราจะไปล่ามันกันเจ้าค่ะ ท่านลุงเชื่อมือข้าได้เลย”
“เจ้าแน่ใจหรือลูกว่าจะไหว”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านพ่อวางใจได้เลยเจ้าค่ะ ข้าสัญญาว่าหากเรามีเงินซื้อที่ดินและเงินปลูกบ้านแล้วข้าจะเข้าป่าให้น้อยลงเจ้าค่ะ”
“ได้ ตกลง พ่อจะไปกับเจ้า อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว”
“นั่นสิ เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น”
“ท่านพ่อ เช่นนั้นเงินก็แบ่งกันคนละ 5 ตำลึงทองกับ 4 ตำลึงเงินนะเจ้าคะ”
“ตกลงตามเจ้าว่าก็แล้วกัน ขอบใจลูกมาก เช่นนั้นพ่อกับลุงของเจ้ากลับบ้านก่อน เจ้าจะไปรับน้องสองคนเลยหรือไม่ หากไปก็ไปพร้อมกันเสียทีเดียวจะได้ไม่ต้องเดิน”
“ไปเจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าปิดบ้านสักครู่เจ้าค่ะ”
เว่ยเจี้ยนป๋อบังคับเกวียนกลับบ้านแม่ยายโดยมีลูกสาวนั่งไปด้วย เพื่อรับน้องชายน้องสาวสามีกลับบ้าน เด็กทั้งสองคนเป็นเด็กดีและรู้ความมาก ตลอดเวลาที่อยู่ที่บ้านตระกูลเหลียนทั้งสองคนไปช่วยถอนหญ้าในนาข้าวด้วยเช่นกัน
ยายเหลียนที่เห็นลูกชายกับลูกเขยขับเกวียนเข้ามาโดยมีหลานสาวนั่งมาด้วยนางจึงถามลูกชายว่าเหตุใดวันนี้ถึงกลับบ้านมาช้านัก ด้วยยายเหลียนกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น
“อี้ปิง เหตุใดวันนี้ถึงกลับมาช้านัก ขายของไม่ได้หรือ แล้วนี่อาโหยวมารับน้อง ๆ หรือลูก”
“เจ้าค่ะท่านยาย”
“พอดีว่าพวกข้าเข้าเมืองไปสองรอบขอรับท่านแม่ เลยกลับมาช้า”
“อ่อเช่นนั้นรึ แม่เองก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ตอนนี้พวกเจ้าออกจากบ้านก็ระวังตัวเอาไว้บ้าง แม่ได้ข่าวว่าคนจากหมู่บ้านเจียงสุ่ยโดนดักปล้นตอนขากลับจากเมือง”
“ขอรับท่านแม่ พวกข้าจะระวังตัวขอรับ”
“ไป ๆ เอาเกวียนเข้าไปเก็บหาน้ำหาหญ้าให้เจ้าสองตัวนี่กินเสียด้วยล่ะ ดูท่าคงจะหิวมากแล้ว”
“ขอรับท่านแม่” อี้ปิงรับคำมารดาแล้วก็แยกย้ายกันไป เจ้าล่อทั้งสองตัวนี้หลานชายทั้งสองตั้งชื่อให้มันว่าต้าเฟยกับต้าฟง
“ท่านยาย น้องทั้งสองไปที่ใดแล้วเจ้าคะ”
“อ่อ ไปช่วยแม่เจ้าถอนหญ้าออกจากแปลงนาประเดี๋ยวก็กลับมาแล้วล่ะ”
“เจ้าค่ะท่านยาย ประเดี๋ยวข้าเดินไปหาท่านแม่ที่แปลงนาเจ้าค่ะ แล้วท่านตาเล่าเจ้าคะ”
“เหอะ ตาของเจ้าตั้งแต่มีพ่อกับแม่ของเจ้าและน้อง ๆ มาช่วยงาน วัน ๆ ก็กลายเป็นตาแก่ว่างงานป่านนี้คงจะเดินไปโขกหมากรุกกับสหายในหมู่บ้านแล้วน่ะสิ”
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าไปหาท่านแม่กับป้าสะใภ้ก่อนนะเจ้าคะ”
“ไปเถอะ ๆ”
ความจริงแล้วเว่ยจื้อโหยวใช้ข้ออ้างนี้เพื่อนำน้ำแร่แอบไปเติมในโอ่งน้ำดื่มในบ้านและโอ่งน้ำทุกใบที่มีอยู่ในบ้านของท่านยาย นางแอบนำน้ำแร่ลงไปผสมทั้งหมด จากนั้นจึงมุ่งหน้าเดินไปยังแปลงนาของครอบครัว
ในตอนที่เดินมาถึงแปลงนาของครอบครัว ท่านแม่และทุกคนกำลังขึ้นจากแปลงนาเพื่อที่จะกลับบ้านเพราะวันนี้มีเด็กทั้งสองคนมาช่วยงานทำให้งานถอนหญ้าออกจากแปลงนาที่เหลืออยู่เสร็จเรียบร้อยพอดี พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันว่างเพราะงานในแปลงนาไม่มีอะไรให้ทำแล้ว
“ท่านแม่ ท่านป้าจะกลับแล้วหรือเจ้าคะ”
“อาโหยวมาได้เช่นไรลูก”
“ข้ามารับน้อง ๆ เจ้าค่ะ เลยถือโอกาสเดินมาหาท่านแม่กับท่านป้าด้วย”
“ต้องขอบใจน้องทั้งสองของเจ้าวันนี้ช่วยงานแม่กับป้าของเจ้าได้มาก ทำให้งานถอนหญ้านี้เสร็จแล้วล่ะ พรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรทำแล้ว”
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ ท่านแม่กับท่านป้าอยู่บ้านช่วยทำเสื้อผ้าใหม่ให้กับทุกคนได้หรือไม่เจ้าคะ รวมถึงของข้าและของอาซวนกับอาเฟยด้วย ข้าจะให้ท่านพ่อซื้อผ้ากลับมาด้วยพรุ่งนี้”
“ได้สิ แม่จะทำให้เต็มที่ ขอบใจเจ้าด้วยนะอาโหยวลูก”
“นั่นสิป้าเองก็ขอบใจเจ้าด้วยนะอาโหยว”
“ขอบใจทำไมกันเล่าเจ้าคะ พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าจะให้ท่านพ่อส่งน้องรองกับน้องเล็กเข้าโรงเรียนด้วยรวมถึงอาซวนก็ต้องไปเรียนด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าหากอาเฟยอยากเรียนเราค่อยหาว่าที่ไหนรับนักเรียนหญิงบ้าง”
“จริงหรือขอรับพี่ใหญ่ ที่พวกเราจะได้เรียนหนังสือกันแล้ว” เว่ยหย่งหมิง
“จริงสิ พี่ใหญ่เคยโกหกเจ้าหรือ”
“เย้ ๆ ข้าดีใจที่สุดเลย จะได้เรียนหนังสือแล้ว”
“พี่สะใภ้ข้าค่อยเรียนจากน้อง ๆ เอาก็ได้เจ้าค่ะ หากข้าไปเรียนแล้วใครจะช่วยงานท่าน”
“ข้าทำได้ งานที่บ้านมีอะไรให้ทำกัน หากอยากเรียนก็ไปเรียน ไม่ต้องห่วงเรื่องทางบ้านหรอก”
“เจ้าค่ะ ข้าขอบคุณพี่สะใภ้มากเจ้าค่ะ”
“ไป ๆ ไม่ต้องขอบคุณแล้วมันเป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องทำอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเรากลับบ้านกันเถอะ ท่านแม่ ท่านป้า ข้าพาน้อง ๆ กลับบ้านก่อนนะเจ้าคะ”
“ไปเถอะลูก ค่อย ๆ เดินล่ะ”
เว่ยจื้อโหยวพาน้องชายน้องสาวเดินกลับบ้านด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข นางคิดว่าต่อไปนี้ครอบครัวกำลังจะดีขึ้น อีกไม่นานนางจะต้องสร้างบ้านหลังใหม่ให้เสร็จก่อนหน้าหนาวที่จะถึงนี้แน่ ๆ
พรุ่งนี้ตอนเข้าป่านางจะหาดูว่าในป่าพอจะมีต้นงิ้วหรือไม่ หากมีนางจะเก็บเอาฝักงิ้วมาแกะเอานุ่นไว้ทำหมอน ผ้าห่ม ฟูกนอน คงนอนสบายขึ้นกว่านี้ ระหว่างเดินกลับบ้าน ทั้งสามคนเดินคุยกันมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เว่ยจื้อโหยวที่กำลังอารมณ์ดีกลับมาต้องอารมณ์เสียเพราะตอนนี้มีคนมาดักหน้าของนางสามพี่น้อง
“เจ้าเป็นใคร แล้วต้องการอะไรถึงต้องมาขวางทางข้า”
เฉียนเสี่ยวหลินที่แอบเดินตามเว่ยจื้อโหยวมาตั้งแต่นางและน้องทั้งสองคนเดินออกมาจากบ้านตระกูลเหลียน พอมาถึงในจุดที่ลับตาคนเฉียนเสี่ยวหลินถึงได้เดินออกมาขวางหน้าทั้งสามคนเอาไว้“เจ้าเป็นใคร มีธุระอะไรกับข้า เหตุใดถึงมาขวางหน้าข้าเอาไว้” เว่ยจื้อโหยวถามออกมาด้วยความแปลกใจ“ข้าเป็นใครอย่างนั้นหรือ ข้าก็คือคนที่ถูกเจ้าแย่งสามีไปเช่นไรเล่า” เฉียนเสี่ยวหลิน“ห้ะ!!! ข้านี่นะแย่งสามีเจ้า ข้าไปแย่งสามีเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่รึ แล้วสามีเจ้าที่ว่ามานี่คือผู้ใดหรือ”“เจ้าแย่งท่านพี่เซียวไปจากข้า เป็นเพราะเจ้า ยายของเจ้ายัดเยียดเจ้าให้พี่เซียว ทั้ง ๆ ที่ท่านพ่อเกือบจะยอมให้ข้าแต่งให้พี่เซียวอยู่แล้วแท้ ๆ มันเป็นเพราะเจ้านางจิ้งจอก” “แม่นางเสี่ยวหลิน พี่ใหญ่ของข้าไปเป็นสามีของท่านตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ เท่าที่พวกเราพี่น้องจำได้ พี่ใหญ่ของข้าไม่เคยพูดจากับท่านเลยสักครั้ง ถึงแม้ท่านจะเล่นลูกไม้เล่นหูเล่นตาอย่างไรพี่ใหญ่ของพวกเราก็ไม่เคยชายตามองท่านแท้ ๆ แต่มาวันนี้ท่านกล้ามาบอกว่าพี่ใหญ่ของข้าไปเป็นสามีท่าน อีกทั้งท่านยังมาพูดจาไม่ดีกับพี่สะใภ้ของข้า มันไม่มากไปหน่อยหรือ นี่ท่านอยากได้สามีคนอื่นจนตัวสั่นมาก
หลังจากที่ท่านพ่อและท่านลุงขับเกวียนออกไปเพื่อนำปลาไปส่งที่เหลาอาหาร วันนี้มีสัตว์ป่าเพิ่มมาอีกหลายตัวน่าจะได้เงินเพิ่มมาอีกหลายตำลึง วันนี้นางตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปตามล่าหมูป่าดำเพื่อนำไปขายให้เหลาอาหารน่าจะได้ราคาดีในเมื่อมันเป็นสิ่งที่หายากนั่นย่อมหมายถึงว่ามันย่อมต้องมีราคาแพงเป็นธรรมดา เว่ยจื้อโหยวทำมื้อเช้าเอาไว้รอน้องทั้งสองคนวันนี้นางตั้งใจว่าจะปลูกผัก เช่นนั้นตอนนี้นางจึงนำเมล็ดผักที่มีอยู่ในบ้านไปแช่น้ำแร่เอาไว้ก่อนพรุ่งนี้เช้าถึงค่อยนำมาปลูกลงแปลงที่เตรียมเอาไว้เว่ยจื้อโหยวแช่เมล็ดผักในน้ำแร่เสร็จแล้ว นางจึงมาเตรียมของเอาไว้รอท่านพ่อและท่านลุง รวมทั้งทำอาหารเอาไว้เผื่อทั้งสองคนด้วย น้องทั้งสองคนตื่นมาในยามเหม่า หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองคนรีบไปตักน้ำมารดผักที่ปลูกเอาไว้ก่อนหน้านี้ รดน้ำผักจนเสร็จแล้วทั้งสองคนถึงได้มากินมื้อเช้าที่พี่สะใภ้เตรียมเอาไว้ให้“พี่สะใภ้ วันนี้ข้าสองคนขอไปช่วยงานที่บ้านท่านยายเหลียนนะเจ้าคะ”“ได้สิ พวกเจ้าไปเถอะ ข้าเองก็จะเข้าป่ากับท่านพ่อและท่านลุง หากเจ้าสองคนอยู่บ้านข้ากลัวว่าป้าสะใภ้จะมาหาเรื่องรังแกพวกเจ้าตอนข้าไม่อยู่”“พี
เว่ยเจี้ยนป๋อรีบไปตัดไม้มาทำคานหาม เหลียนอี้ปิงเองก็รีบกุลีกุจอเข้าไปช่วยอีกแรง ด้วยความร่วมมือของทั้งสองคนไม่นานหมูดำตัวเขื่องก็ถูกมัดเท้าทั้ง 4 ข้างเข้ากับไม้ จากนั้นทั้งสองคนยกขึ้นพาดบ่าทันทีเว่ยเจี้ยนป๋อกับเหลียนอี้ปิงรีบหามหมูดำออกจากป่าทันทีโดยมีเว่ยจื้อโหยวแบกหมูดำที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าตัวที่พ่อกับลุงของนางหาม เว่ยจื้อโหยวสาวเท้าเดินออกจากป่าด้วยความเร่งรีบ นางจะรีบออกจากป่าเพื่อที่จะได้นำหมูป่าไปขายในวันนี้ ถ้าหากนำไปขายในวันพรุ่งนี้นางกลัวว่าหมูดำจะไม่สดและกลัวว่าราคาจะไม่ดี“ท่านพ่อเจ้าคะ ไหวหรือไม่เจ้าคะ แล้วท่านลุงเล่าเจ้าคะไหวไหม”“ไหว ๆ พวกเราไหว อาโหยวไม่ต้องเป็นห่วง รีบเดินเถอะลูก”“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าคิดว่าท่านพ่อกับท่านลุงควรจะเดินไปที่บ้านท่านยายเลยนะเจ้าคะ ให้ชาวบ้านได้เห็นว่าวันนี้ท่านพ่อกับท่านลุงได้หมูดำมา เวลาบ้านเรามีเงินขึ้นมาชาวบ้านจะได้ไม่ต้องมาตั้งข้อสงสัย ส่วนข้าจะกลับไปรอที่บ้าน ท่านพ่อค่อยเอาเกวียนมารับหมูดำอีกตัวไปขายด้วยกัน”“ได้ ตกลงตามนั้น พี่ใหญ่เห็นด้วยหรือไม่ขอรับ”“ข้าเห็นด้วย เดิมทีชาวบ้านพวกนี้ก็อิจฉาตาร้อนอยู่แล้วจะได้ไม่ต้องมีคนเอาไปพูดในทางที
ตลอดเวลาสามวันที่ผ่านมาเว่ยจื้อโหยวปลูกผักในที่ดินรอบ ๆ บ้านของนาง และปลูกผลไม้ที่นางขุดเอาต้นเล็ก ๆ กลับมาจากป่า ตอนนี้นางเริ่มว่างงานอีกแล้วเว่ยจื้อโหยวเดินไปบ้านท่านยายดูว่าพอจะมีอะไรให้นางช่วยหรือไม่ ตอนนี้ที่ดินที่ท่านลุงกับท่านพ่อซื้อมาใหม่นั้นได้จ้างชาวบ้านมาช่วยกันแผ้วถางเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงล้อมรั้วรอบที่ดินทั้งหมดด้วยท่านพ่อเข้าไปติดต่อช่างในเมืองมาสร้างบ้านและจ้างชาวบ้านบางส่วนด้วยเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็อยากจะสร้างบ้านใหม่เพียงแต่ว่าตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่ รอให้บ้านท่านพ่อสร้างเสร็จเสียก่อนนางค่อยสร้างบ้านของตัวเองเว่ยจื้อโหยววางแผนที่จะทำกำแพงดินล้อมรอบบ้านและที่ดินทั้ง 3 หมู่ ส่วนที่ดินที่นางต้องการซื้อเพิ่มนางต้องการจะล้อมรั้วให้สูงขึ้นกว่าเท่าตัว เพราะนางกลัวคนบ้านเฉียนเข้ามาขโมยพืชผลในสวนของนาง“ท่านแม่ ท่านยายมีอันใดให้ข้าช่วยหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่มีอันใดให้เจ้าช่วยแล้ว เจ้ากลับไปนอนพักผ่อนที่บ้านเถอะ ส่วนผ้าที่พ่อเจ้าซื้อมาเมื่อคราวก่อนประเดี๋ยวแม่กับป้าสะใภ้ของเจ้าจะตัดชุดให้เจ้ากับน้องสามีของเจ้าก่อน”“ขอบพระคุณท่านแม่เจ้าค่ะ แล้วท่านพ่อกับท่านลุงเล่าเจ้าค
เว่ยจื้อโหยวมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของตัวเองด้วยความตื่นเต้น นี่มันไม่ใช่มันฝรั่งหรอกหรือ แล้วนั่นมันไม่ใช่ฉั่งฉิกหรือ โอ๊ะ ปุ๊บปั๊บรับโชคสองชั้นเลย เว่ยจื้อโหยวลงมือขุดมันฝรั่งทั้งหมดโยนเข้าไปในมิติ จากนั้นนางจึงลงมือเด็ดใบฉั่งฉิกและดอกฉั่งฉิกทั้งหมดใส่เข้าไปในมิติด้วยเช่นเดียวกัน หลังจากจัดการใบและดอกเสร็จแล้วนางก็กลับมาจัดการขุดรากถอนโคนต้นฉั่งฉิกอีกรอบเสร็จแล้วก็นำเข้าไปเก็บในมิติเช่นเดียวกันส่วนฉั่งฉิกที่ยังไม่โตเต็มที่นางก็ขุดเอาทั้งหมดเข้าไปปลูกเอาไว้ในพื้นที่อันแห้งแล้งในมิติของนางทันที ขอเพียงรดด้วยน้ำแร่นางเชื่อว่าฉั่งฉิกพวกนี้จะสามารถเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีระหว่างที่นางเข้ามิติไปปลูกฉั่งฉิก นางก็แวะดูหมาป่าที่บาดเจ็บด้วย ตอนนี้ร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยบาดแผล จึงทำได้แค่เพียงนอนนิ่ง ๆ เท่านั้นเว่ยจื้อโหยวไม่ได้สนใจพวกมัน ส่วนลูกหมาเล็ก ๆ ทั้งสี่ตัวนั้นก็คลานไปทั่วตามประสาหมาเด็กแรกเกิดกำลังซน เมื่อนางจัดการทุกอย่างในมิติเสร็จเรียบร้อยแล้วนางก็กลับออกจากมิติและเดินกลับบ้านระหว่างทางกลับบ้านนางก็แวะตรวจดูกับดักที่นางวางเอาไว้ กับดักของนางวันนี้ผลการเก็บเกี่ยวไม่เลวเช่นเด
ระหว่างทางเข้าเมืองสองพ่อลูกพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เว่ยเจี้ยนป๋อดีใจมากที่เขาตัดสินใจแยกบ้านและพาครอบครัวย้ายมาอยู่บ้านเดิมของภรรยา ลูกสาวเขามีชีวิตที่ดีขึ้นทุกวันและยังนำพาให้เขาและพี่ชายภรรยาอยู่สุขสบายไปด้วย ที่สำคัญลูกสาวของเขามีความสุข ถึงแม้ว่านางจะต้องแต่งงานไปอย่างรวดเร็วก็ตามที“อาโหยวเข้าป่าก็ระวังตัวให้ดีนะลูก ตอนนี้พวกเราพอจะมีเงินขึ้นมาบ้างแล้วไม่ได้ขัดสนเหมือนเมื่อก่อน ไม่จำเป็นลูกอย่าเข้าป่าลึกให้มาก”“เจ้าค่ะท่านพ่อ แต่ท่านพ่อเจ้าคะเข้าป่าลึกก็ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ ข้าเอาตัวรอดได้ ท่านพ่อข้าอยากให้ท่านพ่อสร้างบ้านพักคนงานเอาไว้ในที่ดินที่ท่านพ่อซื้อมาใหม่ด้วยนะเจ้าคะ เราจะหาคนมาช่วยท่านพ่อทำนา ต่อไปข้าคิดจะทำการค้าหากว่าสงครามสงบลงแล้ว ท่านพ่อจะต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ส่วนน้อง ๆ ก็ให้ส่งไปอยู่สถานศึกษาให้หมด หากจะให้ดี ท่านพ่อรีบมีน้องให้ข้าอีกคนดีหรือไม่เจ้าคะ ท่านแม่จะได้ไม่เหงาด้วยหากน้องชายทั้งสองคนไม่อยู่” “ทำการค้าหรือ หากเจ้าอยากทำพ่อจะสนับสนุนเจ้าเอง แต่เรื่องมีน้องเอาไว้รอบ้านใหม่เสร็จก่อนนะลูก ตอนนี้ทำอะไรได้ไม่สะดวก แต่อย่าได้ไปพูดกับแม่ของเจ้าเชียวล่ะ มีหวังพ่อไ
สองคนพ่อลูกขับเกวียนกลับบ้านด้วยความเบิกบาน เว่ยจื้อโหยวอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก วันนี้นางหาเงินได้ 138 ตำลึงทองกับอีก 5 ตำลึงเงิน และเงินส่วนแบ่งจากการขายปลาในตอนเช้าอีก 5 ตำลึงเงิน ด้วยรายได้ในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 5 ตำลึงเงินนั้น นับว่าเป็นเงินที่ไม่น้อยเลย พรุ่งนี้เว่ยจื้อโหยวให้ท่านพ่อไปซื้อที่ดินให้นางเพิ่ม จากนั้นนางจะเข้าเมืองเพื่อว่าจ้างช่างมาสร้างบ้าน นอกจากนี้ยังต้องจ้างชาวบ้านล้อมรั้วด้วย นางต้องการซื้อที่ดินที่อยู่ติดกับบ้านของนางในตอนนี้ยาวไปถึงชายป่าเชิงเขาเว่ยจื้อโหยวต้องการจะปลูกผัก ปลูกผลไม้และเลี้ยงสัตว์ ปลูกข้าวเอาไว้กินและขายด้วย ในเมื่อนางสามารถปลูกพืชผักได้ดีกว่าคนอื่นเช่นนั้นนางจะปลูกให้มากหน่อยจะได้นำไปขายในเมืองและต่างเมืองในอนาคต“ท่านพ่อเจ้าคะ พรุ่งนี้หลังจากที่ท่านพ่อกลับจากส่งปลาแล้ว ท่านพ่อช่วยไปซื้อที่ดินเพิ่มให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ”“ได้สิ เจ้าต้องการที่ดินมากขนาดไหนหรืออาโหยวพ่อจะได้จัดการให้เสียทีเดียว”“ข้าต้องการที่ดินที่ติดกับบ้านสามีข้าทั้งด้านซ้ายด้านขวาและยาวไปจนถึงชายป่าเชิงเขาเจ้าค่ะท่านพ่อ”“มากมายถึงเพียงนั้นเชียวรึ”“ไม่มากเท่าไหร่เจ้าค่ะ ในอนาค
เช้าวันต่อมาเว่ยเจี้ยนป๋อกับเหลียนอี้ปิงยังมาเก็บปลาจากกับดักไปส่งที่เหลาอาหารเช่นเคย เว่ยจื้อโหยวเองหลังจากที่นางกลับจากไปตรวจดูกับดักที่วางเอาไว้อย่างเช่นทุกวัน เช้าวันนี้เว่ยจื้อโหยวได้ไก่ป่ามาเพียงแค่ 8 ตัวเท่านั้น นางจึงไม่คิดนำไปขาย ไก่ป่าที่ดักมาได้ทั้งหมดถูกปล่อยลงไปในเล้าไก่ที่นางทำเอาไว้ ส่วนคอกกระต่ายนางจะให้ท่านพ่อช่วยสร้างให้ภายหลัง หลังจากกลับจากตรวจดูกับดัก นางก็เข้าครัวหุงหาอาหารเอาไว้ จากนั้นก็เริ่มรดน้ำในแปลงผัก แต่ก็ต้องตกใจผักที่นางเป็นคนปลูกเติบโตเร็วเกินไปหรือไม่ นางคิดเอาไว้ว่าหลังจากตัดผักชุดนี้หมดแล้วจะยังไม่ปลูกผักชุดใหม่จนกว่ากำแพงบ้านจะเสร็จเพราะนางไม่ต้องการให้คนที่คิดร้ายกับครอบครัวนางได้เห็นว่าภายในบ้านมีอะไรหรือปลูกอะไรเอาไว้บ้างน้องทั้งสองคนตื่นขึ้นมาในยามเหม่าดังเช่นทุกวัน หลังจากล้างหน้าล้างตาจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนต่างรีบไปช่วยงานพี่สะใภ้ที่แปลงผักหลังบ้านทันที“พี่สะใภ้พวกเรามาแล้วขอรับ ผักที่พวกเราปลูกโตเร็วมากเลย อีกไม่นานเราจะสามารถตัดไปขายได้แล้วนะขอรับ”“นั่นสิเจ้าคะพี่สะใภ้ ข้าก็ว่าผักบ้านเรางามกว่าที่คนอื่นปลูกอีกนะเจ้าคะ”“ที
หลังจากเหลียนอี้หลุนแต่งภรรยาเข้าบ้านได้ไม่นาน หยวนจิ้งเองก็พบรักเข้ากับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านแถบชานเมือง นางเป็นบุตรสาวพรานป่าที่มีนิสัยใจคอกล้าหาญไม่ต่างไปจากน้องสะใภ้อย่างเว่ยจื้อโหยว ที่สำคัญนางเป็นคนจิตใจดี หยวนจิ้งแต่งภรรยาได้ไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ทันที ต่างจากอี้หลุนที่ไม่ว่าจะทำยังไง ภรรยาก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ส่วนภรรยาของกู้ตงและสหายทั้งสองตอนนี้ตั้งครรภ์แล้วเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็กำลังจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยความพยายามของอี้หลุนในที่สุดภรรยาก็ตั้งครรภ์เสียที เซี่ยเหิงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าคนอื่น อ้ายหลินเองก็ท้องโตและกำลังใกล้คลอดตามเว่ยจื้อโหยวมาติด ๆ หมู่บ้านต้าลี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เว่ยเจี้ยนป๋อได้เป็นบิดาของจอหงวนฝ่ายบุ๋น อวิ๋นเซียวนั้นมีน้องชายเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ อวิ๋นเฟยกับหย่งคังก็มีลูกชายหญิงให้บิดามารดาได้เลี้ยงหลานไม่เหงา ทำเอาลุงใหญ่อย่างเหลียนอี้ปิงอิจฉาตาร้อนไปหมดเจ้าแฝดต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า หลังจากมารดาคลอดน้อง ๆ แล้วทั้งสองคนจะเข้าไปศึกษาที่เมืองหลวงตามที่รับปากกับท่านลุงเฟยหลงเอาไว้ เว่ยจื้อโหยวมีความสุขที่ได้อยู่กับลู
เหลียนอี้หลุนตอนนี้กำลังชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะทำตามใจตัวเองหรือจะยอมเดินออกมาอย่างเช่นที่เคยทำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่พึงใจในตัวม่านหลิน เพียงแต่เขาคิดว่าตัวเองมีชาติกำเนิดต่ำต้อย บิดามารดาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เจ้าเมืองเตี้ยนถงเองไม่เคยคิดดูถูกชาติกำเนิดของเหลียนอี้หลุนอย่างที่ตัวอี้หลุนเข้าใจ ที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกุเรื่องว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของสหายของนางนั้นเพื่อกระตุ้นให้อี้หลุนรู้ใจตัวเองเพียงเท่านั้น เหลียนอี้หลุนทำหน้าที่คุ้มกันขบวนสินค้ามานานแล้วและนางเองก็รู้ดีว่าเขาพึงใจในตัวบุตรสาวคนเล็กของนาง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้ง แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเช่นนางกับสามีนั้นมีหรือจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดเช่นไรกับบุตรสาวของตัวเอง ม่านหลินนั้นตกหลุมรักเหลียนอี้หลุนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงในสายตาคนอื่นนางเป็นคุณหนูจวนขุนนางที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นอกจากวิ่งออกไปเที่ยวตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหาร งานเย็บปักและการต่อสู้ไม่ได้ด้อยเลย ม่านหลินเองก็เริ่มถอดใจแล้วเช่นเดียวกัน นางคิดว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จ ขนาดที่นาง
หมู่บ้านหนานซานตอนนี้ข่าวการกลับมาของสามสหายปากร้ายแห่งหมู่บ้านหนานซานที่กลับมาจากเมืองหลวงพร้อมทั้งนำภรรยากลับมาด้วยเป็นที่เลื่องลือไปสี่หมู่บ้านยี่สิบลี้เลยก็ว่าได้ชาวบ้านหลายคนต่างไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษปากคมเช่นสามคนนั้นจะสามารถแต่งภรรยาจากเมืองหลวงกลับมาได้ อีกทั้งเหล่าภรรยายังเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่มาพร้อมกับสินเดิมมากมายและเช้าวันนี้หลังจากที่ส่งสามีออกไปทำงานแล้วเหล่าสะใภ้ทั้งสามก็นัดแนะกันเข้าป่าล่าสัตว์หาของป่าดังเช่นชาวบ้านทั่วไป ทั้งสามคนคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานมาอยู่หมู่บ้านหนานซานแห่งนี้“ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่สะใภ้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ป่านี้เสวี่ยเหลียนกับซินเหมยคงมารอแล้ว” ม่อจื่อ“จื่อเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะ อย่าเข้าป่าลึกมากนัก บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดอย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย เข้าใจหรือไม่” แม่สามีบอกลูกสะใภ้ชาวเมืองอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”ผิงม่อจื่อหลังจากบอกลาแม่สามีแล้วก็มุ่งหน้ามาที่จุดนัดหมายที่มีสหายสองคนรออยู่ที่ทางขึ้นเขาท้ายหมู่บ้าน เส้นทางนี้ชาวบ้านในหมู่บ้า
หลังจากผ่านพ้นการแต่งงานแบบที่แปลกประหลาดไปแล้ว สี่หนุ่มแห่งหมู่บ้านต้าลี่ต่างได้ภรรยากลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนอกเหนือจากของฝากที่พวกเขาซื้อเอาไว้มากมายเพราะทั้งสี่คนแต่งงานแล้วและภรรยายังตามสามีกลับไปด้วย ขากลับทำให้มีขบวนรถม้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เว่ยจื้อโหยวเองถึงแม้จะดีใจที่เจ้าพวกลิงทโมนทั้งสี่ในที่สุดก็รู้จักแต่งภรรยามีครอบครัวเสียทีจะได้ไม่ต้องรวมหัวกันไปทำเรื่องอะไรพิเรน ๆ อีก แต่ดูท่าทีภรรยาของแต่ละคนแล้ว เว่ยจื้อโหยวคิดว่าคงมีเรื่องปวดหัวตามมาอีกไม่น้อย “เดินทางปลอดภัยนะ อาเซียวน้องสะใภ้” เฟยหลง“ขอบคุณขอรับพี่รอง ท่านกลับไปดูแลพี่สะใภ้กับหลานชายเถอะไม่ต้องเป็นห่วง” อวิ๋นเซียว“เจ้าแฝดไม่อยู่กับลุงที่เมืองหลวงหรือ” เฟยหลงถามหลานชาย“ไม่ขอรับ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อทำงาน เอาไว้ถึงเวลาเข้าสำนักศึกษาแล้วค่อยมาอยู่กับท่านลุงที่เมืองหลวงขอรับ แต่ต้องรอให้ท่านแม่มีน้องก่อนนะขอรับ เพราะหากพวกเราสองคนมาอยู่ที่เมืองหลวงข้ากลัวท่านแม่จะเหงา” ต้าเป่า“ได้ เช่นนั้นลุงรองจะสร้างเรือนเอาไว้ให้พวกเจ้าสองคนนะ เอาติดกับเรือนของน้องชายเลยดีหรือไม่”“ดีขอรับ ท่านลุงรักษาตัวด้วยนะขอรับ เอาไว้ต้าเ
เวลาผ่านไปอีกสองวันก็มีข่าวออกมาว่าชุยต้าหวังพร้อมนางจินซื่อถูกจับข้อหาร่วมมือกันทำให้อดีตภรรยาเอกถึงแก่ความตาย และยึดเอาสินเดิมภรรยาพร้อมทั้งใส่ความบุตรที่เกิดกับภรรยาเอกให้มีความผิดและส่งขายไปเป็นทาสหลวงหลังจากเจ้าหน้าที่ทางการสอบสวนแล้วนางจินซื่อสารภาพว่าเป็นคนวางยาอดีตภรรยาเอกเพื่อต้องการขึ้นมาเป็นภรรยาเอกแทน ส่วนชุยต้าหวังมีความผิดฐานยึดเอาสินเดิมภรรยาและขายลูกชายทั้งสี่ไปเป็นทาส ด้วยเหตุนี้นางจินซื่อมีโทษประหารข้อหาฆ่าคนตาย ชุยต้าหวังมีโทษจำคุก 30 ปี ส่วนลูกชายอย่างชุยตงหลางนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่บิดามารดาได้กระทำลงไปจึงไม่มีความผิด ลูกสาวอย่างชุยรุ่ยเอ๋อร์นั้นมีส่วนรู้เห็นและร่วมมือกับมารดาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกันทางการได้คืนสินเดิมของมารดาชุยต้าทั้งหมดให้กับพวกเขาสี่พี่น้อง ชุยต้าเองย่อมรู้ว่าเป็นฝีมือของฮูหยิน แต่พวกเขาไม่ยินดีที่จะอยู่เมืองหลวงอีกต่อไป เพราะต่างก็ตั้งใจลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านต้าลี่แล้ว ชุยต้ากลับไปคงต้องคุยกับพี่น้องของตัวเองเรื่องสินเดิมมารดาที่เหลือไม่มากแล้วเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชุยต้าหวังและนางจินซื่
หย่งซีและชุยต้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับที่เว่ยจื้อโหยวกลับมาจากวังหลวงเช่นเดียวกัน หย่งซีใบหน้าบูดบึ้งเดินกระแทกเท้าตึง ๆ เข้าไปหาพี่สาวเพื่อบอกกับนางว่าเขาและชุยต้าถูกคนรังแกอย่างไรบ้าง“เป็นอะไรเสี่ยวซีทำไมหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้น ใครทำอะไรให้โมโหมาหรือ” เว่ยจื้อโหยวถามน้องชาย“ก็วันนี้ข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองมาแล้วไปเจอยายป้าปากแดงอยู่ ๆ ก็เข้ามาด่าว่าพี่ชายชุยต้ากับข้า แถมยังบอกว่าพี่ชายชุยต้าเป็นอดีตพี่ชายของนาง เท่านั้นยังไม่พอนางยังด่าว่าเป็นทาสด้วย เป็นทาสอะไรกันไม่ได้เป็นทาสเสียหน่อย”“ใครกันน่ะ เหตุใดถึงได้กล้าด่าคนอื่นกลางตลาดขนาดนั้น ไม่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีแล้วไม่มีใครมาสู่ขอหรือ แถมเป็นสตรีด้วย”“ข้าไม่รู้หรอกพี่ใหญ่ รู้แค่ว่านางไม่สวย ทาหน้าขาวโพลนแถมยังปากแดงอีกด้วย ใครจะไปสนใจกันว่านางเป็นใคร ไม่ได้รู้จักแต่เข้ามาด่า นางบอกว่าพี่ชุยต้าเป็นอดีตพี่ชาย”“สรุปที่เจ้าโมโหขนาดนี้ แม่นางผู้นั้นด่าเจ้าหรือด่าชุยต้า” “ด่าข้าด้วย ด่าพี่ชายชุยต้าด้วย นางด่าข้าว่าไอ้เด็กเหลือขอ พ่อแม่ไม่สั่งสอน” หย่งซีหน้างอตอบพี่สาว“ตกลง ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะไปถามชุยต้าเดี๋ยวพี่สาวจะจัดก
หลังจากที่ราชครูเถียนได้ตัดสินใจออกไปแบบนั้นแล้ว เขาไม่เสียใจที่ต้องทำเช่นนี้ หาไม่แล้วตระกูลเถียนคงได้ล่มสลายเพราะสตรีสมองหมูสองคนนี้เป็นแน่ เถียนเสี่ยวมี่ไม่ยินยอมจึงได้โวยวายว่าบิดาไม่ยุติธรรม“ท่านพ่อ ท่านจะมาทำแบบนี้กับข้าและท่านแม่ไม่ได้ เหตุใดเราสองแม่ลูกจะต้องไปอยู่ที่หมู่บ้านบรรพบุรุษด้วยเจ้าคะ การที่ลูกรักพี่จิ้งลูกผิดหรือเจ้าคะ”“ผิด เพราะหยวนจิ้งไม่ได้มีไมตรีต่อเจ้า การที่เจ้าไปวิ่งตามหยวนจิ้งแบบนั้นนอกจากจะด้อยค่าตัวเองแล้วยังทำลายเกียรติของตระกูลเถียนด้วย เจ้าไม่รู้สึกอับอายผู้คนบ้างหรือ”“ท่านพี่ ให้โอกาสเราแม่ลูกสักครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ ต่อไปข้าจะดูแลมี่มี่ให้ดี จะไม่ให้ออกไปก่อเรื่องได้อีก”“ข้าตัดสินใจแล้ว การกระทำของเสี่ยวมี่ที่ผ่านมามันบ่งบอกได้ถึงว่านางไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดี ตัวข้าเป็นขุนนางตำแหน่งราชครู แม้แต่ลูกสาวของตัวเองยังสั่งสอนไม่ได้แล้วข้าจะมีหน้าไปสั่งสอนผู้อื่นได้เช่นไร พวกเจ้าสองแม่ลูกอย่าลืมว่ายังมีลูกชายทั้งสองคนที่เป็นขุนนางอนาคตไกล อย่าให้การกระทำสิ้นคิดของเจ้ามาทำลายตระกูลเถียนและหน้าที่การงานของทุกคน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าให้ได้ปรับปรุงตัวเ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้หยวนจิ้งอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก หลังจากส่งหลาน ๆ กลับจวนแม่ทัพแล้ว ตัวเขาเองก็มุ่งหน้ากลับจวนกั๋วกงทันทีหยวนจิ้งกลับมาถึงก็ตรงไปที่เรือนของฮูหยินทันที เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เขาไม่อาจใจเย็นได้อีก ก่อนจะจัดการคนอื่นต้องจัดการคนในครอบครัวก่อน คนแรกคือท่านแม่ของเขาเอง“ท่านแม่อยู่หรือไม่”“อยู่เจ้าค่ะคุณชาย กำลังสนทนาอยู่กับฮูหยินท่านราชครูเจ้าค่ะ”“ขอบใจ มีอะไรก็ไปทำเถอะ"“เจ้าค่ะคุณชาย”หยวนจิ้งเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้าไปหาผู้เป็นมารดาที่ตอนนี้นั่งคุยกันอย่างออกรสอยู่กับฮูหยินจวนราชครู หยวนจิ้งเองไม่คิดจะไว้หน้าอยู่แล้ว ในใจเขาคิดว่าดีแล้วจะได้ไม่ต้องไปถึงจวนราชครู หวังว่าฮูหยินจะกลับไปสั่งสอนลูกสาวหรือตัวฮูหยินเองที่ต้องหยุดการกระทำทุกอย่างและอย่าได้คิดมาเล่นแง่หาข้ออ้างอะไรอีก แม้แต่ท่านแม่ของตัวเองวันนี้หยวนจิ้งเองก็ไม่คิดจะอ่อนข้อให้“คารวะท่านแม่ขอรับ คารวะฮูหยินท่านราชครู"“อ้าว อาจิ้งทำไมกลับมาไวนักล่ะลูก ไหนว่าไปที่ตำหนักองค์ชายสามไม่ใช่หรือ” “อุ๊ย ดูพูดเข้าสิ หลานจิ้งฮูหยงฮูหยินอะไรกัน เรียกท่านป้าเถอะจ้ะ” ฮูหยินราชครู“ไม่ล่ะขอรับ ข้าไม่ส
เว่ยจื้อโหยวพาลูก ๆ และสามีเดินทางรอนแรมจากหมู่บ้านต้าลี่ในที่สุดก็ถึงเมืองหลวงเสียที คนที่มารอรับพวกเขาอยู่นอกประตูเมืองคือเฟยหลงกับหยวนจิ้ง เด็กน้อยทั้งสี่ต่างขดตัวนอนหลับอยู่ภายในรถม้ากับพี่เลี้ยงสี่ขาทั้งสี่เฟยหลงพาน้องชายนอกสายเลือดที่เขารักไม่ต่างจากคนสายเลือดเดียวกันเข้าไปพักที่จวนแม่ทัพ ก่อนหน้านั้นหลายปีจวนแม่ทัพแห่งนี้มีอวิ๋นซวนกับหย่งคังและหย่งหมิงพักอยู่ ถึงแม้ตอนนี้จะมีเพียงหย่งหมิงกับอวิ๋นซวนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาเล่าเรียนในสถานศึกษาหลวง“ถึงแล้ว ที่นี่ล่ะ ตอนนี้อาซวนกับอาหมิงคงยังไม่กลับจากสถานศึกษา” หยวนจิ้ง“พาหลาน ๆ ไปนอนในห้องหับเสียก่อน เดินทางมาไกล ต้าเป่ากับน้อง ๆ คงเหนื่อยแย่” เฟยหลง “ขอรับพี่ใหญ่ พี่รอง” อวิ๋นเซียว"เอาล่ะ ซ้ายมือเป็นเรือนของอาเหิงกับครอบครัว ส่วนอาเซียวอยู่เรือนหน้าก็แล้วกัน เรือนด้านขวานั้นอาหมิงกับอาซวนพักอยู่ก่อนแล้ว ส่วนพวกเจ้าที่เหลือไปพักอยู่ที่เรือนหลังก็แล้วกัน" เฟยหลงแจกแจงที่พักหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายเข้าเรือนพักเรียบร้อยแล้ว รถม้าทั้ง 10 คันก็เขาไปจอดเรียบร้อยที่พื้นที่ด้านหลังของจวน ม้าเองก็ต้องการพักผ่อนเช่นเดียวก