เฉียนเสี่ยวหลินที่แอบเดินตามเว่ยจื้อโหยวมาตั้งแต่นางและน้องทั้งสองคนเดินออกมาจากบ้านตระกูลเหลียน พอมาถึงในจุดที่ลับตาคนเฉียนเสี่ยวหลินถึงได้เดินออกมาขวางหน้าทั้งสามคนเอาไว้
“เจ้าเป็นใคร มีธุระอะไรกับข้า เหตุใดถึงมาขวางหน้าข้าเอาไว้” เว่ยจื้อโหยวถามออกมาด้วยความแปลกใจ
“ข้าเป็นใครอย่างนั้นหรือ ข้าก็คือคนที่ถูกเจ้าแย่งสามีไปเช่นไรเล่า” เฉียนเสี่ยวหลิน
“ห้ะ!!! ข้านี่นะแย่งสามีเจ้า ข้าไปแย่งสามีเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่รึ แล้วสามีเจ้าที่ว่ามานี่คือผู้ใดหรือ”
“เจ้าแย่งท่านพี่เซียวไปจากข้า เป็นเพราะเจ้า ยายของเจ้ายัดเยียดเจ้าให้พี่เซียว ทั้ง ๆ ที่ท่านพ่อเกือบจะยอมให้ข้าแต่งให้พี่เซียวอยู่แล้วแท้ ๆ มันเป็นเพราะเจ้านางจิ้งจอก”
“แม่นางเสี่ยวหลิน พี่ใหญ่ของข้าไปเป็นสามีของท่านตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ เท่าที่พวกเราพี่น้องจำได้ พี่ใหญ่ของข้าไม่เคยพูดจากับท่านเลยสักครั้ง ถึงแม้ท่านจะเล่นลูกไม้เล่นหูเล่นตาอย่างไรพี่ใหญ่ของพวกเราก็ไม่เคยชายตามองท่านแท้ ๆ แต่มาวันนี้ท่านกล้ามาบอกว่าพี่ใหญ่ของข้าไปเป็นสามีท่าน อีกทั้งท่านยังมาพูดจาไม่ดีกับพี่สะใภ้ของข้า มันไม่มากไปหน่อยหรือ นี่ท่านอยากได้สามีคนอื่นจนตัวสั่นมากมายเพียงนี้ ท่านถามพี่ใหญ่ของข้าหรือยังว่าเขายินดีรับท่านเป็นภรรยาหรือไม่ เท่าที่จำได้สำหรับพวกเราสามพี่น้อง คนแซ่เฉียนคือสิ่งที่ต้องหลีกหนี แล้วเช่นนี้ท่านคิดว่าพี่ใหญ่ของข้าจะยินดีแต่งให้ท่านหรือ” อวิ๋นเฟยโกรธจนหน้าดำเป็นตับหมูพูดออกมายาวเหยียด
“หุบปากนางเด็กเหลือขอ ใครให้แกพูด ระวังตัวเอาไว้เถอะข้าจะให้ท่านป้าไปจัดการกับเจ้า”
“อ๋อ ชอบสามีข้า คิดเองเออเองว่าสามีข้าชอบเจ้า เจ้าชื่ออะไรนะ เฉียนเสี่ยวหลินใช่หรือไม่ คนแซ่เฉียนเช่นพวกเจ้านี่หน้าหนาดีจริง ๆ อย่าบอกนะว่าป้าสะใภ้มหาภัยนั่นเป็นญาติของเจ้า มิน่าล่ะ จิ๊ จิ๊ ร้ายไม่เบา ทั้งหน้าหนา หน้าด้าน คิดเอง เออเอง เหมือนกันไม่ผิด เจ้าทำแบบนี้พ่อแม่เจ้ารู้หรือไม่ เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร ไปคุยกันที่บ้านของเจ้าดีหรือไม่ ข้าจะได้ถามพ่อแม่ของเจ้าไปเสียทีเดียว ว่าข้าไปแย่งสามีลูกสาวของพวกเขาเมื่อไหร่กัน ลูกสาวของพวกเขาถึงได้มาเที่ยวป่าวประกาศเช่นนี้ การที่เจ้าพูดเช่นนี้นอกจากเป็นการดูหมิ่นข้าแล้ว ยังทำให้ข้าได้รับความอับอาย เสียชื่อเสียง ข้าอยากจะรู้ว่าพ่อแม่ของเจ้ารู้หรือไม่ว่าลูกสาวทำตัวเช่นนี้”
“พี่สะใภ้ไม่ต้องไปฟังนางหรอกเจ้าค่ะ นางชอบพี่ใหญ่ นางพยายามทำทุกอย่างแต่พี่ใหญ่ไม่เคยชายตาแลนางเลยสักครั้ง นี่นางเห็นว่าพี่ใหญ่ไม่อยู่ เลยจะมากลั่นแกล้งรังแกท่านเพียงเท่านั้น”
“หุบปาก นังเด็กเหลือขอ ใครให้เจ้าพูด หากยังไม่หยุดพูดคอยดูเถิดว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
“เจ้าน่ะสิ ต้องหุบปาก กล้าดีอย่างไรถึงมาด่าน้องสามีข้า ทำอะไรให้มันมีสำนึกในใจบ้าง ถ้าหากเจ้าเป็นหญิงคนรักของสามีข้าก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เท่าที่ฟังมาสามีของข้าไม่เคยพูดจากับเจ้าแม้แต่ครึ่งคำ พอเขาแต่งข้าเข้าบ้านเจ้ากลับมากล่าวหาว่าเป็นเพราะข้าไปแย่งเขามา เป็นเพราะท่านยายของข้าชิงตัดหน้ายกข้าให้แต่งงานกับเขา เจ้าไม่พอใจไม่ว่า เหตุใดไม่มาพูดตอนสามีของข้าอยู่บ้านเล่า เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ข้าจะไปถามพ่อแม่ของเจ้าดูว่าข้าไปตัดเส้นด้ายแดงของลูกสาวของพวกเขาจริงหรือไม่”
“เจ้า… เจ้า .. นางจิ้งจอกพ่อแม่ข้าเกี่ยวอันใดด้วย”
“เกี่ยวที่เป็นบุพการีของเจ้าเช่นไรล่ะ กฎหมายบ้านเมืองระบุว่าการยุ่งเกี่ยวกับสามีหรือภรรยาของผู้อื่นมีความผิดร้ายแรง เอาเช่นนี้เป็นเช่นไร ข้าจะเดินทางเข้าไปแจ้งความกับทางการ ว่าเจ้า แม่นางเฉียนเสี่ยวหลิน พูดจาให้ร้ายข้าและสามีอีกทั้งพยายามยัดเยียดตัวเองให้กับสามีผู้อื่นทั้ง ๆ ที่เขาไม่เต็มใจ”
“เจ้ากล้าหรือ”
“มีอะไรไม่กล้า ข้าไม่ได้อยากได้สามีคนอื่นจนตัวสั่น จริงอยู่ว่าบุรุษสามารถมีภรรยาได้หลายคน แต่นั่นขึ้นอยู่กับว่าบุรุษผู้นั้นมีความพึงใจต่อหญิงสาวและยอมรับในตัวนางและหญิงสาวนางนั้นจะต้องไม่ใช่หญิงที่แต่งงานมีสามีแล้วเช่นเดียวกัน แต่นี่เขาไม่เคยแม้กระทั่งจะเอ่ยปากพูดกับเจ้า แต่เจ้ากลับมากล่าวหาว่าสามีของข้าเป็นสามีของเจ้า ไม่เท่ากับเจ้าใส่ร้ายเขาหรือ เจ้าหาว่าข้าไปแย่งสามีของเจ้าหรือ แบบนี้เท่ากับใส่ความข้า ข้าไม่ยอมให้เป็นเช่นนี้ ข้าจะแจ้งความ”
เฉียนเสี่ยวหลินแต่เดิมทีตั้งใจจะมาระบายอารมณ์ใส่เว่ยจื้อโหยว แต่กลับเป็นนางเสียเองที่ถูกเว่ยจื้อโหยวต่อว่าจนนางไม่สามารถหาข้อโต้แย้งใดมาหักล้างคำพูดของเว่ยจื้อโหยวได้อีก
ทั้งยังมีน้องทั้งสองคนของอวิ๋นเซียวอยู่ด้วย น้องชายอย่างอวิ๋นซวนก็แล้วไปเถอะ แต่น้องสาวอย่างอวิ๋นเฟยนั้นได้พูดในสิ่งที่แทงใจนางอย่างมาก อวิ๋นเซียวไม่เคยชายตาแลนางเลยสักครั้งจริง ๆ
นางอยากให้ท่านป้าของนางซึ่งเป็นป้าสะใภ้ของเขา บีบบังคับให้เขาแต่งให้นางแต่ป้าของนางไม่ให้ความร่วมมือด้วย นางยังจะทำอะไรได้อีก อีกไม่นานนางจะต้องแต่งออกไปแล้วนางจึงอยากใช้เวลาช่วงสุดท้ายในหมู่บ้านนี้ ระบายความแค้นใจที่นางมี แต่ไหนเลยจะได้ระบายความคับแค้นใจ ไม่ได้ระบายอารมณ์ยังไม่พอแต่กลับต้องถูกเว่ยจื้อโหยวและอวิ๋นเฟยต่อว่ากลับ แถมนางยังจะไปแจ้งความกับทางการอีก นอกจากจะไม่ได้ระบายความคับแค้นใจแล้ว นางยังกลายเป็นคนมีความผิดติดตัวข้อหายุ่งเกี่ยวกับสามีชาวบ้านโดยที่ฝ่ายชายไม่ยินยอมอีกด้วย
“อ๊ายยยยยยยยยยยย กรี๊ดดดดดดด ฝากไว้ก่อนเถอะนังจิ้งจอก”
“เจ้าน่ะสินังจิ้งจอก ข้าไม่รับฝาก”
เฉียนเสี่ยวหลินวิ่งหนีไปทิ้งให้ทั้งสามคนยืนอยู่กลางหมู่บ้าน เรื่องที่เฉียนเสี่ยวหลินมาดักต่อว่าเว่ยจื้อโหยวนั้นมีชาวบ้านพบเห็นไม่น้อย ในเวลาไม่นานข่าวที่ลูกสาวบ้านเฉียนด่าทอภรรยาอวิ๋นเซียวหาว่านางแย่งสามีก็กระจายไปทั่วหมู่บ้าน สร้างความอับอายให้กับคนบ้านเฉียนไม่น้อย
ด้วยเหตุนี้เฉียนไห่กวนผู้เป็นบิดาทั้งโมโหทั้งอับอายที่ลูกสาวบ้านตัวเองก่อเรื่องขึ้น สามวันต่อมาเขาจึงส่งนางแต่งงานออกไปกับพ่อค้าขายหมูในเมือง
“หมดเรื่องแล้วกลับบ้านกันเถอะขอรับ ข้าตกใจแทบแย่นึกว่านางจะพุ่งเข้าใส่พี่สะใภ้เสียแล้ว”
“นั่นสิเจ้าคะ น่ากลัวจริง ๆ แต่พี่สะใภ้เก่งมากเจ้าค่ะ สามารถทำให้นางพูดไม่ออกมาถึงเพียงนี้ได้”
“พี่สะใภ้ของเจ้าย่อมเก่งกาจอยู่แล้ว เจ้าวางใจได้ ไม่มีใครสามารถทำอันใดข้าผู้นี้ได้หรอก ข้าหาใช่ลูกพลับนิ่มให้ผู้อื่นมารังแกได้ง่าย ๆ”
“ดียิ่งขอรับ ต่อไปนี้ข้าเองก็จะรีบ ๆ โตจะได้ปกป้องพี่รองกับพี่สะใภ้ได้ขอรับ”
“ขอบใจมากอาซวน เช่นนั้นเรารีบกลับบ้านกันเถอะ วันนี้พี่สะใภ้จะทำของอร่อย ๆ ให้พวกเจ้ากิน”
ทั้งสามกลับมาถึงบ้าน เว่ยจื้อโหยวไปจับสัตว์จากกับดัก อวิ๋นเฟยรีบจุดไฟช่วยพี่สะใภ้ทำครัว นางจัดการหุงข้าว ส่วนกับข้าวนั้นพี่สะใภ้ของนางจะเป็นคนทำดังเช่นทุกวัน
วันนี้เว่ยจื้อโหยวจะทำปลาต้มผักดอง ปลาขอทานและกุ้งคั่วเกลือที่นางจับมาเมื่อตอนบ่าย พรุ่งนี้นางตั้งใจว่าจะพาท่านพ่อกับท่านลุงไปล่าหมูดำสักตัวสองตัวเอาไปขาย ส่วนตัวที่อยู่ในมิตินั้นนางยังไม่กล้าเอาออกมา
ตอนนี้ในมิติอันแห้งแล้งของนาง นางได้นำต้นผลไม้เข้าไปปลูกเอาไว้ ไม่รู้ว่ามันจะโตหรือไม่ คงได้แต่รอดู หลังจากทำอาหารเสร็จแล้ว ทั้งสามคนก็กินมื้อเย็นด้วยความเอร็ดอร่อย
หลังจบมื้อเย็นอวิ๋นซวนทำหน้าที่ล้างถ้วยชาม อวิ๋นเฟยทำความสะอาดครัว จากนั้นทั้งสามคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำเข้านอน วันนี้เว่ยจื้อโหยวได้รู้แล้วว่าสามีของนางมีคนหมายปองอยู่ ยังดีที่เขายอมแต่งกับนาง
แต่มันไม่ดีก็ตรงที่ยังไม่ได้แซ่บเลยก็ต้องจากกันแล้วนี่สิ ฟ้าช่างกลั่นแกล้งเสียจริง ไม่ได้การแล้วต้องรีบหาเงินมาสร้างบ้าน สร้างฐานะทางบ้านให้มั่นคง จะได้ออกไปตามหาสามีได้ ไม่รู้สงครามในยุคนี้จะสู้รบกันไปถึงไหน
ทางด้านอวิ๋นเซียวนั้นที่ตอนนี้เดินทางมาถึงค่ายทหารที่ชายแดนแล้ว ชาวบ้านที่เข้ามาเป็นทหารใหม่มีหน้าที่หุงหาอาหารและอยู่ในหน่วยจัดหาเสบียง หากอาหารจากทางการยังส่งมาไม่ถึง
ทหารที่มาใหม่มีหน้าที่ ปลูกผัก ล่าสัตว์ ซักผ้า ตักน้ำใส่ถัง หลังจากนั้นถึงจะคัดเลือกชายหนุ่มที่มีฝีมือเพื่อไปฝึกด้านต่อสู้ถึงจะสามารถออกรบได้ แต่หากเกิดกรณีฉุกเฉินข้าศึกบุกและทัพหน้าต้านไม่อยู่ทุกคนจะต้องออกไปรบร่วมกัน
ส่วนเซี่ยเหิงสหายใหม่ของอวิ๋นเซียวผู้มีชะตากรรมเดียวกันคือแต่งภรรยาแต่ยังไม่ได้เข้าหอ ก็ถูกคัดเอาไปร่วมฝึกรบเช่นเดียวกับเขาและญาติผู้พี่ของภรรยาอย่างเหลียนอี้หลุน
“สหายเซียวเจ้าว่าอีกนานหรือไม่สงครามถึงจะจบ”
“ข้าเองก็ไม่รู้ เจ้าทำไมไม่ไปถามท่านแม่ทัพมาถามข้าที่เป็นชาวบ้านเช่นเดียวกับเจ้าแล้วข้าจะไปรู้อันใด”
“ข้าก็ถามไปอย่างนั้นล่ะ ข้าแค่หาเรื่องคุย ป่านนี้ไม่รู้เมียข้าจะทำอันใดอยู่ นางจะยังรอข้าอยู่หรือไม่”
“*…..*” อวิ๋นเซียว
“*….*” เหลียนอี้หลุน
“พวกเจ้าตรงนั้นนอนได้แล้ว นี่มันยามใดกันแล้วยังไม่นอนอีก หากไม่อยากนอนก็ลุกขึ้นมาฝึก” นายกอง
“ขอรับ ขอรับ ท่านนายกองข้านอนแล้วขอรับ” เซี่ยเหิง
เช้าวันต่อมาเหลียนอี้ปิงพร้อมด้วยเว่ยเจี้ยนป๋อตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่อไปเก็บปลาจากหลุมกับดักไปส่งที่เหลาอาหาร เว่ยจื้อโหยวก็ตื่นขึ้นมาแล้วเช่นเดียวกัน นางเข้าป่าเพื่อไปตรวจดูกับดักที่นางวางเอาไว้
วันนี้กับดักของนางยังคงมีไก่ป่า กระต่ายป่ามาติดเช่นเคย และนางยังได้กวางตัวขนาดกลาง ๆ มาอีกหนึ่งตัว เมื่อปลดสัตว์ออกจากกับดักเสร็จนางเร่งฝีเท้าออกจากป่า กลับมาถึงบ้านพอดีกับที่ท่านพ่อและท่านลุงเอาถังปลาขึ้นเกวียนเรียบร้อยแล้ว
“ท่านพ่อ วันนี้ไก่ป่ามี 7 ตัว กระต่ายป่า 5 ตัว เช่นนั้นท่านพ่อนำไก่ป่าไปส่งที่เหลาอาหาร 5 ตัว กระต่าย 5 ตัว และกวางตัวนี้อีก 1ตัว ส่วนไก่ป่าอีก 2 ตัวข้าจะเหลือไว้ทำอาหารและส่งไปบ้านให้ท่านแม่อีก 1 ตัว”
“ได้ ๆ พ่อจะจัดการให้ เจ้ารอพ่อกับลุงกลับมาก่อนค่อยเข้าป่าเข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าทราบแล้ว ข้าจะเตรียมของรอท่านพ่อที่บ้าน ท่านพ่อช่วยซื้อเมล็ดผักให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ เอาผักทุกอย่างเลย อย่างละครึ่งจิน”
“ได้ พ่อจะจัดการให้ พี่ใหญ่ออกเกวียนเลยขอรับประเดี๋ยวจะสาย”
“ลุงไปก่อนนะอาโหยว”
“เจ้าค่ะ ท่านลุง ท่านพ่อ เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ”
หลังจากที่ท่านพ่อและท่านลุงขับเกวียนออกไปเพื่อนำปลาไปส่งที่เหลาอาหาร วันนี้มีสัตว์ป่าเพิ่มมาอีกหลายตัวน่าจะได้เงินเพิ่มมาอีกหลายตำลึง วันนี้นางตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปตามล่าหมูป่าดำเพื่อนำไปขายให้เหลาอาหารน่าจะได้ราคาดีในเมื่อมันเป็นสิ่งที่หายากนั่นย่อมหมายถึงว่ามันย่อมต้องมีราคาแพงเป็นธรรมดา เว่ยจื้อโหยวทำมื้อเช้าเอาไว้รอน้องทั้งสองคนวันนี้นางตั้งใจว่าจะปลูกผัก เช่นนั้นตอนนี้นางจึงนำเมล็ดผักที่มีอยู่ในบ้านไปแช่น้ำแร่เอาไว้ก่อนพรุ่งนี้เช้าถึงค่อยนำมาปลูกลงแปลงที่เตรียมเอาไว้เว่ยจื้อโหยวแช่เมล็ดผักในน้ำแร่เสร็จแล้ว นางจึงมาเตรียมของเอาไว้รอท่านพ่อและท่านลุง รวมทั้งทำอาหารเอาไว้เผื่อทั้งสองคนด้วย น้องทั้งสองคนตื่นมาในยามเหม่า หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองคนรีบไปตักน้ำมารดผักที่ปลูกเอาไว้ก่อนหน้านี้ รดน้ำผักจนเสร็จแล้วทั้งสองคนถึงได้มากินมื้อเช้าที่พี่สะใภ้เตรียมเอาไว้ให้“พี่สะใภ้ วันนี้ข้าสองคนขอไปช่วยงานที่บ้านท่านยายเหลียนนะเจ้าคะ”“ได้สิ พวกเจ้าไปเถอะ ข้าเองก็จะเข้าป่ากับท่านพ่อและท่านลุง หากเจ้าสองคนอยู่บ้านข้ากลัวว่าป้าสะใภ้จะมาหาเรื่องรังแกพวกเจ้าตอนข้าไม่อยู่”“พี
เว่ยเจี้ยนป๋อรีบไปตัดไม้มาทำคานหาม เหลียนอี้ปิงเองก็รีบกุลีกุจอเข้าไปช่วยอีกแรง ด้วยความร่วมมือของทั้งสองคนไม่นานหมูดำตัวเขื่องก็ถูกมัดเท้าทั้ง 4 ข้างเข้ากับไม้ จากนั้นทั้งสองคนยกขึ้นพาดบ่าทันทีเว่ยเจี้ยนป๋อกับเหลียนอี้ปิงรีบหามหมูดำออกจากป่าทันทีโดยมีเว่ยจื้อโหยวแบกหมูดำที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าตัวที่พ่อกับลุงของนางหาม เว่ยจื้อโหยวสาวเท้าเดินออกจากป่าด้วยความเร่งรีบ นางจะรีบออกจากป่าเพื่อที่จะได้นำหมูป่าไปขายในวันนี้ ถ้าหากนำไปขายในวันพรุ่งนี้นางกลัวว่าหมูดำจะไม่สดและกลัวว่าราคาจะไม่ดี“ท่านพ่อเจ้าคะ ไหวหรือไม่เจ้าคะ แล้วท่านลุงเล่าเจ้าคะไหวไหม”“ไหว ๆ พวกเราไหว อาโหยวไม่ต้องเป็นห่วง รีบเดินเถอะลูก”“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าคิดว่าท่านพ่อกับท่านลุงควรจะเดินไปที่บ้านท่านยายเลยนะเจ้าคะ ให้ชาวบ้านได้เห็นว่าวันนี้ท่านพ่อกับท่านลุงได้หมูดำมา เวลาบ้านเรามีเงินขึ้นมาชาวบ้านจะได้ไม่ต้องมาตั้งข้อสงสัย ส่วนข้าจะกลับไปรอที่บ้าน ท่านพ่อค่อยเอาเกวียนมารับหมูดำอีกตัวไปขายด้วยกัน”“ได้ ตกลงตามนั้น พี่ใหญ่เห็นด้วยหรือไม่ขอรับ”“ข้าเห็นด้วย เดิมทีชาวบ้านพวกนี้ก็อิจฉาตาร้อนอยู่แล้วจะได้ไม่ต้องมีคนเอาไปพูดในทางที
ตลอดเวลาสามวันที่ผ่านมาเว่ยจื้อโหยวปลูกผักในที่ดินรอบ ๆ บ้านของนาง และปลูกผลไม้ที่นางขุดเอาต้นเล็ก ๆ กลับมาจากป่า ตอนนี้นางเริ่มว่างงานอีกแล้วเว่ยจื้อโหยวเดินไปบ้านท่านยายดูว่าพอจะมีอะไรให้นางช่วยหรือไม่ ตอนนี้ที่ดินที่ท่านลุงกับท่านพ่อซื้อมาใหม่นั้นได้จ้างชาวบ้านมาช่วยกันแผ้วถางเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงล้อมรั้วรอบที่ดินทั้งหมดด้วยท่านพ่อเข้าไปติดต่อช่างในเมืองมาสร้างบ้านและจ้างชาวบ้านบางส่วนด้วยเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็อยากจะสร้างบ้านใหม่เพียงแต่ว่าตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่ รอให้บ้านท่านพ่อสร้างเสร็จเสียก่อนนางค่อยสร้างบ้านของตัวเองเว่ยจื้อโหยววางแผนที่จะทำกำแพงดินล้อมรอบบ้านและที่ดินทั้ง 3 หมู่ ส่วนที่ดินที่นางต้องการซื้อเพิ่มนางต้องการจะล้อมรั้วให้สูงขึ้นกว่าเท่าตัว เพราะนางกลัวคนบ้านเฉียนเข้ามาขโมยพืชผลในสวนของนาง“ท่านแม่ ท่านยายมีอันใดให้ข้าช่วยหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่มีอันใดให้เจ้าช่วยแล้ว เจ้ากลับไปนอนพักผ่อนที่บ้านเถอะ ส่วนผ้าที่พ่อเจ้าซื้อมาเมื่อคราวก่อนประเดี๋ยวแม่กับป้าสะใภ้ของเจ้าจะตัดชุดให้เจ้ากับน้องสามีของเจ้าก่อน”“ขอบพระคุณท่านแม่เจ้าค่ะ แล้วท่านพ่อกับท่านลุงเล่าเจ้าค
เว่ยจื้อโหยวมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของตัวเองด้วยความตื่นเต้น นี่มันไม่ใช่มันฝรั่งหรอกหรือ แล้วนั่นมันไม่ใช่ฉั่งฉิกหรือ โอ๊ะ ปุ๊บปั๊บรับโชคสองชั้นเลย เว่ยจื้อโหยวลงมือขุดมันฝรั่งทั้งหมดโยนเข้าไปในมิติ จากนั้นนางจึงลงมือเด็ดใบฉั่งฉิกและดอกฉั่งฉิกทั้งหมดใส่เข้าไปในมิติด้วยเช่นเดียวกัน หลังจากจัดการใบและดอกเสร็จแล้วนางก็กลับมาจัดการขุดรากถอนโคนต้นฉั่งฉิกอีกรอบเสร็จแล้วก็นำเข้าไปเก็บในมิติเช่นเดียวกันส่วนฉั่งฉิกที่ยังไม่โตเต็มที่นางก็ขุดเอาทั้งหมดเข้าไปปลูกเอาไว้ในพื้นที่อันแห้งแล้งในมิติของนางทันที ขอเพียงรดด้วยน้ำแร่นางเชื่อว่าฉั่งฉิกพวกนี้จะสามารถเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีระหว่างที่นางเข้ามิติไปปลูกฉั่งฉิก นางก็แวะดูหมาป่าที่บาดเจ็บด้วย ตอนนี้ร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยบาดแผล จึงทำได้แค่เพียงนอนนิ่ง ๆ เท่านั้นเว่ยจื้อโหยวไม่ได้สนใจพวกมัน ส่วนลูกหมาเล็ก ๆ ทั้งสี่ตัวนั้นก็คลานไปทั่วตามประสาหมาเด็กแรกเกิดกำลังซน เมื่อนางจัดการทุกอย่างในมิติเสร็จเรียบร้อยแล้วนางก็กลับออกจากมิติและเดินกลับบ้านระหว่างทางกลับบ้านนางก็แวะตรวจดูกับดักที่นางวางเอาไว้ กับดักของนางวันนี้ผลการเก็บเกี่ยวไม่เลวเช่นเด
ระหว่างทางเข้าเมืองสองพ่อลูกพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เว่ยเจี้ยนป๋อดีใจมากที่เขาตัดสินใจแยกบ้านและพาครอบครัวย้ายมาอยู่บ้านเดิมของภรรยา ลูกสาวเขามีชีวิตที่ดีขึ้นทุกวันและยังนำพาให้เขาและพี่ชายภรรยาอยู่สุขสบายไปด้วย ที่สำคัญลูกสาวของเขามีความสุข ถึงแม้ว่านางจะต้องแต่งงานไปอย่างรวดเร็วก็ตามที“อาโหยวเข้าป่าก็ระวังตัวให้ดีนะลูก ตอนนี้พวกเราพอจะมีเงินขึ้นมาบ้างแล้วไม่ได้ขัดสนเหมือนเมื่อก่อน ไม่จำเป็นลูกอย่าเข้าป่าลึกให้มาก”“เจ้าค่ะท่านพ่อ แต่ท่านพ่อเจ้าคะเข้าป่าลึกก็ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ ข้าเอาตัวรอดได้ ท่านพ่อข้าอยากให้ท่านพ่อสร้างบ้านพักคนงานเอาไว้ในที่ดินที่ท่านพ่อซื้อมาใหม่ด้วยนะเจ้าคะ เราจะหาคนมาช่วยท่านพ่อทำนา ต่อไปข้าคิดจะทำการค้าหากว่าสงครามสงบลงแล้ว ท่านพ่อจะต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ส่วนน้อง ๆ ก็ให้ส่งไปอยู่สถานศึกษาให้หมด หากจะให้ดี ท่านพ่อรีบมีน้องให้ข้าอีกคนดีหรือไม่เจ้าคะ ท่านแม่จะได้ไม่เหงาด้วยหากน้องชายทั้งสองคนไม่อยู่” “ทำการค้าหรือ หากเจ้าอยากทำพ่อจะสนับสนุนเจ้าเอง แต่เรื่องมีน้องเอาไว้รอบ้านใหม่เสร็จก่อนนะลูก ตอนนี้ทำอะไรได้ไม่สะดวก แต่อย่าได้ไปพูดกับแม่ของเจ้าเชียวล่ะ มีหวังพ่อไ
สองคนพ่อลูกขับเกวียนกลับบ้านด้วยความเบิกบาน เว่ยจื้อโหยวอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก วันนี้นางหาเงินได้ 138 ตำลึงทองกับอีก 5 ตำลึงเงิน และเงินส่วนแบ่งจากการขายปลาในตอนเช้าอีก 5 ตำลึงเงิน ด้วยรายได้ในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 5 ตำลึงเงินนั้น นับว่าเป็นเงินที่ไม่น้อยเลย พรุ่งนี้เว่ยจื้อโหยวให้ท่านพ่อไปซื้อที่ดินให้นางเพิ่ม จากนั้นนางจะเข้าเมืองเพื่อว่าจ้างช่างมาสร้างบ้าน นอกจากนี้ยังต้องจ้างชาวบ้านล้อมรั้วด้วย นางต้องการซื้อที่ดินที่อยู่ติดกับบ้านของนางในตอนนี้ยาวไปถึงชายป่าเชิงเขาเว่ยจื้อโหยวต้องการจะปลูกผัก ปลูกผลไม้และเลี้ยงสัตว์ ปลูกข้าวเอาไว้กินและขายด้วย ในเมื่อนางสามารถปลูกพืชผักได้ดีกว่าคนอื่นเช่นนั้นนางจะปลูกให้มากหน่อยจะได้นำไปขายในเมืองและต่างเมืองในอนาคต“ท่านพ่อเจ้าคะ พรุ่งนี้หลังจากที่ท่านพ่อกลับจากส่งปลาแล้ว ท่านพ่อช่วยไปซื้อที่ดินเพิ่มให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ”“ได้สิ เจ้าต้องการที่ดินมากขนาดไหนหรืออาโหยวพ่อจะได้จัดการให้เสียทีเดียว”“ข้าต้องการที่ดินที่ติดกับบ้านสามีข้าทั้งด้านซ้ายด้านขวาและยาวไปจนถึงชายป่าเชิงเขาเจ้าค่ะท่านพ่อ”“มากมายถึงเพียงนั้นเชียวรึ”“ไม่มากเท่าไหร่เจ้าค่ะ ในอนาค
เช้าวันต่อมาเว่ยเจี้ยนป๋อกับเหลียนอี้ปิงยังมาเก็บปลาจากกับดักไปส่งที่เหลาอาหารเช่นเคย เว่ยจื้อโหยวเองหลังจากที่นางกลับจากไปตรวจดูกับดักที่วางเอาไว้อย่างเช่นทุกวัน เช้าวันนี้เว่ยจื้อโหยวได้ไก่ป่ามาเพียงแค่ 8 ตัวเท่านั้น นางจึงไม่คิดนำไปขาย ไก่ป่าที่ดักมาได้ทั้งหมดถูกปล่อยลงไปในเล้าไก่ที่นางทำเอาไว้ ส่วนคอกกระต่ายนางจะให้ท่านพ่อช่วยสร้างให้ภายหลัง หลังจากกลับจากตรวจดูกับดัก นางก็เข้าครัวหุงหาอาหารเอาไว้ จากนั้นก็เริ่มรดน้ำในแปลงผัก แต่ก็ต้องตกใจผักที่นางเป็นคนปลูกเติบโตเร็วเกินไปหรือไม่ นางคิดเอาไว้ว่าหลังจากตัดผักชุดนี้หมดแล้วจะยังไม่ปลูกผักชุดใหม่จนกว่ากำแพงบ้านจะเสร็จเพราะนางไม่ต้องการให้คนที่คิดร้ายกับครอบครัวนางได้เห็นว่าภายในบ้านมีอะไรหรือปลูกอะไรเอาไว้บ้างน้องทั้งสองคนตื่นขึ้นมาในยามเหม่าดังเช่นทุกวัน หลังจากล้างหน้าล้างตาจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนต่างรีบไปช่วยงานพี่สะใภ้ที่แปลงผักหลังบ้านทันที“พี่สะใภ้พวกเรามาแล้วขอรับ ผักที่พวกเราปลูกโตเร็วมากเลย อีกไม่นานเราจะสามารถตัดไปขายได้แล้วนะขอรับ”“นั่นสิเจ้าคะพี่สะใภ้ ข้าก็ว่าผักบ้านเรางามกว่าที่คนอื่นปลูกอีกนะเจ้าคะ”“ที
เว่ยจื้อโหยวขับเกวียนออกจากตัวเมืองมุ่งหน้ากลับบ้าน น้อง ๆ ทั้งสามคนต่างคุยกันสนุกสนานร่าเริง แต่ความร่าเริงนั้นอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเกวียนวัววิ่งมาถึงทางแยกที่จะเลี้ยวผ่านป่าไปยังหมู่บ้านกลับมีชายฉกรรจ์สองคนกระโดดออกมาขวางทางเกวียนเอาไว้“พี่ใหญ่คนพวกนั้นเป็นใครเหตุใดจึงมาขวางทางพวกเราเช่นนี้”“ไม่ต้องตกใจไปพี่ใหญ่จัดการได้ พวกเจ้าจับให้ดีพี่ใหญ่จะเร่งความเร็วแล้วในเมื่อพวกมันกล้าขวางทางเราข้าก็กล้าที่จะฝ่าไปเช่นเดียวกัน ต้าหนิว เสี่ยวหนิวงานนี้จะต้องพึ่งพาพวกเจ้าแล้วล่ะ”“พี่สะใภ้ระวังตัวด้วยขอรับ”“ขอบใจมากอาซวน น้องเล็ก น้องรองพวกเจ้าหมอบลง และหาที่จับเอาไว้ให้ดี อาซวนหยิบท่อนไม้ข้างเกวียนส่งมาให้ข้าที”“นี่ขอรับพี่สะใภ้”“เอาล่ะพวกเจ้าทั้งสามคนหมอบลงแล้วก็หาที่จับเอาไว้ให้แน่น ต้าหนิว เสี่ยวหนิว ไปกันเลย"เว่ยจื้อโหยวเร่งความเร็ววัวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ นางไม่สนใจว่าสองคนที่มาดักหน้านางเป็นใครและมีจุดประสงค์อะไร แต่ที่แน่ ๆ คงไม่ได้มาดีเป็นแน่ หลังจากรับท่อนไม้มาจากอวิ๋นซวน มืออีกข้างจับเชือกวัวเอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างจับท่อนไม้พร้อมฟาดเต็มที่ชายฉกรรจ์ด้านหน้าแต่เดิมทีพวก
หลังจากเหลียนอี้หลุนแต่งภรรยาเข้าบ้านได้ไม่นาน หยวนจิ้งเองก็พบรักเข้ากับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านแถบชานเมือง นางเป็นบุตรสาวพรานป่าที่มีนิสัยใจคอกล้าหาญไม่ต่างไปจากน้องสะใภ้อย่างเว่ยจื้อโหยว ที่สำคัญนางเป็นคนจิตใจดี หยวนจิ้งแต่งภรรยาได้ไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ทันที ต่างจากอี้หลุนที่ไม่ว่าจะทำยังไง ภรรยาก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ส่วนภรรยาของกู้ตงและสหายทั้งสองตอนนี้ตั้งครรภ์แล้วเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็กำลังจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยความพยายามของอี้หลุนในที่สุดภรรยาก็ตั้งครรภ์เสียที เซี่ยเหิงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าคนอื่น อ้ายหลินเองก็ท้องโตและกำลังใกล้คลอดตามเว่ยจื้อโหยวมาติด ๆ หมู่บ้านต้าลี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เว่ยเจี้ยนป๋อได้เป็นบิดาของจอหงวนฝ่ายบุ๋น อวิ๋นเซียวนั้นมีน้องชายเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ อวิ๋นเฟยกับหย่งคังก็มีลูกชายหญิงให้บิดามารดาได้เลี้ยงหลานไม่เหงา ทำเอาลุงใหญ่อย่างเหลียนอี้ปิงอิจฉาตาร้อนไปหมดเจ้าแฝดต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า หลังจากมารดาคลอดน้อง ๆ แล้วทั้งสองคนจะเข้าไปศึกษาที่เมืองหลวงตามที่รับปากกับท่านลุงเฟยหลงเอาไว้ เว่ยจื้อโหยวมีความสุขที่ได้อยู่กับลู
เหลียนอี้หลุนตอนนี้กำลังชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะทำตามใจตัวเองหรือจะยอมเดินออกมาอย่างเช่นที่เคยทำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่พึงใจในตัวม่านหลิน เพียงแต่เขาคิดว่าตัวเองมีชาติกำเนิดต่ำต้อย บิดามารดาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เจ้าเมืองเตี้ยนถงเองไม่เคยคิดดูถูกชาติกำเนิดของเหลียนอี้หลุนอย่างที่ตัวอี้หลุนเข้าใจ ที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกุเรื่องว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของสหายของนางนั้นเพื่อกระตุ้นให้อี้หลุนรู้ใจตัวเองเพียงเท่านั้น เหลียนอี้หลุนทำหน้าที่คุ้มกันขบวนสินค้ามานานแล้วและนางเองก็รู้ดีว่าเขาพึงใจในตัวบุตรสาวคนเล็กของนาง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้ง แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเช่นนางกับสามีนั้นมีหรือจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดเช่นไรกับบุตรสาวของตัวเอง ม่านหลินนั้นตกหลุมรักเหลียนอี้หลุนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงในสายตาคนอื่นนางเป็นคุณหนูจวนขุนนางที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นอกจากวิ่งออกไปเที่ยวตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหาร งานเย็บปักและการต่อสู้ไม่ได้ด้อยเลย ม่านหลินเองก็เริ่มถอดใจแล้วเช่นเดียวกัน นางคิดว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จ ขนาดที่นาง
หมู่บ้านหนานซานตอนนี้ข่าวการกลับมาของสามสหายปากร้ายแห่งหมู่บ้านหนานซานที่กลับมาจากเมืองหลวงพร้อมทั้งนำภรรยากลับมาด้วยเป็นที่เลื่องลือไปสี่หมู่บ้านยี่สิบลี้เลยก็ว่าได้ชาวบ้านหลายคนต่างไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษปากคมเช่นสามคนนั้นจะสามารถแต่งภรรยาจากเมืองหลวงกลับมาได้ อีกทั้งเหล่าภรรยายังเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่มาพร้อมกับสินเดิมมากมายและเช้าวันนี้หลังจากที่ส่งสามีออกไปทำงานแล้วเหล่าสะใภ้ทั้งสามก็นัดแนะกันเข้าป่าล่าสัตว์หาของป่าดังเช่นชาวบ้านทั่วไป ทั้งสามคนคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานมาอยู่หมู่บ้านหนานซานแห่งนี้“ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่สะใภ้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ป่านี้เสวี่ยเหลียนกับซินเหมยคงมารอแล้ว” ม่อจื่อ“จื่อเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะ อย่าเข้าป่าลึกมากนัก บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดอย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย เข้าใจหรือไม่” แม่สามีบอกลูกสะใภ้ชาวเมืองอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”ผิงม่อจื่อหลังจากบอกลาแม่สามีแล้วก็มุ่งหน้ามาที่จุดนัดหมายที่มีสหายสองคนรออยู่ที่ทางขึ้นเขาท้ายหมู่บ้าน เส้นทางนี้ชาวบ้านในหมู่บ้า
หลังจากผ่านพ้นการแต่งงานแบบที่แปลกประหลาดไปแล้ว สี่หนุ่มแห่งหมู่บ้านต้าลี่ต่างได้ภรรยากลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนอกเหนือจากของฝากที่พวกเขาซื้อเอาไว้มากมายเพราะทั้งสี่คนแต่งงานแล้วและภรรยายังตามสามีกลับไปด้วย ขากลับทำให้มีขบวนรถม้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เว่ยจื้อโหยวเองถึงแม้จะดีใจที่เจ้าพวกลิงทโมนทั้งสี่ในที่สุดก็รู้จักแต่งภรรยามีครอบครัวเสียทีจะได้ไม่ต้องรวมหัวกันไปทำเรื่องอะไรพิเรน ๆ อีก แต่ดูท่าทีภรรยาของแต่ละคนแล้ว เว่ยจื้อโหยวคิดว่าคงมีเรื่องปวดหัวตามมาอีกไม่น้อย “เดินทางปลอดภัยนะ อาเซียวน้องสะใภ้” เฟยหลง“ขอบคุณขอรับพี่รอง ท่านกลับไปดูแลพี่สะใภ้กับหลานชายเถอะไม่ต้องเป็นห่วง” อวิ๋นเซียว“เจ้าแฝดไม่อยู่กับลุงที่เมืองหลวงหรือ” เฟยหลงถามหลานชาย“ไม่ขอรับ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อทำงาน เอาไว้ถึงเวลาเข้าสำนักศึกษาแล้วค่อยมาอยู่กับท่านลุงที่เมืองหลวงขอรับ แต่ต้องรอให้ท่านแม่มีน้องก่อนนะขอรับ เพราะหากพวกเราสองคนมาอยู่ที่เมืองหลวงข้ากลัวท่านแม่จะเหงา” ต้าเป่า“ได้ เช่นนั้นลุงรองจะสร้างเรือนเอาไว้ให้พวกเจ้าสองคนนะ เอาติดกับเรือนของน้องชายเลยดีหรือไม่”“ดีขอรับ ท่านลุงรักษาตัวด้วยนะขอรับ เอาไว้ต้าเ
เวลาผ่านไปอีกสองวันก็มีข่าวออกมาว่าชุยต้าหวังพร้อมนางจินซื่อถูกจับข้อหาร่วมมือกันทำให้อดีตภรรยาเอกถึงแก่ความตาย และยึดเอาสินเดิมภรรยาพร้อมทั้งใส่ความบุตรที่เกิดกับภรรยาเอกให้มีความผิดและส่งขายไปเป็นทาสหลวงหลังจากเจ้าหน้าที่ทางการสอบสวนแล้วนางจินซื่อสารภาพว่าเป็นคนวางยาอดีตภรรยาเอกเพื่อต้องการขึ้นมาเป็นภรรยาเอกแทน ส่วนชุยต้าหวังมีความผิดฐานยึดเอาสินเดิมภรรยาและขายลูกชายทั้งสี่ไปเป็นทาส ด้วยเหตุนี้นางจินซื่อมีโทษประหารข้อหาฆ่าคนตาย ชุยต้าหวังมีโทษจำคุก 30 ปี ส่วนลูกชายอย่างชุยตงหลางนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่บิดามารดาได้กระทำลงไปจึงไม่มีความผิด ลูกสาวอย่างชุยรุ่ยเอ๋อร์นั้นมีส่วนรู้เห็นและร่วมมือกับมารดาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกันทางการได้คืนสินเดิมของมารดาชุยต้าทั้งหมดให้กับพวกเขาสี่พี่น้อง ชุยต้าเองย่อมรู้ว่าเป็นฝีมือของฮูหยิน แต่พวกเขาไม่ยินดีที่จะอยู่เมืองหลวงอีกต่อไป เพราะต่างก็ตั้งใจลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านต้าลี่แล้ว ชุยต้ากลับไปคงต้องคุยกับพี่น้องของตัวเองเรื่องสินเดิมมารดาที่เหลือไม่มากแล้วเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชุยต้าหวังและนางจินซื่
หย่งซีและชุยต้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับที่เว่ยจื้อโหยวกลับมาจากวังหลวงเช่นเดียวกัน หย่งซีใบหน้าบูดบึ้งเดินกระแทกเท้าตึง ๆ เข้าไปหาพี่สาวเพื่อบอกกับนางว่าเขาและชุยต้าถูกคนรังแกอย่างไรบ้าง“เป็นอะไรเสี่ยวซีทำไมหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้น ใครทำอะไรให้โมโหมาหรือ” เว่ยจื้อโหยวถามน้องชาย“ก็วันนี้ข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองมาแล้วไปเจอยายป้าปากแดงอยู่ ๆ ก็เข้ามาด่าว่าพี่ชายชุยต้ากับข้า แถมยังบอกว่าพี่ชายชุยต้าเป็นอดีตพี่ชายของนาง เท่านั้นยังไม่พอนางยังด่าว่าเป็นทาสด้วย เป็นทาสอะไรกันไม่ได้เป็นทาสเสียหน่อย”“ใครกันน่ะ เหตุใดถึงได้กล้าด่าคนอื่นกลางตลาดขนาดนั้น ไม่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีแล้วไม่มีใครมาสู่ขอหรือ แถมเป็นสตรีด้วย”“ข้าไม่รู้หรอกพี่ใหญ่ รู้แค่ว่านางไม่สวย ทาหน้าขาวโพลนแถมยังปากแดงอีกด้วย ใครจะไปสนใจกันว่านางเป็นใคร ไม่ได้รู้จักแต่เข้ามาด่า นางบอกว่าพี่ชุยต้าเป็นอดีตพี่ชาย”“สรุปที่เจ้าโมโหขนาดนี้ แม่นางผู้นั้นด่าเจ้าหรือด่าชุยต้า” “ด่าข้าด้วย ด่าพี่ชายชุยต้าด้วย นางด่าข้าว่าไอ้เด็กเหลือขอ พ่อแม่ไม่สั่งสอน” หย่งซีหน้างอตอบพี่สาว“ตกลง ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะไปถามชุยต้าเดี๋ยวพี่สาวจะจัดก
หลังจากที่ราชครูเถียนได้ตัดสินใจออกไปแบบนั้นแล้ว เขาไม่เสียใจที่ต้องทำเช่นนี้ หาไม่แล้วตระกูลเถียนคงได้ล่มสลายเพราะสตรีสมองหมูสองคนนี้เป็นแน่ เถียนเสี่ยวมี่ไม่ยินยอมจึงได้โวยวายว่าบิดาไม่ยุติธรรม“ท่านพ่อ ท่านจะมาทำแบบนี้กับข้าและท่านแม่ไม่ได้ เหตุใดเราสองแม่ลูกจะต้องไปอยู่ที่หมู่บ้านบรรพบุรุษด้วยเจ้าคะ การที่ลูกรักพี่จิ้งลูกผิดหรือเจ้าคะ”“ผิด เพราะหยวนจิ้งไม่ได้มีไมตรีต่อเจ้า การที่เจ้าไปวิ่งตามหยวนจิ้งแบบนั้นนอกจากจะด้อยค่าตัวเองแล้วยังทำลายเกียรติของตระกูลเถียนด้วย เจ้าไม่รู้สึกอับอายผู้คนบ้างหรือ”“ท่านพี่ ให้โอกาสเราแม่ลูกสักครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ ต่อไปข้าจะดูแลมี่มี่ให้ดี จะไม่ให้ออกไปก่อเรื่องได้อีก”“ข้าตัดสินใจแล้ว การกระทำของเสี่ยวมี่ที่ผ่านมามันบ่งบอกได้ถึงว่านางไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดี ตัวข้าเป็นขุนนางตำแหน่งราชครู แม้แต่ลูกสาวของตัวเองยังสั่งสอนไม่ได้แล้วข้าจะมีหน้าไปสั่งสอนผู้อื่นได้เช่นไร พวกเจ้าสองแม่ลูกอย่าลืมว่ายังมีลูกชายทั้งสองคนที่เป็นขุนนางอนาคตไกล อย่าให้การกระทำสิ้นคิดของเจ้ามาทำลายตระกูลเถียนและหน้าที่การงานของทุกคน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าให้ได้ปรับปรุงตัวเ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้หยวนจิ้งอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก หลังจากส่งหลาน ๆ กลับจวนแม่ทัพแล้ว ตัวเขาเองก็มุ่งหน้ากลับจวนกั๋วกงทันทีหยวนจิ้งกลับมาถึงก็ตรงไปที่เรือนของฮูหยินทันที เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เขาไม่อาจใจเย็นได้อีก ก่อนจะจัดการคนอื่นต้องจัดการคนในครอบครัวก่อน คนแรกคือท่านแม่ของเขาเอง“ท่านแม่อยู่หรือไม่”“อยู่เจ้าค่ะคุณชาย กำลังสนทนาอยู่กับฮูหยินท่านราชครูเจ้าค่ะ”“ขอบใจ มีอะไรก็ไปทำเถอะ"“เจ้าค่ะคุณชาย”หยวนจิ้งเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้าไปหาผู้เป็นมารดาที่ตอนนี้นั่งคุยกันอย่างออกรสอยู่กับฮูหยินจวนราชครู หยวนจิ้งเองไม่คิดจะไว้หน้าอยู่แล้ว ในใจเขาคิดว่าดีแล้วจะได้ไม่ต้องไปถึงจวนราชครู หวังว่าฮูหยินจะกลับไปสั่งสอนลูกสาวหรือตัวฮูหยินเองที่ต้องหยุดการกระทำทุกอย่างและอย่าได้คิดมาเล่นแง่หาข้ออ้างอะไรอีก แม้แต่ท่านแม่ของตัวเองวันนี้หยวนจิ้งเองก็ไม่คิดจะอ่อนข้อให้“คารวะท่านแม่ขอรับ คารวะฮูหยินท่านราชครู"“อ้าว อาจิ้งทำไมกลับมาไวนักล่ะลูก ไหนว่าไปที่ตำหนักองค์ชายสามไม่ใช่หรือ” “อุ๊ย ดูพูดเข้าสิ หลานจิ้งฮูหยงฮูหยินอะไรกัน เรียกท่านป้าเถอะจ้ะ” ฮูหยินราชครู“ไม่ล่ะขอรับ ข้าไม่ส
เว่ยจื้อโหยวพาลูก ๆ และสามีเดินทางรอนแรมจากหมู่บ้านต้าลี่ในที่สุดก็ถึงเมืองหลวงเสียที คนที่มารอรับพวกเขาอยู่นอกประตูเมืองคือเฟยหลงกับหยวนจิ้ง เด็กน้อยทั้งสี่ต่างขดตัวนอนหลับอยู่ภายในรถม้ากับพี่เลี้ยงสี่ขาทั้งสี่เฟยหลงพาน้องชายนอกสายเลือดที่เขารักไม่ต่างจากคนสายเลือดเดียวกันเข้าไปพักที่จวนแม่ทัพ ก่อนหน้านั้นหลายปีจวนแม่ทัพแห่งนี้มีอวิ๋นซวนกับหย่งคังและหย่งหมิงพักอยู่ ถึงแม้ตอนนี้จะมีเพียงหย่งหมิงกับอวิ๋นซวนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาเล่าเรียนในสถานศึกษาหลวง“ถึงแล้ว ที่นี่ล่ะ ตอนนี้อาซวนกับอาหมิงคงยังไม่กลับจากสถานศึกษา” หยวนจิ้ง“พาหลาน ๆ ไปนอนในห้องหับเสียก่อน เดินทางมาไกล ต้าเป่ากับน้อง ๆ คงเหนื่อยแย่” เฟยหลง “ขอรับพี่ใหญ่ พี่รอง” อวิ๋นเซียว"เอาล่ะ ซ้ายมือเป็นเรือนของอาเหิงกับครอบครัว ส่วนอาเซียวอยู่เรือนหน้าก็แล้วกัน เรือนด้านขวานั้นอาหมิงกับอาซวนพักอยู่ก่อนแล้ว ส่วนพวกเจ้าที่เหลือไปพักอยู่ที่เรือนหลังก็แล้วกัน" เฟยหลงแจกแจงที่พักหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายเข้าเรือนพักเรียบร้อยแล้ว รถม้าทั้ง 10 คันก็เขาไปจอดเรียบร้อยที่พื้นที่ด้านหลังของจวน ม้าเองก็ต้องการพักผ่อนเช่นเดียวก