เหอผิงฟาหยางยืนรอหวงหลานที่เพิงเก่าที่นางเคยให้เป็นที่ช่วยคน กลับไร้แม้เงาของหวงหลาน“องค์ชาย นี่ก็เลยเวลามากแล้ว แม่นางน้อยหวงหลานคงไม่มาแล้ว”“รออีกสักพักดีไหม บางทีวันนี้นางอาจมาสายๆ ”“แต่นี่ก็ใกล้ยามเที่ยงแล้วหากองค์ชายชักช้า เกรงว่าจะไม่ทันเวลาดื่มชากับแม่นางหลงถานไป๋อี้ชิง”“รอนางอีกสักครู่หากนางไม่มา ค่อยไปที่บ้านตระกูลหลงถาน”กงฉานเดินไปที่ ร้านซาลาเปาข้างๆ“ท่านลุง แม่นางน้อยหวงหลานท่านรู้ไหมว่านางพำนักที่ไหนกัน”“ ใครๆก็รู้ว่า ไม่มีใครรู้ว่าแม่นางน้อยหวงหลานพำนักที่ไหน ครั้งหนึ่งเคยมีคนคิดสะกดรอยตามแต่ทว่ากลับถูกท่านป้าหลิวเหยียนลงไม้ลงมือเสียปางตาย ตั้งแต่นั้นมาก็เลยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้สองคนแม่ลูกอีกเลย”“แล้วรู้หรือไม่ ทำไมวันนี้แม่นางน้อยหวงหลานจึงไม่มา""นั่นอาจเป็นเพราะนางป่วยไข้ ปกติแม่นางน้อยหวงหลานไม่มาคนเดียวก็มากับมารดาหลิวเหยียน"ฟาหยางขมวดคิ้ว"ท่านลุง นางพำนักอยู่ที่แห่งใด"ลุงขายซาลาเปาส่ายหน้าช้าๆ"องค์ชายไร้วาสนา ไม่ได้ชิดเชื้อมีเพียงวาสนาได้พานพบ""ข้าจะมาอีกทีวันพรุ่งนี้"กงฉานถอนหายใจ กับใบหน้าเศร้าหมองของเหอผิงฟาหยางที่แม้จะก้าวเดินนำหน้าแต่ภายในใจของฟาหยาง
วังหลวงองค์ชายใหญ่เหอผิงฟาหนาน ประสานมือตรงหน้าฮ่องเต้"เสด็จพ่อลูกมีเรื่องขอความเป็นธรรม"เหอผิงฉีปิงเงยหน้าขึ้นจากกองฎีกา"มีเรื่องใดกันถึงร้อนรนเพียงนี้นี่ยามห้าย (21.00-22.59) เจ้าไม่รอถึงพรุ่งนี้""เสด็จพ่อลูกไม่อาจทนได้จนถึงพรุ่งนี้ ในเมื่อเจ้ารองฟาหยางหยามเกียรติของลูกยิ่งนัก""เช่นไรจึงกล่าวหาเจ้ารองว่าหยามเกียรติ""เจ้ารองอาศัยพลังเวท ให้แม่หมอที่ต่างร่ำลือเรื่องผูกด้ายชะตารักเกลียดผูกด้ายให้เขากับหลงถานไป๋อี้ชิงทำให้นางเปลี่ยนใจไปจากลูก""เหอผิงฟาหนาน ..เรื่องรักใคร่เช่นไรจึงจะบงการกันได้ หากนางมีใจให้กับเจ้าจริงเพียงแค่ผูกด้ายชะตาเหลวไหลนั่นคิดว่าจะทำให้นางเปลี่ยนใจจากเจ้าเชียวหรือ""เสด็จพ่อ.. แต่ผู้คนล้วนกล่าวขานว่า นางล้วนสามารถทำให้ผู้คนรักเกลียด”“เหลวไหล อย่าได้นำเรื่องเหลวไหลแบบนี้มาบอกกล่าวข้าอีก”“เสด็จพ่อในพระทัยท่านมีข้าบ้างหรือเปล่า ในพระทัยท่านนอกจากเหอผิงฟาหยางแล้วยังมีลูกคนนี้หรือไม่”เหอผิงฉีปิงสะบัดมือลงบนใบหน้า ฟาหนานอย่างแรง“จำไว้ ลูกของข้าต้องอดทนห้ามอ่อนแอ ห้ามมีน้ำตา การจะเอาชนะทุกอย่างได้ต้องอาศัยความแข็งแกร่งของจิตใจเท่านั้น”ฟาหนานประสานมือตรงหน้า“
"แม่นางน้อยรีบพาคุณชายท่านนี้ไปหาหมอก่อนทางนี้พวกเราจัดการกันเอง"ลุงขายซาลาเปาพูดรัวเร็วหวงหลานพยุงร่างสูงโงนเงน ป้าร้านขายน้ำตาลก้อนมาช่วยพยุงอีกข้างไปยังร้านหมอ"ขอบคุณท่านป้า"หวงหลานเอ่ยคำขอบคุณ ป้าร่างท้วมยิ้มอย่างเป็นมิตร"ไม่เป็นไรรีบพาคุณชายหาหมอเสียก่อนอาการคงจะหนักน่าดูถึงกลับหมดสติไปเลยทีเดียว"หวงหลานเองก็กังวลไม่น้อย"ท่านหมอ ท่านหมอมีคนเจ็บ"หมอชรารีบออกมาจากห้องเคี่ยวยาทางด้านหลัง ช่วยหวงหลานจับฟาหยางนอนบนแท่นนอน"แม่นางน้อยท่านออกไปก่อนจึงดีข้าจะตรวจดูบาดแผลให้ละเอียด"หวงหลานออกไปยืนด้านนอกอย่างว่าง่ายแต่ก็ไม่วายเป็นกังวลเกือบครึ่งชั่วยาม ท่านหมอจึงออกมาข้างนอกมือไม้เปรอะไปด้วยเลือดหวงหลานสีหน้าเป็นกังวลที่สุด"แม่นางผู้นี้เป็นอะไรกับกับคุณชายผู้นั้น""ข้าแค่เพียงรู้จักเขาแค่ผิวเผิน""อืม ข้าได้ยินเขาเรียกชื่อหวงหลานตลอดเวลา ไม่ทราบว่าเป็นใคร คงห่วงใยแม่นางหวงหลานคนนั้นไม่น้อย""ข้าเอง""อ๋อ เขาช่างเป็นบุรุษจิตใจดียิ่งช่วยแม้กระทั่งคนที่รู้จักเพียงผิวเผินแล้วยังแสดงความห่วงใยเพียงนี้""ท่านหมออาการบาดเจ็บของเขา""น่าห่วงยิ่งแล้ว บาดแผลแม้ไม่ลึกนักทว่าแผลกับสร้างความเจ็บป
“ท่านลุง”กงฉานประสานมือตรงหน้าลุงขายซาลาเปา“อ๋อ คงมาตามหาคุณชายที่ได้รับบาดเจ็บคนนั้น แม่นางน้อยหวงหลานพาเขาไปที่ร้านหมอเพราะเขาบาดเจ็บ” กงฉานเลิกคิ้วสูง“บาดเจ็บ”“ พวกเราช่วยไว้ทันไม่อย่างนั้นคง สิ้นชีพไปแล้ว”กงฉานหน้าถอดสี“ท่านลุงขาลา”สาวเท้ายังร้านหมอ“คุณชาย คุณชายใจเย็นๆ เขาไปกันแล้วไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”“ไปไหนไปไหนกันแล้ว องค์ชาย ไม่สิคุณชายท่านนั้น อาการสาหัสมากน้อยเพียงใด”“คุณชาย นั่งลงใจเย็นๆ ข้าจะเล่าให้ฟัง”ก่อนหน้านั้น“คุณชาย เป็นอย่างไรบ้าง”“ท่านหมอ ยังยังไม่ถึงตาย”“อืม ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าทำแผลให้คุณชายเสียก่อนดีกว่า แล้วค่อยดื่มยานี่ที่ข้าเคี่ยวไว้”“ท่านหมอหากข้าจะ ไหว้วานท่าน”“เรื่องใดกัน”“ท่านหมอท่านช่วย บอกแม่นาง คนข้างนอกนั่นเรื่องอาการบาดเจ็บของข้า”“แน่นอน ข้าต้องบอกนางอยู่แล้ว”“ไม่สิท่านต้องบอกนางว่า อาการของข้าน่าห่วงยิ่งนัก”“ข้าไม่ถนัดเรื่องโป้ปด”“ถือว่าช่วยข้า" หยิบถุงเงินในอกเสื้อส่งให้ท่านหมอที่รับเอาอย่างงงๆ"ถือเสียว่านี่เป็นสินน้ำใจเล็กน้อยให้ท่านช่วยบอกนาง ท่านจะพูดอย่างไรก็ได้ให้นางพาข้ากลับไปกับนางเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ”“เรื่องก็มีเท่
ฟาหยางยิ้มหวงหลานพยุงฟาหยางนั่งลงใต้ร่มไม้ครึ้ม ที่นัดพบกับมารดา“หิวจัง”“นี่เพิ่งจะถึงเวลาเที่ยง”“ข้าอยู่ในวังหลวง ถึงเวลาก็ต้องได้กิน”“ที่นี่ไม่มีของกินจะทำอย่างไรเล่า”“แต่ข้าหิวจริงๆ นะ”“ก็ได้”หวงหลานเดินลงไปในแม่น้ำ พยายามจับปลาในแม่มากที่มากมายชุกชุม แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จับไม่ได้ ฟาหยางเหลือบตามองข้างๆ ลูกพลับสุกเหลืองทั้งต้น ลุกขึ้นดึงลูกพลับจากต้นมาเคี้ยวงับๆ“นี่นี่นี่เจ้า ไม่ต้องจับแล้ว”กินจนอิ่มจึงตะโกนบอกหวงหลานที่ตั้งหน้าตั้งตาจับปลามือเปล่า หันหลังให้ฟาหยางบนฝั่ง“ไม่ต้องห่วง พวกมันเยอะแยะขนาดนี้ข้าจะจับมาย่างให้ท่านกิน”กระโจน พุ่งตัวลงไปในน้ำด้วยความลืมตัว เสื้อผ้าอาภรณ์เปียกไปหมด ฟาหยางหัวเราะร่า“นี่เจ้า ข้าอิ่มแล้ว”โยน ลูกพลับลงไปในน้ำ หวงหลานอ้าปากค้างหันหน้ามามองฟาหยางตาเขียวปั๊ด“ทำไมไม่บอกข้าก่อนหน้านั้นว่า มีลูกพลับ”“นั่นมันความผิดของเจ้าทำไมไม่มองให้ดีว่ามีลูกพลับกินได้อยู่บริเวณนี้”“เจ้าต้นลูกพลับบ้าใครให้เจ้ามาขึ้นอยู่ริมน้ำ ปกติเจ้าขึ้นอยู่บนเขามิใช่หรือ”ฟาหยางหัวเราะร่า“อากาศหนาวยังกล้าไปแช่น้ำเล่นได้อีก”“อย่ามาเย้าข้าเล่นนะ” ฟาหยางหาเศษไม้กิ่งไม้มา
เติมฟืนเข้าไปในกองไฟเมื่อเห็นว่า เริ่มดึกอากาศยิ่งหนาวเขาลงทุนเจ็บตัว ควรนอนสบายที่บ้านของหวงหลานแต่ดูรึต้องมานอนตากลมหนาวกลางป่าแล้วยังพานางมาลำบากด้วย กลับไปถึงวังหลวงเมื่อไหร่ต้องสะสางกับพวกที่จ้างมาเป็นมือสังหารหลอกๆ พวกนั้นพิศมองใบหน้างดงามที่สะท้อนแสงไฟของหวงหลานที่หลับตาพลิ้ม หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ฟาหยางค่อยๆเอนกายลงข้างๆหวงหลาน หลับใหลไปอีกคนความหนาวไม่ปรานีใครเขา ยกมือขึ้นรวบร่างบางมาแนบชิดลำตัว ด้วยความหนาวที่ ทวีความรุนแรงอีกคนก็ไม่ขัดขืน“หนาว หนาวเสียจริง”ปากบางขยับขึ้นลง ขยับตัวเบียดแนบชิด ฟาหยางด้วยความหนาว ฟาหยางกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นไม่อาจข่มตาได้ยกมือขึ้นกอดร่างบางในอ้อมแขนไว้แน่นเช่นกันฟาหยางนอนลืมตาโพลงด้วยความรู้สึกตื่นตัวอยากจะผลักร่างบางออกห่างด้วยกลัวใจตัวเองว่าจะหักห้ามใจไม่ได้แต่อีกใจกับรู้สึกอบอุ่น“ปล่อยให้เป็นเรื่องของพรุ่งนี้ คืนนี้…”รวบร่างบางแนบชิดลำตัวหลับตาลงช้าๆ สูดกลิ่นกายสาวที่อบอวลรอบกาย เผลอยิ้มอย่างเป็นสุขไออุ่นจากการแนบชิดทำให้ค่ำคืนเหน็บหนาวผ่านไปได้ด้วยดีเช้าสดใสหวงหลานขยับกายของจากอ้อมแขนของฟาหยาง“ฉวยโอกาส”ดึงอาภรณ์ที่ ผิงไฟอยู่บนกิ่งไม
“อืม เจ้ารองคงยังไม่รู้ว่านักเวททั้งหลายเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับคนในวังหลวง เดิมข้าไม่อยากกล่าวหาเขาเมื่อเจ้าใหญ่พูดถึงเรื่องที่เจ้ารองทำ แต่ใครตามที่จะขึ้นนั่งบัลลังก์ตำหนักบูรพาหรือบัลลังก์มังกร จะต้องไม่ลังเลที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อไต่เต้าขึ้นไปบนบัลลังก์ให้จงได้ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าใหญ่กับเจ้ารองใครกับที่จะ กล้าตัดสินใจเรื่องแบบนี้มากกว่ากัน”ตำหนักจงเจียน (ตรงกลาง)“องค์ชาย ควรจะพักเรื่องแม่นางหวงหลานเสียที”กงฉานประสานมือก้มหน้า“ทำไม”หันมาถาม ด้วยความแปลกใจในเมื่อแต่เดิมเป็นกงฉานที่ ส่งเสริมเขา“เดิมเป้าหมายขององค์ชายคือตำแหน่งไท่จือ หลายวันมานี้ กงฉานเห็นว่าองค์ชายกำลังเดินทางผิด แม่นางน้อยหวงหลานเองเดิมนางอยู่อย่างสงบสุข แต่เมื่อองค์ชายข้องแวะกับนาง ก็ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย ”“เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าเพราะข้านางจึงต้องวุ่นวายและมีภัยใช่หรือไม่”“องค์ชาย ตำแหน่งไท่จือสำคัญยิ่ง ฝ่าบาทหลายวันมานี้ ส่งขันทีมาตามที่ตำหนักในทุกวัน ขันทีขององค์ชายจำต้องบ่ายเบี่ยง แม้ฝ่าบาทไม่สงสัยแต่เวลานี้ทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง ไม่นานฝ่าบาทคงจะแต่งตั้งองค์ชายอย่างแน่นอน”“ข้าเข้าใจแล้ว ไป๋อี้ชิงเป็นอย่างไ
“แม่นางน้อย”ฟาหนาน ยืนประจันหน้าหวงหลาน“คุณชายท่านนี้”ใบหน้าที่ละม้ายฟาหยางท่าทีเองก็ไม่ต่างกัน“มีเรื่องไหว้วานเจ้า หรือว่าอยากให้เจ้าช่วยเหลือเจ้าพอจะช่วยข้าได้หรือไม่”นำเสียงและท่าทีอ่อนโยน หวงหลานถอนหายใจยาว แม้ไม่ได้คิดก็มองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะต้องเกิดเรื่องนี้ขึ้นอย่างเสียไม่ได้“คุณชาย ท่านกลับไปเสีย เรื่องนี้ข้าขอไตร่ตรอง แต่คิดว่าคงไม่อาจช่วยท่านได้”“เจ้าอ่านความคิดข้าออกหรือไร ข้ายังไม่ทันได้เอ่ยปากเรื่องใดออกมา”“คุณชาย การที่จะผูกด้ายรักทับซ้อนกันนั้นเป็นข้าที่จะต้องตรวจดูเสียก่อนว่าสวรรค์บัญชาไว้เช่นไรหากสวรรค์ไม่มีบัญชาที่เหมาะสมข้าไม่อาจทัดทาน”“เจ้าผูกด้ายรักใคร่ให้กับฟาหยาง คงรู้ดีว่าเดิมนางเป็นคนรู้ใจของข้า”“ข้าไม่อาจเผยบัญชาสวรรค์ แต่ที่ข้ารู้ในตอนนั้นคือด้ายรักของนางไม่ได้โยงใยกับผู้ใดมาก่อนข้าไม่ได้ทำผิดต่อท่าน”“ไม่จริง ในเมื่อนางมีใจให้ข้าก่อนหน้านั้น เจ้าจะมากล่าวอ้างว่าด้ายรักของนางไม่เคยผูกโยงกับผู้ใดได้อย่างไร”“คุณชาย เรื่องนี้มิได้เพิ่งมี แม้แต่ด้ายรักของข้าเดิมก็ไม่เคยโยงใยกับผู้ใดมาก่อน…”ตั้งแต่หนานเปียนตายไป จนกระทั่งพบกับฟาหยางด้ายชะตารักจึงถ
“ไม่ปล่อย หากตะบะแตกเจ้าก็จะไม่ได้พบข้า อีกนานทีเดียวเพราะข้าต้องไปบำเพ็ญเพียร ถึงสามปีมนุษย์”หวงหลินรีบปล่อยอ้อมกอด“ไม่เอา หวงหลินยอมแล้วท่านเทพไม่อยู่หวงหลินจะแกล้งใครเล่า”มือใหญ่รวบเอวบางมาหนีบไว้ที่เอว“หากยังเล็กเหมือนเมื่อก่อนข้าจะตีก้นเสียให้เข็ด”หวงหลินดิ้น“ท่านเทพ หวงหลินโตแล้วนะ”หอบเอาร่างบางขึ้นฟาดบนบ่า“โตแล้วก็ตีได้”“ไม่เอา ปล่อยนะปล่อยเลย”ทุบแผ่นหลังกว้าง หมิงเหยียนชือเฉินวางร่างบางลงกับพื้น ร่างเล็กโงนเงน“โอ๊ะๆๆๆ โอ๊ย”หมิงเหยียนชือเฉินคว้าไว้กลัวว่าอีกคนจะล้มแต่กลับกลายได้ยินเสียงหัวเราะใสใสก่อนที่จะถูกดึงให้ล้มลงไปพร้อมกัน“ใครกันสอนนิสัยเจ้าเล่ห์กับเจ้าหวงหลานไม่ได้มีนิสัยเช่นเจ้าหรือว่าจะเป็น…”จ้องตากลมใสที่อมยิ้มอย่างไม่ทุกร้อนทั้งๆ ที่หมิงเหยียนชือเฉินกับรู้สึกว่าใจทำไมสั่นๆ“ข้าคงได้นิสัยของท่านเทพมาอย่างแน่นอน”ยิ้มมุมปาก“เหอะ หากเป็นของข้าจะต้องอ่อนหวานงดงามปานดอกมู่หลาน มิใช่ปลิ้นปล้อนเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นนิสัยของบิดาเจ้า”หวงหลินเลิกคิ้วสูง“ท่านเทพ ใครกันคือบิดาข้า”แววตาจริงจัง หมิงเหยียนชือเฉินถอนหายใจดึงมือบางให้ลุกขึ้น“เจ้าไปถามหวงหลานมารดาจอมปากแข็งใจ
ไป๋อี้ชิงในอาภรณ์บ่งบอกฐานะฮองเฮา กับฟาหยางฮ่องเต้ที่ใบหน้าแต่งแต้มด้วยหนวดบนริมฝีปาก ใบหน้าคมเข้มแต่ทว่าแววตาเศร้าโศก กงฉานยืนยิ้มอยู่ไม่ไกลนัก“ลูกแม่เจ้ามาแล้ว”ไป๋อี้ชิงโอบกอดร่างสูงน้ำตาปริ่มขอบตา“เสด็จแม่ลูกมาแล้ว และจะไม่จากไปไหนอีกต่อจากนี้”“ไท่จือใช้เวลาเพียงไม่นานสำเร็จวิชาด้านการปกครอง ครั้งนี้ควรตั้งใจเรียนรู้ด้านการปกครองกับฝ่าบาท”กงฉานพูดขึ้นยิ้มๆ“จวิ้นหวังเองก็มากความสามารถ กลับมาครั้งนี้จวิ้นหวังขออยู่ต่อ แต่ข้ารั้งให้เขากลับมาด้วย จะได้อย่างไรให้ข้ากลับมาเพียงลำพัง”“ฟาหยินจวิ้นหวัง มีหน้าที่อารักขาไท่จือ เจ้าเช่นไรกล้าเอ่ยปากให้ไท่จือเดินทางเพียงลำพัง”ไป๋อี้ชิงถามเสียงเข้ม“ทูลฮองเฮา ข้าน้อยเดิมตั้งใจจะศึกษาวิชาดาบต่อจากอาจารย์แต่ไท่จือเร่งเดินทางไปนิดหากรออีกไม่เกินสามเดือน จวิ้นหวังคงไม่เอ่ยปากแบบนั้น”“อืมจวิ้นหวัง ใฝ่ดีตั้งใจศึกษาศาสตร์ต่างๆ จะโทษเขาก็ไม่ได้ จะโทษก็โทษเจ้าฮองเฮาที่คิดถึงลูกมากไป เพิ่งสำเร็จการปกครองก็เรียกเขากลับ ธรรมดาบุรุษจะต้องมีวิชาดาบหรือเพลงกระบี่ติดตัว”ไป๋อี้ชิงยิ้มลูบหลังไหล่ให้กับฟาหลาง“กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว หว่างระหว่างทางมีเหตุ
หมิงเหยียนซือเฉินปรากฏกายตรงหน้า“ปิดคนอื่นได้ เบี่ยงเบนลิขิตฟ้าได้แต่หลอกนางหนูนี่ไม่ได้ หวงหลินเจ้าเห็นชัดไหมว่าด้ายชะตารักของมารดาเจ้าผูกติดกับใครกัน คน คนนั้นคือ….”“ท่านเทพหยุดคำพูดของท่านเสีย ข้าไม่อยากให้หวงหลิน ได้ยินมัน”หมิงเหยียนซือเฉินยิ้ม ยียวน“ข้าบอกเจ้าแล้วฝืนบัญชาสวรรค์มักจะพบกับความทุกข์ตรมทวีคูณ”“ท่านเทพข้าขอร้อง”“ท่านแม่กับท่านเทพพูดถึงเรื่องใดกัน หวงหลินไม่เข้าใจ”หวงหลานย่อกายลงข้างๆ หวงหลินน้อย“หวงหลินของแม่ เอาไว้เจ้าโตกว่านี้เรื่องบางทีเจ้าอาจเข้าใจ”หวงหลินดึงมือ หวงหลานยังร้านขายผลซานซาเชื่อม“ท่านแม่กินผลซานซาเชื่อมกัน”ยังคงแวะเวียนที่เดิม ในเมื่อหลายปีมานี่ ด้ายสัมพันธ์รักใคร่ถูกตัดให้ขาดสะบั้นลงไป ฟาหยางเองก็หายไปจากชีวิต แม้จะได้ยินเรื่องที่เขาปกครองแคว้นด้วยความร่มเย็นมีรัชทายาทสืบเชื้อสายมังกร มีฮองเฮาที่เคียงข้างทว่าใจหวงหลินก็ไม่เคยสั่นไหวจนกระทั่ง หวงหลินสามารถมองเห็นด้ายแดงอีกครั้ง“มาสิเจ้าตัวน้อยข้าอุ้มเจ้าหรือจะปีนขึ้นมาบนหลังข้า”หวงหลินกระโดดขึ้นไปบนแผ่นหลังใหญ่ของหมิงเหยียนชือเฉินทันทีหวงหลานส่ายหน้าไปมาสิบสองปีผ่านไป“มาสิเจ้าตัวน้อยจะให้ข้
หวงหลานยิ้มเศร้าๆ กัดผลซานซาเชื่อมเหมือนว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องกินและควรจะกินสามปีผ่านไปทุกอย่างล่วงผ่าน กาลเวลาหมุนไป ฤดูกาลหมุนเวียนทุกอย่างกำลังจะเดินหน้าต่อไปตามครรลองของมัน“ท่านแม่ ทำไม ด้ายสีแดงของท่านแม่ถูกได้โยงใยกับท่านลุงคนนั้นเล่า”มือน้อยในอุ้งมือของหวงหลานกระตุกมือหวงหลานเบาๆ หวงหลาน หยุดก้าวเดินในทันที ไล่สายตาไปยังเส้นสด้ายสีแดงบางเบาแทบจะมองไม่เห็นทว่าหวงหลินกลับมองเห็นมัน คำถามเกิดขึ้นในใจทำไมด้ายโยงใยความรักที่หวงหลานตัดมันเองกับมือถึงได้โยงใยได้เหมือนเดิมอีก หรือเป็นเพราะว่าหวงหลานไม่อาจขัดบัญชาสวรรค์ได้จริงๆพลุส่องสว่าง บนท้องฟ้าหันมองข้างๆตาสบตาเมื่อร่างสูงคุ้นตายืนมองแสงไฟจากพลุเช่นกัน หวงหลานรีบดึงมือลูกสาวตัวน้อยออกจากตรงนั้นไปทันทีอีกคนหันมา มองเห็นเพียงแผ่นหลังคุ้นเคยเช่นกัน“หวงหลาน”เปร่งเสียงออกมาเบาๆ ราวกระซิบ วิ่งตามร่างบางที่จูงมือเล็กจากไป แต่กับถูกชนถูกดันจากผู้คนมากมายที่มาชมพุล ในค่ำคืนขึ้นปีใหม่“ท่านแม่ ท่านแม่ยังไม่ตอบคำถามข้าทำไม ด้ายสีแดงของท่านกับท่านลุงผู้นั้น…”อุ้มร่างกระจ้อยไว้ในอ้อมแขนพูดยิ้มๆ“บางทีด้ายที่ผูกก็แค่ให้ผ่านมาพานพบ หาได้ให้ครอ
ปีหนึ่งผ่านไปเขาไม่เพียงแค่ ไม่พูดจาหยอกล้อกับไป๋อี้ชิง แม้จะไม่ละเลยแต่ไม่เคยใส่ใจแม้จะไม่เย็นชาแต่ไม่เคยเอาใจ อยากได้อะไรไม่เคยขัด แต่ไม่เคยบอกว่าจะให้หากไม่ขอ ไป๋อี้ชิงรู้ดีว่าเป็นเพราะเรื่องใด แม้จะส่งคนตามหาตัวหวงหลานอีกกี่ครั้งก็ไม่มีพบพานนางอีกเลย ไป๋อี้ชิงจึงทำได้เพียง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามทางของมันก็เท่านั้นงานเฉลิมฉลองเริ่มขึ้นแล้ว ผู้คนต่างตั้งตารอคอยการแต่งตั้งฮ่องเต้ ไม่เว้นแม้แต่หวงหลานที่รอคอยวันนี้เช่นกัน สิ่งที่ฟาหยางหวังไว้สำเร็จลงแล้ว นับว่าหวงหลานลงแรงไปไม่เสียเปล่า มาลาสีทองในตำแหน่งฮ่องเต้ถูกสวมลงบนศีรษะของฟาหยางเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังกึกก้อง ร่างสูงก้าวขึ้นนั่งบนบัลลังก์มังกร ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย“เหอผิงฟาหยางฮ่องเต้ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”ฟาหนานเป็นคนกล่าวคำถวายพระพร ขุนนางน้อยใหญ่ต่างเปล่งเสียงพร้อมกัน ดังแซ่ซ้อง ไป๋อี้ชิง ยืนเด่นเคียงข้างฟาหยาง รอยยิ้มสุขสมปรากฏที่ใบหน้างาม กงฉานก้มหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลายรู้ดีว่าฟาหยางไม่มีความสุขเท่าที่ควรเสื้อคลุมมังกรถูกสวมลงบนร่างสูง ท่าทีสง่างามอย่างที่สุดไป๋อี้ชิง เขย่งเท้าขึ้นจุมพิตท
“พี่ใหญ่ใบหน้านั้นติดอยู่ในใจข้า”“เสียดายที่ข้าไม่เห็นมันหญิงนางนั้นคงติดตราตรึงใจเจ้ายิ่งนักใช่หรือไม่หรือว่าจะเป็นไท่จือเฟย”“พี่ใหญ่นางมีตัวตนแค่เพียงในใจ หาได้มีอยู่จริงไม่”“หากไท่จือจะทำให้นางมีอยู่จริงล้วนไม่ยาก จะสถาปนาขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้วมีสิ่งใดที่อยากได้ ล้วนต้องได้”ยิ้มเศร้าๆ“พี่ใหญ่ท่านเตรียมงานคงเหนื่อยหนัก”“ไม่เท่าไหร่ ข้าเต็มยิ่งพลุแสงสีปีนี้ล้วนงดงาม ข้าหวังว่าเจ้าจะชื่นชอบมัน”“ข้าชอบทุกอย่างที่พี่ใหญ่ตั้งใจทำ”“ฟาหยาง ปีหนึ่งผ่านไปเจ้า หมดอาลัยตายอยาก ไม่แม้แต่จะร่วมประชุมขุนนางเข้าไปในท้องพระโรงแค่เพียง ต้องเข้าข้าอยากเตือนฟาหยางเรื่องราวในอดีตเก็บงำไว้เสียเดินหน้าต่อไป ทุกเรื่องล้วนมีทางออก ฟาหลางกำลังน่าชังเขาจะรู้สึกอย่างไรหากเจ้าไม่คิดจะยืนหยัดเพื่อเขา“ข้ายังรักษาคำมั่นกับคนผู้หนึ่งว่าจะดูแลปกป้องไป๋อี้ชิงข้าทำตามสัญญาแล้วไม่เคยผิดต่อนาง พี่ใหญ่ในยามนี้จิตใจข้าห่อเหี่ยว”“เอาอย่างนี้พรุ่งนี้รับตำแหน่งฮ่องเต้เรียบร้อย ข้าดูแลเรื่องโปรยเหรียญเงินแทนเจ้าส่วนเจ้าอยากออกไปข้างนอกหาความสำราญ ข้าก็ไม่ขัด”ฟาหยางคิดถึง สะพานไม้อันนั้นเขายังคงยืนนิ่งที่นั่นเมื่อมีโอก
“ทะทะไท่จือ”หมิงยู๋พยายามจะพูดบางอย่าง“หมิงยู๋เจ้าจะพูดอะไร” ฟาหยางทรุดกายลงพยุงหมิงยู่ให้ลุกขึ้น“หมิงยู๋มาที่นี่เพื่อเตือนแม่นางหวงหลานให้หนีไปเสีย”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ไป๋อี้ชิงไป๋อี้ชิงอย่างนั้นหรือนางต้องการสังหารหวงหลานอย่างนั้นหรือ”หมิงยู๋กระอักเลือดสดๆ ออกมา“ไท่จือ ข้าน้อยมาเพื่อทดแทนบุญคุณแม่นางหวงหลาน ที่ทำให้ข้าน้อยได้เคียงคู่กับฮูหยินของข้าน้อย และบางอย่างไม่อาจพูดออกมา เพราะฮูหยินตกอยู่ในอันตราย”“ข้ารับรองเจ้าพูดข้าจะปกป้องฮูหยินของเจ้าเอง”หมิงยู่ยิ้มเศร้าๆ หายใจรวยริน“ไท่จือ เรื่องพระครรภ์ของไท่จือเฟยคะความจริง..ฉึก”ลูกดอกพุ่งเข้าเสียบที่อกด้านซ้ายของหมิงยู๋ที่ตาเบิกโพลงสิ้นลมหายใจในทันที สวรรค์ไม่อนุญาตให้ได้รับรู้กงฉานทะยานออกไปด้านนอก ฟาดฟันกระบี่เข้าใส่มือธนูฟาหยางส่ายหน้าถอนใจยาวหลิวเหยียน ก้าวขาเข้ามาในกระท่อมน้อย“พวกท่านมาทำไมที่นี่ หวงหลาน หวงหลานกับหวงหลินเล่า”หันหน้าหันหลังวิ่งเข้าออกห้องนู่นห้องนี้เหมือนที่ฟาหยางเคยทำ“พวกเจ้า ทำให้หวงหลานต้องพบกับความยุ่งยากอีกแล้ว พวกเจ้ามาทำไมที่นี่บอกมานางอยู่ไหน”“ท่านน้า พวกเรามานางก็ไม่อยู่แล้ว ตอนนี้กงฉานกำล
“ฝ่าบาท นักเวทหญิงคนนั้น นางบัดนี้ให้กำเนิดบุตรี”เหอผิงฉีปิงขมวดคิ้ว“มาบอกเรื่องนี้กับข้าทำไมกัน”“ฝ่าบาทบุตตรีของนางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของไท่จือ”เหอผิงฉีปิง ลุกขึ้นจากแท่นนั่ง“ส่งนางและลูกไปให้พ้นจากแคว้นนี้ เสียอย่าให้ไท่จือรู้เรื่องนี้”“ฝ่าบาทแต่นั่น เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของไท่จือ”“ข้าสั่งให้นางหายไป หรือว่าเจ้าอยากให้หลงถานสั่งให้สังหารนางเสีย”“น้อมบัญชาฝ่าบาท”“เดี๋ยว มอบเงินนี่ให้นางแล้วให้นางเร้นกายหายไปเสียในทันที ไม่เช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าเรารู้มีหรือหลงถานพ่อลูกจะไม่รู้ เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่า จะไม่อาจช่วยนางได้”คนสนิท ประสานมือจากไป เหอผิงฉีปิงถอนหายใจยาวตำหนักบูรพา“บัดซบ”ฝ่ามือบางของ ไป๋อี้ชิงฟาดลงบนใบหน้าของหมิงยู๋“ไท่จือเฟยโปรดประทานอภัยด้วย หมิงยู๋ทำดีที่สุดแล้ว”“ข้าให้เจ้ากลับไ’xที่นั่นฆ่านางกับลูกเสีย”หมิงยู๋ตะลึงจังงัง“ฆ่านางเสียหรือจะปล่อยให้ทุกอย่างรู้ไปถึงหูไท่จือ เมื่อนั้นก็ไม่อาจหลีกหนีความผิดไปได้ ทั้งเจ้าและข้าจะต้องพบกับจุดจบที่ไม่อาจคาดเดา”“แต่..ไท่จือเฟย”“จะยอมตายเพื่อนางหรือไร ให้เจ้าเลือกเอาหรือว่าจะรักษาชีวิตฮูหยินของเจ้ากับเลือดเนื้อเชื้อไขข
“โอ๋โอ๋โอ๋ ฟาหลางตัวน้อยอย่าร้องโยเย” ฟาหยางเห่กล่อมร่างกระจ้อยในอ้อมแขน ไป๋อี้ชิงนอนมองภาพนั้นดวงหัวใจเปี่ยมสุข“โอะโอะ ดูสิไป๋อี้ชิง เจ้าตัวน้อยยิ้มให้ข้าด้วย”“ไท่จือลูกเพิ่งอายุได้สามวันเช่นไรจึงยิ้มได้”“น่า... ข้าเห็นได้ชัดว่าเขายิ้มให้ข้า”“องค์ชายใหญ่ ฟาหนานเสด็จๆๆๆๆ ”“ไท่จือวันๆ ไม่ไปไหน คลุกอยู่แต่ในตำหนักเห็นได้ชัดว่าเป็นบิดาที่ดีเสียจริง”พูดยิ้มๆ“พี่ใหญ่ท่านมีเรื่องเร่งด่วนใด ความจริงให้ใครแจ้งข้าข้าจะเร่ง ไปพบ”“แค่แวะเวียนมาดูหน้าหลานและอยากมาดื่มชาที่ตำหนักบูรพา เบื่อชารสเดิมๆ ที่ตำหนักเฉียนเปียนเหลือทนแล้ว”ฟาหยางส่งร่างกระจ้อยให้กับฟาหนาน“หืมมม หล่อเหลาเหมือนเจ้าไม่ผิดอีกทั้งยังมีแววตา น่าเอ็นดูเหมือนใครกันนะ เหมือนข้าเคยเห็นสายตานี้”ไป๋อี้ชิงหุบยิ้ม“ เหมือนไท่จือเฟย แววตาของเขาเหมือนไป๋อี้ชิงที่สุด”ฟาหยางรีบพูดขึ้น“น่าจะจริง ไปเถอะข้าอยากดื่มชาเต็มทนแล้ว”ฟาหนานเดินนำฟาหยางออกไปด้านนอกศาลาริมน้ำ“พี่ใหญ่ ข้ารู้ว่าท่านต้องมีเรื่องเร่งด่วน”“ไท่จือ ยาที่ไท่จือส่งมอบให้ข้าโดยแสร้งว่าถูกวางยา แล้วเกิดอาการปวดท้องเหมือนทุกคนข้างกายใต้เท้าหลงถานกับไท่จือเฟยบัดนี้ข้าลอง