"สัมผัสหนึ่งที่ปิ่นปักผมของท่านพี่ เส้นผมสีดำขลับสามพันเส้นสื่อถึงความรัก สัมผัสสองที่จุดแดงชาดของน้องหญิง งดงามหาหยิงใดเทียบในใต้หล้า!"พร้อมกับเสียงร้องเพลงที่ไม่เป็นเพลง ไม่เป็นทำนอง เหล่าคุณชายทั้งหลายก็เริ่มเต้นกันอย่างบ้าคลั่งไม่ต้องพูดถึงซ่างกวนซีที่อึ้งงันไป แม้แต่เด็กรับใช้ที่เพิ่งลงมาจากข้างบนก็ยังตกตะลึงเพราะเขาเห็นผู้จัดการของตัวเอง กำลังเต้นรำอย่างเมามันอยู่ท่ามกลางฝูงชนหลงหยางหัวเราะเสียงดัง ร้องเพลงต่อไปว่า "ลูบ ลูบ ลูบต่อไป! สัมผัสสามที่ลูบหว่างคิ้วของท่านพี่ คล้ายโกรธเคืองแต่กลับเปี่ยมเสน่ห์ สัมผัสสี่ลูบพวงแก้มดอกท้อของน้องหญิง เสียงครางแผ่วเบากลายเป็นเสียงสะอื้น ฮ่า ๆ ๆ!"ซ่างกวนซีหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ "นี่มันอะไรกัน?"เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา "เอ่อ… บอกตามตรง ข้าก็เพิ่งลองใช้เป็นครั้งแรก" นางเพิ่งทำมันออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบมองหาร่างของอวี๋เฟยเหยียนและคนอื่น ๆไม่นานก็เห็นฉินเซียงหรูพาเย่เทียนซู ยืนอยู่หลังราวบันไดชั้นสองทั้งสองคนเอามือปิดจมูก ปิดปาก อารมณ์คงที่ มองลงไปข้างล่างด้วยความประหลาดใจเยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่พวกเขาแล้วพูดว่
เมื่อมองดูอวี๋เฟยเหยียนที่ทั้งร้องเลียนเสียงหมู ทั้งเลียนเสียงสุนัขซ่างกวนซี ฉินเซียงหรู เย่เทียนซู ต่างก็เอามือปิดหน้ากัน ทำท่าทางไม่อยากดูมีเพียงเยี่ยนเว่ยฉือที่หัวเราะท้องแข็ง "ฮ่า ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว รัฐทายาทอวี๋ช่างมีจิตใจที่บริสุทธิ์จริง ๆ ไม่มีเรื่องสกปรกอยู่ในสมองเลย ฮ่า ๆ ๆ!"ชายคนนี้ช่างใสซื่อเหลือเกิน คนอื่นร้องเพลงสิบแปดบวก เขากลับร้องเพลงแย่งหมั่นโถวเขาไม่ควรชื่ออวี๋เฟยเหยียน เขาควรชื่ออวี๋สามขวบ!นี่ดูอย่างไรก็เหมือนเด็กสามขวบชัด ๆ!ซ่างกวนซีกล่าวอย่างจนใจ "ล้วนเป็นผลพวงจากเรื่องที่เจ้าสร้างไว้ ยังกล้าหัวเราะอีก เย่เทียนซู พาเฟยเหยียนกลับไปก่อน!"เย่เทียนซูรู้สึกว่าการปล่อยให้อวี๋เฟยเหยียนอาละวาดต่อไปไม่ใช่เรื่องดีเพราะท่าทีของเขาไม่เข้ากับคนอื่นคนอื่นถอดเสื้อผ้าครึ่งหนึ่ง แก้มแดงก่ำ ยิ้มแย้มราวเสียสติ สิ่งที่เต้นและร้องล้วนเป็นความในใจในคืนฤดูวสันต์เขาทำอะไร? กระโดดโลดเต้น เลียนเสียงหมา ช่างน่าขันสิ้นดี!เย่เทียนซูถอนหายใจ เหาะขึ้นไป ตบสันมือใส่อวี๋เฟยเหยียนจนสลบไปโดยตรง ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ พากันกลับไปหลังจากคนทั้งสองเพิ่งจา
"หากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเจ้า เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่ได้รับผลกระทบ?" หลงหยางยังคงซักไซ้เยี่ยนเว่ยฉือย้อนถามว่า "ผู้จัดการหลงก็ไม่ได้รับผลกระทบมิใช่หรือ?""ข้า… ข้าเต้นรำไปแล้ว!" เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลงหยางก็กระชับเสื้อคลุม ใบหน้าฉายแววขวยเขินเมื่อครู่เขาก็เต้นระบำเปลื้องผ้าไปแล้วเช่นกัน เสียหน้าเสียชื่อหมดสิ้นเพียงแต่เต้นไปเต้นมา จู่ ๆ ก็รู้สึกตัว ราวกับว่าฤทธิ์ยาหมดไปแล้วดังนั้นเขาจึงคาดเดาว่าเรื่องในวันนี้ จะต้องมีคนวางแผนไว้เป็นแน่และผู้ที่น่าสงสัยที่สุด ก็คือคนที่ไม่ได้รับผลกระทบเหล่านี้ฉินเซียงหรูที่อยู่ด้านข้างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นว่า "อ้อ! ข้ารู้แล้ว จะต้องเป็นเพราะสุราเป็นแน่ คืนนี้ข้าและสหายท่านนี้ไม่ได้ดื่มสุรา พวกเราจึงไม่เป็นอะไร ส่วนคุณชายอวี๋ที่พาพวกเรามา ดื่มไปหลายจอก จึงได้ร้องรำทำเพลง เมื่อครู่เขาเต้นอย่างเริงร่าที่สุด ท่านลืมไปแล้วหรือ?"หลงหยางลองนึกดูอย่างละเอียด ภาพของอวี๋เฟยเหยียนที่ยืนอยู่บนโต๊ะทำท่าทางเหมือนสุนัขก็ผุดขึ้นมาทันทีเขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก คิดในใจว่า "ก็จริง หากเทียบเรื่องความน่าอับอายแล้ว ยังไม่มีใครเทียบเขาได้ หรือว
"แม่นางน้อยมีปัญหาหรือ? ใครหาเรื่องนาง?" สีหน้าของฮวาอวี๋เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นอย่างเห็นได้ชัดซ่างกวนซีสังเกตสีหน้าของเขาอย่างละเอียด ครู่หนึ่งจึงตอบกลับไปว่า "หากอยากรู้รายละเอียด ก็ตามข้ากลับจวน!"สิ้นเสียง ซ่างกวนซีก็ไม่สนใจเขาอีก เดินจากไปทันทีฮวาอวี๋ยืนอยู่ด้านหลังเขา ลังเลอยู่บ้างแต่สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานความอยากรู้ของตนเองได้ ก้าวเท้าตามออกไป"โอ๊ย ท่านรอข้าก่อนสิ ท่านนี่จริง ๆ เลย พูดแค่ครึ่งเดียว! ทำให้คนอื่นเขาร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว!"…...จวนองค์รัชทายาทเมื่อทุกคนกลับมาถึงจวนองค์รัชทายาท ฤทธิ์ยาของอวี๋เฟยเหยียนก็หมดลงแล้วข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของยานี้ก็คือ หลังจากที่คนสร่างแล้วก็จะสร่างสนิท จดจำเรื่องน่าอับอายที่ทำลงไปก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมด ไม่ตกหล่นแม้แต่น้อยอวี๋เฟยเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ใช้สองมือขยี้ศีรษะ ร้องไห้ไม่ออก"สวรรค์! ชื่อเสียงที่ข้าสั่งสมมาทั้งชีวิตป่นปี้ในคราวเดียว หากท่านพ่อรู้เข้า จะต้องหักขาข้าเป็นแน่! โอ๊ย! ข้าไม่อยากอยู่แล้ว!"ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เขาขยุ้มผมอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือเพิ่งเดินเข้ามาในห้องโถงด้านหน้าก็เห็นภาพที่น่าขบขันนี้นางเม้มริมฝี
เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้าอย่างจนใจ แล้วถามต่อว่า "ความหมายของเจ้าก็คือ เจ้าไม่ได้ไปสุสานหลวงเป่ยอิ้นอย่างนั้นหรือ? แล้วเหตุใดพวกเขาจึงไล่ล่าเจ้า ทั้งยังใช้อาวุธลับที่ร้ายกาจเช่นนั้นเล่นงานเจ้าอีก?""ผิดแล้ว!" ฮวาอวี๋ยิ้มแย้มมองเยี่ยนเว่ยฉือ "ข้ามิใช่ไม่เคยไปยังสุสานหลวง ข้าบอกว่าไม่ได้ขโมยคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรนั่นต่างหาก"เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างจนปัญญา "เรื่องราวมันเป็นอย่างไรกันแน่ เจ้าพูดให้ชัดเจนได้หรือไม่?""แล้วเจ้าไปเจอเรื่องยุ่งยากอะไรมา ไม่สู้เจ้าลองเล่าให้ชัดเจนก่อน แล้วข้าค่อยดูว่าจะช่วยอะไรเจ้าได้หรือไม่?" ฮวาอวี๋ยิ้มมองเยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปากอย่างจนใจ เล่าเรื่องที่สองพี่น้องเป่ยอิ้นถวายของกำนัล และเรื่องการประลองกับท่านหญิงอิ๋นตางหานอวี่เฟยอย่างละเอียดฮวาอวี๋ฟังจบ ก็เข้าใจทันที "อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าไม่มีเถาเหลยกงเพียงพอ ในการประลองรอบที่สาม จึงไม่สามารถเอาชนะด้วยจำนวนคนได้ ดังนั้นพวกเจ้าจึงมาหาข้า จะพาตัวข้าไปส่งให้คนของเป่ยอิ้น เพื่อแลกกับการชนะในการประลองรอบที่สามอย่างนั้นหรือ?"ฮวาอวี๋ทำสีหน้าเจ็บปวด "แม่นางน้อย เจ้าคงไม่ไร้คุณธรรมถึงเพียงนี้กระม
เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองฮวาอวี๋ "เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ! ดูเหมือนคนของเป่ยอิ้นคงไม่จากเมืองหลวงไปในเร็ว ๆ นี้แน่ เจ้าต้องระวังตัวให้มาก!"ฮวาอวี๋จ้องมองเยี่ยนเว่ยฉือ พลันยิ้มพราย "เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ?"นี่… ถามอะไรเยี่ยงนี้!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อย มองไปทางซ่างกวนซีซ่างกวนซีเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา "จะไปเอง หรือจะให้คนของข้าไล่เจ้าออกไป?"ซ่างกวนซีไม่ชอบฮวาอวี๋อย่างเห็นได้ชัดฮวาอวี๋ยกยิ้มมุมปาก ล้วงห่อผ้าป่านออกจากอกเสื้ออย่างไม่ใส่ใจ แล้วดันไปตรงหน้าเยี่ยนเว่ยฉือ"เอ้านี่ คัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษร!"อะไรนะ?!ทุกคนถึงกับแตกตื่น!ทุกคนต่างรุมล้อมเข้ามาดูอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้ แม้แต่ซ่างกวนซีก็ยังวางถ้วยชาในมือลง มองฮวาอวี๋ด้วยความประหลาดใจอวี๋เฟยเหยียนเอื้อมมือไปเปิดห่อผ้าออก ภายในเป็นกล่องไม้โบราณ เมื่อเปิดกล่องไม้ออก ภายในก็มีม้วนคัมภีร์ไม้ไผ่บนม้วนหนังสือไม้ไผ่ไม่มีอะไรเลย มีเพียงสัญลักษณ์ประหลาด เมื่อเปิดม้วนหนังสือออก ด้านในก็ว่างเปล่าอวี๋เฟยเหยียนอุทานด้วยความประหลาดใจ "นี่คือคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรจริง ๆ หรือ?"ฮวาอวี๋ยักไหล่ ยักคิ้ว "ทำไมเล่า? เจ้าเห็
เยี่ยนเว่ยฉือพูดเสริม "มีเหตุผล สำนักอิ้นเฉิงเป็นคนของราชสำนัก หากพวกเขาต้องการไปสุสานหลวง ก็ไปอย่างเปิดเผยได้เลย เหตุใดจึงต้องปลอมตัว?"อวี๋เฟยเหยียนก็พยักหน้า "ตอนนี้สำนักอิ้นเฉิง ดูเหมือนจะอยู่ภายใต้การดูแลขององค์ชายสามเป่ยอิ้น อวี้ฉืออวิ๋นจ้าว ดูท่าทางเขาไม่ได้ต้องการจะมอบคัมภีร์ลับสวรรค์ให้แก่ฝ่าบาทต้าหลี่ของเรา แต่เขาต้องการจะได้มันมาเอง เพื่อใช้ในการแย่งชิงบัลลังก์กับพี่น้อง?""แต่ว่าสิ่งนี้ จะช่วยให้เขาแย่งชิงบัลลังก์ได้อย่างไร?" อวี๋เฟยเหยียนหยิบคัมภีร์ลับสวรรค์ขึ้นมาพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติใด ๆฉินเซียงหรูก็เดินเข้ามาเอ่ยว่า "ก่อนหน้านี้คนของเป่ยอิ้นได้กล่าวไว้ในพระตำหนักจิ่วหลงว่า สิ่งนี้สามารถหยั่งรู้อดีต หยั่งรู้อนาคต ทำให้คนกุมความได้เปรียบ หากเป็นเช่นนั้นจริง ผู้ที่ได้ความได้เปรียบก่อน ย่อมได้ครองแผ่นดิน เพียงแต่มันวิเศษถึงเพียงนั้น จะใช้งานอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้"ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว "ผู้ที่ได้ความได้เปรียบก่อน ย่อมได้ครองแผ่นดิน หากคำเล่าลือไม่เกินจริง เช่นนั้นสิ่งนี้ จะมอบให้คนของเป่ยอิ้นไม่ได้"ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยในบรรดาสองนครสี่แคว้น เย่าเฉิง
ซ่างกวนซีไม่รับคำพูดนั้น แต่ก็รู้สึกว่าวิทยายุทธ์ของฮวาอวี๋ผู้นี้ไม่เลวจริง ๆเพียงแต่คนผู้นี้จะเป็นมิตรหรือศัตรู ยังต้องรอดูกันต่อไปทุกคนหันกลับมาให้ความสนใจกับคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรอีกครั้งอวี๋เฟยเหยียนเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น "ศิษย์พี่ สิ่งนี้จะมอบให้คนของเป่ยอิ้นไม่ได้เด็ดขาด"เย่เทียนซูก็เสริมว่า "ถูกต้อง อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวผู้นั้นเห็นได้ชัดว่ากำลังหลอกใช้พวกเรา ช่วยเขาตามหาคัมภีร์ม้วนไม้ไผ่นี้ หากพวกเรานำมันออกมา เขาก็จะไม่ถวายมันเป็นแน่"ฉินเซียงหรูยิ้มบาง ๆ "ตามความเห็นของข้าน้อย สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะมอบให้คนของเป่ยอิ้นไม่ได้เท่านั้น แต่ก็ไม่ควรมอบให้แก่ฝ่าบาทด้วย"ทุกคนหันไปมองฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูเพียงแต่ยิ้มมองซ่างกวนซี เขารู้ว่าซ่างกวนซีต้องเข้าใจความหมายของเขาซ่างกวนซีเข้าใจแน่นอน มอบให้แก่ฮ่องเต้คังอู่ เขาไม่มีความเห็นแต่ของที่ตกอยู่ในมือของฮ่องเต้คังอู่ สุดท้ายแล้ว แปดถึงเก้าในสิบส่วนก็จะตกไปอยู่ในมือขององค์ชายรองซ่างกวนหลีเช่นนั้นเขาเท่ากับหาดาบคม ๆ ให้ศัตรู ทำให้ศัตรูแข็งแกร่งขึ้นหรอกหรือ?สิ่งนี้จะมอบให้ใครไม่ได้ทั้งนั้น ต้องเก็บไว้กับตัวเองจะใช้ได้หรือไ
ไม่นานนัก ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ก็ถูกเรียกตัวมายังพระตำหนักจิ่วหลงเช่นเดียวกับอ๋องจ่างซิ่นและอันกั๋วกงท่านหญิงอิ๋นตาง หานอวี่เฟย และสองพี่น้องจากเป่ยอิ้น อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวและอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น ต่างก็คิดว่าเยี่ยนเว่ยฉือต้องการจะยอมแพ้เพราะทุกคนรู้ดีว่า ช่วงหลายวันที่ผ่านมา จวนรัชทายาทไม่ได้ให้ชาวบ้านใช้เถาเหลยกงอย่างแพร่หลายเลยมีเพียงคนเพียงหยิบมือที่ทดลองใช้เพื่อให้ดูเป็นพิธีเท่านั้นบนท้องถนนเท่านั้นในทางกลับกัน จวนอ๋องจ่างซิ่น มือซ้ายถือรายชื่อชาวเมืองหลวงที่ลงทะเบียนไว้ทั้งหมด มือขวาถือครองเถาเหลยกงทั้งหมดในเมืองหลวงเห็นได้ชัดว่าแพ้ชนะนั้นชัดเจนอยู่แล้วหานอวี่เฟยเดินไปตรงหน้าเยี่ยนเว่ยฉือ เอ่ยด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง "เยี่ยนเว่ยฉือ ต่อให้ตอนนี้เจ้าจะคิดได้ ยอมแพ้แล้ว ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป อย่าคิดว่ายอมแพ้แล้วจะเสียแค่ครึ่งเดียวนะ!"เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มบาง ๆ "ไม่ทราบว่าท่านหญิงได้นำตราอาญาสิทธิ์ของกองทัพเสินเช่อมาด้วยหรือไม่?"หานอวี่เฟยขมวดคิ้ว "เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ยังคิดว่าตัวเองจะชนะได้อีกหรือ?"หานอวี่เฟยหันไปผายมือให้สาวใช้ที่อยู่ด้านหลัง สาวใช้ก็ส่งกระดาษสีขาวปึกหนา
ซ่างกวนซีไม่รับคำพูดนั้น แต่ก็รู้สึกว่าวิทยายุทธ์ของฮวาอวี๋ผู้นี้ไม่เลวจริง ๆเพียงแต่คนผู้นี้จะเป็นมิตรหรือศัตรู ยังต้องรอดูกันต่อไปทุกคนหันกลับมาให้ความสนใจกับคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรอีกครั้งอวี๋เฟยเหยียนเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น "ศิษย์พี่ สิ่งนี้จะมอบให้คนของเป่ยอิ้นไม่ได้เด็ดขาด"เย่เทียนซูก็เสริมว่า "ถูกต้อง อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวผู้นั้นเห็นได้ชัดว่ากำลังหลอกใช้พวกเรา ช่วยเขาตามหาคัมภีร์ม้วนไม้ไผ่นี้ หากพวกเรานำมันออกมา เขาก็จะไม่ถวายมันเป็นแน่"ฉินเซียงหรูยิ้มบาง ๆ "ตามความเห็นของข้าน้อย สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะมอบให้คนของเป่ยอิ้นไม่ได้เท่านั้น แต่ก็ไม่ควรมอบให้แก่ฝ่าบาทด้วย"ทุกคนหันไปมองฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูเพียงแต่ยิ้มมองซ่างกวนซี เขารู้ว่าซ่างกวนซีต้องเข้าใจความหมายของเขาซ่างกวนซีเข้าใจแน่นอน มอบให้แก่ฮ่องเต้คังอู่ เขาไม่มีความเห็นแต่ของที่ตกอยู่ในมือของฮ่องเต้คังอู่ สุดท้ายแล้ว แปดถึงเก้าในสิบส่วนก็จะตกไปอยู่ในมือขององค์ชายรองซ่างกวนหลีเช่นนั้นเขาเท่ากับหาดาบคม ๆ ให้ศัตรู ทำให้ศัตรูแข็งแกร่งขึ้นหรอกหรือ?สิ่งนี้จะมอบให้ใครไม่ได้ทั้งนั้น ต้องเก็บไว้กับตัวเองจะใช้ได้หรือไ
เยี่ยนเว่ยฉือพูดเสริม "มีเหตุผล สำนักอิ้นเฉิงเป็นคนของราชสำนัก หากพวกเขาต้องการไปสุสานหลวง ก็ไปอย่างเปิดเผยได้เลย เหตุใดจึงต้องปลอมตัว?"อวี๋เฟยเหยียนก็พยักหน้า "ตอนนี้สำนักอิ้นเฉิง ดูเหมือนจะอยู่ภายใต้การดูแลขององค์ชายสามเป่ยอิ้น อวี้ฉืออวิ๋นจ้าว ดูท่าทางเขาไม่ได้ต้องการจะมอบคัมภีร์ลับสวรรค์ให้แก่ฝ่าบาทต้าหลี่ของเรา แต่เขาต้องการจะได้มันมาเอง เพื่อใช้ในการแย่งชิงบัลลังก์กับพี่น้อง?""แต่ว่าสิ่งนี้ จะช่วยให้เขาแย่งชิงบัลลังก์ได้อย่างไร?" อวี๋เฟยเหยียนหยิบคัมภีร์ลับสวรรค์ขึ้นมาพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติใด ๆฉินเซียงหรูก็เดินเข้ามาเอ่ยว่า "ก่อนหน้านี้คนของเป่ยอิ้นได้กล่าวไว้ในพระตำหนักจิ่วหลงว่า สิ่งนี้สามารถหยั่งรู้อดีต หยั่งรู้อนาคต ทำให้คนกุมความได้เปรียบ หากเป็นเช่นนั้นจริง ผู้ที่ได้ความได้เปรียบก่อน ย่อมได้ครองแผ่นดิน เพียงแต่มันวิเศษถึงเพียงนั้น จะใช้งานอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้"ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว "ผู้ที่ได้ความได้เปรียบก่อน ย่อมได้ครองแผ่นดิน หากคำเล่าลือไม่เกินจริง เช่นนั้นสิ่งนี้ จะมอบให้คนของเป่ยอิ้นไม่ได้"ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยในบรรดาสองนครสี่แคว้น เย่าเฉิง
เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองฮวาอวี๋ "เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ! ดูเหมือนคนของเป่ยอิ้นคงไม่จากเมืองหลวงไปในเร็ว ๆ นี้แน่ เจ้าต้องระวังตัวให้มาก!"ฮวาอวี๋จ้องมองเยี่ยนเว่ยฉือ พลันยิ้มพราย "เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ?"นี่… ถามอะไรเยี่ยงนี้!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อย มองไปทางซ่างกวนซีซ่างกวนซีเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา "จะไปเอง หรือจะให้คนของข้าไล่เจ้าออกไป?"ซ่างกวนซีไม่ชอบฮวาอวี๋อย่างเห็นได้ชัดฮวาอวี๋ยกยิ้มมุมปาก ล้วงห่อผ้าป่านออกจากอกเสื้ออย่างไม่ใส่ใจ แล้วดันไปตรงหน้าเยี่ยนเว่ยฉือ"เอ้านี่ คัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษร!"อะไรนะ?!ทุกคนถึงกับแตกตื่น!ทุกคนต่างรุมล้อมเข้ามาดูอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้ แม้แต่ซ่างกวนซีก็ยังวางถ้วยชาในมือลง มองฮวาอวี๋ด้วยความประหลาดใจอวี๋เฟยเหยียนเอื้อมมือไปเปิดห่อผ้าออก ภายในเป็นกล่องไม้โบราณ เมื่อเปิดกล่องไม้ออก ภายในก็มีม้วนคัมภีร์ไม้ไผ่บนม้วนหนังสือไม้ไผ่ไม่มีอะไรเลย มีเพียงสัญลักษณ์ประหลาด เมื่อเปิดม้วนหนังสือออก ด้านในก็ว่างเปล่าอวี๋เฟยเหยียนอุทานด้วยความประหลาดใจ "นี่คือคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรจริง ๆ หรือ?"ฮวาอวี๋ยักไหล่ ยักคิ้ว "ทำไมเล่า? เจ้าเห็
เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้าอย่างจนใจ แล้วถามต่อว่า "ความหมายของเจ้าก็คือ เจ้าไม่ได้ไปสุสานหลวงเป่ยอิ้นอย่างนั้นหรือ? แล้วเหตุใดพวกเขาจึงไล่ล่าเจ้า ทั้งยังใช้อาวุธลับที่ร้ายกาจเช่นนั้นเล่นงานเจ้าอีก?""ผิดแล้ว!" ฮวาอวี๋ยิ้มแย้มมองเยี่ยนเว่ยฉือ "ข้ามิใช่ไม่เคยไปยังสุสานหลวง ข้าบอกว่าไม่ได้ขโมยคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรนั่นต่างหาก"เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างจนปัญญา "เรื่องราวมันเป็นอย่างไรกันแน่ เจ้าพูดให้ชัดเจนได้หรือไม่?""แล้วเจ้าไปเจอเรื่องยุ่งยากอะไรมา ไม่สู้เจ้าลองเล่าให้ชัดเจนก่อน แล้วข้าค่อยดูว่าจะช่วยอะไรเจ้าได้หรือไม่?" ฮวาอวี๋ยิ้มมองเยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปากอย่างจนใจ เล่าเรื่องที่สองพี่น้องเป่ยอิ้นถวายของกำนัล และเรื่องการประลองกับท่านหญิงอิ๋นตางหานอวี่เฟยอย่างละเอียดฮวาอวี๋ฟังจบ ก็เข้าใจทันที "อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าไม่มีเถาเหลยกงเพียงพอ ในการประลองรอบที่สาม จึงไม่สามารถเอาชนะด้วยจำนวนคนได้ ดังนั้นพวกเจ้าจึงมาหาข้า จะพาตัวข้าไปส่งให้คนของเป่ยอิ้น เพื่อแลกกับการชนะในการประลองรอบที่สามอย่างนั้นหรือ?"ฮวาอวี๋ทำสีหน้าเจ็บปวด "แม่นางน้อย เจ้าคงไม่ไร้คุณธรรมถึงเพียงนี้กระม
"แม่นางน้อยมีปัญหาหรือ? ใครหาเรื่องนาง?" สีหน้าของฮวาอวี๋เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นอย่างเห็นได้ชัดซ่างกวนซีสังเกตสีหน้าของเขาอย่างละเอียด ครู่หนึ่งจึงตอบกลับไปว่า "หากอยากรู้รายละเอียด ก็ตามข้ากลับจวน!"สิ้นเสียง ซ่างกวนซีก็ไม่สนใจเขาอีก เดินจากไปทันทีฮวาอวี๋ยืนอยู่ด้านหลังเขา ลังเลอยู่บ้างแต่สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานความอยากรู้ของตนเองได้ ก้าวเท้าตามออกไป"โอ๊ย ท่านรอข้าก่อนสิ ท่านนี่จริง ๆ เลย พูดแค่ครึ่งเดียว! ทำให้คนอื่นเขาร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว!"…...จวนองค์รัชทายาทเมื่อทุกคนกลับมาถึงจวนองค์รัชทายาท ฤทธิ์ยาของอวี๋เฟยเหยียนก็หมดลงแล้วข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของยานี้ก็คือ หลังจากที่คนสร่างแล้วก็จะสร่างสนิท จดจำเรื่องน่าอับอายที่ทำลงไปก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมด ไม่ตกหล่นแม้แต่น้อยอวี๋เฟยเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ใช้สองมือขยี้ศีรษะ ร้องไห้ไม่ออก"สวรรค์! ชื่อเสียงที่ข้าสั่งสมมาทั้งชีวิตป่นปี้ในคราวเดียว หากท่านพ่อรู้เข้า จะต้องหักขาข้าเป็นแน่! โอ๊ย! ข้าไม่อยากอยู่แล้ว!"ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เขาขยุ้มผมอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือเพิ่งเดินเข้ามาในห้องโถงด้านหน้าก็เห็นภาพที่น่าขบขันนี้นางเม้มริมฝี
"หากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเจ้า เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่ได้รับผลกระทบ?" หลงหยางยังคงซักไซ้เยี่ยนเว่ยฉือย้อนถามว่า "ผู้จัดการหลงก็ไม่ได้รับผลกระทบมิใช่หรือ?""ข้า… ข้าเต้นรำไปแล้ว!" เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลงหยางก็กระชับเสื้อคลุม ใบหน้าฉายแววขวยเขินเมื่อครู่เขาก็เต้นระบำเปลื้องผ้าไปแล้วเช่นกัน เสียหน้าเสียชื่อหมดสิ้นเพียงแต่เต้นไปเต้นมา จู่ ๆ ก็รู้สึกตัว ราวกับว่าฤทธิ์ยาหมดไปแล้วดังนั้นเขาจึงคาดเดาว่าเรื่องในวันนี้ จะต้องมีคนวางแผนไว้เป็นแน่และผู้ที่น่าสงสัยที่สุด ก็คือคนที่ไม่ได้รับผลกระทบเหล่านี้ฉินเซียงหรูที่อยู่ด้านข้างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นว่า "อ้อ! ข้ารู้แล้ว จะต้องเป็นเพราะสุราเป็นแน่ คืนนี้ข้าและสหายท่านนี้ไม่ได้ดื่มสุรา พวกเราจึงไม่เป็นอะไร ส่วนคุณชายอวี๋ที่พาพวกเรามา ดื่มไปหลายจอก จึงได้ร้องรำทำเพลง เมื่อครู่เขาเต้นอย่างเริงร่าที่สุด ท่านลืมไปแล้วหรือ?"หลงหยางลองนึกดูอย่างละเอียด ภาพของอวี๋เฟยเหยียนที่ยืนอยู่บนโต๊ะทำท่าทางเหมือนสุนัขก็ผุดขึ้นมาทันทีเขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก คิดในใจว่า "ก็จริง หากเทียบเรื่องความน่าอับอายแล้ว ยังไม่มีใครเทียบเขาได้ หรือว
เมื่อมองดูอวี๋เฟยเหยียนที่ทั้งร้องเลียนเสียงหมู ทั้งเลียนเสียงสุนัขซ่างกวนซี ฉินเซียงหรู เย่เทียนซู ต่างก็เอามือปิดหน้ากัน ทำท่าทางไม่อยากดูมีเพียงเยี่ยนเว่ยฉือที่หัวเราะท้องแข็ง "ฮ่า ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว รัฐทายาทอวี๋ช่างมีจิตใจที่บริสุทธิ์จริง ๆ ไม่มีเรื่องสกปรกอยู่ในสมองเลย ฮ่า ๆ ๆ!"ชายคนนี้ช่างใสซื่อเหลือเกิน คนอื่นร้องเพลงสิบแปดบวก เขากลับร้องเพลงแย่งหมั่นโถวเขาไม่ควรชื่ออวี๋เฟยเหยียน เขาควรชื่ออวี๋สามขวบ!นี่ดูอย่างไรก็เหมือนเด็กสามขวบชัด ๆ!ซ่างกวนซีกล่าวอย่างจนใจ "ล้วนเป็นผลพวงจากเรื่องที่เจ้าสร้างไว้ ยังกล้าหัวเราะอีก เย่เทียนซู พาเฟยเหยียนกลับไปก่อน!"เย่เทียนซูรู้สึกว่าการปล่อยให้อวี๋เฟยเหยียนอาละวาดต่อไปไม่ใช่เรื่องดีเพราะท่าทีของเขาไม่เข้ากับคนอื่นคนอื่นถอดเสื้อผ้าครึ่งหนึ่ง แก้มแดงก่ำ ยิ้มแย้มราวเสียสติ สิ่งที่เต้นและร้องล้วนเป็นความในใจในคืนฤดูวสันต์เขาทำอะไร? กระโดดโลดเต้น เลียนเสียงหมา ช่างน่าขันสิ้นดี!เย่เทียนซูถอนหายใจ เหาะขึ้นไป ตบสันมือใส่อวี๋เฟยเหยียนจนสลบไปโดยตรง ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ พากันกลับไปหลังจากคนทั้งสองเพิ่งจา
"สัมผัสหนึ่งที่ปิ่นปักผมของท่านพี่ เส้นผมสีดำขลับสามพันเส้นสื่อถึงความรัก สัมผัสสองที่จุดแดงชาดของน้องหญิง งดงามหาหยิงใดเทียบในใต้หล้า!"พร้อมกับเสียงร้องเพลงที่ไม่เป็นเพลง ไม่เป็นทำนอง เหล่าคุณชายทั้งหลายก็เริ่มเต้นกันอย่างบ้าคลั่งไม่ต้องพูดถึงซ่างกวนซีที่อึ้งงันไป แม้แต่เด็กรับใช้ที่เพิ่งลงมาจากข้างบนก็ยังตกตะลึงเพราะเขาเห็นผู้จัดการของตัวเอง กำลังเต้นรำอย่างเมามันอยู่ท่ามกลางฝูงชนหลงหยางหัวเราะเสียงดัง ร้องเพลงต่อไปว่า "ลูบ ลูบ ลูบต่อไป! สัมผัสสามที่ลูบหว่างคิ้วของท่านพี่ คล้ายโกรธเคืองแต่กลับเปี่ยมเสน่ห์ สัมผัสสี่ลูบพวงแก้มดอกท้อของน้องหญิง เสียงครางแผ่วเบากลายเป็นเสียงสะอื้น ฮ่า ๆ ๆ!"ซ่างกวนซีหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ "นี่มันอะไรกัน?"เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา "เอ่อ… บอกตามตรง ข้าก็เพิ่งลองใช้เป็นครั้งแรก" นางเพิ่งทำมันออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบมองหาร่างของอวี๋เฟยเหยียนและคนอื่น ๆไม่นานก็เห็นฉินเซียงหรูพาเย่เทียนซู ยืนอยู่หลังราวบันไดชั้นสองทั้งสองคนเอามือปิดจมูก ปิดปาก อารมณ์คงที่ มองลงไปข้างล่างด้วยความประหลาดใจเยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่พวกเขาแล้วพูดว่