ซ่างกวนซีหันศีรษะกลับมา มองไปที่ใต้เตียงอย่างใจเย็น คิดว่าจะหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไรแต่ใครจะรู้ว่าคนสองคนหลังฉากกั้นนั้น ไม่เพียงแต่จะพัวพันกัน แต่ยังพูดจาเหลวไหลอีกด้วยหอวสันต์อนันตกาลแห่งนี้ตกแต่งอย่างพิถีพิถัน บริเวณอ่างอาบน้ำหลังฉากกั้นมีกระบอกไม้ไผ่อันหนึ่ง เพียงแค่เปิดจุกกระบอก น้ำร้อนก็จะไหลออกมาอย่างต่อเนื่องท่านหญิงหมิงหยางเอนกายอยู่ในอ่างอาบน้ำ เอื้อมมือไปสัมผัสน้ำร้อนที่ไหลออกมา พูดอย่างซาบซึ้งว่า "เจ้าหาที่เช่นนี้เจอได้อย่างไร ทั้งปลอดภัยและน่าสนใจ น้ำนี่ เจ้าของหอคงตั้งใจทำเป็นพิเศษแน่ ๆ"ลู่อู๋ใช้ผ้าเปียกชื้นเช็ดถูร่างกายของท่านหญิงหมิงหยางอย่างเบามือขณะเช็ดก็พูดว่า "การปล่อยให้น้ำไหลจากกระบอกไม้ไผ่ ต้องใช้ความใส่ใจอะไรมากมายนัก แค่มีถังกักเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่บนดาดฟ้าเท่านั้นเอง การทำให้น้ำไหลต่างหากที่ทำให้ข้าเปลืองแรงไปไม่น้อย!"ท่านหญิงหมิงหยางผลักเขาเบา ๆ ค่อนขอดอย่างเขินอายว่า "พูดอะไรน่ะ! เจ้านี่ ดูเหมือนจะสุภาพเรียบร้อย แต่ปากคอเราะรายจริง ๆ"ลู่อู๋ก้มตัวลง โอบกอดนางจากข้างหลัง กระซิบข้างหูว่า "ท่านก็ชอบที่ข้าพูดจาไม่สุภาพมิใช่หรือ? ไม่เพียงแต่ชอบ
"เสียงอะไร?" ลู่อู๋บนเตียงหยุดการกระทำของเขาอย่างไรก็ตาม ท่านหญิงหมิงหยางที่ยังคงดื่มด่ำอยู่ในรสชาติของกามารมณ์ จะได้ยินเสียงของคนอื่นได้อย่างไรเมื่อเห็นลู่อู๋หยุด นางก็อดไม่ได้ที่จะเร่งเร้า "อย่าหยุดสิ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย!"ลู่อู๋ขมวดคิ้วถาม "ท่านไม่ได้ยินเสียงแปลก ๆ หรือ?"ท่านหญิงหมิงหยางถามว่า "หา? หรือว่าไฟไหม้อีกแล้ว?"ลู่อู๋เงี่ยหูฟังอีกครั้ง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเสียงแล้ว เขาก็ปลอบโยนว่า "คงเป็นข้าหูฝาดไปเอง อาจจะเป็นเสียงร้องของคนข้างห้องที่ดังเกินไป""หึ เจ้าอยู่บนตัวข้า ยังได้ยินเสียงร้องของหญิงอื่นอีก ช่างโลภจริง ๆ!""หญิงอื่นร้องเสียงดังแค่ไหน ก็ไม่ไพเราะเท่าเสียงของท่านหรอก มา ๆ ๆ ข้าจะปรนนิบัติท่านหญิงต่อ!"เสียงเตียงโยกเยกดังขึ้นอีกครั้งและคนสองคนที่อยู่ใต้เตียงก็เหมือนถูกกดจุดเยี่ยนเว่ยฉือคิดไม่ออกว่า วิธีที่จะไม่ให้นางส่งเสียงมีมากมายหลายวิธี สามารถอุดปากนาง สามารถกดจุดนาง หรือแม้แต่ทำให้สลบไปก็ยังได้ เหตุใดซ่างกวนซีถึงเลือกใช้วิธีที่แย่ที่สุดในเมื่อใจของนางว้าวุ่นอยู่แล้ว การจูบอย่างกะทันหันนี้แทบจะเหมือนฟ้าผ่ากับไฟใต้ดินหัวใจที่ไม่สงบแต่เดิมยิ่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่างกวนซีก็ยิ่งออกแรงมากขึ้น ริมฝีปากและฟันประกบกัน เสียงน้ำลายแลกเปลี่ยนดังซี้ดซ้าด"อ๊า…"หลังจากเสียงกรีดร้องดังขึ้น คนสองคนบนเตียงก็จบการต่อสู้อันแสนสุขนี้ลงในที่สุดและซ่างกวนซีที่เฉลียวฉลาด แม้ในขณะที่จูบอย่างลืมตัว ก็ไม่ลืมที่จะเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อได้ยินว่าบนเตียงไม่มีการเคลื่อนไหวแล้ว ซ่างกวนซีก็หยุดการสัมผัสอันแนบชิดทันที และไม่ลืมที่จะเอามืออุดปากเยี่ยนเว่ยฉือไว้เยี่ยนเว่ยฉือยังไม่ได้สติจากการจูบอันเร่าร้อนนั้น ร่างกายของนางราวกับลอยอยู่บนก้อนเมฆ สมองไม่สามารถคิดอะไรได้โชคดีที่นางเชื่อฟัง ไม่ขยับเขยื้อน ไม่ส่งเสียงใด ๆซ่างกวนซีแอบกระตุ้นวิชาสหัสเหมันต์ในร่างกายของเขา พยายามกดไฟโทสะที่ไม่สมควรปะทุออกมารอเพียงให้คนสองคนบนเตียงจากไป พวกเขาจะได้หลุดพ้นแต่คนทั้งสองหลังจากทำธุระเสร็จแล้ว ดูเหมือนจะไม่คิดที่จะจากไปในทันที แต่กลับนอนกอดกัน พูดคุยกันอย่างสบาย ๆท่านหญิงหมิงหยางกล่าวว่า "เยี่ยนเว่ยฉือ นางต่ำช้าคนนั้น กล้าดีอย่างไรมาวางแผนกับข้าแบบนี้ ข้าไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ แน่"ลู่อู๋ถอนหายใจ "หากท่านไม่จ้างมือสังหารไปฆ่านางก่อน นางก็คงไม
ใครจะรู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือวางยาเขาเมื่อไร และถอนพิษให้เขาเมื่อไร?เขาถึงกับไม่เข้าใจว่า การที่เขาได้มีความสัมพันธ์กับท่านหญิงหมิงหยางเพื่อถอนพิษนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่อย่างไรก็ตาม เขาหวาดกลัวกลเม็ดของเยี่ยนเว่ยฉือ และไม่อยากไปยั่วโมโหดาวอัปมงคลผู้นี้อีกแล้วท่านหญิงหมิงหยางได้ยินลู่อู๋ถาม ก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "ได้ยินซูเอ๋อร์บอกว่า พี่น้องชาวเป่ยอิ้นจะไปล่องเรือที่ทะเลสาบปี้โป และยังเชิญลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์และสาวงามจากตระกูลดังมากมายในเมืองหลวงไปร่วมงานด้วย พวกองค์ชายหลายคนก็จะไป ซ่างกวนซีก็ต้องพาเยี่ยนเว่ยฉือไปด้วยแน่"ลู่อู๋เบิกตากว้าง ถามอย่างกังวลว่า "ท่านจะทำอะไร?"ท่านหญิงหมิงหยางยิ้มอย่างเย็นชา "อวี๋ฉืออวิ๋นจ้าวคนนั้น ต้องการแต่งงานกับองค์หญิงที่เกิดจากภรรยาเอกของพวกเรากลับไป แต่ฝ่าบาททรงหวงแหนองค์หญิงเหวินหลิงที่ยังทรงพระเยาว์ ในตอนนั้นคงต้องเลือกจากขุนนางที่มีฐานะเทียบเท่ากัน เกรงว่าหลานสาวของข้า ท่านหญิงอิ๋นตาง แม้รูปร่างหน้าตาจะไม่ดีเท่าที่ควรแต่ก็มีฐานะสูงศักดิ์ ข้ากลัวว่าฝ่าบาทจะหมายปองนาง สู้ข้าช่วยเขาแก้ปัญหาเฉพาะหน้านี้ก่อนที่ฝ่าบาทจะทรงลงมือดีกว่า"ลู
ลู่อู๋รีบพูดว่า "หรือว่าจะหล่นอยู่ใต้เตียง เช่นนั้นท่านหลีกทาง ข้าดูหน่อย!"แย่แล้ว! ถ้าลู่อู๋ก้มลงมา จะต้องเห็นพวกเขาที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงแน่!เยี่ยนเว่ยฉือตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของซ่างกวนซี ประหม่าจนไม่กล้าลืมตาเห็นได้ชัดว่าคนที่ลักลอบมีชู้คือลู่อู๋และท่านหญิงหมิงหยาง แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด เยี่ยนเว่ยฉือกลับรู้สึกอับอายอย่างมากอาจจะเป็นเพราะการฟังคนอื่นคุยกัน ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไรซ่างกวนซีใช้มือข้างหนึ่งกอดเยี่ยนเว่ยฉือแน่น มืออีกข้างเตรียมพร้อมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อเมื่อเห็นลู่อู๋ก้มลงเล็กน้อย ลมหายใจของคนทั้งสองก็หยุดชะงัก"ลูกค้าทั้งสอง จะจากไปแล้วหรือขอรับ?" เสียงของเด็กรับใช้ดังมาจากประตู ขัดจังหวะการกระทำของลู่อู๋ท่านหญิงหมิงหยางเห็นดังนั้นจึงพูดว่า "ช่างเถอะ ไม่หาแล้ว ไปกันเถอะ!"ลู่อู๋ยืนตัวตรง ไม่ได้พยายามหาต่อไป อย่างไรก็ตามท่านหญิงหมิงหยางก็ไม่ได้มีต่างหูแค่คู่เดียวประตูห้องถูกเปิดออก ก่อนที่ลู่อู๋จะพาท่านหญิงหมิงหยางออกไป เขาก็ได้กลิ่นหอมหวานลู่อู๋สงสัย "นี่กลิ่นอะไร หอมดีแท้"เด็กรับใช้ส่ายหน้า "ไม่ทราบขอรับ วันนี้ทางหออาจเปลี่ยนเครื่องหอม"ในขณะที่ลู่อู๋กำ
"สัมผัสหนึ่งที่ปิ่นปักผมของท่านพี่ เส้นผมสีดำขลับสามพันเส้นสื่อถึงความรัก สัมผัสสองที่จุดแดงชาดของน้องหญิง งดงามหาหยิงใดเทียบในใต้หล้า!"พร้อมกับเสียงร้องเพลงที่ไม่เป็นเพลง ไม่เป็นทำนอง เหล่าคุณชายทั้งหลายก็เริ่มเต้นกันอย่างบ้าคลั่งไม่ต้องพูดถึงซ่างกวนซีที่อึ้งงันไป แม้แต่เด็กรับใช้ที่เพิ่งลงมาจากข้างบนก็ยังตกตะลึงเพราะเขาเห็นผู้จัดการของตัวเอง กำลังเต้นรำอย่างเมามันอยู่ท่ามกลางฝูงชนหลงหยางหัวเราะเสียงดัง ร้องเพลงต่อไปว่า "ลูบ ลูบ ลูบต่อไป! สัมผัสสามที่ลูบหว่างคิ้วของท่านพี่ คล้ายโกรธเคืองแต่กลับเปี่ยมเสน่ห์ สัมผัสสี่ลูบพวงแก้มดอกท้อของน้องหญิง เสียงครางแผ่วเบากลายเป็นเสียงสะอื้น ฮ่า ๆ ๆ!"ซ่างกวนซีหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ "นี่มันอะไรกัน?"เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา "เอ่อ… บอกตามตรง ข้าก็เพิ่งลองใช้เป็นครั้งแรก" นางเพิ่งทำมันออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบมองหาร่างของอวี๋เฟยเหยียนและคนอื่น ๆไม่นานก็เห็นฉินเซียงหรูพาเย่เทียนซู ยืนอยู่หลังราวบันไดชั้นสองทั้งสองคนเอามือปิดจมูก ปิดปาก อารมณ์คงที่ มองลงไปข้างล่างด้วยความประหลาดใจเยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่พวกเขาแล้วพูดว่
เมื่อมองดูอวี๋เฟยเหยียนที่ทั้งร้องเลียนเสียงหมู ทั้งเลียนเสียงสุนัขซ่างกวนซี ฉินเซียงหรู เย่เทียนซู ต่างก็เอามือปิดหน้ากัน ทำท่าทางไม่อยากดูมีเพียงเยี่ยนเว่ยฉือที่หัวเราะท้องแข็ง "ฮ่า ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว รัฐทายาทอวี๋ช่างมีจิตใจที่บริสุทธิ์จริง ๆ ไม่มีเรื่องสกปรกอยู่ในสมองเลย ฮ่า ๆ ๆ!"ชายคนนี้ช่างใสซื่อเหลือเกิน คนอื่นร้องเพลงสิบแปดบวก เขากลับร้องเพลงแย่งหมั่นโถวเขาไม่ควรชื่ออวี๋เฟยเหยียน เขาควรชื่ออวี๋สามขวบ!นี่ดูอย่างไรก็เหมือนเด็กสามขวบชัด ๆ!ซ่างกวนซีกล่าวอย่างจนใจ "ล้วนเป็นผลพวงจากเรื่องที่เจ้าสร้างไว้ ยังกล้าหัวเราะอีก เย่เทียนซู พาเฟยเหยียนกลับไปก่อน!"เย่เทียนซูรู้สึกว่าการปล่อยให้อวี๋เฟยเหยียนอาละวาดต่อไปไม่ใช่เรื่องดีเพราะท่าทีของเขาไม่เข้ากับคนอื่นคนอื่นถอดเสื้อผ้าครึ่งหนึ่ง แก้มแดงก่ำ ยิ้มแย้มราวเสียสติ สิ่งที่เต้นและร้องล้วนเป็นความในใจในคืนฤดูวสันต์เขาทำอะไร? กระโดดโลดเต้น เลียนเสียงหมา ช่างน่าขันสิ้นดี!เย่เทียนซูถอนหายใจ เหาะขึ้นไป ตบสันมือใส่อวี๋เฟยเหยียนจนสลบไปโดยตรง ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ พากันกลับไปหลังจากคนทั้งสองเพิ่งจา
"หากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเจ้า เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่ได้รับผลกระทบ?" หลงหยางยังคงซักไซ้เยี่ยนเว่ยฉือย้อนถามว่า "ผู้จัดการหลงก็ไม่ได้รับผลกระทบมิใช่หรือ?""ข้า… ข้าเต้นรำไปแล้ว!" เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลงหยางก็กระชับเสื้อคลุม ใบหน้าฉายแววขวยเขินเมื่อครู่เขาก็เต้นระบำเปลื้องผ้าไปแล้วเช่นกัน เสียหน้าเสียชื่อหมดสิ้นเพียงแต่เต้นไปเต้นมา จู่ ๆ ก็รู้สึกตัว ราวกับว่าฤทธิ์ยาหมดไปแล้วดังนั้นเขาจึงคาดเดาว่าเรื่องในวันนี้ จะต้องมีคนวางแผนไว้เป็นแน่และผู้ที่น่าสงสัยที่สุด ก็คือคนที่ไม่ได้รับผลกระทบเหล่านี้ฉินเซียงหรูที่อยู่ด้านข้างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นว่า "อ้อ! ข้ารู้แล้ว จะต้องเป็นเพราะสุราเป็นแน่ คืนนี้ข้าและสหายท่านนี้ไม่ได้ดื่มสุรา พวกเราจึงไม่เป็นอะไร ส่วนคุณชายอวี๋ที่พาพวกเรามา ดื่มไปหลายจอก จึงได้ร้องรำทำเพลง เมื่อครู่เขาเต้นอย่างเริงร่าที่สุด ท่านลืมไปแล้วหรือ?"หลงหยางลองนึกดูอย่างละเอียด ภาพของอวี๋เฟยเหยียนที่ยืนอยู่บนโต๊ะทำท่าทางเหมือนสุนัขก็ผุดขึ้นมาทันทีเขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก คิดในใจว่า "ก็จริง หากเทียบเรื่องความน่าอับอายแล้ว ยังไม่มีใครเทียบเขาได้ หรือว
เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้าอย่างจนใจ แล้วถามต่อว่า "ความหมายของเจ้าก็คือ เจ้าไม่ได้ไปสุสานหลวงเป่ยอิ้นอย่างนั้นหรือ? แล้วเหตุใดพวกเขาจึงไล่ล่าเจ้า ทั้งยังใช้อาวุธลับที่ร้ายกาจเช่นนั้นเล่นงานเจ้าอีก?""ผิดแล้ว!" ฮวาอวี๋ยิ้มแย้มมองเยี่ยนเว่ยฉือ "ข้ามิใช่ไม่เคยไปยังสุสานหลวง ข้าบอกว่าไม่ได้ขโมยคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรนั่นต่างหาก"เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างจนปัญญา "เรื่องราวมันเป็นอย่างไรกันแน่ เจ้าพูดให้ชัดเจนได้หรือไม่?""แล้วเจ้าไปเจอเรื่องยุ่งยากอะไรมา ไม่สู้เจ้าลองเล่าให้ชัดเจนก่อน แล้วข้าค่อยดูว่าจะช่วยอะไรเจ้าได้หรือไม่?" ฮวาอวี๋ยิ้มมองเยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปากอย่างจนใจ เล่าเรื่องที่สองพี่น้องเป่ยอิ้นถวายของกำนัล และเรื่องการประลองกับท่านหญิงอิ๋นตางหานอวี่เฟยอย่างละเอียดฮวาอวี๋ฟังจบ ก็เข้าใจทันที "อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าไม่มีเถาเหลยกงเพียงพอ ในการประลองรอบที่สาม จึงไม่สามารถเอาชนะด้วยจำนวนคนได้ ดังนั้นพวกเจ้าจึงมาหาข้า จะพาตัวข้าไปส่งให้คนของเป่ยอิ้น เพื่อแลกกับการชนะในการประลองรอบที่สามอย่างนั้นหรือ?"ฮวาอวี๋ทำสีหน้าเจ็บปวด "แม่นางน้อย เจ้าคงไม่ไร้คุณธรรมถึงเพียงนี้กระม
"แม่นางน้อยมีปัญหาหรือ? ใครหาเรื่องนาง?" สีหน้าของฮวาอวี๋เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นอย่างเห็นได้ชัดซ่างกวนซีสังเกตสีหน้าของเขาอย่างละเอียด ครู่หนึ่งจึงตอบกลับไปว่า "หากอยากรู้รายละเอียด ก็ตามข้ากลับจวน!"สิ้นเสียง ซ่างกวนซีก็ไม่สนใจเขาอีก เดินจากไปทันทีฮวาอวี๋ยืนอยู่ด้านหลังเขา ลังเลอยู่บ้างแต่สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานความอยากรู้ของตนเองได้ ก้าวเท้าตามออกไป"โอ๊ย ท่านรอข้าก่อนสิ ท่านนี่จริง ๆ เลย พูดแค่ครึ่งเดียว! ทำให้คนอื่นเขาร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว!"…...จวนองค์รัชทายาทเมื่อทุกคนกลับมาถึงจวนองค์รัชทายาท ฤทธิ์ยาของอวี๋เฟยเหยียนก็หมดลงแล้วข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของยานี้ก็คือ หลังจากที่คนสร่างแล้วก็จะสร่างสนิท จดจำเรื่องน่าอับอายที่ทำลงไปก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมด ไม่ตกหล่นแม้แต่น้อยอวี๋เฟยเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ใช้สองมือขยี้ศีรษะ ร้องไห้ไม่ออก"สวรรค์! ชื่อเสียงที่ข้าสั่งสมมาทั้งชีวิตป่นปี้ในคราวเดียว หากท่านพ่อรู้เข้า จะต้องหักขาข้าเป็นแน่! โอ๊ย! ข้าไม่อยากอยู่แล้ว!"ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เขาขยุ้มผมอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือเพิ่งเดินเข้ามาในห้องโถงด้านหน้าก็เห็นภาพที่น่าขบขันนี้นางเม้มริมฝี
"หากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเจ้า เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่ได้รับผลกระทบ?" หลงหยางยังคงซักไซ้เยี่ยนเว่ยฉือย้อนถามว่า "ผู้จัดการหลงก็ไม่ได้รับผลกระทบมิใช่หรือ?""ข้า… ข้าเต้นรำไปแล้ว!" เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลงหยางก็กระชับเสื้อคลุม ใบหน้าฉายแววขวยเขินเมื่อครู่เขาก็เต้นระบำเปลื้องผ้าไปแล้วเช่นกัน เสียหน้าเสียชื่อหมดสิ้นเพียงแต่เต้นไปเต้นมา จู่ ๆ ก็รู้สึกตัว ราวกับว่าฤทธิ์ยาหมดไปแล้วดังนั้นเขาจึงคาดเดาว่าเรื่องในวันนี้ จะต้องมีคนวางแผนไว้เป็นแน่และผู้ที่น่าสงสัยที่สุด ก็คือคนที่ไม่ได้รับผลกระทบเหล่านี้ฉินเซียงหรูที่อยู่ด้านข้างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นว่า "อ้อ! ข้ารู้แล้ว จะต้องเป็นเพราะสุราเป็นแน่ คืนนี้ข้าและสหายท่านนี้ไม่ได้ดื่มสุรา พวกเราจึงไม่เป็นอะไร ส่วนคุณชายอวี๋ที่พาพวกเรามา ดื่มไปหลายจอก จึงได้ร้องรำทำเพลง เมื่อครู่เขาเต้นอย่างเริงร่าที่สุด ท่านลืมไปแล้วหรือ?"หลงหยางลองนึกดูอย่างละเอียด ภาพของอวี๋เฟยเหยียนที่ยืนอยู่บนโต๊ะทำท่าทางเหมือนสุนัขก็ผุดขึ้นมาทันทีเขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก คิดในใจว่า "ก็จริง หากเทียบเรื่องความน่าอับอายแล้ว ยังไม่มีใครเทียบเขาได้ หรือว
เมื่อมองดูอวี๋เฟยเหยียนที่ทั้งร้องเลียนเสียงหมู ทั้งเลียนเสียงสุนัขซ่างกวนซี ฉินเซียงหรู เย่เทียนซู ต่างก็เอามือปิดหน้ากัน ทำท่าทางไม่อยากดูมีเพียงเยี่ยนเว่ยฉือที่หัวเราะท้องแข็ง "ฮ่า ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว รัฐทายาทอวี๋ช่างมีจิตใจที่บริสุทธิ์จริง ๆ ไม่มีเรื่องสกปรกอยู่ในสมองเลย ฮ่า ๆ ๆ!"ชายคนนี้ช่างใสซื่อเหลือเกิน คนอื่นร้องเพลงสิบแปดบวก เขากลับร้องเพลงแย่งหมั่นโถวเขาไม่ควรชื่ออวี๋เฟยเหยียน เขาควรชื่ออวี๋สามขวบ!นี่ดูอย่างไรก็เหมือนเด็กสามขวบชัด ๆ!ซ่างกวนซีกล่าวอย่างจนใจ "ล้วนเป็นผลพวงจากเรื่องที่เจ้าสร้างไว้ ยังกล้าหัวเราะอีก เย่เทียนซู พาเฟยเหยียนกลับไปก่อน!"เย่เทียนซูรู้สึกว่าการปล่อยให้อวี๋เฟยเหยียนอาละวาดต่อไปไม่ใช่เรื่องดีเพราะท่าทีของเขาไม่เข้ากับคนอื่นคนอื่นถอดเสื้อผ้าครึ่งหนึ่ง แก้มแดงก่ำ ยิ้มแย้มราวเสียสติ สิ่งที่เต้นและร้องล้วนเป็นความในใจในคืนฤดูวสันต์เขาทำอะไร? กระโดดโลดเต้น เลียนเสียงหมา ช่างน่าขันสิ้นดี!เย่เทียนซูถอนหายใจ เหาะขึ้นไป ตบสันมือใส่อวี๋เฟยเหยียนจนสลบไปโดยตรง ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ พากันกลับไปหลังจากคนทั้งสองเพิ่งจา
"สัมผัสหนึ่งที่ปิ่นปักผมของท่านพี่ เส้นผมสีดำขลับสามพันเส้นสื่อถึงความรัก สัมผัสสองที่จุดแดงชาดของน้องหญิง งดงามหาหยิงใดเทียบในใต้หล้า!"พร้อมกับเสียงร้องเพลงที่ไม่เป็นเพลง ไม่เป็นทำนอง เหล่าคุณชายทั้งหลายก็เริ่มเต้นกันอย่างบ้าคลั่งไม่ต้องพูดถึงซ่างกวนซีที่อึ้งงันไป แม้แต่เด็กรับใช้ที่เพิ่งลงมาจากข้างบนก็ยังตกตะลึงเพราะเขาเห็นผู้จัดการของตัวเอง กำลังเต้นรำอย่างเมามันอยู่ท่ามกลางฝูงชนหลงหยางหัวเราะเสียงดัง ร้องเพลงต่อไปว่า "ลูบ ลูบ ลูบต่อไป! สัมผัสสามที่ลูบหว่างคิ้วของท่านพี่ คล้ายโกรธเคืองแต่กลับเปี่ยมเสน่ห์ สัมผัสสี่ลูบพวงแก้มดอกท้อของน้องหญิง เสียงครางแผ่วเบากลายเป็นเสียงสะอื้น ฮ่า ๆ ๆ!"ซ่างกวนซีหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ "นี่มันอะไรกัน?"เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา "เอ่อ… บอกตามตรง ข้าก็เพิ่งลองใช้เป็นครั้งแรก" นางเพิ่งทำมันออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบมองหาร่างของอวี๋เฟยเหยียนและคนอื่น ๆไม่นานก็เห็นฉินเซียงหรูพาเย่เทียนซู ยืนอยู่หลังราวบันไดชั้นสองทั้งสองคนเอามือปิดจมูก ปิดปาก อารมณ์คงที่ มองลงไปข้างล่างด้วยความประหลาดใจเยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่พวกเขาแล้วพูดว่
ลู่อู๋รีบพูดว่า "หรือว่าจะหล่นอยู่ใต้เตียง เช่นนั้นท่านหลีกทาง ข้าดูหน่อย!"แย่แล้ว! ถ้าลู่อู๋ก้มลงมา จะต้องเห็นพวกเขาที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงแน่!เยี่ยนเว่ยฉือตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของซ่างกวนซี ประหม่าจนไม่กล้าลืมตาเห็นได้ชัดว่าคนที่ลักลอบมีชู้คือลู่อู๋และท่านหญิงหมิงหยาง แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด เยี่ยนเว่ยฉือกลับรู้สึกอับอายอย่างมากอาจจะเป็นเพราะการฟังคนอื่นคุยกัน ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไรซ่างกวนซีใช้มือข้างหนึ่งกอดเยี่ยนเว่ยฉือแน่น มืออีกข้างเตรียมพร้อมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อเมื่อเห็นลู่อู๋ก้มลงเล็กน้อย ลมหายใจของคนทั้งสองก็หยุดชะงัก"ลูกค้าทั้งสอง จะจากไปแล้วหรือขอรับ?" เสียงของเด็กรับใช้ดังมาจากประตู ขัดจังหวะการกระทำของลู่อู๋ท่านหญิงหมิงหยางเห็นดังนั้นจึงพูดว่า "ช่างเถอะ ไม่หาแล้ว ไปกันเถอะ!"ลู่อู๋ยืนตัวตรง ไม่ได้พยายามหาต่อไป อย่างไรก็ตามท่านหญิงหมิงหยางก็ไม่ได้มีต่างหูแค่คู่เดียวประตูห้องถูกเปิดออก ก่อนที่ลู่อู๋จะพาท่านหญิงหมิงหยางออกไป เขาก็ได้กลิ่นหอมหวานลู่อู๋สงสัย "นี่กลิ่นอะไร หอมดีแท้"เด็กรับใช้ส่ายหน้า "ไม่ทราบขอรับ วันนี้ทางหออาจเปลี่ยนเครื่องหอม"ในขณะที่ลู่อู๋กำ
ใครจะรู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือวางยาเขาเมื่อไร และถอนพิษให้เขาเมื่อไร?เขาถึงกับไม่เข้าใจว่า การที่เขาได้มีความสัมพันธ์กับท่านหญิงหมิงหยางเพื่อถอนพิษนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่อย่างไรก็ตาม เขาหวาดกลัวกลเม็ดของเยี่ยนเว่ยฉือ และไม่อยากไปยั่วโมโหดาวอัปมงคลผู้นี้อีกแล้วท่านหญิงหมิงหยางได้ยินลู่อู๋ถาม ก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "ได้ยินซูเอ๋อร์บอกว่า พี่น้องชาวเป่ยอิ้นจะไปล่องเรือที่ทะเลสาบปี้โป และยังเชิญลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์และสาวงามจากตระกูลดังมากมายในเมืองหลวงไปร่วมงานด้วย พวกองค์ชายหลายคนก็จะไป ซ่างกวนซีก็ต้องพาเยี่ยนเว่ยฉือไปด้วยแน่"ลู่อู๋เบิกตากว้าง ถามอย่างกังวลว่า "ท่านจะทำอะไร?"ท่านหญิงหมิงหยางยิ้มอย่างเย็นชา "อวี๋ฉืออวิ๋นจ้าวคนนั้น ต้องการแต่งงานกับองค์หญิงที่เกิดจากภรรยาเอกของพวกเรากลับไป แต่ฝ่าบาททรงหวงแหนองค์หญิงเหวินหลิงที่ยังทรงพระเยาว์ ในตอนนั้นคงต้องเลือกจากขุนนางที่มีฐานะเทียบเท่ากัน เกรงว่าหลานสาวของข้า ท่านหญิงอิ๋นตาง แม้รูปร่างหน้าตาจะไม่ดีเท่าที่ควรแต่ก็มีฐานะสูงศักดิ์ ข้ากลัวว่าฝ่าบาทจะหมายปองนาง สู้ข้าช่วยเขาแก้ปัญหาเฉพาะหน้านี้ก่อนที่ฝ่าบาทจะทรงลงมือดีกว่า"ลู
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่างกวนซีก็ยิ่งออกแรงมากขึ้น ริมฝีปากและฟันประกบกัน เสียงน้ำลายแลกเปลี่ยนดังซี้ดซ้าด"อ๊า…"หลังจากเสียงกรีดร้องดังขึ้น คนสองคนบนเตียงก็จบการต่อสู้อันแสนสุขนี้ลงในที่สุดและซ่างกวนซีที่เฉลียวฉลาด แม้ในขณะที่จูบอย่างลืมตัว ก็ไม่ลืมที่จะเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อได้ยินว่าบนเตียงไม่มีการเคลื่อนไหวแล้ว ซ่างกวนซีก็หยุดการสัมผัสอันแนบชิดทันที และไม่ลืมที่จะเอามืออุดปากเยี่ยนเว่ยฉือไว้เยี่ยนเว่ยฉือยังไม่ได้สติจากการจูบอันเร่าร้อนนั้น ร่างกายของนางราวกับลอยอยู่บนก้อนเมฆ สมองไม่สามารถคิดอะไรได้โชคดีที่นางเชื่อฟัง ไม่ขยับเขยื้อน ไม่ส่งเสียงใด ๆซ่างกวนซีแอบกระตุ้นวิชาสหัสเหมันต์ในร่างกายของเขา พยายามกดไฟโทสะที่ไม่สมควรปะทุออกมารอเพียงให้คนสองคนบนเตียงจากไป พวกเขาจะได้หลุดพ้นแต่คนทั้งสองหลังจากทำธุระเสร็จแล้ว ดูเหมือนจะไม่คิดที่จะจากไปในทันที แต่กลับนอนกอดกัน พูดคุยกันอย่างสบาย ๆท่านหญิงหมิงหยางกล่าวว่า "เยี่ยนเว่ยฉือ นางต่ำช้าคนนั้น กล้าดีอย่างไรมาวางแผนกับข้าแบบนี้ ข้าไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ แน่"ลู่อู๋ถอนหายใจ "หากท่านไม่จ้างมือสังหารไปฆ่านางก่อน นางก็คงไม
"เสียงอะไร?" ลู่อู๋บนเตียงหยุดการกระทำของเขาอย่างไรก็ตาม ท่านหญิงหมิงหยางที่ยังคงดื่มด่ำอยู่ในรสชาติของกามารมณ์ จะได้ยินเสียงของคนอื่นได้อย่างไรเมื่อเห็นลู่อู๋หยุด นางก็อดไม่ได้ที่จะเร่งเร้า "อย่าหยุดสิ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย!"ลู่อู๋ขมวดคิ้วถาม "ท่านไม่ได้ยินเสียงแปลก ๆ หรือ?"ท่านหญิงหมิงหยางถามว่า "หา? หรือว่าไฟไหม้อีกแล้ว?"ลู่อู๋เงี่ยหูฟังอีกครั้ง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเสียงแล้ว เขาก็ปลอบโยนว่า "คงเป็นข้าหูฝาดไปเอง อาจจะเป็นเสียงร้องของคนข้างห้องที่ดังเกินไป""หึ เจ้าอยู่บนตัวข้า ยังได้ยินเสียงร้องของหญิงอื่นอีก ช่างโลภจริง ๆ!""หญิงอื่นร้องเสียงดังแค่ไหน ก็ไม่ไพเราะเท่าเสียงของท่านหรอก มา ๆ ๆ ข้าจะปรนนิบัติท่านหญิงต่อ!"เสียงเตียงโยกเยกดังขึ้นอีกครั้งและคนสองคนที่อยู่ใต้เตียงก็เหมือนถูกกดจุดเยี่ยนเว่ยฉือคิดไม่ออกว่า วิธีที่จะไม่ให้นางส่งเสียงมีมากมายหลายวิธี สามารถอุดปากนาง สามารถกดจุดนาง หรือแม้แต่ทำให้สลบไปก็ยังได้ เหตุใดซ่างกวนซีถึงเลือกใช้วิธีที่แย่ที่สุดในเมื่อใจของนางว้าวุ่นอยู่แล้ว การจูบอย่างกะทันหันนี้แทบจะเหมือนฟ้าผ่ากับไฟใต้ดินหัวใจที่ไม่สงบแต่เดิมยิ่