นางพยักหน้าและสุ่มหาร้านเพื่อถามราคา “ท่านอา ไม้สนหนามนี้ขายอย่างไรหรือ?”คนผู้นั้นตอบอย่างสุภาพ “ไม้ท่อนดิบนี้ราคาท่อนละสามร้อยอีแปะ ไม้แปรรูปจะราคาท่อนละห้าร้อยอีแปะ แม่นางอยากได้แบบไหนล่ะ?”นางเห็นว่าไม้ท่อนดิบ มันถูกตัดแบ่งออกมาจากต้นไม้ใหญ่ที่ถูกตัดโค่นโดยยังไม่ได้ผ่านขั้นตอนใด ๆ ส่วนไม้แปรรูปนั้นถูกลอกเปลือกออกแล้ว มีหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า อีกทั้งยังผ่านการแช่น้ำและตากแห้งแล้วอีกด้วยกล่าวง่าย ๆ ก็คือหากนำไม้ดิบกลับไปก็จะต้องจัดการแปรรูปต่อถึงสองครั้งแต่ไม้ท่อนสี่เหลี่ยมนั้นสามารถนำมาใช้งานได้เลยอีกทั้งยังมีราคาต่างกันถึงสองร้อยอีแปะนางหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนและถามว่า “หากเป็นกรมโยธา พวกเขาจะซื้อแบบไหนไปหรือ?”อวี๋เฟยเหยียนตอบว่า “แน่นอนว่าต้องเป็นไม้ท่อนสี่เหลี่ยม กรมโยธาก็มีเงินไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ที่กรมโยธาก็ไม่ได้มีพื้นที่มากพอสำหรับการแช่และตากไม้ให้แห้ง”นางพยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงเข้าใจเยี่ยนเว่ยฉือมองไปที่เถ้าแก่แล้วพูดว่า “ข้าต้องการไม้ท่อนสี่เหลี่ยมหนึ่งพันท่อน แต่ข้ามีเงื่อนไข”หนึ่งพันท่อน นั่นเท่ากับเงินห้าร้อยตำลึงเชียวนะ นับว่าเป็นการเจรจากา
เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะแห้ง ๆ และเปลี่ยนเรื่อง “โอ้ นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือ ท่อนไม้เหล่านี้ไม่อาจแช่ไว้นานเกินไปได้ มิเช่นนั้นจะใช้เวลากว่าครึ่งเดือนในการทำให้แห้ง และกรมโยธาคงจะไม่ซื้อไปแน่ ท่านไปบอกเถ้าแก่ทีว่าให้แช่เพียงคืนเดียว วันรุ่งขึ้นค่อยนำออกมากองไว้ก็ใช้ได้แล้ว อย่าลืมเตือนพวกเขาด้วยว่าหลังจากแช่ไม้ของพวกเราเสร็จแล้วให้เปลี่ยนน้ำด้วย!”อวี๋เฟยเหยียนตอบรับอย่างว่าง่าย……ยามค่ำคืน ณ จวนองค์รัชทายาทซ่างกวนซีนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะอาหาร รอให้เยี่ยนเว่ยฉือและอวี๋เฟยเหยียนกลับมาทานอาหารด้วยกันทว่าหลังจากอุ่นอาหารมาสามครั้งแล้วก็ยังไม่มีใครมาซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด สิ่งที่เขาหงุดหงิดไม่ใช่การที่เยี่ยนเว่นฉือออกไปตั้งแต่เช้าและกลับมามืดค่ำ แต่เขารู้สึกหงุดหงิดว่าเหตุใดตนถึงไม่ตามไปด้วยอันที่จริง เขาเองก็อยากรู้มากเหมือนกันว่าเยี่ยนเว่ยฉือคิดจะทำอะไรกันแน่แต่เขาไม่สามารถก้มหน้าเดินตามเยี่ยนเว่ยฉือต้อย ๆ เหมือนลูกสุนัขได้เพราะเขาไม่ได้ว่างเหมือนอวี๋เฟยเหยียน“องค์รัชทายาท นี่ก็ดึกแล้ว เสวยไปก่อนดีหรือไม่เพคะ?” จางมามาโน้มน้าวซ่างกวนซีพยักหน้าและกำลัง
เยี่ยนเว่ยฉือมองไปที่อวี๋เฟยเหยียนด้วยดวงตาเบิกกว้าง “ท่านหักขาของเขาจริง ๆ หรือ?”อวี๋เฟยเหยียนส่ายหัวแล้วพูดว่า “เปล่า ๆ ข้าดูจังหวะที่เหมาะสมตอนที่เขาลงจากรถม้า จากนั้นก็ขว้างหินไปบริเวณนั้น เขาก้าวพลาดไปเหยียบก้อนหินจนข้อเท้าพลิกล้มลงกับพื้น และแขนของเขาก็หักด้วยเช่นกัน จิ๊…โชคร้ายเสียจริง!”มุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก “รู้สึกผิด...กับท่านใต้เท้าผู้นี้จริง ๆ วันไหนสักวันส่งของขวัญไปเยี่ยมเขาหน่อยเถิด”“ไม่ต้องห่วง ศิษย์พี่ใหญ่ได้เตรียมการไว้แล้ว อีกสองสามวันเมื่อเรื่องเสร็จสิ้นเขาจะได้รับยาดีที่ใช้ในกองทัพ รับรองไม่มีผลข้างเคียงอย่างแน่นอน”เยี่ยนเว่ยฉือรู้ดีว่ายารักษาแผลภายนอกที่นายทหารใช้ในกองทัพนั้นมีประสิทธิภาพอย่างมาก และไม่สามารถเทียบได้กับยารักษาแผลภายนอกทั่วไปเพื่อที่จะลงโทษซ่างกวนหลี ทำได้เพียงต้องเสียสละผลประโยชน์ส่วนตนเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเท่านั้น!เมื่อคิดได้เช่นนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็พูดว่า “ข้าอิ่มแล้ว ตอนนี้ว่าจะไปที่ตลาดค้าไม้เพื่อรอเหยื่อมาติดกับ!”นางไม่รู้ว่าหลิวเฉา ผู้จัดการงานประจำกรมโยธาจะไปซื้อของเมื่อไหร่ นางจึงทำได้แค่นั่งเฝ้าอยู่ทุกวันอวี๋เ
“เอ๋? เจ้าเนี่ยนะ?” อวี๋เฟยเหยียนกำลังจะโต้กลับ แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็ขัดจังหวะเสียก่อน “คำพูดของคุณชายเย่นั้นถูกต้องแล้ว”จริง ๆ แล้วอวี๋เฟยเหยียนไม่มีคุณสมบัติในการเป็นนักแสดงเลย สิ่งที่สำคัญคือเขาดูตรงไปตรงมาและไม่เหมือนคนที่จะเอาเปรียบใครได้พูดจาก็ไม่รื่นหู ซ้ำยังเอาใจคนอื่นไม่เป็นเมื่ออวี๋เฟยเหยียนได้ยินสิ่งที่เยี่ยนเว่ยฉือพูด เขาก็อารมณ์เสียทันที “โอ้ ก็ได้ ๆ เช่นนั้นเจ้าก็ไปแทน อย่ามัวแต่ชักช้า ข้าผู้นี้ไม่เชี่ยวชาญในการหลอกลวงใครเขาหรอก หึ!”……ณ ตลาดค้าไม้ครึ่งชั่วยามต่อมา ทั้งสามคนก็มาถึงตลาดค้าไม้เย่เทียนซูและเยี่ยนเว่ยฉือทำการตั้งแผงขายของ ในขณะที่อวี๋เฟยเหยียนนั้นมีหน้าที่อีกอย่างหนึ่งเขาต้องจัดการใช้กลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ยเมื่อไรก็ตามที่เห็นหลิวเฉาจากกรมโยธาธิการพาคนมาซื้อของ เขาก็จะคิดหาทางล่อให้พวกเขาไปที่นั่นทว่าหนึ่งวันผ่านไป พวกเขาทั้งสามกลับไม่ได้อะไรเลยเมื่อกลับมาถึงจวนองค์รัชทายาทในตอนค่ำ เยี่ยนเว่ยฉือก็ดูเหนื่อยล้าและอิดโรยอีกครั้งเมื่อเห็นว่านางลำบาก ซ่างกวนซีจึงพูดว่า “หากไม่ได้ผลก็ช่างเถอะ การรอให้เหยื่อมาติดเบ็ดมันต้องอาศัยโชคด้วย”เยี่ยนเว่ยฉ
ซ่างกวนซีมองไปยังท่าทางตกตะลึงและตั้งท่าป้องกันของเยี่ยนเว่ยฉือ เขาก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ข้าไม่สนใจเจ้าหรอก แค่ไม่อยากได้ยินเสียงร้องไห้โอดครวญของเจ้า มันรบกวนการพักผ่อนของข้า”เยี่ยนเว่ยฉือเบะปากนางรู้ดีว่าซ่างกวนซีต้องการจะทายาให้ นางจึงเลิกทำท่าเสแสร้งแต่นางไม่กล้าถอดชุดสีขาวด้านในออก นางแค่นอนลงบนเตียงแล้วถกเสื้อขึ้นเผยให้เห็นแผ่นหลังส่วนล่างซ่างกวนซีเดินไปที่ตั่งเตี้ย หลุบตาลงพลางขมวดคิ้วมากยิ่งกว่าเดิมในทันทีนั่นปะไร มีรอยช้ำขนาดใหญ่ ไม่แปลกที่นางจะรู้สึกปวด โชคดีที่ไม่กระทบไปถึงกระดูกสันหลังส่วนเอวซ่างกวนซีถอนหายใจพลางเทยาดองลงบนฝ่ามือ ค่อย ๆ ถูกเพื่อกระจายความร้อน จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างทาบบนหลังส่วนล่างของเยี่ยนเว่ยฉือ แล้วนวดด้วยแรงปานกลาง“อ๊า…” มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นซ่างกวนซีหยุดชะงักแล้วถามว่า “เจ็บหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหัวและพูดทั้งน้ำตา “ปะ...เปล่า ครั้งนี้ไม่ได้เจ็บ แต่รู้สึกสบาย...องค์รัชทายาท ท่านช่างฝีมือดีจริง ๆ!”ซ่างกวนซีถอนหายใจอย่างจนใจ “ข้าต่อสู้ในสนามรบมาตั้งแต่อายุสิบสี่ เจ็บปวดมาทุกรูปแบบแล้ว ยาดองที่ข้าใช้ทามากกว่าเหล้าข้าวที่เ
เลือดร้อนสุมอก ปั่นป่วนไปทั่วทั้งร่างกายสัตว์ร้ายในอกของเขาแทบจะพังกรงออกมาซ่างกวนซีรู้ว่าตนไม่สามารถทนไว้ได้นานนัก แต่...แต่อย่างน้อยก็ขอให้เขาทนไว้จนกว่าจะพบยาแก้พิษก็แล้วกันอย่างน้อยก็ทำให้แน่ใจว่า จะสามารถมอบอนาคตให้กับเยี่ยนเว่ยฉือได้ซูม!หลังจากสิ้นเสียงน้ำ ซ่างกวนซีก็ฝังตัวลงไปในอ่างอาบน้ำด้านเยี่ยนเว่ยฉือที่อยู่ข้างนอกนั้นได้ผล็อยหลับไปเพราะความเจ็บปวดที่เอวหายไปแล้วนางไม่รู้ว่าเลยได้ทรมานซ่างกวนซีมากเพียงใดซ่างกวนซีแช่ตัวในน้ำเย็นเป็นเวลาครู่หนึ่ง เมื่อรู้สึกสงบลงแล้วจึงเดินออกมาจากห้องปีกข้างคืนนี้คงไม่มีเรื่องอะไรมารบกวนอีก นอนไปเลยก็แล้วกันแต่ก่อนที่จะเข้านอน เขาก็เหลือบมองเยี่ยนเว่ยฉือ และต้องประหลาดใจที่พบว่ากางเกงชั้นในสีขาวของเยี่ยนเว่ยฉือเต็มไปด้วยคราบเลือดนางบาดเจ็บหรือ?“เว่ยฉือ เว่ยฉือ! ตื่นสิ! ตื่น!” ซ่างกวนซีรู้สึกราวกับหัวใจของเขากำลังจะเด้งออกมาทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับลืมตาด้วยความงุนงง “หา? อ๋า? อะไร...มีอะไรหรือองค์รัชทายาท?”ซ่างกวนซีแตะกางเกงของนางจนเลือดติดมือมา เขาถามด้วยความหวาดกลัว “เจ้าบาดเจ็บหรือ? บาดเจ็บตรงไหน? เหตุใดถึงเลือดไหลม
ซ่างกวนซีหลุบตามองเลือดบนมือของเขา เขาไม่รู้สึกรังเกียจ แต่เต็มไปด้วยความเขินอายเขา...เขาเพิ่งไปจับก้นของนางมาตึง!ซ่างกวนซียืนขึ้นและออกจากห้องนอนไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นเช่นนั้น พ่อบ้านจางและอวี๋เฟยเหยียนก็ไม่อยู่ต่อเมื่อเหลือเพียงจางมามาและเยี่ยนเว่ยฉือเท่านั้นที่อยู่ในห้อง เยี่ยนเว่ยฉือก็อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญ “มามา…”จางมามาปลอบนางอย่างรวดเร็ว “พระชายาอย่าได้กลัว อย่ากลัวเลยเพคะ นี่คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับสตรีทุกคน ท่านเคยอาศัยอยู่ในเล้าหมูและไม่ได้ทานอาหารอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ระดูจึงมาช้าไปหน่อย หากไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะสอนให้เอง!”ในขณะที่ช่วยเยี่ยนเว่ยฉือจัดการสิ่งต่าง ๆ จางมามาก็อธิบายชี้แนะอย่างจริงใจว่าระดูคืออะไรแต่นางไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้กลัว นางแค่อาย!!คาดไม่ถึงว่านางจะมีระดูครั้งแรกต่อหน้าซ่างกวนซีทั้งยังทำให้เขามือเปื้อนอีก คงจะ…คงจะอับอายขายหน้าเขาไปทั้งชาติ!มันน่าอายมากเลยใช่ไหม??ไม่แปลกใจที่นางรู้สึกปวดที่เอวมากถึงเพียงนี้ ที่แท้มันไม่ใช่แค่เพราะการกระแทกเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องนี้ด้วย“เฮ้อ!” เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ
ซ่างกวนซีไม่รู้ว่าจะบรรเทาความลำบากใจนี้ได้อย่างไร เขาจึงนอนลงข้างเยี่ยนเว่ยฉือโดยไม่พูดอะไรอีกและดับเทียนลงทั้งห้องตกอยู่ในความมืด พวกเขามองไม่เห็นกันและกัน แต่โสตประสาทของพวกเขากลับไวต่อความรู้สึกมากขึ้นซ่างกวนซีรู้สึกว่าการหายใจของเยี่ยนเว่ยฉือไม่มั่นคง และเห็นได้ชัดว่านางยังไม่หลับตอนแรกเขาไม่ได้สนใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็รู้สึกว่าการหายใจของเยี่ยนเว่ยฉือเริ่มมีความสั่นซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เป็นอะไรไป? ทรมานหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างทรมาน “ปะ...ปวดท้อง”มันปวดเสียจนท้องน้อยหน่วงไปหมด อีกทั้งก็ยังปวดขามากจนไม่สามารถเหยียดตรงได้ ครั้นจะนอนก็นอนไม่หลับแม้แต่อาการบาดเจ็บที่หลังส่วนล่างก็ดูจะร้ายแรงขึ้นมาซ่างกวนซีถามอย่างเป็นกังวล “ให้ตามหมอมาหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างจนใจ “องค์รัชทายาท ข้าเป็นหมอนะ เรื่องเช่นนี้ข้าทำได้แค่ต้องอดทนเอา”ซ่างกวนซีกังวล หลังจากคิดไปคิดมา เขาก็พูดว่า “เช่นนั้นข้า…สามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง?”เยี่ยนเว่ยฉือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองกลับมาที่เขา “องค์รัชทายาท...ช่วยนวดให้ข้าหน่อยได้ไหม?”นวด?ซ่างกวนซีตกใจ เขาคาดไม่ถึงว่าเย
เมื่อเห็นหานอวี่เฟยและคณะเดินจากไปไกลแล้วฉินเซียงหรูก็รีบเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ จับข้อมือของนางแล้วรีบเดินไปยังลานด้านหลังเมื่อผู้คนเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เพราะหมอฉินเป็นชายนอกจวน การกระทำเช่นนี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากเกินไปอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นจึงพูดติดตลก “เอ้า ๆ พอ ๆ ทุกคนจะทำอะไรก็ทำไป เก็บกวาดตรงนี้ให้เรียบร้อย!”จากนั้นก็รีบตามฉินเซียงหรูและเยี่ยนเว่ยฉือไปเมื่อเขามาถึงลานของฉินเซียงหรู ก็เห็นฉินเซียงหรูเอามือของเยี่ยนเว่ยฉือจุ่มลงในถังน้ำข้างบ่อน้ำพอดีฉินเซียงหรูมองไปที่อวี๋เฟยเหยียน พูดอย่างร้อนรน “รัฐทายาทอวี๋ ไปเอาน้ำแข็งมา! เร็ว!”“หา? อะไรนะ?” อวี๋เฟยเหยียนงงเล็กน้อยฉินเซียงหรูพูดอย่างร้อนใจ “น้ำแข็ง น้ำแข็งไง! ในจวนองค์รัชทายาทไม่มีห้องเก็บน้ำแข็งหรือ!”อวี๋เฟยเหยียนได้สติ รีบพูดว่า “ไม่ ไม่ได้ จวนรัชทายาทในกาลก่อนถูกทิ้งร้าง ห้องเก็บน้ำแข็งก็ไม่มีน้ำแข็ง ข้าออกไปหาเอง!”อวี๋เฟยเหยียนกระโดดขึ้นไป รีบมุ่งหน้าไปยังหอหงซิ่วส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกเจ็บปวดและคันมาก เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากนางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกา แต่ถูกฉินเซียงหรูจ
เมื่อพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ดึงมือเยี่ยนชิงซู เดินเข้าไปในลานเรือนเยี่ยนชิงซูถูกเยี่ยนเว่ยฉีบบีบจนเจ็บปวด มองไปที่หานอวี่เฟยด้วยความกังวล“พี่หญิงอวี่เฟย พี่หญิงอวี่เฟย!”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “ร้องอะไรกัน แค่ล้างมือเอง ใครก็ได้ เอาน้ำไปให้พวกนาง”คนของอ๋องจ่างซิ่นนำน้ำเถาเหลยกงมาให้ทั้งสองคนเยี่ยนเว่ยฉือกำมือเยี่ยนชิงซูแน่น ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “เยี่ยนชิงซู นึกว่าข้าแต่งออกจากจวนผิงอี้โหวแล้ว เรื่องของเราจะจบลงอย่างนั้นหรือ? ข้าแค่ไม่มีเวลาสนใจพวกเจ้าเท่านั้น เยี่ยนหานซานลดฮูหยินเป็นอนุ ท่านหญิงหมิงหยางแย่งชิงตำแหน่ง ล้วนเป็นเพราะเจ้าตั้งแต่เล็กจนโตที่ดูถูกเหยียดหยามข้า ยังกล้าหมายปองสามีของข้าอีก เรื่องพวกนี้ข้าจำไว้ทั้งหมด ข้าไม่ไปหาเจ้า เพราะข้าไม่มีเวลา แต่เจ้ากลับมาหาข้าเอง ดูเหมือนเจ้ารีบมาตายเสียแล้ว วันนี้ข้าจะสนองเจ้า!”“เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เยี่ยนชิงซูมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างกังวลเยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงมือนางลงไปในน้ำเถาเหลยกงด้วยกันหลังจากเสียงน้ำกระเซ็น ทุกคนก็มองไปที่มือของทั้งสองที่จับกันอย่างตื่นเต้นอวี๋เฟยเหยียนกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ