แมทธิวและไอรดา สบตากันอยู่แบบนั้น จนเธอเริ่มอึดอัด
“คุณต้องการอะไร? เอางี้ดีกว่า พูดมาตรงๆเลย”
ไอรดาอยากจบการสนทนาที่เธอรู้สึกว่ามันยืดเยื้อ
“ผมอยากพิสูจน์ว่าไม่ได้เข้ามาเพื่อหวังเงิน ผมมีเวลาที่ไทยไม่มากเพราะต้องกลับไปทำงาน จะขออยู่จนถึงวันจันทร์ คุณก็ไม่ให้อยู่ ผมไม่อยากยอมแพ้ ไม่งั้นคง
ไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
“ทำไมคิดว่าจะไม่มีโอกาส?”
“คุณคงมีคนเข้าหาเยอะ ถ้าผมกลับไปกว่าจะกลับมา คุณอาจไม่โสดอีกแล้ว”
“กะจะไม่ให้โอกาสฉันได้เจอคนอื่นบ้างล่ะ คิดกลับกันบ้างสิ”
“ผมรู้สึกได้ ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปว่าคุณก็มีความรู้สึกให้อยู่เหมือนกัน
แต่ไม่ยอมรับ”
บ้าจริง….ไอรดาที่หน้าตารวบตึงแต่ข้างในนั้นไขว้เขว
“ผู้หญิงที่รักตัวเองมากพอ จะไม่ไล่ล่าแต่จะดึงดูดสิ่งที่มีความหมายให้มาพบเจอเธอเอง ผมรู้ว่าเป็นสิ่งนั้นให้คุณได้ ถ้าคุณให้โอกาส”
ตื้อมากใช่มั้ย? ได้สิ….
“ปกติฉันไม่เคยคิดอยากคบกับคนอายุมากกว่าเป็นสิบปี เพราะความคิดอาจ
จะไม่บาลานซ์กัน คุณเคยหย่าร้างแถมมีเรื่องเด็กด้วย ถึงไม่ใช่ลูกคุณจริงๆ แต่ในเมื่อคุณรับเป็นลูกก็เท่ากับมีภาระติดตัวมา ขอโทษที่พูดตรงๆ ถ้าเราคุยกันไปนานวันเข้า
ไม่นานก็คงมีปัญหาแล้วก็จบไม่ดีแน่”
แมทธิวฟังเธออย่างตั้งใจจนจบ
“ปัญหาคือ คุณไม่อยากคบคนมีภาระ มองว่าไม่แฟร์สำหรับคุณ ส่วนเรื่องอายุ
คุณกลัวความต่างจะทำให้คิดไม่เหมือนกัน แต่ถ้าผมบาลานซ์ความสัมพันธ์และเรื่อง
ลูกได้ จะไม่ให้มาเดือดร้อนคุณเลย พอจะได้มั้ย?”
“แมทธิว..คุณไม่คิดว่าวันนึงถ้ามีลูกของตัวเองล่ะ จะเป็นยังไง? ฉันไม่แน่ใจว่า
จะใจกว้างได้นะ ขอโทษที”
“คุณพูดเหมือนจะมีลูกให้ผมเหรอ? ไอรดา”
เธอทำหน้าเหลอหลาใส่เขา
“คิดได้ไง พึ่งรู้จักได้แค่สามวัน…ถ้าอยากพิสูจน์ตัวเอง ก็ให้เวลาเป็นคำตอบแล้วกัน กินข้าวเถอะ จะเย็นหมดแล้ว”
ไอรดาออกไปจากห้อง ลงไปกินข้าวและกลับขึ้นมาอยู่ในห้องตามเดิม
ตอนนี้สองทุ่มแล้ว เขาดูเงียบไป คงหลับอยู่เพราะไม่สบาย ส่วนเธออยากออกไปซื้อดอกไม้ที่ตลาดวโรสเพื่อใช้ไหว้ในห้องพระสำหรับตอนเช้า ไอรดาแต่งตัวสบายๆลง
มาก็เจอเขายืนเช็ดรถให้เธออยู่ ในโรงรถข้างบ้าน
“แมทธิว ไม่ต้องทำหรอก ฉันเอาไปคาร์แคร์ได้ คุณโอเคแล้วเหรอ ทำไมไม่พักผ่อน?”
“ผมดีขึ้นแล้ว มาเดินเล่นสักพัก เห็นมันสกปรกนิดหน่อยเลยทำความสะอาดให้ แล้วนี่คุณจะไปไหน?”
เขาสังเกตเห็นเธอถือกระเป๋าเงินกับกุญแจรถอยู่
“จะไปข้างนอกไม่นาน เดี๋ยวก็กลับ”
เธอไม่ออกปากชวนเขา ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนรถ เหลือบมองกระจกหลังที่เห็นเขายืน
ถือผ้าเช็ดรถ มองจนเธอเลี้ยวรถออกจากบ้านไป
ไอรดาไปตลาดซื้อดอกมะลิและดาวเรืองมาถุงใหญ่ ก่อนจะไปที่ครูบาศรีวิชัยเพื่อซื้อดอกไม้กราบไหว้ แวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อขนมและเครื่องดื่ม เธอตั้งใจออกไปข้างนอกนานๆ เพื่อหวังว่าเมื่อกลับไปแมทธิวคงจะเข้านอนแล้ว
แมทธิวอยู่บ้านรอเธอนานร่วมชั่วโมง เลยถือโอกาสเดินดูทั่วๆบ้าน เขาไม่เห็นภาพ
ของครอบครัวหรือพ่อแม่ของเธอเลย…
สองชั่วโมงผ่านไป สี่ทุ่มเศษๆ ไอรดาถึงกลับเข้ามา แมทธิวที่อยู่ห้องนั่งเล่น ออก
มาเห็นเธอถือถุงพะรุงพะรัง เลยเข้ามาช่วยโดยไม่พูดอะไร ก็พอดีที่จูนโทรเข้ามา
“คุณช่วยเอาไว้ที่ห้องครัวที ขอบคุณมาก”
เธอปล่อยให้เขาเข้าไปในบ้านคนเดียว โดยที่ยืนคุยอยู่นอกบ้านเกือบสิบนาที พอไป
ที่ห้องครัวก็เจอเขานั่งดูโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะกินข้าว
“ผมเก็บของให้หมดแล้ว ดอกไม้ผมเอาใส่ตู้เย็นไว้ เพราะไม่รู้คุณจะใช้ทำอะไร
ตอนไหน? ขนมเยอะแยะ ผมเอาไว้ในลิ้นชักใต้บาร์ทำอาหาร คุณจะได้ไม่ต้องเอื้อม
สูงๆ เครื่องดื่มก็แช่ไว้ให้หมดแล้ว”
“ทำไมต้องพยายามทำอะไรแบบนี้?..อยากเอาใจฉันเหรอ? คุณนี่ดื้อรั้นเหมือน
กันนะ ทั้งที่หน้าตาดูเหมือนไม่ใช่คนแบบนั้น”
“คุณเคยพาผู้ชายมาพักที่บ้านนี้มั้ย?”
“เคย…ตอนนี้ไง”
“คุณออกไปนานๆเมื่อกี้ ผมเป็นห่วง ไม่รู้ว่าไปไหน จะโทรถามก็กลัวคุณรำคาญ”
ไอรดาขยับมายืนใกล้เขาที่นั่งอยู่ มือข้างหนึ่งยันโต๊ะไว้
“ฉันไม่ชอบคนจู้จี้ มีพ่อคนเดียวก็พอแล้ว”
“ผมไม่เห็นภาพของครอบครัวหรือพ่อแม่คุณในบ้านเลย ปกติคนเรามักมีความ
ทรงจำในสถานที่ๆพิเศษ”
ไอรดาเอามือออกจากโต๊ะ แล้วไปยืนตรงกันข้าม “สถานที่พิเศษ อยู่ในนี้”
เธอจิ้มที่หน้าผากของตัวเอง
“ดึกแล้ว ฉันว่าไปพักผ่อนกันดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยคิดว่าจะไปเที่ยวที่ไหน”
พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องครัว
แมทธิวรีบลุกตามแล้วจับแขนเธอให้หันมา เขาก้มหน้าลงไปประทับจูบกับริมฝีปาก
อันแสนหวานของเธอ ก่อนจะถอนปากออกอย่างช้าๆ….
ไอรดาจ้องด้วยตาที่โตเท่าไข่ห่าน ผิดกับเขาที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มให้เธอตาหยี
“รังเกียจใช่มั้ย?”
เขากระซิบถาม เธอก้มหน้าไปนิดนึงก่อนจะตอบ
“ห่างเหินผู้หญิงมาหลายเดือน อยากหาที่ลงสินะ ไม่ง่ายแบบนั้นหรอก”
พูดแบบนั้นแต่ในใจกลับเป็นอีกอย่าง ทำให้เธอสับสนและหงุดหงิดตัวเองหน่อยๆ
“ถ้าผมเป็นแบบนั้น ก็ใช้เงินไปสถานบริการก็ได้ แต่นี่มันไม่ใช่แบบนั้น”
เขาเดินขยับเข้าไปหา จนเธอต้องถอยหลังไปชนกำแพง เอามือยันกลางอกเขาไว้
“จะทำอะไร? ฉันไม่น่าคิดผิดให้มาพักที่นี่”
“งั้นผมไปตอนนี้ก็ได้ ถ้ามันคือความต้องการของคุณ”
แมทธิวผละจากเธอแล้วเดินเข้าห้องของเขาไป โดยไม่ปิดประตูห้องเพื่อให้เธอเห็นว่าเขาเก็บของจริงๆ น้ำเสียงของเขาไม่ได้แสดงว่าโกรธ แค่อยากทดสอบอะไรนิดหน่อย
ไอรดาเห็นแบบนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องของเขา ก่อนจะมองหน้ากัน เธอมีสีหน้าที่โกรธและสะบัดหน้าหนีเดินเข้าห้อง ปิดประตูเสียงดังสนั่น
พอเที่ยงคืน ไอรดาแอบออกจากห้อง แล้วเดินไปดูที่ห้องของเขา ปรากฏว่าเขานอนหลับทั้งที่เปิดประตูไว้เหมือนเดิม
ไม่เห็นแน่จริงแบบปากพูด……
เธอกลับเข้าไปนอน จนเช้าวันรุ่งขึ้น เสียงเคาะประตูทำเอาตื่น
“ไอรดา มากินมื้อเช้าเถอะ”
ไอรดาถอนหายใจ ฝืนร่างกายให้ลุกมาเปิดประตูด้วยผมเผ้าที่ยุ่งแต่ก็ยิ้มมุมปากแนวเยาะเย้ยให้เขา
“อ้าว..นึกว่าไปแล้ว ยังอยู่หรอกเหรอ คุณแมทธิว”
“ไม่ไปไหนหรอก พูดแค่นั้นคุณยังโกรธ นึกว่าประตูห้องจะพังไปแล้วซะอีก”
“หลงตัวเองชะมัด”
พูดแค่นั้น แล้วหันหลังไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน ทำให้แมทธิวเห็นภายในห้องนอนของเธอ ทุกอย่างถูกออกแบบอย่างดี ทุกอย่างสีขาวสะอาดไปทั้งห้องและมีกลิ่นหอม
“ผมลงไปรอข้างล่างนะ” เขาตะโกนไม่ดังมากเพื่อบอกเธอ
แมทธิวทำอาหารง่ายๆให้ สไตล์อาหารเช้าของฝรั่ง ออมเล็ต เบคอน ไส้กรอก และน้ำส้ม เธอมานั่งที่โต๊ะอาหาร มองทุกอย่างแล้วถามเขา
“ของพวกนี้ฉันไม่ได้ซื้อมา คุณไปซื้อตอนไหน?”
“เมื่อเช้าผมหาพิกัดร้านสะดวกซื้อ เห็นมี 7-11 นอกหมู่บ้าน เลยเดินออกไปไม่ไกลมากแค่สิบนาที”
เธอแอบอมยิ้มแล้วทำหน้าเหมือนไม่สนใจ แต่ก็กินจนหมด
“ปกติเวลาคุณอยู่ที่นี่ ชอบไปไหนหรืออยู่บ้าน?”
“ฉันชอบอยู่บ้าน บางครั้งก็ไปนั่งชิลคนเดียว บาร์ที่ไม่ต้องใหญ่ คนไม่ต้องเยอะ
มีร้านนึงอยู่ไม่ไกลที่นี่มีอาหารด้วย ปิดเที่ยงคืน”
“งั้นวันนี้คุณอยู่บ้าน ผมจะอยู่ด้วย พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว อยากใช้เวลาเท่าที่พอมี
ทำความรู้จักคุณให้มากขึ้นอีกหน่อย”
เธอยักไหล่ จากนั้นขึ้นไปอาบน้ำแล้วลงมาเอาดอกไม้เพื่อขึ้นไปห้องพระ ก่อนจะเอ่ยชวนเขาที่นั่งเปิดโน้ตบุ๊คอยู่ที่ห้องครัวพอดี
“คุณอยากไปห้องพระกับฉันมั้ย?”
“ได้สิ” เขาปิดโน้ตบุ๊คแล้วรีบเดินตามไปทันที
ห้องพระขนาดใหญ่ที่สวยงาม ในห้องมีรูปพ่อแม่ของเธอ รวมถึงอัลบั้มรูปวางตั้งอยู่ แมทธิวนั่งลงกับพื้น มองที่รูปอย่างสนใจ
“คุณสวยเหมือนคุณแม่นะ ไอรดา”
“ขอบคุณ...พวกท่านรักกันมาก ขนาดที่จะไปก็ไปด้วยกัน ไม่ยอมทิ้งกันแม้
วินาทีสุดท้าย”
แมทธิวแอบมองเธอที่หลับตาพนมมือไหว้พระ
ไอรดาคงไม่อยากอ่อนแอจึงเก็บความทรงจำทุกอย่างเอาไว้ในห้องนี้ อาจเพื่อไม่ให้
ตัวเธอเองต้องโศกเศร้าเกินไป
“ครอบครัวคุณมีธุรกิจสินะ ถึงได้ร่ำรวย แต่คุณบอกผมว่าไม่ได้ทำงานอะไร นอกจากรับงานนิดๆหน่อยๆ”
“ฉันขอไม่พูดเรื่องนี้ ขอโทษด้วย”
เขาพยักหน้ารับทราบ ก่อนจะไหว้รูปพ่อแม่ของเธอ พลางคิดว่า ถ้าพอจะมีโอกาส
ก็ขอให้พ่อแม่ช่วยเขาให้เอาชนะใจเธอได้
พอตอนเที่ยง ไอรดาเกิดเปลี่ยนใจ ชวนเขาขับรถไปเที่ยวปางช้างแล้วกลับมาถึงบ้านในตอนเย็น ก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวและชวนเขาอีกครั้ง เพื่อไปร้านที่เธอพูดถึงเมื่อตอนเช้า
ทั้งคู่ไปที่ Noor Cafe & Restaurant เป็นร้านที่มีโซนแอร์และโซนสวนเล็กๆ แต่
ไอรดาเลือกด้านในเพื่อไม่ให้ยุงกัดเนื่องจากตอนนี้มืดแล้ว
ตอนแรกคิดว่าหนุ่มฝรั่งหน้าตี๋หน้าตาธรรมดา แต่จริงๆก็ดูดีอยู่เหมือนกัน อีกอย่างคือเขาสูงกว่า รูปร่างน่าจะซ่อนรูปเพราะเขาไม่ใช่คนผอมแห้ง….เธอคิดพิจารณาอยู่ในใจ
ทั้งคู่กินไปคุยไปในบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากขึ้น แมทธิวรู้สึกว่าเธอเป็นคนเก็บความรู้สึก ระมัดระวังคำพูด เหนืออื่นใดคือเธอสวยและมีเสน่ห์ในสายตาเขา
“พรุ่งนี้ฉันจะไปส่งคุณที่สนามบินเชียงใหม่แต่เช้านะ คุณเช็คอินออนไลน์ไว้เลยแล้วกัน”
อยู่ๆเขาก็จับมือเธอที่วางบนโต๊ะ
“คุณจะว่าอะไรมั้ย ถ้าผมจะขอโทรหาทุกวัน ไม่กี่นาทีก็ได้”
“ก็ได้นะ แต่ถ้าฉันไม่ว่างก็ห้ามมาว่าล่ะ”
เธอดึงมือออก ทว่าในใจนั้นหวั่นไหว
เกือบห้าทุ่ม ที่ทั้งคู่กลับมาที่บ้าน ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปห้องของตัวเอง แมทธิวเข้ามากอดเธอจากข้างหลัง
“ทำไมอยู่ๆผมรู้สึกเป็นห่วงคุณมากมายแบบนี้ก็ไม่รู้นะ”
“มีอะไรน่าห่วง? ฉันโตแล้ว ดูแลตัวเองมาตั้งนาน”
เธอส่ายหัวเบาๆ อยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นจากอกกว้างของเขา
“คุณก็เป็นผู้ชายที่ดูดีนะ ช่างเอาอกเอาใจ ทำไมเธอถึงไปสนใจคนอื่น หรือฉัน
อาจยังไม่เห็นธาตุแท้ของคุณ”
“ไว้คุณรู้จักผมไปจนกว่าคุณจะแน่ใจ ก็ลองบอกข้อเสียของผมดูก็ได้ ผมมั่นใจว่าทำทุกอย่างดีที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว..ในอดีต”
ไอรดาจับแขนเขาที่กอดเธอออก “ปล่อยเถอะ ฉันง่วงแล้ว ฝันดีนะ”
เธอหันหลังไป โดยที่มือเขาสัมผัสเส้นผมของเธอที่เดินจากไปอย่างเบามือ...
หกโมงเช้า ไอรดาลงไปที่ห้องนั่งเล่น ก็เจอแมทธิวที่นั่งรออยู่แล้ว
“แมทธิว…” เขาลุกขึ้น แล้วลูบผมเธอเบาๆ
“ไปกันเลยมั้ย?”
เธอพยายามทำเป็นไม่คิดอะไร แล้วเดินนำไปที่รถ เมื่อไปถึงสนามบิน ไอรดาจอดรถให้เขาลงที่ประตูทางเข้า เธอตั้งใจจะไม่เข้าไปส่ง แมทธิวเองรู้สึกเสียใจนิดหน่อย
“ขอให้เดินทางโดนสวัสดิภาพ แมทธิว”
เขาพยักหน้า แล้วจับแก้มเธอให้หันมา พลันจู่โจมจูบอย่างรวดเร็ว ไอรดาได้แต่ตกใจ ก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าเขา จน รปภ ต้องเป่านกหวีดเตือนไม่ให้จอดนานเกินไป
“ฉันไปก่อนนะ โดน รปภ ไล่”
พอแมทธิวปิดประตูรถและเอากระเป๋าเดินทางของเขาลงไปแล้ว ไอรดาก็ขับออกไปทันที
เขายืนอยู่กับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ มองดูรถเธอขับออกไปจนพ้นสายตา แล้วส่งข้อความทิ้งไว้ให้เธอว่า ช่วยบอกเขาด้วยถ้าถึงบ้านแล้ว….
ไอรดาทิ้งตัวลงบนเตียง พลางหยิบโทรศัพท์มาอ่านข้อความจากเขา เธอตัดสินใจโทร
หาเพราะพอมีเวลาก่อนที่แมทธิวจะไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้
“วันนี้คุณต้องบินกลับอเมริกาด้วย…safe flight นะ”
“ผมกำลังคิดว่าจะออกจากสนามบินดีมั้ย แต่คุณโทรมาก่อน”
“บ้าไปแล้ว อย่าทำแบบนั้น เสียงานเสียเงินฟรีตั้งเยอะแยะ”
“ไอรดา…ผมขอโอกาสแค่สามเดือน ถ้าคุณรู้สึกว่าไม่ชอบหรือเราเข้ากันไม่ได้ ผมจะเข้าใจและไม่ตอแยคุณอีก”
บ้าบอ…เขากำลังขอคบฉันงั้นเหรอ? สงสัยที่บอกไปจะไม่เข้าใจง่ายๆ
“ฉันยังไม่อยากปิดกั้นตัวเองและอยากได้โอกาสเลือกเหมือนกัน คุณสามารถ
โทรหาฉันก็ได้แบบที่คุณขอ”
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว”
เขาวางสายไปแล้วด้วยเสียงที่เธอรู้สึกได้ว่าเขาผิดหวัง…
ไอรดานั่งแปลนิยายจนเกือบเย็นๆ พลางคิดว่าเขาน่าจะขึ้นเครื่องกลับบ้านไปแล้ว ข้อความก็ไม่มี แล้วก็ไม่โทรมาด้วย
ดีแล้วล่ะ…ฉันไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดจะต้องง้อพ่อม่ายหรอก…
เวลาผ่านไปจนกระทั่งวันศุกร์ ไอรดานัดไปเที่ยวกับเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่เชียงใหม่ แล้วได้รู้จักเพื่อนของเพื่อนคนหนึ่ง เป็นผู้ชายที่ดูเนิร์ดเรียบร้อย ผิวขาว สูงกว่าเธอ
ไม่มากนัก เป็นลูกชายเจ้าของภัตตาคารชื่อดังในเชียงใหม่ ชื่อ บอส ในใจเธอถูกชะตาเขา เพราะนิสัยของไอรดาชอบผู้ชายที่ดูเรียบร้อยเป็นพิเศษ
เธอกลับถึงบ้านเกือบตีสอง แล้วลงรูปที่ถ่ายกับเพื่อนๆในไอจี โดยในรูปฝั่งขวาของเธอมีบอสยืนอยู่ข้างๆเธอ จากนั้นเข้าห้องน้ำเพื่อไปจัดการธุระส่วนตัว แล้วออกมาเปิดคอมนั่งทำงานต่อพร้อมกับเปิดเพลงเบาๆ
มีสายโทรเข้ามา… ทำเอาเธอแอบใจเต้นแรงเสียแบบนั้น
“ฮัลโหล”
“สวัสดีอาย ยังไม่นอนเหรอ? ดึกแล้วนะ”
“ใช่ กำลังนั่งทำงานนิดนึง สักพักว่าจะนอน”
เขาเงียบนิดนึง ตอนนั้นเองที่เธอเห็นว่า เขากดไลค์โพสต์ในไอจีภาพที่เธอพึ่งไปเที่ยว
“พอดีผมพึ่งออกมากินมื้อเที่ยง งานเยอะน่ะ”
ในเมื่อเธอไม่ถาม เขาเลยบอกเอง
“ก็…อย่าทำงานหักโหมจนไม่ดูแลสุขภาพล่ะ”
“คุณด้วยไอรดา เที่ยวจนนอนดึก ไม่ดีต่อสุขภาพ”
นี่เขาย้อนฉันหรือยังไงกัน….
“นานๆทีจะเป็นอะไรไปล่ะ ฉันไม่ได้เจอเพื่อนบ่อย”
“พรุ่งนี้จะไปไหนมั้ย อาย?”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันอยากทำงานนิดนึงก่อนจะไปนอน คุณมีอะไรอีกมั้ย?”
“ไม่รบกวนคุณแล้ว ฝันดีล่วงหน้านะ”
ไอรดารู้สึกไม่พอใจที่เขาไม่โทรหาเธอเมื่อถึงกรุงเทพหรือลงเครื่องที่อเมริกา แถม
หายเงียบไปอีกสองวัน พอโทรมาก็ไม่พยายามอธิบายอะไรอีกต่างหาก
แต่แล้วก็มีข้อความหนึ่งเข้ามาทางไอจีของเธอ ซึ่งก็คือ บอส เพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักกัน
เขาชวนเธอไปกินมื้อเที่ยงพรุ่งนี้ ซึ่งเธอไม่ปฏิเสธ
11.30 ไอรดานัดเจอกับบอสที่ ร้านอาหารแห่งหนึ่งนอกเมือง เขาดูเรียบร้อยออกไปทางนุ่มนิ่ม จนเธอคิดว่าเขาไม่ใช่ชายแท้ในตอนแรก แต่พอได้คุยกัน เขาคุยเก่งมาก
ทั้งคู่คุยเรื่องสัพเพเหระจนถึงเรื่องครอบครัวเธอและเขานิดหน่อย สักพักแมทธิวโทร
เข้ามา เธอไม่รับสาย แต่เลือกส่งข้อความกลับไปว่าจะโทรกลับ
เป็นฝ่ายรอบ้างเถอะ…มือไวแล้วยังขโมยจูบอีก…
“อายจะกลับกรุงเทพวันจันทร์ใช่มั้ย เราอยากไปส่งเธอที่สนามบิน”
“ไม่เป็นไร รบกวนเปล่าๆ บินแต่เช้าเลย”
“พรุ่งนี้ไปดูหนังกันมั้ย” เขาถามอย่างอายๆ
“ไม่ล่ะ อีกอย่างวันอาทิตย์วันครอบครัว บอสควรใช้เวลากับพ่อแม่เยอะๆนะ เสียดายที่อายไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
เขายิ้มให้ก่อนจะเปิดประตูรถและปิดให้เธอ พร้อมโบกมือให้ ไอรดายิ้มให้กับท่าทาง ของเขาที่เหมือนเด็ก
บอสดูนิสัยดี แต่ไม่น่าเป็นคนที่เอาเธออยู่ ถึงแม้พื้นเพจะดีแต่อยู่ด้วยแล้วอาจจะเบื่อ
เข้าสักวัน
พอถึงบ้านเธอนึกได้ว่าบอกแมทธิวว่าจะโทรกลับ แต่เมื่อดูเวลาแล้วน่าจะเกือบตีหนึ่งของซานฟรานซิสโก ชั่งใจอยู่พักหนึ่งก็โทรหาเขาจนได้ ซึ่ง…แมทธิวรับสายอย่างเร็ว
“ทำใจแล้วว่าคุณจะลืม ดีใจนะที่โทรมา”
“ก่อนอื่น…ฉันอยากต่อว่าคุณ ที่มาจับมือหลายรอบ จูบไปสองครั้ง แล้วมาทำ
เป็นเงียบไปสองสามวัน แย่ที่สุด”
ไม่รู้ว่าในใจเธอเกิดงี่เง่าอะไรขึ้นมา อยู่ๆอยากจะวีนเขา
แมทธิวที่ได้ยินแบบนั้นก็อมยิ้ม ก่อนจะตอบไปยังสาวสวยที่ทำเสียงเหวี่ยงวีนที่ปลายสายนั้น
“ผมยอมรับทุกอย่าง อยากให้ทำอะไรเพื่อให้คุณสบายใจหรืออยากให้บินไปหาก็ได้”
ไอรดาเงียบไปพักหนึ่ง เธอเริ่มรู้สึกดีที่เขาง้อ
“วันนี้ฉันไปเดทมาล่ะ ไปกินข้าวกับผู้ชายที่เพื่อนแนะนำให้รู้จัก คนที่อยู่ในภาพ
ที่คุณกดไลค์เมื่อคืน”
“เป็นไงบ้าง เดทกับเขา”
“อืมม..เขาเรียบร้อย พูดเก่งดี แต่ก็คุยเรื่องทั่วๆไป ดูเป็นผู้ชายบอบบาง คุณต้องเห็นตอนเขายืนโบกมือให้ฉันตอนจะขับรถกลับบ้าน เหมือนเด็กที่โบกมือให้แม่ตอนไปส่งที่โรงเรียนตอนเช้า”
แมทธิวหัวเราะเบาๆในลำคอ เสียงเขาทุ้มดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี
“อาย…คุณบอกว่าอยากมีโอกาสเลือก ก่อนนี้คุณบอกอยู่คนเดียวได้ ไม่เปิดใจ สรุปยังไง?”
“แล้วคุณจะทำไมล่ะ? ฉันอายุแค่นี้ รู้จักคนได้อีกเยอะ”
“ขอเปิดกล้องคุยได้มั้ย?”
“หืออ อยากโชว์อะไรให้ฉันดูหรือไง?” ไอรดาพูดเองขำเอง
พอเขากดโทรมาแบบเปิดกล้อง เป็นเธอฝ่ายเดียวที่ได้เห็นเขา
“เอ้า อาย ทำไมไม่ให้ผมเห็นคุณสักหน่อย”
แมทธิวยิ้มน้อยๆ ยื่นหน้ามาที่กล้อง “อย่าใจร้ายนักเลย”
ไอรดาแอบอมยิ้ม เธออยากยั่วเขาให้ง้อ เหมือนมันคือเกมที่สนุก
“ถ้าคุณถอดเสื้อ ฉันจะเปิดกล้องให้คุณเห็นหน้า”แมทธิวกะพริบตาปริบๆ แล้วยิ้มก่อนจะก้มมองตัวเขาเอง“อยากเช็กของหรือไง? ให้ผมเห็นหน้าก่อนสิ ถึงจะถอด”“แล้วแต่นะ…งั้นฉันจะวางแล้ว”“โอเค” เขาถอดเสื้อ ทำให้เธอเห็นว่าเขามีกล้ามแขนและหน้าท้องซิกแพค ไอรดาผิวปาก พยักหน้าให้ตัวเองว่าเขาซ่อนรูปจริงแบบที่เธอคิด “ขอผมเห็นหน้าคุณได้แล้ว อาย”ไอรดาเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่โต๊ะที่ใช้แต่งหน้า แล้วเธอไปนอนเล่นอยู่บนเตียง ทำเอาแมทธิวบ่นอุบที่เห็นเธอไม่ได้ถนัดนัก“ฉันจะได้ทำอย่างอื่นไปด้วยเวลาคุย จะให้มานั่งเปิดกล้องอย่างเดียวจนไม่ทำอะไรได้ไง แล้วนี่มันดึกแล้วไม่ใช่เหรอที่นั่น?”เขาไม่สนใจเรื่องเวลา แค่พอใจที่ได้คุยกับเธอ “คุณใส่ชุดแบบไหนไปเดทกับหนุ่มคนนั้นกันนะ สวยกว่าตอนไปกินข้าวกับผมหรือเปล่า”เธอลงจากเตียงมายืนให้เขาดู หมุนตัวไปมา “แน่นอน ต้องสวยสิ”“น้อยกว่าไปกับผม”ไอรดาส่ายหัวแต่ก็ยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นทั้งคู่คุยกันเป็นชั่วโมง เรื่องทั่วไป เรื่องงาน งานอดิเรก ความสนใจต่างๆ จนโทรศัพท์ของเธอมีเสียงเตือนว่าแบตจะหมดแล้ว“ตายละ แบตจะหมด ฉันหิวแล้วด้วย คุณเองก็นอนเถอะ”“พรุ่งนี้ผมโทรหานะ”เธอไม่ตอบแต่พยั
ไอรดายืนห่อตัวในวงแขนของแมทธิวที่ยันหน้าต่างอยู่แบบนั้น ลำตัวเขาแนบร่างกายของเธอที่ยืนหันหลังให้“ฉันร้อนแล้วก็ง่วง ขอบคุณที่รอตั้งสองชั่วโมง แล้วยังช่วยลากกระเป๋ามาให้ด้วย พักผ่อนกันเถอะนะ” เธอพยายามตัดบท พูดจบโดยไม่หันมา แต่แมทธิวเห็นหน้าเธอจากกระจกหน้าต่างที่สะท้อนอยู่ โดยที่ไอรดาไม่ทันสังเกตเพราะเอาแต่หลุบตาลงต่ำ“หันมาหาหน่อยสิ อยากเห็นหน้าจะแย่แล้ว ตั้งแต่มาไม่ได้มองเต็มๆ อยู่ในรถไฟ คุณก็เอาแต่มองออกไปข้างนอก”“คุณยืนเบียดฉัน”แมทธิวจับไหล่เธอให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างรวดเร็ว เธอทำท่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด “สาวสวยผู้กล้าท้าทายสายตาผมวันก่อน หายไปไหนแล้วล่ะ? ไหนบอกทำธุรกิจกัน จะให้สิทธิพิเศษผมแบบ Exclusive ที่ให้เช็กของวันนั้น ผมโอเคนะ เรือนร่างคุณสวยมาก”ได้ผล…เธอเงยหน้าจ้องตาเขาเขม็ง “ฉันพูดล้อเล่นสนุกๆเท่านั้น งานถ่ายแบบก็ไม่มีชุดว่ายน้ำอะไรเลย มากสุดก็ชุดดูเซ็กซี่นิดหน่อยแต่ไม่อนาจาร ชุดแฟชั่นธรรมดาๆ”“คุณล้อเล่น…แต่ผมเป็นห่วงจริง ถึงถามไงว่าเคยทำแบบนี้มาก่อนมั้ย ไม่ได้ดูถูก เพราะถ้าไปถอดโชว์แบบนั้นต่อหน้าผู้ชายคนไหน คุณคงไม่รอด”“รวมถึงคุณด้วย?” ไอรดายังปากเก่งใส่เขาได้อย
แมทธิวนั่งก้มหน้าแล้วหลับตาลง พยายามคิดเข้าข้างตัวเอง เรื่องที่ไอรดาต่อว่าเพราะเขาเองที่พูดแบบนั้นก่อน เธอคงสับสนที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ยังน้อยและตัวคนเดียว“คุณกลับไปที่ห้องก่อน ฉันอยากอยู่คนเดียวให้ใจเย็นกว่านี้ ขอโทษที่ไร้มารยาท พูดจาแย่ๆใส่”เขาลืมตาเงยหน้ามอง น่าแปลกที่เขาไม่โกรธเธอเลย“ไอรดา..คุณคงลืมที่ผมบอกว่ายังไงเมื่อคืน ไม่ใช่แค่เพื่อมาหาแล้วมีอะไรด้วย แต่เพราะผมหลงรักคุณแล้วจริงๆ”พูดจบ แมทธิวก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องเธอไปอย่างเงียบๆช่างเถอะ..ถ้าเขาเป็นผู้ชายของฉันจริง ก็จะกลับมาหาฉันเอง แต่ถ้าไม่ ก็ไม่ได้แคร์เท่าไหร่….ไอรดาไปทำงานช่วงบ่าย พอเลิกงานตอนเย็นเลยถือโอกาสไปเที่ยวย่าน Ximending เธอไปแวะร้าน Popmart เพื่อซื้อลาบูบู้ไปฝากให้เพื่อนๆ พร้อมกับซื้อสตรีทฟู้ดเพื่อกลับมาเอามากินที่ห้อง แล้วเรียก Uber กลับมาที่โรงแรมระหว่างอยู่ในห้องเธอลงรูปว่าไปที่ไหนมาบ้าง จนเพื่อนๆที่ไทยมา comment กันยกใหญ่ ในขณะเดียวกันทั้งแมทธิวและภรรยาเก่าของเขาก็เห็นรูปพวกนั้นในไอจีของไอรดาเช่นกันแต่แมทธิวไม่กดไลค์ภาพของเธอในไอจี เย็นนี้ก็ไม่ออกไปไหน ไม่สั่งอะไรมากิน
“แมทธิว คุณเปิดห้องที่นี่ไว้กี่วัน?”ไอรดาที่ออกมาจากห้องน้ำ เห็นว่าหน้าตาเขาดูสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“สามคืน เพราะได้ยินคุณบอกว่าเผื่อหาโรงแรมใหม่…อาย ถ้าผมชวนคุณไปบ้านปู่ย่าผม คุณจะรังเกียจมั้ย?”เธอเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วยืนกอดอกพิงโต๊ะ“ก็ได้นะ แต่ถ้าพวกท่านถาม ก็บอกว่าเป็นรุ่นน้องแล้วกัน”เขาพยักหน้ารับแบบเสียไม่ได้ ก่อนจะขอตัวกลับไปที่ห้อง “ผมไปอาบน้ำ เดี๋ยวมากินมื้อเช้าด้วย อย่าลืมส่งเลขบัญชีให้ด้วย”ไอรดาส่งเลขบัญชีให้เขา ก่อนจะนอนเล่นโทรศัพท์รอไปพลางๆ ตอนนั้นในไอจีของเธอมีคนกดติดตามเพิ่มขึ้น ซึ่งมีไอจีของเด็กด้วย ซึ่งเธอสนใจแต่ไม่ได้คิดอะไร แมทธิวกลับมาพร้อมกับสั่งมื้อเช้ามากินด้วยกันกับเธอ เขารู้สึกว่าห้องนั้นแคบขึ้นมาทันตาเห็น “ไปอยู่ที่อื่นเอามั้ย? ยิ่งรู้สึกว่าแคบตอนนั่งกินข้าว ผมจ่ายเอง”“คุณเลือกแล้วกัน แต่ฉันจ่ายส่วนของตัวเองได้”“ไม่ต้องหรอก เพราะเราจะอยู่ห้องเดียวกัน ผมโอนให้แล้วนะหกหมื่น รอสักพักเงินคงเข้าบัญชีคุณ”เธอยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์ขึ้นมา “อยู่ร่วมห้องด้วยกันหลายวัน ถ้าเกิดคุณผิดคำพูดที่ตกลงกัน ฉันก็คุยกับคนอื่นได้เลยนะ”“ก็รอดูไปว่าใครจะแพ้ก่อน ถ้า
เช้าวันจันทร์ แมทธิวขับรถไปส่งเธอที่สนามบินและตามเข้าไปช่วยลากกระเป๋า ก่อนจะถึงประตูเข้าไปด้านใน เขาดึงแขนเธอไว้ด้วยสายตาที่เศร้า “ได้โปรด…อย่าลืมผม ดูแลตัวเองด้วย แล้วจะรีบหาโอกาสไปหาคุณทันที รอหน่อยนะ”เขาลูบผมเธอเบาๆ ก่อนจูบที่หน้าผาก “คุณแทบจะเป็นพ่อคนที่สองไปแล้ว”ทีนี้เขากอดเธอแบบไม่สนใจสิ่งใดรอบข้าง กอดแน่นจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น พอจะคลายกอดแล้วก้มลงจูบ ไอรดาดันอกเขาไม่ยอมให้ทำ “ไม่ได้นะ ไม่เอา ฉันจะไปข้างในแล้ว” เธอคว้ากระเป๋าจะลากเพื่อเข้าไปด้านใน“ไว้เจอกันใหม่ ดูแลสุขภาพด้วยแมทธิว”ก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่หันมามองไอรดาเดินไปตามหาเพื่อนจนเจอกันและไปนั่งสมทบด้วย “เธออยู่กับแฟนตลอดเลย เขาน่ารักเนอะ เห็นมานั่งรอทุกวัน โชคดีได้แฟนที่นี่พอดี”“พึ่งคุยกัน ดูๆไปก่อน แรกๆยังมีโปรก็แบบนี้แหละ จะหวานหน่อย ไม่คาดหวังเท่าไหร่”“เพื่อนฉันมีแฟนคนจีนนะ นางบอกว่าแทบเป็นง่อย ดูแลเทคแคร์ดีเว่อร์ น่าสนใจดีนะ ดูๆเขาก็น่าจะเป็นแบบนั้น ใช่มั้ยอาย?”“เขาเป็นไต้หวัน-อเมริกันน่ะ ไม่รู้ว่าถ้าเรียกเขาว่าคนจีนจะโกรธมั้ยนะ”“อ้อ เหรอ ต้องเรียกเขาว่าอเมริกันหรือไต้หวันสินะ ก็คงเหมือนคนฮ่องกงหร
แมทธิวนั่งหาโรงเรียนนานาชาติที่เขาพอจะรับได้ ไปเจอที่หนึ่ง ค่าเทอมปีละ 150,000 ถูกกว่าที่ภรรยาเก่าเสนอมาครึ่งหนึ่ง แต่พอเขาส่งข้อความรายละเอียดทั้งหมดไปบอก กานต์โทรกลับทันทีเพื่อเสนอข้อต่อรองกลับมา “ถ้าแบบนั้นหนูขอรายเดือนเพิ่มแทนได้มั้ย? ที่เคยได้เดือนละ 7,000 ขอเป็น 10,000 ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พอดีช่วงนี้หนูไม่ค่อยมีงาน”“ได้ลองติดต่อพ่อของวีวี่บ้างหรือยัง? เขาควรมาดูแลลูกบ้างนะ ทีแบบนี้คุณไม่ว่าเขาบ้าง จะลอยตัวเกินไปแล้ว”“วีวี่รู้แค่พี่แมทคือพ่อ”“ผมไม่ได้บอกให้วีวี่ไปบอก คุณ..ที่ต้องไป ช่วยกันทำช่วยกันสร้างคนๆนึงขึ้นมา ไม่รับผิดชอบได้ยังไง? ผมก็เลิกกับคุณแล้ว เขาควรมีส่วนร่วมในชีวิตเด็กบ้าง ลูกเขาทั้งคนนะ”“ไว้จะลองดู”กานต์วิภาวางสายใส่เขาด้วยความโมโห เผอิญที่มีสายซ้อนจากเพื่อนที่กรุงเทพโทรเข้ามาพอดี “กานต์ มีอีเว้นท์ที่กรุงเทพ งานใหญ่บาร์เปิดใหม่มีดีเจดังหลายคน อยากได้สาวๆไปเอนเตอร์เทนหน่อย ชั่วโมงละ 700 สนป่ะ? มีงานสามวัน ฉันล็อกให้เลยนะ เดี๋ยวอด”“เมื่อไหร่แก?” “ต้นเดือนเลยกานต์ คนเงินเดือนออกกันพอดี ว่าแต่..ลูกแกโตแล้วนิ ถ้าอยากกลับมาทำงานก็ได้อยู่นะ อายุยังได้อีกนาน”“ก็
ไอรดากลับกรุงเทพก่อนวันงานเปิดตัวบาร์ใหม่หนึ่งวัน ซึ่งแมทธิวรู้ว่าเธอต้องไปงานปาร์ตี้นี้ด้วย ทำให้เขาทั้งหวงห่วงแต่ไม่กล้าที่จะพูดออกมา และเธอก็ไม่ได้มีคำพูดหรืออะไรเลยที่จะช่วยให้เขาสบายใจ“บอกไว้ก่อนเพราะเดี๋ยวคุณโทรมาหาฉัน อาจจะเสียงดังจนคุยไม่รู้เรื่อง”“ผมจะพยายามไม่รบกวนเวลาคุณสนุกกับเพื่อน เวลากลับบ้านแล้วคุณช่วยส่งข้อความบอกผม ไม่งั้นคงไม่สบายใจเท่าไหร่”“โอเค แดดดี๊”ไอรดาเรียกเขาหยอกๆ เธอดูอารมณ์ดีจนเขารู้สึกได้ คงเพราะป้าแม่บ้านที่กลับมาอยู่ด้วยที่เชียงใหม่ระยะนี้แมทธิวโทรคุยกับวีวี่ทุกวัน หลังจากกานต์ไปอยู่กรุงเทพ เพราะสงสารเด็กที่ไม่ได้อยู่กับแม่ “แดดดี๊จะมาหาหนูเมื่อไหร่?”“เดี๋ยวดูว่างานเยอะมั้ย ถ้าแดดดี๊เคลียร์งานเสร็จแล้วจะรีบไปหา”เขาพูดจบ วีวี่ก็พูดเสียงเบาลงเหมือนไม่อยากให้คุณยายได้ยิน“หนูคิดถึงแดดดี๊ ที่บ้านไม่มีใครสนใจหนู”ทำเอาแมทธิวถึงกับตกใจในสิ่งที่เด็กพูด“หนูดื้อหรือเปล่า?”“ไม่นะ หนูสอบได้คะแนนเยอะด้วย”“แล้วที่โรงเรียนไม่สนุกเหรอ? เทอมหน้าก็ต้องย้ายแล้ว” “หนูไม่อยากไป หนูขี้เกียจหาเพื่อนใหม่แล้ว แต่หม่าม๊าอยากให้ไปที่ใหม่”ทีนี้เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าควา
แมทธิวไปหาหมอ เขาป่วยเพราะพักผ่อนน้อย ไม่ได้ออกกำลังกายและกินอาหารเร่งด่วนบ่อยๆ ในแชทครอบครัวตระกูลหยางพากันเป็นห่วงเขา โดยเฉพาะอาม่าถึงกับโทรหาเขาอยู่นาน ส่วนพ่อกับแม่ที่อยู่แคลิฟอร์เนีย พอรู้ว่าลูกชายไม่สบายก็มีแพลนจะมาเยี่ยมทางด้านกานต์วิภา พอกลับจากงานมาถึงห้องพักเกือบตีสอง เธอรู้ว่าแมทธิวเห็นรูปพวกนั้นที่ส่งไป เขากลับเงียบ เลยคิดทึกทักไปเองว่า ป่านนี้คงทะเลาะกันไปแล้วก็ได้ แต่ด้วยความอยากรู้ของเธอ จึงส่งข้อความไปหาอีกครั้ง“หนูไปทำงานที่บาร์นั่นพอดี เลยบังเอิญเจอช็อตเด็ด ว่าไม่ได้นะ…ผู้ชายคนนั้นหล่อมาก ตอนกลับก็ออกไปด้วยกันแค่สองคนแล้วไม่กลับเข้ามาอีก เพื่อนเธอหลายคนยังอยู่ในงานจนบาร์ปิด” แมทธิวที่ขอลางานเพื่อทำงานต่อที่บ้านเพราะไม่สบาย พอเขากลับบ้านแล้วเห็นข้อความนี้ ถึงกับอึ้งรอบสอง“อย่ายุ่งกับเธอ กานต์…ผมไม่อยากเตือนหลายครั้ง”เขาตอบกลับข้อความด้วยความไม่พอใจ“หนูเจอเธอที่ห้องน้ำด้วย ยืนติดกันเลยแหละ ท่าทางติดหรู ผู้หญิงทรงนี้มักจะชอบคนรวย จากประสบการณ์ที่เห็นๆมา”“คุณอาจจะมีประสบกาณ์ชีวิตอะไรมากกว่าเธอ แต่ในขณะที่อายุเท่ากัน เธอคอนโทรลชีวิตตัวเองไม่ให้ทำอะไรผิดพลาด ทำให้คร
ณ บ้านวิเชียรวรกุลทั้งสามตื่นแต่เช้า เตรียมตัวเพื่อขึ้นเครื่องบินไปยังขอนแก่น “เราเอากระเป๋าไปเพิ่มดีมั้ย? แมทธิว พวกชุด รองเท้า กระเป๋าที่ซื้อให้วีวี่ คงใส่กระเป๋าเสื้อผ้าเด็กไม่พอหรอก ใบแค่นั้นน่ะ”“หนูไม่เอาไป กลัวชุดสวยกับรองเท้าพัง”ไอรดามองหน้า จนวีวี่หลบตาลง“ไม่ชอบเหรอ?”เด็กหญิงส่ายหน้าด้วยความกลัวไอรดา“แล้วทำไมไม่เอาไปด้วย?”“ถ้าหม่าม๊าเห็นจะต้องด่าหนู หนูกลัวหม่าม๊าทำพัง”คำตอบของเด็กทำเอาไอรดาสูดหายใจอย่างแรง ก่อนจะมองไปที่แมทธิว “ไม่เป็นไร ที่รัก เอาไว้ที่นี่ก็ได้ ถ้าคุณจะเมตตาเด็ก อนุญาตให้มาที่นี่อีก”เธอพยักหน้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะนึกอะไรได้อย่างหนึ่ง จึงไปที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วหยิบสร้อยทองเส้นเล็กที่เคยได้ตอนเด็ก เป็นสร้อยทองสองสลึง ห้อยด้วยหลวงปู่ทวดองค์เล็ก “มานี่สิ…ใส่เอาไว้นะ ห้ามถอดไม่ว่าจะยังไง”วีวี่ยกนิ้วก้อยให้เธอแทนสัญญา ทั้งสองเกี่ยวก้อยกัน ไอรดาลุกขึ้นสะบัดหน้าแล้วหันหลังให้ก่อนจะพูดขึ้น“น้ายกคุณทรัฟเฟิ้ลให้ ขี้เกียจได้ยินทีหลังว่ามีเด็กนอนฝันร้าย ร้องไห้ขี้มูกโป่งกลางดึก”เธอเดินออกจากห้องไปชั้นล่างทันที “คุณน้าโกรธที่หนูไม่เอาชุดไปด้วย”“ไม่ใช่แ
บ้านของไอรดาดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อมีคนสี่คนในบ้าน มีเสียงเด็กหัวเราะ ป้ารินที่คิดถึงหลานของตัวเอง พอมีเด็กเล็กก็หายเหงาไปได้มาก แมทธิวชอบทำอาหาร ช่วยตัดหญ้า ล้างรถ รดน้ำต้นไม้ พอช่วงบ่ายก็พากันขับรถออกไปเที่ยวนอกเมืองตามสถานที่ต่างๆทุกวัน แต่พอตกกลางคืนตั้งแต่มีเด็กหญิงมาอยู่ด้วย ไอรดาขอแมทธิวว่าจะไม่นอนห้องเดียวกับเขาและห้ามขอมีอะไรกับเธอในช่วงที่เด็กอยู่ที่นี่วีวี่อยากให้ไอรดาบินไปส่งกลับบ้านที่ขอนแก่นด้วย อีกทั้งแมทธิวก็ขอร้องจนยอมให้เขาจองตั๋วบินในวันเสาร์เพื่อไปด้วยกันสามคนจนได้ ระหว่างนั้นในเย็นวันพฤหัสบดี มีคนสองคนอุ้มเด็กเล็กเข้ามาที่บ้านของไอรดา แมทธิวที่กำลังเดินเล่นกับวีวี่ที่ปั่นจักรยาน เป็นคนที่ไปเปิดประตูให้ ป้ารินเดินออกมาหน้าบ้านถึงกับร้องไห้ เมื่อเห็นลูกชายลูกสะใภ้พาหลานมาหา พร้อมยื่นถุงพลาสติกเล็กๆใส่ส้มมาให้“แม่ สบายดีไหม? ซื้อส้มมาฝาก ว่าจะมาหาหลายทีตั้งแต่แม่บอกกลับมาที่บ้านนี้ พึ่งจะว่าง”“ไม่เป็นไรหรอก แม่เข้าใจ”ป้ารินกล่าวพร้อมกับรับหลานมาอุ้ม แมทธิวเดินกลับไปหาวีวี่ที่สนามหญ้าข้างบ้าน ปล่อยให้พวกเขาอยู่กันเป็นส่วนตัว“นั่นใครอ่ะแม่ มีเด็กด้วย”“แฟนหนู
แมทธิวขึ้นเครื่องเวลา 8.30 มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง มีเวลาสี่ชั่วโมงครึ่งจะบินกลับเชียงใหม่ในตอน 13.05 เขาโทรหาไอรดาแล้วก็เรียก Taxi ตรงไปบ้านแม่ของกานต์วิภา ก็เจอลูกสาวตัวน้อยเตรียมกระเป๋าไว้เรียบร้อย เธอวิ่งเข้ามากอดและเขาอุ้มเธอเอาไว้ “คิดถึงแด๊ดดี๊มากเลย เราจะไปเชียงใหม่ใช่มั้ย?”“ใช่ แต่สัญญาแล้วนะว่าจะเป็นเด็กดี” เธอยื่นนิ้วก้อยให้แทนว่าสัญญา ทั้งคู่เกี่ยวก้อยกันตามนั้น “บอกคุณยายว่าจะมาส่งเช้าวันเสาร์นะ”เมื่อจัดการคุยผ่านล่ามตัวน้อยเรียบร้อย เขาก็ยกมือไหว้ร่ำลา แล้วพาไปทานมื้อเช้าในตัวเมืองขอนแก่น รอห้างสรรพสินค้าเปิด จึงพาเธอไปทานไอศครีมและเล่นบ้านบอลเพื่อฆ่าเวลา เขาส่งข้อความบอกกานต์วิภาว่ามารับลูกสาวแล้ว แต่อีกฝ่ายโทรกลับมาทันที“พี่แมทมาคนเดียวใช่มั้ย?”“ใช่ ทำไม? เดี๋ยวจะไปสนามบินแล้ว”“หวังว่าคงไม่มีใครต้องงอแงก่อน ระหว่างวีวี่กับผู้หญิงคนนั้น จะรอดมั้ยเนี่ย..หึ”กานต์วิภาหัวเราะเยาะ ก่อนจะพูดต่อไป“จะมาส่งกลับวันเสาร์ใช่มั้ย? จะรอดูว่าได้สักกี่วัน”“แค่นี้นะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว”แมทธิวตัดบทและวางสายแบบไร้เยื่อใยใดๆ ทำให้เธอถึงกับลืมตัวก
หลังจากไอรดาออกไปทำธุระข้างนอก แมทธิวก็โทรหากานต์วิภาให้บอกแม่ของเธอให้ไปทำเรื่องลาหยุดที่โรงเรียนสี่วัน เพราะเขาจะไปรับมาใช้เวลาเพื่ออยู่ด้วยกัน แล้วจะไปส่งกลับขอนแก่นเช้าวันเสาร์“แล้วจะรับไปอยู่เที่ยวที่ไหน? ผู้หญิงคนนั้นจะยอมเหรอ..หึ” น้ำเสียงที่แสดงว่ากานต์วิภารู้สึกชอบใจ“ผมพูดเรื่องลูก ไม่ต้องพยายามไปพูดถึงเธอ ไอรดาเห็นใจเด็กมากพอ จนยอมจ่ายให้สามีเก่าคุณเพื่อให้เขาเซ็นง่ายๆ ถือว่าใจดีพอมั้ย? ขนาดคุณยังจัดการไม่ได้ถ้าผมไม่ขู่จะจ้างทนาย”ทำเอากานต์วิภาไม่พอใจที่เขาชื่นชมไอรดาแล้วตำหนิเธอแทน“ดูแลวีวี่ด้วยแล้วกัน อย่าให้มารังแกลูกหนู ไม่งั้นเจอดีแน่”“ปกติคุณเคยสนใจลูกด้วยเหรอ? กานต์”เขาวางสายใส่ เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบอะไร เพราะรู้กันอยู่แล้วแมทธิวสั่งอาหารเที่ยงมากิน หลังจากนั้นก็ไปนั่งเงียบๆในห้องพระ นั่งดูอัลบั้มรูปพ่อแม่ของไอรดา จนเจออัลบั้มหนึ่งเป็นรูปสมัยที่ไอรดายังเป็นเด็กหญิงเรื่อยไปจนถึงไฮสคูล กระทั่งตอนเริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธอมีแววตาที่สดใสและเติบโตมาเป็นอย่างดี ท่ามกลางรูปที่ถ่ายร่วมกับพ่อแม่ของเธออยู่มากมาย มีลายมือเขียนภาษาไทยเอาไว้ในหน้าสุดท้ายของอัลบั้
แมทธิวเริ่มเครียดเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงทั้งสองคนคุยกัน“เธอรู้สึกได้บ้างมั้ย ถ้าไม่เข้าข้างสามีเก่าจนเกินไป เขารักลูกสาวบ้างหรือเปล่า?”“เราไม่ได้พร้อมที่จะมีลูกในตอนที่อายุ 18 เขามีแต่ความกลัว”“ตอบไม่ตรงคำถาม เขาเห็นแก่ตัว..มากกว่ากลัว และเธอก็เห็นแก่ตัวเหมือนกันที่ไม่ทำอะไรเลยที่จะเรียกร้องอะไรให้เด็ก บอกเขาไป เซ็นซะ แล้วส่งรูปมา ฉันจ่ายทันทีห้าหมื่นเข้าบัญชี”“เป็นพวกชอบจบปัญหาด้วยเงินสินะ”“ที่ผ่านมาเธอคงจบปัญหาได้งั้นสิ? ยืดเยื้อขนาดนี้จนเด็กปาไปแปดขวบ ฉันจะให้เขาเซ็นง่ายๆไม่ต้องพล่ามอะไร แล้วมาวุ่นวายกับทางนี้ให้ฉันต้องได้ยินอีก คิดดูแล้วกัน ถ้าสามีเก่าของเธอทั้งสองคนมีภรรยาใหม่ ลูกใหม่ จะเอาอะไรมารับประกันให้เด็กได้บ้าง นอกจากเธอต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือคอยมองหาผู้ชายคนต่อไปที่เข้ามารับภาระต่อ อย่างน้อยพ่อแท้ๆเกิดวันหนึ่งเขามีทรัพย์สินอะไรใดๆ แล้วเขาเป็นอะไรขึ้นมา ลูกสาวเธอนั่นแหละควรได้สิทธิ์ตรงนี้ด้วย ในขณะที่แมทธิวเขาก็อุปถัมภ์ต่อจนเรียนจบในฐานะที่เขาผูกพันกันมา” ไอรดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดต่อทันที“ฉันจะไม่ทนเห็นผู้ชายของฉัน ต้องทำงานหนักจนไม่สบายไอเป็นเลือด
ไอรดาได้ยินทุกอย่าง ได้แต่ยืนเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเก็บอาหารจานชามออกมานอกห้อง เจอกับแมทธิวที่รีบลุกขึ้นมาช่วยเธอ“ไม่เป็นไร คุณนั่งเถอะ แล้วกินอะไรมาหรือยัง?”แมทธิวมองเธอที่เดินถือทุกอย่างผ่านเขาไป ไอรดาหลบตา ถามเหมือนไม่ได้ยินที่พวกเขาคุยอะไรเกี่ยวกับเธอคุณคิดแบบที่เขาพูดบ้างหรือเปล่า…ไอรดา..“ผมกินมาแล้ว”เขาเดินไปโอบเธอที่ยืนล้างจานอยู่ แล้วช่วยล้างทั้งที่โอบอยู่แบบนั้น พลางพูดข้างๆหู เอาแก้มไปแนบแก้มเธอ“เขาดูหล่อมีชาติตระกูล ผู้หญิงคนไหนที่อยู่ใกล้ไม่นานคงหลงเสน่ห์ได้ง่าย ผิวพรรณ หน้าตา นิ้วมือที่เรียวเหมือนผู้หญิง บ่งบอกว่าไม่เคยลำบาก แต่สายตาเขาเป็นคนชอบเอาชนะ มีคนเตือนผมให้ระวังถ้าขวางทางเขา เพราะเป็นลูกคนมีอิทธิพลและกว้างขวางที่นี่” ไอรดาเอาผ้าเช็ดมือให้เขาอย่างทะนุถนอม แล้วถามขึ้นมา“คุณอยากทำแบบที่พี่โจบอกหรือเปล่า?”“ผมไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด สนใจแค่คุณคิดยังไง ผมอาจจะไม่ได้มีเงินมากเหมือนเขา แต่จะไม่ทำให้คุณต้องลำบาก”ไอรดาผละออกจากอกกว้างที่โอบเธอ ไปนั่งที่เก้าอี้แทน“แต่ฉันอาจทำให้คุณลำบาก มีบางครั้งที่ฉันแอบคิดว่า หรือควรจะคบเขาไปให้มันจบ ฉันเองก็จะสามารถรักษาธุรกิจ
ที่สุวรรณภูมิ แมทธิวเจอกับกานต์วิภาครั้งแรกในรอบครึ่งปี หลังจากความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งจบลง เธอตื่นเต้นได้เพียงครู่เดียว ก็สังเกตว่าเขาใส่แหวนนิ้วนางข้างซ้ายที่ไม่ใช่แหวนแต่งงานที่เคยใส่คู่กับเธอ ในขณะที่เธอยังใส่แหวนแต่งงานของเขาอยู่ แมทธิวเองก็เห็นแต่ไม่ใส่ใจ“พ่อของวีวี่ได้เจอลูกสาวของเขาหรือติดต่อมาบ้างมั้ย?”“พี่แมทก็รู้ว่าตั้งแต่หนูเลิกกับเขา เขาแค่โทรมาถามครั้งสองครั้ง พอแต่งงานกับพี่แมท เขาไม่ติดต่ออีกเลย พี่แมทเองก็ไม่สนใจไม่ใช่เหรอ”“หมายถึงหลังเราหย่ากันแล้ว”แมทธิวเริ่มเงียบ นั่งดูโทรศัพท์และส่งข้อความให้ไอรดาโดยไม่สนใจแม้แต่จะมองเธอ ทำเอากานต์วิภาต้องพลอยเงียบไปด้วย ไม่พูดอะไรกันต่ออีก ได้แค่นั่งรอเวลาเพื่อขึ้นเครื่องทางด้านบ้านกิตติโสภณ มื้อเช้าที่ทุกคนลงมาพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร เจตสุวีย์แปลกใจที่น้องสาวอยู่บ้าน“จูน..ไม่ได้อยู่กับน้องอายเหรอ? กลับมาตอนไหน?”ดีที่ว่ามื้อเช้านี้ไม่มีพ่ออยู่ด้วยเพราะว่าไปต่างประเทศ จูนมองหน้าแม่ ก่อนจะมองที่พี่ชาย แล้วคิดว่าจะตอบดีไหม“กลับมาตั้งแต่เที่ยงคืนแล้ว เพราะมีคนมาเปลี่ยนดูแลแทน”เจตสุวีย์ถึงกับวางช้อนที่กำลังจะตักเข้าปาก แม่ที่
มีเสียงเคาะประตูห้อง ขณะที่เจตสุวีย์โทรคุยธุระกับใครบางคนอยู่ “โจ..ม๊าขอคุยด้วยหน่อย”เจตสุวีย์มาเปิดประตู ก็เจอแม่ที่ทำหน้าเครียดใส่ “ปิดประตูด้วย”แม่ของเขาสั่งเสียงเข้ม พอเขาปิดประตูก็โดนดุทันที“ทำไมทำตัวแย่แบบนี้ จูนโทรมาเล่าว่าโจไปบุกรุกบ้านน้องอายตีหนึ่ง ถ้าจูนไปช้าอีกหน่อยจะเป็นยังไง? ต่อให้คบกันแต่ถ้าผู้หญิงไม่ยอม ก็คือการข่มขืนดีๆนี่เอง ถ้าน้องแจ้งความจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ม๊าไม่เคยสอนลูกให้เป็นคนแบบนี้ ถ้าจูนฟ้องป๊า โจโดนหนักแน่”“งั้นถ้าโจทำผิดก็ต้องรับผิดชอบ โจอยากแต่งงานกับน้อง ป๊ากับม๊าพูดคุยทาบทามให้โจได้มั้ยครับ แต่โจจะลองคุยกับน้องก่อน”“พึ่งทำน้องร้องไห้ คงยังไม่หายโกรธแค่ข้ามคืน จูนเองโมโหน่าดูตอนโทรหาม๊า นี่ต้องอยู่ค้างเป็นเพื่อน เพราะจูนบอกน้องอายป่วยถึงกับต้องไปหาจิตแพทย์ ได้ยินแบบนี้ม๊ารู้สึกไม่ดีเลย โจทำอะไรกดดันน้องเกินไปก่อนหน้านี้ด้วยหรือเปล่า?” เขาตกใจที่ได้ยินแบบนี้ ถึงกับใจอยู่ไม่สุข“ตอนนี้จูนอยู่กับน้องอาย ผมขอโทรหาจูนก่อนครับม๊า”แม่ของเขาถอนหายใจด้วยหน้าที่บึ้งตึงแล้วหันหลังออกไป ทางด้านจูนพอเห็นพี่ชายโทรมาก็ค่อยๆลุกและออกจากห้องนอนเพื่อไปคุยข้าง
กานต์วิภาโอนอ่อนให้เขาแต่โดยดี เพราะหน้าตาที่หล่อ รูปร่างดี ผิวขาวเป็นหยวก แถมมีฐานะสูง แค่เขาทำท่าสนใจเธอก็รู้สึกดีแล้ว ยังไงอดีตสามีก็คงไม่ได้สนใจเธออีกต่อไป การได้เป็นผู้หญิงของเศรษฐีหนุ่มคือทางเลือกที่ดีกว่า ถ้ามีโชคมากพอ เอาใจเขาดีๆ อาจได้เป็นคนโปรดของเขา ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วเธอมองหน้าเขาที่ขย่มอยู่บนตัวเธอ หน้าตาเขาช่างหล่อน่ารัก ตัวหอมฟุ้ง ทำเอากานต์วิภาเคลิ้มเหมือนฝันไปแต่ระหว่างที่ทำนั้น เจตสุวีย์ไม่จูบปากเธอ ไม่สัมผัสส่วนใดๆ เขามองตาเธอแว็บเดียวก็จับเธอนอนคว่ำแล้วทำต่อ กานต์วิภาถึงกับอายที่เขาเหมือนไม่อยากเห็นหน้าเธอ ที่ทำก็เพื่อบำบัดความใคร่อย่างเดียวและยังมีสติพอที่จะไม่ปล่อยข้างในเพื่อกันพลาดเมื่อเจตสุวีย์อารมณ์สงบลง เขาผละจากเธอทันที แล้วใส่กางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องกระดาษชำระบนโต๊ะมาให้กานต์วิภาเช็ดต้นขาที่เลอะและใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย โดยเขายืนหันหลังมือสองข้างยันโต๊ะไว้เหมือนกำลังตั้งสติ“เอ่อ..หนูขึ้นมาสักพักแล้ว เดี๋ยวทุกคนจะสงสัย ขอตัวลงไปทำงานก่อนค่ะ” เขาไม่หันมาแต่ทำสัญญาณมือให้เธอออกไป “แล้วผมจะติดต่อไปเอง”กานต์วิภาไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา