เช้าวันต่อมา เจตสุวีย์พยายามโทรชวนเธอคุยและเสนอไปทานมื้อเที่ยงอีก แต่ไอรดาปฏิเสธ โดยอ้างว่าต้องไปเชียงใหม่ ส่วนแมทธิวที่ปกติจะโทรมาช่วงเช้าก็หายเงียบ ทำไมต้องมาโกรธฉันด้วยล่ะ ฉันแค่มีเพื่อนคนเสนอข้อตกลงก็คือเขาเอง…ไอรดาจัดของเสร็จ เธอเตรียมทำอาหารง่ายๆสำหรับมื้อเที่ยง แล้ววีดีโอคอลจากอีกซีกโลกก็เข้ามา ที่โทรมาตอนเที่ยงเพราะอยากเช็กฉันยังงั้นเหรอ? “เดี๋ยวฉันโทรกลับได้มั้ย? ตอนนี้ยุ่งนิดหน่อย” “Sweetie ผมงี่เง่าเอง ผม..นอนน้อย เครียดเรื่องงาน ผม..ผมรู้ว่ามันแค่ข้ออ้าง”เขาเรียกด้วยคำหวานๆ เพื่อง้อเธอ ไปพร้อมๆกับที่กระแอมไอไปด้วย“ผมไอน้อยลงแล้ว พยายามกินยา ไม่อยากป่วยตอนคุณมา เอ่อ…คุณเลือกที่พักหรือยัง?”“ฉันหมดเงินค่าตั๋วไปเยอะแล้ว เพราะฉะนั้น…ฉันจะอยู่บ้านคุณ”ลึกๆเขาดีใจ แต่กังวลว่าเธอจะไม่สะดวกสบาย ไอรดาเห็นเขาตอบช้าแบบนั้นก็เลยตัดบท“ลำบากใจที่ฉันจะไปบ้านคุณสินะ งั้นถึงแล้วจะหาที่พักเอง”“ใจผมรอคุณล่วงหน้าแล้ว อยู่กับผม…ไม่ต้องไปอยู่ที่ไหนทั้งนั้น”เขาปากหวานจริงๆ…แล้วฉันก็ชอบเสียด้วยสิ..“สักพักกินมื้อเที่ยงเสร็จ ฉันจะไปสนามบิน เครื่องออก 14.45 น่าจะถึงซานฟรานตอนเกือบสิบโมงเ
ไอรดาในชุดนอนเสื้อสายเดี่ยวเอวลอยและกางเกงขาสั้นสีขาวบางๆจนเห็นชุดชั้นในที่น่ารักปนเซ็กซี่ ถึงจะเคยเห็นเนื้อในมาหมดแล้ว แต่เขาก็พอใจและต้องการที่จะมองอย่างไม่รู้เบื่อ“ยังไม่ง่วงเหรอ? หรือรอผมมาบอกฝันดีก่อน”“คิดไปคิดมา ฉันควรไปนอนที่โซฟามากกว่านะ”“ได้สิ โซฟาปรับนอนสองคนได้”“ใครบอกจะนอนสองคนกันล่ะ”เธอเปลี่ยนจากที่นอนอยู่มานั่งประจันหน้ากับเขาที่นั่งยิ้มและจับผมเธอไม่ยอมปล่อย “ฉันจะไปนอนที่โซฟาเอง คุณมานอนห้องนี้แทน”แมทธิวยิ้มแทนคำตอบ ทว่า..สายตาเขาแฝงไปด้วยความในใจ นั่นทำให้เธอใจเต้นแรง “เตียงนี้ผมซื้อมาใหม่ มีคุณคนเดียวที่จะได้นอนที่นี่”เขาสังเกตว่าเธอดูพอใจกับคำตอบแต่ก็ยังเก๊กอยู่ “เกี่ยวอะไรกับเตียงนี้ ฉันแค่เกรงใจมาแย่งที่นอนเจ้าของห้อง ตัวคุณก็สูง นอนโซฟาคงเมื่อย แค่นั้นแหละ”แมทธิวรู้ว่าเธอพูดแก้เขินไปแบบนั้นที่เขารู้ทัน เพราะคงคิดไปเองว่าเตียงนี้เขาเคยนอนกับภรรยาเก่า เขาจับแขนเธอให้มาหา แต่เธอฝืนตัวเองไม่อยากเข้าใกล้ ยื้อกันไปมาก็แพ้แรงเขาอยู่ดี จนต้องมานั่งอยู่กลางหว่างขาและโดนเขาโอบกอดแนบแน่น“อยากให้ข้อตกลงที่เราคุยกันมันจบลงสักที ผมไม่อยากรออะไรอีก มันเจ็บที่ผู้ชายค
แมทธิวผละจากที่ทับตัวเธอที่นอนบนโต๊ะ ใช้มือลูบไล้หน้าอกมาจนถึงกางเกงชั้นในตัวจิ๋วที่เซ็กซี่ เขาไม่ถอดมันออกแต่แหวกมันแล้วค่อยเอาน้องชายสอดใส่เข้าไป ไอรดาหันหน้าไปด้านข้างหลับตาพริ้มเหมือนทุกที เขาจับแขนเธอให้โอบขาสองข้างให้ชันไว้เวลาที่ต้องขยับเข้าออก ทำให้ยิ่งรู้สึกร้อนแรงเวลาที่เห็นเต็มตาว่าเธอเป็นของเขาแล้วจากนั้นก็เปลี่ยนให้เธอลงจากโต๊ะมายืนหันหลังให้ แล้วสอดใส่จากข้างหลังแทน แมทธิวใช้สองแขนโอบไปจับมือไอรดาที่ยันโต๊ะอยู่ หน้าเขาแนบกับแก้มเธอ ได้ยินเสียงครางเบาๆ ช่างน่ารักน่าใคร่“ตอนนี้ผมเป็นใครสำหรับคุณ ยังไม่ตอบผมเลย…ที่รัก”“คุณ…เป็นของฉัน…”เสียงหน้าขาและท้องน้อยของแมทธิวกระแทกแก้มก้นของเธอ ดังแข่งกับการสนทนานั้น“ผม…เป็นสามีของคุณ..จะไม่ให้ใคร..แตะต้องคุณ” ในเมื่อเธอไม่ตอบในสิ่งที่เขาอยากได้ยิน เลยเป็นฝ่ายพูดเอง เขาถอนน้องชายออกกะทันหัน อุ้มร่างบอบบางนั้นไปที่เตียงในห้องนอน อยู่ๆเขาก็ดุดันขึ้นมา จับเธอถอดทุกอย่างออกไปจนหมด จับสองขาเธออ้าออกแล้วก้มลงไปใช้ปากดูดเลียรุนแรงกว่าทุกครั้ง ไอลดาได้แต่แอ่นอก เงยหน้าครวญครางเสียงระงมไปทั้งห้อง เขาเลื่อนตัวเอาท่อนเอ็นมาถูไถอยู่แบบนั
ไอรดานั่งคุยสบายๆบนโซฟา รอฟังว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร“ฉันเพื่อนของกานต์ เมียของพี่แมท ฉันก็รู้จักเขาแหละ ก็ผัวเพื่อนนี่เนอะ..จริงอยู่ไม่ใช่เรื่องของฉันหรอก แต่สงสารเด็กตาดำๆ แล้วเธอคงไม่รู้ตัวว่าเป็นมือที่สามของครอบครัวเขาแบบไม่ตั้งใจ ถึงเขาสองคนจะหย่ากัน แต่เขาสองคนกำลังกลับมาดีกันแล้วจนเธอเข้ามา”ทำเอาไอรดาส่ายหน้ากรอกตาบน “แล้วไม่คุยกับแมทธิวเองล่ะ ฉันไม่รู้จักพวกเธอมาก่อนนะ ไปคุยกับเขาเองเถอะ”เพื่อนของกานต์วิภาเปิด Speaker Phone เพื่อให้ได้ยินการสนทนาไปด้วยกัน“ที่ไม่คุยกับเขา ก็เพราะเขาหลงเธอหัวปักหัวปำ จนจะตัดลูกสาวเขาเพราะเธอไง”“แล้วเขาจะตัดเพราะฉันทำไม? ไหนลองบอกเหตุผลให้ฟังหน่อย เพราะฉันไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวใคร”“เอางี้ เธอชื่ออะไร? รู้จักพี่แมทได้ไง? ยังไม่ตอบล่ะ”“ที่แน่ๆฉันไม่เคยเข้าหาใครก่อน แล้วก็จะไม่มาทะเลาะกับใครเรื่องแย่งผู้ชายกัน มันตลก.. ถ้าผู้ชายทำปัญหา พวกเธอต้องไปที่ต้นตอ อย่าให้เขาลอยตัวแล้วปล่อยให้ผู้หญิงมาแหกปาก ตบตีกันเอง”“หมายความว่า ถ้าพี่แมทเขายังจะเอาเธอ ก็ไม่ยอมเลิกว่างั้น?”เพื่อนสนิทของกานต์วิภาถามเสียงสูงเชิงหาเรื่อง“ฉันจะเลิกได้ยังไง ถ้ายั
ไอรดาใช้สองแขนนอนกอดตัวเองแบบนี้โดยไม่รู้ตัวทุกครั้งที่เธอเศร้าหรือเสียใจกับอะไรมากๆ เป็นมาตั้งแต่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตกะทันหัน เธอใช้มือลูบแขนตัวเองอยู่พักหนึ่งเสมือนหลอกตัวเองว่ามีคนกำลังปลอบใจตัวเธออยู่เงียบๆ แมทธิวสังเกตเห็นพฤติกรรมนี้ได้และสงสารเธอมาก เขาที่นอนมองแผ่นหลังของเธออยู่ใกล้ๆในความมืดมาสักพักใหญ่เธอมีตัวคนเดียว ไว้ใจใครไม่ได้แม้กระทั่งญาติ ถึงกับยกให้แม่บ้านคนเก่าคนแก่เป็นเสมือนญาติคนเดียวของเธอ เขาเองก็กำลังเสียความไว้ใจจากเธอไป แมทธิวค่อนข้างมั่นใจว่าคนแบบไอรดา ถ้าได้เปิดใจให้ใครเต็มร้อย เธอจะรักและภักดีกับคนๆนั้นอย่างจริงใจ ซึ่งเขาอยากเป็นคนๆนั้น แต่เหมือนเธอจะรู้ตัวเองดี เลยปิดกั้นและตั้งกำแพงไว้สูงเขาพยายามโอบตัวเธอให้หันมานอนในอ้อมกอดเขา เธอพยายามขัดขืนแต่สู้แรงเขาไม่ไหว พอเขาเอื้อมไปจับหมอนที่เธอหนุนให้ขยับมา ก็พบว่าเปียกน้ำตาจนชุ่ม“ดึกๆน่าจะช่วงเช้าที่ไทย ผมจะคุยกับเธอต่อหน้าคุณ เพื่อให้เข้าใจตรงกัน ผมชัดเจนกับคุณตั้งแต่แรกและไม่มีทางเปลี่ยน”แขนที่แข็งแรงกอดเธอแน่นจนแก้มแนบที่อกกว้างนั้น ไอรดานอนฟังเสียงหัวใจเขาเต้นด้วยความรู้สึกเศร้าและสับสน“อย่าลากฉัน
แมทธิวไม่รบกวนเธอที่งีบบนโซฟา เขาทำงานบ้านเงียบๆ แล้วมองหาร้านสวยๆที่จะพาเธอไปทานมื้อเที่ยง ตอนนี้สิบโมงครึ่งแล้ว เป็นที่แน่นอนว่าเธอตกเครื่องและต้องอยู่กับเขาไปอีกสามสี่วัน ระหว่างนี้อาจจะพอรั้งเธอให้เปลี่ยนใจอยู่กับเขาไปตลอดจนถึงวันกลับไทยได้เขาถือวิสาสะเปิดกระเป๋าเดินทางของเธอเพื่อเอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไปลงเครื่อง ส่วนชุดชั้นในเขานำไปซักมือให้ในห้องน้ำ พอไอรดาสะดุ้งตื่นมาไม่เห็นเขา เลยเข้าไปที่ห้องนอนเห็นกระเป๋าเดินทางเปิดอยู่ ได้ยินเสียงในห้องน้ำพอเห็นว่าเขาทำอะไรก็หน้าแดงและเบิกตาโต ก่อนจะวีนใส่ “แมทธิว ทำอะไรน่ะ? เอามานี่ ฉันทำเอง”เธอเข้าไปยืนข้างเขาที่เอาตัวบังไม่ให้ช่วย“ผมซักจะเสร็จแล้ว ไปนั่งพักเถอะ เดี๋ยวเที่ยงจะพาไปกินอาหารไทย”ระหว่างนั้นเจตสุวีย์โทรเข้ามา เธอจึงไปนั่งคุยที่โซฟา แมทธิวที่เดินผ่านไปเพื่อย้ายเสื้อผ้าไปเข้าเครื่องอบและตากชุดชั้นใน ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำ แมทธิวได้ยินเธอเรียกคนปลายสายว่า “พี่โจ” แค่นั้นก็ทำให้เขาหึงได้แล้ว แต่จะทำอะไรได้ล่ะ...“พี่จะบินไปอินเดียพรุ่งนี้เช้าค่ะ อยากได้ยินเสียงหนูก่อนนอนสักหน่อย”“พี่โจนอนพักเถอะ เดี๋ยวต้อง
แมทธิวและไอรดากลับมาถึงบ้านเกือบสามทุ่ม เธอจึงเข้าไปอาบน้ำก่อน แมทธิวเปิดโน้ตบุ๊คเพื่อทำงานต่อที่ห้องนั่งเล่น งานนอกที่เขารับทำ สามารถทำเงินได้พอสมควร แม้จะเหนื่อยและเสียสุขภาพไปบ้าง แต่เขาอยากทำเพื่อเธอและอนาคต เขาได้ยินเสียงโทรศัพท์ของไอรดาสั่นอย่างแรงในกระเป๋าสะพาย เลยเอามาดู เป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกว่าเป็นใคร ตามเวลาในไทยคือ หกโมงเช้า เขาจึงเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิม พอได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด เขาจะเดินเข้าไปในห้องนอน แต่ก็ชะงักเท้ายืนแอบดูที่ประตูแทน ไอรดานั่งทาโลชั่น อยู่ในชุดนอนผ้าซาติน ชุดด้านในและเสื้อคลุมนอกสีน้ำตาลทองผ้าลื่นมันเงาที่เซ็กซี่ มือเธอลูบไล้ทรวงอกที่เปิดเผยเพื่อทาครีมนั้น ทำเอาเขาใจเต้นไปหมด นี่เขาเป็นพวกถ้ำมองหรือยังไงกัน…แล้วคืนนี้จะอดทนไหวมั้ย… “อาย มีคนโทรมาหา ได้ยินเสียงสั่นในกระเป๋าน่ะ”ไอรดาที่นั่งอยู่ปลายเตียงหันตัวมามองเขา “รบกวนเอาโทรศัพท์ให้ทีได้มั้ย? แมทธิว”เธอจงใจพูดด้วยเสียงอ้อน กะพริบตาปริบๆให้ เขารีบไปเอามาอย่างไว พร้อมกับนั่งข้างๆเธอ ในขณะที่ไอรดาทำหน้าสงสัยเบอร์แปลก จึงกดโทรกลับ“อาเชษเองนะ หลานสบายดีไหม? โทษทีที่โทรมาแต่เช้า พอดีมีเรื่อ
แมทธิวโอบเธอให้ลงมาซบเขาที่เอนหลังบนโซฟา อึกมือหนึ่งจับเอวเธอให้โยกเป็นจังหวะช้าๆ หน้าอกอวบอูมที่ถูไถอกกว้าง แรงกระแทกที่เธอขยับนั่งทับจนแนบสนิทนั้น ทำให้อารมณ์ของเขายิ่งเพิ่มสูงขึ้น ไอรดาหายใจหอบ ขย่มอยู่บนตัวเขาที่หน้าและหูแดงจัดลามไปถึงคอ เสียงในลำคอเบาๆของเขา แสดงออกถึงความรู้สึกสุขสมอย่างลึกซึ้ง เธอจุกนิดหน่อยกับท่าทางอิริยาบถแบบนี้ แต่ความรู้สึกกระสันนั้นมีมากกว่าจนไม่สนใจอะไรอีก ฉันค้นพบพื้นที่ปลอดภัยแล้ว…ในอ้อมกอดของคุณ…แมทธิว…“อ๊ะ..แป็บนึง ที่รัก”เขาจับเอวเธอให้หยุดเพราะใกล้จะเสร็จ ไอรดายิ้มให้แล้วกระซิบเบาๆ“โทษที มันรู้สึกดีมากไปหน่อย ฉันชอบที่ได้อยู่บนตัวคุณจัง”เธอกล่าวอย่างอายๆ พลางซบอ้อนเหมือนลูกแมวน้อยไม่เหลือแล้วหัวใจเขา…ยอมให้เธอทุกอย่าง….เขาเริ่มขยับเอวอยู่ใต้ตัวเธอช้าๆ แขนที่แข็งแรงกอดเอวเธอแน่น จนกระทั่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ เร่งอีก..ไม่หยุด…“จะไม่ไหว…อื้ออ”“ผมจะเสร็จแล้ว…อาา”แมทธิวเร่งจนไอรดาร้องเสียงดัง ลุกขึ้นเอามือยันอกกว้าง หน้าอกกระเพื่อมอยู่ตรงหน้า จนเขารีบคว้าเอาออกจากน้องสาวเธอเกือบไม่ทัน… ของเหลวสีขาวขุ่นจัด อยู่บนหน้าท้องของเขา ที่ส่งเสียงแห่งความสุ
ณ บ้านวิเชียรวรกุลทั้งสามตื่นแต่เช้า เตรียมตัวเพื่อขึ้นเครื่องบินไปยังขอนแก่น “เราเอากระเป๋าไปเพิ่มดีมั้ย? แมทธิว พวกชุด รองเท้า กระเป๋าที่ซื้อให้วีวี่ คงใส่กระเป๋าเสื้อผ้าเด็กไม่พอหรอก ใบแค่นั้นน่ะ”“หนูไม่เอาไป กลัวชุดสวยกับรองเท้าพัง”ไอรดามองหน้า จนวีวี่หลบตาลง“ไม่ชอบเหรอ?”เด็กหญิงส่ายหน้าด้วยความกลัวไอรดา“แล้วทำไมไม่เอาไปด้วย?”“ถ้าหม่าม๊าเห็นจะต้องด่าหนู หนูกลัวหม่าม๊าทำพัง”คำตอบของเด็กทำเอาไอรดาสูดหายใจอย่างแรง ก่อนจะมองไปที่แมทธิว “ไม่เป็นไร ที่รัก เอาไว้ที่นี่ก็ได้ ถ้าคุณจะเมตตาเด็ก อนุญาตให้มาที่นี่อีก”เธอพยักหน้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะนึกอะไรได้อย่างหนึ่ง จึงไปที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วหยิบสร้อยทองเส้นเล็กที่เคยได้ตอนเด็ก เป็นสร้อยทองสองสลึง ห้อยด้วยหลวงปู่ทวดองค์เล็ก “มานี่สิ…ใส่เอาไว้นะ ห้ามถอดไม่ว่าจะยังไง”วีวี่ยกนิ้วก้อยให้เธอแทนสัญญา ทั้งสองเกี่ยวก้อยกัน ไอรดาลุกขึ้นสะบัดหน้าแล้วหันหลังให้ก่อนจะพูดขึ้น“น้ายกคุณทรัฟเฟิ้ลให้ ขี้เกียจได้ยินทีหลังว่ามีเด็กนอนฝันร้าย ร้องไห้ขี้มูกโป่งกลางดึก”เธอเดินออกจากห้องไปชั้นล่างทันที “คุณน้าโกรธที่หนูไม่เอาชุดไปด้วย”“ไม่ใช่แ
บ้านของไอรดาดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อมีคนสี่คนในบ้าน มีเสียงเด็กหัวเราะ ป้ารินที่คิดถึงหลานของตัวเอง พอมีเด็กเล็กก็หายเหงาไปได้มาก แมทธิวชอบทำอาหาร ช่วยตัดหญ้า ล้างรถ รดน้ำต้นไม้ พอช่วงบ่ายก็พากันขับรถออกไปเที่ยวนอกเมืองตามสถานที่ต่างๆทุกวัน แต่พอตกกลางคืนตั้งแต่มีเด็กหญิงมาอยู่ด้วย ไอรดาขอแมทธิวว่าจะไม่นอนห้องเดียวกับเขาและห้ามขอมีอะไรกับเธอในช่วงที่เด็กอยู่ที่นี่วีวี่อยากให้ไอรดาบินไปส่งกลับบ้านที่ขอนแก่นด้วย อีกทั้งแมทธิวก็ขอร้องจนยอมให้เขาจองตั๋วบินในวันเสาร์เพื่อไปด้วยกันสามคนจนได้ ระหว่างนั้นในเย็นวันพฤหัสบดี มีคนสองคนอุ้มเด็กเล็กเข้ามาที่บ้านของไอรดา แมทธิวที่กำลังเดินเล่นกับวีวี่ที่ปั่นจักรยาน เป็นคนที่ไปเปิดประตูให้ ป้ารินเดินออกมาหน้าบ้านถึงกับร้องไห้ เมื่อเห็นลูกชายลูกสะใภ้พาหลานมาหา พร้อมยื่นถุงพลาสติกเล็กๆใส่ส้มมาให้“แม่ สบายดีไหม? ซื้อส้มมาฝาก ว่าจะมาหาหลายทีตั้งแต่แม่บอกกลับมาที่บ้านนี้ พึ่งจะว่าง”“ไม่เป็นไรหรอก แม่เข้าใจ”ป้ารินกล่าวพร้อมกับรับหลานมาอุ้ม แมทธิวเดินกลับไปหาวีวี่ที่สนามหญ้าข้างบ้าน ปล่อยให้พวกเขาอยู่กันเป็นส่วนตัว“นั่นใครอ่ะแม่ มีเด็กด้วย”“แฟนหนู
แมทธิวขึ้นเครื่องเวลา 8.30 มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง มีเวลาสี่ชั่วโมงครึ่งจะบินกลับเชียงใหม่ในตอน 13.05 เขาโทรหาไอรดาแล้วก็เรียก Taxi ตรงไปบ้านแม่ของกานต์วิภา ก็เจอลูกสาวตัวน้อยเตรียมกระเป๋าไว้เรียบร้อย เธอวิ่งเข้ามากอดและเขาอุ้มเธอเอาไว้ “คิดถึงแด๊ดดี๊มากเลย เราจะไปเชียงใหม่ใช่มั้ย?”“ใช่ แต่สัญญาแล้วนะว่าจะเป็นเด็กดี” เธอยื่นนิ้วก้อยให้แทนว่าสัญญา ทั้งคู่เกี่ยวก้อยกันตามนั้น “บอกคุณยายว่าจะมาส่งเช้าวันเสาร์นะ”เมื่อจัดการคุยผ่านล่ามตัวน้อยเรียบร้อย เขาก็ยกมือไหว้ร่ำลา แล้วพาไปทานมื้อเช้าในตัวเมืองขอนแก่น รอห้างสรรพสินค้าเปิด จึงพาเธอไปทานไอศครีมและเล่นบ้านบอลเพื่อฆ่าเวลา เขาส่งข้อความบอกกานต์วิภาว่ามารับลูกสาวแล้ว แต่อีกฝ่ายโทรกลับมาทันที“พี่แมทมาคนเดียวใช่มั้ย?”“ใช่ ทำไม? เดี๋ยวจะไปสนามบินแล้ว”“หวังว่าคงไม่มีใครต้องงอแงก่อน ระหว่างวีวี่กับผู้หญิงคนนั้น จะรอดมั้ยเนี่ย..หึ”กานต์วิภาหัวเราะเยาะ ก่อนจะพูดต่อไป“จะมาส่งกลับวันเสาร์ใช่มั้ย? จะรอดูว่าได้สักกี่วัน”“แค่นี้นะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว”แมทธิวตัดบทและวางสายแบบไร้เยื่อใยใดๆ ทำให้เธอถึงกับลืมตัวก
หลังจากไอรดาออกไปทำธุระข้างนอก แมทธิวก็โทรหากานต์วิภาให้บอกแม่ของเธอให้ไปทำเรื่องลาหยุดที่โรงเรียนสี่วัน เพราะเขาจะไปรับมาใช้เวลาเพื่ออยู่ด้วยกัน แล้วจะไปส่งกลับขอนแก่นเช้าวันเสาร์“แล้วจะรับไปอยู่เที่ยวที่ไหน? ผู้หญิงคนนั้นจะยอมเหรอ..หึ” น้ำเสียงที่แสดงว่ากานต์วิภารู้สึกชอบใจ“ผมพูดเรื่องลูก ไม่ต้องพยายามไปพูดถึงเธอ ไอรดาเห็นใจเด็กมากพอ จนยอมจ่ายให้สามีเก่าคุณเพื่อให้เขาเซ็นง่ายๆ ถือว่าใจดีพอมั้ย? ขนาดคุณยังจัดการไม่ได้ถ้าผมไม่ขู่จะจ้างทนาย”ทำเอากานต์วิภาไม่พอใจที่เขาชื่นชมไอรดาแล้วตำหนิเธอแทน“ดูแลวีวี่ด้วยแล้วกัน อย่าให้มารังแกลูกหนู ไม่งั้นเจอดีแน่”“ปกติคุณเคยสนใจลูกด้วยเหรอ? กานต์”เขาวางสายใส่ เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบอะไร เพราะรู้กันอยู่แล้วแมทธิวสั่งอาหารเที่ยงมากิน หลังจากนั้นก็ไปนั่งเงียบๆในห้องพระ นั่งดูอัลบั้มรูปพ่อแม่ของไอรดา จนเจออัลบั้มหนึ่งเป็นรูปสมัยที่ไอรดายังเป็นเด็กหญิงเรื่อยไปจนถึงไฮสคูล กระทั่งตอนเริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธอมีแววตาที่สดใสและเติบโตมาเป็นอย่างดี ท่ามกลางรูปที่ถ่ายร่วมกับพ่อแม่ของเธออยู่มากมาย มีลายมือเขียนภาษาไทยเอาไว้ในหน้าสุดท้ายของอัลบั้
แมทธิวเริ่มเครียดเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงทั้งสองคนคุยกัน“เธอรู้สึกได้บ้างมั้ย ถ้าไม่เข้าข้างสามีเก่าจนเกินไป เขารักลูกสาวบ้างหรือเปล่า?”“เราไม่ได้พร้อมที่จะมีลูกในตอนที่อายุ 18 เขามีแต่ความกลัว”“ตอบไม่ตรงคำถาม เขาเห็นแก่ตัว..มากกว่ากลัว และเธอก็เห็นแก่ตัวเหมือนกันที่ไม่ทำอะไรเลยที่จะเรียกร้องอะไรให้เด็ก บอกเขาไป เซ็นซะ แล้วส่งรูปมา ฉันจ่ายทันทีห้าหมื่นเข้าบัญชี”“เป็นพวกชอบจบปัญหาด้วยเงินสินะ”“ที่ผ่านมาเธอคงจบปัญหาได้งั้นสิ? ยืดเยื้อขนาดนี้จนเด็กปาไปแปดขวบ ฉันจะให้เขาเซ็นง่ายๆไม่ต้องพล่ามอะไร แล้วมาวุ่นวายกับทางนี้ให้ฉันต้องได้ยินอีก คิดดูแล้วกัน ถ้าสามีเก่าของเธอทั้งสองคนมีภรรยาใหม่ ลูกใหม่ จะเอาอะไรมารับประกันให้เด็กได้บ้าง นอกจากเธอต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือคอยมองหาผู้ชายคนต่อไปที่เข้ามารับภาระต่อ อย่างน้อยพ่อแท้ๆเกิดวันหนึ่งเขามีทรัพย์สินอะไรใดๆ แล้วเขาเป็นอะไรขึ้นมา ลูกสาวเธอนั่นแหละควรได้สิทธิ์ตรงนี้ด้วย ในขณะที่แมทธิวเขาก็อุปถัมภ์ต่อจนเรียนจบในฐานะที่เขาผูกพันกันมา” ไอรดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดต่อทันที“ฉันจะไม่ทนเห็นผู้ชายของฉัน ต้องทำงานหนักจนไม่สบายไอเป็นเลือด
ไอรดาได้ยินทุกอย่าง ได้แต่ยืนเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเก็บอาหารจานชามออกมานอกห้อง เจอกับแมทธิวที่รีบลุกขึ้นมาช่วยเธอ“ไม่เป็นไร คุณนั่งเถอะ แล้วกินอะไรมาหรือยัง?”แมทธิวมองเธอที่เดินถือทุกอย่างผ่านเขาไป ไอรดาหลบตา ถามเหมือนไม่ได้ยินที่พวกเขาคุยอะไรเกี่ยวกับเธอคุณคิดแบบที่เขาพูดบ้างหรือเปล่า…ไอรดา..“ผมกินมาแล้ว”เขาเดินไปโอบเธอที่ยืนล้างจานอยู่ แล้วช่วยล้างทั้งที่โอบอยู่แบบนั้น พลางพูดข้างๆหู เอาแก้มไปแนบแก้มเธอ“เขาดูหล่อมีชาติตระกูล ผู้หญิงคนไหนที่อยู่ใกล้ไม่นานคงหลงเสน่ห์ได้ง่าย ผิวพรรณ หน้าตา นิ้วมือที่เรียวเหมือนผู้หญิง บ่งบอกว่าไม่เคยลำบาก แต่สายตาเขาเป็นคนชอบเอาชนะ มีคนเตือนผมให้ระวังถ้าขวางทางเขา เพราะเป็นลูกคนมีอิทธิพลและกว้างขวางที่นี่” ไอรดาเอาผ้าเช็ดมือให้เขาอย่างทะนุถนอม แล้วถามขึ้นมา“คุณอยากทำแบบที่พี่โจบอกหรือเปล่า?”“ผมไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด สนใจแค่คุณคิดยังไง ผมอาจจะไม่ได้มีเงินมากเหมือนเขา แต่จะไม่ทำให้คุณต้องลำบาก”ไอรดาผละออกจากอกกว้างที่โอบเธอ ไปนั่งที่เก้าอี้แทน“แต่ฉันอาจทำให้คุณลำบาก มีบางครั้งที่ฉันแอบคิดว่า หรือควรจะคบเขาไปให้มันจบ ฉันเองก็จะสามารถรักษาธุรกิจ
ที่สุวรรณภูมิ แมทธิวเจอกับกานต์วิภาครั้งแรกในรอบครึ่งปี หลังจากความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งจบลง เธอตื่นเต้นได้เพียงครู่เดียว ก็สังเกตว่าเขาใส่แหวนนิ้วนางข้างซ้ายที่ไม่ใช่แหวนแต่งงานที่เคยใส่คู่กับเธอ ในขณะที่เธอยังใส่แหวนแต่งงานของเขาอยู่ แมทธิวเองก็เห็นแต่ไม่ใส่ใจ“พ่อของวีวี่ได้เจอลูกสาวของเขาหรือติดต่อมาบ้างมั้ย?”“พี่แมทก็รู้ว่าตั้งแต่หนูเลิกกับเขา เขาแค่โทรมาถามครั้งสองครั้ง พอแต่งงานกับพี่แมท เขาไม่ติดต่ออีกเลย พี่แมทเองก็ไม่สนใจไม่ใช่เหรอ”“หมายถึงหลังเราหย่ากันแล้ว”แมทธิวเริ่มเงียบ นั่งดูโทรศัพท์และส่งข้อความให้ไอรดาโดยไม่สนใจแม้แต่จะมองเธอ ทำเอากานต์วิภาต้องพลอยเงียบไปด้วย ไม่พูดอะไรกันต่ออีก ได้แค่นั่งรอเวลาเพื่อขึ้นเครื่องทางด้านบ้านกิตติโสภณ มื้อเช้าที่ทุกคนลงมาพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร เจตสุวีย์แปลกใจที่น้องสาวอยู่บ้าน“จูน..ไม่ได้อยู่กับน้องอายเหรอ? กลับมาตอนไหน?”ดีที่ว่ามื้อเช้านี้ไม่มีพ่ออยู่ด้วยเพราะว่าไปต่างประเทศ จูนมองหน้าแม่ ก่อนจะมองที่พี่ชาย แล้วคิดว่าจะตอบดีไหม“กลับมาตั้งแต่เที่ยงคืนแล้ว เพราะมีคนมาเปลี่ยนดูแลแทน”เจตสุวีย์ถึงกับวางช้อนที่กำลังจะตักเข้าปาก แม่ที่
มีเสียงเคาะประตูห้อง ขณะที่เจตสุวีย์โทรคุยธุระกับใครบางคนอยู่ “โจ..ม๊าขอคุยด้วยหน่อย”เจตสุวีย์มาเปิดประตู ก็เจอแม่ที่ทำหน้าเครียดใส่ “ปิดประตูด้วย”แม่ของเขาสั่งเสียงเข้ม พอเขาปิดประตูก็โดนดุทันที“ทำไมทำตัวแย่แบบนี้ จูนโทรมาเล่าว่าโจไปบุกรุกบ้านน้องอายตีหนึ่ง ถ้าจูนไปช้าอีกหน่อยจะเป็นยังไง? ต่อให้คบกันแต่ถ้าผู้หญิงไม่ยอม ก็คือการข่มขืนดีๆนี่เอง ถ้าน้องแจ้งความจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ม๊าไม่เคยสอนลูกให้เป็นคนแบบนี้ ถ้าจูนฟ้องป๊า โจโดนหนักแน่”“งั้นถ้าโจทำผิดก็ต้องรับผิดชอบ โจอยากแต่งงานกับน้อง ป๊ากับม๊าพูดคุยทาบทามให้โจได้มั้ยครับ แต่โจจะลองคุยกับน้องก่อน”“พึ่งทำน้องร้องไห้ คงยังไม่หายโกรธแค่ข้ามคืน จูนเองโมโหน่าดูตอนโทรหาม๊า นี่ต้องอยู่ค้างเป็นเพื่อน เพราะจูนบอกน้องอายป่วยถึงกับต้องไปหาจิตแพทย์ ได้ยินแบบนี้ม๊ารู้สึกไม่ดีเลย โจทำอะไรกดดันน้องเกินไปก่อนหน้านี้ด้วยหรือเปล่า?” เขาตกใจที่ได้ยินแบบนี้ ถึงกับใจอยู่ไม่สุข“ตอนนี้จูนอยู่กับน้องอาย ผมขอโทรหาจูนก่อนครับม๊า”แม่ของเขาถอนหายใจด้วยหน้าที่บึ้งตึงแล้วหันหลังออกไป ทางด้านจูนพอเห็นพี่ชายโทรมาก็ค่อยๆลุกและออกจากห้องนอนเพื่อไปคุยข้าง
กานต์วิภาโอนอ่อนให้เขาแต่โดยดี เพราะหน้าตาที่หล่อ รูปร่างดี ผิวขาวเป็นหยวก แถมมีฐานะสูง แค่เขาทำท่าสนใจเธอก็รู้สึกดีแล้ว ยังไงอดีตสามีก็คงไม่ได้สนใจเธออีกต่อไป การได้เป็นผู้หญิงของเศรษฐีหนุ่มคือทางเลือกที่ดีกว่า ถ้ามีโชคมากพอ เอาใจเขาดีๆ อาจได้เป็นคนโปรดของเขา ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วเธอมองหน้าเขาที่ขย่มอยู่บนตัวเธอ หน้าตาเขาช่างหล่อน่ารัก ตัวหอมฟุ้ง ทำเอากานต์วิภาเคลิ้มเหมือนฝันไปแต่ระหว่างที่ทำนั้น เจตสุวีย์ไม่จูบปากเธอ ไม่สัมผัสส่วนใดๆ เขามองตาเธอแว็บเดียวก็จับเธอนอนคว่ำแล้วทำต่อ กานต์วิภาถึงกับอายที่เขาเหมือนไม่อยากเห็นหน้าเธอ ที่ทำก็เพื่อบำบัดความใคร่อย่างเดียวและยังมีสติพอที่จะไม่ปล่อยข้างในเพื่อกันพลาดเมื่อเจตสุวีย์อารมณ์สงบลง เขาผละจากเธอทันที แล้วใส่กางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องกระดาษชำระบนโต๊ะมาให้กานต์วิภาเช็ดต้นขาที่เลอะและใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย โดยเขายืนหันหลังมือสองข้างยันโต๊ะไว้เหมือนกำลังตั้งสติ“เอ่อ..หนูขึ้นมาสักพักแล้ว เดี๋ยวทุกคนจะสงสัย ขอตัวลงไปทำงานก่อนค่ะ” เขาไม่หันมาแต่ทำสัญญาณมือให้เธอออกไป “แล้วผมจะติดต่อไปเอง”กานต์วิภาไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา