แสงแดดลอดผ้าม่านเข้ามาเล็กน้อย ไอรดางัวเงียควานหาโทรศัพท์มาดู..เกือบสิบโมงแล้ว เธอกดรีโมทให้ผ้าม่านเปิดออก เห็นวิวกรุงเทพสวยๆจากชั้นที่ 27
แมทธิว DM มาหาเธอ ว่าเขาสามารถมารับเธอได้ ไอรดาเห็นแบบนั้น..ก็ยิ้มขำ
“ท่าทางดูหิว ฉันไม่ใช่ของกินเล่นร้านสะดวกซื้อหรอกนะ”
ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปว่า เธอจะไปหาเองตามเวลา เพราะร้านที่นัดกันอยู่ใกล้คอนโดแค่ 800 เมตร
11.57
แมทธิวนั่งรอพร้อมดอกกุหลาบช่อใหญ่ จนกระทั่งมีผู้หญิงบุคลิกมั่นใจ ใส่แว่นตาดำ มวยผมแสกกลางหลวมๆ เสื้อเชิ้ตขาวตัวใหญ่เปิดไหล่โชว์ผิวเนียนสวย กางเกงยีนส์ขาสั้น สะพาย neverfull MM เดินเข้ามาในร้าน
เธอถอดแว่นตามองหา ก็เจอเขานั่งโต๊ะริมหน้าต่าง พอเดินไปใกล้ เขายิ้มให้จนตาหยี และลุกขึ้นเอาดอกไม้ให้
“สวัสดี ผมดีใจและขอบคุณที่ยอมมาพบ”
ไอรดายิ้มให้แบบไม่เห็นฟันพร้อมกับกล่าวขอบคุณ ก่อนจะนั่งดูเมนูเพื่อเริ่มสั่งอาหาร
แมทธิวคิดว่าเธอคงไม่ค่อยไว้ใจเขา แต่ก็ยังยอมมากินมื้อเที่ยงด้วย
“เมื่อคืน ผมคิดว่าคุณจะปฏิเสธแล้ว”
เธอละสายตาจากเมนู เหลือบตามองเขา สั่งอาหารแล้วเริ่มต้นพูดคุย
“จริงๆอยากปฏิเสธนะ แต่เห็นว่ากล้าพูดชวนตรงๆ อีกอย่างใกล้ที่พักด้วย”
ไอรดานั่งพิงพนักเก้าอี้ ยิ้มบางๆแล้วมองตาเขา “คุณปิ๊งฉันเหรอ?”
แมทธิวที่ได้ยินแบบนั้น เขาตอบ “Yes”
“ผมเห็นว่าเมื่อคืน มีคนมาทักทายคุณหลายคน เลยเซอร์ไพรส์ที่วันนี้คุณยอมมานั่งอยู่ที่นี่กับผม แทนที่จะเป็นหนุ่มหล่อพวกนั้น”
เธอหัวเราะเบาๆ มองไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะกลับมามองเขา
“ผู้คนที่ไปในที่แบบนั้น ไม่ว่าชายหญิงก็เจอแบบนี้กันทั้งนั้น ฉันมีกฎว่าจะไม่หาแฟนจากสถานที่เที่ยวกลางคืน”
แบบนี้นี่เอง…เธอถึงดูเชิดใส่เขาเล็กน้อย และไม่ทำท่าเขินอายอะไรเลย…
“ผมชวนคุณเพราะดูๆแล้ว คุณน่าจะโสดอยู่ ได้เป็นแค่คนรู้จักก็ยังดี”
“คุณลองบอกฉันเกี่ยวกับตัวคุณหน่อยสิ”
ไอรดาเท้าคาง ถามเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ไม่เคอะเขินหรืออะไรเลย
“พ่อผมเป็นคนไต้หวันแม่เป็นอเมริกัน พ่อย้ายมาอยู่ที่ US ผมเกิดที่นั่น แต่ก็ยังกลับไปเยี่ยมปู่ย่าที่ไต้หวันตลอดทุกเทศกาล เอ่อ..จริงๆชีวิตผมค่อนข้างไปทางน่าเบื่อ เช้าไปทำงาน เย็นก็กลับบ้าน ผมทำงานด้านไอที ว่างก็ออกกำลังกายที่บ้าน ดื่มบ้างเวลาที่เพื่อนชวนสังสรรค์ ส่วนงานอดิเรกก็ไปตีกอล์ฟกับพ่อบางครั้งช่วงสุดสัปดาห์ เอ่อ..มีแค่นี้”
เธอฟังจบก็เม้มปาก เอียงหน้ามองเหมือนมีคำถามแต่ก็ไม่พูดอะไร
“ผมแต่งงานเมื่อสองปีก่อนกับผู้หญิงไทย เราเลิกกันได้ครึ่งปีแล้ว แต่ผมก็ยังชอบเมืองไทยอยู่นะ”
เขาพูดจบแล้วก็ยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ดูเศร้าสร้อย ไอรดาเอามือที่เท้าคางลง พลางถอนหายใจยาวๆ
“เสียใจด้วย ชีวิตคู่นี่มันไม่แน่นอนเหมือนกันนะ แต่เชื่อเถอะ ในเรื่องแย่ๆมันจะมีข้อดีอยู่ในนั้น อยู่ที่เราจะเปิดใจมองหาหรือจมปลักอยู่กับอดีต”
“ผมไม่เคยคิดว่าต้องมาเป็นพ่อม่ายตอนอายุ 36 น่าหดหู่เหมือนกัน แล้วบังเอิญมากที่คุณอายุเท่าภรรยาเก่าผม คือ..ผมเห็นงานวันเกิดอายุครบ 25 ในไอจีคุณ”
นี่เขาชอบกินเด็กสินะ….ไม่ล่ะ ฉันไม่เคยมีความคิดในหัวเรื่องคบคนแก่กว่าเป็นสิบปี..
“มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง ฉลองให้กับความโสดและอิสรภาพที่หอมหวาน ไม่มีอะไรดีไปกว่าการมีอิสระอีกแล้ว เชื่อฉันสิ”
เธอยอมรับว่าเขามีเสน่ห์บางอย่าง ดูเจี๋ยมเจี้ยมแต่ก็ไม่ได้ขี้อาย เสียงเขาเข้ม แต่ก็ดูเป็นคนใจดี
“แล้วคุณล่ะ ทำไมเลือกที่จะโสด? ไอรดา”
“ฉันเคยมีแฟนสองคน คนแรกป้อปปี้เลิฟ พอเรียนมหาวิทยาลัยคนละที่ เขาก็มีคนอื่น คนที่สองเจอกันในผับบาร์อะไรพวกนี้ อย่างว่าแหละ เห็นแค่ภายนอกที่ดูดี แต่ไม่ไหว เขาเห็นฉันเป็นแค่ที่พึ่งเวลาเดือดร้อนเรื่องเงิน”
ทั้งคู่กินเสร็จแล้ว แต่แมทธิวแย่งจ่ายจนได้
“ผมชวนคุณ แล้วยังให้เดินมาเอง ถ้าต้องให้คุณมาจ่ายให้อีก ผมก็ไม่มีหน้าจะชวนคุณครั้งหน้าแล้ว”
ไอรดายกมือไหว้เขา “ขอบคุณสำหรับมื้อนี้ คุณคุยสนุกดี งั้น..ฉันขอตัวก่อนนะ”
แมทธิวมองเธออุ้มช่อดอกกุหลาบ หันหลังเดินออกไป เขาตัดสินใจเดินตามไปห่างๆ จนถึงทางเข้าคอนโดหรู
“ไอรดา”
เธอหันมา ทำหน้าแปลกใจ “คุณตามมาทำไมน่ะ มีอะไรหรือเปล่า?”
“ผมแค่..อยากเดินมาส่งเท่านั้น”
หน้าแมทธิวแดงและเริ่มมีเหงื่อ ท่าทางอากาศที่กรุงเทพจะร้อนไปสำหรับเขา แต่ไอรดาจะไม่ใจอ่อนชวนใครขึ้นห้องง่ายๆ
“ขอบคุณสำหรับดอกไม้นะ มันสวยมาก ฉันเสียมารยาทที่รับมาโดยไม่ได้กล่าวอะไร..ขอตัวก่อนนะ”
“Good bye” เขาพูดแค่นั้นแล้วโบกมือให้
ระหว่างเดินเข้าไป เธอหันไปดูเขาที่ยืนมองเธอจากนอกคอนโดจนลับตากันและกัน
ไปถึงห้อง ก็เอาดอกไม้แช่ไว้ในอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ เปิดแอร์แล้วนั่งเล่นอยู่พักนึง ก็มี DM จากแมทธิวเข้ามา
“อีกสามวัน ผมต้องกลับแล้ว”
พ่อม่ายที่อายุห่างกับฉันเกือบหนึ่งรอบงั้นเหรอ..ฉันไม่หลงกลเด็ดขาด เขาก็แค่พวกอยากหิ้วผู้หญิงตามผับไปกินตับ...
พยายามทำนั่นทำนี่อยู่สิบนาทีได้ แต่หน้าเขาวนเวียนอยู่ในหัวเธอ จนอดไม่ได้ต้องตอบข้อความเขา
“แล้วคุณมีแพลนทำอะไรบ้างก่อนกลับ?”
เขาอ่านและตอบกลับทันที “ไม่มี เพื่อนผมคงไปเที่ยวทะเล แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะไปด้วยมั้ย รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”
“คืนนี้อยากไปนั่งดื่มเบาๆที่ไหนกันมั้ย? ฉันไปรับคุณได้ พักที่ไหนก็ส่งโลเคชั่นมาให้แล้วกัน”
แมทธิวเห็นแบบนั้นเขาเริ่มยิ้มได้และเรียกแท็กซี่เพื่อกลับโรงแรมก่อนจะถึงเวลาที่เธอจะมารับ
เขาพักที่ Pullman รางน้ำห่างไปเกือบสิบกิโล เธอจึงเลือกร้าน The O.S.S Bar ใกล้ๆที่นั่นเพื่อความสะดวก แมทธิวมายืนรอที่หน้าโรงแรมก่อนเธอจะมาร่วมสิบนาที
ไทคานสีขาวจอดเพื่อรับเขาไปที่บาร์ แมทธิวเปิดประตูเข้าไปนั่ง แล้วมองยิ้มๆ
“สวัสดีอีกครั้งไอรดา..รถสวยมาก รวมถึงเจ้าของรถด้วย”
“ฉันออกตัวก่อนนะ ว่าไม่ดื่มแอลกอฮอล์เพราะต้องขับรถกลับ”
ไอรดาในชุดเดรสสั้น ผ้าบางพริ้วสีชมพูอ่อนเปิดไหล่แขนยาว เห็นเนินอกที่สวยและขาวเนียน
ร้านบรรยากาศดี สวยและไพรเวทมาก ชื่อ Cocktail ของที่นี่ตั้งตามชื่อของผู้คนและสถานที่ๆเกี่ยวข้องกับ Jim Thompson เธอและเขาสั่งคนละแก้ว แต่ไอรดาแค่จิบ เพราะสั่งมาพอเป็นพิธี
“ไอรดา ตอนนี้คุณทำงานอะไร? หรือชอบทำอะไรบ้างเวลาว่าง?”
“ฉันไม่มีงานประจำ รับงานเล็กๆน้อยๆพวกถ่ายแบบ ถ่ายงานเล็กๆน่ะ แล้วก็แปลนิยายต่างประเทศขาย เงินน้อยแต่ฉันชอบ”
“พรุ่งนี้ผมว่าจะไปเที่ยววัดในกรุงเทพ คุณพอจะแนะนำได้มั้ย?”
“ขอโทษที ฉันไม่สันทัดเกี่ยวกับการเข้าวัด”
เธอพูดจบก็ยกเครื่องดื่มจิบด้วยหน้าตาที่เฉยเมย
“คุณมี W******p ไหม? ไอรดา”
“ไม่มีหรอก คนที่นี่ไม่ค่อยใช้กัน”
ไอรดาพูดตัดบท จนเขาก้มหน้าไปนิดนึงแล้วฝืนยิ้มให้ ซึ่งเธอดูออก เลยชวนเขาคุย
“เอ่อ..ตอนคุณแต่งงาน อยู่ที่นี่หรือเปล่า? หรืออยู่อเมริกา”
“พวกเราไปอยู่ที่นู่น เธอมีลูกติดหนึ่งคน ตอนนี้อายุ 8 ขวบแล้ว”
เธอพยักหน้าเล็กๆ แต่ในใจกลับตกใจ
ผู้หญิงอายุเท่าเธอแต่มีลูกตั้งแต่อายุ 17 การเป็นคุณแม่วัยใสนั้น ไม่เคยอยู่ในความคิดของเธอ แม้ว่าจะมีญาติบางคนนินทาเธอหลังจากพ่อแม่เสียไป ว่าไม่นานก็คงมีลูกมีผัวเร็ว ไม่ก็ใจแตก จะท้องไม่มีพ่อ นู้นนั่นนี่ แต่เธอพิสูจน์แล้วว่าเรียนจบด้วยดี จะไม่มีวันให้ใครมาลามปามพาดพิงพ่อแม่ของเธอได้
“ดูท่าทางมีอะไรต้องเคลียร์เยอะสินะ ฉันเคยได้ยินมาว่า การจดทะเบียนแต่งงานที่นั่นเป็นเรื่องซีเรียส ถึงขนาดต้องทำสัญญาก่อนจดกันหลายคู่ จะเลิกทีต้องจ้างทนายวุ่นวายใช่มั้ย?”
เขาก้มหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มหายไป พลางคิดว่า ถึงเขาจะสภาพจิตใจดีขึ้นบ้างแล้ว แต่การจะลากใครมาในความสัมพันธ์ครั้งใหม่ โดยที่ยังมีภาระผูกพันอยู่ คงไม่มีผู้หญิงที่ไหนจะทนรับได้…
เธอเห็นเขาเงียบเลยพูดเพื่อให้บรรยากาศมันไม่แย่จนเกินไป
“ไม่ต้องเศร้าไป ชีวิตมันก็แบบนี้ การไม่ต้องผูกมัดกับใครคือ ความสุขอย่างแท้จริง”
แมทธิวมองเธอแล้วยิ้มให้…
เขาควรเจียมตัว เธออายุยังน้อย มีโอกาสได้เจอผู้ชายที่ดีอีกมาก หรือเธออาจมีคนอุปถัมภ์อยู่ก็ได้ ดูจากไลฟ์สไตล์ การแต่งตัว ที่อยู่ รถที่ขับ รวมถึงเห็นเธอมีบัตรเครดิตใช้ ทั้งที่ไม่มีงานประจำทำ
“ไอรดา คุณไม่ได้อยู่กับครอบครัวเหรอ? หรือแยกมาอยู่คนเดียวที่คอนโด ลูกสาวสวย พ่อแม่น่าจะหวงนะ”
“พ่อแม่ฉันเสียไปแล้ว ก่อนฉันเรียนจบปีนึง”
แมทธิว ขมวดคิ้วทันที แต่ไอรดาไม่แสดงสีหน้าอะไร
“ผมเสียใจด้วยจริงๆ”
ทั้งคู่คุยกันไม่มากนัก แมทธิวถาม เธอถึงจะตอบ นั่งฟังดนตรีกันเสียเป็นส่วนใหญ่ พอเที่ยงคืน ก็เห็นพ้องต้องกันว่าควรกลับ เขาจัดการชำระเงินแล้วออกไปพร้อมกับเธอที่เดินไวๆนำเขาไปที่รถ
เมื่อนั่งในรถ ไอรดาสตาร์ทรถแต่ไม่ขับออกไป เธอเกิดเห็นใจเขาขึ้นมาเสียเฉยๆ
“ถ้าฉันพูดอะไรที่ไม่น่าฟังก็ขอโทษด้วย เอ่อ…ฉันเรียกคุณว่า พี่แมทแล้วกัน คนไทยมักมีสรรพนามขึ้นต้น เพราะคุณอายุมากกว่า เรียกชื่อเฉยๆ มันดูเหมือนไม่มีมารยาท แล้วคุณเรียกฉันว่า อาย ก็ได้”
“ขอโทษที่ผมดูน่าเบื่อสำหรับคุณ แค่มื้อเที่ยงกับตอนนี้ ผมก็ยินดีมากแล้ว”
เธอมองเขาด้วยหางตานิดหน่อย ก่อนจะหมุนพวงมาลัยรถขับออกไป กระทั่งถึงที่ Pullman และจอดให้เขาลงที่หน้าโรงแรม
“ราตรีสวัสดิ์ น้องอาย” เขาพูดบอกลาเธอ
“Good night พี่แมท”
ไอรดาขับรถออกไป โดยไม่อ้อยอิ่งทำเหมือนให้ความหวังเขา จนแมทธิวคิดว่า มันคงจบตั้งแต่คิดเริ่มแล้ว
ใจจริงแล้วไอรดาหวั่นไหวต่างหาก เธอข่มความรู้สึกไม่ให้ใจอ่อน
แค่เขาทำท่าเศร้าแบบนั้น ทำไมฉันต้องสงสารด้วยนะ…..
ฉันมีแค่ตัวเองเป็นเซฟโซน จะไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำชีวิตพังเด็ดขาด ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นนอกจากตัวเอง…
พอเธอเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำอีกรอบ เห็นดอกกุหลาบของพ่อม่ายตาสระอิ เลือกหยิบออกมาดอกหนึ่ง พลางคิดอะไรนิดหน่อย ก่อนจะเอาไปไว้ที่โต๊ะเล็กข้างเตียง แล้วหันหลังกลับไปที่ห้องน้ำ
ด้านแมทธิวนั้น เขาหมดหวังกับการอยากรู้จักเธอมากกว่านี้ ท่าทางและคำพูดเธอ ไม่ได้สนใจอะไร เหมือนคุยตามมารยาทและไม่ค่อยอยากพูดเรื่องของตัวเธอเอง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเพื่อนเขาที่ชื่อเควินโทรมา
“ไง เดทกับเธอเป็นไงบ้าง นี่พวกเราพึ่งถึงห้อง ไปเยาวราชกันมา”
“เธอสวย น่ารัก แต่ฉันคงเป็นได้แค่คนรู้จัก พอได้ยินว่าฉันเป็นพ่อม่ายก็เงียบหนักกว่าเดิม ถามคำตอบคำ..เธอมีชีวิตที่ดี มีเงิน มีทุกอย่าง อาจมีคนดูแลเธออย่างดีแล้ว”
“หมายถึง เธอมีป๋าเลี้ยงงั้นเหรอ?”
“เธอบอกว่าโสด ชอบอิสระ พ่อแม่เธอเสียไปแล้ว ไม่รู้สิ เธออายุแค่ 25 แต่มีรถ มีคอนโดแพงๆ”
“เธออายุแค่นี้แล้วมีทุกอย่าง ถ้าพ่อแม่ไม่รวยจนทิ้งทุกอย่างไว้ให้ ก็มีป๋าเลี้ยงนั่นแหละ ไม่เป็นไรหรอก ผู้หญิงมีเยอะแยะ ว่าแต่ยังไม่เข็ดกับผู้หญิงไทย?”
แมทธิวหัวเราะเบาๆก่อนจะตัดบทบอกฝันดีเควิน
ไอรดามานอนเล่นบนเตียงแล้วโพสต์ภาพค็อกเทลแก้วสวยๆลงในไอจี เช็คอินร้านเรียบร้อย ไม่นานเพื่อนๆก็พากันมา comment ถามว่าไปกับใคร? ไปไม่ชวน,อยากไปด้วย และอื่นๆ
และแล้วไอจีของหนุ่มไต้หวัน-อเมริกัน ก็โผล่มาเช่นกัน เป็นสติ๊กเกอร์ชนแก้วและไหว้ขอบคุณ ไอรดาเลยลองเข้าไปส่องในไอจีเขา ซึ่งไม่มีอะไรเลย เหมือนเขาลบทุกรูปในทุกช่วงชีวิตออกไป? หรือว่าไม่ค่อยเล่นโซเชียล?
เธอหยิบกุหลาบมาดม ก่อนจะ DM หาเขา ตอนนี้ตีหนึ่งครึ่งแล้ว แค่ส่งไปถาม ไม่ได้คาดหวังจะต้องตอบกลับมา
“ฉันจะไปเชียงใหม่ คุณสนใจจะไปเที่ยวมั้ย? ก่อนจะกลับ”
แมทธิวที่ยังนอนไม่หลับ ตื่นเต้นที่เธอส่งข้อความชวน เขารีบตอบทันที
“ผมจะไปแน่นอน แล้วไปเมื่อไหร่?”
“พรุ่งนี้…ฉันกำลังดูตั๋ว หาไฟล์ทก่อนเที่ยงอยู่ คุณคิดว่ายังไง?”
“ส่งลิ้งก์ให้ผมได้มั้ย? ผมขอรับผิดชอบค่าตั๋วทั้งไปและกลับของเรา”
หือ..ของเรางั้นเหรอ? เข้าใจใช้คำพูดนะ…
ไอรดาเลยส่งลิ้งก์ให้ไป แมทธิวพิมพ์ตอบกลับมาว่า เขาขอไอดีไลน์เพื่อติดต่อสื่อสารกับเธอง่ายกว่าในไอจี ไม่นานนักก็โทรเข้ามาหาเพื่อตกลงซื้อตั๋วขาไป-กลับ จนเรียบร้อย โดยค่าตั๋วทั้งหมดตัดบัตรของเขา
“ผมจะไปหาคุณตอนเก้าโมงนะ”
“ก็ไปเจอกันที่สุวรรณภูมิเลยก็ได้ ไม่ต้องเสียเวลาด้วย ตามนี้นะ ฉันขอนอนก่อน”
สนามบินสุวรรณภูมิ…
ทั้งสองนัดเจอกัน ก่อนจะไปทานมื้อเช้าและใช้เวลาขึ้นเครื่องประมาณหนึ่งชั่วโมงถึงเชียงใหม่ ไอรดาให้แท็กซี่ไปส่งพวกเขาที่หมู่บ้านหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินประมาณ 7 กิโลเมตร
“ไม่ต้องไปพักโรงแรม พักที่บ้านฉันแล้วกัน มีหลายห้อง คุณจะได้เซฟเงินด้วย ออกค่าตั๋วไปเยอะแล้ว”
“โอเค น้องอาย”
แมทธิวเรียกเธอแบบนั้น จนไอรดาคิดได้ว่า เธอทำท่าทางห่างเหินมากไปไหม และเรียกเขาว่า คุณ เท่านั้น
หมู่บ้านอยู่ไม่ไกลจากวัดพระธาตุดอยคำ เป็นหมู่บ้านใหญ่ติดทะเลสาบเห็นดอยสุเทพสวยมากทีเดียว นั่นยิ่งทำแมทธิวแปลกใจที่ไอรดามีบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้
“ก่อนอื่น ฉันจะพาไปที่ห้องนอนของคุณนะ ฉันกลับมาเดือนละ 1-2 ครั้ง ครั้งละอาทิตย์หรือมากกว่านั้น จะต้องคอยจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาด แล้วฉันก็จะเอารถไปคาร์แคร์ด้วย ที่นี่พ่อแม่ฉันอยู่มาก่อนจะเสีย”
ไอรดาเดินนำขึ้นบันได เขาเดินตามเธอและถามขึ้น
“ขอโทษที่ถาม ทำไมพวกท่านถึงเสียไป?”
“อุบัติเหตุ มีรถบรรทุกหลับในชนพวกท่าน…”
เธอตอบ แต่ไม่หยุดเดิน จนถึงห้องนอนที่จะให้เขาพัก
“คุณเก็บของแล้วเราพักสักหน่อยก็ได้ มีเวลาเยอะอยู่ ฉันอาจสั่งอาหารให้มาส่ง รถติดร้อนด้วย เดี๋ยวอีกสัก 30 นาที เจอกันที่ห้องรับแขก”
แมทธิวรู้สึกดีขึ้น ในข้อที่ว่าเขาเข้าใจผิดคิดว่าไอรดามีผู้ชายคอยเลี้ยงดู
ไม่แปลกใจเลยที่เธอมีท่าทีที่แข็ง เป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง นั่นเพราะข้างหลังเธอไม่มีใครคอยปกป้องหรือดูแล แต่เธอมีเงินที่ซัพพอร์ตตัวเองได้ นั่นคือจุดแข็งที่ทำให้ไม่ต้องง้อหรือพึ่งพาใคร
ไอรดาโทรเรียกแม่บ้านรายวันมาทำความสะอาด และสั่งอาหารมื้อเที่ยงมากินกับเขา จากนั้นก็พาขับรถไปเที่ยวแม่ริม ที่โป่งแยง จังเกิ้ล โคสเตอร์ ซึ่งแมทธิวรู้สึกสนุกมาก เพราะมีเครื่องเล่นมากมาย จนลืมว่าตัวเขา 36 เข้าไปแล้ว พอใกล้เย็นก็ไปแวะทานข้าวที่ร้านโป่งแยง แอ่งดอย
เขาสังเกตว่าเธอเชี่ยวชาญในการพาเที่ยว สั่งอาหาร รู้ว่าที่ไหนสวย ที่ไหนดี ถึงจะพูดน้อยแต่การเทคแคร์นั้นดีมาก ที่เขาหนักใจคือ เธอชอบแย่งเขาจ่ายเงิน
“เพื่อนคุณมาเที่ยวที่เชียงใหม่กันบ้างมั้ย?”
“มาตลอด ถือว่าบ่อย มาพักที่บ้านนี้ แต่ต้องเป็นตอนที่ฉันว่างนะ ไม่กี่เดือนก่อน พวกเราพึ่งไปเที่ยวและพักที่แม่กำปอง”
“ผมสนใจ…อยากไปบ้าง”
“ไปเชียงดาวดีกว่านะ ถนนกว้าง ทิวทัศน์ได้ฟีลต่างประเทศ หลายครั้งฉันไปเปิดโรงแรมนอนที่เชียงดาว 1-2 วัน แล้วก็ค่อยกลับมาในเมือง คุณเคยมาเชียงใหม่มั้ยก่อนหน้านี้?”
เขาพยักหน้าด้วยสีหน้าเจื่อนๆ แล้วก้มหน้ากินข้าว
ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว…ให้ได้แบบนี้สิ..ไอรดาคิดในใจ
“ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างตอนมาที่นี่?”
“ก็ไปบาร์ แล้วก็ทั่วๆไปในเมือง ผมจำไม่ค่อยได้ มาครั้งเดียว”
ไอรดาหัวเราะขำๆ “มาเชียงใหม่เพื่อมา..บาร์ เนี่ยนะ กรุงเทพบาร์เยอะแยะ”
“ภรรยาเก่า..อยากมาเที่ยวที่นี่ แต่เราก็ไปบาร์กัน ตอนนั้นผมก็แฮปปี้ดีนะ เธอเป็นคนชอบดื่มชอบปาร์ตี้ เอ้อ ผมเห็นในไอจีคุณ เหมือนว่าคุณมีคอร์สเต้นเหรอ? เห็นหลายโพสเลย”
“ใช่ เต้นแบบจริงจังเหมือนออกกำลังกายไปในตัว ได้สังคม ได้เพื่อนใหม่ ฉันชอบดูเต้นของฝั่งอเมริกานะ เห็นลูกของแองเจลิน่า โจลี่ ก็เต้น ฉันชอบมาก”
ทั้งคู่ออกจากร้านอาหารก็เริ่มพลบค่ำ แมทธิวเห็นเธอขับรถไกลๆอยู่คนเดียว เลยเสนอว่าให้สลับกันขับ แต่ดูท่าทางเธอไม่ไว้ใจ
“ผมขับได้ น้องอาย ใบขับขี่ในไทยผมยังไม่หมดอายุ ใช้ได้อีกหลายปี”
“ไม่ต้องหรอก คุณไม่คุ้นชินถนนที่นี่”
ขับรถอยู่ร่วมชั่วโมงก็ถึงบ้าน ไอรดารีบออกจากรถมายืนยืดเส้นยืดสาย แมทธิวลงจากรถมายืนมองเธอแล้วยิ้ม
“คุณเข้าบ้านเถอะ อ้อ เดี๋ยวเปิดประตูให้”
“น้องอาย ยังไม่เข้าไปเหรอ?”
เธอส่ายหน้า “ฉันจะเดินเล่นแถวหน้าบ้านสักหน่อย”
พูดจบก็เดินออกจากบ้านไปนั่งบนหญ้าริมทะเลสาบของหมู่บ้านที่อยู่หน้าบ้านเธอพอดี แมทธิวเห็นแบบนั้น เขาตัดสินใจไม่เข้าบ้านและลงไปนั่งข้างเธอแทน
“เหลือเชื่อที่มีโอกาสได้มาที่บ้านพ่อแม่ของน้องอาย ทั้งที่เมื่อคืนผมถอดใจไปแล้ว พอเห็นว่าชวนให้มา ผมดีใจมากๆ”
“ฉันถามได้มั้ย? คุณพึ่งเลิกรากับภรรยา ทำไมถึงหมดรักกันง่ายนัก แค่ครึ่งปีก็ชอบคนอื่นแล้ว”
เธอหันไปมองเขาที่ทำหน้าใสซื่อแบบนั้น
“ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะเปิดใจเหรอ? ในเมื่อผมโดนนอกใจ…กว่าจะผ่านมาได้ เจ็บมากเสียจนหัวถึงหมอนก็ร้องไห้ทุกคืนเป็นเดือนๆ”
ไอรดาหันไปมองที่ภูเขาในยามโพล้เพล้ แสงสีส้มแดงดูแล้วสวยอย่างประหลาด“คุณสูญเสียคนรัก แต่ยังโชคดีที่มีครอบครัวต่างกับฉัน..ถ้าให้แลกทุกสิ่งที่ฉันมีตอนนี้แล้วทำให้พวกท่านกลับมาได้ ฉันยอม”“น้องอายไม่ลองเปิดใจให้ใครที่รักจริงสักคนล่ะ จะได้มีคนช่วยคิด คอยดูแลอยู่เคียงข้างกัน” เธอทำเสียงขำขัน เหมือนว่ามันไร้สาระ“ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ดีเท่าพ่อของฉัน จะมีไปทำไม ความรักน่ะ..มันน่ากลัวนะ ทำคนพังทลายมาเยอะ ฉันพึ่งพาตัวเองได้ ร้องไห้ก็กอดตัวเองได้ ฉันอยากทำสวยก็เพราะพอใจที่เห็นตัวเองในกระจกทุกบานที่เดินผ่าน ไม่ได้ทำสวยเพื่อใคร”แมทธิวกลับเอ็นดูเธอ ถึงแม้ว่าไอรดาจะพยายามทำท่าทางหรือคำพูดที่เย่อหยิ่งบวกกับอีโก้ที่สูงเทียมฟ้าใส่เขาก็ตาม “ผมเข้าใจที่น้องอายพยายามตั้งการ์ดอยู่ตลอดเวลา เหมือนนักมวยที่พร้อมจะต่อยใครก็ตามเมื่อรู้สึกถูกคุกคาม บางครั้งเราไม่ต้องพยายามทำเหมือนเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้”เธอทำหน้าไม่พอใจทันทีที่เขาพูดแบบนั้น แต่ไม่หันมามอง “บางครั้งประสบการณ์ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องมาจากคนที่เกิดก่อนหรือแก่กว่าหรอก ฉันเรียนรู้จากการมองประสบการณ์ของคนอื่นเอาก็ได้ อย่างที่คุณพยายามแนะนำฉัน ทั้ง
แมทธิวและไอรดา สบตากันอยู่แบบนั้น จนเธอเริ่มอึดอัด“คุณต้องการอะไร? เอางี้ดีกว่า พูดมาตรงๆเลย”ไอรดาอยากจบการสนทนาที่เธอรู้สึกว่ามันยืดเยื้อ“ผมอยากพิสูจน์ว่าไม่ได้เข้ามาเพื่อหวังเงิน ผมมีเวลาที่ไทยไม่มากเพราะต้องกลับไปทำงาน จะขออยู่จนถึงวันจันทร์ คุณก็ไม่ให้อยู่ ผมไม่อยากยอมแพ้ ไม่งั้นคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว”“ทำไมคิดว่าจะไม่มีโอกาส?”“คุณคงมีคนเข้าหาเยอะ ถ้าผมกลับไปกว่าจะกลับมา คุณอาจไม่โสดอีกแล้ว”“กะจะไม่ให้โอกาสฉันได้เจอคนอื่นบ้างล่ะ คิดกลับกันบ้างสิ”“ผมรู้สึกได้ ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปว่าคุณก็มีความรู้สึกให้อยู่เหมือนกันแต่ไม่ยอมรับ”บ้าจริง….ไอรดาที่หน้าตารวบตึงแต่ข้างในนั้นไขว้เขว“ผู้หญิงที่รักตัวเองมากพอ จะไม่ไล่ล่าแต่จะดึงดูดสิ่งที่มีความหมายให้มาพบเจอเธอเอง ผมรู้ว่าเป็นสิ่งนั้นให้คุณได้ ถ้าคุณให้โอกาส”ตื้อมากใช่มั้ย? ได้สิ….“ปกติฉันไม่เคยคิดอยากคบกับคนอายุมากกว่าเป็นสิบปี เพราะความคิดอาจจะไม่บาลานซ์กัน คุณเคยหย่าร้างแถมมีเรื่องเด็กด้วย ถึงไม่ใช่ลูกคุณจริงๆ แต่ในเมื่อคุณรับเป็นลูกก็เท่ากับมีภาระติดตัวมา ขอโทษที่พูดตรงๆ ถ้าเราคุยกันไปนานวันเข้าไม่นานก็คงมีปัญหาแล้วก็
“ถ้าคุณถอดเสื้อ ฉันจะเปิดกล้องให้คุณเห็นหน้า”แมทธิวกะพริบตาปริบๆ แล้วยิ้มก่อนจะก้มมองตัวเขาเอง“อยากเช็กของหรือไง? ให้ผมเห็นหน้าก่อนสิ ถึงจะถอด”“แล้วแต่นะ…งั้นฉันจะวางแล้ว”“โอเค” เขาถอดเสื้อ ทำให้เธอเห็นว่าเขามีกล้ามแขนและหน้าท้องซิกแพค ไอรดาผิวปาก พยักหน้าให้ตัวเองว่าเขาซ่อนรูปจริงแบบที่เธอคิด “ขอผมเห็นหน้าคุณได้แล้ว อาย”ไอรดาเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่โต๊ะที่ใช้แต่งหน้า แล้วเธอไปนอนเล่นอยู่บนเตียง ทำเอาแมทธิวบ่นอุบที่เห็นเธอไม่ได้ถนัดนัก“ฉันจะได้ทำอย่างอื่นไปด้วยเวลาคุย จะให้มานั่งเปิดกล้องอย่างเดียวจนไม่ทำอะไรได้ไง แล้วนี่มันดึกแล้วไม่ใช่เหรอที่นั่น?”เขาไม่สนใจเรื่องเวลา แค่พอใจที่ได้คุยกับเธอ “คุณใส่ชุดแบบไหนไปเดทกับหนุ่มคนนั้นกันนะ สวยกว่าตอนไปกินข้าวกับผมหรือเปล่า”เธอลงจากเตียงมายืนให้เขาดู หมุนตัวไปมา “แน่นอน ต้องสวยสิ”“น้อยกว่าไปกับผม”ไอรดาส่ายหัวแต่ก็ยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นทั้งคู่คุยกันเป็นชั่วโมง เรื่องทั่วไป เรื่องงาน งานอดิเรก ความสนใจต่างๆ จนโทรศัพท์ของเธอมีเสียงเตือนว่าแบตจะหมดแล้ว“ตายละ แบตจะหมด ฉันหิวแล้วด้วย คุณเองก็นอนเถอะ”“พรุ่งนี้ผมโทรหานะ”เธอไม่ตอบแต่พยั
เสียงแป้นพิมพ์รัวๆช่วงสายของวันเสาร์ ในห้องของคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านเอกมัย“อาย คืนนี้ว่างป่ะ? ไปแฮงค์เอ้าท์กัน Sirocco สีลมนะ”เสียงใสๆของจูน เพื่อนของเธอ สาวที่รักการปาร์ตี้เป็นชีวิตจิตใจได้โทรมาชวน“เอ่อ…ก็ได้” ปากที่ตอบไป แต่ตาก็จ้องคอมพิวเตอร์อยู่“ขอธีมเซ็กซี่นะ วันนี้ทุกคนลงความเห็นว่าไป rooftop bar ที่เดิม คนต่างชาติเยอะด้วย”“อ่าหะ โอเค”อายหรือไอรดา สาววัย 25 เรียนจบมาสองปีแล้วและไม่มีงานประจำ เธออาศัยการทำงานถ่ายแบบอิสระเล็กๆน้อยๆ เวลาว่างก็ไปเข้าคอร์สเรียนเต้นเพื่อให้ตัวเองได้ไปเจอสังคมบ้างสงสัยใช่มั้ย? ว่าทำไมมีคอนโดหรูราคา 7 ล้าน? ก็เพราะมรดกยังไงล่ะ แต่ก็นั่นแหละ…มันแลกมาด้วยการสูญเสียพ่อแม่ไป เธอเป็นลูกคนเดียวถึงได้ทุกอย่างมา จึงเรียกได้ว่า ทุกขลาภ แล้วเรื่องเงินเรื่องทอง เมื่อไม่เข้าใครออกใคร ทำให้ต้องทะเลาะและผิดใจกับญาติพี่น้อง ทุกคนล้วนอยากมารุมทึ้งทรัพย์สมบัติของพ่อแม่เธอกันทั้งนั้น หลังจากพวกท่านเสียไปไอรดาเลือกที่จะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง เริ่มต้นเส้นทางชีวิตด้วยตัวคนเดียวโดยไร้ญาติขาดมิตรตั้งแต่นั้น….พอตะวันตกดิน ไอรดาเริ่มแต่งตัวแต่งหน้าทำผม และกินอะไรรอง
“ถ้าคุณถอดเสื้อ ฉันจะเปิดกล้องให้คุณเห็นหน้า”แมทธิวกะพริบตาปริบๆ แล้วยิ้มก่อนจะก้มมองตัวเขาเอง“อยากเช็กของหรือไง? ให้ผมเห็นหน้าก่อนสิ ถึงจะถอด”“แล้วแต่นะ…งั้นฉันจะวางแล้ว”“โอเค” เขาถอดเสื้อ ทำให้เธอเห็นว่าเขามีกล้ามแขนและหน้าท้องซิกแพค ไอรดาผิวปาก พยักหน้าให้ตัวเองว่าเขาซ่อนรูปจริงแบบที่เธอคิด “ขอผมเห็นหน้าคุณได้แล้ว อาย”ไอรดาเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่โต๊ะที่ใช้แต่งหน้า แล้วเธอไปนอนเล่นอยู่บนเตียง ทำเอาแมทธิวบ่นอุบที่เห็นเธอไม่ได้ถนัดนัก“ฉันจะได้ทำอย่างอื่นไปด้วยเวลาคุย จะให้มานั่งเปิดกล้องอย่างเดียวจนไม่ทำอะไรได้ไง แล้วนี่มันดึกแล้วไม่ใช่เหรอที่นั่น?”เขาไม่สนใจเรื่องเวลา แค่พอใจที่ได้คุยกับเธอ “คุณใส่ชุดแบบไหนไปเดทกับหนุ่มคนนั้นกันนะ สวยกว่าตอนไปกินข้าวกับผมหรือเปล่า”เธอลงจากเตียงมายืนให้เขาดู หมุนตัวไปมา “แน่นอน ต้องสวยสิ”“น้อยกว่าไปกับผม”ไอรดาส่ายหัวแต่ก็ยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นทั้งคู่คุยกันเป็นชั่วโมง เรื่องทั่วไป เรื่องงาน งานอดิเรก ความสนใจต่างๆ จนโทรศัพท์ของเธอมีเสียงเตือนว่าแบตจะหมดแล้ว“ตายละ แบตจะหมด ฉันหิวแล้วด้วย คุณเองก็นอนเถอะ”“พรุ่งนี้ผมโทรหานะ”เธอไม่ตอบแต่พยั
แมทธิวและไอรดา สบตากันอยู่แบบนั้น จนเธอเริ่มอึดอัด“คุณต้องการอะไร? เอางี้ดีกว่า พูดมาตรงๆเลย”ไอรดาอยากจบการสนทนาที่เธอรู้สึกว่ามันยืดเยื้อ“ผมอยากพิสูจน์ว่าไม่ได้เข้ามาเพื่อหวังเงิน ผมมีเวลาที่ไทยไม่มากเพราะต้องกลับไปทำงาน จะขออยู่จนถึงวันจันทร์ คุณก็ไม่ให้อยู่ ผมไม่อยากยอมแพ้ ไม่งั้นคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว”“ทำไมคิดว่าจะไม่มีโอกาส?”“คุณคงมีคนเข้าหาเยอะ ถ้าผมกลับไปกว่าจะกลับมา คุณอาจไม่โสดอีกแล้ว”“กะจะไม่ให้โอกาสฉันได้เจอคนอื่นบ้างล่ะ คิดกลับกันบ้างสิ”“ผมรู้สึกได้ ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปว่าคุณก็มีความรู้สึกให้อยู่เหมือนกันแต่ไม่ยอมรับ”บ้าจริง….ไอรดาที่หน้าตารวบตึงแต่ข้างในนั้นไขว้เขว“ผู้หญิงที่รักตัวเองมากพอ จะไม่ไล่ล่าแต่จะดึงดูดสิ่งที่มีความหมายให้มาพบเจอเธอเอง ผมรู้ว่าเป็นสิ่งนั้นให้คุณได้ ถ้าคุณให้โอกาส”ตื้อมากใช่มั้ย? ได้สิ….“ปกติฉันไม่เคยคิดอยากคบกับคนอายุมากกว่าเป็นสิบปี เพราะความคิดอาจจะไม่บาลานซ์กัน คุณเคยหย่าร้างแถมมีเรื่องเด็กด้วย ถึงไม่ใช่ลูกคุณจริงๆ แต่ในเมื่อคุณรับเป็นลูกก็เท่ากับมีภาระติดตัวมา ขอโทษที่พูดตรงๆ ถ้าเราคุยกันไปนานวันเข้าไม่นานก็คงมีปัญหาแล้วก็
ไอรดาหันไปมองที่ภูเขาในยามโพล้เพล้ แสงสีส้มแดงดูแล้วสวยอย่างประหลาด“คุณสูญเสียคนรัก แต่ยังโชคดีที่มีครอบครัวต่างกับฉัน..ถ้าให้แลกทุกสิ่งที่ฉันมีตอนนี้แล้วทำให้พวกท่านกลับมาได้ ฉันยอม”“น้องอายไม่ลองเปิดใจให้ใครที่รักจริงสักคนล่ะ จะได้มีคนช่วยคิด คอยดูแลอยู่เคียงข้างกัน” เธอทำเสียงขำขัน เหมือนว่ามันไร้สาระ“ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ดีเท่าพ่อของฉัน จะมีไปทำไม ความรักน่ะ..มันน่ากลัวนะ ทำคนพังทลายมาเยอะ ฉันพึ่งพาตัวเองได้ ร้องไห้ก็กอดตัวเองได้ ฉันอยากทำสวยก็เพราะพอใจที่เห็นตัวเองในกระจกทุกบานที่เดินผ่าน ไม่ได้ทำสวยเพื่อใคร”แมทธิวกลับเอ็นดูเธอ ถึงแม้ว่าไอรดาจะพยายามทำท่าทางหรือคำพูดที่เย่อหยิ่งบวกกับอีโก้ที่สูงเทียมฟ้าใส่เขาก็ตาม “ผมเข้าใจที่น้องอายพยายามตั้งการ์ดอยู่ตลอดเวลา เหมือนนักมวยที่พร้อมจะต่อยใครก็ตามเมื่อรู้สึกถูกคุกคาม บางครั้งเราไม่ต้องพยายามทำเหมือนเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้”เธอทำหน้าไม่พอใจทันทีที่เขาพูดแบบนั้น แต่ไม่หันมามอง “บางครั้งประสบการณ์ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องมาจากคนที่เกิดก่อนหรือแก่กว่าหรอก ฉันเรียนรู้จากการมองประสบการณ์ของคนอื่นเอาก็ได้ อย่างที่คุณพยายามแนะนำฉัน ทั้ง
แสงแดดลอดผ้าม่านเข้ามาเล็กน้อย ไอรดางัวเงียควานหาโทรศัพท์มาดู..เกือบสิบโมงแล้ว เธอกดรีโมทให้ผ้าม่านเปิดออก เห็นวิวกรุงเทพสวยๆจากชั้นที่ 27 แมทธิว DM มาหาเธอ ว่าเขาสามารถมารับเธอได้ ไอรดาเห็นแบบนั้น..ก็ยิ้มขำ“ท่าทางดูหิว ฉันไม่ใช่ของกินเล่นร้านสะดวกซื้อหรอกนะ”ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปว่า เธอจะไปหาเองตามเวลา เพราะร้านที่นัดกันอยู่ใกล้คอนโดแค่ 800 เมตร 11.57 แมทธิวนั่งรอพร้อมดอกกุหลาบช่อใหญ่ จนกระทั่งมีผู้หญิงบุคลิกมั่นใจ ใส่แว่นตาดำ มวยผมแสกกลางหลวมๆ เสื้อเชิ้ตขาวตัวใหญ่เปิดไหล่โชว์ผิวเนียนสวย กางเกงยีนส์ขาสั้น สะพาย neverfull MM เดินเข้ามาในร้าน เธอถอดแว่นตามองหา ก็เจอเขานั่งโต๊ะริมหน้าต่าง พอเดินไปใกล้ เขายิ้มให้จนตาหยี และลุกขึ้นเอาดอกไม้ให้“สวัสดี ผมดีใจและขอบคุณที่ยอมมาพบ” ไอรดายิ้มให้แบบไม่เห็นฟันพร้อมกับกล่าวขอบคุณ ก่อนจะนั่งดูเมนูเพื่อเริ่มสั่งอาหารแมทธิวคิดว่าเธอคงไม่ค่อยไว้ใจเขา แต่ก็ยังยอมมากินมื้อเที่ยงด้วย “เมื่อคืน ผมคิดว่าคุณจะปฏิเสธแล้ว”เธอละสายตาจากเมนู เหลือบตามองเขา สั่งอาหารแล้วเริ่มต้นพูดคุย“จริงๆอยากปฏิเสธนะ แต่เห็นว่ากล้าพูดชวนตรงๆ อีกอย่างใกล้ที่พักด้วย”ไ
เสียงแป้นพิมพ์รัวๆช่วงสายของวันเสาร์ ในห้องของคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านเอกมัย“อาย คืนนี้ว่างป่ะ? ไปแฮงค์เอ้าท์กัน Sirocco สีลมนะ”เสียงใสๆของจูน เพื่อนของเธอ สาวที่รักการปาร์ตี้เป็นชีวิตจิตใจได้โทรมาชวน“เอ่อ…ก็ได้” ปากที่ตอบไป แต่ตาก็จ้องคอมพิวเตอร์อยู่“ขอธีมเซ็กซี่นะ วันนี้ทุกคนลงความเห็นว่าไป rooftop bar ที่เดิม คนต่างชาติเยอะด้วย”“อ่าหะ โอเค”อายหรือไอรดา สาววัย 25 เรียนจบมาสองปีแล้วและไม่มีงานประจำ เธออาศัยการทำงานถ่ายแบบอิสระเล็กๆน้อยๆ เวลาว่างก็ไปเข้าคอร์สเรียนเต้นเพื่อให้ตัวเองได้ไปเจอสังคมบ้างสงสัยใช่มั้ย? ว่าทำไมมีคอนโดหรูราคา 7 ล้าน? ก็เพราะมรดกยังไงล่ะ แต่ก็นั่นแหละ…มันแลกมาด้วยการสูญเสียพ่อแม่ไป เธอเป็นลูกคนเดียวถึงได้ทุกอย่างมา จึงเรียกได้ว่า ทุกขลาภ แล้วเรื่องเงินเรื่องทอง เมื่อไม่เข้าใครออกใคร ทำให้ต้องทะเลาะและผิดใจกับญาติพี่น้อง ทุกคนล้วนอยากมารุมทึ้งทรัพย์สมบัติของพ่อแม่เธอกันทั้งนั้น หลังจากพวกท่านเสียไปไอรดาเลือกที่จะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง เริ่มต้นเส้นทางชีวิตด้วยตัวคนเดียวโดยไร้ญาติขาดมิตรตั้งแต่นั้น….พอตะวันตกดิน ไอรดาเริ่มแต่งตัวแต่งหน้าทำผม และกินอะไรรอง