เจตสุวีย์ให้เลขาจองตั๋วคืนนี้ทันทีแพงเท่าไหร่ไม่สำคัญ เพื่อมุ่งสู่ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโก
พี่ไม่สนใจว่าใครจะเกลียด..แต่พี่จะต้องไปหาหนู…
เขาไปที่บ้านของพ่อแม่ก่อนเวลาที่แจ้งไว้ เลยถือโอกาสโทรคุยกับน้องสาว เพื่อขอโลเคชั่นบ้านของไอรดาและชื่อโรงพยาบาลที่แมทธิวไปรักษาตัวอยู่ แล้วสั่งห้ามไม่ให้จูนบอกเพื่อนของเธอว่าเขาจะไปหา
เจตสุวีย์บันทึกแผนการเดินทาง เตรียมเอกสารทุกอย่างและบัตรเครดิตวงเงินสูงที่สุดที่เอาไปได้
เลขาแจ้งการจองตั๋วเรียบร้อย เครื่องจะออก 19.15 ถึงที่อเมริกา 21.15 ของวันถัดไป รวม 17 ชั่วโมง เจตสุวีย์คิดว่าเมื่อถึงซานฟรานซิสโก กว่าจะไปที่บ้านของเธอที่ต้องขับรถถึงสองชั่วโมง คงจะดึกมากและรบกวนเวลาที่ทุกคนพักผ่อน เขาจึงเลือกจองโรงแรมที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยไปหาเช่ารถเอาทีหลัง
เจตสุวีย์จองโรงแรม Pleasanton Marriott ใกล้แค่นั่ง Taxi ไปสิบนาทีก็ถึงโรงพยาบาล Stanford
จากนั้นนั่งรอที่บ้านจนกระทั่งพ่อและแม่ของเขาได้กลับมา หลังจากออกไปข้างนอกด้วยกันมาทั้งวัน พอเจอหน้าพ่อจากที่ไม่ได้เจอนานถึงสองปี เขาถึงกับเกร็งแต่ก็ยกมือไหว้ พ่อเข้ามากอดและไม่พูดอะไร เขากอดตอบและกล่าวได้แต่คำว่าขอโทษซ้ำไปซ้ำมา
“ที่โจมาหาป๊ากับม๊า เพื่อบอกว่าจะบินไปหาน้องอายคืนนี้เลยครับ ถึงแม้ว่าถ้าไปแล้วน้องจะเกลียดหรือไม่ต้อนรับก็ตาม อยากขอโทษน้องอายที่ทำอะไรแย่ๆ ไปหลายอย่าง แล้วตอนนี้ก็ท้องด้วย ลูกชายก็ยังเล็ก อยู่คนเดียวไม่น่าจะไหว”
“ม๊ากับป๊าอาจจะเลื่อนไฟล์ทให้เร็วขึ้น ถ้าไม่ได้ค่อยซื้อตั๋วใหม่เอา โจไปก่อนได้ก็ดี”
เจตสุวีย์บอกลาพ่อและแม่แล้วรอคนขับรถไปส่งเขาที่สนามบิน ก็พอดีกับที่จูนและแฟนหนุ่มเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้เขาที่รับไหว้พอเป็นมารยาท
“พี่โจจะบินกี่โมง จูนกับพี่บิวไปส่งเอามั้ย?”
“ไม่เป็นไร พี่ให้คนขับรถไปส่ง”
เขาชำเลืองมองที่แฟนหนุ่มของน้องสาวที่ทำงานอยู่โรงงานของไอรดา ดูท่าทางมีพัฒนาการขึ้น มีรถใหม่ขับมารับส่งน้องสาวได้ แถมดูจากการแต่งตัวที่ไม่เหมือนหัวหน้าช่างอีกแล้ว
“ฝากดูแลจูนด้วยนะ”
“ครับ คุณเจตสุวีย์ ผมจะดูแลน้องอย่างดีที่สุด”
จูนแอบยิ้มดีใจที่พี่ชายเริ่มเปิดใจยอมรับแฟนหนุ่มของเธอ
เมื่อเขาไปถึงสนามบินแล้วเช็กดูแชท ก็ไม่มีข้อความใดๆ จากไอรดาอีกเลย ดูเวลาตอนนี้ที่นู่นคือตีสาม เธอคงพักผ่อนอยู่
อดทนไว้..ไม่ต้องส่งข้อความอะไรไป..ไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้เจอกันแล้ว…
ไอรดาที่หลับๆ ตื่นๆ เพราะต้องคอยดูแลสามีที่ไออยู่ตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้าพร้อมกับพยาบาลที่จ้างพิเศษ
จูนและแฟนหนุ่มอยู่ทานมื้อเย็นกับพ่อแม่ของเธอเสร็จแล้ว เขาก็ขอตัวกลับไป ส่วนเธอได้โทรไลน์หาไอรดาเพื่ออัพเดทเกี่ยวกับอาการของแมทธิว
“ทั้งคืนได้นอนรวมๆ แค่สองสามชั่วโมง แมทธิวอาการดูแย่มาก ฉันใจคอไม่ดีเลย เขาบ่นหาแต่ลูก..”
ไอรดาที่ออกมาคุยนอกห้อง เธอร้องไห้เพราะใจเสียและตัวคนเดียวทั้งคืนที่โรงพยาบาล
“ป๊ากับม๊ากำลังหาเลื่อนไฟล์ทจะไปหานะ ฉันจะหาทางตามไป หลังจากเคลียร์งานให้เรียบร้อยเพราะไม่มีพี่โจคอยช่วยที่นี่ แล้วครอบครัวคนอื่นๆ ของแมทธิวล่ะ”
“ที่ไต้หวันก็กำลังบินมาทั้งอากงอาม่า…ฉันจะไม่ไหว รู้สึกไม่ดีเลย ฉันไม่พร้อมสูญเสียใครอีกแล้วจูน..ปู่กับย่าก็แก่แล้ว..”
น้ำเสียงของไอรดาสั่นมาก ฟังดูไม่สู้ดีจนเธอใจแป้วแทน
“ไม่..ไม่ๆๆ ไม่มีใครสูญเสียอะไรทั้งนั้น คิดมากเกินไป นั่นโรงพยาบาลที่ดีอันดับต้นๆ เลยนะ เอาอยู่ๆ ..เชื่อฉัน แถมแมทธิวตัวโตแข็งแรงขนาดนั้น เขาเอาชนะมันได้แน่นอน”
พอช่วงเที่ยง ทั้งพ่อแม่ของแมทธิวและน้องมาร์ตินก็มาที่โรงพยาบาลโดยขับรถจากบ้านร่วมสองชั่วโมง ไอรดาที่เห็นสามีให้ลูกชายไปนอนกอดเขาบนเตียงทำเอาเธอแอบน้ำตาไหลเงียบๆ
เพียงแค่ข้ามคืน หน้าเขาดูซีดมาก เจ็บหน้าอกและไอมีเลือดปนเสมหะตลอด หมอได้เรียกให้ไอรดาไปคุยด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากฟัง การติดเชื้อไวรัสที่ปอดเข้าสู่กระแสเลือดยังไม่มียารักษาที่จำเพาะ ต้องรักษาตามอาการในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด หมายถึง แมทธิวต้องอยู่โรงพยาบาลไปก่อนอีกสักระยะ
เนื่องจากแมทธิวหายใจลำบากจึงต้องใช้ยาขยายหลอดลมและใช้เครื่องพยุงการหายใจช่วย ความเครียดทำให้ไอรดาปวดหัว และร่างกายเริ่มแสดงอาการ เธอไม่กินอาหาร ดื่มแต่น้ำ ต้องพยายามฝืนทำว่าเธอสบายดีต่อหน้าแมทธิว
ทุกคนลงความเห็นว่าจะนอนที่โรงแรมใกล้ๆ โรงพยาบาล โดยไม่ขับรถกลับไปที่บ้านเพราะไกลเกินไป เผื่อมีอะไรที่พอช่วยไอรดาได้ และสามารถให้แมทธิวเจอลูกชายได้ง่ายกว่า ส่วนป้ารินอยู่ที่บ้านกับลูกเลี้ยงของทั้งคู่
พอทุกคนต้องกลับไปพักที่โรงแรมในตอนหัวค่ำ แมทธิวขอให้ลูกชายอยู่กับเขา แต่ทางพยาบาลไม่แนะนำเนื่องจากเขาติดเชื้อไวรัส นั่นทำให้เขาดูเศร้ามาก พ่อแม่พยายามอุ้มหลานออกไปทั้งที่มาร์ตินร้องไห้หาพ่อแม่เสียงดัง ทำให้แมทธิวกับไอรดาถึงกับน้ำตาไหล
“ไม่เป็นไรที่รัก เดี๋ยวพรุ่งนี้ลูกก็มาอีก ถ้าคิดถึงเดี๋ยวเราวิดีโอคอลกับคุณพ่อคุณแม่ก็ได้”
“ขอโทษนะ Sweetie ผมเป็นสามีที่ดีไม่พอ ทำให้คุณลำบาก”
“ไม่เลย ฉันสบายมาก คนเรามันป่วยกันได้ ตอนฉันป่วยที่คอนโด คุณก็บินมาหา มาดูแลฉันจนหายดี”
ถึงจิตใจของแมทธิวนั้นจะเข้มแข็ง แต่เขารับรู้ได้ว่ารอบนี้มันดูหนักสำหรับเขา ในห้วงความคิดที่มีแต่ความห่วงภรรยา ลูกชาย และครอบครัว เพราะเขาคือทายาทคนเดียวของตระกูล โชคดีที่เขามีลูกชายแต่มาร์ตินยังเล็กมาก เขายังไม่พร้อมที่จะจากทุกคนไป
ไอรดามานั่งข้างเตียงใกล้ๆ จับมือของสามีมาแนบแก้ม เธอช่างสวยน่ารักเสมอในสายตาเขา แมทธิวมองสบตากับเธอเงียบๆ พลางคิดว่า เขาจะทิ้งภรรยาที่ยังอายุน้อย รวมถึงลูกชายแค่หนึ่งขวบและลูกในท้องของเธออีกสองเดือนไม่ได้
“ผมจะไม่ยอมแพ้ เหมือนตอนที่ผมเคยอ้อนวอนพระเจ้าและพ่อแม่ของคุณให้เอาชนะใจคุณได้ เพื่อดูแลคุณที่ไม่มีใคร”
“ฉันจะไม่ปล่อยมือ เหมือนที่พ่อกับแม่ไม่เคยจากกันแม้จะยามไหนก็ตาม ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณนะ..จำได้มั้ย? เราจะจัดงานแต่งงานโดยมีลูกอยู่ในงานด้วย..คุณสัญญาแล้วนะ..ที่รัก”
ผมจะทำยังไงดี..ถ้าต้องแพ้ให้กับโรคนี้..
พระเจ้า..ได้โปรดให้ลูกมีชีวิตอยู่เห็นมาร์ตินได้เติบโตไปอีกสักหน่อย ได้อยู่กับภรรยาให้เธอเข้มแข็งมากกว่านี้จะได้ไหม….
แต่คำอ้อนวอนของเขาต่อพระเจ้านั้น อาจจะไม่สามารถเอาชนะยมทูตที่รอจ้องเอาชีวิตเขาอยู่ เหมือนชีวิตของเขากำลังยืนอยู่บนปากเหว
ไอรดาที่เพลียมากจากการนอนน้อยมาทั้งคืน อยู่กับพ่อแม่ของแมทธิวและลูกชายมาทั้งวัน จึงนั่งฟุบหลับอยู่ข้างเขาโดยที่มือเธอยังจับเขาแน่น
22.30 น.
สิ่งที่แมทธิวอ้อนวอนต่อพระเจ้าคงไม่เป็นผล เมื่อเขางัวเงียลืมตามาก็เห็นเงาซาตานมายืนดูอยู่ที่ปลายเตียง
ทั้งสองจ้องตากันโดยไม่พูดอะไร แมทธิวไม่ขยับตัวเพราะภรรยาของเขานั่งฟุบหลับโดยไม่รู้เรื่องว่ามีคนเข้ามาในห้อง
เจตสุวีย์มองไอรดาที่นั่งฟุบหลับด้วยสายตาที่ทั้งรัก สงสารและคิดถึง
“อยากมาดูว่าผมตายหรือยังสินะ”
แมทธิวที่ใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่เอ่ยขึ้นเบาๆ เพราะกลัวไอรดาตื่น เจตสุวีย์ส่ายหน้าปฏิเสธโดยไม่ตอบอะไร
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งที่ขอพระเจ้า กลับมีซาตานมายืนดูอยู่ปลายเตียง”
ไอรดางัวเงียตื่นขึ้นมามองสามีที่จ้องใครอยู่ พอเธอหันไปมองตาม ทำเอาเธอรีบลุกขึ้นยืน แต่ยังจับมือสามีแน่น ตากลมโตแสนสวยที่เบิกกว้างตกใจที่เห็นคนๆ นี้..ที่นี่..
เขามาได้ยังไง…ทำไม..
สายตาเธอที่มองเจตสุวีย์ดูสับสน ก่อนจะหันไปมองที่แมทธิว
“ไม่มีอะไรหรอกที่รัก นั่งลงเถอะ เขาแค่อยากมาดูว่าผมจะตายมั้ย”
ไอรดาได้ยินแบบนั้น เธอโกรธทันที
“นี่มันดึกแล้ว สามีของฉันต้องการพักผ่อน และที่นี่ไม่ต้อนรับคุณในเวลาแบบนี้ ถ้ามาแล้วใช้คำพูดอะไรแย่ๆ ก็อย่ามาเลย”
“พี่ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ที่มาเพราะพี่รู้จากจูนว่า ผู้ชายคนนี้ป่วยมากและหนูอยู่คนเดียวที่โรงพยาบาล ที่บ้านพี่เป็นห่วงหนูทุกคน แต่พี่ร้อนใจเลยรีบมาก่อน”
ไอรดานั่งลงหันหลังให้ เอ่ยปากไล่เขาโดยไม่มองหน้า
“คุณกลับไปเถอะ ตอนนี้ฉัน...อย่าเอาปัญหาอะไรมาให้เราอีก ขอให้พวกเราอยู่กันตามลำพังได้มั้ย?”
“พี่บินตรงมาทันที ลงเครื่องเมื่อชั่วโมงที่แล้วและรีบมาที่นี่ ไม่ได้ต้องการมาเพื่อคิดร้ายอะไรทั้งนั้น พี่รู้ว่าหนูเกลียดพี่ ถึงแม้จะเคยบอกว่าไม่ได้เกลียดแล้วก็ตาม พี่ไม่ได้อยากให้เขาเป็นอะไร และพอใจที่จะอยู่เงียบๆ มีความสุขเล็กๆ ในมุมของพี่เท่านั้น”
เจตสุวีย์พูดกับไอรดาจบแล้วก็หันไปพูดกับแมทธิวต่อทันที
“ผมมาที่นี่เพื่อมาขอโทษคุณและ..ไอรดา ที่เคยทำปัญหา ทำเรื่องแย่ๆ ผมแพ้ในเกมที่ผมสร้างมันขึ้นมาเอง ทำให้พ่อไม่ไว้ใจอีกต่อไป ถูกไอรดาเกลียด อับอายตัวเองต่อพ่อแม่ของเธอที่เสียไปแล้ว เสียชื่อเสียงจากลูกค้าที่รู้ว่าผมทำอะไรลับหลังกิจการของตัวเองที่เททิ้งเองกับมือ สองปีมานี้ผมอยู่คนเดียวเพื่อทบทวนเรื่องพวกนี้ทุกวัน แต่โชคดีที่ยังมีกำลังใจหลงเหลืออยู่บ้างที่พอให้ใช้ชีวิตต่อไปได้”
เมื่อเขาพูดจบกลับมีแต่ความเงียบ ไอรดาเอาแต่นั่งหันหลังให้ แมทธิวมองที่ภรรยาและมองมาที่เขา ก่อนจะพูดตอบโต้ด้วยความเหนื่อยหอบ
“สองปีมานี้ ผมคิดว่าคุณคงได้บทเรียนอะไรบ้าง แต่มันคงไม่มากนักเพราะคุณเป็นลูกคนมีฐานะ ไม่มีทางที่พ่อแม่ที่ไหนจะทนเห็นลูกชายคนเดียวต้องเผชิญปัญหาหรอก ลองคุณเป็นคนไม่มีหน้าตาในสังคม คงไม่มีทางได้ผุดได้เกิด”
เจตสุวีย์พยักหน้าทำปากว่าเห็นด้วย พลางเอาสองมือล้วงกระเป๋ากางเกง
“ก็จริงของคุณนะแมทธิว..แต่พ่อผมไม่เหมือนคนอื่น ตัดคือตัด ทุลักทุเลพอดูในปีแรก ยิ่งเจอหุ้นส่วนใหญ่ของคุณอย่างแพทริค สมิธ ทำเอาผมช็อกไปเลย เขาลงแส้ใส่ผมทางธุรกิจจนหลังลาย นี่คือหนึ่งในสิ่งที่ผมเสียใจจนถึงทุกวันนี้ ที่ทำลายความไว้ใจของทุกคนด้วยการขายหุ้นออกจากบริษัทที่พ่อผมและพ่อของเธอทำมาด้วยกัน”
ไอรดารีบพูดสวนขึ้นมาทันทีหลังทนนั่งฟังมาสักพักหนึ่ง โดยไม่หันไปมองเช่นเดิม
“ขอให้สามีของฉันได้พักผ่อนเถอะนะ ได้โปรดกลับไปสักที”
เจตสุวีย์มองเธอที่นั่งหันหลังด้วยสีหน้าที่เศร้าจนดูออก แมทธิวเองก็สังเกตถึงความรู้สึกบางอย่างของเขาได้
“พี่กลับก่อนนะ แล้วจะมาหาหนูพรุ่งนี้อีกที”
เขาพูดลาเธอจบก็ยืนอ้อยอิ่งมองด้านหลังของคนที่เขารักอยู่แบบนั้น ไอรดานั่งก้มหน้ามองพื้น รอฟังเสียงเขาเมื่อไหร่จะเดินออกไปเสียที แมทธิวมองภรรยานิ่งแบบนั้น ทุกอย่างในห้องที่มีคนสามคนเหมือนถูกเวลาหยุดเอาไว้จนน่าอึดอัด จนกระทั่งเจตสุวีย์ยอมถอย ก้าวออกจากห้องไป
สายตาของเทพบุตรซาตานที่มองภรรยาของเขา มันช่างลึกซึ้งเสียจนแมทธิวคิดว่า ถ้าเขาเป็นอะไรไป ไอรดาคงไม่พ้นเงื้อมมือเจตสุวีย์อีกครั้ง เหมือนที่เคยมาแล้ว
ในขณะเดียวกัน ทางบ้านของเจตสุวีย์ซึ่งเป็นช่วงบ่าย ธนัชชาถือโอกาสเข้ามาแล้วขึ้นไปห้องนอนของเขา ไปหยุดยืนมองภาพวาดที่เธอจงเกลียดจงชังนั้น ก่อนจะเอื้อมมือเอาเล็บยาวๆ ที่เธอทำมา กรีดลงไปบนภาพตรงส่วนที่เป็นใบหน้าของไอรดา
“ไว้เราคงได้เจอกัน อยากเห็นนักว่าจะสักแค่ไหนกัน”
แต่พอเหลือบไปมองที่โต๊ะหัวเตียง มีสมุดบันทึกของเจตสุวีย์วางอยู่ และมีรูปภาพที่โผล่ออกมาจากสมุดนั้น ธนัชชาหยิบมันออกมา พบว่าเป็นรูปของไอรดาน่าจะช่วงกำลังเป็นสาวน้อย เธอจึงหยิบติดมือเอาไปด้วย
พอตกกลางคืนเธอก็ชวนเพื่อนสนิทไปเที่ยวแล้วปรับทุกข์เรื่องนี้ ว่าป๋าหนุ่มของเธอไปหาคนในใจเขาที่มีสามีแล้ว
“ไม่ต้องคิดมากแก ก็แค่คนที่มีผัวแล้ว พี่เขาคงเป็นคนดีอ่ะ เลยยังสงสารมากกว่า พี่เค้าเปย์แกขนาดนี้ เป็นฉันนะ..ไม่คิดอะไรหรอก จะไปไหนก็แล้วแต่เลย ผู้ชายไม่ซับซ้อนหรอกแก เขารักเท่าที่แสดงออกนั่นแหละ”
รักเท่าที่แสดงออกงั้นเหรอ? ..ฮึ…
พี่โจไม่เคยจูบที่ปากเธอสักครั้ง ไม่ให้พูดถึงผู้หญิงคนนี้ แชทคุยกับผู้หญิงคนนี้ตรงเวลาแทบทุกวัน โดยไม่แคร์ว่าเธอจะอยู่ข้างๆ หรือพึ่งจะมีอะไรกับเธอเสร็จ เอารูปมาตั้งไว้ในห้องนอนเพื่อให้มองได้ตลอดเวลา แต่กับเธอ เขาไม่เคยบอกเรื่องส่วนตัวหรือให้เธอติดตามโซเชี่ยลของเขาได้เลย
ฉันเคยกล้าพูดจนได้สิ่งที่ต้องการมาแล้วและจะทำอีกถ้ามันจำเป็น..
เจตสุวีย์โทรหาน้องสาวเพื่อบอกว่าได้เจอไอรดาและสามีแล้ว“เขาดูแย่กว่าที่คิดไว้มาก ดูซีดเซียว เหนื่อยหอบ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ มีแค่น้องอายอยู่เฝ้ากับพยาบาลอีกคนเท่านั้น ฝากบอกป๊ากับม๊าด้วยนะ”“จูนจะโทรหาอาย ลองถามว่าตกลงป่วยเป็นอะไร แต่ต้องรอตอนดึกถึงจะเป็นช่วงเช้าที่นั่น พี่โจ..โอเคนะพี่?”“พี่ไม่เข้าใจตัวเอง..พี่เคยคิดว่าทำไมต้องมีผู้ชายคนนี้มาขวางทาง แต่พอเห็นเขาวันนี้ กลับรู้สึกเห็นใจ กลัวน้องอายจะเสียใจ”จูนยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ยินแบบนั้น“รักแท้คือการเสียสละไงพี่โจ เมื่อเราเห็นคนที่รักมีความสุข ถึงจะไม่ได้ครอบครองก็เถอะ”“สละอะไรล่ะ แอบปลอมเป็นจูนไปคุยทุกวันนี่จะเรียกว่าชู้แล้ว พี่ยังเคยคิดเลยว่า คงสวมรอยคุยแบบนี้จนแก่ไปพร้อมกับพวกเขาแน่ๆ”“ตลกน่า ไม่คิดจะมองสาวอื่นเลยรึ?”“แค่คนเดียวพอ”วันต่อมาเจตสุวีย์ไปที่ Enterprise Rent-A-Car ในช่วงเช้าเพื่อเช่ารถยนต์หนึ่งอาทิตย์ ก่อนจะตรงไปที่ Supermarket ชื่อ Safeway เพื่อเลือกซื้อผลไม้ไปฝากไอรดาและแมทธิว จนกระทั่งจูนได้โทรเข้ามาพอดี“พี่โจ ข่าวไม่ค่อยดี อายบอกว่าสามีปอดอักเสบเฉียบพลันและติดเชื้อจากไวรัส เชื้อเข้าสู่กระแสเลือด ท่าทางจะหน
แมทธิวเริ่มหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อให้ตัวเขาไม่เหนื่อยมากเกินไป“ผมรู้สึกได้ว่ารอบนี้มันหนักกว่าทุกครั้ง ผมรู้ตัวเองดี แต่ไม่อยากพูดกับภรรยากลัวเธอจะใจเสีย ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับหมอตรงๆ เพราะเธออยู่ด้วยตลอด แต่ดูจากสีหน้าของเธอ ตอนที่หมอเรียกไปคุยมันคงหนักมากจริงๆ ผมเป็นห่วงเธอที่ท้องสองเดือน คุณรู้เรื่องนี้มั้ย..โจ”เจตสุวีย์พยักหน้าว่ารับรู้“ใช่ น้องสาวบอกผมว่าเธอท้องได้เดือนกว่า เมื่อเดือนก่อน”“ที่ผมอยากให้เธอกลับบ้าน เพราะไม่อยากทำให้เธอรู้สึกแย่ที่ผมรู้ว่าคุณแอบคุยกับภรรยาผม โดยปลอมเป็นน้องสาวของคุณ”แมทธิวหอบหายใจมากขึ้นเมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาจ้องเจตสุวีย์ที่มองมาอย่างไม่สะทกสะท้านสักนิด“ไอรดาไม่ผิดอะไรเลย ผมยืนยันได้ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”“แปลว่าคุณยอมรับว่าเป็นคนใช้แชทของน้องสาวเพื่อคุยกับเธองั้นสิ”หน้าตาของเจตสุวีย์นิ่งมาก เขาตอบด้วยท่าทางสบายๆ“แต่เธอไม่เคยรู้ว่าเป็นผม อาจจะแค่สงสัย แล้วเราก็ไม่ได้แชทคุยกันอีกตั้งแต่เธอฮันนีมูนจนท้อง การที่ผมคุยกับเธอ ไม่มีการคุยเกินเลยอะไรทั้งนั้น ผมพอใจที่มีความสุขเพียงเท่านี้”“ไม่รู้สึกว่าหน้าด้านไปหน่อยเหรอที่ข่มขืนใจเธอ ทำให้ธุ
ไอรดาเดิมตามเจตสุวีย์ไปติดๆ พลางถามคำถามอยู่ตลอด แต่เขาไม่ตอบและแอบยิ้มกับตัวเองที่เธอวิ่งไล่ตามเขาบ้าง จนไอรดาต้องถือวิสาสะจับแขนเขาเอาไว้ก่อนจะถึงห้องพักผู้ป่วยเจตสุวีย์หยุดเดินกะทันหัน จนใบหน้าของเขาแทบชนกับหน้าผากของเธอแล้วยิ้มให้..ยิ้มแสนหวานที่ฉาบไปด้วยความรัก มีเพียงไอรดาคนเดียวที่จะได้เห็น“บอกมาว่านัดอะไรกันสามคน ทำไม?”“รู้ไว้แค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำ เพื่อปกป้องหนู ลูกของหนู พี่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้เพราะสัญญากับแมทธิวไว้ จริงๆ พี่ไม่ควรบอกหนูเลยด้วยซ้ำ หวังว่าจะไม่พูดกับเขานะว่าพี่บอก เขาจะยิ่งไม่สบายใจ ปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำเถอะ”ไอรดาหลบตาลง พลางใช้ความคิด แต่สองมือที่ยังจับแขนเขาอยู่เพราะลืมตัว เจตสุวีย์จึงกุมมือเธอเบาๆ ทำให้เธอนึกได้สลัดมือออกจากมือเขาทันที“หนูไปรอข้างนอกก่อนนะ ถ้าคุยกันเสร็จแล้วพี่จะบอก”ไอรดาเอาแต่ใช้ความคิดจนเครียด และนั่งปวดท้องอยู่ที่โซฟาใกล้กับเคาน์เตอร์ของพยาบาล จนพยาบาลต้องเข้ามาถามเพราะเห็นหน้าเธอซีดนั่งไปสักพักจนอาการดีขึ้น เธอจึงส่งข้อความถึงกานต์วิภาเอาไว้ เกี่ยวกับการป่วยของแมทธิว แต่เพราะตอนนี้ที่ประเทศไทยคือตีสาม ต
“คุณเชื่อเรื่องการกลับมาไหม? โจ”“ยังไง..หมายถึงมาเกิดใหม่น่ะเหรอ?”“อืม..มาร์ตินน่ะ มีตำหนิที่หลังหูซ้าย และมีผักที่ชอบหรือไม่ชอบเหมือนคุณพ่อของไอรดา ตอนพาไปหาคุณย่าของเธอ ทำเอาร้องไห้กันใหญ่..ผมเองก็เหมือนกัน อยากกลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง ถ้าพระเจ้าจะทรงเห็นใจ”เจตสุวีย์ได้แต่เงียบ เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา ที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับคนทั้งคู่ แมทธิวได้ยินเสียงจมูกที่ฟึดฟัดของเขา ถึงกับขำเล็กๆ“ถ้าผมกลับมาเกิดแล้วคุณนอกใจเธอ ผมจะพาเธอหนีไปอีกเหมือนที่เคยทำจนคุณตามเราไม่เจอ ให้คุณแก่ตายอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”ทำเอาเจตสุวีย์หัวเราะออกมาได้ บรรยากาศในห้องเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย“แต่ถ้าคุณไม่กินผักหรือทำการบ้านไม่เสร็จ ผมอาจจะตีคุณก็ได้”“ไม่มีทาง เพราะภรรยาผม..เธอรักลูกมาก ถ้าตีผม คุณอาจโดนเธอชกหน้าคุณ”พวกเขาพูดคุยกันสบายๆ แม้ว่าแมทธิวจะหอบหายใจไปด้วย“คุณนอนเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้เพื่อคุยงาน คงไม่นอนแล้วล่ะ”พอตอนเช้ามืด แมทธิวยังคงหลับอยู่ เจตสุวีย์จึงย่องออกไปเงียบๆ ตรงไปที่โรงแรมและใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเบาๆ ปรากฏว่าไอรดายังนอนหลับอยู่และไม่ล็อกกลอนด้านในไว้ เขาไปที่ข้างเตียง ก้มดูเธอที่หลับลึกจน
เจตสุวีย์ทำธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยจากที่โรงแรมและเอาโน้ตบุ๊คมาเพื่อทำงานสำหรับคืนนี้ เมื่อมาถึงก็เจอแต่ไอรดาเพียงคนเดียว “หนูหิวมั้ย? เราไปกินมื้อเย็นกันก่อนนะคะ จะได้อยู่ที่นี่ยาวๆ” เธอส่ายหน้า เอาแต่ดูภาพในโทรศัพท์ของสามี“เราต้องดูแลเด็กในท้อง ถึงหนูจะไม่หิวแต่ลูก..แกไม่รู้อะไรด้วย” ไอรดาเหลือบตาไปมองเขาอย่างเศร้าสร้อย“ลูกหนู..หนูรู้ดีว่าควรทำยังไง”เขาไม่สนใจจะเถียงกับเธอที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอดื้อดึงด้วยการนั่งไม่ยอมลุก เจตสุวีย์ต้องฝืนทำใจแข็งใส่“ไปกินข้าวค่ะ แมทธิวให้พี่คอยดูแลหนูระหว่างที่เขาไม่สบาย ไว้เขาหายแล้วหนูจะดื้อยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าหนูไม่ห่วงตัวเอง ต่อให้อุ้มไป พี่ก็จะทำ”“ไม่จริงหรอก…เขาเกลียดพี่ ต่อให้จะมาขอโทษแต่เราไม่เคยลืมว่าพี่ทำอะไรกับพวกเราบ้าง โดยเฉพาะกับหนู”เจตสุวีย์ที่ยังจับข้อมือเธออยู่ ใช้แรงดึงจนเธอที่ตัวบางร่างน้อยลุกยืนขึ้นมาชนตัวเขาที่ถือโอกาสกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนลมหายใจปะทะกันและกัน แววตาของเขามีเงาสะท้อนของใบหน้าเธอในนั้น“แสดงว่าหนูจำได้ดีเรื่องระหว่างเรา..ใช่..พี่บังคับหนู แต่เพราะอะไรล
ความเสียใจนั้นมากเสียจนทำให้ไอรดาไม่พูด ไม่มองและไม่ฟังใคร เธอมีแค่น้ำตาที่ไหลตลอดเวลาและไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับมือของแมทธิวที่หลับไม่ตื่นอีกแล้วเจตสุวีย์เจ็บในใจที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น เขาออกไปหลั่งน้ำตาเงียบๆ ข้างนอก โทรแจ้งน้องสาวเรื่องที่แมทธิวได้จากไปแล้ว“จูนจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ไปที่ซานฟรานซิสโก”เสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวแมทธิวโดยเฉพาะอาม่า ทำให้ทุกคนยิ่งเสียใจหนักขึ้นมาร์ตินที่อายุเพียงหนึ่งขวบเศษ ถูกแม่ของแมทธิวอุ้มไปข้างนอก เพราะไอรดาเริ่มวูบ ปวดกุมท้องและเป็นลม จนต้องแอดมิทไปอีกคนพ่อของแมทธิวต้องนำอากงอาม่าไปพักทำใจที่โรงแรมก่อน ส่วนเขาต้องจัดการเอกสารต่างๆ ที่โรงพยาบาลและที่บ้านของแมทธิวป้ารินและวีวี่พากันร้องไห้และโทรบอกกานต์วิภาที่เมืองไทยถึงข่าวอดีตสามีของเธอที่จากไปแล้ว นั่นทำให้เธอที่กำลังกินข้าวเย็นกับสามีและแม่ ถึงกับช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากตกลงบนจาน น้ำตาที่ไหลออกมาแบบกะทันหัน ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารตกใจ“ป้า..แล้วไอรดาล่ะ?”“คุณพ่อของแมทธิวบอกว่าน้องอายเสียใจจนช็อก แอดมิทอยู่ตอนนี้ ป้าจะไม่ไหวด้วย หนูวีวี่ก็ร้องไห้ เดี๋ยวสักพักเราจะไปโรงพยาบาล…”เสียงป้ารินและ
ไอรดาออกจากห้องนอนไปนั่งดูโทรศัพท์ของแมทธิวที่อยู่กับเธอ พลางคิดว่าใครกันที่เข้าบัญชีถึงบัญชีของเขาได้ เพราะขนาดเธอที่เป็นภรรยา ยังไม่รู้ว่ายูสเซอร์หรือพาสเวิร์ดของสามีคืออะไร โดยข้อความนั้นส่งมาในตอนหกโมงเช้าก่อนเธอจะตื่นไม่นานนักทันใดนั้น เธอรีบตรงไปที่ห้องของเจตสุวีย์ เคาะประตูเรียกเขารัวๆ ประตูถูกเปิดออกโดยเขาที่งัวเงียหนักมาก“จะไปกันแล้วเหรอ? พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ”“พี่โจ หนูขอดูโทรศัพท์หน่อยค่ะ”“หือ..มีอะไรหรือคะ?”“หนูแค่ต้องการดูอะไรบางอย่างค่ะ ว่าพี่มีอะไรปิดบังหนูหรือเปล่า”“โอเคค่ะ”เขายื่นโทรศัพท์ให้กับไอรดา เธอรับมาแล้วเปิดดูไอจีของเขาทันที แต่ก็เห็นเค้าออนไลน์แค่ Account ของตัวเองเท่านั้นเธอขมวดคิ้วแล้วยื่นโทรศัพท์คืนกลับไป“หนูมีอะไรกับโทรศัพท์ของพี่หรือเปล่าคะ? ไม่ต้องห่วง พี่ไม่แอบคุยกับใครยกเว้นกับหนู”“ไม่รู้ว่าใครแกล้งหนูหรือเปล่า แต่หนูบอกตรงๆ ว่าไม่ชอบแบบนี้ มาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น”“หนูยังไม่บอกพี่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น?”“มีใครบางคนเข้าถึงไอจีของสามีหนูแล้วส่งข้อความมาให้ แต่หนูจะสืบให้ได้ว่าคือใคร ที่มาล้อเล่นกันแบบนี้”“แปลกจริง แล้วส่งมาว่ายังไงคะ?
น้ำหนักตัวของเจตสุวีย์ที่นอนคร่อมทับเธอ มันทำให้เหตุการณ์ในคืนวันนั้นเมื่อสองปีก่อน กลับเข้ามาในสมองของเธอทันที“หนูพึ่งเสียลูกไป ยังเจ็บท้องอยู่ พี่โจจะทำได้ลงคอเหรอ..”เจตสุวีย์มองเธอใกล้ๆ แววตาที่บอกความรู้สึกรักอยู่เต็มอก เขาเริ่มคิดได้เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่อ้อนวอนของเธอ“พี่เคยเชื่อ..ตอนที่หนูขอร้องแบบนี้ หลอกพี่ให้รอแล้วขึ้นเครื่องบินหนีไปจดทะเบียนสมรสกับแมทธิว พี่รอหนูจนไม่รู้ผ่านไปกี่วัน มันทรมานใจสุดๆ”มือเขาเริ่มซุกซน เลิกชุดนอนที่บางเบานั้นขึ้นไปถึงใต้อก หน้าตาที่หล่อเหลานั้นแดงก่ำจูบซุกซอกคอเธอไม่ปล่อย หัวใจเขาเต้นแรง สะเทือนจนหน้าอกกว้างที่แนบกับอกอวบอิ่มของเธออยู่ให้รู้สึกได้เจตสุวีย์เริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงในลำคอบ้าง มือเขาทำอะไรบางอย่างบนลำตัวเธอ และแล้วของเหลวอุ่นๆ ก็ตกลงบนหน้าท้องของไอรดาเธอทำได้แค่หันหน้าไปด้านข้างหลับตาแน่นด้วยน้ำตาที่ไหลผ่านจมูกไป ส่วนเจตสุวีย์ที่หน้าแดงปากแดงไปหมด เริ่มจูบปากเธออย่างนุ่มนวลไม่ยอมเลิกราง่ายๆ“อื้ออ..พอได้แล้ว”“หนูนอนนี่แหละ พี่ไปเอาทิชชูมาเช็ดให้นะคะ”เขารีบผละไปที่ห้องน้ำแล้วรีบมาหาเธอที่เตียง ไอรดาคว้าทิชชูเอาม
น้ำหนักตัวของเจตสุวีย์ที่นอนคร่อมทับเธอ มันทำให้เหตุการณ์ในคืนวันนั้นเมื่อสองปีก่อน กลับเข้ามาในสมองของเธอทันที“หนูพึ่งเสียลูกไป ยังเจ็บท้องอยู่ พี่โจจะทำได้ลงคอเหรอ..”เจตสุวีย์มองเธอใกล้ๆ แววตาที่บอกความรู้สึกรักอยู่เต็มอก เขาเริ่มคิดได้เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่อ้อนวอนของเธอ“พี่เคยเชื่อ..ตอนที่หนูขอร้องแบบนี้ หลอกพี่ให้รอแล้วขึ้นเครื่องบินหนีไปจดทะเบียนสมรสกับแมทธิว พี่รอหนูจนไม่รู้ผ่านไปกี่วัน มันทรมานใจสุดๆ”มือเขาเริ่มซุกซน เลิกชุดนอนที่บางเบานั้นขึ้นไปถึงใต้อก หน้าตาที่หล่อเหลานั้นแดงก่ำจูบซุกซอกคอเธอไม่ปล่อย หัวใจเขาเต้นแรง สะเทือนจนหน้าอกกว้างที่แนบกับอกอวบอิ่มของเธออยู่ให้รู้สึกได้เจตสุวีย์เริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงในลำคอบ้าง มือเขาทำอะไรบางอย่างบนลำตัวเธอ และแล้วของเหลวอุ่นๆ ก็ตกลงบนหน้าท้องของไอรดาเธอทำได้แค่หันหน้าไปด้านข้างหลับตาแน่นด้วยน้ำตาที่ไหลผ่านจมูกไป ส่วนเจตสุวีย์ที่หน้าแดงปากแดงไปหมด เริ่มจูบปากเธออย่างนุ่มนวลไม่ยอมเลิกราง่ายๆ“อื้ออ..พอได้แล้ว”“หนูนอนนี่แหละ พี่ไปเอาทิชชูมาเช็ดให้นะคะ”เขารีบผละไปที่ห้องน้ำแล้วรีบมาหาเธอที่เตียง ไอรดาคว้าทิชชูเอาม
ไอรดาออกจากห้องนอนไปนั่งดูโทรศัพท์ของแมทธิวที่อยู่กับเธอ พลางคิดว่าใครกันที่เข้าบัญชีถึงบัญชีของเขาได้ เพราะขนาดเธอที่เป็นภรรยา ยังไม่รู้ว่ายูสเซอร์หรือพาสเวิร์ดของสามีคืออะไร โดยข้อความนั้นส่งมาในตอนหกโมงเช้าก่อนเธอจะตื่นไม่นานนักทันใดนั้น เธอรีบตรงไปที่ห้องของเจตสุวีย์ เคาะประตูเรียกเขารัวๆ ประตูถูกเปิดออกโดยเขาที่งัวเงียหนักมาก“จะไปกันแล้วเหรอ? พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ”“พี่โจ หนูขอดูโทรศัพท์หน่อยค่ะ”“หือ..มีอะไรหรือคะ?”“หนูแค่ต้องการดูอะไรบางอย่างค่ะ ว่าพี่มีอะไรปิดบังหนูหรือเปล่า”“โอเคค่ะ”เขายื่นโทรศัพท์ให้กับไอรดา เธอรับมาแล้วเปิดดูไอจีของเขาทันที แต่ก็เห็นเค้าออนไลน์แค่ Account ของตัวเองเท่านั้นเธอขมวดคิ้วแล้วยื่นโทรศัพท์คืนกลับไป“หนูมีอะไรกับโทรศัพท์ของพี่หรือเปล่าคะ? ไม่ต้องห่วง พี่ไม่แอบคุยกับใครยกเว้นกับหนู”“ไม่รู้ว่าใครแกล้งหนูหรือเปล่า แต่หนูบอกตรงๆ ว่าไม่ชอบแบบนี้ มาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น”“หนูยังไม่บอกพี่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น?”“มีใครบางคนเข้าถึงไอจีของสามีหนูแล้วส่งข้อความมาให้ แต่หนูจะสืบให้ได้ว่าคือใคร ที่มาล้อเล่นกันแบบนี้”“แปลกจริง แล้วส่งมาว่ายังไงคะ?
ความเสียใจนั้นมากเสียจนทำให้ไอรดาไม่พูด ไม่มองและไม่ฟังใคร เธอมีแค่น้ำตาที่ไหลตลอดเวลาและไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับมือของแมทธิวที่หลับไม่ตื่นอีกแล้วเจตสุวีย์เจ็บในใจที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น เขาออกไปหลั่งน้ำตาเงียบๆ ข้างนอก โทรแจ้งน้องสาวเรื่องที่แมทธิวได้จากไปแล้ว“จูนจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ไปที่ซานฟรานซิสโก”เสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวแมทธิวโดยเฉพาะอาม่า ทำให้ทุกคนยิ่งเสียใจหนักขึ้นมาร์ตินที่อายุเพียงหนึ่งขวบเศษ ถูกแม่ของแมทธิวอุ้มไปข้างนอก เพราะไอรดาเริ่มวูบ ปวดกุมท้องและเป็นลม จนต้องแอดมิทไปอีกคนพ่อของแมทธิวต้องนำอากงอาม่าไปพักทำใจที่โรงแรมก่อน ส่วนเขาต้องจัดการเอกสารต่างๆ ที่โรงพยาบาลและที่บ้านของแมทธิวป้ารินและวีวี่พากันร้องไห้และโทรบอกกานต์วิภาที่เมืองไทยถึงข่าวอดีตสามีของเธอที่จากไปแล้ว นั่นทำให้เธอที่กำลังกินข้าวเย็นกับสามีและแม่ ถึงกับช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากตกลงบนจาน น้ำตาที่ไหลออกมาแบบกะทันหัน ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารตกใจ“ป้า..แล้วไอรดาล่ะ?”“คุณพ่อของแมทธิวบอกว่าน้องอายเสียใจจนช็อก แอดมิทอยู่ตอนนี้ ป้าจะไม่ไหวด้วย หนูวีวี่ก็ร้องไห้ เดี๋ยวสักพักเราจะไปโรงพยาบาล…”เสียงป้ารินและ
เจตสุวีย์ทำธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยจากที่โรงแรมและเอาโน้ตบุ๊คมาเพื่อทำงานสำหรับคืนนี้ เมื่อมาถึงก็เจอแต่ไอรดาเพียงคนเดียว “หนูหิวมั้ย? เราไปกินมื้อเย็นกันก่อนนะคะ จะได้อยู่ที่นี่ยาวๆ” เธอส่ายหน้า เอาแต่ดูภาพในโทรศัพท์ของสามี“เราต้องดูแลเด็กในท้อง ถึงหนูจะไม่หิวแต่ลูก..แกไม่รู้อะไรด้วย” ไอรดาเหลือบตาไปมองเขาอย่างเศร้าสร้อย“ลูกหนู..หนูรู้ดีว่าควรทำยังไง”เขาไม่สนใจจะเถียงกับเธอที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอดื้อดึงด้วยการนั่งไม่ยอมลุก เจตสุวีย์ต้องฝืนทำใจแข็งใส่“ไปกินข้าวค่ะ แมทธิวให้พี่คอยดูแลหนูระหว่างที่เขาไม่สบาย ไว้เขาหายแล้วหนูจะดื้อยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าหนูไม่ห่วงตัวเอง ต่อให้อุ้มไป พี่ก็จะทำ”“ไม่จริงหรอก…เขาเกลียดพี่ ต่อให้จะมาขอโทษแต่เราไม่เคยลืมว่าพี่ทำอะไรกับพวกเราบ้าง โดยเฉพาะกับหนู”เจตสุวีย์ที่ยังจับข้อมือเธออยู่ ใช้แรงดึงจนเธอที่ตัวบางร่างน้อยลุกยืนขึ้นมาชนตัวเขาที่ถือโอกาสกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนลมหายใจปะทะกันและกัน แววตาของเขามีเงาสะท้อนของใบหน้าเธอในนั้น“แสดงว่าหนูจำได้ดีเรื่องระหว่างเรา..ใช่..พี่บังคับหนู แต่เพราะอะไรล
“คุณเชื่อเรื่องการกลับมาไหม? โจ”“ยังไง..หมายถึงมาเกิดใหม่น่ะเหรอ?”“อืม..มาร์ตินน่ะ มีตำหนิที่หลังหูซ้าย และมีผักที่ชอบหรือไม่ชอบเหมือนคุณพ่อของไอรดา ตอนพาไปหาคุณย่าของเธอ ทำเอาร้องไห้กันใหญ่..ผมเองก็เหมือนกัน อยากกลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง ถ้าพระเจ้าจะทรงเห็นใจ”เจตสุวีย์ได้แต่เงียบ เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา ที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับคนทั้งคู่ แมทธิวได้ยินเสียงจมูกที่ฟึดฟัดของเขา ถึงกับขำเล็กๆ“ถ้าผมกลับมาเกิดแล้วคุณนอกใจเธอ ผมจะพาเธอหนีไปอีกเหมือนที่เคยทำจนคุณตามเราไม่เจอ ให้คุณแก่ตายอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”ทำเอาเจตสุวีย์หัวเราะออกมาได้ บรรยากาศในห้องเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย“แต่ถ้าคุณไม่กินผักหรือทำการบ้านไม่เสร็จ ผมอาจจะตีคุณก็ได้”“ไม่มีทาง เพราะภรรยาผม..เธอรักลูกมาก ถ้าตีผม คุณอาจโดนเธอชกหน้าคุณ”พวกเขาพูดคุยกันสบายๆ แม้ว่าแมทธิวจะหอบหายใจไปด้วย“คุณนอนเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้เพื่อคุยงาน คงไม่นอนแล้วล่ะ”พอตอนเช้ามืด แมทธิวยังคงหลับอยู่ เจตสุวีย์จึงย่องออกไปเงียบๆ ตรงไปที่โรงแรมและใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเบาๆ ปรากฏว่าไอรดายังนอนหลับอยู่และไม่ล็อกกลอนด้านในไว้ เขาไปที่ข้างเตียง ก้มดูเธอที่หลับลึกจน
ไอรดาเดิมตามเจตสุวีย์ไปติดๆ พลางถามคำถามอยู่ตลอด แต่เขาไม่ตอบและแอบยิ้มกับตัวเองที่เธอวิ่งไล่ตามเขาบ้าง จนไอรดาต้องถือวิสาสะจับแขนเขาเอาไว้ก่อนจะถึงห้องพักผู้ป่วยเจตสุวีย์หยุดเดินกะทันหัน จนใบหน้าของเขาแทบชนกับหน้าผากของเธอแล้วยิ้มให้..ยิ้มแสนหวานที่ฉาบไปด้วยความรัก มีเพียงไอรดาคนเดียวที่จะได้เห็น“บอกมาว่านัดอะไรกันสามคน ทำไม?”“รู้ไว้แค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำ เพื่อปกป้องหนู ลูกของหนู พี่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้เพราะสัญญากับแมทธิวไว้ จริงๆ พี่ไม่ควรบอกหนูเลยด้วยซ้ำ หวังว่าจะไม่พูดกับเขานะว่าพี่บอก เขาจะยิ่งไม่สบายใจ ปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำเถอะ”ไอรดาหลบตาลง พลางใช้ความคิด แต่สองมือที่ยังจับแขนเขาอยู่เพราะลืมตัว เจตสุวีย์จึงกุมมือเธอเบาๆ ทำให้เธอนึกได้สลัดมือออกจากมือเขาทันที“หนูไปรอข้างนอกก่อนนะ ถ้าคุยกันเสร็จแล้วพี่จะบอก”ไอรดาเอาแต่ใช้ความคิดจนเครียด และนั่งปวดท้องอยู่ที่โซฟาใกล้กับเคาน์เตอร์ของพยาบาล จนพยาบาลต้องเข้ามาถามเพราะเห็นหน้าเธอซีดนั่งไปสักพักจนอาการดีขึ้น เธอจึงส่งข้อความถึงกานต์วิภาเอาไว้ เกี่ยวกับการป่วยของแมทธิว แต่เพราะตอนนี้ที่ประเทศไทยคือตีสาม ต
แมทธิวเริ่มหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อให้ตัวเขาไม่เหนื่อยมากเกินไป“ผมรู้สึกได้ว่ารอบนี้มันหนักกว่าทุกครั้ง ผมรู้ตัวเองดี แต่ไม่อยากพูดกับภรรยากลัวเธอจะใจเสีย ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับหมอตรงๆ เพราะเธออยู่ด้วยตลอด แต่ดูจากสีหน้าของเธอ ตอนที่หมอเรียกไปคุยมันคงหนักมากจริงๆ ผมเป็นห่วงเธอที่ท้องสองเดือน คุณรู้เรื่องนี้มั้ย..โจ”เจตสุวีย์พยักหน้าว่ารับรู้“ใช่ น้องสาวบอกผมว่าเธอท้องได้เดือนกว่า เมื่อเดือนก่อน”“ที่ผมอยากให้เธอกลับบ้าน เพราะไม่อยากทำให้เธอรู้สึกแย่ที่ผมรู้ว่าคุณแอบคุยกับภรรยาผม โดยปลอมเป็นน้องสาวของคุณ”แมทธิวหอบหายใจมากขึ้นเมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาจ้องเจตสุวีย์ที่มองมาอย่างไม่สะทกสะท้านสักนิด“ไอรดาไม่ผิดอะไรเลย ผมยืนยันได้ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”“แปลว่าคุณยอมรับว่าเป็นคนใช้แชทของน้องสาวเพื่อคุยกับเธองั้นสิ”หน้าตาของเจตสุวีย์นิ่งมาก เขาตอบด้วยท่าทางสบายๆ“แต่เธอไม่เคยรู้ว่าเป็นผม อาจจะแค่สงสัย แล้วเราก็ไม่ได้แชทคุยกันอีกตั้งแต่เธอฮันนีมูนจนท้อง การที่ผมคุยกับเธอ ไม่มีการคุยเกินเลยอะไรทั้งนั้น ผมพอใจที่มีความสุขเพียงเท่านี้”“ไม่รู้สึกว่าหน้าด้านไปหน่อยเหรอที่ข่มขืนใจเธอ ทำให้ธุ
เจตสุวีย์โทรหาน้องสาวเพื่อบอกว่าได้เจอไอรดาและสามีแล้ว“เขาดูแย่กว่าที่คิดไว้มาก ดูซีดเซียว เหนื่อยหอบ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ มีแค่น้องอายอยู่เฝ้ากับพยาบาลอีกคนเท่านั้น ฝากบอกป๊ากับม๊าด้วยนะ”“จูนจะโทรหาอาย ลองถามว่าตกลงป่วยเป็นอะไร แต่ต้องรอตอนดึกถึงจะเป็นช่วงเช้าที่นั่น พี่โจ..โอเคนะพี่?”“พี่ไม่เข้าใจตัวเอง..พี่เคยคิดว่าทำไมต้องมีผู้ชายคนนี้มาขวางทาง แต่พอเห็นเขาวันนี้ กลับรู้สึกเห็นใจ กลัวน้องอายจะเสียใจ”จูนยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ยินแบบนั้น“รักแท้คือการเสียสละไงพี่โจ เมื่อเราเห็นคนที่รักมีความสุข ถึงจะไม่ได้ครอบครองก็เถอะ”“สละอะไรล่ะ แอบปลอมเป็นจูนไปคุยทุกวันนี่จะเรียกว่าชู้แล้ว พี่ยังเคยคิดเลยว่า คงสวมรอยคุยแบบนี้จนแก่ไปพร้อมกับพวกเขาแน่ๆ”“ตลกน่า ไม่คิดจะมองสาวอื่นเลยรึ?”“แค่คนเดียวพอ”วันต่อมาเจตสุวีย์ไปที่ Enterprise Rent-A-Car ในช่วงเช้าเพื่อเช่ารถยนต์หนึ่งอาทิตย์ ก่อนจะตรงไปที่ Supermarket ชื่อ Safeway เพื่อเลือกซื้อผลไม้ไปฝากไอรดาและแมทธิว จนกระทั่งจูนได้โทรเข้ามาพอดี“พี่โจ ข่าวไม่ค่อยดี อายบอกว่าสามีปอดอักเสบเฉียบพลันและติดเชื้อจากไวรัส เชื้อเข้าสู่กระแสเลือด ท่าทางจะหน
เจตสุวีย์ให้เลขาจองตั๋วคืนนี้ทันทีแพงเท่าไหร่ไม่สำคัญ เพื่อมุ่งสู่ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโกพี่ไม่สนใจว่าใครจะเกลียด..แต่พี่จะต้องไปหาหนู…เขาไปที่บ้านของพ่อแม่ก่อนเวลาที่แจ้งไว้ เลยถือโอกาสโทรคุยกับน้องสาว เพื่อขอโลเคชั่นบ้านของไอรดาและชื่อโรงพยาบาลที่แมทธิวไปรักษาตัวอยู่ แล้วสั่งห้ามไม่ให้จูนบอกเพื่อนของเธอว่าเขาจะไปหาเจตสุวีย์บันทึกแผนการเดินทาง เตรียมเอกสารทุกอย่างและบัตรเครดิตวงเงินสูงที่สุดที่เอาไปได้เลขาแจ้งการจองตั๋วเรียบร้อย เครื่องจะออก 19.15 ถึงที่อเมริกา 21.15 ของวันถัดไป รวม 17 ชั่วโมง เจตสุวีย์คิดว่าเมื่อถึงซานฟรานซิสโก กว่าจะไปที่บ้านของเธอที่ต้องขับรถถึงสองชั่วโมง คงจะดึกมากและรบกวนเวลาที่ทุกคนพักผ่อน เขาจึงเลือกจองโรงแรมที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยไปหาเช่ารถเอาทีหลังเจตสุวีย์จองโรงแรม Pleasanton Marriott ใกล้แค่นั่ง Taxi ไปสิบนาทีก็ถึงโรงพยาบาล Stanfordจากนั้นนั่งรอที่บ้านจนกระทั่งพ่อและแม่ของเขาได้กลับมา หลังจากออกไปข้างนอกด้วยกันมาทั้งวัน พอเจอหน้าพ่อจากที่ไม่ได้เจอนานถึงสองปี เขาถึงกับเกร็งแต่ก็ยกมือไหว้ พ่อเข้ามากอดและไม่พูดอะไร เขากอดตอบและกล่าวได้