“คุณเชื่อเรื่องการกลับมาไหม? โจ”“ยังไง..หมายถึงมาเกิดใหม่น่ะเหรอ?”“อืม..มาร์ตินน่ะ มีตำหนิที่หลังหูซ้าย และมีผักที่ชอบหรือไม่ชอบเหมือนคุณพ่อของไอรดา ตอนพาไปหาคุณย่าของเธอ ทำเอาร้องไห้กันใหญ่..ผมเองก็เหมือนกัน อยากกลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง ถ้าพระเจ้าจะทรงเห็นใจ”เจตสุวีย์ได้แต่เงียบ เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา ที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับคนทั้งคู่ แมทธิวได้ยินเสียงจมูกที่ฟึดฟัดของเขา ถึงกับขำเล็กๆ“ถ้าผมกลับมาเกิดแล้วคุณนอกใจเธอ ผมจะพาเธอหนีไปอีกเหมือนที่เคยทำจนคุณตามเราไม่เจอ ให้คุณแก่ตายอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”ทำเอาเจตสุวีย์หัวเราะออกมาได้ บรรยากาศในห้องเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย“แต่ถ้าคุณไม่กินผักหรือทำการบ้านไม่เสร็จ ผมอาจจะตีคุณก็ได้”“ไม่มีทาง เพราะภรรยาผม..เธอรักลูกมาก ถ้าตีผม คุณอาจโดนเธอชกหน้าคุณ”พวกเขาพูดคุยกันสบายๆ แม้ว่าแมทธิวจะหอบหายใจไปด้วย“คุณนอนเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้เพื่อคุยงาน คงไม่นอนแล้วล่ะ”พอตอนเช้ามืด แมทธิวยังคงหลับอยู่ เจตสุวีย์จึงย่องออกไปเงียบๆ ตรงไปที่โรงแรมและใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเบาๆ ปรากฏว่าไอรดายังนอนหลับอยู่และไม่ล็อกกลอนด้านในไว้ เขาไปที่ข้างเตียง ก้มดูเธอที่หลับลึกจน
เจตสุวีย์ทำธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยจากที่โรงแรมและเอาโน้ตบุ๊คมาเพื่อทำงานสำหรับคืนนี้ เมื่อมาถึงก็เจอแต่ไอรดาเพียงคนเดียว “หนูหิวมั้ย? เราไปกินมื้อเย็นกันก่อนนะคะ จะได้อยู่ที่นี่ยาวๆ” เธอส่ายหน้า เอาแต่ดูภาพในโทรศัพท์ของสามี“เราต้องดูแลเด็กในท้อง ถึงหนูจะไม่หิวแต่ลูก..แกไม่รู้อะไรด้วย” ไอรดาเหลือบตาไปมองเขาอย่างเศร้าสร้อย“ลูกหนู..หนูรู้ดีว่าควรทำยังไง”เขาไม่สนใจจะเถียงกับเธอที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอดื้อดึงด้วยการนั่งไม่ยอมลุก เจตสุวีย์ต้องฝืนทำใจแข็งใส่“ไปกินข้าวค่ะ แมทธิวให้พี่คอยดูแลหนูระหว่างที่เขาไม่สบาย ไว้เขาหายแล้วหนูจะดื้อยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าหนูไม่ห่วงตัวเอง ต่อให้อุ้มไป พี่ก็จะทำ”“ไม่จริงหรอก…เขาเกลียดพี่ ต่อให้จะมาขอโทษแต่เราไม่เคยลืมว่าพี่ทำอะไรกับพวกเราบ้าง โดยเฉพาะกับหนู”เจตสุวีย์ที่ยังจับข้อมือเธออยู่ ใช้แรงดึงจนเธอที่ตัวบางร่างน้อยลุกยืนขึ้นมาชนตัวเขาที่ถือโอกาสกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนลมหายใจปะทะกันและกัน แววตาของเขามีเงาสะท้อนของใบหน้าเธอในนั้น“แสดงว่าหนูจำได้ดีเรื่องระหว่างเรา..ใช่..พี่บังคับหนู แต่เพราะอะไรล
ความเสียใจนั้นมากเสียจนทำให้ไอรดาไม่พูด ไม่มองและไม่ฟังใคร เธอมีแค่น้ำตาที่ไหลตลอดเวลาและไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับมือของแมทธิวที่หลับไม่ตื่นอีกแล้วเจตสุวีย์เจ็บในใจที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น เขาออกไปหลั่งน้ำตาเงียบๆ ข้างนอก โทรแจ้งน้องสาวเรื่องที่แมทธิวได้จากไปแล้ว“จูนจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ไปที่ซานฟรานซิสโก”เสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวแมทธิวโดยเฉพาะอาม่า ทำให้ทุกคนยิ่งเสียใจหนักขึ้นมาร์ตินที่อายุเพียงหนึ่งขวบเศษ ถูกแม่ของแมทธิวอุ้มไปข้างนอก เพราะไอรดาเริ่มวูบ ปวดกุมท้องและเป็นลม จนต้องแอดมิทไปอีกคนพ่อของแมทธิวต้องนำอากงอาม่าไปพักทำใจที่โรงแรมก่อน ส่วนเขาต้องจัดการเอกสารต่างๆ ที่โรงพยาบาลและที่บ้านของแมทธิวป้ารินและวีวี่พากันร้องไห้และโทรบอกกานต์วิภาที่เมืองไทยถึงข่าวอดีตสามีของเธอที่จากไปแล้ว นั่นทำให้เธอที่กำลังกินข้าวเย็นกับสามีและแม่ ถึงกับช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากตกลงบนจาน น้ำตาที่ไหลออกมาแบบกะทันหัน ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารตกใจ“ป้า..แล้วไอรดาล่ะ?”“คุณพ่อของแมทธิวบอกว่าน้องอายเสียใจจนช็อก แอดมิทอยู่ตอนนี้ ป้าจะไม่ไหวด้วย หนูวีวี่ก็ร้องไห้ เดี๋ยวสักพักเราจะไปโรงพยาบาล…”เสียงป้ารินและ
ไอรดาออกจากห้องนอนไปนั่งดูโทรศัพท์ของแมทธิวที่อยู่กับเธอ พลางคิดว่าใครกันที่เข้าบัญชีถึงบัญชีของเขาได้ เพราะขนาดเธอที่เป็นภรรยา ยังไม่รู้ว่ายูสเซอร์หรือพาสเวิร์ดของสามีคืออะไร โดยข้อความนั้นส่งมาในตอนหกโมงเช้าก่อนเธอจะตื่นไม่นานนักทันใดนั้น เธอรีบตรงไปที่ห้องของเจตสุวีย์ เคาะประตูเรียกเขารัวๆ ประตูถูกเปิดออกโดยเขาที่งัวเงียหนักมาก“จะไปกันแล้วเหรอ? พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ”“พี่โจ หนูขอดูโทรศัพท์หน่อยค่ะ”“หือ..มีอะไรหรือคะ?”“หนูแค่ต้องการดูอะไรบางอย่างค่ะ ว่าพี่มีอะไรปิดบังหนูหรือเปล่า”“โอเคค่ะ”เขายื่นโทรศัพท์ให้กับไอรดา เธอรับมาแล้วเปิดดูไอจีของเขาทันที แต่ก็เห็นเค้าออนไลน์แค่ Account ของตัวเองเท่านั้นเธอขมวดคิ้วแล้วยื่นโทรศัพท์คืนกลับไป“หนูมีอะไรกับโทรศัพท์ของพี่หรือเปล่าคะ? ไม่ต้องห่วง พี่ไม่แอบคุยกับใครยกเว้นกับหนู”“ไม่รู้ว่าใครแกล้งหนูหรือเปล่า แต่หนูบอกตรงๆ ว่าไม่ชอบแบบนี้ มาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น”“หนูยังไม่บอกพี่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น?”“มีใครบางคนเข้าถึงไอจีของสามีหนูแล้วส่งข้อความมาให้ แต่หนูจะสืบให้ได้ว่าคือใคร ที่มาล้อเล่นกันแบบนี้”“แปลกจริง แล้วส่งมาว่ายังไงคะ?
น้ำหนักตัวของเจตสุวีย์ที่นอนคร่อมทับเธอ มันทำให้เหตุการณ์ในคืนวันนั้นเมื่อสองปีก่อน กลับเข้ามาในสมองของเธอทันที“หนูพึ่งเสียลูกไป ยังเจ็บท้องอยู่ พี่โจจะทำได้ลงคอเหรอ..”เจตสุวีย์มองเธอใกล้ๆ แววตาที่บอกความรู้สึกรักอยู่เต็มอก เขาเริ่มคิดได้เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่อ้อนวอนของเธอ“พี่เคยเชื่อ..ตอนที่หนูขอร้องแบบนี้ หลอกพี่ให้รอแล้วขึ้นเครื่องบินหนีไปจดทะเบียนสมรสกับแมทธิว พี่รอหนูจนไม่รู้ผ่านไปกี่วัน มันทรมานใจสุดๆ”มือเขาเริ่มซุกซน เลิกชุดนอนที่บางเบานั้นขึ้นไปถึงใต้อก หน้าตาที่หล่อเหลานั้นแดงก่ำจูบซุกซอกคอเธอไม่ปล่อย หัวใจเขาเต้นแรง สะเทือนจนหน้าอกกว้างที่แนบกับอกอวบอิ่มของเธออยู่ให้รู้สึกได้เจตสุวีย์เริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงในลำคอบ้าง มือเขาทำอะไรบางอย่างบนลำตัวเธอ และแล้วของเหลวอุ่นๆ ก็ตกลงบนหน้าท้องของไอรดาเธอทำได้แค่หันหน้าไปด้านข้างหลับตาแน่นด้วยน้ำตาที่ไหลผ่านจมูกไป ส่วนเจตสุวีย์ที่หน้าแดงปากแดงไปหมด เริ่มจูบปากเธออย่างนุ่มนวลไม่ยอมเลิกราง่ายๆ“อื้ออ..พอได้แล้ว”“หนูนอนนี่แหละ พี่ไปเอาทิชชูมาเช็ดให้นะคะ”เขารีบผละไปที่ห้องน้ำแล้วรีบมาหาเธอที่เตียง ไอรดาคว้าทิชชูเอาม
เจตสุวีย์…หนุ่มหล่อลูกเศรษฐีระดับประเทศในวัย 31 ปี ที่ต้องมาอาศัยในบ้านมือสองขนาด 3 ห้องนอนตามลำพัง เขาเลือกที่จะปลีกตัวจากครอบครัวอันอบอุ่นเพราะความสำนึกผิดและต้องการทบทวนในสิ่งที่ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในหลายๆ เรื่องเขาขายบ้านที่เคยคิดว่าจะซื้อไว้เพื่ออยู่กับคนที่เขารัก แต่ในเมื่อทุกอย่างพังไปหมดทั้งการงานที่พ่อของเขาไม่ไว้ใจ เหตุทั้งหมดเกิดจากความรักที่ไม่สมหวัง ทำให้ชีวิตจิตใจของเขาพังทลายอย่างไม่เป็นท่าเจตสุวีย์ตัดสินใจยกเงินที่ขายบ้านหรูหลังใหญ่ระดับ Luxury ส่วนหนึ่งให้ผู้หญิงที่เขารักข้างเดียวไปถึง 20 ล้าน และนำเงินที่เหลือมาลงทุนเปิดบริษัทกับเพื่อนสนิทอีกสองคน เพื่อรับงานอีเว้นท์ต่างๆ เปิดบริษัทรับดูแลเป็นที่ปรึกษาจัดการหลังบ้านสำหรับธุรกิจขนาดกลางที่กำลังเฟื่องฟูในไทยจากธุรกิจออนไลน์ต่างๆ รวมถึงสถานบันเทิงอย่าง Esters Bar ที่ทองหล่อของเขายังทำเงินให้ได้พอสมควรในวันหนึ่งที่เขากลับบ้านเร็วกว่าทุกวันและกำลังขับรถเข้าไปจอดในบ้าน ถึงกับตะลึงนิดหน่อยที่เห็นหญิงสาวเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงกันข้ามที่มีหน้าตาละม้ายคล้าย
เจตสุวีย์มองเธอแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาดูสุขุม ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย“พี่โจ…เคยมีคนโปรดแบบนี้มั้ยคะ?”“เคย..แต่ไม่ใช่เพราะว่าชอบ แต่เป็นเพราะว่าเกลียด รู้สึกจะช่วงสั้นๆ ไม่ถึงเดือนก็ให้เลิกไปพร้อมกับเงินหนึ่งล้าน ไม่รวมที่โอนจ่ายตลอดให้อีก”“ทำไมเกลียดแล้วถึงเลี้ยงดูคะ?”“ที่ต้องเลี้ยงไว้จะได้อยู่ใกล้ตัว ควบคุมได้ง่าย ไม่ให้ไปด่าระรานผู้หญิงที่ผมรัก”ทำเอาเธอเริ่มกลัวเขาตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มความสัมพันธ์ พูดง่ายๆ การมีสัมพันธ์กับเขาในฐานะผู้ถูกอุปถัมภ์ มีสิ่งต้องห้ามคือ อย่าแตะต้องผู้หญิงในหัวใจเขา“น้องมีรอยสักที่ไหนมั้ยครับ?”“เอ่อ มีค่ะ ที่ต้นคอด้านหลังแต่เล็กๆ เท่านิ้วโป้ง”เจตสุวีย์ทำหน้านิ่งขึ้น แล้วถอนหายใจยาวๆ“แล้วแต่น้องนะ ผมเคารพสิทธิส่วนบุคคล จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ด้วยรสนิยมส่วนตัว ผมไม่ชอบผู้หญิงที่มีรอยสัก ถ้าอยากเก็บไว้ ผมคงต้องขอยกเลิกสิ่งที่เราคุยกัน”ธนัชชารีบละล่ำละลักพ
เขากลับถึงบ้าน เมื่อไขประตูเข้าไปก็เจอธนัชชางัวเงียพึ่งตื่นอยู่ที่โซฟาเพราะได้ยินเสียงประตูเปิด นั่นทำให้เขาแปลกใจ“ทำไมน้องมาอยู่ที่นี่ ไม่กลับไปนอนที่บ้านครับ”“หนูเป็นห่วงพี่โจจะเมาค่ะ เลยมารอ ไม่ได้ยินเสียงรถเลย สงสัยหนูมัวหลับลึกไปหน่อย”“ผมไม่ได้เมามาก แค่มึนๆ นิดหน่อย ขอบคุณมาก”“พี่โจไม่อยากให้หนูอยู่ดูแลพี่เหรอคะ?”เจตสุวีย์ที่เมานิดหน่อยและกำลังปลื้มใจที่จะได้ติดต่อกับคนที่เขารักอีกครั้ง ทำให้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ“อยากดูแลอะไรตอนนี้ มันดึกแล้วนะ เกือบตีสอง”ทำให้ธนัชชาอายขึ้นมาที่เหมือนเธอเสนอตัวก่อน แต่เจตสุวีย์นั้นเขาเหมือนเสือที่เห็นเหยื่อ จึงเดินไปใกล้ๆ แล้วถาม กลิ่นตัวที่หอมของเขาผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ ทำให้เธอรู้สึกใจสั่นไหวสุดๆ“ดูแลพี่บนเตียงเหรอ หรือยังไง?”“เอ้อ..หนู..เห็นว่าเราตกลงกันแล้วและพี่โจก็ใจกว้างโอนมาให้หนูก่อนตั้งมากมาย จะให้หนูกลับไปนอนที่บ้านสบายใจเฉิบโดยไม่สนใจพี่ว่าถึงบ้านหรือยัง รู้สึ
น้ำหนักตัวของเจตสุวีย์ที่นอนคร่อมทับเธอ มันทำให้เหตุการณ์ในคืนวันนั้นเมื่อสองปีก่อน กลับเข้ามาในสมองของเธอทันที“หนูพึ่งเสียลูกไป ยังเจ็บท้องอยู่ พี่โจจะทำได้ลงคอเหรอ..”เจตสุวีย์มองเธอใกล้ๆ แววตาที่บอกความรู้สึกรักอยู่เต็มอก เขาเริ่มคิดได้เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่อ้อนวอนของเธอ“พี่เคยเชื่อ..ตอนที่หนูขอร้องแบบนี้ หลอกพี่ให้รอแล้วขึ้นเครื่องบินหนีไปจดทะเบียนสมรสกับแมทธิว พี่รอหนูจนไม่รู้ผ่านไปกี่วัน มันทรมานใจสุดๆ”มือเขาเริ่มซุกซน เลิกชุดนอนที่บางเบานั้นขึ้นไปถึงใต้อก หน้าตาที่หล่อเหลานั้นแดงก่ำจูบซุกซอกคอเธอไม่ปล่อย หัวใจเขาเต้นแรง สะเทือนจนหน้าอกกว้างที่แนบกับอกอวบอิ่มของเธออยู่ให้รู้สึกได้เจตสุวีย์เริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงในลำคอบ้าง มือเขาทำอะไรบางอย่างบนลำตัวเธอ และแล้วของเหลวอุ่นๆ ก็ตกลงบนหน้าท้องของไอรดาเธอทำได้แค่หันหน้าไปด้านข้างหลับตาแน่นด้วยน้ำตาที่ไหลผ่านจมูกไป ส่วนเจตสุวีย์ที่หน้าแดงปากแดงไปหมด เริ่มจูบปากเธออย่างนุ่มนวลไม่ยอมเลิกราง่ายๆ“อื้ออ..พอได้แล้ว”“หนูนอนนี่แหละ พี่ไปเอาทิชชูมาเช็ดให้นะคะ”เขารีบผละไปที่ห้องน้ำแล้วรีบมาหาเธอที่เตียง ไอรดาคว้าทิชชูเอาม
ไอรดาออกจากห้องนอนไปนั่งดูโทรศัพท์ของแมทธิวที่อยู่กับเธอ พลางคิดว่าใครกันที่เข้าบัญชีถึงบัญชีของเขาได้ เพราะขนาดเธอที่เป็นภรรยา ยังไม่รู้ว่ายูสเซอร์หรือพาสเวิร์ดของสามีคืออะไร โดยข้อความนั้นส่งมาในตอนหกโมงเช้าก่อนเธอจะตื่นไม่นานนักทันใดนั้น เธอรีบตรงไปที่ห้องของเจตสุวีย์ เคาะประตูเรียกเขารัวๆ ประตูถูกเปิดออกโดยเขาที่งัวเงียหนักมาก“จะไปกันแล้วเหรอ? พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ”“พี่โจ หนูขอดูโทรศัพท์หน่อยค่ะ”“หือ..มีอะไรหรือคะ?”“หนูแค่ต้องการดูอะไรบางอย่างค่ะ ว่าพี่มีอะไรปิดบังหนูหรือเปล่า”“โอเคค่ะ”เขายื่นโทรศัพท์ให้กับไอรดา เธอรับมาแล้วเปิดดูไอจีของเขาทันที แต่ก็เห็นเค้าออนไลน์แค่ Account ของตัวเองเท่านั้นเธอขมวดคิ้วแล้วยื่นโทรศัพท์คืนกลับไป“หนูมีอะไรกับโทรศัพท์ของพี่หรือเปล่าคะ? ไม่ต้องห่วง พี่ไม่แอบคุยกับใครยกเว้นกับหนู”“ไม่รู้ว่าใครแกล้งหนูหรือเปล่า แต่หนูบอกตรงๆ ว่าไม่ชอบแบบนี้ มาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น”“หนูยังไม่บอกพี่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น?”“มีใครบางคนเข้าถึงไอจีของสามีหนูแล้วส่งข้อความมาให้ แต่หนูจะสืบให้ได้ว่าคือใคร ที่มาล้อเล่นกันแบบนี้”“แปลกจริง แล้วส่งมาว่ายังไงคะ?
ความเสียใจนั้นมากเสียจนทำให้ไอรดาไม่พูด ไม่มองและไม่ฟังใคร เธอมีแค่น้ำตาที่ไหลตลอดเวลาและไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับมือของแมทธิวที่หลับไม่ตื่นอีกแล้วเจตสุวีย์เจ็บในใจที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น เขาออกไปหลั่งน้ำตาเงียบๆ ข้างนอก โทรแจ้งน้องสาวเรื่องที่แมทธิวได้จากไปแล้ว“จูนจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ไปที่ซานฟรานซิสโก”เสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวแมทธิวโดยเฉพาะอาม่า ทำให้ทุกคนยิ่งเสียใจหนักขึ้นมาร์ตินที่อายุเพียงหนึ่งขวบเศษ ถูกแม่ของแมทธิวอุ้มไปข้างนอก เพราะไอรดาเริ่มวูบ ปวดกุมท้องและเป็นลม จนต้องแอดมิทไปอีกคนพ่อของแมทธิวต้องนำอากงอาม่าไปพักทำใจที่โรงแรมก่อน ส่วนเขาต้องจัดการเอกสารต่างๆ ที่โรงพยาบาลและที่บ้านของแมทธิวป้ารินและวีวี่พากันร้องไห้และโทรบอกกานต์วิภาที่เมืองไทยถึงข่าวอดีตสามีของเธอที่จากไปแล้ว นั่นทำให้เธอที่กำลังกินข้าวเย็นกับสามีและแม่ ถึงกับช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากตกลงบนจาน น้ำตาที่ไหลออกมาแบบกะทันหัน ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารตกใจ“ป้า..แล้วไอรดาล่ะ?”“คุณพ่อของแมทธิวบอกว่าน้องอายเสียใจจนช็อก แอดมิทอยู่ตอนนี้ ป้าจะไม่ไหวด้วย หนูวีวี่ก็ร้องไห้ เดี๋ยวสักพักเราจะไปโรงพยาบาล…”เสียงป้ารินและ
เจตสุวีย์ทำธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยจากที่โรงแรมและเอาโน้ตบุ๊คมาเพื่อทำงานสำหรับคืนนี้ เมื่อมาถึงก็เจอแต่ไอรดาเพียงคนเดียว “หนูหิวมั้ย? เราไปกินมื้อเย็นกันก่อนนะคะ จะได้อยู่ที่นี่ยาวๆ” เธอส่ายหน้า เอาแต่ดูภาพในโทรศัพท์ของสามี“เราต้องดูแลเด็กในท้อง ถึงหนูจะไม่หิวแต่ลูก..แกไม่รู้อะไรด้วย” ไอรดาเหลือบตาไปมองเขาอย่างเศร้าสร้อย“ลูกหนู..หนูรู้ดีว่าควรทำยังไง”เขาไม่สนใจจะเถียงกับเธอที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอดื้อดึงด้วยการนั่งไม่ยอมลุก เจตสุวีย์ต้องฝืนทำใจแข็งใส่“ไปกินข้าวค่ะ แมทธิวให้พี่คอยดูแลหนูระหว่างที่เขาไม่สบาย ไว้เขาหายแล้วหนูจะดื้อยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าหนูไม่ห่วงตัวเอง ต่อให้อุ้มไป พี่ก็จะทำ”“ไม่จริงหรอก…เขาเกลียดพี่ ต่อให้จะมาขอโทษแต่เราไม่เคยลืมว่าพี่ทำอะไรกับพวกเราบ้าง โดยเฉพาะกับหนู”เจตสุวีย์ที่ยังจับข้อมือเธออยู่ ใช้แรงดึงจนเธอที่ตัวบางร่างน้อยลุกยืนขึ้นมาชนตัวเขาที่ถือโอกาสกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนลมหายใจปะทะกันและกัน แววตาของเขามีเงาสะท้อนของใบหน้าเธอในนั้น“แสดงว่าหนูจำได้ดีเรื่องระหว่างเรา..ใช่..พี่บังคับหนู แต่เพราะอะไรล
“คุณเชื่อเรื่องการกลับมาไหม? โจ”“ยังไง..หมายถึงมาเกิดใหม่น่ะเหรอ?”“อืม..มาร์ตินน่ะ มีตำหนิที่หลังหูซ้าย และมีผักที่ชอบหรือไม่ชอบเหมือนคุณพ่อของไอรดา ตอนพาไปหาคุณย่าของเธอ ทำเอาร้องไห้กันใหญ่..ผมเองก็เหมือนกัน อยากกลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง ถ้าพระเจ้าจะทรงเห็นใจ”เจตสุวีย์ได้แต่เงียบ เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา ที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับคนทั้งคู่ แมทธิวได้ยินเสียงจมูกที่ฟึดฟัดของเขา ถึงกับขำเล็กๆ“ถ้าผมกลับมาเกิดแล้วคุณนอกใจเธอ ผมจะพาเธอหนีไปอีกเหมือนที่เคยทำจนคุณตามเราไม่เจอ ให้คุณแก่ตายอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”ทำเอาเจตสุวีย์หัวเราะออกมาได้ บรรยากาศในห้องเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย“แต่ถ้าคุณไม่กินผักหรือทำการบ้านไม่เสร็จ ผมอาจจะตีคุณก็ได้”“ไม่มีทาง เพราะภรรยาผม..เธอรักลูกมาก ถ้าตีผม คุณอาจโดนเธอชกหน้าคุณ”พวกเขาพูดคุยกันสบายๆ แม้ว่าแมทธิวจะหอบหายใจไปด้วย“คุณนอนเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้เพื่อคุยงาน คงไม่นอนแล้วล่ะ”พอตอนเช้ามืด แมทธิวยังคงหลับอยู่ เจตสุวีย์จึงย่องออกไปเงียบๆ ตรงไปที่โรงแรมและใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเบาๆ ปรากฏว่าไอรดายังนอนหลับอยู่และไม่ล็อกกลอนด้านในไว้ เขาไปที่ข้างเตียง ก้มดูเธอที่หลับลึกจน
ไอรดาเดิมตามเจตสุวีย์ไปติดๆ พลางถามคำถามอยู่ตลอด แต่เขาไม่ตอบและแอบยิ้มกับตัวเองที่เธอวิ่งไล่ตามเขาบ้าง จนไอรดาต้องถือวิสาสะจับแขนเขาเอาไว้ก่อนจะถึงห้องพักผู้ป่วยเจตสุวีย์หยุดเดินกะทันหัน จนใบหน้าของเขาแทบชนกับหน้าผากของเธอแล้วยิ้มให้..ยิ้มแสนหวานที่ฉาบไปด้วยความรัก มีเพียงไอรดาคนเดียวที่จะได้เห็น“บอกมาว่านัดอะไรกันสามคน ทำไม?”“รู้ไว้แค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำ เพื่อปกป้องหนู ลูกของหนู พี่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้เพราะสัญญากับแมทธิวไว้ จริงๆ พี่ไม่ควรบอกหนูเลยด้วยซ้ำ หวังว่าจะไม่พูดกับเขานะว่าพี่บอก เขาจะยิ่งไม่สบายใจ ปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำเถอะ”ไอรดาหลบตาลง พลางใช้ความคิด แต่สองมือที่ยังจับแขนเขาอยู่เพราะลืมตัว เจตสุวีย์จึงกุมมือเธอเบาๆ ทำให้เธอนึกได้สลัดมือออกจากมือเขาทันที“หนูไปรอข้างนอกก่อนนะ ถ้าคุยกันเสร็จแล้วพี่จะบอก”ไอรดาเอาแต่ใช้ความคิดจนเครียด และนั่งปวดท้องอยู่ที่โซฟาใกล้กับเคาน์เตอร์ของพยาบาล จนพยาบาลต้องเข้ามาถามเพราะเห็นหน้าเธอซีดนั่งไปสักพักจนอาการดีขึ้น เธอจึงส่งข้อความถึงกานต์วิภาเอาไว้ เกี่ยวกับการป่วยของแมทธิว แต่เพราะตอนนี้ที่ประเทศไทยคือตีสาม ต
แมทธิวเริ่มหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อให้ตัวเขาไม่เหนื่อยมากเกินไป“ผมรู้สึกได้ว่ารอบนี้มันหนักกว่าทุกครั้ง ผมรู้ตัวเองดี แต่ไม่อยากพูดกับภรรยากลัวเธอจะใจเสีย ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับหมอตรงๆ เพราะเธออยู่ด้วยตลอด แต่ดูจากสีหน้าของเธอ ตอนที่หมอเรียกไปคุยมันคงหนักมากจริงๆ ผมเป็นห่วงเธอที่ท้องสองเดือน คุณรู้เรื่องนี้มั้ย..โจ”เจตสุวีย์พยักหน้าว่ารับรู้“ใช่ น้องสาวบอกผมว่าเธอท้องได้เดือนกว่า เมื่อเดือนก่อน”“ที่ผมอยากให้เธอกลับบ้าน เพราะไม่อยากทำให้เธอรู้สึกแย่ที่ผมรู้ว่าคุณแอบคุยกับภรรยาผม โดยปลอมเป็นน้องสาวของคุณ”แมทธิวหอบหายใจมากขึ้นเมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาจ้องเจตสุวีย์ที่มองมาอย่างไม่สะทกสะท้านสักนิด“ไอรดาไม่ผิดอะไรเลย ผมยืนยันได้ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”“แปลว่าคุณยอมรับว่าเป็นคนใช้แชทของน้องสาวเพื่อคุยกับเธองั้นสิ”หน้าตาของเจตสุวีย์นิ่งมาก เขาตอบด้วยท่าทางสบายๆ“แต่เธอไม่เคยรู้ว่าเป็นผม อาจจะแค่สงสัย แล้วเราก็ไม่ได้แชทคุยกันอีกตั้งแต่เธอฮันนีมูนจนท้อง การที่ผมคุยกับเธอ ไม่มีการคุยเกินเลยอะไรทั้งนั้น ผมพอใจที่มีความสุขเพียงเท่านี้”“ไม่รู้สึกว่าหน้าด้านไปหน่อยเหรอที่ข่มขืนใจเธอ ทำให้ธุ
เจตสุวีย์โทรหาน้องสาวเพื่อบอกว่าได้เจอไอรดาและสามีแล้ว“เขาดูแย่กว่าที่คิดไว้มาก ดูซีดเซียว เหนื่อยหอบ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ มีแค่น้องอายอยู่เฝ้ากับพยาบาลอีกคนเท่านั้น ฝากบอกป๊ากับม๊าด้วยนะ”“จูนจะโทรหาอาย ลองถามว่าตกลงป่วยเป็นอะไร แต่ต้องรอตอนดึกถึงจะเป็นช่วงเช้าที่นั่น พี่โจ..โอเคนะพี่?”“พี่ไม่เข้าใจตัวเอง..พี่เคยคิดว่าทำไมต้องมีผู้ชายคนนี้มาขวางทาง แต่พอเห็นเขาวันนี้ กลับรู้สึกเห็นใจ กลัวน้องอายจะเสียใจ”จูนยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ยินแบบนั้น“รักแท้คือการเสียสละไงพี่โจ เมื่อเราเห็นคนที่รักมีความสุข ถึงจะไม่ได้ครอบครองก็เถอะ”“สละอะไรล่ะ แอบปลอมเป็นจูนไปคุยทุกวันนี่จะเรียกว่าชู้แล้ว พี่ยังเคยคิดเลยว่า คงสวมรอยคุยแบบนี้จนแก่ไปพร้อมกับพวกเขาแน่ๆ”“ตลกน่า ไม่คิดจะมองสาวอื่นเลยรึ?”“แค่คนเดียวพอ”วันต่อมาเจตสุวีย์ไปที่ Enterprise Rent-A-Car ในช่วงเช้าเพื่อเช่ารถยนต์หนึ่งอาทิตย์ ก่อนจะตรงไปที่ Supermarket ชื่อ Safeway เพื่อเลือกซื้อผลไม้ไปฝากไอรดาและแมทธิว จนกระทั่งจูนได้โทรเข้ามาพอดี“พี่โจ ข่าวไม่ค่อยดี อายบอกว่าสามีปอดอักเสบเฉียบพลันและติดเชื้อจากไวรัส เชื้อเข้าสู่กระแสเลือด ท่าทางจะหน
เจตสุวีย์ให้เลขาจองตั๋วคืนนี้ทันทีแพงเท่าไหร่ไม่สำคัญ เพื่อมุ่งสู่ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโกพี่ไม่สนใจว่าใครจะเกลียด..แต่พี่จะต้องไปหาหนู…เขาไปที่บ้านของพ่อแม่ก่อนเวลาที่แจ้งไว้ เลยถือโอกาสโทรคุยกับน้องสาว เพื่อขอโลเคชั่นบ้านของไอรดาและชื่อโรงพยาบาลที่แมทธิวไปรักษาตัวอยู่ แล้วสั่งห้ามไม่ให้จูนบอกเพื่อนของเธอว่าเขาจะไปหาเจตสุวีย์บันทึกแผนการเดินทาง เตรียมเอกสารทุกอย่างและบัตรเครดิตวงเงินสูงที่สุดที่เอาไปได้เลขาแจ้งการจองตั๋วเรียบร้อย เครื่องจะออก 19.15 ถึงที่อเมริกา 21.15 ของวันถัดไป รวม 17 ชั่วโมง เจตสุวีย์คิดว่าเมื่อถึงซานฟรานซิสโก กว่าจะไปที่บ้านของเธอที่ต้องขับรถถึงสองชั่วโมง คงจะดึกมากและรบกวนเวลาที่ทุกคนพักผ่อน เขาจึงเลือกจองโรงแรมที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยไปหาเช่ารถเอาทีหลังเจตสุวีย์จองโรงแรม Pleasanton Marriott ใกล้แค่นั่ง Taxi ไปสิบนาทีก็ถึงโรงพยาบาล Stanfordจากนั้นนั่งรอที่บ้านจนกระทั่งพ่อและแม่ของเขาได้กลับมา หลังจากออกไปข้างนอกด้วยกันมาทั้งวัน พอเจอหน้าพ่อจากที่ไม่ได้เจอนานถึงสองปี เขาถึงกับเกร็งแต่ก็ยกมือไหว้ พ่อเข้ามากอดและไม่พูดอะไร เขากอดตอบและกล่าวได้