เจตสุวีย์…หนุ่มหล่อลูกเศรษฐีระดับประเทศในวัย 31 ปี ที่ต้องมาอาศัยในบ้านมือสองขนาด 3 ห้องนอนตามลำพัง เขาเลือกที่จะปลีกตัวจากครอบครัวอันอบอุ่นเพราะความสำนึกผิดและต้องการทบทวนในสิ่งที่ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในหลายๆ เรื่อง
เขาขายบ้านที่เคยคิดว่าจะซื้อไว้เพื่ออยู่กับคนที่เขารัก แต่ในเมื่อทุกอย่างพังไปหมดทั้งการงานที่พ่อของเขาไม่ไว้ใจ เหตุทั้งหมดเกิดจากความรักที่ไม่สมหวัง ทำให้ชีวิตจิตใจของเขาพังทลายอย่างไม่เป็นท่า เจตสุวีย์ตัดสินใจยกเงินที่ขายบ้านหรูหลังใหญ่ระดับ Luxury ส่วนหนึ่งให้ผู้หญิงที่เขารักข้างเดียวไปถึง 20 ล้าน และนำเงินที่เหลือมาลงทุนเปิดบริษัทกับเพื่อนสนิทอีกสองคน เพื่อรับงานอีเว้นท์ต่างๆ เปิดบริษัทรับดูแลเป็นที่ปรึกษาจัดการหลังบ้านสำหรับธุรกิจขนาดกลางที่กำลังเฟื่องฟูในไทยจากธุรกิจออนไลน์ต่างๆ รวมถึงสถานบันเทิงอย่าง Esters Bar ที่ทองหล่อของเขายังทำเงินให้ได้พอสมควร ในวันหนึ่งที่เขากลับบ้านเร็วกว่าทุกวันและกำลังขับรถเข้าไปจอดในบ้าน ถึงกับตะลึงนิดหน่อยที่เห็นหญิงสาวเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงกันข้ามที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายคนที่เขารัก กำลังขนของช่วยแม่ลงจากรถที่จอดหน้าบ้านของเธอ พอเขาไปปิดประตูบ้านหลังจากจอดรถ ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน และเธอที่ยังใส่ชุดนักศึกษาได้เป็นฝ่ายเดินมาทักก่อน “สวัสดีค่ะ..เห็นเข้าอยู่มาตั้งนาน พึ่งได้เจอเจ้าของบ้านก็วันนี้ ยินดีที่รู้จักค่ะ หนูชื่อ ธนัชชา เราเป็นเพื่อนบ้านกัน มีอะไรก็คุยกันได้นะคะ” “ยินดีที่รู้จักเช่นกันครับ ผมชื่อโจ” เจตสุวีย์พูดสั้นๆ แค่นั้น แล้วยิ้มบางๆ ให้ตามมารยาท “เอ่อ..เรียกนัชชาก็ได้นะคะ” “งั้นผมขอเข้าบ้านก่อนนะครับ พอดีต้องเคลียร์งานต่อนิดหน่อย” เขาตัดบทอย่างมีมารยาท แต่ความหล่อสะอาดสะอ้านนั้น ทำให้สาวแรกรุ่นอย่างเธอชอบเขาในทันที ธนัชชาเริ่มเอาขนมไปแขวนไว้ที่ประตูบ้านให้เขาบ่อยๆ เพราะเธอชอบทำขนม ทำให้เจตสุวีย์เกรงใจจนต้องไปกดกริ่งที่บ้านเธอเพื่อกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณมากครับ เห็นเอามาแขวนไว้ให้ตลอด บางทีผมกินไม่ทันก็เอาไปฝากที่ออฟฟิศ” เธอยิ้มเขินอายที่เขามาหาที่บ้านจนได้ “หนูเห็นพี่อยู่คนเดียว เผื่อหิวน่ะค่ะ เพราะบางทีเห็นไฟที่ห้องพี่บนชั้นสองยังเปิดตอนดึกๆ” “นอนดึกเหมือนกันเหรอครับ? จริงๆ ไปเรียนไม่น่านอนดึกนะ” “หนูนอนไม่ค่อยหลับค่ะ เพราะแม่เป็นพยาบาลเข้างานกะดึกบ่อย ตั้งแต่พ่อเสียไป แม่ทำงานเยอะขึ้น ถ้าหนูเรียนจบก็อยากให้แม่สบายขึ้นบ้าง” บ้านของเธอและแม่ที่อยู่ตรงกันข้ามนั้นเป็นบ้านชั้นเดียว จอดรถได้หนึ่งคันเป็นแบบนี้ทั้งฝั่ง ส่วนฝั่งของเขาจะเป็นบ้านสองชั้นขนาดใหญ่ทั้งฝั่งเช่นกัน มันทำให้เห็นความแตกต่างทั้งจากราคาบ้านและวิถีชีวิต “เสียใจเรื่องพ่อของน้องด้วยนะครับ” “ถ้าพี่โจมีงานพิเศษให้หนูทำก็บอกได้นะคะ ทำได้ทุกอย่าง” ตอนนั้นเจตสุวีย์คิดแค่อยากช่วยเธอจากใจจริงเพราะความเห็นอกเห็นใจ “งั้นผมจะจ่ายรายอาทิตย์ละ 2,500 น้องทำอาหารเย็นมาส่งทุกวันยกเว้นเสาร์อาทิตย์ ผมจะบอกว่าอะไรที่ผมไม่ชอบทาน แล้ววันไหนผมกลับบ้านดึกก็จะแจ้งไว้ จะได้ไม่ต้องทำแต่ก็จะจ่ายเต็มเหมือนเดิม” เธอทำหน้าดีใจจนแก้มแดงระเรื่อ เมื่อต้องแลกไลน์กับเขาไว้ติดต่อกัน “ผมจะให้กุญแจบ้านไว้ชุดหนึ่ง เผื่อเอาอาหารเข้าไปไว้ในบ้าน ผมไม่ซีเรียสเพราะติดกล้องไว้หมดอยู่แล้ว” “ขอบคุณนะคะ..พี่โจ” วันแรกที่เธอต้องทำอาหารไปส่ง ธนัชชารีบกลับจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาทำอาหารใส่กล่องไปให้เจตสุวีย์ที่ยังไม่กลับบ้าน เธอไขกุญแจเข้าไป ตรงไปห้องครัวและเก็บไว้ในตู้เย็น ก่อนจะถือโอกาสเดินดูบ้านชั้นล่าง ทุกอย่างดูแพง ตกแต่งสวยงามไปหมด พี่โจรสนิยมดีจัง..บ้านก็หอม ตัวเขาก็หอมมาก สะอาดไปหมดทั้งบ้าน.. เธอเห็นประตูห้องทำงานเปิดอยู่จึงจะไปปิดไว้ให้ แต่ตาเหลือบไปเห็นภาพวาดหญิงสาวคนหนึ่งบนผนังใส่กรอบอย่างสวยงาม สวยจัง..ใครกันนะ ทำไมถึงทำเป็นภาพวาด ทั้งที่คนในภาพก็ดูไม่ใช่คนสมัยก่อน.. แต่จะว่าไปเขาหล่อขนาดนี้ทำไมยังอยู่คนเดียว ทั้งที่ชีวิตก็ดูเหมือนดีพร้อมไปหมด… ธนัชชาทำอาหารเย็นมาให้เขาร่วมเดือน แต่เขากลับบ้านดึกเสมอ จนเธอไม่ทันได้ดักรอเพื่อเจอหน้าเขาเพราะหลับไปก่อน เจตสุวีย์อยู่ที่ออฟฟิศ เขาทำงานอย่างบ้าคลั่งจริงจังเพื่อกอบกู้ฐานะของตัวเองให้เร็วที่สุด เพราะตั้งปณิธานไว้ว่าจะพิสูจน์ให้พ่อของเขาเห็นว่าสามารถ self-made ได้ “โจ วันนี้ไปแฮงค์เอ้าท์ด้วยกัน โปรเจคหินแม่งกว่าจะเสร็จ ผมเกือบน็อก” “เจอกันที่บาร์สักสี่ทุ่มละกัน พรุ่งนี้จะนอนยาวๆ หน่อย” เขากลับไปถึงบ้านตอนหนึ่งทุ่ม ธนัชชาที่ เห็นรถของเขาจากในบ้านของเธอ ก็รีบเดินออกมาเพื่อทักทาย “พี่โจ ให้หนูช่วยอุ่นอาหารให้เอามั้ยคะ?” เจตสุวีย์ยิ้มให้แล้วพยักหน้า เสียงโทรศัพท์สายเข้าจากน้องสาวก็เข้ามาพอดีขณะที่ไขประตูเพื่อเข้าบ้าน “ว่าไงจูน?” “จูนบอกอายแล้วนะ เรื่องพี่โอนเงิน 20 ล้าน ให้น้องมาร์ติน” “แล้ว..น้องอายพูดอะไรถึงพี่บ้างมั้ย?” ธนัชชาที่กำลังอุ่นอาหารถึงกับหูผึ่งทันที แต่ก็จัดจานอาหารลงบนโต๊ะต่อด้วยท่าทางปกติ “อายกับจูนร้องไห้ด้วยกัน เราต่างทำได้แค่นั้น แมทธิวคงเกลียดพวกเรามาก เพราะตอนพวกเราไปเยี่ยมที่บ้าน เขาออกไปข้างนอกทันที ส่วนเรื่องลูกชาย อายบอกว่าจะให้ลูกชายใช้นามสกุลของอายแทนของสามี” “จูนได้เห็นลูกชายของน้องอายมั้ย? พี่ยังไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่? น้องอายโกหกพี่เรื่องที่ว่าท้องสองเดือนในตอนนั้น คำนวณจากที่พึ่งคลอดย้อนไปเก้าเดือน คือช่วงที่น้องอายมีอะไรกับพี่พอดี” ธนัชชาถึงกับทำช้อนตก เธอรีบทำท่าทางขอโทษเจตสุวีย์ที่นั่งคุยอยู่ตรงโต๊ะอาหาร ซึ่งเขาแค่เหลือบมองแต่ไม่พูดอะไร “เสียงอะไรหล่นอ่ะพี่โจ? แล้วกินอะไรหรือยัง? ม๊าเป็นห่วงทุกวัน ถึงพี่โจไม่บอกใครเรื่องที่อยู่ ป๊าก็ให้คนไปสืบที่อยู่พี่อยู่ดี ตอนนี้ทุกคนก็รู้หมดแล้วว่าพี่อยู่ที่ไหน” เจตสุวึย์ถอนหายใจนิดหน่อย เขาเองไม่กล้าสู้หน้าพ่อกับแม่ แต่พวกท่านก็ยังแอบห่วงเขา “มีอาหารเย็นแล้ว วันนี้ว่าจะไปที่บาร์ จูนอยากชวนเพื่อนมาแจมก็ได้ ไงวันนี้ก็วันศุกร์ พรุ่งนี้ไม่ต้องไปช่วยป๊าที่บริษัทใช่มั้ยล่ะ?” “โอเคพี่โจ นี่ก็เครียดๆ เหมือนกัน” เจตสุวีย์เริ่มทานข้าวเงียบๆ ธนัชชาเสนอตัวอยู่เป็นเพื่อนเพื่อรอล้างจานให้เขา “ถ้าอยากอยู่เป็นเพื่อนคุยก็ได้ แต่ล้างจานไม่ต้องหรอกครับ แม่บ้านกับคนสวนจะมาพรุ่งนี้ พวกเขามาทุกวันเสาร์อยู่แล้ว” “พี่โจอยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอคะ?” “ผมมีเรื่องให้คิดเยอะ ว่าแต่น้องล่ะ ไม่ไปสังคมกับเพื่อนบ้างเหรอ?” “ไม่มีเงินขนาดจะไปเที่ยวเตร่ได้หรอกค่ะ สมัยนี้หน้าตาดีแค่ไหน ถ้าไม่มีเงินเพื่อนก็จะน้อยนะ” “ถ้าวันไหนอยากชวนเพื่อนไปเที่ยว ก็ไปที่บาร์ผมได้ Esters Bar ทองหล่อ ผมจ่ายเอง” “โห จริงเหรอคะ? พี่โจใจดีจัง” เขาแค่ยิ้มให้ พลางกินข้าวและเลื่อนฟีดในไอจีไปด้วย เจตสุวีย์กดไลค์ให้ไอรดาเกือบทุกรูปที่เธอลงไว้ โดยไม่คอมเมนต์อะไรเพื่อไม่ให้เธอมีปัญหากับสามีได้ “หนูบังเอิญ..จะไปปิดประตูห้องทำงานให้ เลยเห็นรูปวาดผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมาก..” “เธอเป็นรักแรกสมัยที่ผมเรียนมหาวิทยาลัยในตอนนั้นที่ผมดันมีแฟนอยู่ก่อน และยังรักเสมอแม้ว่าตอนนี้เธอจะแต่งงานแล้ว” คำตอบที่ตีกรอบให้ตัวเขาเอง ทำให้ธนัชชาถึงกับหน้าสลดลง เจตสุวีย์ดูออกว่าหญิงสาวเพื่อนบ้านนั้นมีใจให้เขา “ทำหน้าเศร้า มีอะไรอยากพูดกับผมหรือเปล่า? ผมเปิดโอกาสให้พูดได้นะ” เขาวางช้อนส้อมลง แล้วนั่งกอดอกมองเธอ ในตอนแรกเขาคิดว่าเธอคล้ายไอรดา แต่พอมองตรงๆ ไม่คล้ายเลยทั้งหน้าตา รูปร่าง เขาคงแค่เห็นด้านข้างแล้วคลับคล้ายคลับคลาเท่านั้น ธนัชชาคิดอย่างรวดเร็วว่า การพูดในสิ่งที่ต้องการก็ยังดีกว่าไม่พูดแล้วจะพลาดสิ่งนั้นไป “หนูชอบพี่โจค่ะ..ไม่ใช่เพราะเงินทอง หนูชอบที่พี่ตัวหอม สะอาด ขยันทำงาน เป็นคนเงียบๆ ดูเป็นผู้นำ แค่ได้อยู่ใกล้ก็มีความสุขแล้ว” เธอก้มหน้าพูดอายๆ โดยไม่มองเขา สองมือที่ขยำกางเกงอยู่เพราะความตื่นเต้นที่บอกความในใจออกไปตรงๆ “น้องไม่มีแฟนเหรอ? หรือคนที่ชอบพอล่ะ?” “เคยมีค่ะตอนปีหนึ่งแต่เขานอกใจ เพราะผู้หญิงอีกคนมีรถส่วนตัวขับ มีเงินให้เขาหยิบยืมได้” เขามองจ้องไปที่หญิงสาวที่ไม่กล้าสบตาเขา “ผมมีคนที่รักในใจแล้ว..แต่ถ้าอยากยื่นหมูยื่นแมวก็ได้อยู่” ธนัชชาเงยหน้ามอง เธอสนใจทั้งนั้นถ้าจะทำให้ได้อยู่ใกล้ชิดผู้ชายตรงหน้า เพราะยังไงคนในใจของเขาก็แต่งงานไปแล้ว เท่ากับทางสะดวก “ยังไงคะ?” “น้องจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องอายเพื่อน จะได้มีสังคม แลกกับก็..ดูแลผมบ้าง ผมไม่รบกวนอะไรมากเพราะงานบ้านผมจ้างแม่บ้านอยู่แล้ว” เขาคุ้นเคยกับการเสนออะไรแบบนี้มาแล้ว แม้แต่กับเมียเก่าของคนที่เขาเกลียด..สามีของไอรดา “เรื่องแบบนั้นด้วย..ใช่มั้ยคะ?” เธอที่หน้าแดงเอ่ยถามขึ้นอย่างตะกุกตะกัก ส่วนเจตสุวีย์ก็ถามกลับเช่นกัน “แม่ของน้องล่ะ จะบอกกับท่านว่ายังไง?” “พี่โจอยากให้สถานะหนูแบบไหนคะ?” “คนโปรดของผม” ธนัชชาคิดว่าเธอจะเอาชนะใจเขาให้ได้ในวันหนึ่ง แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาและเงินเพื่อเข้าคลินิกทำสวยอะไรต่างๆ “หนูตกลงจะเป็นคนโปรดของพี่โจค่ะ”เจตสุวีย์มองเธอแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาดูสุขุม ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย“พี่โจ…เคยมีคนโปรดแบบนี้มั้ยคะ?”“เคย..แต่ไม่ใช่เพราะว่าชอบ แต่เป็นเพราะว่าเกลียด รู้สึกจะช่วงสั้นๆ ไม่ถึงเดือนก็ให้เลิกไปพร้อมกับเงินหนึ่งล้าน ไม่รวมที่โอนจ่ายตลอดให้อีก”“ทำไมเกลียดแล้วถึงเลี้ยงดูคะ?”“ที่ต้องเลี้ยงไว้จะได้อยู่ใกล้ตัว ควบคุมได้ง่าย ไม่ให้ไปด่าระรานผู้หญิงที่ผมรัก”ทำเอาเธอเริ่มกลัวเขาตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มความสัมพันธ์ พูดง่ายๆ การมีสัมพันธ์กับเขาในฐานะผู้ถูกอุปถัมภ์ มีสิ่งต้องห้ามคือ อย่าแตะต้องผู้หญิงในหัวใจเขา“น้องมีรอยสักที่ไหนมั้ยครับ?”“เอ่อ มีค่ะ ที่ต้นคอด้านหลังแต่เล็กๆ เท่านิ้วโป้ง”เจตสุวีย์ทำหน้านิ่งขึ้น แล้วถอนหายใจยาวๆ“แล้วแต่น้องนะ ผมเคารพสิทธิส่วนบุคคล จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ด้วยรสนิยมส่วนตัว ผมไม่ชอบผู้หญิงที่มีรอยสัก ถ้าอยากเก็บไว้ ผมคงต้องขอยกเลิกสิ่งที่เราคุยกัน”ธนัชชารีบละล่ำละลักพ
เขากลับถึงบ้าน เมื่อไขประตูเข้าไปก็เจอธนัชชางัวเงียพึ่งตื่นอยู่ที่โซฟาเพราะได้ยินเสียงประตูเปิด นั่นทำให้เขาแปลกใจ“ทำไมน้องมาอยู่ที่นี่ ไม่กลับไปนอนที่บ้านครับ”“หนูเป็นห่วงพี่โจจะเมาค่ะ เลยมารอ ไม่ได้ยินเสียงรถเลย สงสัยหนูมัวหลับลึกไปหน่อย”“ผมไม่ได้เมามาก แค่มึนๆ นิดหน่อย ขอบคุณมาก”“พี่โจไม่อยากให้หนูอยู่ดูแลพี่เหรอคะ?”เจตสุวีย์ที่เมานิดหน่อยและกำลังปลื้มใจที่จะได้ติดต่อกับคนที่เขารักอีกครั้ง ทำให้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ“อยากดูแลอะไรตอนนี้ มันดึกแล้วนะ เกือบตีสอง”ทำให้ธนัชชาอายขึ้นมาที่เหมือนเธอเสนอตัวก่อน แต่เจตสุวีย์นั้นเขาเหมือนเสือที่เห็นเหยื่อ จึงเดินไปใกล้ๆ แล้วถาม กลิ่นตัวที่หอมของเขาผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ ทำให้เธอรู้สึกใจสั่นไหวสุดๆ“ดูแลพี่บนเตียงเหรอ หรือยังไง?”“เอ้อ..หนู..เห็นว่าเราตกลงกันแล้วและพี่โจก็ใจกว้างโอนมาให้หนูก่อนตั้งมากมาย จะให้หนูกลับไปนอนที่บ้านสบายใจเฉิบโดยไม่สนใจพี่ว่าถึงบ้านหรือยัง รู้สึ
ธนัชชาที่เก้อเขินเขาที่นอนเอนหลังอยู่ เริ่มเดินมาใกล้ๆ ข้างเตียง ก่อนจะทรุดตัวนั่งข้างตัวเขา แต่เจตสุวีย์กลับมองเธอเฉยๆ เท่านั้น“เอ่อ..พี่โจจะให้หนูทำอะไรคะ คือ..หนูไม่เคยเริ่มก่อน”เฮ้อ..ภรรยาเก่าของแมทธิวยังรู้งานมากกว่านี้ แต่เอาเถอะ..เธอคงไม่รู้งานเท่ากับสาวกลางคืนอย่างกานต์วิภาที่ผ่านผู้ชายมาเยอะกว่าเจตสุวีย์คิดแบบนั้นก็ลุกไปปิดไฟ แล้วไปยืนใกล้เธอที่นั่งบนเตียง จับมือเธอให้มาลูบสัมผัสที่เป้ากางเกงนอนของเขา ธนัชชาเขินมากแต่ดีที่เขารู้ใจเธอแล้วปิดไฟ ทำให้ไม่ต้องอายมากเกินไป เธอเริ่มใช้สองมือลูบไล้อยู่ครู่หนึ่ง จนมันแข็งตัวพองขึ้นก่อนจะค่อยๆ ถอดกางเกงของเขาลงไปกองกับพื้นถึงตอนนี้เธอแอบเสียดายนิดหน่อยที่ปิดไฟจนไม่เห็นเรือนร่างของผู้ชายที่เธอหลงรัก“ผมไปนอนบนเตียงดีกว่านะ”เขาขึ้นไปนอนโดยถอดกางเกงที่กองอยู่ปลายเท้าออกไป ธนัชชาเลื่อนตัวเข้าไปกลางหว่างขาของเขาแล้วใช้ปากโลมเลียเพื่อหวังทำให้เขาพอใจ สำหรับเจตสุวีย์ที่คิดว่าขนาดปิดไฟเธอยังอ้อยอิ่ง ทำให้เขาเบาเกินไปจนแทบจะไ
ช่วงที่ธนัชชาพยายามโอ้โลมเขา กอดจูบไปทั่ว แต่พอจะจูบปากเขากลับเบือนหน้าหนีตลอด จนเธอไม่เข้าใจ “พี่โจรังเกียจหนูเหรอคะ?” เธอถามเสียงอ่อยๆ แต่เขาส่ายหน้า “ทำต่อเถอะ ผมแค่ไม่ชอบจูบใครน่ะ” “แปลกจัง” เธอฟังคำตอบที่แปลกของเขาแล้วอมยิ้ม ก่อนจะถอดกางเกงให้แล้วใช้ปากดูดกลืนน้องชายของเขาที่แข็งตัวมากในตอนนี้ เจตสุวีย์เอาแต่มองรูปคนที่เขารักอยู่ตลอด เขาจำตอนที่ได้ร่วมรักกับไอรดา เธอร้องไห้อ้อนวอนเขาให้หยุด จำความรู้สึกในกายเธอที่นุ่มนิ่มและรัดรึงนั้นได้ดีเมื่อเธอสู้กับเขาจนหมดแรงต้านทาน อารมณ์ ความรู้สึก ความทรงจำนั้น พวยพุ่งออกมาอย่างมากมาย จนธนัชชาที่ใช้ปากให้และไม่รู้ตัวว่าเขาใกล้เสร็จ ถึงกับตกใจที่เขาพรั่งพรูคาปากเธอจนเลอะไปหมด พร้อมกับเสียงครางเบาๆของเจตสุวีย์ที่ลืมตัวหลุดพูดออกมา “ไอรดา..” จากความตกใจที่เขาเสร็จโดยไม่บอกและความน้อยใจที่วันนี้คือวันเกิดของเธอ แต่เขากลับพูดชื่อผู้หญิงอื่นทั้งที่เธอเป็นคนทำ ธนัชชาวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อไปบ้วนปากและแอบร้องไห้ในห้องน้ำอยู่พักหนึ่ง “นัชชา เข้าห้องน้ำเสร็จหรือยัง ผมขอเข้าหน่อย” เธอเปิดประตูออกมาทั้งที่ยังร้องไห้อยู่ เจตสุวีย์เห็นแต่
พอวันที่จูนและเจตสุวีย์ไปเชียงใหม่และพักที่บ้านของไอรดา เขาติดสินบนลูกชายป้ารินไม่ให้บอกไอรดาและทุกคนว่าเขามาที่นี่ “บอกแค่ว่าจูนมาคนเดียวก็พอ ผมไม่อยากให้น้องอายมีปัญหากับสามี เราไม่ค่อยถูกกันน่ะ”“อ้อ ครับๆ”ลูกชายป้ารินรับคำอย่างว่าง่าย “จูนนอนห้องนอนรับรองแขกไปเถอะ พี่แค่จะเข้าไปอาบน้ำก็พอ จะนอนที่ห้องรับแขกเอา”“เอ้า ห้องนอนมีตั้งเยอะ”“ทุกห้องที่นี่ ไอ้พ่อม่ายนั่นคงใช้ไปหมดแล้ว นอนไม่ลง”“เฮ่อออ…แล้วแต่ละกัน เอาโทรศัพท์พี่มาหน่อย จะส่งข้อความบอกอาย ขี้เกียจเปิดโน้ตบุ๊ค” เจตสุวีย์ไม่ได้มาที่นี่นานมาก เขาย้อนนึกถึงวันแรกที่ได้เจอเธอ เพราะเธอสนิทกับจูนจนพาพ่อแม่มาสนิทกัน ร่วมทำกิจการด้วยกัน ในตอนนั้นที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยปีสี่และมีแฟนแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอเพื่อนสนิทของน้องสาว แค่ได้ยินผ่านๆเพราะจูนชอบเชียร์เพื่อนคนนี้ให้เขาจีบเสมอ จนวันที่ครอบครัวของเขาต้องการไปพักผ่อนที่เชียงใหม่โดยเขาได้มาด้วยและพักที่บ้านนี้ตอนที่เขาลงจากรถและเจอเธอยืนข้างๆคุณแม่ เด็กสาวอายุเพียง 19 เธอสวยถอดแบบแม่มาแทบจะเหมือนพี่สาวและน้องสาว ตอนที่เขาก้าวเข้ามาสวัสดีครอบครัวของไอรดา ดวงตาที่กลมโต ผิวหน้าและผ
เจตสุวีย์จมอยู่กับความคิดที่ว่า ไอรดาอาจเริ่มใจอ่อนให้เขาบ้างแล้ว เขาฟังเพลงที่เธอเคยส่งให้อยู่ตลอด ทั้งเวลาอยู่บ้าน ในรถ ที่ออฟฟิศ บางครั้งไปดื่มที่บาร์ก็ให้เปิดเพลงนี้ตอนนี้เขาเริ่มกลับไปติดต่อกับครอบครัวเป็นระยะๆ แต่ส่วนมากจะเป็นแม่ที่เขาโทรไปหาบ่อยที่สุด ธนัชชากับแม่เที่ยวอยู่ที่ภูเก็ต เจตสุวีย์ได้จ่ายสำหรับห้องพักที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต และให้เช่ารถขับเองโดยไม่ต้องพึ่งแท็กซี่ สองแม่ลูกช้อปปิ้งกินหรูอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “แม่คะ กลับไปเราไปเจอพี่เขากันนะ หนูบอกพี่เขาแล้ว”“จริงเหรอ? แล้วแม่ต้องแต่งตัวยังไง ทำตัวไม่ถูกแน่ๆเลย”เธอลงไอจีมาตลอดถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ได้คบหากับเขา เพื่อนๆมากมายพากันมากดไลค์ให้กับธนัชชาคนใหม่ที่ค่อยๆสวยขึ้น จากการใช้เงินเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม “นัชชา แกรู้ป่ะว่าแฟนแกอ่ะ ลูกนักธุรกิจคนดังระดับประเทศนะ เนี่ย..พึ่งเห็นข่าวจัดอันดับนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงของปีนี้ มีรูปพี่เขาขึ้นในนั้น ฉันจำหน้าได้”ธนัชชาแกล้งทำเป็นชิลๆเหมือนรู้ดี แต่จริงๆแล้วเธอไม่กล้าถามนามสกุลหรือเรื่องครอบครัวของเขาเลยด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่เปิดปากเล่าก่อน ซึ่งแน่นอน
ไอรดาที่เข้าห้องน้ำ เธอตื่นเต้นจนหายใจแรงและตัดสินใจลบแชททั้งหมดทันทีก่อนจะออกมาจากห้องน้ำ โดยที่แมทธิวยืนรอเธออยู่ พอเปิดประตูมาเจอทำเอาเธอตกใจสะดุ้งจนตัวโยน“ผมทำคุณตกใจเหรอ? Sweetie”“ก็ปกติไม่มายืนหน้าประตูแบบนี้ เป็นใครก็ตกใจ”“ปกติคุณก็ไม่เคยเอาโทรศัพท์เข้าห้องน้ำด้วย”“เคยสิ เวลาอึ”แมทธิวไม่พูดอะไรแต่มองตาเธอนิ่ง เหมือนต้องการเช็กอะไรอยู่“อะไร? ทำไมต้องจ้องกันแบบนั้นด้วย”ไอรดาถอนหายใจและเบี่ยงตัวเดินหลบเขาไป แมทธิวไม่อยากหาเรื่องหึงกับเธอเพราะกำลังท้องอ่อนๆ กลัวจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกเจตสุวีย์รอให้ไอรดาตอบอะไรมาสักอย่างแต่กลับเงียบ เขาเดินวนไปวนมาในห้อง จนธนัชชาเอ่ยถามขึ้น“พี่โจนอนพักผ่อนดีกว่ามั้ยคะ? ดึกแล้วนะ”“น้องกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้ครับ ผมขออยู่คนเดียววันนี้”เขาพูดโดยไม่มองเธอด้วยซ้ำ ก่อนจะนั่งที่ขอบเตียงจ้องแต่โทรศัพท์ แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ“ทำไมหนูเงียบคะ ตอบอะไรก็ได้มาหน่อย พี่รอหนูอยู่นะ อะไรก็ได้..ได้โปรด”ธนัชชาถึงกับอึ้ง คำพูดของเขาที่ใช้กับผู้หญิงคนนั้นช่างฟังแตกต่างจากที่เรียกหรือพูดกับเธอชัดเจน“ไอรดาอาจจะคุยกับสามีของเธออยู่ก็ได้มั้งคะพี่” เจตสุวีย์อารม
ไอรดาที่เข้าห้องน้ำ เธอตื่นเต้นจนหายใจแรงและตัดสินใจลบแชททั้งหมดทันทีก่อนจะออกมาจากห้องน้ำ โดยที่แมทธิวยืนรอเธออยู่ พอเปิดประตูมาเจอทำเอาเธอตกใจสะดุ้งจนตัวโยน“ผมทำคุณตกใจเหรอ? Sweetie”“ก็ปกติไม่มายืนหน้าประตูแบบนี้ เป็นใครก็ตกใจ”“ปกติคุณก็ไม่เคยเอาโทรศัพท์เข้าห้องน้ำด้วย”“เคยสิ เวลาอึ”แมทธิวไม่พูดอะไรแต่มองตาเธอนิ่ง เหมือนต้องการเช็กอะไรอยู่“อะไร? ทำไมต้องจ้องกันแบบนั้นด้วย”ไอรดาถอนหายใจและเบี่ยงตัวเดินหลบเขาไป แมทธิวไม่อยากหาเรื่องหึงกับเธอเพราะกำลังท้องอ่อนๆ กลัวจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกเจตสุวีย์รอให้ไอรดาตอบอะไรมาสักอย่างแต่กลับเงียบ เขาเดินวนไปวนมาในห้อง จนธนัชชาเอ่ยถามขึ้น“พี่โจนอนพักผ่อนดีกว่ามั้ยคะ? ดึกแล้วนะ”“น้องกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้ครับ ผมขออยู่คนเดียววันนี้”เขาพูดโดยไม่มองเธอด้วยซ้ำ ก่อนจะนั่งที่ขอบเตียงจ้องแต่โทรศัพท์ แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ“ทำไมหนูเงียบคะ ตอบอะไรก็ได้มาหน่อย พี่รอหนูอยู่นะ อะไรก็ได้..ได้โปรด”ธนัชชาถึงกับอึ้ง คำพูดของเขาที่ใช้กับผู้หญิงคนนั้นช่างฟังแตกต่างจากที่เรียกหรือพูดกับเธอชัดเจน“ไอรดาอาจจะคุยกับสามีของเธออยู่ก็ได้มั้งคะพี่” เจตสุวีย์อารม
เจตสุวีย์จมอยู่กับความคิดที่ว่า ไอรดาอาจเริ่มใจอ่อนให้เขาบ้างแล้ว เขาฟังเพลงที่เธอเคยส่งให้อยู่ตลอด ทั้งเวลาอยู่บ้าน ในรถ ที่ออฟฟิศ บางครั้งไปดื่มที่บาร์ก็ให้เปิดเพลงนี้ตอนนี้เขาเริ่มกลับไปติดต่อกับครอบครัวเป็นระยะๆ แต่ส่วนมากจะเป็นแม่ที่เขาโทรไปหาบ่อยที่สุด ธนัชชากับแม่เที่ยวอยู่ที่ภูเก็ต เจตสุวีย์ได้จ่ายสำหรับห้องพักที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต และให้เช่ารถขับเองโดยไม่ต้องพึ่งแท็กซี่ สองแม่ลูกช้อปปิ้งกินหรูอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “แม่คะ กลับไปเราไปเจอพี่เขากันนะ หนูบอกพี่เขาแล้ว”“จริงเหรอ? แล้วแม่ต้องแต่งตัวยังไง ทำตัวไม่ถูกแน่ๆเลย”เธอลงไอจีมาตลอดถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ได้คบหากับเขา เพื่อนๆมากมายพากันมากดไลค์ให้กับธนัชชาคนใหม่ที่ค่อยๆสวยขึ้น จากการใช้เงินเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม “นัชชา แกรู้ป่ะว่าแฟนแกอ่ะ ลูกนักธุรกิจคนดังระดับประเทศนะ เนี่ย..พึ่งเห็นข่าวจัดอันดับนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงของปีนี้ มีรูปพี่เขาขึ้นในนั้น ฉันจำหน้าได้”ธนัชชาแกล้งทำเป็นชิลๆเหมือนรู้ดี แต่จริงๆแล้วเธอไม่กล้าถามนามสกุลหรือเรื่องครอบครัวของเขาเลยด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่เปิดปากเล่าก่อน ซึ่งแน่นอน
พอวันที่จูนและเจตสุวีย์ไปเชียงใหม่และพักที่บ้านของไอรดา เขาติดสินบนลูกชายป้ารินไม่ให้บอกไอรดาและทุกคนว่าเขามาที่นี่ “บอกแค่ว่าจูนมาคนเดียวก็พอ ผมไม่อยากให้น้องอายมีปัญหากับสามี เราไม่ค่อยถูกกันน่ะ”“อ้อ ครับๆ”ลูกชายป้ารินรับคำอย่างว่าง่าย “จูนนอนห้องนอนรับรองแขกไปเถอะ พี่แค่จะเข้าไปอาบน้ำก็พอ จะนอนที่ห้องรับแขกเอา”“เอ้า ห้องนอนมีตั้งเยอะ”“ทุกห้องที่นี่ ไอ้พ่อม่ายนั่นคงใช้ไปหมดแล้ว นอนไม่ลง”“เฮ่อออ…แล้วแต่ละกัน เอาโทรศัพท์พี่มาหน่อย จะส่งข้อความบอกอาย ขี้เกียจเปิดโน้ตบุ๊ค” เจตสุวีย์ไม่ได้มาที่นี่นานมาก เขาย้อนนึกถึงวันแรกที่ได้เจอเธอ เพราะเธอสนิทกับจูนจนพาพ่อแม่มาสนิทกัน ร่วมทำกิจการด้วยกัน ในตอนนั้นที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยปีสี่และมีแฟนแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอเพื่อนสนิทของน้องสาว แค่ได้ยินผ่านๆเพราะจูนชอบเชียร์เพื่อนคนนี้ให้เขาจีบเสมอ จนวันที่ครอบครัวของเขาต้องการไปพักผ่อนที่เชียงใหม่โดยเขาได้มาด้วยและพักที่บ้านนี้ตอนที่เขาลงจากรถและเจอเธอยืนข้างๆคุณแม่ เด็กสาวอายุเพียง 19 เธอสวยถอดแบบแม่มาแทบจะเหมือนพี่สาวและน้องสาว ตอนที่เขาก้าวเข้ามาสวัสดีครอบครัวของไอรดา ดวงตาที่กลมโต ผิวหน้าและผ
ช่วงที่ธนัชชาพยายามโอ้โลมเขา กอดจูบไปทั่ว แต่พอจะจูบปากเขากลับเบือนหน้าหนีตลอด จนเธอไม่เข้าใจ “พี่โจรังเกียจหนูเหรอคะ?” เธอถามเสียงอ่อยๆ แต่เขาส่ายหน้า “ทำต่อเถอะ ผมแค่ไม่ชอบจูบใครน่ะ” “แปลกจัง” เธอฟังคำตอบที่แปลกของเขาแล้วอมยิ้ม ก่อนจะถอดกางเกงให้แล้วใช้ปากดูดกลืนน้องชายของเขาที่แข็งตัวมากในตอนนี้ เจตสุวีย์เอาแต่มองรูปคนที่เขารักอยู่ตลอด เขาจำตอนที่ได้ร่วมรักกับไอรดา เธอร้องไห้อ้อนวอนเขาให้หยุด จำความรู้สึกในกายเธอที่นุ่มนิ่มและรัดรึงนั้นได้ดีเมื่อเธอสู้กับเขาจนหมดแรงต้านทาน อารมณ์ ความรู้สึก ความทรงจำนั้น พวยพุ่งออกมาอย่างมากมาย จนธนัชชาที่ใช้ปากให้และไม่รู้ตัวว่าเขาใกล้เสร็จ ถึงกับตกใจที่เขาพรั่งพรูคาปากเธอจนเลอะไปหมด พร้อมกับเสียงครางเบาๆของเจตสุวีย์ที่ลืมตัวหลุดพูดออกมา “ไอรดา..” จากความตกใจที่เขาเสร็จโดยไม่บอกและความน้อยใจที่วันนี้คือวันเกิดของเธอ แต่เขากลับพูดชื่อผู้หญิงอื่นทั้งที่เธอเป็นคนทำ ธนัชชาวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อไปบ้วนปากและแอบร้องไห้ในห้องน้ำอยู่พักหนึ่ง “นัชชา เข้าห้องน้ำเสร็จหรือยัง ผมขอเข้าหน่อย” เธอเปิดประตูออกมาทั้งที่ยังร้องไห้อยู่ เจตสุวีย์เห็นแต่
ธนัชชาที่เก้อเขินเขาที่นอนเอนหลังอยู่ เริ่มเดินมาใกล้ๆ ข้างเตียง ก่อนจะทรุดตัวนั่งข้างตัวเขา แต่เจตสุวีย์กลับมองเธอเฉยๆ เท่านั้น“เอ่อ..พี่โจจะให้หนูทำอะไรคะ คือ..หนูไม่เคยเริ่มก่อน”เฮ้อ..ภรรยาเก่าของแมทธิวยังรู้งานมากกว่านี้ แต่เอาเถอะ..เธอคงไม่รู้งานเท่ากับสาวกลางคืนอย่างกานต์วิภาที่ผ่านผู้ชายมาเยอะกว่าเจตสุวีย์คิดแบบนั้นก็ลุกไปปิดไฟ แล้วไปยืนใกล้เธอที่นั่งบนเตียง จับมือเธอให้มาลูบสัมผัสที่เป้ากางเกงนอนของเขา ธนัชชาเขินมากแต่ดีที่เขารู้ใจเธอแล้วปิดไฟ ทำให้ไม่ต้องอายมากเกินไป เธอเริ่มใช้สองมือลูบไล้อยู่ครู่หนึ่ง จนมันแข็งตัวพองขึ้นก่อนจะค่อยๆ ถอดกางเกงของเขาลงไปกองกับพื้นถึงตอนนี้เธอแอบเสียดายนิดหน่อยที่ปิดไฟจนไม่เห็นเรือนร่างของผู้ชายที่เธอหลงรัก“ผมไปนอนบนเตียงดีกว่านะ”เขาขึ้นไปนอนโดยถอดกางเกงที่กองอยู่ปลายเท้าออกไป ธนัชชาเลื่อนตัวเข้าไปกลางหว่างขาของเขาแล้วใช้ปากโลมเลียเพื่อหวังทำให้เขาพอใจ สำหรับเจตสุวีย์ที่คิดว่าขนาดปิดไฟเธอยังอ้อยอิ่ง ทำให้เขาเบาเกินไปจนแทบจะไ
เขากลับถึงบ้าน เมื่อไขประตูเข้าไปก็เจอธนัชชางัวเงียพึ่งตื่นอยู่ที่โซฟาเพราะได้ยินเสียงประตูเปิด นั่นทำให้เขาแปลกใจ“ทำไมน้องมาอยู่ที่นี่ ไม่กลับไปนอนที่บ้านครับ”“หนูเป็นห่วงพี่โจจะเมาค่ะ เลยมารอ ไม่ได้ยินเสียงรถเลย สงสัยหนูมัวหลับลึกไปหน่อย”“ผมไม่ได้เมามาก แค่มึนๆ นิดหน่อย ขอบคุณมาก”“พี่โจไม่อยากให้หนูอยู่ดูแลพี่เหรอคะ?”เจตสุวีย์ที่เมานิดหน่อยและกำลังปลื้มใจที่จะได้ติดต่อกับคนที่เขารักอีกครั้ง ทำให้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ“อยากดูแลอะไรตอนนี้ มันดึกแล้วนะ เกือบตีสอง”ทำให้ธนัชชาอายขึ้นมาที่เหมือนเธอเสนอตัวก่อน แต่เจตสุวีย์นั้นเขาเหมือนเสือที่เห็นเหยื่อ จึงเดินไปใกล้ๆ แล้วถาม กลิ่นตัวที่หอมของเขาผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ ทำให้เธอรู้สึกใจสั่นไหวสุดๆ“ดูแลพี่บนเตียงเหรอ หรือยังไง?”“เอ้อ..หนู..เห็นว่าเราตกลงกันแล้วและพี่โจก็ใจกว้างโอนมาให้หนูก่อนตั้งมากมาย จะให้หนูกลับไปนอนที่บ้านสบายใจเฉิบโดยไม่สนใจพี่ว่าถึงบ้านหรือยัง รู้สึ
เจตสุวีย์มองเธอแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาดูสุขุม ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย“พี่โจ…เคยมีคนโปรดแบบนี้มั้ยคะ?”“เคย..แต่ไม่ใช่เพราะว่าชอบ แต่เป็นเพราะว่าเกลียด รู้สึกจะช่วงสั้นๆ ไม่ถึงเดือนก็ให้เลิกไปพร้อมกับเงินหนึ่งล้าน ไม่รวมที่โอนจ่ายตลอดให้อีก”“ทำไมเกลียดแล้วถึงเลี้ยงดูคะ?”“ที่ต้องเลี้ยงไว้จะได้อยู่ใกล้ตัว ควบคุมได้ง่าย ไม่ให้ไปด่าระรานผู้หญิงที่ผมรัก”ทำเอาเธอเริ่มกลัวเขาตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มความสัมพันธ์ พูดง่ายๆ การมีสัมพันธ์กับเขาในฐานะผู้ถูกอุปถัมภ์ มีสิ่งต้องห้ามคือ อย่าแตะต้องผู้หญิงในหัวใจเขา“น้องมีรอยสักที่ไหนมั้ยครับ?”“เอ่อ มีค่ะ ที่ต้นคอด้านหลังแต่เล็กๆ เท่านิ้วโป้ง”เจตสุวีย์ทำหน้านิ่งขึ้น แล้วถอนหายใจยาวๆ“แล้วแต่น้องนะ ผมเคารพสิทธิส่วนบุคคล จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ด้วยรสนิยมส่วนตัว ผมไม่ชอบผู้หญิงที่มีรอยสัก ถ้าอยากเก็บไว้ ผมคงต้องขอยกเลิกสิ่งที่เราคุยกัน”ธนัชชารีบละล่ำละลักพ
เจตสุวีย์…หนุ่มหล่อลูกเศรษฐีระดับประเทศในวัย 31 ปี ที่ต้องมาอาศัยในบ้านมือสองขนาด 3 ห้องนอนตามลำพัง เขาเลือกที่จะปลีกตัวจากครอบครัวอันอบอุ่นเพราะความสำนึกผิดและต้องการทบทวนในสิ่งที่ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในหลายๆ เรื่องเขาขายบ้านที่เคยคิดว่าจะซื้อไว้เพื่ออยู่กับคนที่เขารัก แต่ในเมื่อทุกอย่างพังไปหมดทั้งการงานที่พ่อของเขาไม่ไว้ใจ เหตุทั้งหมดเกิดจากความรักที่ไม่สมหวัง ทำให้ชีวิตจิตใจของเขาพังทลายอย่างไม่เป็นท่าเจตสุวีย์ตัดสินใจยกเงินที่ขายบ้านหรูหลังใหญ่ระดับ Luxury ส่วนหนึ่งให้ผู้หญิงที่เขารักข้างเดียวไปถึง 20 ล้าน และนำเงินที่เหลือมาลงทุนเปิดบริษัทกับเพื่อนสนิทอีกสองคน เพื่อรับงานอีเว้นท์ต่างๆ เปิดบริษัทรับดูแลเป็นที่ปรึกษาจัดการหลังบ้านสำหรับธุรกิจขนาดกลางที่กำลังเฟื่องฟูในไทยจากธุรกิจออนไลน์ต่างๆ รวมถึงสถานบันเทิงอย่าง Esters Bar ที่ทองหล่อของเขายังทำเงินให้ได้พอสมควรในวันหนึ่งที่เขากลับบ้านเร็วกว่าทุกวันและกำลังขับรถเข้าไปจอดในบ้าน ถึงกับตะลึงนิดหน่อยที่เห็นหญิงสาวเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงกันข้ามที่มีหน้าตาละม้ายคล้าย