เจตสุวีย์จมอยู่กับความคิดที่ว่า ไอรดาอาจเริ่มใจอ่อนให้เขาบ้างแล้ว เขาฟังเพลงที่เธอเคยส่งให้อยู่ตลอด ทั้งเวลาอยู่บ้าน ในรถ ที่ออฟฟิศ บางครั้งไปดื่มที่บาร์ก็ให้เปิดเพลงนี้
ตอนนี้เขาเริ่มกลับไปติดต่อกับครอบครัวเป็นระยะๆ แต่ส่วนมากจะเป็นแม่ที่เขาโทรไปหาบ่อยที่สุด
ธนัชชากับแม่เที่ยวอยู่ที่ภูเก็ต เจตสุวีย์ได้จ่ายสำหรับห้องพักที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต และให้เช่ารถขับเองโดยไม่ต้องพึ่งแท็กซี่ สองแม่ลูกช้อปปิ้งกินหรูอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“แม่คะ กลับไปเราไปเจอพี่เขากันนะ หนูบอกพี่เขาแล้ว”
“จริงเหรอ? แล้วแม่ต้องแต่งตัวยังไง ทำตัวไม่ถูกแน่ๆเลย”
เธอลงไอจีมาตลอดถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ได้คบหากับเขา เพื่อนๆมากมายพากันมากดไลค์ให้กับธนัชชาคนใหม่ที่ค่อยๆสวยขึ้น จากการใช้เงินเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม
“นัชชา แกรู้ป่ะว่าแฟนแกอ่ะ ลูกนักธุรกิจคนดังระดับประเทศนะ เนี่ย..พึ่งเห็นข่าวจัดอันดับนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงของปีนี้ มีรูปพี่เขาขึ้นในนั้น ฉันจำหน้าได้”
ธนัชชาแกล้งทำเป็นชิลๆเหมือนรู้ดี แต่จริงๆแล้วเธอไม่กล้าถามนามสกุลหรือเรื่องครอบครัวของเขาเลยด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่เปิดปากเล่าก่อน ซึ่งแน่นอน..เจตสุวีย์ไม่เคยพูดถึง
“ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก พี่เขาขยันทำงานมาก ล่าสุดบอกว่าทำงานหนักเพื่อหาเงินให้ฉันเที่ยว คิดดูสิ ไม่รักยังไงไหว แถมจะเจอกับแม่ฉันแล้วด้วย หลังกลับจากเที่ยวนี่แหละ”
ทำเอาเพื่อนๆที่วิดีโอคอลแบบกลุ่มถึงกับกรี๊ดกันใหญ่ ธนัชชาโชว์วิวมุมสูงจากโรงแรมห้าดาวให้เพื่อนๆเห็นอย่างสนุกสนาน ชีวิตปีสุดท้ายของการเรียนมหาวิทยาลัยในฝันของเธออย่างไม่ต้องอายใครทั้งนั้น เพราะเจตสุวีย์..สุดที่รักของเธอเพียงคนเดียว
แต่หลังจากจบการคอลกลุ่ม เธอเปิดกูเกิ้ลค้นหาข่าวจัดอันดับนักธุรกิจที่ว่า จนเจอกับรูปของเจตสุวีย์ พร้อมชื่อนามสกุล จากนั้นเธอรีบเข้าไปค้นหา ทำเอาเธอตกใจสุดขีด ที่ไม่รู้มาก่อนเพราะไม่เคยรู้จักไอจีของเขา ไม่กล้าถามขอติดตาม เพราะเจียมตัวว่าเป็นเพียงคนที่ถูกอุปถัมภ์และต้องอยู่ให้เป็นเท่านั้น เขาคือลูกชายนักธุรกิจที่ร่ำรวยติดอันดับ Top 10 ของประเทศ และตอนนี้เขายังสร้างตัวเองขึ้นมาจนติดอันดับนักธุรกิจหน้าใหม่ของปีนี้
“แม่..อยากเห็นแฟนหนูมั้ย? นี่ไงคะ”
พอแม่มานั่งใกล้ๆแล้วอ่านจนจบ ถึงกับดมยาดม พลางดีใจกับวาสนาของลูกสาว
“จริงๆแล้ว..พี่เขาอยู่ตรงกันข้ามกับบ้านเราค่ะ ช่วงที่แม่ไปทำงานกะดึก เราดูแลซึ่งกันและกันมาตลอด การมาเที่ยวรอบนี้ พี่เขาบอกหนูว่า เขายอมทำงานหนักเพื่อหาเงินให้หนูมาเที่ยว”
แม่ถึงกับเอามือปิดปาก เนื้อเต้นกับความโชคดีของลูกสาว
“แต่หนูตกลงกับพี่เขาไว้ว่าจะให้เรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ เพราะพี่เขาเป็นคนเงียบๆค่ะ อีกอย่างคือ..เขาเกรงใจพ่อแม่ที่อาจคลุมถุงชนเอาได้”
“ตายจริง..ก็คงจะจริงนะ เพราะลูกคนรวยขนาดนี้เขาคงหาคนที่ทัดเทียมกันให้ลูกชายเขา แล้วลูกจะทำยังไงถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา”
“หนูจะพยายามเพื่อรักษาความสัมพันธ์ค่ะ แต่พี่เขาบอกไว้แล้วว่า ถ้าจำเป็นต้องแต่งงานกับคนอื่น หนูเลือกจะอยู่กับพี่เขาหรือจะเลิกก็ได้ พี่เขาจะให้เงินมาตั้งตัวตามสมควร”
“โถ..ลูก…ถ้าเขาต้องแต่งงานจริงก็ยอมรับความจริงนะ ต้องเลิก แม่ไม่อยากให้ลูกอยู่ในฐานะเมียน้อย ถึงเราจะมาก่อนก็ตาม”
ทางด้านแมทธิวที่พาภรรยาและลูกชายวัยหนึ่งขวบไปเที่ยวควบฮันนีมูน รอบนี้พวกเขาอยู่ที่อิตาลีสามวัน ก่อนจะไปสวิตเซอร์แลนด์ต่อ ขณะที่ไอรดากำลังดูแลลูกชายให้หลับอยู่นั้น แมทธิวก็มานั่งใกล้ๆเพื่อชวนเธอคุย
“ผู้ชายคนนั้นขยันกดไลค์ทุกรูป แถมช่วงก่อน น้องสาวของเขาก็ขยันทักมาคุยด้วย แต่อยู่ดีๆก็หายเงียบซะงั้น ดูคุณเหงาไปเลย”
“มีอะไรที่ต้องกังวล ในเมื่อเราอยู่ในพื้นที่ของเราแล้ว ห่างไกลจากทุกคนที่จะทำร้ายเราได้”
“แต่ผมทำไมยังรู้สึกเหมือนเขายังไม่ไปไหน มันบอกไม่ถูก”
“คิดมากไปแล้ว ที่รัก”
ไอรดาพูดอย่างอารมณ์ดี เธอทำตัวปกติมากจนเขาเองสบายใจขึ้น แต่พอเธอหลับสนิท เขาแอบเอาโทรศัพท์ของเธอไปปลดล็อกเพราะจำรหัสได้
เขาดูแชทในไอจีระหว่างจูนและเธอ ใช้แปลภาษาทุกอัน ซึ่งมีมากมายเพราะการสนทนานั้นกินเวลายาวนานเป็นเดือน ความสงสัยเกิดขึ้นเมื่อการสนทนาใกล้ๆสุดท้ายก่อนที่พวกเธอจะยุติการพูดคุยกันมันดูแปลก รวมถึงพวกเธอส่งลิงก์เพลงบางเพลงให้กัน แต่น่าจะลบออกทั้งฝั่งของจูนและภรรยาของเขา หลงเหลือแค่คำพูดตอบโต้กันที่ชวนให้คิดสงสัย แต่ที่เขาช็อกคือ มีการพูดถึงเงิน 20 ล้านที่เจตสุวีย์ให้มาและเธอต้องการคืนให้เขา ซึ่งไอรดาไม่เคยบอกเขาถึงเรื่องนี้เลย
แมทธิวมองภรรยาที่นอนหลับสนิท เขายังไว้ใจเธอเสมอ ที่ผ่านมาด้วยกันก็พิสูจน์แล้ว อย่างน้อยในแชทนั้นไอรดาก็ย้ำยืนยันว่ารักเขามากขนาดไหน แต่คำพูดที่เธอถามเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นและคำพูดที่เหมือนตัดพ้อจากฝั่งนั้นต่างหาก ที่เขาเอะใจว่าจะไม่ใช่เพื่อนสนิทของเธอ แต่เป็นคนอื่นที่หลอกคุยกับภรรยาของเขา
เจตสุวีย์รู้จากน้องสาวว่าพ่อของเขาไปต่างประเทศ จึงถือโอกาสเข้าไปหาแม่ที่บ้าน ทำเอาแม่ร้องไห้ที่ไม่ได้เจอหน้าเขามาปีกว่า และพึ่งจะได้โทรคุยกันไม่นานนี้เท่านั้น
“ผอมลงมั้ยลูก..กลับบ้านเถอะ ถึงป๊าจะใจแข็งไม่พูดอะไรแต่ใช้คนไปสอดส่องตลอดนะว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร”
“โจทำให้ทุกคนผิดหวัง ตอนออกบ้านไปแรกๆเหนื่อยมากครับม๊า เครียด แต่พอผ่านไปปีนึงเริ่มเข้าที่เข้าทาง ตอนนี้สองปีแล้วสบายขึ้นมาก วันนี้พร้อมแล้วโจก็อยากมาสารภาพผิดบางอย่างด้วย”
มาดามจันจิรามองลูกชายสุดที่รักด้วยความรักและพร้อมอภัยให้เสมอ
“ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ลูกผิดพลาดไป ม๊าจะอยู่ข้างลูกเพื่อแก้ไขมัน ไม่จำเป็นที่ลูกจะต้องสู้กับปัญหาคนเดียว”
“ที่โจต้องสารภาพกับม๊า เพราะไม่สามารถสารภาพผิดกับคุณวิชัยและคุณอรชุมา พ่อแม่ของน้องได้ โจสารภาพผิดกับป๊าเรื่องกิจการที่ทิ้งน้องอายเท่านั้น แต่เรื่องระหว่างเรา..โจ..ทำผิดกับน้องมาก ไม่กล้าพอจะสารภาพกับป๊า”
แม่ของเขาสนใจขึ้นมาทันที และรอให้ลูกชายพูดออกมา
“โจซื้อบ้านใหม่เกือบ 60 ล้าน วางแผนรอน้องให้มาแต่งงานด้วย บังคับน้องให้มีอะไรด้วยที่บ้านใหม่นั่น น้องโกรธและเลือกแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นหลังจากที่มีอะไรกัน โจทิ้งกิจการเพราะหวังโง่ๆว่าน้องจะไม่มีทางเลือกต้องกลับมาหา..แต่เปล่าเลย ผู้ชายคนนั้นเอากิจการไปเสนอให้มหาเศรษฐีที่อเมริกาให้เข้ามาช่วยน้องไว้ได้ โจ..แพ้ในเกมที่ตัวเองเป็นคนเริ่ม..”
มาดามจันจิราถึงกับแอบเสียดายที่เกือบได้ลูกสะใภ้ที่เธอรักเหมือนลูกสาวคนหนึ่งมาแล้ว แต่เพราะลูกชายที่คิดน้อยเกินไป
คิดได้แบบนี้ก็โอบกอดลูกชายที่ก้มหน้าอย่างเศร้าสร้อย
“ม๊า..น้องอายคลอดลูกชาย คำนวณเวลาแล้วเท่ากับตอนที่เรามีอะไรกันพอดี ถึงน้องอายจะเอาผลตรวจดีเอ็นเอมายืนยัน แต่โจสลัดความคิดที่ว่าเด็กต้องเป็นลูกของเราไปไม่ได้”
มาดามถึงกับผละจากที่กอดแล้วทำตาโต สีหน้าจริงจังทันที
“ลูกคิดว่าทางนั้นปลอมผลตรวจเหรอ?”
“โจสับสน ไม่รู้ว่าควรคิดยังไงดี จูนส่งคลิปที่น้องอายมาหาม๊ากับป๊า โจเห็นมาร์ตินก็รักทันที มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก”
“ทำยังไงดี..ถ้านั่นคือหลานของม๊าล่ะ”
แม่ของเขารำพึงออกมา ก่อนจะเอามือจับคางลูกชายด้วยความเอ็นดู
“รอโอกาสก่อนนะลูก ม๊าจะหาทางช่วยลูกให้กระจ่างเรื่องนี้ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นหลาน ม๊าก็จะไม่ยอมเหมือนกัน แต่ไม่ต้องบอกป๊าเรื่องนี้ ให้จบที่นี่ก็พอ”
จูนที่เข้าบ้านมาเห็นพี่ชายกับแม่คุยกันก็เดินเข้ามานั่งด้วย
“ดีแล้วที่พี่โจมาหาม๊า พี่ไม่อยู่ม๊าพูดถึงทีไรร้องไห้ตลอด สงสารม๊าบ้าง กลับมาเถอะนะ”
“ขอเวลาสักระยะ ตอนนี้งานกำลังไปได้ดีด้วย อยากให้ป๊ายอมรับ อยากทบทวนตัวเองแบบที่ป๊าบอก”
“จูนเอาการจัดอันดับนักธุรกิจหน้าใหม่ปีนี่ให้ป๊าดู ป๊ายิ้ม ดูภูมิใจนะ ถึงจะไม่พูดอะไรก็ตาม…แล้วก็ มีอีกข่าว อายทักแชทมาบอกว่าท้องได้เดือนกว่าแล้ว”
จูนพูดเสียงอ่อนลงเมื่อบอกเรื่องของไอรดา
สองปีแล้วสินะ…ที่ไม่ได้เจอหนูเลย…
ปีนี้เจตสุวีย์ที่อายุ 32 แล้ว เขาเริ่มสร้างฐานะด้วยตัวเองมาได้อย่างทุลักทุเล เขาไม่คิดเรื่องแต่งงานกับใครทั้งนั้น..ถ้าไม่ใช่คนในหัวใจ…ที่โอกาส..มันต่ำกว่าศูนย์
ไอรดาที่ท้องเกือบสองเดือนได้กลับมาอยู่บ้านที่แคลิฟอร์เนีย เพื่อดูแลตัวเองในระหว่างท้องอีกครั้ง ส่วนแมทธิวก็ทำงานหนัก บินไปบินมาเหมือนเดิม แต่ทุกครั้งที่เขาอยู่บ้านก็จะดูแลเธออย่างดี อยากได้อะไรก็ไม่เคยขัด
เป็นเวลาสองเดือนแล้วที่แชทจากคนแปลกหน้าที่สวมรอยได้หายไป มีแต่เพื่อนสนิทของเธอที่จะทักมาอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง ในเวลาที่ไม่เหมือนคนคนนั้น ที่ชอบส่งข้อความเวลาเดิมๆทุกวัน ซึ่งไอรดาคิดว่า เขาคงจะคิดได้และเริ่มมูฟออนไปใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเข้มแข็ง มากกว่าจะมาสนใจว่าที่คุณแม่ลูกสองอย่างเธออีกต่อไป
แต่แค่เธอคิดเพียงเท่านี้เหมือนเขาที่อยู่ห่างไกลจะรับรู้ได้ ในวันหนึ่งกลับมีข้อความเข้ามาในเวลาแปดโมงเช้า…เวลาประจำของเขา โดยแชทเพื่อนสนิทของเธอเช่นเดิม
“ม๊ากับป๊าจะไปเที่ยวที่อเมริกา เลยฝากบอกว่าอาจจะไปเยี่ยมนะ เพราะได้ยินข่าวดีว่าท้องได้จะสองเดือน น่าจะไปหาอาทิตย์หน้า”
“เธอจะมาด้วยมั้ย?”
“น่าจะทำงานไม่ได้ไป คิดถึงล่ะสิ”
“คิดถึงนิดหน่อย คนเคยคุยทุกวันนี่นะ แต่เข้าใจว่าคุยกับคนท้องมันไม่สนุกหรอก บ่นแต่เรื่องลูกให้ฟัง”
ไอรดาตอบมาพร้อมส่งอีโมจิขำๆให้
ธนัชชาที่นอนอยู่ข้างเจตสุวีย์ในคืนนี้ที่มาปรนนิบัติเขา แต่หลังจากเสร็จกิจกับเธอ เขาก็เอนหลังจับโทรศัพท์โดยไม่แคร์เธอว่าจะเห็นหรือไม่ เธอรับรู้ว่ามาสักพักว่าเขาคุยกับคนในหัวใจ เพราะเขาบอกเธอโดยไม่ปิดบัง
เธอได้เห็นสีหน้าที่อ่อนโยน แววตาที่รักใคร่ของเขาเป็นครั้งแรก..ให้กับคนในแชทนั้น ความรู้สึกหึงหวง ริษยานั้นท่วมอยู่ในใจ ยิ่งมองไปเห็นรูปผู้หญิงคนนี้ที่ผนังห้องนอน เหมือนในห้องนี้มีผู้หญิงอีกคนอยู่ด้วยตลอดเวลา มันทำให้เธออยากเอามีดกรีดที่ภาพให้ฉีกขาดเป็นริ้วๆ
รอยยิ้ม..และสายตาแบบนั้น มันควรต้องเป็นของฉันนี่นอนอยู่ข้างเขาสิ....
“บ่นมาเถอะ ฉันชอบอ่าน ดูน่าสนุกออกที่มีเด็กน่ารักแบบนั้นอยู่ด้วยทุกวัน”
เจตสุวีย์ที่สวมรอยเป็นจูน พิมพ์ตอบไปด้วยสีหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม แล้วรีบต่อทันทีโดยไม่รอให้ไอรดาพิมพ์อะไรกลับมา
“ตอนนี้ทำงานหนัก นึกถึงตอนเราทำงานด้วยกัน ฉันสนุกทุกวัน จำได้ว่าไม่อยากให้มีวันเสาร์อาทิตย์เลย”
“เธอเก่งจะตาย โดยไม่ต้องมีฉันข้างเธอ”
นั่นถึงกับทำให้เจตสุวีย์ที่นอนเอนหลัง ลุกขึ้นมานั่งกะทันหันอย่างเร็ว ใจเขาเต้นแรงแทบหลุดออกมา ธนัชชาถึงกับลุกนั่งตามเพราะตกใจไปด้วย
หนึ่งในประโยคจากเพลงที่เธอเคยส่งมาให้ เขาฟังเพลงนี้ทุกวันจนจำเนื้อเพลงได้ขึ้นใจ เขาไม่แน่ใจมาตลอดว่าไอรดารู้ไหมว่าที่แชทคุยคือเขาหรือจูน มันทำให้เขาตื่นเต้นระคนความเศร้า ก่อนจะพิมพ์ตอบเธอไป
“ไม่เก่งอะไรเลย แค่ทำเป็นเก่งไปแบบนั้นเอง”
ไอรดาตอบมาสั้นๆอีกครั้ง “ความทรงจำยังคงงดงามเสมอ”
ทีนี้เจตสุวีย์ลุกขึ้นยืนจากเตียงทันที เขาเอามือลูบหน้าตัวเอง โดยที่อีกมือสั่นสะท้านจนจับโทรศัพท์แทบไม่อยู่ ก่อนจะรวบรวมสติตัดสินใจพิมพ์ตอบไอรดาไปว่า
“แม้ในตอนที่เธอไม่ได้อยู่ข้างฉัน”
ไอรดาเห็นข้อความที่ตอบกลับมาถึงกับลุกขึ้นและไปเข้าห้องน้ำ แมทธิวสังเกตภรรยาตลอดตั้งแต่เห็นแสงจากโทรศัพท์ของเธอที่มีแจ้งเตือนข้อความเข้าสักพักแล้ว
เวลาเดิมตอนแปดโมงตรงในตอนเช้า เหมือนก่อนจะไปฮันนีมูนไม่มีผิด…
แมทธิวแน่ใจจากเซ้นส์ของเขาว่า มีบางคนพยายามติดต่อไอรดาลับหลังเขา แต่ที่เขาเริ่มคิดคือ ไอรดารู้หรือไม่?
ไอรดาที่เข้าห้องน้ำ เธอตื่นเต้นจนหายใจแรงและตัดสินใจลบแชททั้งหมดทันทีก่อนจะออกมาจากห้องน้ำ โดยที่แมทธิวยืนรอเธออยู่ พอเปิดประตูมาเจอทำเอาเธอตกใจสะดุ้งจนตัวโยน“ผมทำคุณตกใจเหรอ? Sweetie”“ก็ปกติไม่มายืนหน้าประตูแบบนี้ เป็นใครก็ตกใจ”“ปกติคุณก็ไม่เคยเอาโทรศัพท์เข้าห้องน้ำด้วย”“เคยสิ เวลาอึ”แมทธิวไม่พูดอะไรแต่มองตาเธอนิ่ง เหมือนต้องการเช็กอะไรอยู่“อะไร? ทำไมต้องจ้องกันแบบนั้นด้วย”ไอรดาถอนหายใจและเบี่ยงตัวเดินหลบเขาไป แมทธิวไม่อยากหาเรื่องหึงกับเธอเพราะกำลังท้องอ่อนๆ กลัวจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกเจตสุวีย์รอให้ไอรดาตอบอะไรมาสักอย่างแต่กลับเงียบ เขาเดินวนไปวนมาในห้อง จนธนัชชาเอ่ยถามขึ้น“พี่โจนอนพักผ่อนดีกว่ามั้ยคะ? ดึกแล้วนะ”“น้องกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้ครับ ผมขออยู่คนเดียววันนี้”เขาพูดโดยไม่มองเธอด้วยซ้ำ ก่อนจะนั่งที่ขอบเตียงจ้องแต่โทรศัพท์ แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ“ทำไมหนูเงียบคะ ตอบอะไรก็ได้มาหน่อย พี่รอหนูอยู่นะ อะไรก็ได้..ได้โปรด”ธนัชชาถึงกับอึ้ง คำพูดของเขาที่ใช้กับผู้หญิงคนนั้นช่างฟังแตกต่างจากที่เรียกหรือพูดกับเธอชัดเจน“ไอรดาอาจจะคุยกับสามีของเธออยู่ก็ได้มั้งคะพี่” เจตสุวีย์อารม
เจตสุวีย์…หนุ่มหล่อลูกเศรษฐีระดับประเทศในวัย 31 ปี ที่ต้องมาอาศัยในบ้านมือสองขนาด 3 ห้องนอนตามลำพัง เขาเลือกที่จะปลีกตัวจากครอบครัวอันอบอุ่นเพราะความสำนึกผิดและต้องการทบทวนในสิ่งที่ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในหลายๆ เรื่องเขาขายบ้านที่เคยคิดว่าจะซื้อไว้เพื่ออยู่กับคนที่เขารัก แต่ในเมื่อทุกอย่างพังไปหมดทั้งการงานที่พ่อของเขาไม่ไว้ใจ เหตุทั้งหมดเกิดจากความรักที่ไม่สมหวัง ทำให้ชีวิตจิตใจของเขาพังทลายอย่างไม่เป็นท่าเจตสุวีย์ตัดสินใจยกเงินที่ขายบ้านหรูหลังใหญ่ระดับ Luxury ส่วนหนึ่งให้ผู้หญิงที่เขารักข้างเดียวไปถึง 20 ล้าน และนำเงินที่เหลือมาลงทุนเปิดบริษัทกับเพื่อนสนิทอีกสองคน เพื่อรับงานอีเว้นท์ต่างๆ เปิดบริษัทรับดูแลเป็นที่ปรึกษาจัดการหลังบ้านสำหรับธุรกิจขนาดกลางที่กำลังเฟื่องฟูในไทยจากธุรกิจออนไลน์ต่างๆ รวมถึงสถานบันเทิงอย่าง Esters Bar ที่ทองหล่อของเขายังทำเงินให้ได้พอสมควรในวันหนึ่งที่เขากลับบ้านเร็วกว่าทุกวันและกำลังขับรถเข้าไปจอดในบ้าน ถึงกับตะลึงนิดหน่อยที่เห็นหญิงสาวเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงกันข้ามที่มีหน้าตาละม้ายคล้าย
เจตสุวีย์มองเธอแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาดูสุขุม ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย“พี่โจ…เคยมีคนโปรดแบบนี้มั้ยคะ?”“เคย..แต่ไม่ใช่เพราะว่าชอบ แต่เป็นเพราะว่าเกลียด รู้สึกจะช่วงสั้นๆ ไม่ถึงเดือนก็ให้เลิกไปพร้อมกับเงินหนึ่งล้าน ไม่รวมที่โอนจ่ายตลอดให้อีก”“ทำไมเกลียดแล้วถึงเลี้ยงดูคะ?”“ที่ต้องเลี้ยงไว้จะได้อยู่ใกล้ตัว ควบคุมได้ง่าย ไม่ให้ไปด่าระรานผู้หญิงที่ผมรัก”ทำเอาเธอเริ่มกลัวเขาตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มความสัมพันธ์ พูดง่ายๆ การมีสัมพันธ์กับเขาในฐานะผู้ถูกอุปถัมภ์ มีสิ่งต้องห้ามคือ อย่าแตะต้องผู้หญิงในหัวใจเขา“น้องมีรอยสักที่ไหนมั้ยครับ?”“เอ่อ มีค่ะ ที่ต้นคอด้านหลังแต่เล็กๆ เท่านิ้วโป้ง”เจตสุวีย์ทำหน้านิ่งขึ้น แล้วถอนหายใจยาวๆ“แล้วแต่น้องนะ ผมเคารพสิทธิส่วนบุคคล จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ด้วยรสนิยมส่วนตัว ผมไม่ชอบผู้หญิงที่มีรอยสัก ถ้าอยากเก็บไว้ ผมคงต้องขอยกเลิกสิ่งที่เราคุยกัน”ธนัชชารีบละล่ำละลักพ
เขากลับถึงบ้าน เมื่อไขประตูเข้าไปก็เจอธนัชชางัวเงียพึ่งตื่นอยู่ที่โซฟาเพราะได้ยินเสียงประตูเปิด นั่นทำให้เขาแปลกใจ“ทำไมน้องมาอยู่ที่นี่ ไม่กลับไปนอนที่บ้านครับ”“หนูเป็นห่วงพี่โจจะเมาค่ะ เลยมารอ ไม่ได้ยินเสียงรถเลย สงสัยหนูมัวหลับลึกไปหน่อย”“ผมไม่ได้เมามาก แค่มึนๆ นิดหน่อย ขอบคุณมาก”“พี่โจไม่อยากให้หนูอยู่ดูแลพี่เหรอคะ?”เจตสุวีย์ที่เมานิดหน่อยและกำลังปลื้มใจที่จะได้ติดต่อกับคนที่เขารักอีกครั้ง ทำให้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ“อยากดูแลอะไรตอนนี้ มันดึกแล้วนะ เกือบตีสอง”ทำให้ธนัชชาอายขึ้นมาที่เหมือนเธอเสนอตัวก่อน แต่เจตสุวีย์นั้นเขาเหมือนเสือที่เห็นเหยื่อ จึงเดินไปใกล้ๆ แล้วถาม กลิ่นตัวที่หอมของเขาผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ ทำให้เธอรู้สึกใจสั่นไหวสุดๆ“ดูแลพี่บนเตียงเหรอ หรือยังไง?”“เอ้อ..หนู..เห็นว่าเราตกลงกันแล้วและพี่โจก็ใจกว้างโอนมาให้หนูก่อนตั้งมากมาย จะให้หนูกลับไปนอนที่บ้านสบายใจเฉิบโดยไม่สนใจพี่ว่าถึงบ้านหรือยัง รู้สึ
ธนัชชาที่เก้อเขินเขาที่นอนเอนหลังอยู่ เริ่มเดินมาใกล้ๆ ข้างเตียง ก่อนจะทรุดตัวนั่งข้างตัวเขา แต่เจตสุวีย์กลับมองเธอเฉยๆ เท่านั้น“เอ่อ..พี่โจจะให้หนูทำอะไรคะ คือ..หนูไม่เคยเริ่มก่อน”เฮ้อ..ภรรยาเก่าของแมทธิวยังรู้งานมากกว่านี้ แต่เอาเถอะ..เธอคงไม่รู้งานเท่ากับสาวกลางคืนอย่างกานต์วิภาที่ผ่านผู้ชายมาเยอะกว่าเจตสุวีย์คิดแบบนั้นก็ลุกไปปิดไฟ แล้วไปยืนใกล้เธอที่นั่งบนเตียง จับมือเธอให้มาลูบสัมผัสที่เป้ากางเกงนอนของเขา ธนัชชาเขินมากแต่ดีที่เขารู้ใจเธอแล้วปิดไฟ ทำให้ไม่ต้องอายมากเกินไป เธอเริ่มใช้สองมือลูบไล้อยู่ครู่หนึ่ง จนมันแข็งตัวพองขึ้นก่อนจะค่อยๆ ถอดกางเกงของเขาลงไปกองกับพื้นถึงตอนนี้เธอแอบเสียดายนิดหน่อยที่ปิดไฟจนไม่เห็นเรือนร่างของผู้ชายที่เธอหลงรัก“ผมไปนอนบนเตียงดีกว่านะ”เขาขึ้นไปนอนโดยถอดกางเกงที่กองอยู่ปลายเท้าออกไป ธนัชชาเลื่อนตัวเข้าไปกลางหว่างขาของเขาแล้วใช้ปากโลมเลียเพื่อหวังทำให้เขาพอใจ สำหรับเจตสุวีย์ที่คิดว่าขนาดปิดไฟเธอยังอ้อยอิ่ง ทำให้เขาเบาเกินไปจนแทบจะไ
ช่วงที่ธนัชชาพยายามโอ้โลมเขา กอดจูบไปทั่ว แต่พอจะจูบปากเขากลับเบือนหน้าหนีตลอด จนเธอไม่เข้าใจ “พี่โจรังเกียจหนูเหรอคะ?” เธอถามเสียงอ่อยๆ แต่เขาส่ายหน้า “ทำต่อเถอะ ผมแค่ไม่ชอบจูบใครน่ะ” “แปลกจัง” เธอฟังคำตอบที่แปลกของเขาแล้วอมยิ้ม ก่อนจะถอดกางเกงให้แล้วใช้ปากดูดกลืนน้องชายของเขาที่แข็งตัวมากในตอนนี้ เจตสุวีย์เอาแต่มองรูปคนที่เขารักอยู่ตลอด เขาจำตอนที่ได้ร่วมรักกับไอรดา เธอร้องไห้อ้อนวอนเขาให้หยุด จำความรู้สึกในกายเธอที่นุ่มนิ่มและรัดรึงนั้นได้ดีเมื่อเธอสู้กับเขาจนหมดแรงต้านทาน อารมณ์ ความรู้สึก ความทรงจำนั้น พวยพุ่งออกมาอย่างมากมาย จนธนัชชาที่ใช้ปากให้และไม่รู้ตัวว่าเขาใกล้เสร็จ ถึงกับตกใจที่เขาพรั่งพรูคาปากเธอจนเลอะไปหมด พร้อมกับเสียงครางเบาๆของเจตสุวีย์ที่ลืมตัวหลุดพูดออกมา “ไอรดา..” จากความตกใจที่เขาเสร็จโดยไม่บอกและความน้อยใจที่วันนี้คือวันเกิดของเธอ แต่เขากลับพูดชื่อผู้หญิงอื่นทั้งที่เธอเป็นคนทำ ธนัชชาวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อไปบ้วนปากและแอบร้องไห้ในห้องน้ำอยู่พักหนึ่ง “นัชชา เข้าห้องน้ำเสร็จหรือยัง ผมขอเข้าหน่อย” เธอเปิดประตูออกมาทั้งที่ยังร้องไห้อยู่ เจตสุวีย์เห็นแต่
พอวันที่จูนและเจตสุวีย์ไปเชียงใหม่และพักที่บ้านของไอรดา เขาติดสินบนลูกชายป้ารินไม่ให้บอกไอรดาและทุกคนว่าเขามาที่นี่ “บอกแค่ว่าจูนมาคนเดียวก็พอ ผมไม่อยากให้น้องอายมีปัญหากับสามี เราไม่ค่อยถูกกันน่ะ”“อ้อ ครับๆ”ลูกชายป้ารินรับคำอย่างว่าง่าย “จูนนอนห้องนอนรับรองแขกไปเถอะ พี่แค่จะเข้าไปอาบน้ำก็พอ จะนอนที่ห้องรับแขกเอา”“เอ้า ห้องนอนมีตั้งเยอะ”“ทุกห้องที่นี่ ไอ้พ่อม่ายนั่นคงใช้ไปหมดแล้ว นอนไม่ลง”“เฮ่อออ…แล้วแต่ละกัน เอาโทรศัพท์พี่มาหน่อย จะส่งข้อความบอกอาย ขี้เกียจเปิดโน้ตบุ๊ค” เจตสุวีย์ไม่ได้มาที่นี่นานมาก เขาย้อนนึกถึงวันแรกที่ได้เจอเธอ เพราะเธอสนิทกับจูนจนพาพ่อแม่มาสนิทกัน ร่วมทำกิจการด้วยกัน ในตอนนั้นที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยปีสี่และมีแฟนแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอเพื่อนสนิทของน้องสาว แค่ได้ยินผ่านๆเพราะจูนชอบเชียร์เพื่อนคนนี้ให้เขาจีบเสมอ จนวันที่ครอบครัวของเขาต้องการไปพักผ่อนที่เชียงใหม่โดยเขาได้มาด้วยและพักที่บ้านนี้ตอนที่เขาลงจากรถและเจอเธอยืนข้างๆคุณแม่ เด็กสาวอายุเพียง 19 เธอสวยถอดแบบแม่มาแทบจะเหมือนพี่สาวและน้องสาว ตอนที่เขาก้าวเข้ามาสวัสดีครอบครัวของไอรดา ดวงตาที่กลมโต ผิวหน้าและผ
ไอรดาที่เข้าห้องน้ำ เธอตื่นเต้นจนหายใจแรงและตัดสินใจลบแชททั้งหมดทันทีก่อนจะออกมาจากห้องน้ำ โดยที่แมทธิวยืนรอเธออยู่ พอเปิดประตูมาเจอทำเอาเธอตกใจสะดุ้งจนตัวโยน“ผมทำคุณตกใจเหรอ? Sweetie”“ก็ปกติไม่มายืนหน้าประตูแบบนี้ เป็นใครก็ตกใจ”“ปกติคุณก็ไม่เคยเอาโทรศัพท์เข้าห้องน้ำด้วย”“เคยสิ เวลาอึ”แมทธิวไม่พูดอะไรแต่มองตาเธอนิ่ง เหมือนต้องการเช็กอะไรอยู่“อะไร? ทำไมต้องจ้องกันแบบนั้นด้วย”ไอรดาถอนหายใจและเบี่ยงตัวเดินหลบเขาไป แมทธิวไม่อยากหาเรื่องหึงกับเธอเพราะกำลังท้องอ่อนๆ กลัวจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกเจตสุวีย์รอให้ไอรดาตอบอะไรมาสักอย่างแต่กลับเงียบ เขาเดินวนไปวนมาในห้อง จนธนัชชาเอ่ยถามขึ้น“พี่โจนอนพักผ่อนดีกว่ามั้ยคะ? ดึกแล้วนะ”“น้องกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้ครับ ผมขออยู่คนเดียววันนี้”เขาพูดโดยไม่มองเธอด้วยซ้ำ ก่อนจะนั่งที่ขอบเตียงจ้องแต่โทรศัพท์ แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ“ทำไมหนูเงียบคะ ตอบอะไรก็ได้มาหน่อย พี่รอหนูอยู่นะ อะไรก็ได้..ได้โปรด”ธนัชชาถึงกับอึ้ง คำพูดของเขาที่ใช้กับผู้หญิงคนนั้นช่างฟังแตกต่างจากที่เรียกหรือพูดกับเธอชัดเจน“ไอรดาอาจจะคุยกับสามีของเธออยู่ก็ได้มั้งคะพี่” เจตสุวีย์อารม
เจตสุวีย์จมอยู่กับความคิดที่ว่า ไอรดาอาจเริ่มใจอ่อนให้เขาบ้างแล้ว เขาฟังเพลงที่เธอเคยส่งให้อยู่ตลอด ทั้งเวลาอยู่บ้าน ในรถ ที่ออฟฟิศ บางครั้งไปดื่มที่บาร์ก็ให้เปิดเพลงนี้ตอนนี้เขาเริ่มกลับไปติดต่อกับครอบครัวเป็นระยะๆ แต่ส่วนมากจะเป็นแม่ที่เขาโทรไปหาบ่อยที่สุด ธนัชชากับแม่เที่ยวอยู่ที่ภูเก็ต เจตสุวีย์ได้จ่ายสำหรับห้องพักที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต และให้เช่ารถขับเองโดยไม่ต้องพึ่งแท็กซี่ สองแม่ลูกช้อปปิ้งกินหรูอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “แม่คะ กลับไปเราไปเจอพี่เขากันนะ หนูบอกพี่เขาแล้ว”“จริงเหรอ? แล้วแม่ต้องแต่งตัวยังไง ทำตัวไม่ถูกแน่ๆเลย”เธอลงไอจีมาตลอดถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ได้คบหากับเขา เพื่อนๆมากมายพากันมากดไลค์ให้กับธนัชชาคนใหม่ที่ค่อยๆสวยขึ้น จากการใช้เงินเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม “นัชชา แกรู้ป่ะว่าแฟนแกอ่ะ ลูกนักธุรกิจคนดังระดับประเทศนะ เนี่ย..พึ่งเห็นข่าวจัดอันดับนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงของปีนี้ มีรูปพี่เขาขึ้นในนั้น ฉันจำหน้าได้”ธนัชชาแกล้งทำเป็นชิลๆเหมือนรู้ดี แต่จริงๆแล้วเธอไม่กล้าถามนามสกุลหรือเรื่องครอบครัวของเขาเลยด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่เปิดปากเล่าก่อน ซึ่งแน่นอน
พอวันที่จูนและเจตสุวีย์ไปเชียงใหม่และพักที่บ้านของไอรดา เขาติดสินบนลูกชายป้ารินไม่ให้บอกไอรดาและทุกคนว่าเขามาที่นี่ “บอกแค่ว่าจูนมาคนเดียวก็พอ ผมไม่อยากให้น้องอายมีปัญหากับสามี เราไม่ค่อยถูกกันน่ะ”“อ้อ ครับๆ”ลูกชายป้ารินรับคำอย่างว่าง่าย “จูนนอนห้องนอนรับรองแขกไปเถอะ พี่แค่จะเข้าไปอาบน้ำก็พอ จะนอนที่ห้องรับแขกเอา”“เอ้า ห้องนอนมีตั้งเยอะ”“ทุกห้องที่นี่ ไอ้พ่อม่ายนั่นคงใช้ไปหมดแล้ว นอนไม่ลง”“เฮ่อออ…แล้วแต่ละกัน เอาโทรศัพท์พี่มาหน่อย จะส่งข้อความบอกอาย ขี้เกียจเปิดโน้ตบุ๊ค” เจตสุวีย์ไม่ได้มาที่นี่นานมาก เขาย้อนนึกถึงวันแรกที่ได้เจอเธอ เพราะเธอสนิทกับจูนจนพาพ่อแม่มาสนิทกัน ร่วมทำกิจการด้วยกัน ในตอนนั้นที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยปีสี่และมีแฟนแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอเพื่อนสนิทของน้องสาว แค่ได้ยินผ่านๆเพราะจูนชอบเชียร์เพื่อนคนนี้ให้เขาจีบเสมอ จนวันที่ครอบครัวของเขาต้องการไปพักผ่อนที่เชียงใหม่โดยเขาได้มาด้วยและพักที่บ้านนี้ตอนที่เขาลงจากรถและเจอเธอยืนข้างๆคุณแม่ เด็กสาวอายุเพียง 19 เธอสวยถอดแบบแม่มาแทบจะเหมือนพี่สาวและน้องสาว ตอนที่เขาก้าวเข้ามาสวัสดีครอบครัวของไอรดา ดวงตาที่กลมโต ผิวหน้าและผ
ช่วงที่ธนัชชาพยายามโอ้โลมเขา กอดจูบไปทั่ว แต่พอจะจูบปากเขากลับเบือนหน้าหนีตลอด จนเธอไม่เข้าใจ “พี่โจรังเกียจหนูเหรอคะ?” เธอถามเสียงอ่อยๆ แต่เขาส่ายหน้า “ทำต่อเถอะ ผมแค่ไม่ชอบจูบใครน่ะ” “แปลกจัง” เธอฟังคำตอบที่แปลกของเขาแล้วอมยิ้ม ก่อนจะถอดกางเกงให้แล้วใช้ปากดูดกลืนน้องชายของเขาที่แข็งตัวมากในตอนนี้ เจตสุวีย์เอาแต่มองรูปคนที่เขารักอยู่ตลอด เขาจำตอนที่ได้ร่วมรักกับไอรดา เธอร้องไห้อ้อนวอนเขาให้หยุด จำความรู้สึกในกายเธอที่นุ่มนิ่มและรัดรึงนั้นได้ดีเมื่อเธอสู้กับเขาจนหมดแรงต้านทาน อารมณ์ ความรู้สึก ความทรงจำนั้น พวยพุ่งออกมาอย่างมากมาย จนธนัชชาที่ใช้ปากให้และไม่รู้ตัวว่าเขาใกล้เสร็จ ถึงกับตกใจที่เขาพรั่งพรูคาปากเธอจนเลอะไปหมด พร้อมกับเสียงครางเบาๆของเจตสุวีย์ที่ลืมตัวหลุดพูดออกมา “ไอรดา..” จากความตกใจที่เขาเสร็จโดยไม่บอกและความน้อยใจที่วันนี้คือวันเกิดของเธอ แต่เขากลับพูดชื่อผู้หญิงอื่นทั้งที่เธอเป็นคนทำ ธนัชชาวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อไปบ้วนปากและแอบร้องไห้ในห้องน้ำอยู่พักหนึ่ง “นัชชา เข้าห้องน้ำเสร็จหรือยัง ผมขอเข้าหน่อย” เธอเปิดประตูออกมาทั้งที่ยังร้องไห้อยู่ เจตสุวีย์เห็นแต่
ธนัชชาที่เก้อเขินเขาที่นอนเอนหลังอยู่ เริ่มเดินมาใกล้ๆ ข้างเตียง ก่อนจะทรุดตัวนั่งข้างตัวเขา แต่เจตสุวีย์กลับมองเธอเฉยๆ เท่านั้น“เอ่อ..พี่โจจะให้หนูทำอะไรคะ คือ..หนูไม่เคยเริ่มก่อน”เฮ้อ..ภรรยาเก่าของแมทธิวยังรู้งานมากกว่านี้ แต่เอาเถอะ..เธอคงไม่รู้งานเท่ากับสาวกลางคืนอย่างกานต์วิภาที่ผ่านผู้ชายมาเยอะกว่าเจตสุวีย์คิดแบบนั้นก็ลุกไปปิดไฟ แล้วไปยืนใกล้เธอที่นั่งบนเตียง จับมือเธอให้มาลูบสัมผัสที่เป้ากางเกงนอนของเขา ธนัชชาเขินมากแต่ดีที่เขารู้ใจเธอแล้วปิดไฟ ทำให้ไม่ต้องอายมากเกินไป เธอเริ่มใช้สองมือลูบไล้อยู่ครู่หนึ่ง จนมันแข็งตัวพองขึ้นก่อนจะค่อยๆ ถอดกางเกงของเขาลงไปกองกับพื้นถึงตอนนี้เธอแอบเสียดายนิดหน่อยที่ปิดไฟจนไม่เห็นเรือนร่างของผู้ชายที่เธอหลงรัก“ผมไปนอนบนเตียงดีกว่านะ”เขาขึ้นไปนอนโดยถอดกางเกงที่กองอยู่ปลายเท้าออกไป ธนัชชาเลื่อนตัวเข้าไปกลางหว่างขาของเขาแล้วใช้ปากโลมเลียเพื่อหวังทำให้เขาพอใจ สำหรับเจตสุวีย์ที่คิดว่าขนาดปิดไฟเธอยังอ้อยอิ่ง ทำให้เขาเบาเกินไปจนแทบจะไ
เขากลับถึงบ้าน เมื่อไขประตูเข้าไปก็เจอธนัชชางัวเงียพึ่งตื่นอยู่ที่โซฟาเพราะได้ยินเสียงประตูเปิด นั่นทำให้เขาแปลกใจ“ทำไมน้องมาอยู่ที่นี่ ไม่กลับไปนอนที่บ้านครับ”“หนูเป็นห่วงพี่โจจะเมาค่ะ เลยมารอ ไม่ได้ยินเสียงรถเลย สงสัยหนูมัวหลับลึกไปหน่อย”“ผมไม่ได้เมามาก แค่มึนๆ นิดหน่อย ขอบคุณมาก”“พี่โจไม่อยากให้หนูอยู่ดูแลพี่เหรอคะ?”เจตสุวีย์ที่เมานิดหน่อยและกำลังปลื้มใจที่จะได้ติดต่อกับคนที่เขารักอีกครั้ง ทำให้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ“อยากดูแลอะไรตอนนี้ มันดึกแล้วนะ เกือบตีสอง”ทำให้ธนัชชาอายขึ้นมาที่เหมือนเธอเสนอตัวก่อน แต่เจตสุวีย์นั้นเขาเหมือนเสือที่เห็นเหยื่อ จึงเดินไปใกล้ๆ แล้วถาม กลิ่นตัวที่หอมของเขาผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ ทำให้เธอรู้สึกใจสั่นไหวสุดๆ“ดูแลพี่บนเตียงเหรอ หรือยังไง?”“เอ้อ..หนู..เห็นว่าเราตกลงกันแล้วและพี่โจก็ใจกว้างโอนมาให้หนูก่อนตั้งมากมาย จะให้หนูกลับไปนอนที่บ้านสบายใจเฉิบโดยไม่สนใจพี่ว่าถึงบ้านหรือยัง รู้สึ
เจตสุวีย์มองเธอแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาดูสุขุม ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย“พี่โจ…เคยมีคนโปรดแบบนี้มั้ยคะ?”“เคย..แต่ไม่ใช่เพราะว่าชอบ แต่เป็นเพราะว่าเกลียด รู้สึกจะช่วงสั้นๆ ไม่ถึงเดือนก็ให้เลิกไปพร้อมกับเงินหนึ่งล้าน ไม่รวมที่โอนจ่ายตลอดให้อีก”“ทำไมเกลียดแล้วถึงเลี้ยงดูคะ?”“ที่ต้องเลี้ยงไว้จะได้อยู่ใกล้ตัว ควบคุมได้ง่าย ไม่ให้ไปด่าระรานผู้หญิงที่ผมรัก”ทำเอาเธอเริ่มกลัวเขาตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มความสัมพันธ์ พูดง่ายๆ การมีสัมพันธ์กับเขาในฐานะผู้ถูกอุปถัมภ์ มีสิ่งต้องห้ามคือ อย่าแตะต้องผู้หญิงในหัวใจเขา“น้องมีรอยสักที่ไหนมั้ยครับ?”“เอ่อ มีค่ะ ที่ต้นคอด้านหลังแต่เล็กๆ เท่านิ้วโป้ง”เจตสุวีย์ทำหน้านิ่งขึ้น แล้วถอนหายใจยาวๆ“แล้วแต่น้องนะ ผมเคารพสิทธิส่วนบุคคล จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ด้วยรสนิยมส่วนตัว ผมไม่ชอบผู้หญิงที่มีรอยสัก ถ้าอยากเก็บไว้ ผมคงต้องขอยกเลิกสิ่งที่เราคุยกัน”ธนัชชารีบละล่ำละลักพ
เจตสุวีย์…หนุ่มหล่อลูกเศรษฐีระดับประเทศในวัย 31 ปี ที่ต้องมาอาศัยในบ้านมือสองขนาด 3 ห้องนอนตามลำพัง เขาเลือกที่จะปลีกตัวจากครอบครัวอันอบอุ่นเพราะความสำนึกผิดและต้องการทบทวนในสิ่งที่ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในหลายๆ เรื่องเขาขายบ้านที่เคยคิดว่าจะซื้อไว้เพื่ออยู่กับคนที่เขารัก แต่ในเมื่อทุกอย่างพังไปหมดทั้งการงานที่พ่อของเขาไม่ไว้ใจ เหตุทั้งหมดเกิดจากความรักที่ไม่สมหวัง ทำให้ชีวิตจิตใจของเขาพังทลายอย่างไม่เป็นท่าเจตสุวีย์ตัดสินใจยกเงินที่ขายบ้านหรูหลังใหญ่ระดับ Luxury ส่วนหนึ่งให้ผู้หญิงที่เขารักข้างเดียวไปถึง 20 ล้าน และนำเงินที่เหลือมาลงทุนเปิดบริษัทกับเพื่อนสนิทอีกสองคน เพื่อรับงานอีเว้นท์ต่างๆ เปิดบริษัทรับดูแลเป็นที่ปรึกษาจัดการหลังบ้านสำหรับธุรกิจขนาดกลางที่กำลังเฟื่องฟูในไทยจากธุรกิจออนไลน์ต่างๆ รวมถึงสถานบันเทิงอย่าง Esters Bar ที่ทองหล่อของเขายังทำเงินให้ได้พอสมควรในวันหนึ่งที่เขากลับบ้านเร็วกว่าทุกวันและกำลังขับรถเข้าไปจอดในบ้าน ถึงกับตะลึงนิดหน่อยที่เห็นหญิงสาวเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงกันข้ามที่มีหน้าตาละม้ายคล้าย