ไอรดาที่เข้าห้องน้ำ เธอตื่นเต้นจนหายใจแรงและตัดสินใจลบแชททั้งหมดทันทีก่อนจะออกมาจากห้องน้ำ โดยที่แมทธิวยืนรอเธออยู่ พอเปิดประตูมาเจอทำเอาเธอตกใจสะดุ้งจนตัวโยน
“ผมทำคุณตกใจเหรอ? Sweetie”
“ก็ปกติไม่มายืนหน้าประตูแบบนี้ เป็นใครก็ตกใจ”
“ปกติคุณก็ไม่เคยเอาโทรศัพท์เข้าห้องน้ำด้วย”
“เคยสิ เวลาอึ”
แมทธิวไม่พูดอะไรแต่มองตาเธอนิ่ง เหมือนต้องการเช็กอะไรอยู่
“อะไร? ทำไมต้องจ้องกันแบบนั้นด้วย”
ไอรดาถอนหายใจและเบี่ยงตัวเดินหลบเขาไป แมทธิวไม่อยากหาเรื่องหึงกับเธอเพราะกำลังท้องอ่อนๆ กลัวจะกระทบกระเทือนไปถึงลูก
เจตสุวีย์รอให้ไอรดาตอบอะไรมาสักอย่างแต่กลับเงียบ เขาเดินวนไปวนมาในห้อง จนธนัชชาเอ่ยถามขึ้น
“พี่โจนอนพักผ่อนดีกว่ามั้ยคะ? ดึกแล้วนะ”
“น้องกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้ครับ ผมขออยู่คนเดียววันนี้”
เขาพูดโดยไม่มองเธอด้วยซ้ำ ก่อนจะนั่งที่ขอบเตียงจ้องแต่โทรศัพท์ แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ
“ทำไมหนูเงียบคะ ตอบอะไรก็ได้มาหน่อย พี่รอหนูอยู่นะ อะไรก็ได้..ได้โปรด”
ธนัชชาถึงกับอึ้ง คำพูดของเขาที่ใช้กับผู้หญิงคนนั้นช่างฟังแตกต่างจากที่เรียกหรือพูดกับเธอชัดเจน
“ไอรดาอาจจะคุยกับสามีของเธออยู่ก็ได้มั้งคะพี่”
เจตสุวีย์อารมณ์เสียทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
“มันเรื่องอะไรของน้องครับ พี่ไม่ได้ขอความเห็น บอกว่าให้กลับบ้านไปก่อน ได้มั้ย?”
ประโยคคำสั่งที่ไม่ใช้คำถามนั้น ทำให้ธนัชชาน้อยใจ เธอเดินผ่านรูปของไอรดาแล้วมองด้วยความชิงชัง
มารหัวใจ..ขนาดแต่งงานไปแล้ว แถมอยู่ตั้งไกลยังจะมาคุยกับพี่เขาอีก ขอให้สามีเธอจับได้สักวันเถอะ…
เจตสุวีย์เริ่มคิดว่าเธออาจจะยุ่งก็ได้ เพราะต้องดูแลลูก จึงไม่พิมพ์อะไรต่อไปอีก ซึ่งเป็นโชคดีของไอรดาที่สามีก็จ้องอยู่ว่าจะมีข้อความอะไรมาอีกไหม
ทางด้านไอรดาที่ไปป้อนข้าวน้องมาร์ตินนั้น เธอรับรู้ได้ว่าแมทธิวอาจรู้สึกได้เหมือนกันว่าไม่ใช่จูน เธอเลยตัดสินใจว่าจะไม่ตอบแชทอีก ถ้าคำพูดนั้นดูไม่ใช่เพื่อนสนิทของเธอจริงๆ
ในตอนเช้าวันถัดมา ธนัชชาได้ออกจากบ้านมาเตรียมมื้อเช้าให้เจตสุวีย์ พร้อมกับเปรยๆเรื่องอยากหางานทำเพราะเรียนจบได้สักพักแล้ว การอยู่บ้านเฉยๆนั้นทำให้เธอไม่มีสังคมและเริ่มเบื่อ
“เอาที่น้องคิดว่าทำแล้วสบายใจ ลองดู”
เธอผิดหวังนิดหน่อยที่เขาไม่ชวนเธอให้ไปทำงานที่บริษัทของเขา
“แล้วที่บริษัทพี่โจยังรับสมัครงานมั้ยคะ?”
“ผมจะไม่เอาคนที่มีความสัมพันธ์ในทางชู้สาวไปทำงานด้วย มันเสียการปกครอง ที่บริษัทผม ไม่มีคำว่าคนโปรด คนพิเศษ คนไหนเก่งก็โต คนประจบสอพลอทำงานไม่เก่ง ผมไม่เอาไว้ มันถ่วงคนเก่งๆให้ถดถอย”
นี่ฉันดูไม่เอาไหนในสายตาเขาสินะ…
“ค่ะ หนูรู้ตัวเองว่าหนูดูไม่เก่งจริงๆ”
“น้องเห็นผมในตอนที่ประสบความสำเร็จ แต่ได้เห็นตอนที่ผมเริ่มต้นเองอย่างยากลำบากหรือเปล่า? จริงอยู่ที่ผมมีต้นทุนดีกว่าคนอื่นแต่ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องพยายามอะไรเลย จะบอกให้ว่า ยิ่งรวยยิ่งต้องปกป้องสิ่งที่มีให้งอกเงย ไม่ใช่มานั่งกินสมบัติเก่าที่พ่อแม่หามาอย่างยากลำบาก”
“ค่ะพี่โจ หนูเข้าใจแล้ว”
ธนัชชาช่างต่างกับไอรดา ที่ถึงแม้เธอจะรวยและไม่มีงานประจำหลังเรียนจบ แต่ก็ยังหางานทำเองเล็กๆน้อยๆที่พอทำได้ ก่อนจะเสนอตัวมานั่งทำงานหลังขดหลังแข็งทั้งวันโดยไม่เล่นโทรศัพท์ตอนทำงานเลยแม้แต่นิดเดียว
ผิดกับธนัชชาที่เรียนจบมาจะเป็นปีแต่ไม่ทำอะไรเลยแม้แต่งานเล็กๆน้อยๆ กลับพึ่งมาคิดได้ว่าควรหาอะไรทำ ในขณะที่เพื่อนๆหางานทำ มีสังคมเพื่อนฝูงกันไปหมด จึงไม่มีใครที่มีเวลาว่างแบบเธอให้ชวนไปเที่ยวเตร่ได้เหมือนตอนเรียนมหาวิทยาลัย
นั่นเพราะความเคยตัวที่ได้รับการซัพพอร์ตจากเจตสุวีย์ ทำให้คนที่ไม่เคยสบาย ติดนิสัยรักสบายไปโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่เมืองไทยคือตอนเช้า แต่ที่แคลิฟอร์เนียคือตอนเย็น ไอรดากับแมทธิวที่ช่วยกันอาบน้ำให้ลูกชายเสร็จก็ทานมื้อเย็นด้วยกันต่อ แต่อยู่ๆแมทธิวก็ไออย่างแรงจนกินข้าวไม่ได้ ไอรดาเป็นห่วงสามีมาก เพราะก่อนหน้าจะแต่งงานกัน เขาก็เคยป่วย ไอไม่หยุดแบบนี้เวลาทำงานหนักและพักผ่อนน้อย
“ที่รัก ไปหาหมอกันดีกว่านะ”
“กินยาก็พอ ผมเคยเป็นแบบนี้มาก่อน คุณก็รู้”
ไอรดาพยายามชวนให้ไปโรงพยาบาลด้วยกันยังไงเขาก็ไม่ยอมไป ป้ารินได้ขออาสาดูแลลูกชายของเธอให้คืนนี้ เพราะถ้าแมทธิวไอหนัก เด็กอาจจะไม่ได้หลับอย่างเต็มที่
แมทธิวกินยาแล้วอาการไอทุเลาลง แต่กลับมีไข้ หนาวสั่นและเจ็บหน้าอก ไอรดาอยู่ดูแลเขาด้วยความเป็นห่วงจนไม่กล้านอนหลับ เพราะเธอเห็นเขาไอมีเลือดปนออกมานิดหน่อย
“ผมเคยไอเป็นเลือดตอนทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อซื้อ Hermes ให้คุณไง แบบนี้แหละเดี๋ยวก็หาย พรุ่งนี้ค่อยไปหาหมอแล้วกัน ถ้าคุณไม่สบายใจ”
เธอไปนอนใกล้ๆสามี กอดแขนเขาและจับมือให้มาแนบแก้มเอาไว้ แมทธิวนอนมองภรรยาที่น่ารักของเขาอย่างหลงใหล
ผมไม่เคยหยุดหลงรักคุณเลยตั้งแต่เจอคุณครั้งแรกที่ Rooftop Bar ที่กรุงเทพ และจะทำทุกอย่างให้คุณกับลูกของเราอยู่อย่างสบายไม่ต้องลำบาก…
“ผมรักคุณ..ไอรดา ดวงใจของผม”
“ถ้าฉันแบ่งความเจ็บไข้ได้ป่วยจากคุณมาได้ ฉันจะทำ คุณตามปกป้องดูแลฉันเสมอ คุณคือส่วนหนึ่งในจิตวิญญาณของฉัน”
กลางดึกที่ไอรดาหลับสนิทอยู่ข้างๆเขา โดยที่โทรศัพท์ของเธออยู่ใกล้ๆหมอน เขาเอื้อมแขนไปหยิบเอามาอย่างเบามือ ปลดล็อกหน้าจอแล้วดูข้อความในแชทไอจีของเธอและจูน
สิ่งที่เขาเห็นยิ่งตอกย้ำความสงสัยที่ว่า คนที่คุยกับเธอตลอดไม่ใช่เพื่อนสนิท แต่เป็นเจตสุวีย์ เขามองไอรดาที่หลับสนิทด้วยหน้าตาที่น่ารักและกอดแขนเขาอยู่
ผมไว้ใจคุณตลอดมาจนถึงนาทีนี้และจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ที่คุณลบแชททั้งหมดและไม่เคยทักไปก่อน เท่านั้นก็เพียงพอแล้วว่า คุณเองก็อาจจะพึ่งรู้ว่า คนที่คุยด้วยมาตลอดไม่ใช่จูน
ช่างปะไร..อยู่ไกลขนาดนั้น แถมเราจะมีลูกด้วยกันถึงสองคน รอได้ก็รอไป เจตสุวีย์…
เช้าวันต่อมา เจตสุวีย์ทักแชทมาหาไอรดาตามเวลาเดิม แต่ไอรดาที่เห็นกลับไม่อ่านและไม่ตอบ เธอมัวทำอาหารเช้าให้สามีเพราะเขาไม่สบาย จึงไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
อุษาและแพทริคหุ้นส่วนทางธุรกิจของเขา ถึงกับต้องบินมาเยี่ยมพอรู้ว่าเขาไอเป็นเลือด
“คุณควรไปหาหมอนะน้องชาย รักษาสุขภาพด้วย ไม่ต้องรีบหาเงินขนาดนั้น ตอนนี้เราก็มีความมั่นคงในระดับที่ดีแล้ว”
แพทริค แอรอน สมิธ และมาดามอุษา หอบของฝากมาเยี่ยม แสดงความห่วงใยเขา เพราะกำลังจะเป็นพ่อของลูกคนที่สองและลูกคนแรกก็ยังแค่หนึ่งขวบ
เจตสุวีย์ที่นอนไม่หลับเพราะรอว่าไอรดาจะตอบอะไรมาบ้างอยู่ร่วมชั่วโมง เริ่มกระวนกระวาย จึงโทรไปหาน้องสาวให้ลองทักไปบ้าง
“พี่โจ พรุ่งนี้ได้มั้ยอ่ะ เพราะพี่ทักไปแล้วทักซ้ำอีกมันแปลกไง หรือว่าแมทธิวอาจสงสัยหรือเปล่า? ไม่ก็อายอาจจะเริ่มสงสัยแล้วป่ะเลยไม่ตอบ”
“โอเค”
เขาถอนหายใจแล้วพยายามข่มตานอนต่อจนหลับไป
ตอนบ่าย ไอรดาและแมทธิวไปโรงพยาบาลให้คุณหมอตรวจอย่างละเอียด จนกระทั่งผลออกมาคือ แมทธิวเป็นโรคปอดอักเสบ นั่นเพราะการใช้ชีวิตของเขา คุณหมอซักถามประวัติและเรื่องต่างๆ
“คุณแมทธิว มีอาการปอดติดเชื้อเหมือนจะเรื้อรังมานานด้วย เพราะเขาพักผ่อนน้อย ภูมิต้านทานต่ำ ไม่ค่อยดูแลสุขภาพมากนัก ไม่ได้ออกกำลังกายและเดินทางไปในที่ต่างๆที่สภาพอากาศแตกต่างกันอยู่ตลอด ควรงดใช้ช้อนหรือภาชนะร่วมกันไปก่อน และเราคงต้องให้เขาอยู่โรงพยาบาลนะ เพราะอาการเขาค่อนข้างหนัก”
ไอรดาและพ่อแม่ของเขาตัดสินใจส่งตัวไปที่โรงพยาบาล Standford Health Care, CA ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดติดอันดับของอเมริกา
“จะเสียเงินเท่าไหร่ฉันไม่สน ขอแค่ช่วยสามีฉันให้หายก็พอ”
ป้ารินต้องอยู่กับวีวี่ที่บ้านไปก่อนเพราะต้องขับรถถึงสองชั่วโมง กว่าจะถึงโรงพยาบาล ส่วนไอรดาที่นอนเฝ้าสามีที่โรงพยาบาลตลอด อาการเขาทรงตัว มีไข้ เจ็บหน้าอก หายใจหอบ ไอรดาต้องแอบไปร้องไห้คนเดียวไม่ให้สามีเห็นเพราะความกลัว
คืนแรกเธอแทบไม่แตะต้องหรือดูโทรศัพท์เลย ส่วนคืนที่สองที่แมทธิวเริ่มไอน้อยลง เขาหลับเพราะความเหนื่อยและจากฤทธิ์ยา ทำให้เธอเริ่มหยิบโทรศัพท์มาดู ก็พบว่ามีข้อความจากแชทของจูนมาหลายอัน แต่เธอเลือกโทรไลน์หาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้เมืองไทยคือเก้าโมงเช้าแล้ว
“อาย ไม่ตอบแชทเลยนะ นึกเป็นห่วงอยู่ ถึงกับโทรมาแต่เช้าเลยอ่ะ คิดถึงฉันอ่ะดิ้”
“ป๊ากับม๊าจะมาอาทิตย์หน้าใช่มั้ย? ฉันไม่แน่ใจว่าแมทธิวจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหนเพราะเขาป่วยมาก กลัวว่าป๊ากับม๊าไปหาที่บ้านจะไม่เจอฉัน เกรงใจพวกท่านที่ฉันอาจจะไม่ได้อยู่ต้อนรับ”
จูนที่นั่งทำงานในออฟฟิศของพ่อ ถึงกับหน้าเครียด
“แมทธิวป่วยเป็นอะไร หนักเหรอ?”
“อืมม ฉันกลัวมากเลยจูน หมอบอกว่าเขาปอดติดเชื้อเรื้อรัง ทั้งอักเสบทั้งติดเชื้อ เขาเคยไอเป็นเลือดมาก่อนตอนที่ฉันพึ่งคบเขาแรกๆก่อนแต่งงาน แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะมีผลมาถึงตอนนี้ ฉันให้เขามารักษาที่ Standford ต้องทิ้งลูกไว้กับป้ารินและพ่อแม่ของแมทธิวที่บ้าน..”
ไอรดาเริ่มร้องไห้เบาๆ เพราะความกลัวและห่วงสามี
“แค่นี้ก่อนนะจูน แมทธิวไออีกแล้ว ไว้ค่อยคุยกัน”
จูนวางสายจากไอรดาแล้วรีบโทรหาพ่อกับแม่ทันที ทั้งคู่ตกลงว่าจะไปเยี่ยมแมทธิวและไอรดาที่โรงพยาบาล ถ้าเวลานั้นเขายังไม่หายดี ก่อนที่จูนจะโทรหาพี่ชายของเธอเพื่อแจ้งเรื่องนี้
เจตสุวีย์ที่ได้ยินเรื่องนี้ น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกอยากซ้ำเติมแมทธิว กลับเป็นห่วงไอรดาและลูกแทน
“น้องอายจะไหวมั้ยนะ ตัวคนเดียวด้วย มีแค่ครอบครัวทางฝั่งผู้ชาย”
“ป้ารินดูแลน้องมาร์ตินอยู่กับลูกเลี้ยงของแมทธิวด้วย เอ่อ.. แล้วก็พ่อแม่ของแมทธิวที่ช่วยดูแลหลาน”
“ไม่มีใครอยู่กับน้องอายเลยเหรอ? หมายถึงน้องอยู่โรงพยาบาลคนเดียวเพื่อเฝ้างั้นสิ?”
“ใช่”
“พี่จะไปหาป๊ากับม๊าที่บ้านตอนเย็นนะ สักห้าโมง”
เขาวางสายแล้วรีบผลุนผลันออกไปที่ออฟฟิศเพื่อแจ้งกับเพื่อนว่าเขาจะไปอเมริกาไม่รู้ว่ากี่วันจะกลับ แต่จะพกโน้ตบุ๊คไปด้วยเพื่อติดต่องานกันได้
“หน้าตาตื่น เป็นไรเพื่อน ไปทำไม มีอะไรหรือเปล่า?”
“จะไปหาหัวใจน่ะสิ”
“หัวใจมึงที่มีสามีแล้วอ่ะนะ โจ..เพื่อน มึงตัดใจเถอะ กูเป็นห่วงมึงนะ”
“ตอนนี้น้องไม่มีใคร พ่อแม่ก็เสียหมดแล้ว น้องตัวคนเดียว สามีก็กำลังป่วยหนัก”
“ฉิบหาย จริงดิ? กูเข้าใจละ เดี๋ยวทางนี้กูกับไอ้บอสดูให้ มีอะไรค่อยทักหากัน”
เจตสุวีย์เคลียร์งานที่บริษัทแล้วกลับบ้านอีกครั้ง เช็กสภาพอากาศที่นั่นเพื่อจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแบบเร่งด่วน ธนัชชาที่อยู่บ้านเห็นรถเขาเข้ามาในตอนเที่ยงถึงกับงงที่เขาเลิกงานไวทั้งที่พึ่งออกไปตอนเช้า จึงเข้าไปหาที่ชั้นสองของบ้าน และเห็นว่าเขากำลังจัดกระเป๋าอย่างเร่งรีบ
“ให้หนูช่วยมั้ยคะพี่โจ?”
“ไม่เป็นไร ผมฝากบ้านด้วยนะ จะไปอเมริกาไม่รู้กลับวันไหน”
ท่าทางที่ดูรีบและหน้าตาที่ดูซีเรียสทำให้เธอเผลอถามออกไป
“พี่จะไปหาไอรดาเหรอคะ?”
เขาเหลือบมองเธอด้วยหางตาแค่แว็บเดียว คิ้วที่ขมวดและถอนหายใจแรง พลางปิดกระเป๋าเดินทางโดยไม่ตอบคำถามอะไรใดๆ
เจตสุวีย์…หนุ่มหล่อลูกเศรษฐีระดับประเทศในวัย 31 ปี ที่ต้องมาอาศัยในบ้านมือสองขนาด 3 ห้องนอนตามลำพัง เขาเลือกที่จะปลีกตัวจากครอบครัวอันอบอุ่นเพราะความสำนึกผิดและต้องการทบทวนในสิ่งที่ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในหลายๆ เรื่องเขาขายบ้านที่เคยคิดว่าจะซื้อไว้เพื่ออยู่กับคนที่เขารัก แต่ในเมื่อทุกอย่างพังไปหมดทั้งการงานที่พ่อของเขาไม่ไว้ใจ เหตุทั้งหมดเกิดจากความรักที่ไม่สมหวัง ทำให้ชีวิตจิตใจของเขาพังทลายอย่างไม่เป็นท่าเจตสุวีย์ตัดสินใจยกเงินที่ขายบ้านหรูหลังใหญ่ระดับ Luxury ส่วนหนึ่งให้ผู้หญิงที่เขารักข้างเดียวไปถึง 20 ล้าน และนำเงินที่เหลือมาลงทุนเปิดบริษัทกับเพื่อนสนิทอีกสองคน เพื่อรับงานอีเว้นท์ต่างๆ เปิดบริษัทรับดูแลเป็นที่ปรึกษาจัดการหลังบ้านสำหรับธุรกิจขนาดกลางที่กำลังเฟื่องฟูในไทยจากธุรกิจออนไลน์ต่างๆ รวมถึงสถานบันเทิงอย่าง Esters Bar ที่ทองหล่อของเขายังทำเงินให้ได้พอสมควรในวันหนึ่งที่เขากลับบ้านเร็วกว่าทุกวันและกำลังขับรถเข้าไปจอดในบ้าน ถึงกับตะลึงนิดหน่อยที่เห็นหญิงสาวเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงกันข้ามที่มีหน้าตาละม้ายคล้าย
เจตสุวีย์มองเธอแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาดูสุขุม ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย“พี่โจ…เคยมีคนโปรดแบบนี้มั้ยคะ?”“เคย..แต่ไม่ใช่เพราะว่าชอบ แต่เป็นเพราะว่าเกลียด รู้สึกจะช่วงสั้นๆ ไม่ถึงเดือนก็ให้เลิกไปพร้อมกับเงินหนึ่งล้าน ไม่รวมที่โอนจ่ายตลอดให้อีก”“ทำไมเกลียดแล้วถึงเลี้ยงดูคะ?”“ที่ต้องเลี้ยงไว้จะได้อยู่ใกล้ตัว ควบคุมได้ง่าย ไม่ให้ไปด่าระรานผู้หญิงที่ผมรัก”ทำเอาเธอเริ่มกลัวเขาตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มความสัมพันธ์ พูดง่ายๆ การมีสัมพันธ์กับเขาในฐานะผู้ถูกอุปถัมภ์ มีสิ่งต้องห้ามคือ อย่าแตะต้องผู้หญิงในหัวใจเขา“น้องมีรอยสักที่ไหนมั้ยครับ?”“เอ่อ มีค่ะ ที่ต้นคอด้านหลังแต่เล็กๆ เท่านิ้วโป้ง”เจตสุวีย์ทำหน้านิ่งขึ้น แล้วถอนหายใจยาวๆ“แล้วแต่น้องนะ ผมเคารพสิทธิส่วนบุคคล จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ด้วยรสนิยมส่วนตัว ผมไม่ชอบผู้หญิงที่มีรอยสัก ถ้าอยากเก็บไว้ ผมคงต้องขอยกเลิกสิ่งที่เราคุยกัน”ธนัชชารีบละล่ำละลักพ
เขากลับถึงบ้าน เมื่อไขประตูเข้าไปก็เจอธนัชชางัวเงียพึ่งตื่นอยู่ที่โซฟาเพราะได้ยินเสียงประตูเปิด นั่นทำให้เขาแปลกใจ“ทำไมน้องมาอยู่ที่นี่ ไม่กลับไปนอนที่บ้านครับ”“หนูเป็นห่วงพี่โจจะเมาค่ะ เลยมารอ ไม่ได้ยินเสียงรถเลย สงสัยหนูมัวหลับลึกไปหน่อย”“ผมไม่ได้เมามาก แค่มึนๆ นิดหน่อย ขอบคุณมาก”“พี่โจไม่อยากให้หนูอยู่ดูแลพี่เหรอคะ?”เจตสุวีย์ที่เมานิดหน่อยและกำลังปลื้มใจที่จะได้ติดต่อกับคนที่เขารักอีกครั้ง ทำให้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ“อยากดูแลอะไรตอนนี้ มันดึกแล้วนะ เกือบตีสอง”ทำให้ธนัชชาอายขึ้นมาที่เหมือนเธอเสนอตัวก่อน แต่เจตสุวีย์นั้นเขาเหมือนเสือที่เห็นเหยื่อ จึงเดินไปใกล้ๆ แล้วถาม กลิ่นตัวที่หอมของเขาผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ ทำให้เธอรู้สึกใจสั่นไหวสุดๆ“ดูแลพี่บนเตียงเหรอ หรือยังไง?”“เอ้อ..หนู..เห็นว่าเราตกลงกันแล้วและพี่โจก็ใจกว้างโอนมาให้หนูก่อนตั้งมากมาย จะให้หนูกลับไปนอนที่บ้านสบายใจเฉิบโดยไม่สนใจพี่ว่าถึงบ้านหรือยัง รู้สึ
ธนัชชาที่เก้อเขินเขาที่นอนเอนหลังอยู่ เริ่มเดินมาใกล้ๆ ข้างเตียง ก่อนจะทรุดตัวนั่งข้างตัวเขา แต่เจตสุวีย์กลับมองเธอเฉยๆ เท่านั้น“เอ่อ..พี่โจจะให้หนูทำอะไรคะ คือ..หนูไม่เคยเริ่มก่อน”เฮ้อ..ภรรยาเก่าของแมทธิวยังรู้งานมากกว่านี้ แต่เอาเถอะ..เธอคงไม่รู้งานเท่ากับสาวกลางคืนอย่างกานต์วิภาที่ผ่านผู้ชายมาเยอะกว่าเจตสุวีย์คิดแบบนั้นก็ลุกไปปิดไฟ แล้วไปยืนใกล้เธอที่นั่งบนเตียง จับมือเธอให้มาลูบสัมผัสที่เป้ากางเกงนอนของเขา ธนัชชาเขินมากแต่ดีที่เขารู้ใจเธอแล้วปิดไฟ ทำให้ไม่ต้องอายมากเกินไป เธอเริ่มใช้สองมือลูบไล้อยู่ครู่หนึ่ง จนมันแข็งตัวพองขึ้นก่อนจะค่อยๆ ถอดกางเกงของเขาลงไปกองกับพื้นถึงตอนนี้เธอแอบเสียดายนิดหน่อยที่ปิดไฟจนไม่เห็นเรือนร่างของผู้ชายที่เธอหลงรัก“ผมไปนอนบนเตียงดีกว่านะ”เขาขึ้นไปนอนโดยถอดกางเกงที่กองอยู่ปลายเท้าออกไป ธนัชชาเลื่อนตัวเข้าไปกลางหว่างขาของเขาแล้วใช้ปากโลมเลียเพื่อหวังทำให้เขาพอใจ สำหรับเจตสุวีย์ที่คิดว่าขนาดปิดไฟเธอยังอ้อยอิ่ง ทำให้เขาเบาเกินไปจนแทบจะไ
ช่วงที่ธนัชชาพยายามโอ้โลมเขา กอดจูบไปทั่ว แต่พอจะจูบปากเขากลับเบือนหน้าหนีตลอด จนเธอไม่เข้าใจ “พี่โจรังเกียจหนูเหรอคะ?” เธอถามเสียงอ่อยๆ แต่เขาส่ายหน้า “ทำต่อเถอะ ผมแค่ไม่ชอบจูบใครน่ะ” “แปลกจัง” เธอฟังคำตอบที่แปลกของเขาแล้วอมยิ้ม ก่อนจะถอดกางเกงให้แล้วใช้ปากดูดกลืนน้องชายของเขาที่แข็งตัวมากในตอนนี้ เจตสุวีย์เอาแต่มองรูปคนที่เขารักอยู่ตลอด เขาจำตอนที่ได้ร่วมรักกับไอรดา เธอร้องไห้อ้อนวอนเขาให้หยุด จำความรู้สึกในกายเธอที่นุ่มนิ่มและรัดรึงนั้นได้ดีเมื่อเธอสู้กับเขาจนหมดแรงต้านทาน อารมณ์ ความรู้สึก ความทรงจำนั้น พวยพุ่งออกมาอย่างมากมาย จนธนัชชาที่ใช้ปากให้และไม่รู้ตัวว่าเขาใกล้เสร็จ ถึงกับตกใจที่เขาพรั่งพรูคาปากเธอจนเลอะไปหมด พร้อมกับเสียงครางเบาๆของเจตสุวีย์ที่ลืมตัวหลุดพูดออกมา “ไอรดา..” จากความตกใจที่เขาเสร็จโดยไม่บอกและความน้อยใจที่วันนี้คือวันเกิดของเธอ แต่เขากลับพูดชื่อผู้หญิงอื่นทั้งที่เธอเป็นคนทำ ธนัชชาวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อไปบ้วนปากและแอบร้องไห้ในห้องน้ำอยู่พักหนึ่ง “นัชชา เข้าห้องน้ำเสร็จหรือยัง ผมขอเข้าหน่อย” เธอเปิดประตูออกมาทั้งที่ยังร้องไห้อยู่ เจตสุวีย์เห็นแต่
พอวันที่จูนและเจตสุวีย์ไปเชียงใหม่และพักที่บ้านของไอรดา เขาติดสินบนลูกชายป้ารินไม่ให้บอกไอรดาและทุกคนว่าเขามาที่นี่ “บอกแค่ว่าจูนมาคนเดียวก็พอ ผมไม่อยากให้น้องอายมีปัญหากับสามี เราไม่ค่อยถูกกันน่ะ”“อ้อ ครับๆ”ลูกชายป้ารินรับคำอย่างว่าง่าย “จูนนอนห้องนอนรับรองแขกไปเถอะ พี่แค่จะเข้าไปอาบน้ำก็พอ จะนอนที่ห้องรับแขกเอา”“เอ้า ห้องนอนมีตั้งเยอะ”“ทุกห้องที่นี่ ไอ้พ่อม่ายนั่นคงใช้ไปหมดแล้ว นอนไม่ลง”“เฮ่อออ…แล้วแต่ละกัน เอาโทรศัพท์พี่มาหน่อย จะส่งข้อความบอกอาย ขี้เกียจเปิดโน้ตบุ๊ค” เจตสุวีย์ไม่ได้มาที่นี่นานมาก เขาย้อนนึกถึงวันแรกที่ได้เจอเธอ เพราะเธอสนิทกับจูนจนพาพ่อแม่มาสนิทกัน ร่วมทำกิจการด้วยกัน ในตอนนั้นที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยปีสี่และมีแฟนแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอเพื่อนสนิทของน้องสาว แค่ได้ยินผ่านๆเพราะจูนชอบเชียร์เพื่อนคนนี้ให้เขาจีบเสมอ จนวันที่ครอบครัวของเขาต้องการไปพักผ่อนที่เชียงใหม่โดยเขาได้มาด้วยและพักที่บ้านนี้ตอนที่เขาลงจากรถและเจอเธอยืนข้างๆคุณแม่ เด็กสาวอายุเพียง 19 เธอสวยถอดแบบแม่มาแทบจะเหมือนพี่สาวและน้องสาว ตอนที่เขาก้าวเข้ามาสวัสดีครอบครัวของไอรดา ดวงตาที่กลมโต ผิวหน้าและผ
เจตสุวีย์จมอยู่กับความคิดที่ว่า ไอรดาอาจเริ่มใจอ่อนให้เขาบ้างแล้ว เขาฟังเพลงที่เธอเคยส่งให้อยู่ตลอด ทั้งเวลาอยู่บ้าน ในรถ ที่ออฟฟิศ บางครั้งไปดื่มที่บาร์ก็ให้เปิดเพลงนี้ตอนนี้เขาเริ่มกลับไปติดต่อกับครอบครัวเป็นระยะๆ แต่ส่วนมากจะเป็นแม่ที่เขาโทรไปหาบ่อยที่สุด ธนัชชากับแม่เที่ยวอยู่ที่ภูเก็ต เจตสุวีย์ได้จ่ายสำหรับห้องพักที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต และให้เช่ารถขับเองโดยไม่ต้องพึ่งแท็กซี่ สองแม่ลูกช้อปปิ้งกินหรูอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “แม่คะ กลับไปเราไปเจอพี่เขากันนะ หนูบอกพี่เขาแล้ว”“จริงเหรอ? แล้วแม่ต้องแต่งตัวยังไง ทำตัวไม่ถูกแน่ๆเลย”เธอลงไอจีมาตลอดถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ได้คบหากับเขา เพื่อนๆมากมายพากันมากดไลค์ให้กับธนัชชาคนใหม่ที่ค่อยๆสวยขึ้น จากการใช้เงินเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม “นัชชา แกรู้ป่ะว่าแฟนแกอ่ะ ลูกนักธุรกิจคนดังระดับประเทศนะ เนี่ย..พึ่งเห็นข่าวจัดอันดับนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงของปีนี้ มีรูปพี่เขาขึ้นในนั้น ฉันจำหน้าได้”ธนัชชาแกล้งทำเป็นชิลๆเหมือนรู้ดี แต่จริงๆแล้วเธอไม่กล้าถามนามสกุลหรือเรื่องครอบครัวของเขาเลยด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่เปิดปากเล่าก่อน ซึ่งแน่นอน
ไอรดาที่เข้าห้องน้ำ เธอตื่นเต้นจนหายใจแรงและตัดสินใจลบแชททั้งหมดทันทีก่อนจะออกมาจากห้องน้ำ โดยที่แมทธิวยืนรอเธออยู่ พอเปิดประตูมาเจอทำเอาเธอตกใจสะดุ้งจนตัวโยน“ผมทำคุณตกใจเหรอ? Sweetie”“ก็ปกติไม่มายืนหน้าประตูแบบนี้ เป็นใครก็ตกใจ”“ปกติคุณก็ไม่เคยเอาโทรศัพท์เข้าห้องน้ำด้วย”“เคยสิ เวลาอึ”แมทธิวไม่พูดอะไรแต่มองตาเธอนิ่ง เหมือนต้องการเช็กอะไรอยู่“อะไร? ทำไมต้องจ้องกันแบบนั้นด้วย”ไอรดาถอนหายใจและเบี่ยงตัวเดินหลบเขาไป แมทธิวไม่อยากหาเรื่องหึงกับเธอเพราะกำลังท้องอ่อนๆ กลัวจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกเจตสุวีย์รอให้ไอรดาตอบอะไรมาสักอย่างแต่กลับเงียบ เขาเดินวนไปวนมาในห้อง จนธนัชชาเอ่ยถามขึ้น“พี่โจนอนพักผ่อนดีกว่ามั้ยคะ? ดึกแล้วนะ”“น้องกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้ครับ ผมขออยู่คนเดียววันนี้”เขาพูดโดยไม่มองเธอด้วยซ้ำ ก่อนจะนั่งที่ขอบเตียงจ้องแต่โทรศัพท์ แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ“ทำไมหนูเงียบคะ ตอบอะไรก็ได้มาหน่อย พี่รอหนูอยู่นะ อะไรก็ได้..ได้โปรด”ธนัชชาถึงกับอึ้ง คำพูดของเขาที่ใช้กับผู้หญิงคนนั้นช่างฟังแตกต่างจากที่เรียกหรือพูดกับเธอชัดเจน“ไอรดาอาจจะคุยกับสามีของเธออยู่ก็ได้มั้งคะพี่” เจตสุวีย์อารม
เจตสุวีย์จมอยู่กับความคิดที่ว่า ไอรดาอาจเริ่มใจอ่อนให้เขาบ้างแล้ว เขาฟังเพลงที่เธอเคยส่งให้อยู่ตลอด ทั้งเวลาอยู่บ้าน ในรถ ที่ออฟฟิศ บางครั้งไปดื่มที่บาร์ก็ให้เปิดเพลงนี้ตอนนี้เขาเริ่มกลับไปติดต่อกับครอบครัวเป็นระยะๆ แต่ส่วนมากจะเป็นแม่ที่เขาโทรไปหาบ่อยที่สุด ธนัชชากับแม่เที่ยวอยู่ที่ภูเก็ต เจตสุวีย์ได้จ่ายสำหรับห้องพักที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต และให้เช่ารถขับเองโดยไม่ต้องพึ่งแท็กซี่ สองแม่ลูกช้อปปิ้งกินหรูอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “แม่คะ กลับไปเราไปเจอพี่เขากันนะ หนูบอกพี่เขาแล้ว”“จริงเหรอ? แล้วแม่ต้องแต่งตัวยังไง ทำตัวไม่ถูกแน่ๆเลย”เธอลงไอจีมาตลอดถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ได้คบหากับเขา เพื่อนๆมากมายพากันมากดไลค์ให้กับธนัชชาคนใหม่ที่ค่อยๆสวยขึ้น จากการใช้เงินเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม “นัชชา แกรู้ป่ะว่าแฟนแกอ่ะ ลูกนักธุรกิจคนดังระดับประเทศนะ เนี่ย..พึ่งเห็นข่าวจัดอันดับนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงของปีนี้ มีรูปพี่เขาขึ้นในนั้น ฉันจำหน้าได้”ธนัชชาแกล้งทำเป็นชิลๆเหมือนรู้ดี แต่จริงๆแล้วเธอไม่กล้าถามนามสกุลหรือเรื่องครอบครัวของเขาเลยด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่เปิดปากเล่าก่อน ซึ่งแน่นอน
พอวันที่จูนและเจตสุวีย์ไปเชียงใหม่และพักที่บ้านของไอรดา เขาติดสินบนลูกชายป้ารินไม่ให้บอกไอรดาและทุกคนว่าเขามาที่นี่ “บอกแค่ว่าจูนมาคนเดียวก็พอ ผมไม่อยากให้น้องอายมีปัญหากับสามี เราไม่ค่อยถูกกันน่ะ”“อ้อ ครับๆ”ลูกชายป้ารินรับคำอย่างว่าง่าย “จูนนอนห้องนอนรับรองแขกไปเถอะ พี่แค่จะเข้าไปอาบน้ำก็พอ จะนอนที่ห้องรับแขกเอา”“เอ้า ห้องนอนมีตั้งเยอะ”“ทุกห้องที่นี่ ไอ้พ่อม่ายนั่นคงใช้ไปหมดแล้ว นอนไม่ลง”“เฮ่อออ…แล้วแต่ละกัน เอาโทรศัพท์พี่มาหน่อย จะส่งข้อความบอกอาย ขี้เกียจเปิดโน้ตบุ๊ค” เจตสุวีย์ไม่ได้มาที่นี่นานมาก เขาย้อนนึกถึงวันแรกที่ได้เจอเธอ เพราะเธอสนิทกับจูนจนพาพ่อแม่มาสนิทกัน ร่วมทำกิจการด้วยกัน ในตอนนั้นที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยปีสี่และมีแฟนแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอเพื่อนสนิทของน้องสาว แค่ได้ยินผ่านๆเพราะจูนชอบเชียร์เพื่อนคนนี้ให้เขาจีบเสมอ จนวันที่ครอบครัวของเขาต้องการไปพักผ่อนที่เชียงใหม่โดยเขาได้มาด้วยและพักที่บ้านนี้ตอนที่เขาลงจากรถและเจอเธอยืนข้างๆคุณแม่ เด็กสาวอายุเพียง 19 เธอสวยถอดแบบแม่มาแทบจะเหมือนพี่สาวและน้องสาว ตอนที่เขาก้าวเข้ามาสวัสดีครอบครัวของไอรดา ดวงตาที่กลมโต ผิวหน้าและผ
ช่วงที่ธนัชชาพยายามโอ้โลมเขา กอดจูบไปทั่ว แต่พอจะจูบปากเขากลับเบือนหน้าหนีตลอด จนเธอไม่เข้าใจ “พี่โจรังเกียจหนูเหรอคะ?” เธอถามเสียงอ่อยๆ แต่เขาส่ายหน้า “ทำต่อเถอะ ผมแค่ไม่ชอบจูบใครน่ะ” “แปลกจัง” เธอฟังคำตอบที่แปลกของเขาแล้วอมยิ้ม ก่อนจะถอดกางเกงให้แล้วใช้ปากดูดกลืนน้องชายของเขาที่แข็งตัวมากในตอนนี้ เจตสุวีย์เอาแต่มองรูปคนที่เขารักอยู่ตลอด เขาจำตอนที่ได้ร่วมรักกับไอรดา เธอร้องไห้อ้อนวอนเขาให้หยุด จำความรู้สึกในกายเธอที่นุ่มนิ่มและรัดรึงนั้นได้ดีเมื่อเธอสู้กับเขาจนหมดแรงต้านทาน อารมณ์ ความรู้สึก ความทรงจำนั้น พวยพุ่งออกมาอย่างมากมาย จนธนัชชาที่ใช้ปากให้และไม่รู้ตัวว่าเขาใกล้เสร็จ ถึงกับตกใจที่เขาพรั่งพรูคาปากเธอจนเลอะไปหมด พร้อมกับเสียงครางเบาๆของเจตสุวีย์ที่ลืมตัวหลุดพูดออกมา “ไอรดา..” จากความตกใจที่เขาเสร็จโดยไม่บอกและความน้อยใจที่วันนี้คือวันเกิดของเธอ แต่เขากลับพูดชื่อผู้หญิงอื่นทั้งที่เธอเป็นคนทำ ธนัชชาวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อไปบ้วนปากและแอบร้องไห้ในห้องน้ำอยู่พักหนึ่ง “นัชชา เข้าห้องน้ำเสร็จหรือยัง ผมขอเข้าหน่อย” เธอเปิดประตูออกมาทั้งที่ยังร้องไห้อยู่ เจตสุวีย์เห็นแต่
ธนัชชาที่เก้อเขินเขาที่นอนเอนหลังอยู่ เริ่มเดินมาใกล้ๆ ข้างเตียง ก่อนจะทรุดตัวนั่งข้างตัวเขา แต่เจตสุวีย์กลับมองเธอเฉยๆ เท่านั้น“เอ่อ..พี่โจจะให้หนูทำอะไรคะ คือ..หนูไม่เคยเริ่มก่อน”เฮ้อ..ภรรยาเก่าของแมทธิวยังรู้งานมากกว่านี้ แต่เอาเถอะ..เธอคงไม่รู้งานเท่ากับสาวกลางคืนอย่างกานต์วิภาที่ผ่านผู้ชายมาเยอะกว่าเจตสุวีย์คิดแบบนั้นก็ลุกไปปิดไฟ แล้วไปยืนใกล้เธอที่นั่งบนเตียง จับมือเธอให้มาลูบสัมผัสที่เป้ากางเกงนอนของเขา ธนัชชาเขินมากแต่ดีที่เขารู้ใจเธอแล้วปิดไฟ ทำให้ไม่ต้องอายมากเกินไป เธอเริ่มใช้สองมือลูบไล้อยู่ครู่หนึ่ง จนมันแข็งตัวพองขึ้นก่อนจะค่อยๆ ถอดกางเกงของเขาลงไปกองกับพื้นถึงตอนนี้เธอแอบเสียดายนิดหน่อยที่ปิดไฟจนไม่เห็นเรือนร่างของผู้ชายที่เธอหลงรัก“ผมไปนอนบนเตียงดีกว่านะ”เขาขึ้นไปนอนโดยถอดกางเกงที่กองอยู่ปลายเท้าออกไป ธนัชชาเลื่อนตัวเข้าไปกลางหว่างขาของเขาแล้วใช้ปากโลมเลียเพื่อหวังทำให้เขาพอใจ สำหรับเจตสุวีย์ที่คิดว่าขนาดปิดไฟเธอยังอ้อยอิ่ง ทำให้เขาเบาเกินไปจนแทบจะไ
เขากลับถึงบ้าน เมื่อไขประตูเข้าไปก็เจอธนัชชางัวเงียพึ่งตื่นอยู่ที่โซฟาเพราะได้ยินเสียงประตูเปิด นั่นทำให้เขาแปลกใจ“ทำไมน้องมาอยู่ที่นี่ ไม่กลับไปนอนที่บ้านครับ”“หนูเป็นห่วงพี่โจจะเมาค่ะ เลยมารอ ไม่ได้ยินเสียงรถเลย สงสัยหนูมัวหลับลึกไปหน่อย”“ผมไม่ได้เมามาก แค่มึนๆ นิดหน่อย ขอบคุณมาก”“พี่โจไม่อยากให้หนูอยู่ดูแลพี่เหรอคะ?”เจตสุวีย์ที่เมานิดหน่อยและกำลังปลื้มใจที่จะได้ติดต่อกับคนที่เขารักอีกครั้ง ทำให้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ“อยากดูแลอะไรตอนนี้ มันดึกแล้วนะ เกือบตีสอง”ทำให้ธนัชชาอายขึ้นมาที่เหมือนเธอเสนอตัวก่อน แต่เจตสุวีย์นั้นเขาเหมือนเสือที่เห็นเหยื่อ จึงเดินไปใกล้ๆ แล้วถาม กลิ่นตัวที่หอมของเขาผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ ทำให้เธอรู้สึกใจสั่นไหวสุดๆ“ดูแลพี่บนเตียงเหรอ หรือยังไง?”“เอ้อ..หนู..เห็นว่าเราตกลงกันแล้วและพี่โจก็ใจกว้างโอนมาให้หนูก่อนตั้งมากมาย จะให้หนูกลับไปนอนที่บ้านสบายใจเฉิบโดยไม่สนใจพี่ว่าถึงบ้านหรือยัง รู้สึ
เจตสุวีย์มองเธอแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาดูสุขุม ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย“พี่โจ…เคยมีคนโปรดแบบนี้มั้ยคะ?”“เคย..แต่ไม่ใช่เพราะว่าชอบ แต่เป็นเพราะว่าเกลียด รู้สึกจะช่วงสั้นๆ ไม่ถึงเดือนก็ให้เลิกไปพร้อมกับเงินหนึ่งล้าน ไม่รวมที่โอนจ่ายตลอดให้อีก”“ทำไมเกลียดแล้วถึงเลี้ยงดูคะ?”“ที่ต้องเลี้ยงไว้จะได้อยู่ใกล้ตัว ควบคุมได้ง่าย ไม่ให้ไปด่าระรานผู้หญิงที่ผมรัก”ทำเอาเธอเริ่มกลัวเขาตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มความสัมพันธ์ พูดง่ายๆ การมีสัมพันธ์กับเขาในฐานะผู้ถูกอุปถัมภ์ มีสิ่งต้องห้ามคือ อย่าแตะต้องผู้หญิงในหัวใจเขา“น้องมีรอยสักที่ไหนมั้ยครับ?”“เอ่อ มีค่ะ ที่ต้นคอด้านหลังแต่เล็กๆ เท่านิ้วโป้ง”เจตสุวีย์ทำหน้านิ่งขึ้น แล้วถอนหายใจยาวๆ“แล้วแต่น้องนะ ผมเคารพสิทธิส่วนบุคคล จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ด้วยรสนิยมส่วนตัว ผมไม่ชอบผู้หญิงที่มีรอยสัก ถ้าอยากเก็บไว้ ผมคงต้องขอยกเลิกสิ่งที่เราคุยกัน”ธนัชชารีบละล่ำละลักพ
เจตสุวีย์…หนุ่มหล่อลูกเศรษฐีระดับประเทศในวัย 31 ปี ที่ต้องมาอาศัยในบ้านมือสองขนาด 3 ห้องนอนตามลำพัง เขาเลือกที่จะปลีกตัวจากครอบครัวอันอบอุ่นเพราะความสำนึกผิดและต้องการทบทวนในสิ่งที่ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในหลายๆ เรื่องเขาขายบ้านที่เคยคิดว่าจะซื้อไว้เพื่ออยู่กับคนที่เขารัก แต่ในเมื่อทุกอย่างพังไปหมดทั้งการงานที่พ่อของเขาไม่ไว้ใจ เหตุทั้งหมดเกิดจากความรักที่ไม่สมหวัง ทำให้ชีวิตจิตใจของเขาพังทลายอย่างไม่เป็นท่าเจตสุวีย์ตัดสินใจยกเงินที่ขายบ้านหรูหลังใหญ่ระดับ Luxury ส่วนหนึ่งให้ผู้หญิงที่เขารักข้างเดียวไปถึง 20 ล้าน และนำเงินที่เหลือมาลงทุนเปิดบริษัทกับเพื่อนสนิทอีกสองคน เพื่อรับงานอีเว้นท์ต่างๆ เปิดบริษัทรับดูแลเป็นที่ปรึกษาจัดการหลังบ้านสำหรับธุรกิจขนาดกลางที่กำลังเฟื่องฟูในไทยจากธุรกิจออนไลน์ต่างๆ รวมถึงสถานบันเทิงอย่าง Esters Bar ที่ทองหล่อของเขายังทำเงินให้ได้พอสมควรในวันหนึ่งที่เขากลับบ้านเร็วกว่าทุกวันและกำลังขับรถเข้าไปจอดในบ้าน ถึงกับตะลึงนิดหน่อยที่เห็นหญิงสาวเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงกันข้ามที่มีหน้าตาละม้ายคล้าย