Share

ตอนที่3.

ตอนที่3.

ถนนส่วนบุคคลที่ทอดยาวจากตึกสำนักงานของเลอเวนส์กรุ๊ปสู่ถนนสายหลัก ในช่วงเวลาเลิกงานถนนเส้นนี้ก็จะพลุกพล่านเต็มไปด้วยคนหนุ่มสาวที่เดินออกไปรอรถเมล์บ้าง รถแท็กซี่บ้างซึ่งต่างจะพูดคุยหยอกล้อกันไปอย่างสนุกสนานดูมีสีสัน บางคนก็จะมีรถยนต์ของตนเองซึ่งพนักงานของที่นี่จะว่าไปก็มีรถยนต์กันแทบทุกคน แต่ในยามนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มก็จะค่อนข้างเงียบแม้ไฟรายทางจะสว่างไสวมียามรักษาความปลอดภัยคอยตรวจตราอย่างเคร่งครัดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องจะเกิดอันตรายหากพนักงานจะทำโอทีและกลับบ้านดึกเหมือนวันนี้ที่นารินเต็มใจทำงานพิเศษหลังเลิกงานเพราะค่าจ้างส่วนต่างมันล่อใจนี่ล่ะ ดังนั้นเมื่อแสงรวีขอให้ช่วยงานเธอจึงไม่ลังเลเพราะปกติแล้วเธอเองก็ชอบงานแปลเอกสารและมักจะหารายได้พิเศษจากงานแปลเป็นประจำโดยไม่ต้องรบกวนเงินจากทางบ้านแม้ว่าครอบครัวของตนจะค่อนข้างมีฐานะร่ำรวย แต่นารินชินกับการช่วยเหลือตนเองและสนุกกับการทำงานมากกว่า จนบ้างครั้งเพื่อนๆ ในกลุ่มสมัยเรียนเคยบ่นว่าเธอเป็นเศรษฐีขี้งกประจำ เมื่อนึกถึงอดีตที่ครอบครัวเคยมีฐานะร่ำรวยนารินก็หน้าหม่นลงทันที เพราะปัจจุบันครอบครัวของเธอก็คงจะมีแค่ เปลือก ที่ร่ำรวย

นารินเดินอย่างไม่เร่งรีบไปยังถนนที่มีรถวิ่งพลุกพล่านรายทางสว่างไสวงดงามลมเย็นๆ พัดมาเอื่อยๆ ก็พลอยทำให้รู้สึกสดชื่นอยู่บ้าง แม้ที่นี่จะอยู่ใจกลางเมืองแต่ก็ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ สวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลก็ส่งผลให้บริเวณใกล้เคียงบรรยากาศดีไปด้วย นารินชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่ามีรถยนต์แล่นมาข้างหลังหญิงสาวค่อยๆ เดินหลบชิดขอบทางซึ่งร่มรื่นด้วยต้นไม้ก่อนจะหันกลับไปมองเมื่อยังรู้สึกว่ารถคันนั้นยังไม่ยอมแล่นผ่านไป คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเห็นรถยนต์หรูซึ่งเธอแน่ใจว่าตนไม่รู้จักใครที่ขับรถราคาคันละลิบๆ ล้านแบบนี้แน่นอน

“ท่านประธาน..” แล้วนารินก็อุทานออกมาอย่างคาดไม่ถึงเมื่อกระจกรถเลื่อนลงพร้อมกับรถคันหรูจอดข้างๆ เธอ

“ขึ้นมาสิ” เสียงนุ่มทุ้มบอกเป็นภาษาไทยชัดเจน ดวงตาคมเข้มมองเธอนิ่งนารินก้าวขาไม่ออกไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“เอ้า จะยืนอีกนานมั้ย หรือว่าจะต้องให้ไปอุ้มขึ้นมา”

“ตะ แต่ ริน เอ่อ ดิฉัน..” นารินตาโตหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

“ฉันไม่มีเวลามากนะ แล้วนี่ก็มืดแล้ว ขึ้นมาฉันจะไปส่ง”

“คือ..” นารินยังอึกอักทำทีลังเลแต่เมื่อเห็นเขาทำท่าจะปลดเข็มขัดนิรภัยลงมาทำให้เธอต้องรีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งเคียงข้างเขาเพราะกลัวว่าเขาจะอุ้มเธอขึ้นรถจริงๆ เมื่อรถเคลื่อนเข้าสู่ถนนสายหลักที่พลุกพล่านด้วยรถยนต์เต็มท้องถนนจนทำให้รู้สึกว่ามันเป็นลานจอดรถมากกว่าถนนที่รถจะวิ่งสัญจรไปมา

“ท่านประธานส่งดิฉันที่สถานีรถไฟฟ้าข้างหน้านั่นก็ได้ค่ะ” นารินบอกอย่างเกรงใจเพราะเขากับเธอต่างกันเหลือเกิน

“ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะไปส่งก็คือจะไปส่ง แล้วไม่ต้องแทนตัวเองว่าดิฉงดิฉันได้มั้ย ฟังดูแก่แดดพิลึก” ดวงตาคมปรายมามองอย่างไม่ชอบใจซึ่งนารินไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องไม่พอใจด้วยแต่เธอก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกแถมยังติดอ่างไปเสียอีกทั้งที่เธอไม่ใช่คนติดอ่างหรือพูดช้าคิดช้าสักนิด

“เอ่อ คือ...”

“ไม่ยักรู้ว่าบริษัทฉันรับคนติดอ่างเข้าฝึกงานด้วย”

“รินไม่ได้ติดต่างค่ะ” ก็เพราะเขานั่นล่ะที่ทำให้สมองเธอเบลอๆ พูดติดๆ ขัดๆ แบบนี้

“อ้าวเหรอ นึกว่าติดอ่าง เจอกันทีไรเธอพูดติดอ่างทุกที” มันเป็นจริงดังเขาว่า เพราะตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ดามพ์เข้ามาตรวจงานที่สำนักงานใหญ่ เธอซึ่งอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาต้องได้พบเขาทุกวันและทุกครั้งที่เจอหน้าเขาเธอก็มักตื่นเต้นหวั่นไหวทำอะไรไม่ถูกเสียทุกที เมื่อวานตอนเอากาแฟไปเสิร์ฟเขาในห้องเธอก็เผลอทำกาแฟหกเลอะเสื้อสูทของเขาจนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น... แล้วเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นทีไรแก้มสาวก็เห่อร้อนขึ้นมาทันที...

“เป็นอะไรหน้าแดงๆ”

โอ๊ย... นารินอยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีดวงตาคมของเขานัก

ก็เพราะเขานั่นล่ะที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้ นารินคิดอย่างขัดเขินและเดือดดาลในอก เธอต้องเสียจูบแรกไปเพราะใคร ต้องใจสั่นหวั่นไหวนอนไม่หลับกระสับกระส่ายเพราะความหวามไหววูบวาบในอกเพราะใครกันล่ะ วันนี้เธออุตส่าห์ไม่ยอมเอากาแฟไปเสิร์ฟและวันทั้งวันเธอก็ไม่พบหน้าเขา แต่ก็สุดท้ายเธอยังหลบหน้าดามพ์ไม่พ้น

“เปล่าค่ะ สงสัยอากาศจะร้อน..” เหมือนเธอได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอของเขา นารินหันไปมองก็พบเพียงใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มทรงเสน่ห์มาให้ สาวน้อยซึ่งกำลังจะพ้นรั้วมหาวิทยาลัยรีบหันหน้าหนีดวงตาคมแทบไม่ทัน

“ไม่ยักรู้ว่าแอร์รถฉันเสีย” นารินไม่พูดอะไรต่อเพราะคิดคำตอบโต้กับเขาไม่ออก ดามพ์จึงเป็นฝ่ายพูดขึ้น

“เดี๋ยวเราแวะหาอะไรกินกันก่อนนะ”

“แต่รินไม่หิวค่ะ”

“แต่ฉันหิว ทำงานทั้งวันเหนื่อยและหิวมากด้วยตอนนี้ เอาเป็นว่านั่งกินเป็นเพื่อนกันก่อน ได้ไหม...” ท้ายประโยคน้ำเสียงของเขาฟังเหมือนจะอ้อนวอน ใจสาวที่หวั่นไหวอยู่แล้วก็อ่อนยวบนารินจึงตอบรับเขาไป แล้วไม่กี่นาทีเธอกับดามพ์ก็นั่งอยู่ในร้านอาหารหรูซึ่งมีความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ...

ดวงตมคมเฝ้ามองคนตัวเล็กที่เอาแต่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างขบขัน ดามพ์ไล่สายตาสำรวจสาวน้อยที่สะดุดใจเขาตั้งแต่แรกพบช้าๆ นารินเป็นผู้หญิงรูปร่างเล็กเธอสูงแค่ไหล่ของเขาเท่านั้นเองผิวขาวละเอียดเปล่งปลั่งตามวัยสาว โครงหน้าเรียวปากนิดจมูกหน่อยดูน่ารักจิ้มลิ้มยิ่งเจ้าหล่อนไว้ผมม้าปรกหน้าผากมนยิ่งทำให้นารินดูเหมือนเด็กมัธยมปลายมากกว่าสาวน้อยที่กำลังจะเป็นหญิงสาวเต็มตัว แล้วยิ่งเธอใส่ชุดนักศึกษาแบบนี้หน้าตาก็ดูอ่อนเยาว์ใสๆ แบบนี้ยิ่งทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังหลอกเด็ก ก็กำลังหลอกเด็กจริงๆ ไม่ใช่หรือ...

ใช่.. เขากำลังหลอกเด็ก... และเด็กคนนี้ก็น่าหลอกน่ากินเสียเหลือเกิน เห็นหน้าตาน่ารักตัวเล็กๆ น่าทะนุถนอมแบบนี้แต่เมื่อได้สัมผัสถึงเนื้อตัวนุ่มนิ่มหอมกรุ่นของเจ้าหล่อนแล้วดามพ์ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่านารินจุดไฟในกายของเขาให้ลุกโชนได้อย่างง่ายดาย อย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำได้ นั่นคือความจริง แม้เขาจะชอบผู้หญิงสวยเซ็กซี่เร้าใจรู้จักเอาอกเอาใจและที่ผ่านมาเขาก็ได้ระเริงรักกับพวกเจ้าหล่อนเหล่านั้นมานับไม่ถ้วน แต่เขาไม่เคยรู้สึกพลุ่งพล่านร้อนระอุเพียงแค่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายของหญิงสาวเหล่านั้น ไม่เคยอยากได้อยากครอบครองพวกเธอเพียงแค่เห็นหน้าเหมือนอย่างที่เขากำลังต้องการนาริน แค่เห็นเธอเขาก็รุ่มร้อนจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ยิ่งได้จูบเธอในวันก่อนเขาก็ยิ่งอยากได้นารินมากขึ้น และจะต้องได้ในเร็วๆ นี้ด้วย เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงคลั่งตายแน่ๆ

รสหวานจากเรียวปากจิ้มลิ้มไร้เดียงสายังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้นเนื้อสาวนุ่มละมุนมือยังคงตราตรึงในสมองอันชาญฉลาดของเขา ทรวงอกอวบอิ่มเต็มอุ้งมือใหญ่ยังให้ความรู้สึกเหมือนว่ามือของเขายังได้เคล้นคลึงปทุมอวบอัดคู่นั้นอยู่ไม่สร่าง เขาต้องบ้าหรือไม่ก็ลงแดงตายเร็วๆ นี้แน่ๆ หากยังมีอาการเช่นนี้อยู่

“อิ่มแล้วเหรอ..” ดามพ์ถามคนที่รวบช้อนแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม นารินพยักหน้าน้อยๆ แล้วนั่งก้มหน้าเงียบๆ ไม่พูดอะไร ดามพ์ขยับตัวอย่างอึดอัด เพราะยิ่งมองก็ยิ่งอยาก...

“เอ่อ กลับได้รึยังคะ เดี๋ยวจะดึก”

“ไปสิ” ร่างสูงลุกขึ้นหลังจากที่จ่ายเงินค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มขับรถมาถึงหน้าอพาร์ตเม้นต์ของนารินได้อย่างถูกต้องแม่นยำเพียงแค่เธอบอกชื่ออาคารแห่งนี้เท่านั้นทำให้นารินถึงกับหันมามองเขาตาโต

“อะไร” เขาหันมาถามเสียงกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นแววตาคาดไม่ถึงของเธอ ก็เขาสืบมาหมดแล้วว่าเธออยู่ที่ไหนอย่างไรมีหรือจะมาไม่ถูกและหากเขาต้องการอะไรมีหรือที่จะไม่ได้ นารินหน้าแดงเรื่อดูน่ารักน่าปรารถนาในสายตาเขาเหลือเกินและหากเจ้าหล่อนทำหน้าแดงๆ ตาใสๆ แบบนี้บ่อยๆ ตบะอันแก่กล้าของเขาคงแตกเร็วๆ นี้ล่ะ

“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” สาวน้อยอ้อมแอ้มตอบพลางควานหาที่ปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยด้วยท่าทางเงอะงะแต่จนแล้วจนรอดนารินก็ยังคงก้มหน้าก้มตาปลดเข็มขัดนิรภัยอยู่จนดามพ์ต้องยื่นมือเข้าไปช่วย

“เธอนี่ยังไงนะ ซุ่มซ่ามเสียจริงแค่กดตรงนี้มันก็คลายออกแล้ว”

“ระ ริน คือ ริน..” เธอไม่เคยนั่งรถราคาแพงลิบขนาดนี้นี่นะ และรถของเขาก็มีปุ่มอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะมากมายแปลกตาจนเธอไม่กล้าจะจับจะต้องเพราะกลัวจะทำรถของเขาเสียหาย ดามพ์หัวเราะเบาๆ ในลำคอแม้จะปลดเข็มขัดได้แล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ขยับตัวออกห่างความใกล้ชิดของเขากับนารินในตอนนี้เรียกได้ว่าลมหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว...

“ขอบคุณฉันรึยังที่มาส่ง”

“รินขอบคุณไปแล้วนี่คะ” สาวน้อยตอบหน้าซื่อดามพ์ซ่อนยิ้มในหน้า

“แล้วขอบคุณรึยังที่ฉันช่วยปลดเข็มขัดนิรภัยให้”

“ขะ ขอบคุณค่ะ” นารินพนมมือไหว้ขอบคุณเขาอย่างอ่อนช้อยน่ารัก แต่ดามพ์ไม่ได้ต้องการการขอบคุณแบบนี้สักหน่อย

“ไม่ใช่การขอบคุณที่ฉันต้องการ ฉันต้องการให้เธอขอบคุณแบบนี้ต่างหาก...”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status