“ใช่คุณดามพ์หล่อมากกกก... และปากสวยมาก คุณดรุณีเองก็สวยมากเลยนะ แต่เจ้ายศเจ้าอย่างทีเดียวแหละ ก็คนเขามีเชื้อมีสายแล้วก็ร่ำรวยน่ะนะ ตอนที่นั่นแท่นท่านประธานของเลอเวนส์กรุ๊ปนี่นะ ทุกอย่างจะต้องเป็นระเบียบเป๊ะพนักงานสาวๆ นี่ต้องใส่ยูนิฟอร์มเรียบร้อยห้ามใส่สั้นห้ามแต่งหน้าเข้มห้ามเสียงดัง บรรยากาศราวกับย้อนยุคไปสมัยกรุงศรีฯ เลยล่ะ” แสงรวีพูดยิ้มๆ
“แต่ท่านก็ใจดีกับทุกคน
พนักงานที่นี่ร้องไห้กันใหญ่ตอนที่ท่านเกษียรตัวเอง”
“แล้ว เอ่อ
คุณดามพ์จะมาทำงานที่นี่ทุกวันใช่ไหมคะพี่รวี”
“ก็ใช่จ้ะ
แต่ก็แค่เดือนเดียวแหละที่คุณดามพ์จะอยู่ที่สำนักงานใหญ่
แต่จะว่าไปคุณดามพ์ก็ไม่ค่อยได้อยู่หรอกส่วนใหญ่ก็สั่งงานผ่านพี่อีกที
ใช้การสื่อสารออนไลน์สั่งงาน สั่งประชุม
มีวันนี้เป็นการประชุมประจำไตรมาสคุณดามพ์จึงต้องมาเอง”
แสงรวีทำงานที่นี่มาจะร่วมสิบปีแล้วได้รับความไว้วางใจจากคุณดรุณีจนกระทั่งมาถึงดามพ์
และเธอก็เป็นเลขาที่ทำงานได้ดีเยี่ยม
“อ้อค่ะ..”
“นี่จะเที่ยงแล้วไปหาไรกินกันป่ะ”
แสงรวีลุกขึ้นเก็บของให้เรียบแล้วก่อนจะปิดเครื่องคิมพิวเตอร์แล้วเดินคุยกับนารินไปยังห้องอาหารของบริษัท...
ทางด้านดามพ์กำลังยืนครุ่นคิดอยู่คนเดียวในห้องทำงานใหญ่โอ่โถง ดวงตาคมสีอำพันดูขุ่นข้นด้วยประกายบางอย่าง เรียวปากหยักสวยที่ใครๆ ต่างชื่นชมว่างดงามราวปากอิสตรียกยิ้มน้อยๆ มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับอยู่สองสาย ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ แล้วกดโทร. ออกไปยังเบอร์นั้นเมื่อเห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับนั้นเป็นใคร คุณดรุณี มารดาของเขานั่นเอง
“สวัสดีครับมี้”
“ว่าไงนายตัวดีไม่เข้าบ้านเลยนะ มาตั้งหลายวันแล้วไม่ใช่เหรอยะ..” ใช่แล้วเขามาถึงเมืองไทยได้เกือบสองสัปดาห์แล้วแต่เพราะยังอยากเที่ยวหาความสำราญใส่ตัวจึงเลือกพักที่คอนโดหรูของตนมากกว่าจะกลับไปฟังมารดาสาธยายถึงบรรดาสาวๆ ที่นางสรรหามาให้เขาดูตัว
“ผมยังยุ่งๆ อยู่ครับมี้ แต่ผมจะเข้าไปหาอยู่นะครับ มีของฝากเยอะแยะเลยด้วย” รู้ว่ามารดางอนจึงเอาของฝากมาหลอกล่อ และได้ยินเสียง หึ เบาๆ จากคนปลายสาย ดามพ์นึกภาพออกเลยว่ามารดาต้องกำลังค้อนให้เขาอย่างแน่นอน
“ย่ะ พ่อคนงานเยอะ แค่นี้ล่ะแต่อย่าลืมมาให้ได้นะ”
“ครับมี้ รักมี้นะครับ” ชายหนุ่มวางสายก่อนจะยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงมารดา ระหว่างบิดากับมารดาแล้วดามพ์ค่อนข้างจะสนิทสนมกับมารดามากกว่าเพราะคุณดรุณีนั้นตามใจเขามากกว่าคุณ แดนนี่ ซึ่งค่อนข้างจะเข้มงวดและจริงจังแต่บิดาก็เป็นพ่อที่ดี และถ่ายทอดความรู้งานทุกอย่างให้เขาอย่างเต็มที่ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจไปเมื่อหลายปีก่อน คุณแดนนี่เป็นผู้ชายที่เก่งกาจฉลาดเฉลียวเป็นฮีโร่ในใจเขาเลยทีเดียว...
“เจมส์ นายเตรียมรถให้ฉันด้วย เย็นนี้ฉันจะขับเอง”
ชายหนุ่มหันไปสั่งคนสนิทที่ติดตามเขาทุกฝีก้าวราวกับเงาตามตัวซึ่งยืนนิ่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของตน
“ถ้าคุณดรุณีรู้เข้าผมแย่แน่ๆ” เจมส์แย้งเสียงเรียบใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา แตกต่างจากผู้เป็นนายที่ใบหน้าเกลื่อนด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อดามพ์ยิ้มให้หญิงสาวคนไหน ก็ยากนักที่เจ้าหล่อนจะต้านทานเสน่ห์อันล้นเหลือของเขาได้
“นายนี่ก็จริงจังไปซะทุกงานเลยนะเจมส์ แล้วนี่จะยืนเป็นหุ่นอีกนานมั้ย เวลาอยู่กันลำพังนายไม่ต้องปั้นหน้ายักษ์ตลอดเวลาก็ได้ ฉันเมื่อยแทน”
“ไม่ได้หรอกครับ ผมเป็นแค่ลูกน้อง เป็นลูกจ้างเหมือนคนอื่นๆ”
“แต่ฉันเห็นนายเป็นเพื่อนเป็นน้อง พ่อฉันก็ไม่ได้เลี้ยงนายมาให้เป็นลูกจ้างฉันนะเจมส์ บางครั้งมี้ก็ถือตัวจนเกินเหตุ นายอย่าไปถือสาท่านเลย” เจมส์เป็นลูกของบอดีการ์ดของบิดาซึ่งเป็นญาติห่างๆ กับคุณแดนนี่ และพ่อของเจมส์ก็เป็นคนดีซื่อสัตย์รับใช้บิดาของเขาจนสิ้นลมหายใจ คุณแดนนี่จึงรับเจมส์เป็นบุตรบุญธรรมและส่งเสียให้เจมส์ได้เล่าเรียนอย่างเต็มที่ตอนเด็กๆ เจมส์อาจจะไม่ได้เรียนที่เดียวกับเขาแต่ในระดับมหาวิทยาลัยเขากับเจมส์เรียนที่เดียวกันเป็นเงาของกันและกันไปโดยปริยาย แต่เจมส์เป็นคนพูดน้อยและถ่อมตัวไม่เคยตีตัวเสมอเขาเลยสักครั้งแม้ดามพ์จะบอกเจมส์เสมอว่าเขาเห็นเจมส์เป็นเสมือนน้องชายคนหนึ่งก็ตาม แต่เจมส์พอใจที่จะอยู่ในตำแหน่งบอดีการ์ดของเขาเป็นเลขาเป็นมือขวาของเขาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว นั่นเพราะคุณดรุณีเคยต่อว่าเจมส์อยู่ครั้งหนึ่งว่าเจมส์ไม่รู้จักเจียมตัว ทำให้เจมส์ไม่กล้าจะยอมรับความหวังดีที่เขามอบให้
“แต่ผม..”
“ไม่ต้องแต่ เวลาฉันเห็นนายทำตัวเจียมเนื้อเจียมตัวเมื่อไหร่ฉันเองที่รู้สึกผิดนายรู้มั้ย พ่อของฉันเองก็คงไม่ชอบแน่ๆ หากไม่มีนายกับพ่อ ฉันเองก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่มาจนทุกวันนี้มั้ย ขอร้องล่ะเวลาอยู่ด้วยกันไม่ต้องเคร่งครัดไม่ต้องทำตัวเหินห่างแบบนี้หรอก” คราวนี้เจมส์ลดความตึงเครียดแกร่งกระด้างลง ดามพ์ยกมือตบบ่าของเจมส์เบาๆ
“แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย เหมือนฉันได้น้องชายคืนมา”
“ขอบคุณครับพี่ดามพ์” สรรพนามที่เคยใช้เรียกขานกันเมื่อนานมากลับมาอีกครั้ง ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มเย็นชาในสายตาของคนอื่นระบายด้วยรอยยิ้มบางๆ ดูเก้อเขินของเจมส์
“แบบนี้สิ ถึงจะเรียกว่ารักกันจริง เอาล่ะฉันมีเรื่องสนุกๆ ต้องทำวันนี้นายกลับคอนโดไปก่อนเลยนะฉันดูแลตัวเองได้”
“แน่ใจนะครับว่ามันจะไม่มีเรื่องตามมา”
“นายเห็นฉันเป็นคนยังไง”
“ก็เห็นว่าคลาดสายตาผมเมื่อไหร่ พี่ดามพ์สร้างเรื่องเสมอ”
“แหม พอได้ทีก็ชักปากดีนะเจมส์” ดามพ์ทำทีหรี่ตามองอย่างไม่พอใจ เจมส์ยิ้มบางๆ ตามแบบของตน
“ผมพูดเรื่องจริงครับ”
“เอาเถอะงานนี้รับรองมี้ไม่ว่านายและฉันไม่สร้างเรื่อง ตกลงตามนี้ ไปเตรียมรถให้ฉันเลย แล้วงานก็เอากลับไปให้ฉันที่คอนโดด้วย ฉันจะดูรายละเอียดอีกที” เจมส์พยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องไป ดามพ์มองประตูที่ปิดสนิทใจก็พลันนึกไปถึง ธุระ ที่เขาจะต้องไปจัดการด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ...
ตอนที่3.ถนนส่วนบุคคลที่ทอดยาวจากตึกสำนักงานของเลอเวนส์กรุ๊ปสู่ถนนสายหลัก ในช่วงเวลาเลิกงานถนนเส้นนี้ก็จะพลุกพล่านเต็มไปด้วยคนหนุ่มสาวที่เดินออกไปรอรถเมล์บ้าง รถแท็กซี่บ้างซึ่งต่างจะพูดคุยหยอกล้อกันไปอย่างสนุกสนานดูมีสีสัน บางคนก็จะมีรถยนต์ของตนเองซึ่งพนักงานของที่นี่จะว่าไปก็มีรถยนต์กันแทบทุกคน แต่ในยามนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มก็จะค่อนข้างเงียบแม้ไฟรายทางจะสว่างไสวมียามรักษาความปลอดภัยคอยตรวจตราอย่างเคร่งครัดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องจะเกิดอันตรายหากพนักงานจะทำโอทีและกลับบ้านดึกเหมือนวันนี้ที่นารินเต็มใจทำงานพิเศษหลังเลิกงานเพราะค่าจ้างส่วนต่างมันล่อใจนี่ล่ะ ดังนั้นเมื่อแสงรวีขอให้ช่วยงานเธอจึงไม่ลังเลเพราะปกติแล้วเธอเองก็ชอบงานแปลเอกสารและมักจะหารายได้พิเศษจากงานแปลเป็นประจำโดยไม่ต้องรบกวนเงินจากทางบ้านแม้ว่าครอบครัวของตนจะค่อนข้างมีฐานะร่ำรวย แต่นารินชินกับการช่วยเหลือตนเองและสนุกกับการทำงานมากกว่า จนบ้างครั้งเพื่อนๆ ในกลุ่มสมัยเรียนเคยบ่นว่าเธอเป็นเศรษฐีขี้งกประจำ เมื่อนึกถึงอดีตที่ครอบครัวเคยมีฐานะร่ำรวยนารินก็หน้าหม่นลงทันที เพราะปัจจุบันครอบครัวของเธอก็คงจะมีแค่ เปลือก ที่ร่ำรวยนาร
ตอนที่4.นารินชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเรียวปากหยักสวยทว่าร้อนผ่าวทาบลงมาบนกลีบปากระเรื่อของตนอีกครั้ง.. สาวน้อยเผยอปากอย่างตระหนกลืมตัวทำให้ดามพ์ฉกฉวยโอกาสอันงามนี้สอดลิ้นเข้าไปรัดร้อยพัวพันดูดดื่มเสาะหาความหวานจากโพรงปากสาวละมุน นารินทำอะไรไม่ถูกสมองน้อยๆ ขาวโพลนรู้สุกเหมือนล่องลอยขึ้นจากพื้นโลกแล้วถูกจับโยนเหวี่ยงไปทางซ้ายทีขวาทีจนเธอกลัวว่าตัวของตนจะลอยหลุดออกไปนอกโลกจริงๆ มือเล็กเกาะเกี่ยวบ่ากว้างของเขาไว้แน่นเบียดกายเข้าหาอกกว้างของเขาอย่างลืมตัวซ้ำยังแหงนเงยรับจุมพิตเร่าร้อนของเขาอย่างเต็มอกเต็มใจซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนารินไม่รู้เลยว่าเธอทำมันไปได้อย่างไร แต่สิ่งที่กำลังพบเจออยู่มันก็ตื่นเต้นและน่าค้นหาไม่น้อย...ในขณะเดียวกันใจหนุ่มเต้นกระหน่ำไม่แพ้สาวน้อยในอ้อมแขนที่เขาโอบรัดเข้ามาแนบชิด กลิ่นกายหอมละมุนติดตรึงใจนั้นยั่วยุให้เลือดในกายหนุ่มร้อนระอุได้ไม่ยาก ยิ่งได้สัมผัสลูบไล้ผิวกายเนียนนุ่มมือ ดามพ์ก็แทบอยากจะพาเธอไปที่คอนโดของเขาเสียตอนนี้ แต่ยังก่อน...“อืมมม.. หากเธอยังคงจูบตอบฉันแบบนี้ ฉันจะพาเธอไปที่คอนโดฉันนะสาวน้อย...” เสียงแหบพร่าของเขาทำให้นารินกะพริบตาปริบๆ แล้วผละออกจากอกก
บทนำดวงตาคมสีน้ำตาเข้มภายใต้คิ้วหนาได้รูปมองตามสาวน้อยร่างเล็กที่วิ่งตึกๆ ผ่านหน้าเขาไปด้วยความสนใจกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนผมยาวไสวที่ปลิวสยายตามแรงลมทำให้หัวใจหนุ่มเต้นแรงอย่างที่ ดามพ์ วิสุทธิ์ธาดาพงษ์ เลอเวนส์ ชายหนุ่มวัยสามสิบปีเลือดผสม ไทย สวีเดน ผู้หล่อเหลาเพียบพร้อมไม่เคยคิดว่าตนจะรู้สึกใจเต้นเลือดหนุ่มรุมร้อนได้ถึงเพียงนี้เพียงแค่ได้กลิ่นกายหอมอ่อนๆ จากเรือนร่างของสตรีที่วิ่งผ่านหน้าเขาไปอย่างเร่งรีบ โดยไม่ สนใจจะหันมามองเขาด้วยซ้ำ มันน่าโมโหตรงที่เจ้าหล่อนไม่หันมามามองเขานี่ล่ะ คนอย่างดามพ์ไม่เคยถูกผู้หญิงเมินดามพ์มั่นใจว่าเขาโดดเด่นสะดุดตาของผู้หญิงทุกคน ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในตึกสำนักงานแห่งนี้ทุกคนต่างก็หันมาสนใจเขา แต่แม่สาวน้อยร่างเล็กเมื่อครู่กลับทะเล่อทะล่าวิ่งฉิวผ่านหน้าเขาไปเหมือนเขาไม่มีตัวตน... และดูท่าว่าเจ้าหล่อนยังคงเป็นนักศึกษาซึ่งแน่นอนว่าคงจะฝึกงานที่แผนกไหนสักแผนกในบริษัทของเขา เพราะทั้งตึกเลอเวนส์ทาวเวอร์ ตึกสูงสามสิบชั้นแห่งนี้ เป็นตึกสำนักงานใหญ่ของเลอเวนส์แต่เพียงผู้เดียว และที่นี่จะรวมทุกๆ แผนก ทุกเครือข่ายบริษัทในเครือ เลอเวนส์ อินดรัสทรี่และวิสุทธิ์ธาด
ตอนที่ 1.นารินค่อนข้างแปลกใจที่วันนี้เธอถูกให้เข้ามาช่วยงานเลขาสาวของท่านประธานแห่งเลอเวนส์กรุ๊ป สาวน้อยที่ใกล้จะพ้นรั้วมหาวิทยาลัยตื่นเต้นจนแทบทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว“พี่รวีคะรินปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำจังเลยค่ะ”“โธ่เอ๊ย เด็กน้อย ตื่นเต้นละสิท่า” แสงรวี เลขาสาวสวยที่ดูดีทุกกระเบียดนิ้วยิ้มพลางส่ายหัวช้าๆ อย่างเอ็นดูสาวน้อยตรงหน้า นารินน่ารักนิสัยดีและหัวไวสอนงานแป๊บเดียวก็จำได้ทำให้เธอไม่เหนื่อยและผ่อนแรงได้เยอะที่สำคัญนารินยังเก่งภาษาด้วย ข่อนี้เองที่ทำให้เธอสามารถทำงานได้เร็วเพราะมีคนช่วยแปลเอกสารนั่นเอง“ค่ะ” นารินพยักหน้าอายๆ ยืนบิดไปบิดมามือเท้าเย็นเฉียบ“จะไปก็รีบไปเร็วๆ เข้าล่ะ อีกสิบห้านาทีจะประชุมแล้ว เอกสารทุกอย่างต้องพร้อมก่อนที่ท่านประธานจะเข้า ท่านประธานเข้มงวดมากเรื่องเวลาและความพร้อม” ไม่ต้องรอให้เลขาสาวสวยบอกนารินก็วิ่งแจ้นไปยังห้องน้ำทันทีและอีกสามนาทีต่อมาก็เข้าไปช่วยแสงรวีจัดเตรียมเอกสารความพร้อมในการประชุมประจำไตรมาสของบริษัทชื่อดัง...“เอาละเรียบร้อยแล้ว น้องรินไปนั่งพักก่อนนะ หากมีอะไรเพิ่มเติมพี่จะเรียกมาช่วย”“ค่ะพี่รวี” นารินเดินออกไปจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว