นารินค่อนข้างแปลกใจที่วันนี้เธอถูกให้เข้ามาช่วยงานเลขาสาวของท่านประธานแห่งเลอเวนส์กรุ๊ป สาวน้อยที่ใกล้จะพ้นรั้วมหาวิทยาลัยตื่นเต้นจนแทบทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
“พี่รวีคะรินปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำจังเลยค่ะ”
“โธ่เอ๊ย เด็กน้อย ตื่นเต้นละสิท่า” แสงรวี เลขาสาวสวยที่ดูดีทุกกระเบียดนิ้วยิ้มพลางส่ายหัวช้าๆ อย่างเอ็นดูสาวน้อยตรงหน้า นารินน่ารักนิสัยดีและหัวไวสอนงานแป๊บเดียวก็จำได้ทำให้เธอไม่เหนื่อยและผ่อนแรงได้เยอะที่สำคัญนารินยังเก่งภาษาด้วย ข่อนี้เองที่ทำให้เธอสามารถทำงานได้เร็วเพราะมีคนช่วยแปลเอกสารนั่นเอง
“ค่ะ” นารินพยักหน้าอายๆ ยืนบิดไปบิดมามือเท้าเย็นเฉียบ
“จะไปก็รีบไปเร็วๆ เข้าล่ะ อีกสิบห้านาทีจะประชุมแล้ว เอกสารทุกอย่างต้องพร้อมก่อนที่ท่านประธานจะเข้า ท่านประธานเข้มงวดมากเรื่องเวลาและความพร้อม” ไม่ต้องรอให้เลขาสาวสวยบอกนารินก็วิ่งแจ้นไปยังห้องน้ำทันทีและอีกสามนาทีต่อมาก็เข้าไปช่วยแสงรวีจัดเตรียมเอกสารความพร้อมในการประชุมประจำไตรมาสของบริษัทชื่อดัง...
“เอาละเรียบร้อยแล้ว น้องรินไปนั่งพักก่อนนะ หากมีอะไรเพิ่มเติมพี่จะเรียกมาช่วย”
“ค่ะพี่รวี” นารินเดินออกไปจากห้องประชุมอย่างรวดเร็วเพราะไม่ต้องการจะอยู่ในห้องนี้อยู่แล้ว เกร็งแย่เลยเพราะในที่ประชุมคงจะมีแต่ผู้ใหญ่ หุ้นส่วนของบริษัทก็คงจะมีแต่คนวัยกลางคนหรือเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอ ยิ่งท่านประธานก็คงจะอายุราวห้าสิบแน่ๆ นารินคิดในใจขณะเดินไปที่ประตู แต่แล้วในขณะที่เธอปิดประตูแล้วหันหลังกลับก็ต้องใจหายวูบเมื่อเธอชนเข้ากับใครสักคนที่ทำให้เธอนึกถึงกำแพงเหล็กมากกว่าจะเป็นร่างกายของมนุษย์
“โอ้ย... ว้าย...” นารินร้องออกมาด้วยความเจ็บและจุกแล้วก็ตามด้วยเสียงอุทานด้วยความตระหนกเมื่อร่างที่กำลังเซถลาเกือบจะกองกับพื้นนั้นถูกรั้งไว้ด้วยมือของใครคนนั้นก่อนที่ร่างของเธอจะปลิวหวือมาปะทะกับอกกว้างของชายหนุ่มปริศนา
“ระวังหน่อยสิ” เสียงทุ้มพูดภาษาไทยชัดเจนดังขึ้นนารินจำต้องเงยหน้าขึ้นมองคนพูดจนคอแทบหักเพราะเขาสูงมาก และเมื่อเธออยู่ใกล้เขาชนิดที่ว่าแนบชิดมากๆ ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อภายใต้ชุดสูทเนื้อดีที่เขาสวมใส่ แผงอกกว้างและวงแขนที่โอบเธอไว้ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกตัวเล็กกระจ้อยร่อยเหลือเกิน...
“อะ เอ่อ คือ ริน...”
“เธอเป็นนักศึกษาฝึกงานใช่ไหม” นารินพยักหน้าช้าๆ ยังคงจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของคนถามอย่างตื่นตะลึงมึนงง ใจสั่นระทึกร่างสาวร้อนผ่าวใจหวิวหวั่นรู้สึกเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้
“คะ ค่ะ”
“เอาล่ะ จะไปไหนก็ไปเถอะ”
“อะ เอ่อ...” นารินอ้ำอึ้งยังคงทำอะไรไม่ถูก
“อะไรอีกล่ะฉันจะเข้าไปในห้องประชุม” ชายหนุ่มผู้หล่อเหลายังคงทำเสียงดุๆ ใส่เธอ
“ระ รินไปไม่ได้..” สาวน้อยเสียงอ่อย ชายหนุ่มก้มลงมองเธอพลางขมวดคิ้วใส่ด้วยท่าทางฉุนเฉียวจนนารินใจสั่นทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น
“ทำไม”
“กะ ก็ คุณ กะ กอดรินไว้..” คำตอบที่ออกจากริมฝีปากระเรื่อทำให้วงแขนที่รัดร่างแน่งน้อยไว้ค่อยๆ คลายออก และทันทีที่วงแขนแข็งแรงคลายออกไปนารินก็แทบล้มทั้งยืน ร่างบางเซน้อยๆ แต่ก็สามารถยืนด้วยขาของตนเองได้แล้วก้าวถอยห่างจากเขาไปหนึ่งก้าว แล้วร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มเดินผ่านหน้าเธอเข้าไปในห้องประชุมด้วยท่าทางเคร่งขรึมเหมือนเธอเป็นอากาศธาตุ
“โอย ดีนะเนี่ยยังไม่มีใครมา ไม่อย่างนั้นไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” นารินเป่าลมออกจากปากด้วยความโล่งอกแต่ใจสาวยังเต้นกระหน่ำไม่หยุด
“แล้วตกลงเขาเป็นใครนะ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นแล้วเดินไปนั่งรอแสงรวีเรียกใช้ที่โต๊ะทำงานของตน ดวงตากลมโตมองแฟ้มและหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดทิ้งไว้ มือเล็กหยิบแฟ้มงานขึ้นมาดูอย่างพิจารณาอีกครั้งแล้วก็ต้องเบิกตาโตเมื่อใบหน้าหล่อเหลาของคนที่เธอชนเมื่อครู่กับใบหน้าของท่านประธานใหญ่ของบริษัทนั้นคือคนคนเดียวกัน... แต่ไม่ทันที่นารินจะได้คิดอะไรต่อแสงรวีก็เรียกหาเธอให้เข้าไปช่วยงานในห้องประชุม นารินแข้งขาสั่นมือเท้าเย็นเฉียบเลยทีเดียวเมื่อจะต้องได้พบเจอเขาอีกครั้ง
และวันนั้นทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี...
“พี่รวีคะ คือ ท่านประธานนี่ไม่ใช่ผู้หญิงหรือคะ” นารินถามขณะยืนรอเอกสารจากแสงรวี
“อ้อ พี่ลืมบอก คุณดามพ์เป็นท่านประธานคนใหม่น่ะ ความจริงแล้วคุณดามพ์นั่งเก้าอี้ประธานใหญ่ของเลอเวนส์กรุ๊ปมาสักพักแล้ว แต่เพิ่งจะให้เปลี่ยนบอร์ดและเอารูปท่านใส่เข้าไปในแฟ้มเอกสารและไฟล์ข้อมูลบริษัทอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนนี่เอง วันนี้การประชุมก็จะมีการพูดถึงเรื่องนี้ด้วย” เสียงหวานของแสงรวีดังขึ้นพร้อมกับร่างระหงเข้ามานั่งข้างๆ อย่างสนิทสนม...
“อ้อ เหรอคะ ถึงว่ารินเพิ่งเคยเห็น” นารินใจเต้นแรงเมื่อคิดถึงชายหนุ่มผู้ซึ่งมาเป็นเจ้านายของตน แม้จะเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานแต่เธอก็จำเป็นต้องรู้ว่าใครเป็นเจ้านายใหญ่
“คุณดามพ์เป็นคนไทยหรือคะ”
“ใช่แล้ว เพราะคุณ ดรุณี แม่ของคุณดามพ์เป็นคนไทยแต่ก็เป็นลูกครึ่งด้วยคุณดรุณีเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ ส่วนคุณพ่อคุณดามพ์เป็นคนสวีเดนท่านก็หล่อเหลาไม่เบาเลยนะ แต่พี่ก็ไม่ค่อยได้พบท่านบ่อยนักหรอกท่านงานเยอะและเดินทางไปดูงานที่อื่นบ่อยๆ อีกอย่างคุณพ่อของคุณดามพ์ก็เสียชีวิตมาหลายปีแล้ว ส่วนคุณดรุณีน่ะท่านเคยนั่งแทนประธานก่อนที่จะแต่งตั้งคุณดามพ์”
“ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเขาเป็นแม่ลูกกันนี่ ดูไม่ออกเลยนะคะว่าคุณดรุณีกับคุณดามพ์เป็นแม่ลูกกัน คุณดามพ์ไม่มีส่วนไหนเลยเหมือนคุณดรุณี ทั้งสีตาสีผม” นารินมองรูปท่านประธานคนเก่ากับท่านประธานคนใหม่อย่างพิจารณา ดวงตากลมโตมองสำรวจรูปหน้าของคนในรูปอย่างละเอียดลออ
“อ้อ... รินว่าเขาเหมือนกันตรงปากค่ะ ปากคุณดรุณีเรียวสวยได้รูป ปากคุณดามพ์เหมือนปากผู้หญิงเลยค่ะ สวยกว่าผู้หญิงบางคนอีก” นารินหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อมองสบตาชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลเข้มประกายทองในรูป ใบหน้าเรียวยาวได้รูปประกอบด้วยคิ้วยาวเหนือดวงตาคมสีอำพันสวยแปลกตาและราวกับว่าดวงตาคมคู่นั้นมันส่องประกายได้ แม้อยู่ในรูปถ่ายยังคงระยับพราวพรายทำให้คนมองใจละลายได้ไม่ยาก จมูกโด่งสวยไม่งองุ้มรับปรับริมฝีปากเรียวสวยสีสดอย่างคนสุขภาพดี เรียวปากที่เธอนึกชื่นชมว่าสวย สวยกว่าปากเธอเสียอีก...
ตอนที่2. “ใช่คุณดามพ์หล่อมากกกก... และปากสวยมาก คุณดรุณีเองก็สวยมากเลยนะ แต่เจ้ายศเจ้าอย่างทีเดียวแหละ ก็คนเขามีเชื้อมีสายแล้วก็ร่ำรวยน่ะนะ ตอนที่นั่นแท่นท่านประธานของเลอเวนส์กรุ๊ปนี่นะ ทุกอย่างจะต้องเป็นระเบียบเป๊ะพนักงานสาวๆ นี่ต้องใส่ยูนิฟอร์มเรียบร้อยห้ามใส่สั้นห้ามแต่งหน้าเข้มห้ามเสียงดัง บรรยากาศราวกับย้อนยุคไปสมัยกรุงศรีฯ เลยล่ะ” แสงรวีพูดยิ้มๆ“แต่ท่านก็ใจดีกับทุกคนพนักงานที่นี่ร้องไห้กันใหญ่ตอนที่ท่านเกษียรตัวเอง”“แล้ว เอ่อคุณดามพ์จะมาทำงานที่นี่ทุกวันใช่ไหมคะพี่รวี”“ก็ใช่จ้ะแต่ก็แค่เดือนเดียวแหละที่คุณดามพ์จะอยู่ที่สำนักงานใหญ่แต่จะว่าไปคุณดามพ์ก็ไม่ค่อยได้อยู่หรอกส่วนใหญ่ก็สั่งงานผ่านพี่อีกทีใช้การสื่อสารออนไลน์สั่งงาน สั่งประชุมมีวันนี้เป็นการประชุมประจำไตรมาสคุณดามพ์จึงต้องมาเอง”แสงรวีทำงานที่นี่มาจะร่วมสิบปีแล้วได้รับความไว้วางใจจากคุณดรุณีจนกระทั่งมาถึงดามพ์และเธอก็เป็นเลขาที่ทำงานได้ดีเยี่ยม“อ้อค่ะ..”“นี่จะเที่ยงแล้วไปหาไรกินกันป่ะ”แสงรวีลุกขึ้นเก็บของให้เรียบแล้วก่อนจะปิดเครื่องคิมพิวเตอร์แล้วเดินคุยกับนารินไปยังห้องอาหารของบริษัท...ทางด้านดามพ์กำลังยื
ตอนที่3.ถนนส่วนบุคคลที่ทอดยาวจากตึกสำนักงานของเลอเวนส์กรุ๊ปสู่ถนนสายหลัก ในช่วงเวลาเลิกงานถนนเส้นนี้ก็จะพลุกพล่านเต็มไปด้วยคนหนุ่มสาวที่เดินออกไปรอรถเมล์บ้าง รถแท็กซี่บ้างซึ่งต่างจะพูดคุยหยอกล้อกันไปอย่างสนุกสนานดูมีสีสัน บางคนก็จะมีรถยนต์ของตนเองซึ่งพนักงานของที่นี่จะว่าไปก็มีรถยนต์กันแทบทุกคน แต่ในยามนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มก็จะค่อนข้างเงียบแม้ไฟรายทางจะสว่างไสวมียามรักษาความปลอดภัยคอยตรวจตราอย่างเคร่งครัดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องจะเกิดอันตรายหากพนักงานจะทำโอทีและกลับบ้านดึกเหมือนวันนี้ที่นารินเต็มใจทำงานพิเศษหลังเลิกงานเพราะค่าจ้างส่วนต่างมันล่อใจนี่ล่ะ ดังนั้นเมื่อแสงรวีขอให้ช่วยงานเธอจึงไม่ลังเลเพราะปกติแล้วเธอเองก็ชอบงานแปลเอกสารและมักจะหารายได้พิเศษจากงานแปลเป็นประจำโดยไม่ต้องรบกวนเงินจากทางบ้านแม้ว่าครอบครัวของตนจะค่อนข้างมีฐานะร่ำรวย แต่นารินชินกับการช่วยเหลือตนเองและสนุกกับการทำงานมากกว่า จนบ้างครั้งเพื่อนๆ ในกลุ่มสมัยเรียนเคยบ่นว่าเธอเป็นเศรษฐีขี้งกประจำ เมื่อนึกถึงอดีตที่ครอบครัวเคยมีฐานะร่ำรวยนารินก็หน้าหม่นลงทันที เพราะปัจจุบันครอบครัวของเธอก็คงจะมีแค่ เปลือก ที่ร่ำรวยนาร
ตอนที่4.นารินชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเรียวปากหยักสวยทว่าร้อนผ่าวทาบลงมาบนกลีบปากระเรื่อของตนอีกครั้ง.. สาวน้อยเผยอปากอย่างตระหนกลืมตัวทำให้ดามพ์ฉกฉวยโอกาสอันงามนี้สอดลิ้นเข้าไปรัดร้อยพัวพันดูดดื่มเสาะหาความหวานจากโพรงปากสาวละมุน นารินทำอะไรไม่ถูกสมองน้อยๆ ขาวโพลนรู้สุกเหมือนล่องลอยขึ้นจากพื้นโลกแล้วถูกจับโยนเหวี่ยงไปทางซ้ายทีขวาทีจนเธอกลัวว่าตัวของตนจะลอยหลุดออกไปนอกโลกจริงๆ มือเล็กเกาะเกี่ยวบ่ากว้างของเขาไว้แน่นเบียดกายเข้าหาอกกว้างของเขาอย่างลืมตัวซ้ำยังแหงนเงยรับจุมพิตเร่าร้อนของเขาอย่างเต็มอกเต็มใจซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนารินไม่รู้เลยว่าเธอทำมันไปได้อย่างไร แต่สิ่งที่กำลังพบเจออยู่มันก็ตื่นเต้นและน่าค้นหาไม่น้อย...ในขณะเดียวกันใจหนุ่มเต้นกระหน่ำไม่แพ้สาวน้อยในอ้อมแขนที่เขาโอบรัดเข้ามาแนบชิด กลิ่นกายหอมละมุนติดตรึงใจนั้นยั่วยุให้เลือดในกายหนุ่มร้อนระอุได้ไม่ยาก ยิ่งได้สัมผัสลูบไล้ผิวกายเนียนนุ่มมือ ดามพ์ก็แทบอยากจะพาเธอไปที่คอนโดของเขาเสียตอนนี้ แต่ยังก่อน...“อืมมม.. หากเธอยังคงจูบตอบฉันแบบนี้ ฉันจะพาเธอไปที่คอนโดฉันนะสาวน้อย...” เสียงแหบพร่าของเขาทำให้นารินกะพริบตาปริบๆ แล้วผละออกจากอกก
บทนำดวงตาคมสีน้ำตาเข้มภายใต้คิ้วหนาได้รูปมองตามสาวน้อยร่างเล็กที่วิ่งตึกๆ ผ่านหน้าเขาไปด้วยความสนใจกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนผมยาวไสวที่ปลิวสยายตามแรงลมทำให้หัวใจหนุ่มเต้นแรงอย่างที่ ดามพ์ วิสุทธิ์ธาดาพงษ์ เลอเวนส์ ชายหนุ่มวัยสามสิบปีเลือดผสม ไทย สวีเดน ผู้หล่อเหลาเพียบพร้อมไม่เคยคิดว่าตนจะรู้สึกใจเต้นเลือดหนุ่มรุมร้อนได้ถึงเพียงนี้เพียงแค่ได้กลิ่นกายหอมอ่อนๆ จากเรือนร่างของสตรีที่วิ่งผ่านหน้าเขาไปอย่างเร่งรีบ โดยไม่ สนใจจะหันมามองเขาด้วยซ้ำ มันน่าโมโหตรงที่เจ้าหล่อนไม่หันมามามองเขานี่ล่ะ คนอย่างดามพ์ไม่เคยถูกผู้หญิงเมินดามพ์มั่นใจว่าเขาโดดเด่นสะดุดตาของผู้หญิงทุกคน ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในตึกสำนักงานแห่งนี้ทุกคนต่างก็หันมาสนใจเขา แต่แม่สาวน้อยร่างเล็กเมื่อครู่กลับทะเล่อทะล่าวิ่งฉิวผ่านหน้าเขาไปเหมือนเขาไม่มีตัวตน... และดูท่าว่าเจ้าหล่อนยังคงเป็นนักศึกษาซึ่งแน่นอนว่าคงจะฝึกงานที่แผนกไหนสักแผนกในบริษัทของเขา เพราะทั้งตึกเลอเวนส์ทาวเวอร์ ตึกสูงสามสิบชั้นแห่งนี้ เป็นตึกสำนักงานใหญ่ของเลอเวนส์แต่เพียงผู้เดียว และที่นี่จะรวมทุกๆ แผนก ทุกเครือข่ายบริษัทในเครือ เลอเวนส์ อินดรัสทรี่และวิสุทธิ์ธาด