สองเดือนต่อมา...
พิมพ์ดาวยืนอยู่กลางห้องจัดเลี้ยงที่ตกแต่งด้วยแสงไฟสีอบอุ่น ธารินเป็นคนช่วยเธอจัดเตรียมทุกอย่างสำหรับเซอร์ไพรส์วันเกิดของธีรภัทร ตั้งแต่สถานที่ไปจนถึงลิสต์แขกที่ได้รับเชิญ
แต่เธอไม่รู้เลยว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงแผนการร้ายที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มของธาริน
ภายในห้องโถงกว้าง แขกในงานเริ่มทยอยมาถึงกันเรื่อย ๆ ทุกคนแต่งตัวสวยหรู ดูมีระดับราวกับอยู่ในงานเลี้ยงของนักธุรกิจชั้นนำ พิมพ์ดาวรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอเชื่อธารินจึงจัดออกมายิ่งใหญ่ แทนที่จะเป็นแบบครอบครัวที่เธออยากทำในตอนแรก
แต่เธอก็ปลอบตัวเองว่า คืนนี้เป็นคืนสำคัญของพี่ธีร์ เธออยากให้มันออกมาดีที่สุด
เสียงดนตรีคลอเบา ๆ ขับกล่อมบรรยากาศในงาน แต่แล้วเสียงของธารินก็ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของแขกพิเศษที่เธอไม่ได้เชิญ
"ทุกคนคะ! ขอแนะนำให้รู้จัก กานต์รวี! คนที่สนิทที่สุดของพี่ธีร์ค่ะ"
พิมพ์ดาวสะดุ้ง หัวใจของเธอเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ
กานต์รวีเดินเข้ามาอย่างสง่างาม ร่างสูงโปร่งในชุดเดรสสีแดงเพลิงที่ช่วยขับผิวขาวนวลของเธอให้โดดเด่นขึ้นไปอีก ริมฝีปากสีแดงสดของเธอยกยิ้มร้ายกาจ ขณะที่สายตาคมกริบของเธอกวาดมองรอบงานอย่างถือดี
"อ๊ะ... ดูเหมือนฉันจะมาช้าไปนิดนึงสินะคะ แต่ก็ดีกว่าพระเอกของเราที่ดูเหมือนจะยังมาไม่ถึง" เธอกล่าวพลางหัวเราะเบา ๆ
พิมพ์ดาวเม้มริมฝีปากแน่น เธอรู้เรื่องของกานต์รวีมาก่อน แฟนเก่าของธีรภัทร ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าของหัวใจของเขา
"แต่ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยเราก็มากันครบแล้ว" กานต์รวีกล่าวต่อ พลางมองพิมพ์ดาวด้วยสายตาเหยียดหยาม
“อุ๊ย นี่คงเป็นคุณพิมพ์ดาว เห็นว่าคุณเป็นคนจัดงานนี้ให้ธีร์เองเลยเหรอ?”
พิมพ์ดาวพยักหน้าเล็กน้อย พยายามคงความสงบของตัวเอง
"ค่ะ ฉันเอง ฉันแค่อยากให้เขามีวันเกิดที่ดี"
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นจากกลุ่มเพื่อนของกานต์รวี
"นี่ใช่ภรรยาคุณธีร์ที่ประกาศในงานแต่งว่าต้องรับผิดชอบ ไม่ได้รักใช่มั้ย?”
พิมพ์ดาวชะงัก ธารินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้ช่วยเธอเลย กลับแสร้งทำเป็นหัวเราะไปกับพวกนั้น
กานต์รวียิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบแต่แฝงความเย้ยหยัน
"พิมพ์ดาว เธอรู้ไหมว่าธีรภัทรไม่ชอบงานวันเกิด?"
พิมพ์ดาวขมวดคิ้ว "ฉันไม่รู้” พร้อมหันไปมองหน้าธาริน ...เพราะเธอคือคนที่บอกให้พิมพ์ดาวจัดงานวันเกิดนี่เพื่อให้ธีรภัทรดีใจ
"แล้วเธอรู้ไหมว่าทำไม?"
เสียงหัวเราะรอบตัวเงียบลงเล็กน้อย ทุกสายตาจับจ้องไปที่กานต์รวีที่ยกแก้วไวน์ขึ้นหมุนช้า ๆ พลางเอ่ยต่อ
"ก็เพราะวันเกิดตอนเขาอายุ 20 ปี เป็นวันที่บริษัทของครอบครัวเขาล้มละลาย และทำให้คุณพ่อเขาตายน่ะสิ"
พิมพ์ดาวเบิกตากว้าง หัวใจของเธอเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
"พ่อของเขาทิ้งจดหมายไว้ให้ แล้วก็จากไปในคืนนั้น" กานต์รวีไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ
"ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่เคยเฉลิมฉลองวันเกิดอีกเลย เพราะมันมีแต่ความทรงจำที่เจ็บปวด"
พิมพ์ดาวรู้สึกเหมือนเลือดในกายเย็นเฉียบ หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความรู้สึกผิด เธอคิดว่าเธอแค่อยากให้เขามีความสุข แต่กลับไปแตะต้องบาดแผลที่ลึกที่สุดของเขาโดยไม่รู้ตัว
"เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงได้กล้าจัดงานวันเกิดให้เขา?" กานต์รวีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะ
"คิดว่าตัวเองสำคัญมากหรือไง?"
พิมพ์ดาวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอไม่มั่นใจเลยว่าธีรภัทรจะมา หรือว่าเขาจะโกรธที่เธอจัดงานนี้ขึ้นมาโดยไม่รู้เรื่องในอดีตของเขา
ความกังวลทำให้เธอไม่ได้ระวังขณะที่เดินถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
"ว้าย!"
เพล้ง!
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” พิมพ์ดาวรีบกล่าวขอโทษกานต์รวี
เพี้ยะ!
ฝ่ามือของกานต์รวีฟาดเข้าที่แก้มของพิมพ์ดาวเสียงดังสนั่น
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน
พิมพ์ดาวยกมือขึ้นแตะแก้มที่ร้อนผ่าว ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง
"ไม่ได้ตั้งใจงั้นเหรอ?" กานต์รวีเชิดหน้า "เธอคิดว่าคำขอโทษของเธอจะทำให้ชุดของฉันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม?"
พิมพ์ดาวอ้าปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากประตูห้อง
"พอได้แล้ว"
เสียงทุ้มต่ำและเย็นเยียบที่เธอจำได้ดี
ธีรภัทรมายืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่กานต์รวีด้วยแววตาที่ไม่เคยเย็นชาเท่านี้มาก่อน
.
.
.
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่ บริษัท อัครเดชากุล กรุ๊ป
ภายในห้องทำงานของธีรภัทร แสงไฟสีขาวนวลจากโคมไฟตั้งโต๊ะส่องกระทบเอกสารกองโตที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา เสียงปลายนิ้วกดลงบนแป้นพิมพ์แล็ปท็อปดังก้องในบรรยากาศอันเงียบเหงา เขายังคงจมอยู่กับงาน ไม่ได้สนใจว่าเวลาล่วงเลยมาถึงค่ำคืนของวันเกิดตัวเองแล้ว
จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ธีรภัทรขมวดคิ้ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเลขาฯ ของเขาที่ก้าวเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าลังเล
"คุณธีรภัทรคะ มีเรื่องที่ฉันคิดว่าคุณควรทราบ"
เขาพยักหน้ารับเชิงอนุญาตให้พูดต่อ
"คุณธาริน...พาคุณพิมพ์ดาวไปจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้คุณที่โรงแรมค่ะ เธอเชิญแขกหลายคนมาด้วย และ..." เลขาฯ ลังเลไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเบา "ดูเหมือนคุณกานต์รวีก็มาด้วยค่ะ"
ชื่อของกานต์รวีทำให้มือของธีรภัทรที่จับปากกาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตาสีเข้มของเขาจะฉายแววเย็นชา "ธารินเป็นคนจัดงั้นเหรอ?"
"เอ่อ เธอเป็นคนแนะนำคุณพิมพ์ดาวให้จัดงานนี้ขึ้นมาค่ะ แต่เธอเป็นคนเชิญแขกค่ะ ฉันก็เลยคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่งานเลี้ยงธรรมดา ฉันเกรงว่าคุณพิมพ์ดาวอาจจะถูกกลั่นแกล้งค่ะ"
เสียงของเลขาฯ หายไปในอากาศเมื่อธีรภัทรลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขาฉายแววอันตราย
ชายหนุ่มหยิบกุญแจรถแล้วก้าวออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ ขณะที่หัวใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่อยากยอมรับ...
.
.
.
ในงานเลี้ยงที่โรงแรมห้าดาว
เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยดังระงมภายในห้องจัดเลี้ยงอันหรูหราของโรงแรม แขกที่ได้รับเชิญต่างอยู่ในชุดราตรีและสูทหรูหรา ท่ามกลางบรรยากาศที่ถูกจัดขึ้นอย่างประณีตด้วยแสงไฟสีอบอุ่นและการตกแต่งที่ดูแพงระยับ
แต่พิมพ์ดาวกลับรู้สึกเหมือนร่างกายเธอเย็นเฉียบ
สายตาของแขกบางคนที่มองมาที่เธอเต็มไปด้วยแววเยาะหยัน โดยเฉพาะเมื่อกานต์รวีและธารินเป็นศูนย์กลางของบทสนทนา
พิมพ์ดาวเม้มริมฝีปากแน่น ความอับอายแผ่ซ่านไปทั่วร่าง น้ำตาคลอหน่วย เธออยากจะก้าวออกจากตรงนี้ แต่ขาทั้งสองข้างเหมือนถูกตรึงไว้ เธอทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจดี แต่กลับถูกมองว่าเป็นตัวตลก
เธอพยายามไม่สนใจและตั้งใจว่าจะทำให้คืนนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าธีรภัทรอาจจะไม่มา แต่เธออยากให้เขาได้รับรู้ว่าเธอทำเพื่อเขาจริงๆ
แต่แล้ว...
"พอได้แล้ว"
เสียงทุ้มต่ำและเย็นเยียบที่เธอจำได้ดีดังขึ้นจากทางเข้าห้อง
ร่างสูงของธีรภัทรปรากฏตัวขึ้น ดวงตาคมดุจเหยี่ยวของเขากวาดมองทั่วห้อง ก่อนจะหยุดที่พิมพ์ดาว
เธอเบิกตากว้างเมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ
"คุณธีร์..." เสียงของเธอแผ่วเบา
ทุกสายตาหันไปมองธีรภัทรด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะเดินตรงเข้ามา ทุกก้าวย่างของเขาแฝงไปด้วยอำนาจและแรงกดดันที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบกริบ
กานต์รวีและธารินต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที กานต์รวีพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
ธีรภัทรหันไปสบตากับกานต์รวี ดวงตาคมกริบของเขามองเธอราวกับเป็นคนแปลกหน้า
“เลิกเล่นเกมของเธอได้แล้วกานต์รวี” เสียงของเขานิ่งสงบแต่ทรงพลัง
กานต์รวีหัวเราะเบา ๆ “เกมเหรอ? ธีร์ ฉันแค่บอกความจริงกับเธอไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ เธอแค่ต้องการทำร้ายพิมพ์ดาว แต่เธอทำไม่ได้ เพราะฉันไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว”
เขากลับหันไปจ้องพิมพ์ดาวแทน "พิมพ์ดาว... งานนี่มันอะไร?"
พิมพ์ดาวรู้สึกว่าคำพูดของเขาเย็นเยียบและเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เธอกลืนน้ำลายลงคอและก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะยกเค้กวันเกิดที่เธอเตรียมไว้มาตรงหน้าเขา
"ฉัน... ฉันแค่อยากให้คุณมีวันเกิดที่ดีค่ะ พี่ธีร์... คุณมางานนี้แล้ว เพราะฉะนั้นช่วยเป่าเทียนหน่อยได้ไหมคะ?"
ธีรภัทรสบตากับพิมพ์ดาว ดวงตาของเขาเย็นชา แต่ลึกลงไปในแววตานั้นมีบางสิ่งที่อ่านไม่ออก… เป็นความโกรธปนความสับสน ความผิดหวังปนความเจ็บปวด เขาไม่ต้องการฉลองวันเกิด ไม่ต้องการให้ใครมาขุดคุ้ยอดีต แต่เมื่อเห็นพิมพ์ดาวในสภาพนี้... เขากลับรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย
ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะกระตุกเป็นรอยยิ้มเย็นชา
"เธอคิดว่าฉันมาเพราะอยากฉลองวันเกิดกับเธอจริงๆ งั้นเหรอ?"
พิมพ์ดาวชะงัก ดวงตาของเธอเริ่มสั่นไหว
"ฉันมาที่นี่เพราะรู้ว่าพวกนั้นจะกลั่นแกล้งเธอ เพราะฉันกลัวว่าเธอจะโดนทำร้ายถึงขั้นไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรเลย อย่างน้อยเธอก็คือเมียฉัน ถึงแม้ไม่เต็มใจก็ตาม ไม่ใช่เพราะฉันอยากฉลองวันเกิด"
เสียงของเขาคมกริบและราวกับเป็นมีดที่กรีดลึกลงไปในใจของเธอ
"เธอคิดจริงๆ หรือว่าฉันจะลืมอดีตได้ง่ายๆ? วันนี้ไม่ใช่วันเกิดที่ฉันอยากจำ แต่มันคือวันที่ครอบครัวของเธอเคยทำลายครอบครัวของฉันต่างหาก!"
พิมพ์ดาวหน้าซีดเผือด มือที่ถือเค้กสั่นระริก
เสียงกระซิบจากแขกในงานเริ่มดังขึ้น ธารินและกานต์รวียิ้มพอใจที่ได้เห็นพิมพ์ดาวในสภาพนี้
"อย่าคิดว่าความใจดีของเธอจะทำให้ฉันลืมทุกอย่างได้"
น้ำตาของพิมพ์ดาวไหลรินลงมาโดยไม่อาจห้ามได้ เธอพยายามกลั้นมันเอาไว้ แต่ก็ล้มเหลว ความเจ็บปวดที่แล่นเข้าสู่หัวใจทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกผลักออกไปจากโลกของเขา
“ถ้าอย่างนั้น... ฉันขอโทษ” เธอพูดเสียงเบา ก่อนจะวางเค้กลงบนโต๊ะ
แล้วเดินจากไป… โดยไม่หันกลับมา
พิมพ์ดาวยืนอยู่หน้ากระจกในห้องของตัวเอง จ้องมองเงาสะท้อนที่ดูอ่อนล้าและปราศจากแววตาสดใสที่เคยมี คำพูดของธีรภัทรในงานเลี้ยงวันเกิดยังคงดังก้องในหัวของเธอ ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเสียงสะท้อนที่ไม่มีวันจางหาย"อย่าคิดว่าความใจดีของเธอจะทำให้ฉันลืมทุกอย่างได้"แค่คิดถึงคำพูดนั้น หัวใจของพิมพ์ดาวก็ปวดหนึบ เธอเคยเชื่อว่าถ้าเธอพยายามมากพอถ้าเธอให้ความรักมากพอ สักวันธีรภัทรจะต้องใจอ่อนแต่ดูเหมือนว่ายิ่งเธอพยายามมากเท่าไหร่ เธอกลับยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้นถึงอย่างนั้น เธอก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเดิม ในฐานะภรรยาของธีรภัทร เธอยังคงดูแลทุกอย่างรอบตัวเขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่องแม้ว่า....ภายในใจจะค่อย ๆ พังทลายลงไปทุกวันธีรภัทรเองก็เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของพิมพ์ดาว เขาเห็นว่าเธอยังคงทำงานตามปกติแต่แววตาของเธอไม่สดใสเหมือนเดิม เธอไม่พูดมากเหมือนเคย และรอยยิ้มที่เคยเต็มไปด้วยความอบอุ่นกลับดูจืดจางลงอย่างเห็นได้ชัดเขาควรจะรู้สึกดีใจไม่ใช่เหรอ? เพราะนี่คือสิ่งที่เขาต้องการ เขาพยายามผลักไสเธอออกไปจากชีวิต พยายามให้เธอเลิกหลอกตัวเอง
เสียงดนตรีบรรเลงเบา ๆ คลออยู่ภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรู แขกเหรื่อในงานต่างพากันพูดคุยและดื่มด่ำกับบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำหอมราคาแพง แสงไฟระยิบระยับสะท้อนกับแก้วแชมเปญที่ผู้คนถืออยู่ในมือ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะ แต่ในมุมหนึ่งของงานเลี้ยง มีใครบางคนที่กำลังจ้องมองอยู่เงียบ ๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและเล่ห์กลธารินยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ ดวงตาคมไล่มองไปยังเป้าหมายของเธออย่างใจเย็น พิมพ์ดาว…ผู้หญิงที่เธอเกลียดที่สุด‘ผู้หญิงหน้าโง่…’ เธอคิดในใจพลางกระตุกยิ้มมุมปากเธอเห็นพิมพ์ดาวยืนอยู่มุมหนึ่งของงานเลี้ยง สวมชุดเดรสสีงาช้างที่ขับให้เธอดูงดงามเหนือคำบรรยาย แต่แม้ว่าเธอจะดูสง่างามแค่ไหน ธารินก็รู้ดีว่าในใจของพิมพ์ดาวตอนนี้กำลังพังทลายลงทุกวัน เพราะธีรภัทร ผู้ชายที่พิมพ์ดาวรักสุดหัวใจ กำลังผลักไสเธอออกไปอย่างไร้เยื่อใยและคืนนี้… ธารินจะทำให้ทุกอย่างพังยิ่งกว่าที่เคยเธอเดินตรงไปหาผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ บริกร เขาเป็นนายแบบหนุ่มที่เธอจ้างมาเพื่อแผนการของเธอโดยเฉพาะ ชื่อของเขาคือ กรินทร์ ชายหนุ่มรูปร่างดีที่พร้อมทำทุกอย่
เช้าวันรุ่งขึ้น พิมพ์ดาวตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บร้าวทั้งร่างกายและจิตใจ เธอนอนนิ่ง มองเพดานห้องด้วยดวงตาว่างเปล่า ในขณะที่ธีรภัทรลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธอ เขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดสูทมาใส่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย‘สำหรับเขา... ฉันก็เป็นแค่ของเล่นเท่านั้นสินะ’เสียงประตูห้องเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของธาริน หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ขณะที่เธอกวาดสายตามองสภาพของพิมพ์ดาวที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะแสร้งทำเป็นตกใจ“อ้าว? พี่สะใภ้... ทำไมดูโทรมจังล่ะคะ? หรือว่าเมื่อคืนมีอะไรสนุก ๆ เกิดขึ้นเหรอ?”พิมพ์ดาวเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ตอบอะไร เธอรู้ดีว่าธารินตั้งใจมาเยาะเย้ยเธอ“พี่ธีร์คะ” ธารินหันไปหาพี่ชาย “พี่จะปล่อยให้ผู้หญิงแบบนี้อยู่ในบ้านเราอีกเหรอ? หลังจากที่พี่เห็นกับตาว่าเธอไปนอนกับผู้ชายคนอื่นน่ะ?”ธีรภัทรชะงักเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาจะฉายแววแข็งกร้าวขึ้น“จริงสิ! หรือว่าพี่ให้อภัยเธอไปแล้ว?” ธารินยิ้มเยาะ “พี่นี่ใจดีจังเลยนะคะ”ธีรภัทรกำหมัดแน่น เขายังคงรู้สึกโกรธทุกครั้งที่นึกถึงภาพเมื่อคืนที่ผ่านมา แม้เขาจะครอบค
เสียงฟ้าร้องคำรามกึกก้องเหนือท้องฟ้ามืดครึ้ม สายฝนที่โปรยปรายอย่างไม่ขาดสายทำให้ร่างบอบบางของพิมพ์ดาวสั่นสะท้าน เธอเดินออกมาจากบริษัทของธีรภัทรอย่างไร้จุดหมาย หัวใจแตกสลายราวกับแก้วที่ร่วงหล่นลงบนพื้นแข็ง กระนั้นเธอก็ไม่รู้จะไปที่ไหน ไม่มีที่พัก ไม่มีใครให้พึ่งพา ไม่มีที่ให้ซุกหัวนอนยามค่ำคืนทุกย่างก้าวที่เดินออกไป มีแต่ความเหนื่อยล้าและหมดหวังเกาะกินหัวใจ เธอพยายามเข้มแข็งมาตลอด แต่วันนี้ทุกอย่างถาโถมจนเกินจะรับไหว ดวงตากลมโตพร่าเลือนจากหยาดน้ำตาที่ไหลไม่ขาดสาย พร้อมกับร่างกายที่เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบไปอย่างไร้เรี่ยวแรง...ตรงหน้าบริษัทของธีรภัทรนั่นเอง—คนของธีรภัทรที่ได้รับคำสั่งให้ติดตามพิมพ์ดาวมาโดยตลอดตั้งแต่พิมพ์ดาวออกจากบ้านไป รีบเข้าไปพยุงร่างของเธอขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มร่างสูงสวมชุดสูทดำรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความหาเจ้านายทันที"คุณพิมพ์ดาวหมดสติอยู่หน้าบริษัทครับ ตอนนี้ผมกำลังพาเธอไปโรงพยาบาล"หลังจากส่งข้อความแล้ว พวกเขาก็ไม่รอช้า รีบพาพิมพ์ดาวขึ้นรถและมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยเร็วที่สุด
พิมพ์ดาวนั่งนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล สายตาของเธอเหม่อลอย น้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมาไม่อาจหยุดได้ ความจริงที่เธอเพิ่งได้รับรู้ช่างหนักหนาเหลือเกิน ในตัวเธอมีอีกหนึ่งชีวิตกำลังก่อตัวขึ้นมา แต่กลับไม่มีใครอยู่เคียงข้าง ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอคิดถึงธีรภัทร…ใบหน้าคมคายของเขาผุดขึ้นมาในความคิด ภาพวันที่เขาสั่งให้เธอออกไปจากบ้านของเขายังคงฝังแน่นในใจ คำพูดเย็นชานั้นดังก้องราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน “อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญ”พิมพ์ดาวกอดตัวเองแน่น เธออยากจะร้องไห้ให้หมดแรง อยากจะกรีดร้องให้ความเจ็บปวดในใจนี้หายไป แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นขัดจังหวะทุกอย่าง เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมามอง…เบอร์ที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจกดรับ“ฮัลโหล…”“คุณพิมพ์ดาว…ใช่ไหม?”เสียงปลายสายเป็นเสียงของผู้หญิง น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาและอ่อนโยนจนพิมพ์ดาวรู้สึกถึงความห่วงใย แม้ว่าเธอจะไม่รู้จักเจ้าของเสียง แต่ความรู้สึกที่ส่งผ่านมากลับทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด
ระหว่างที่พิมพ์ดาวเดินออกจากโรงพยาบาลและขึ้นรถไปสนามบิน ธีรภัทรเพิ่งได้รับรายงานจากลูกน้องที่เฝ้าติดตามเธออยู่"เจ้านายครับ… เธอกำลังเดินทางไปสนามบิน"คำพูดสั้น ๆ นั้นทำให้ธีรภัทรเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้ ดวงตาสีนิลฉายแววตื่นตระหนก"อย่าให้เธอออกจากประเทศได้เด็ดขาด!"เขารีบคว้ากุญแจรถออกไปจากบริษัททันที ขับรถมุ่งหน้าไปยังสนามบินด้วยความเร็วสูง หัวใจเต้นแรงอย่างรุนแรง ความรู้สึกภายในใจสับสนวุ่นวาย แต่มีเพียงความคิดเดียวที่เขามั่นใจที่สุดเขาจะไม่ปล่อยให้พิมพ์ดาวจากไป!ธีรภัทรกดคันเร่งจนสุด รถพุ่งทะยานไปข้างหน้าเหมือนสัตว์ร้าย สายตาจับจ้องเส้นทาง มือกำพวงมาลัยแน่นจนข้อขาว เขารู้ดีว่ามีเวลาไม่มาก และหากเขาช้าไปเพียงวินาทีเดียว... พิมพ์ดาวจะจากไปตลอดกาลเมื่อมาถึงสนามบิน เขาแทบกระโจนลงจากรถ ไม่สนใจเสียงบีบแตรจากรถคันอื่น หัวใจเต้นรัวเหมือนกลองศึก ร่างสูงพุ่งผ่านผู้คน มุ่งหน้าไปยังจุดตรวจผู้โดยสารขาออก ก่อนที่เสียงประกาศจะดังขึ้นเหนือศีรษะ"เที่ยวบินที่ PG107 เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยัง..."สายตาของเขาเหลือบไปที่กระจกบานใหญ่ของสนามบ
“ธาริน!”เสียงทุ้มต่ำของธีรภัทรดังลั่นไปทั่วคฤหาสน์ ดวงตาสีนิลที่เคยสุขุมบัดนี้เต็มไปด้วยเพลิงโทสะ ธารินที่กำลังนั่งจิบไวน์สบายใจอยู่ในห้องรับแขกสะดุ้งโหยง หันมามองพี่ชายด้วยสีหน้าตกใจ“มีอะไรคะพี่?” เธอถาม แต่เพียงแค่เห็นสายตาของธีรภัทร เธอก็รู้ทันทีว่าเขารู้แล้ว“มีอะไรงั้นเหรอ?!” ธีรภัทรกระแทกแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ กระดาษกระจายเต็มพื้น“เธอกล้าทำเรื่องสกปรกแบบนี้กับพิมพ์ดาวได้ยังไง! เธอเล่นสกปรกขนาดนี้เพื่ออะไร?! เพื่อแก้แค้นพ่อของเธอหรือไง?!”“พี่ธีร์—”“อย่ามาเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงใสซื่อแบบนั้น! เธอสร้างเรื่องหลอกฉัน! เธอจัดฉากให้พิมพ์ดาวดูเหมือนผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรี เธอทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันเกลียดเธอ! แล้วดูสิ่งที่เธอทำสำเร็จแล้ว เธอพังทุกอย่างของฉัน!!”เสียงตวาดดังก้อง ธารินเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าว ความกลัวแวบขึ้นมาในดวงตาของเธอ แต่มันก็ถูกแทนที่ด้วยความดื้อรั้นในเสี้ยววินาที“ใช่! ฉันทำ! เพราะฉันทนไม่ได้ที่เห็นพี่หลงผู้หญิงคนนั้น! ฉันทนไม่ได้ที่พี่จะให้อภัยลูกสาวของคนที่ทำลายครอบครัวเรา!” เธอกรีดเสียงกลับ ดวงตาเต็มไปด้วยความบ้
เสียงร้องไห้ดังลั่นไปทั่วห้องคลอดเมื่อเด็กทารกตัวน้อยลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรกพิมพ์ดาวหายใจหอบแรง ร่างกายของเธออ่อนแรงแทบไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออีกแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องของลูก ดวงตาของเธอพลันมีน้ำตาคลอเธอเอื้อมมือไปรับลูกน้อยที่พยาบาลส่งให้ ก่อนจะมองใบหน้าของเขาด้วยความรักล้นใจ"ลูกของแม่..." เธอกระซิบเสียงแผ่ว กอดร่างน้อยแนบอก เด็กน้อยขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสงบลงในอ้อมแขนของเธอปริญยืนอยู่ข้างเตียง มองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน"เขาน่ารักมากนะพิมพ์ดาว เหมือนเธอไม่มีผิด"พิมพ์ดาวหัวเราะเบา ๆ แม้ดวงตาจะเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา"แต่ฉันว่ามีบางอย่างที่เหมือน...เขา"เธอไม่ได้พูดชื่อออกมา แต่ปริญรู้ดีว่าเธอหมายถึงใคร เขาเพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ แล้วเอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเด็กน้อยอย่างอ่อนโยนชีวิตของพิมพ์ดาวหลังจากคลอดลูกไม่ง่ายเลย เธอต้องรับมือกับความเหนื่อยล้าจากการเลี้ยงลูกคนเดียวโดยไม่มีครอบครัวหรือสามีอยู่ข้าง ๆ แม้ปริญจะช่วยเธอเท่าที่ทำได้ แต่สุดท้ายแล้ว ภาระหนักก็ยังอยู่ที่เธอเป็นหลักเธอต้องตื่นกลางดึกหลายครั้งเพื่
พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะพูดเสียงสั่นว่า "ฉัน… ฉันพร้อมแล้ว ที่จะให้โอกาสคุณอีกครั้ง"ธีรภัทรเบิกตากว้าง ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้า เขายกมือขึ้นกุมมือของพิมพ์ดาวแน่น ก่อนจะดึงเธอเข้ามากอด"ขอบคุณนะพิมพ์ดาว… ขอบคุณที่ยอมให้โอกาสผม…"ปริญมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาพึงพอใจ เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน"ผมยินดีกับพวกคุณทั้งสองคนจริง ๆ" ปริญพูดขึ้น ก่อนจะเดินไปหาธีรภัทรธีรภัทรลุกขึ้นยืนหันไปมองปริญ ปริญยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า"ฉันกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ แต่ขอให้รู้ไว้ ถ้านายทำให้พิมพ์ดาวเสียใจแม้แต่นิดเดียว… ฉันจะกลับมา และพาพิมพ์ดาวกับลูกหนีไปจากนายทันที"ธีรภัทรมองสบตาปริญด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะพยักหน้าตอบ"ฉันสัญญา… ฉันจะไม่มีวันทำให้พิมพ์ดาวเสียใจอีก"ปริญยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะตบไหล่ธีรภัทรเบา ๆทันใดนั้น…"แด๊ดดี้! แม่!"เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นก่อนที่พัตเตอร์จะวิ่งเข้ามาในห้องรับแขก เด็กน้อยวิ่งตรงมาหาธีรภัทรกับพิมพ์ดาว ก่อนจะกระโดดกอดพวกเข
ปริญยืนมองหลังของธีรภัทรที่เดินจากไปจนลับสายตา เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบเครื่องอัดเสียงขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ คลื่นความรู้สึกบางอย่างกระเพื่อมอยู่ในอก เขารู้ดีว่าธีรภัทรรักพิมพ์ดาวมากแค่ไหน คำพูดเหล่านั้นไม่ได้เสแสร้ง ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดเพื่อเอาใจ แต่เป็นคำพูดที่มาจากหัวใจอย่างแท้จริงปริญก้มมองเครื่องอัดเสียงในมือ ก่อนจะกำมันไว้แน่น และตัดสินใจเดินตรงไปที่รถของตัวเอง เขาสตาร์ทรถและมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านของพิมพ์ดาวทันทีบรรยากาศในบ้านของพิมพ์ดาวเงียบสงบ มีเพียงเสียงของลมที่พัดผ่านหน้าต่าง ปริญนั่งอยู่ตรงกลางห้องนั่งเล่น โดยมีพิมพ์ดาว พ่อ แม่ และน้องชายของเธอนั่งอยู่ล้อมรอบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด"ปริญ... มีอะไรเหรอ?" พิมพ์ดาวถาม น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาและเต็มไปด้วยความสงสัยปริญสบตากับเธอ ก่อนจะยกเครื่องอัดเสียงขึ้นมา"ฉันอยากให้พวกเธอได้ยินสิ่งนี้" เขาพูดช้า ๆ ก่อนจะเปิดเครื่องอัดเสียงทันทีที่เสียงของธีรภัทรดังขึ้น ความเงียบก็ปกคลุมทั่วห้อง"ผมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น..."ดวงตาของพิมพ์ดาวเบิกกว้าง หัวใจเธอเต้นแรงเม
เสียงเครื่องบินที่กำลังลดระดับลงล้อแตะกับรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้พิมพ์ดาวที่กำลังยืนรออยู่หน้าเกทขาเข้าหัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคู่งามจับจ้องไปยังประตูที่กำลังเปิดออก ผู้โดยสารทยอยเดินออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของพ่อ แม่ และน้องชายที่เดินมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบโต พิมพ์ดาวรีบสาวเท้าเข้าไปหา ก่อนจะโผเข้าสวมกอดมารดาแน่น ร่างบางสั่นไหวเล็กน้อยอย่างตื้นตัน“คุณแม่... คุณพ่อ...” พิมพ์ดาวน้ำตาคลอเบ้า“แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน” น้ำเสียงอบอุ่นของมารดาทำให้พิมพ์ดาวกอดท่านแน่นขึ้น ก่อนจะหันไปกอดบิดา และสุดท้ายคือ ภัทร น้องชายที่ยืนกอดอก มองพี่สาวด้วยสีหน้ากึ่งดีใจ กึ่งเคืองขุ่น“กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วนะคะ” พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่คุณหญิงจินดาและเจ้าสัวพิชิตพยักหน้า แม้รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านทั้งสองจะดูขมขื่นเล็กน้อยก็ตาม“กลับมาก็ดีแล้วล่ะ จะได้ดูแลพิมพ์ดาวกับหลานให้ดี ๆ เสียที” เจ้าสัวพิชิตกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม แววตาเย็นชานั้นทำให้พิมพ์ดาวรู้ดีว่าเขายังไม่ให้อภัยธีรภัทร
แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าสาดส่องลอดผ่านม่านสีขาวภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล เสียงเครื่องวัดชีพจรที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูสงบอย่างน่าประหลาด พิมพ์ดาวนั่งเฝ้าธีรภัทรอยู่ข้างเตียง ดวงตากลมโตของเธอจ้องมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวของชายหนุ่มที่ยังคงหลับสนิทเธอวางมือลงเบา ๆ บนหลังมือของเขา แม้ไม่อยากยอมรับ แต่หัวใจเธอกลับเต้นแรงทุกครั้งที่ได้สัมผัสเขาแบบนี้"อืม..."เสียงครางเบา ๆ ดังขึ้นจากริมฝีปากของธีรภัทร ก่อนที่เปลือกตาของเขาจะขยับเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขากวาดมองไปทั่วห้อง ก่อนจะหยุดที่ใบหน้าของพิมพ์ดาว"พิมพ์..." เสียงของเขาแหบพร่าและอ่อนแรง แต่แฝงไว้ด้วยความดีใจอย่างชัดเจน "เธอกับลูก... ปลอดภัยใช่มั้ย?"พิมพ์ดาวเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกเหมือนก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ ความเป็นห่วงเป็นใยของเขาที่มีต่อเธอและพัตเตอร์ ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว น้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตาโดยไม่รู้ตัว"พวกเราปลอดภัย..." เธอตอบเสียงเบา ก่อนจะก้มลงไปใกล้เขา "คุณน่ะสิ เป็นยังไงบ้าง?"ธีรภัทรยิ้มบาง ๆ แม้ใบหน
วันต่อมา – หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์พิมพ์ดาวยืนอยู่หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์ในช่วงเย็น ขณะที่ธีรภัทรยืนอยู่ข้าง ๆ เขาใส่สูทสีเข้ม ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ขณะที่พัตเตอร์กำลังเล่นกับเพื่อน ๆ อยู่ที่สนามเด็กเล่น"ขอบคุณนะคะ ที่มารับพัตเตอร์ด้วยกันทุกวัน" พิมพ์ดาวพูดเบา ๆธีรภัทรหันไปมองเธอ รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปาก "ไม่เป็นไรครับ ผมอยากมาอยู่กับพวกคุณ"พิมพ์ดาวหลุบตาลง เธอรู้สึกว่าธีรภัทรกำลังพยายามอย่างหนักที่จะทำให้เธอเปิดใจ แต่เธอยังไม่กล้าที่จะเชื่อใจเขาเต็มร้อยทันใดนั้น…"พิมพ์ดาว!!"เสียงแหลมสูงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นดังขึ้น ทำให้พิมพ์ดาวและธีรภัทรหันไปมองทันทีร่างของกานต์รวีในชุดเดรสสีดำแนบเนื้อพุ่งตรงเข้ามาด้วยดวงตาวาวโรจน์ ในมือของเธอมีมีดคมกริบเล่มหนึ่ง"กานต์รวี!" ธีรภัทรร้องเสียงดัง ขณะที่กานต์รวีพุ่งเข้าหาพิมพ์ดาวด้วยความเร็ว"แกต้องตาย!!"พิมพ์ดาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขาทั้งสองข้างของเธอเหมือนถูกตรึงไว้กับพื้น เธอได้แต่มองปลายมีดที่กำลังพุ่งเข้าหาอย่างตกตะ
แสงแดดยามเช้าสาดกระทบผ่านม่านสีขาวในห้องนอนของคอนโดฯ หรูใจกลางเมือง พิมพ์ดาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ขณะที่เสียงนกร้องแว่วดังมาจากนอกหน้าต่าง ร่างบางขยับกายเบา ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเบา ๆ ตามมาด้วยเสียงของพัตเตอร์ที่ตะโกนเรียกเธอ"มามี๊~ ตื่นได้แล้วครับ!"พิมพ์ดาวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง มือเรียวเสยผมยาวสลวยของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับไป"มามี๊ตื่นแล้วครับลูก เดี๋ยวมามี๊จะออกไปเดี๋ยวนี้"พิมพ์ดาวค่อย ๆ ลุกจากเตียง เดินไปเปิดประตูห้องนอนก็พบกับพัตเตอร์ที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้อง ในชุดนักเรียนที่ถูกแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว มือเล็ก ๆ ถือกล่องนมไว้ในมือ ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามากอดขาเธอแน่น"พัตเตอร์ตื่นเช้าจังเลยค่ะ" พิมพ์ดาวลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของเขา"พัตเตอร์ไม่ได้ตื่นเองนะครับ" เด็กชายเงยหน้ามองเธอ ดวงตากลมโตใสซื่อเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา"แด๊ดดี้โทรปลุกพัตเตอร์เองต่างหาก!"พิมพ์ดาวชะงัก หัวใจเต้นกระตุกเมื่อได้ยินคำว่า 'แด๊ดดี้'"คุณธีรภัทรจะมาเหรอคะ?" เธอถามด้วยความสงสัยพัตเตอร์พยักหน้าแรง
หลังจากเหตุการณ์เปิดโปงอนุชิตในคืนนั้น ทุกอย่างดูเหมือนจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี แต่ในใจของพิมพ์ดาวกลับไม่ได้รู้สึกโล่งใจอย่างสมบูรณ์ ร่องรอยบาดแผลในอดีตยังคงทิ้งรอยแผลลึกไว้ในใจของเธอ…พิมพ์ดาวนั่งอยู่ตรงริมหน้าต่างของคอนโดหรูในกรุงเทพฯ สายลมเย็นในยามค่ำคืนพัดผ่านเข้ามาเบา ๆ เสียงเรียกเข้าสายดังขึ้น พิมพ์ดาวสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะกดรับสาย"พ่อคะ..." น้ำเสียงของพิมพ์ดาวแผ่วเบาแต่มั่นคง"ดาวลูก…" เสียงของเจ้าสัวพิชิตปลายสายเต็มไปด้วยความกังวล"ทุกอย่างจบลงแล้วค่ะพ่อ อนุชิตได้รับผลกรรมของเขาแล้ว พ่อพ้นมลทินแล้วนะคะ"เจ้าสัวพิชิตนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก เสียงถอนหายใจของพ่อทำให้พิมพ์ดาวรู้สึกถึงน้ำหนักที่ผ่อนคลายลงในใจ"ดีแล้ว… พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก พ่อจะกลับไปปรึกษาแม่กับน้องชาย แล้วพวกเราจะกลับไปอยู่ที่ประเทศไทยด้วยกัน"พิมพ์ดาวยิ้มบาง ๆ แม้จะมีน้ำตาคลอเบ้า ดวงตาเธอทอแสงแห่งความหวัง แต่มันก็ยังไม่อาจลบเลือนบาดแผลในใจได้ง่าย ๆในขณะที่พิมพ์ดาวกำลังเตรียมตัวเพื่อพาครอบครัวกลับมาที่
เสียงในห้องจัดเลี้ยงเงียบสนิทไปชั่วขณะหลังจากคำประกาศของธีรภัทรดังก้องไปทั่วทั้งงาน น้ำเสียงของเขามั่นคง หนักแน่น และเต็มไปด้วยความจริงใจ“ฉันรักพิมพ์ดาว และจะไม่มีวันยอมรับใครเป็นภรรยา นอกจากเธอเท่านั้น”ทุกสายตาหันมาที่พิมพ์ดาว ซึ่งยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็งอยู่กับที่ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ขณะที่ริมฝีปากเม้มแน่น ราวกับยังประมวลผลไม่ทันกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินกานต์รวีหน้าถอดสี น้ำตารื้นขึ้นในดวงตาอย่างห้ามไม่อยู่ ขาทั้งสองข้างแทบจะไร้เรี่ยวแรง เธอยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง พลางส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“ไม่นะ... ธีร์ต้องล้อฉันเล่นใช่ไหม?” น้ำเสียงของกานต์รวีสั่นไหว ร่างของเธอสั่นสะท้าน ขณะเดินตรงไปหาธีรภัทรด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“ทำไมธีร์ถึงพูดแบบนี้? ธีร์รักฉันมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”ธีรภัทรหันมามองกานต์รวี ดวงตาคมกริบของเขาเย็นชาและว่างเปล่า ราวกับปราศจากความรู้สึกใด ๆ“ฉันไม่เคยรักเธอ” เขาพูดชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงเย็นเยียบจนทำให้หัวใจของกานต์รวีแทบแตกสลาย“ไม่จริง!” กาน
เสียงเพลงคลาสสิกบรรเลงคลอเบา ๆ ภายในงานเลี้ยงหรูหราที่จัดขึ้นในห้องโถงใหญ่ของโรงแรมระดับห้าดาว แขกผู้มีเกียรติในชุดราตรีและสูทเรียบหรูต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางบรรยากาศหรูหรานั้น ธีรภัทรยืนสง่างามในชุดสูทสีดำสนิท เขาถือแก้วไวน์แดงในมือ สายตาของเขามองตรงไปยังพิมพ์ดาวที่กำลังยืนอยู่มุมห้อง ข้าง ๆ เธอมีปริญคอยประกบอยู่ไม่ห่าง ทำให้สีหน้าของธีรภัทรดูเคร่งขรึมยิ่งขึ้นกานต์รวียืนเคียงข้างธีรภัทร เธอสวมชุดราตรีสีแดงสดที่เน้นทรวดทรงอย่างลงตัว ใบหน้าสวยหวานประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ทว่าในแววตามีประกายแห่งความมุ่งมั่นซ่อนอยู่"ธีร์คะ..." กานต์รวีเอ่ยเสียงหวานพร้อมเอื้อมมือไปแตะต้นแขนของธีรภัทรเบา ๆ"วันนี้คุณหล่อมากเลยนะคะ"ธีรภัทรปรายตามองเธอเล็กน้อย ก่อนจะดึงแขนออกจากมือของกานต์รวีอย่างแผ่วเบา"ขอบคุณ" น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ทว่าสายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่พิมพ์ดาวไม่วางตากานต์รวีเม้มปากแน่น หัวใจเธอเต้นแรงอย่างไม่สบายใจ เธอรู้ว่าธีรภัทรยอมให้เธออยู่ใกล้ ๆ แต่ไม่เคยแสดงความสนใจในตัวเธอจริง ๆ เลย มันเหมือนกับว่าเขากำลังรออะไรบางอย่าง หรื