.
.
“ไม่ค่ะ ใครอยากได้ก็ลงไปเก็บเอง”
“กะทิ!”
กะทิยังยืนกอดอกทำหน้าเมินเฉยแม้ว่าผู้เป็นนายจะตะคอกใส่ เธอก็ยังยกยิ้มหน้าระรื่นอย่างไม่สะทกสะท้าน เมื่อม่านฟ้าเห็นว่าทิศเหนือโดนเด็กที่รับเลี้ยงเถียงและไม่เชื่อฟังเขา จึงได้ทีเดินเข้าไปหาเธอพร้อมกับง้างมือขึ้น
“ยัยเด็กเนรคุณ กล้าขัดคำสั่งของนายเหนือหรอ? กรี๊ดดดดดด!”
ไม่ทันที่จะฝ่ามือจะได้ตบใบหน้างามๆ ก็ถูกกะทิที่เบี่ยงตัวหลบและปัดมือเธอออก ด้วยความที่เจ้าหล่อนใส่ส้นสูงปลายแหลมและไม่ทันได้ตั้งตัวจึงทรงตัวไม่อยู่ จึงเป็นเหตุให้ร่วงลงน้ำไป
ตู้ม!!
“ฮ่าๆๆๆ”
เสียงหัวเราะของคนในงานเริ่มครึกครื้น กะทิเองก็ไม่วายหันไปมองและหัวเราะกับท่าทางของม่านฟ้าที่พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากน้ำ ทิศเหนือจ้องกะทิพร้อมกับขบกรามแน่นก่อนจะคว้าแขนของกะทิไว้
“นายเหนือคะ กรี๊ดดดด ช่วยฟ้าด้วยค่ะ ฟ้าว่ายน้ำไม่เป็น”
“เทมป์”
“ครับนาย”
เทมป์ถอดรองเท้าก่อนจะกระโดดลงน้ำไปช่วยม่านฟ้า แต่กลับถูกเธอผลักออกและยังคงเรียกหาแต่ทิศเหนือ กะทิจ้องมองหน้าผู้เป็นนายพร้อมกับเลิกคิ้วเรียวขึ้นอีกครั้ง
“ไม่คิดจะไปช่วยแฟนหน่อยหรอคะนายเหนือ”
“ไม่ต้องมาประชดฉัน...ม่านฟ้าไม่ใช่แฟนฉัน”
“ฉันเรื่องพูดจริงนะคะ”
“กะทิ! อะไรเข้าสิงเธอถึงได้กล้าเถียงฉันขนาดนี้”
ทิศเหนือเริ่มโมโหที่เธอกล้าล้อเล่นกับเขา แถมยังทำหน้าตายียวนยั่วโมโหเขาอีก กะทิยิ้มพร้อมกับดึงข้อมือตัวเองออก ตลอดเวลาสามปีเขาไม่เคยคิดจะแยแสเธอเลยสักวัน เหมือนเลี้ยงนกแล้วฝากคนอื่นดูแล ส่วนตัวเขาก็หายเข้ากลีบเมฆไป ถึงจะส่งเงินมาก็เถอะ แต่แล้วจู่ๆ วันนี้กลับนึกอยากจะจัดการวันเกิดเธอขึ้นมาอย่างอลังการ ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าสงสัย
“นายเหนือคะ อย่าโกรธพี่กะทิเลย”
“นายเหนือ ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ”
ป้าจันทร์และมะนาวที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบเข้ามาห้ามไว้ ทิศเหนือยังคงจดจ้องใบหน้าสวยที่ดื้อรั้นกับเขาอย่างไม่ลดละ การันต์เห็นท่าไม่ดี เพราะสีหน้าของทิศเหนือเริ่มโกรธมากขึ้นจึงเดินเข้าไปกระซิบข้างหูของผู้เป็นนายเพื่อเตือนสติ
“นายเหนือครับ ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะไม่เป็นไปตามแผน”
“.....อืม”
ทิศเหนือพ่นลมหายใจออกอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะละสายตาจากหญิงสาวตรงหน้าแล้วหันไปทางผู้คนที่มาร่วมงาน ที่กำลังซุบซิบนินทากันอยู่ทั่วบริเวณ
“ผมขอโทษที่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นในวันนี้นะครับ ที่จริงวันนี้ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทุกคนทราบและเป็นพยาน”
ทุกคนในงานหันไปมองทางทิศเหนือที่กำลังพูดอยู่ กะทิเองก็มองใบหน้าหล่อนั้นพร้อมกับทำหน้าเรียบนิ่ง มันเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ ว่าเขาจัดงานด้วยเหตุผลบางอย่าง
“กะทิ....คือคู่หมั้นของผม นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
ทุกคนอย่างตกใจกันยกใหญ่เพราะไม่คิดว่าผู้ชายอย่างทิศเหนือ เดชาเดชจะประกาศหมั้นหมาย ปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยหยุดอยู่กับที่ ไม่ว่าจะมีการควงสาวสวยมากหน้าหลายตาแต่ก็ไม่คิดจริงจัง แต่กะทิกลับไม่คิดอย่างนั้น ถึงแม้เธอเองจะช็อกกับการประกาศหมั้นหมายของเขากับเธอ แต่กะทิก็พอรู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกทำแบบนั้น เขาทำเพื่อไม่ให้เธอทรยศหรือหักหลังเขานั่นเอง มันคือกรงขังขนาดใหญ่ดีๆ นี่เอง
ปรินทร์จ้องมองไปที่ทิศเหนือและกะทิด้วยความอึ้งไม่น้อย แต่เขาก็คิดแบบเดียวกับกะทิไม่มีผิดเพี้ยน การที่ทิศเหนือทำแบบนี้คือการกันไม่ให้หญิงสาวที่เขารับเลี้ยงมาหักหลังเขาในภายหลัง แต่การหมั้นหมายนี้มันจะเป็นกรงขังที่แข็งแกร่งได้จริงหรือ
"เล่นตลกหรอคะ?"
"ฉันเหมือนคนพูดเล่นตลกหรือไง?"
กะทิที่พึมพำถามชายตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำแบบนั้น แต่ทิศเหนือกลับหันกลับไปตอบเธอด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพร้อมด้วยสายตาดุเธอเล็กน้อย แต่กะทิก็ไม่ได้หวาดหวั่นแต่อย่างใด คนที่ดูหวาดหวั่นและไม่พอใจคงจะเป็นหญิงสาวที่พึ่งขึ้นมาจากสระน้ำเมื่อครู่ เธอพาร่างที่เปียกโชกเหมือนลูกหมาตกน้ำเดินตรงปรี่เข้ามาหาทิศเหนือด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ
"หมายความว่าไงคะนายเหนือ? แล้วฟ้าล่ะคะ?"
"ผมพูดว่าผมพูดชัดเจนแล้วนะ ม่านฟ้า"
"ไหนนายเหนือบอกว่าจะให้ฟ้าเป็น.."
"ม่านฟ้า! ค่อยกลับไปคุยกันทีหลัง"
"นายเหนือ!"
"หนวกหู"
เสียงแหลมพูดขึ้นเสียงดังจนคนฟังอย่างทิศเหนือต้องตะคอกกลับจนเธอยอมเงียบไป ก่อนจะทำท่าฟึดฟัดเดินเข้าบ้านไปอย่างไม่พอใจอย่างที่สุด กะทิมองดูก็ยกยิ้มพร้อมกับส่ายหน้ากับคนทั้งสอง
"จะทำอะไรก็ไม่ยอมตกลงกันให้ดีก่อน"
กะทิพูดจบก็เดินออกไปทันที ทิศเหนือมองตามหลังหญิงสาวอย่างไม่อยากเชื่อ การันต์เห็นว่าสถานการณ์เริ่มเป็นที่จับตาจึงบอกให้ทุกคนสนุกได้อย่างเต็มที่การบอกประกาศแจ้งข่าวดีได้จบลงแล้ว ก่อนที่ทุกคนจะเลิกสนใจและหันสนุกสนานกับปาร์ตี้แทน
กะทิเดินไปยังสวนหลังบ้านเพื่อไปนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ที่โต๊ะหินอ่อนพร้อมกับถอนหายใจ ตอนแรกก็คิดว่าจะนั่งเงียบๆ คนเดียวสักพัก แต่มีหรือป้าจันทร์กับมะนาวจะปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในเวลาแบบนี้
"กะทิ"
"พี่กะทิ"
"ค่ะ ป้าจันทร์ มะนาว"
สองแม่ลูกเข้ามานั่งข้างๆ ก่อนจะลูบบ่าปลอบใจเธอเบาๆ แม้ป้าจันทร์จะอยู่กับกะทิได้เพียงไม่นานแต่เธอก็รักกะทิเหมือนลูกคนหนึ่ง มะนาวเองก็กุมมือของกะทิไว้แน่นอย่างเข้าอกเข้าใจ เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครล่วงรู้มาก่อน มันคงจะช็อกและตกใจน่าดู
"เป็นอะไรไปลูก"
"ก็....ตกใจนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นไร"
"พี่กะทิ หมั้นกับนายเหนือก็ดีแล้ว นายเหนือรวยจะตาย ใครๆก็อยากเป็นผู้หญิงของนายเหนือทั้งนั้น"
"นี่ปลอบใจใช่ไหม?"
"อย่าคิดมากเลยกะทิ ป้าว่านายเหนือคงจะคิดดีแล้วล่ะ"
"ป้าจันทร์คะ? ป้าคิดว่านายเหนืออยากหมั้นกับหนูจริงๆ หรอคะ?"
"เอ่อ..."
"เห็นไหม ป้าจันทร์อยู่กับนายเหนือมานานดูก็รู้เลย"
ป้าจันทร์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อกะทิพูดแบบนั้น เพราะจริงๆ เธอรู้จักนายเหนือเจ้านายของตนดี ว่าเรื่องผู้หญิงนายเหนือไม่เคยคิดจะจริงจัง มีแค่เล่นๆ แก้ขัดไปเท่านั้น ไม่ว่าจะพาเข้าบ้านมากี่คนก็ไม่เคยอยู่ได้นาน ถึงจะหล่อรวยขนาดนั้นแต่ก็ไม่เคยคิดจะมีภรรยาสักที แต่เธอก็รู้อีกว่าการที่เจ้านายของตนทำอะไรสักอย่างมันจะมีเหตุผลแอบแฝงเสมอ ครั้งนี้คงไม่ต่างกัน
"รู้อะไร? จะรู้จักฉันดีขนาดนั้นเลยหรอ"
"นายเหนือ"
ป้าจันทร์กับมะนาวอุทานพร้อมกันก่อนจะลุกขึ้นพร้อมก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม ทิศเหนือเดินเข้ามาพร้อมกับจ้องมองใบหน้าสวยของหญิงสาวในชุดเดรสสีน้ำเงินที่กำลังจ้องมองเขาตอบเช่นกัน
"ป้าจันทร์ ผมขอคุยกับกะทิเป็นการส่วนตัว"
"ค่ะ นายเหนือ"
"ไม่จำเป็นต้องสองคนก็ได้มั้งคะ?"
"ป้าจันทร์"
"ค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะนายเหนือ"
พอป้าจันทร์พูดจบก็รีบพามะนาวเดินออกไป เหลือเพียงทิศเหนือและกะทิที่จ้องมองกันอย่างไม่ลดละ ก่อนที่กะทิจะตัดสินใจลุกขึ้นและเตรียมจะเดินจากไป แต่ทิศเหนือก็มาขวางทางเธอเสียก่อน
"เธอคิดจะทำกิริยาแบบนี้กับคนที่เลี้ยงดูเธอหรือ?"
"ขอบคุณมากนะคะที่เลี้ยงดูมาอย่างดี หรือว่าคำนี้ควรไว้ใช้กับคุณการันต์ดีคะ?"
"การันต์แค่ทำตามสั่งของฉัน"
"แต่ก็เป็นคนที่คอยดูแลฉันทุกเรื่อง โดยที่คุณไม่เคยโผล่หน้ามาเลยตลอดสามปี"
"......"
"แบบนี้หรอคะเลี้ยงดู คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันทำอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าฉันต้องเจอปัญหาอะไร มีแต่คุณการันต์เท่านั้นที่คอยอยู่เคียงข้างตลอด ถ้าจะบอกว่าเอาส่งเงินค่าเลี้ยงดูส่งเสีย ฉันคิดว่ามันคือการบริจาคมากกว่ามั้งคะ"
"กะทิ เธอเปลี่ยนไปมากนะ...เปลี่ยนไปจนนิสัยเสีย"
"ฉันเรียนรู้จากพวกคุณไง ก็ถือว่าดีค่ะ...ฉันชอบตัวเองที่เข้มแข็งแบบนี้"
"กะทิ ต่อไปเธอต้องเป็นคู่หมั้นที่จะออกงานกับฉัน เธอต้องวางตัวเป็นคู่หมั้นที่สมบูรณ์ ไม่ใช่ตั้งท่ารังเกียจฉันแบบนี้"
"เหอะ...ถ้าให้หมั้นจริงๆ ฉันอยากหมั้นกับคุณการันต์...คงจะดีกว่า แต่ก็เอาเถอะถือว่าตอบแทนค่าเลี้ยงดูนั่น"
กะทิทำท่าจะเดินไปอีกครั้งแต่คราวนี้ทิศเหนือกลับไม่ปล่อยไปง่ายๆ เขาคว้าแขนของกะทิก่อนจะดึงเข้าหาตัวแล้วกอดเอวเธอไว้แน่น ถึงกะทิจะเก่งขนาดไหนแต่ในชุดแบบนี้เธอไม่มีทางตอบโต้เขาได้คล่องตัว ใบหน้าหล่อจนแทบหยุดหายใจอยู่ใกล้เกินไป แทบจะไม่กล้าหายใจแรงเลย สายตาคมจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ สีหน้าที่ไม่สบอารมณ์นักของเขามันดุร้ายแต่ก็มีเสน่ห์จนเผลอต้องมอง
"เธอบอกว่าเธออยากหมั้นกับการันต์?"
"......."
"หึ....นี่เธอหลงรักลูกน้องของฉันแล้ว?"
"ถ้าใช่แล้วจะทำไมคะ?"
.
.
.."หึ....นี่เธอหลงรักลูกน้องของฉันแล้ว?""ถ้าใช่แล้วจะทำไมคะ?"กะทิตอบพร้อมกับเชิดหน้าอย่างท้าทาย ทิศเหนือเองก็ขมวดคิ้วแน่นกับคำตอบที่ได้รับ เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาแอบมองเธออยู่ห่างๆ ตลอดสามปีที่ผ่านมา จึงได้ส่งการันต์เข้าไปดูแลเธอแทนเขา แต่ก็ไม่คิดว่าทั้งกะทิและลูกน้องคนสนิทไปปลูกต้นรักกันตอนไหน ภายในใจแอบคาดโทษลูกน้องตัวเองไม่น้อย ทิศเหนือขบกรามแน่นสายตาดุดันกว่าเดิมเมื่อคนตรงหน้าพูดอย่างมั่นใจและไม่หลบตาราวกับมันเป็นความรู้สึกของเธอจริงๆ"เธอไม่มีสิทธิ์รักใคร เพราะเธอเป็นของฉัน""คุณอย่าบ้าอำนาจไปหน่อยเลย คุณไม่ใช่เจ้าของชีวิตฉัน""ชีวิตของเธอเป็นของฉันตั้งแต่วันที่ฉันรับเธอเข้ามาแล้ว กะทิ"สิ้นเสียงทุ้มของผู้เป็นนาย และไม่ทันที่เธอจะได้ต่อล้อต่อเถียงเขาอีก ทิศเหนือเจ้าของริมฝีปากหยักได้รูปก็โน้มลงไปบดขยี้ริมฝีปากอิ่มของเธอ ลิ้นร้อนไม่อยู่นิ่ง เริ่มซุกซนเข้าไปพัวพันลิ้นเล็กที่พยายามต่อต้านอย่างไม่ปรานี กะทิพยายามดิ้นสุดตัวแต่ก็ไม่สามารถออกจากจูบร
..หลังจากจบงานเลี้ยงวันเกิดที่แสนวุ่นวายกะทิก็ได้ถูกพาตัวมายังห้องนอนหรูบนชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ที่เธอไม่เคยขึ้นไปแม้สักครั้งตั้งแต่อยู่มา เพราะเป็นที่ต้องห้ามที่นายเหนือของบ้านสั่งห้ามทุกคนไว้อีกด้วยกะทิเดินเข้าห้องมาอย่างอาจหาญแต่ภายในใจก็มีหวาดหวั่นอยู่บ้าง เพราะไม่รู้ว่าจะต้องมาเจอกับอะไรบ้าง ภายในห้องนอนที่มีโต๊ะทำงานขนาดเล็กอยู่ในห้องข้างโต๊ะทำงานในห้องนอนมีตู้เซฟติดผนังอยู่ ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานขนาดนั้นเล็กนั้นก็คือเตียงนอนสีดำขนาดใหญ่ กะทิมองไปไม่รอบๆ ห้องก็ไม่เห็นเงาของผู้ที่บังคับเธอให้มานอนที่นี่เลยหญิงสาวมองเห็นว่าไม่มีใครจึงเดินไปที่โต๊ะทำงานอย่างใจกล้า ภายในหัวคิดว่าถ้าพ่อแม่ของเธอเคยทำงานที่นี่จะต้องมีประวัติหรือร่องรอยที่เกี่ยวกับการทำงานของพ่อแม่เธอหลงเหลืออยุ่บ้าง เพราะเธอไม่มีโอกาสได้เข้าห้องทำงานของผู้รับเลี้ยงที่อ้างตัวว่าเป็นคนสนิทของพ่อแม่เธอ ด้วยความคิดตื้นๆ ของหญิงสาวว่า อาจจะมีหลักฐานสำคัญซ่อนอยู่ในห้องนอนนี้บ้าง โดยเฉพาะหลักฐานที่พอจะบ่งชี้ว่าใครคือศัตรูของพ่อแม่เธอบ้าง"ทำอะไร"
..“เข้ามาสักทีเถอะ...นายเหนือขา”กะทิพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วขัดหูของทิศเหนือไม่น้อย ร่างสูงเดินเข้าไปหวังจะคว้าตัวของหญิงสาวที่ยืนตั้งท่าพร้อมสู้อยู่บนเตียง แต่เธอกลับกระโดดหลบไปอีกฝากของเตียงใหญ่นั้น แล้วทั้งสองวิ่งวนไล่จับกันไปมารอบเตียงกว้างอยู่นานอย่างไม่มีใครยอมใคร ความเหนื่อยหอบเท่านั้นที่ทำให้คนทั้งคู่ถึงหยุดยืนจ้องกันอยู่คนละฟากฝั่งแทน“แฮ่กๆ ...เดี๋ยวก่อนนะ นี่เราจะวิ่งไล่จับกันเป็นเด็กๆ หรือไง?”“นายเหนือก็เลิกไล่ฉันก่อนสิ...เฮ้อ...จะบ้าตาย...ส่งเอกสารมาดีๆ ก็จบแล้ว”ในขณะที่เธอยืนพักเหนื่อยแล้วเอามือที่ตั้งท่าเหมือนพร้อมจะต่อสู้เมื่อครู่ไปเท้าสะเอวแทน พร้อมกับเงยหน้าขึ้นเพื่อให้ตัวเองหายใจได้เต็มปอด ทิศเหนือเห็นอย่างนั้นจึงค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้โดยไม่ให้เธอรู้ตัวก่อนจะกระโดดคว้าตัวเธอไว้แล้วล้มลงไปกองที่เตียงกว้างพร้อมกัน“กรี๊ดดดดดด! เล่นที่เผลอนี่”“ไม่มีใครเขาเผลอตอนศัตรูยืนอยู่หรอกนะ”กะทิพยายามดิ้นอยู่ใต้อ้อมแขนแกร่
..ทั้งสองร่างพร้อมใจกันโอนเอนล้มลงไปกับเตียงใหญ่ แม้ว่าทิศเหนืออยากจะฉีกกระชากเสื้อผ้าเธอออกตามแรงอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นแค่ไหนก็ทำได้เพียงข่มใจ เพราะเขารู้ดีว่านี่คือครั้งแรกของหญิงสาวบทจูบที่อ่อนหวานเริ่มเร้าร้อนและรุนแรงขึ้นตามอารมณ์ที่สัมพันธ์กันของคนทั้งสอง ร่างกายสองร่างบดเบียดกันไปมาอย่างหิวกระหายมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่มีเสื้อผ้ากั้นอยู่ ริมฝีปากบดสู้กันอย่างไม่ลดละและไม่มีใครยอมใคร แก่นกายใหญ่โตแน่นตึงเต็มกางเกงจนแทบจะล้นออกมาทักทายหญิงสาว เพราะมันดันไปแนบทับกับจุดกึ่งกลางนิ่มนิ่มที่ถูไถบดเบียดกันไปมาตามแรงอารมณ์“อืมมม...จะทนไม่ไหวแล้ว”“อืออออ.....”เสียงแหบพร่าของทิศเหนือกระซิบไปที่ข้างใบหูเล็ก ก่อนจะก้มลงไปขบเม้มที่ลำคอสวย มือหนาจับต้นขาที่กระโปรงแหวกขึ้นสูงพร้อมกับลูบไล้ไปมา และล่วงเข้าไปใต้กระโปรง ทั้งที่ใบหน้าหล่อคงซุกไซ้ตรงซอกคอระหงส์กะทิเงยหน้าขึ้นพร้อมยินดีปรีดาให้เขาได้ดอมดมไปทั่ว ทิศเหนือชะงักมองสีหน้าของหญิงสาวที่กำลังอารมณ์พลุ่งพล่าน ก็ยิ่งทำให้เขาฮึกเหิมกว่าเดิม เขาหยัดตัวขึ้นก่อนจะฉ
..แม้ชายหนุ่มจะอายุขึ้นเลขสามแล้วแต่เรี่ยวแรงยังไม่แผ่วลงเลย พึ่งจะยอมหยุดก็ตอบฟ้าสาง หลังจากผ่านการรบศึกรักมา กะทิก็ยังคงนอนลืมตาอยู่อย่างนั้น ภายในหัวคิดว่านี่คงเป็นสิ่งที่เขาต้องการสำหรับการตอบแทนจากเธอ กะทิยกแขนแกร่งของเขาที่กอดก่ายเธอไว้ออก แล้วยันตัวลุกขึ้นมาจากเตียงใหญ่ที่มีชายหนุ่มที่ใครๆ ต่างก็เรียกเขาว่านายเหนือกำลังนอนหลับสนิทในห้วงนิทรากะทิหันไปมองเขาครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ ย่องฝีเท้าให้เบาที่สุดและแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตของเขาที่ถูกเหวี่ยงทิ้งไว้ แล้วออกจากห้องไป หลังจากที่กะทิออกมาจากห้องได้สำเร็จก็หันไปเห็นการันต์ยืนทำหน้าขรึมอยู่หน้าห้อง สายตาของเขามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเรียบนิ่ง ก่อนจะเอ่ยปากถาม“ไม่ทราบว่าคุณหนูรีบออกมาทำไม?”“จะให้นอนโก่งก้นรอรับแสงตะวันรึไง”“เฮ้อ...เธอนี่นะ ถ้านายเหนือตื่นขึ้นมาไม่เห็นเธอล่ะก็...”“นั่นมันเป็นปัญหาของพวกนายไม่เกี่ยวกับฉัน”กะทิพูดจบก็เดินเอามือไขว้หลังแล้วเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีที่วันนี้ยั่วโมโหผู้ดูแลหนุ่มหน้านิ่งให้ขมวดคิ้วได้ พร้อมกับกุมขมั
..“เธออยากได้อะไรไหม?”“ไม่ค่ะ”“อยากกินอะไรแพงๆ ไหม? ร้านไหนก็ได้”“ไม่ค่ะ”“อยากได้โทรศัพท์รุ่นใหม่ไหม?”“ไม่”“หรืออยากได้คอนโด บ้าน รถ”“ไม่...อะไรของคุณเนี่ย”“เรียกนายเหนือสิ”ทิศเหนือที่เดินตามถามเธอตลอดทางที่พามาห้างสรรพสินค้า จนตอนนี้กะทิเองก็ยังไม่รู้เลยว่าทิศเหนือพาเธอมาทำอะไรที่นี่ เขาเห็นว่าเธอเป็นเด็กเสี่ยหรืออย่างไรถึงได้พยายามหานั่นหานี่มาให้เธอเลือก การันต์มองเจ้านายของตอนก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ เพราะปกติทิศเหนือจะเป็นคนนิ่งขรึมและน่าเกรงขามไม่ตามใคร โดยเฉพาะผู้หญิงแต่ตอนนี้เหมือนมันกลับตาลปัตรไปหมดนิสัยของผู้เป็นนายที่เขาไม่ได้เห็นมาเป็นสิบกว่าปี ที่วิ่งตามเอาใจขนาดนี้ ทิศเหนือเคยเป็นผู้ชายที่ใส่ใจคนรักมากๆ แต่เพราะสาวเจ้าแฟนคนแรกหนีเขาไปเรียนต่อเมืองนอกโดยไม่บอกไม่กล่าว พร้อมกับอัปเดตโซเชียลควงหนุ่มคนใหม่ทำเอาช้ำระกำใจไปเป็นปีๆ ถึงจะค่อยๆเริ่มมีผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าและที่เปลี่ยนเขาไปจนหมดสิ้นความเป็นตัวเองในอดีตก็ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการมาเฟีย และถูกฆ่าล้างทั้งตระกูลเห
..หลังจากกลับมาจากห้างสรรพสินค้าโดยไม่ได้สิ่งของออะไรติดกลับมาเลยสักชิ้น พร้อมกับร่างสูงกำยำที่ทำหน้าโหดมาตั้งแต่ออกจากห้าง ถึงกะทิจะไม่รู้เรื่องรู้ราวแต่ก็ไม่ได้มีความอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องของผู้เป็นนายว่าเป็นมายังไง หลังจากถึงบ้านเธอก็แยกตัวกลับไปยังห้องของตัวเองโดยไม่พูดอะไรเช่นกันทิศเหนือมองตามหลังหญิงสาวที่เมินเขาเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ ภายในใจแอบน้อยใจอยู่ไม่น้อยที่เธอไม่ยอมถามหรือสนใจเขา และเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงอยากให้เธอถามหรืออยากให้เธออยากรู้เรื่องของเขา ทั้งที่ตัวเขาเองมักจะบอกผู้หญิงคนอื่นๆ เสมอว่าอย่ามายุ่งเรื่องของเขา แต่กลับกะทิเขากลับอยากให้ถามสักคำก็ยังดียิ่งเห็นสาวเจ้าเมินเขากลับยิ่งไม่พอใจ ไม่ทันทีกะทิจะปิดประตูห้องของตน ทิศเหนือก็เข้ามาขวางไว้เสียก่อน พร้อมด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก กะทิมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพราะเธอดูไม่อยากสนทนากับคนที่ทำหน้าตาบึ้งตึงเท่าไหร่นัก ทั้งสองยืนมองหน้ากันโดยไม่มีคำพูดใดๆ อยู่นาน กะทิจึงเลือกถอนหายใจแล้วเดินเข้าห้องไปทั้งที่ยังเปิดประตูทิ้งไว้โดยไม่ส
..-มาเจอกันที่ผับXXX – อิสรินทร์ตำรวจหนุ่มมองข้อความบนจอโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูด้วยใบหน้าที่ดูจริงจังและซีเรียสเล็กน้อย เพราะสถานที่ที่หญิงสาวนัดไปนั้นมันคือผับของชายหนุ่มที่เขาต้องการจะจับกุมแต่ก็คิดว่าหญิงสาวอาจจะคิดว่าที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็เป็นได้กะทิส่งข้อความเสร็จก็เตรียมตัวหวังจะจบชีวิตคนที่เธอคิดว่าเขาฆ่าพ่อแม่ของเธอ หญิงสาวแอบซ่อนมีดไว้ตรงที่รัดต้นขาสวยเหมือนที่ซ่อนอาวุธในภาพยนตร์สายลับอย่างไรอย่างนั้น เพราะชุดที่เธอเลือกวันนี้คือชุดเปิดไหล่รัดรูปกระโปรงยาวถึงเขาแหวกสูงสีดำ จึงทำให้ปลายกระโปรงปิดมีดเล็กที่ซ่อนไว้มิดชิด ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพื่อเดินทางไปยังที่นัดหมายที่พร้อมกับชายหนุ่มคู่หมั้นผับXXX“คุณไม่ขึ้นไปทำงานหรอคะ?”“ทำไม? ฉันอยู่ดื่มด้วยคนไม่ได้หรอ?”“ก็เห็นบอกว่ามาทำงานนี่”“ถ้าฉันไปการันต์ก็ต้องไป เธออยู่ดื่มคนเดียวได้หรอ?”“ถ้าอยากดื่ม จะดื่มคนเดียวหรือสองคนก็ย่อมดื่มได้อยู่แล้ว”
..4 ปีผ่านไปหลังจากที่กะทิคลอดลูกชายตัวน้อย ทิศเหนือก็ยังคงดูแลไม่ห่างแต่ถึงอย่างนั้นเธอและลูกก็ออกจากบ้านไร่เมื่อครบสามเดือนเหมือนที่ตกลงไว้ ทิศเหนือเองก็ไม่ได้อยู่เฉย เขายังคงคอยเทียวไปหาเธอและลูกที่บ้านไม่ได้ห่าง แถมยังไม่ยอมนอนบ้านของตนเองอีกด้วย ในทุกๆ วันเขาจะมีข้ออ้างเพื่อได้นอนที่บ้านของภรรยาสาว แม้จะต้องนอนที่โซฟาก็ตามก็ยังดีกว่าช่วงปีแรกๆ ที่ต้องนอนในรถ ปีหลังๆ มานี้กะทิก็ดูจะใจอ่อนลงอยู่บ้าง ส่วนการันต์กับอัญญาก็ได้แต่งงานกันเรียบร้อยในปีที่สามชายหนุ่มยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่หน้าโรงเรียนเด็กเล็กแห่งหนึ่งเหมือนทุกครั้ง ด้วยใบหน้าที่หล่อร้ายของเขาทำเอาครูสาวถึงกับมองค้าง ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรชายคนนี้ได้เลย แม้จะเป็นสูญรวมสายตาแต่ทิศเหนือกลับไม่ได้สนใจใดๆ ยังคงก้มมองนาฬิกาเพื่อรอเวลาที่ลูกชายตัวน้อยของเขาเลิกเรียน“ปะป๊าฮับ!”เสียงเรียกของเด็กชายดังขึ้น ทิศเหนือรีบหันไปตามเสียงเรียกนั้น ก่อนที่ลูกชายตัวน้อยจะวิ่งกางแขนไปหาผู้เป็นพ่ออย่างดีใจเช่นทุกวัน ครูสาวยืนม
..“เริ่มเลยดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเด็กจะไม่มีน้ำนมดื่ม เพราะเด็กยังทานอย่างอื่นไม่ได้นอกจากน้ำนมจากอกคุณแม่”“เอ่อ....”พยาบาลสาวไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปลากมือของทิศเหนือไปยังหญิงสาวที่ยังนั่งอ้าปากค้างอยู่ กะทิเบือนหน้าหนีเล็กน้อย ส่วนพยาบาลก็สอนวิธีนวดให้ทิศเหนืออย่างตั้งใจ ทิศเหนือเองก็ไม่ต่างจากกะทิเท่าไหร่ อะไรที่ไม่เคยทำก็ทำมันแบบเขินๆ ที่กะทิไม่แย้งเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องปัญหาที่มีของตน จึงทำได้แค่เงียบ“อย่างนั้นแหละค่ะ...ต้องนวดแบบนี้บ่อยๆ นะคะ”“...ครับ”“เพราะว่าถ้าคุณพ่อช่วยนวดจะทำให้น้ำนมไหลออกมาได้เร็ว”“เอ่อ...ครับ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พยาบาลขอตัวก่อนนะคะ”พยาบาลยิ้มก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้คนทั้งคู่อยู่ด้วยกันเงียบๆ ในห้อง กะทิเองก็ไม่ได้พูดอะไรเอนตัวนอนและหลับตานิ่ง เพื่อรอเวลาที่คุณหมอจะส่งตัวลูกชายของตน ทิศเหนือมองหน้าไร้อารมณ์ของกะทิก็หย่อนตัวนั่งโซฟาข้างๆ เตียงพร้อมกับถอนหายใจ อาจจะเป็นเพราะความเพลียจึงทำให้กะทิผล็อยหลับไป ทิศเหนือมองกะทิอยู่เงียบๆ อย่างนั้
..เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ทิศเหนือไม่เคยออกไปทำงานนอกบ้านอีกเลย แถมยังใช้เวลาเกือบสองเดือนที่ทำงานอยู่ที่บ้านไร่ไม่หนีหายไปไหนแม้แต่นาทีเดียว กะทิเองจะยังไม่ค่อยพูดคุยกับเขาเหมือนเดิม แถมยังพยายามทำตัวห่างจากเขาอีกตามเคย แม้กระทั่งถึงวันคลอดเธอก็ไม่เคยถามหาเขา ยังคงถามหาแต่การันต์ลูกน้องของเขาแทนจนตอนนี้มาอยู่หน้าห้องคลอดทิศเหนือก็แทบจะนั่งไม่อยู่ ลุกเดินไปเดินมาอย่างตื่นเต้นเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววหมอคนไหนจะเดินออกมาจากห้องคลอดเลย การันต์นั่งมองผู้เป็นนายไปมา แม้ตัวเขาเองจะตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าหลานแต่ก็ไม่เท่าทิศเหนือเลย“นั่งก่อนดีไหมครับนาย”“เป็นมึงนั่งใจเย็นได้หรอวะ กูตื่นเต้นจนอยากจะไปทำคลอดเองแล้วเนี่ย”“อย่างน้อยนายเหนือก็น่าจะใจเย็นลงหน่อยนะครับ”“แม่ง...ช้าฉิบหาย หมอมัวทำอะไรกันอยู่วะ”ทิศเหนือเดินไปเดินมาพร้อมกับสบถไป คิ้วเข้มขมวดยุ่งเมื่อรู้สึกว่ามันนานเกินไปสำหรับเขา การันต์ยิ้มกริ่มเพราะความใจร้อนอยากเห็นหน้าลูกชายของผู้เป็นนาย แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเขาไม่เคยคิดจะมีล
..หลังจากขับรถมานานกว่าสองชั่วโมง ก็ถึงบ้านไร่เดชาเสียที คนในบ้านต่างออกมาต้อนรับพวกเขาเพราะยังไม่ค่ำจึงมีคนงานในบ้านเดินเข้ามาช่วยหอบหิ้วข้าวของของเจ้านายเข้าบ้านไป แม้กะทิจะอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะสนิทสนมด้วย เพราะถือว่าเธอเป็นคุณนายเดชาเดชจึงมีหลายครั้งที่กะทิมักจะออกไปเดินเล่นคนเดียว ถึงจะมีผู้ติดตามไปแต่กลับไม่มีใครกล้าพูดคุยกับเธอทิศเหนือเองก็ไม่ได้ถามไถ่เธอเรื่องนี้ และกะทิก็ไม่ยอมบอกเขากลัวว่าจะไปเป็นเรื่องรบกวนเวลาเขาทำงานเสียเปล่าๆ แต่การไม่ที่เธอไม่อยากงอแงใส่เขาหรือเอาแต่ใจกับเขา กลายเป็นการเปิดทางให้เขามีคนอื่นเสียอย่างนั้น ถึงจะพูดไม่ได้เต็มปากว่ามีคนอื่นแต่ช่วงเวลานั้นทิศเหนือก็ได้แปรใจปันให้คนอื่นไปแล้วกะทิเดินเข้าบ้านที่คุ้นเคยอย่างเงียบๆ ไม่มีคำพูดหรือสนทนาใดๆ กับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอเดินเข้าห้องนอนของตัวเองโดยไม่หันหลังกลับไปมองมาเฟียหนุ่มที่กำลังเดินตามเธอต้อยๆ เหมือนสุนัขเชื่องๆ ที่เลี้ยงไว้ กะทิหันไปมองชายหนุ่มที่เดินตามเธอเข้าในห้องด้วยสายตาเรียบนิ่งอย่างที่ชอบทำ ใบหน้าหล่อทำทีท่าสงสัย
..“เลือกได้ดีค่ะ”กะทิพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มที่แสดงถึงความดีใจ แม้ภายในใจจะไม่ได้เป็นอย่างสีหน้าที่แสดงออกไป แววตาของมาเฟียหนุ่มผู้โหดร้ายกลับแสดงออกมาอย่างชัดเจน เขามองกะทิด้วยความรู้สึกเจ็บปวด มันเจ็บปวดมากกว่าการโดนแย่งแฟนคนแรกเสียอีก แม้แต่ลูกเขาก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นการเติบโตของลูกชายตัวเอง“แต่...เธอต้องอยู่กับพี่จนกว่าจะคลอดได้สามเดือน เพราะร่างกายเธอยังคงไม่หายดี”“ไม่จำเป็น”“พี่ขอแค่สามเดือน ให้เวลาพี่หาบ้านที่จะซื้อให้และรถ”“คนอย่างคุณมันไม่ใช่เรื่องยากหรอกแค่เรื่องพวกนั้น”“ก็จริง...แต่พี่ขอ..ขอร้อง...ให้พี่คุกเข่าตรงนี้ก็ยอม”“ทำสิ”กะทิพูดออกมาอย่างไม่แยแส การันต์เองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อทิศเหนือยอมคุกเข่าทันทีที่กะทิพูดจบ เพราะคนอย่างทิศเหนือไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร มีแต่คนอื่นที่คุกเข่าต่อหน้าเขาเพราะความเกรงกลัว ทิศเหนือยอมจำนนทุกอย่างจริงๆ เพื่อให้ได้อยู่กับลูกและเมียเพียงแค่สามเดือน“กะทิ นายเหนือ”“ได้ ฉันจะยอมอยู่กับคุณสามเดือน และค
..“อะไรนะครับ?”“กูให้มึงไปสืบหาเรื่องของอัญญา...แต่มึงกลับมาสภาพนี้ มึงสืบแบบไหน?”“ก็....”“อย่าบอกนะว่าแบบเดิมที่เคยทำ”“.......”การันต์ไม่ได้ตอบคำถามทีเล่นทีจริงของผู้เป็นนาย เพียงเท่านั้นทิศเหนือก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นอย่างที่เขาคิดแน่นอน เพราะเขาและการันต์อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมจะไม่รู้วิธีการของลูกน้องคนสนิท ทิศเหนือยกยิ้มก่อนจะพยักหน้าเบาๆ“ขอโทษครับนาย”“กูยังไม่ได้ว่าอะไรมึงเลย”“ผมนึกว่านายจะโกรธที่...”“ทำไมกูต้องโกรธ กูดีใจด้วยซ้ำ กะทิจะได้ไม่คิดมาก”“นายจะบอกเรื่องนี้กับกะทิหรอครับ?”“มีเหตุผลอะไรที่กูต้องบอก...เดี๋ยวเธอก็เห็นท่าทีของพวกมึงเอง”“ครับ? ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอ”“กูไม่ได้หมายถึงมึงหรอก กูหมายถึงอัญญาต่างหาก”ทิศเหนือพูดด้วยความมั่นใจ เพราะดูจากผู้หญิงแล้วไม่ว่าจะรักหรือไม่รักถ้าได้มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอที่ทำให้จำไม่ลืมก็ไม่แปลกที่ท่าทีที่มีต่อกันมันจะเปลี่ยนไปเองตามธรรมชาติ และยิ่งเป็นคนที่
..“ช้ากว่านี้ ฉันจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น”“ฉันทำเพราะแม่ของฉันต้องการให้ฉันเป็นนายหญิงของตระกูลเดชาเดช...ฮึกๆ ...ฉันจำเป็นต้องทำ”“มันมีความจำเป็นจนต้องแย่งขนาดนั้นเลยหรอ? ถ้านายเหนือไม่มีครอบครัวฉันจะไม่ว่าเลย”“จะให้ทำยังไงได้ล่ะ! แม่ของฉันเป็นหนี้นอกระบบ...ถึงจะเป็นเมียน้อยแต่คงได้ค่าตอบแทนไม่น้อย”อัญญาพูดทั้งน้ำตาถึงแม้เธอจะดูสวยเก่งโปรไฟล์ดี แต่ความจริงแล้วชีวิตของเธอก็ลำบากมาไม่น้อย ดีแค่ไหนแล้วพวกเจ้าหนี้ยอมปล่อยเธอมาและไม่เอาเธอไปขัดดอก อัญญาคิดเพียงว่าถวายตัวให้ทิศเหนือดีกว่าไปเสียตัวให้เสี่ยเจ้าหนี้พวกนั้น แถมอาจจะยังได้รับการคุ้มครองจากมาเฟียหนุ่มในฐานะผู้หญิงของเขาอีกก็ได้“โง่”“ฮึกๆ ..ฮือ”คำพูดของการันต์สั้นๆ ทำให้น้ำตาของเธอพรั่งพรูออกก่อนที่เธอจะเอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างนั้น มันคือความคิดโง่ๆ อย่างที่ชายหนุ่มพูดจริงๆ นั่นแหละ เพราะเธอคิดว่าแค่เสียตัวคงไม่เป็นไร แต่ตอนนี้รับรู้แล้วว่ามันรู้สึกแย่แค่ไหน ถ้ายิ่งทำอย่างนั้นเพื่อเงินและอยู่ในฐานะคนบนเตียงลับๆ
..การันต์ตรงดิ่งเข้ามายังบริษัทหลังจากที่ทิศเหนือพากะทิเข้าโรงพยาบาลและนอนแอดมิทเพื่อรอดูอาการ แม้ใบหน้าของการันต์จะนิ่งเฉยแต่ภายในใจกลับเหมือนไฟสุมอก เมื่อลิฟต์เลื่อนขึ้นมาถึงยังชั้นบนสุด เขาก็รีบย่างสามขุมเข้าไปหาเลขาสาวหน้าห้องของผู้เป็นนายที่กำลังเก็บข้าวของเตรียมจะกลับบ้าน มือหนาคว้าข้อมือเล็กของเลขาสาวสวยคมนั้นและกำไว้แน่น“คุณการันต์!! ฉันเจ็บนะ!”“คนอย่างเธอมีความรู้สึกด้วยหรอ?”“คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย!”“เธอสิเป็นบ้าอะไร? รู้ไหมว่าทำครอบครัวของคนอื่นแตกแยกร้ายแรงขนาดไหน”“แล้วไง? ก็ฉันรักของฉัน มันผิดตรงไหนที่จะแสดงความรู้สึกออกมา?”“ผิดตรงที่เธอแสดงกับคนมีเจ้าของแล้วทั้งที่รู้! ทำไม? มันคันมากหรอ?”“คุณการันต์!! พูดอะไรให้เกียรติฉันด้วย”“เธอยังเหลือเกียรติอยู่หรออัญญา มันไม่มีตั้งแต่ที่คิดจะเป็นเมียน้อยของนายเหนือแล้ว!”“แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาโวยวายใส่ฉัน?”การันต์จ้องมองหน้าสวยเขม็งอย่างโกรธเคือง แต่อัญญากลับไม่ได้เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่จะเริ่มเข้าใจว่าท
..การันต์สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันไปมองหน้ากะทิอย่างจริงจัง แต่กะทิเพียงแค่ปรายตามองเขาเล็กน้อยเท่านั้นก่อนจะหันหน้าออกไปรับลมทะเล แต่ในใจยังคงรอรับฟังเหตุการณ์จริงๆ ทั้งหมด ที่มันทำให้เรื่องยุ่งเหยิงขนาดนี้ เพราะถึงความจริงจะเป็นยังไง เธอก็มีความคิดและตัดสินใจเรื่องทั้งหมดไว้อยู่แล้ว“นายเหนือ...พอเลิกกับดุจดาวแล้วเขาก็บินไปเมืองนอก และกลับมาตอนที่รู้ข่าวว่าพ่อแม่เริ่มมีอาการป่วยแปลกๆ และทรุดหนัก ...ทั้งที่ตอนแรกนายเหนือไม่คิดจะรับช่วงต่อของตระกูล...”“แล้วตอนแรกเขาคิดจะทำอะไร?”“นายเหนือมีความฝันที่จะเป็นนักธุรกิจร้านอาหารธรรมดาโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาชื่อเสียงของครอบครัว เขาต้องการที่จะสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง...”“........”“แต่...พอเกิดเรื่องขึ้นเขาก็กลับมาสืบเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเองหลังจากที่รู้ว่ามีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นในตระกูล รวมทั้งสืบเรื่องของครอบครัวเธอ นั่นคือครั้งแรกที่นายเหนือได้พบเธอ”“แต่ฉันไม่เคยพบเขา....”“ก็ไม่แปลก เพราะนายเหนือแอบสืบและตามเธอโดยไม่ให้เธอหรือครอบครัวรู้ตัว...