.
.
หลังจากจบงานเลี้ยงวันเกิดที่แสนวุ่นวายกะทิก็ได้ถูกพาตัวมายังห้องนอนหรูบนชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ที่เธอไม่เคยขึ้นไปแม้สักครั้งตั้งแต่อยู่มา เพราะเป็นที่ต้องห้ามที่นายเหนือของบ้านสั่งห้ามทุกคนไว้อีกด้วย
กะทิเดินเข้าห้องมาอย่างอาจหาญแต่ภายในใจก็มีหวาดหวั่นอยู่บ้าง เพราะไม่รู้ว่าจะต้องมาเจอกับอะไรบ้าง ภายในห้องนอนที่มีโต๊ะทำงานขนาดเล็กอยู่ในห้องข้างโต๊ะทำงานในห้องนอนมีตู้เซฟติดผนังอยู่ ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานขนาดนั้นเล็กนั้นก็คือเตียงนอนสีดำขนาดใหญ่ กะทิมองไปไม่รอบๆ ห้องก็ไม่เห็นเงาของผู้ที่บังคับเธอให้มานอนที่นี่เลย
หญิงสาวมองเห็นว่าไม่มีใครจึงเดินไปที่โต๊ะทำงานอย่างใจกล้า ภายในหัวคิดว่าถ้าพ่อแม่ของเธอเคยทำงานที่นี่จะต้องมีประวัติหรือร่องรอยที่เกี่ยวกับการทำงานของพ่อแม่เธอหลงเหลืออยุ่บ้าง เพราะเธอไม่มีโอกาสได้เข้าห้องทำงานของผู้รับเลี้ยงที่อ้างตัวว่าเป็นคนสนิทของพ่อแม่เธอ ด้วยความคิดตื้นๆ ของหญิงสาวว่า อาจจะมีหลักฐานสำคัญซ่อนอยู่ในห้องนอนนี้บ้าง โดยเฉพาะหลักฐานที่พอจะบ่งชี้ว่าใครคือศัตรูของพ่อแม่เธอบ้าง
"ทำอะไร"
..“เข้ามาสักทีเถอะ...นายเหนือขา”กะทิพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วขัดหูของทิศเหนือไม่น้อย ร่างสูงเดินเข้าไปหวังจะคว้าตัวของหญิงสาวที่ยืนตั้งท่าพร้อมสู้อยู่บนเตียง แต่เธอกลับกระโดดหลบไปอีกฝากของเตียงใหญ่นั้น แล้วทั้งสองวิ่งวนไล่จับกันไปมารอบเตียงกว้างอยู่นานอย่างไม่มีใครยอมใคร ความเหนื่อยหอบเท่านั้นที่ทำให้คนทั้งคู่ถึงหยุดยืนจ้องกันอยู่คนละฟากฝั่งแทน“แฮ่กๆ ...เดี๋ยวก่อนนะ นี่เราจะวิ่งไล่จับกันเป็นเด็กๆ หรือไง?”“นายเหนือก็เลิกไล่ฉันก่อนสิ...เฮ้อ...จะบ้าตาย...ส่งเอกสารมาดีๆ ก็จบแล้ว”ในขณะที่เธอยืนพักเหนื่อยแล้วเอามือที่ตั้งท่าเหมือนพร้อมจะต่อสู้เมื่อครู่ไปเท้าสะเอวแทน พร้อมกับเงยหน้าขึ้นเพื่อให้ตัวเองหายใจได้เต็มปอด ทิศเหนือเห็นอย่างนั้นจึงค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้โดยไม่ให้เธอรู้ตัวก่อนจะกระโดดคว้าตัวเธอไว้แล้วล้มลงไปกองที่เตียงกว้างพร้อมกัน“กรี๊ดดดดดด! เล่นที่เผลอนี่”“ไม่มีใครเขาเผลอตอนศัตรูยืนอยู่หรอกนะ”กะทิพยายามดิ้นอยู่ใต้อ้อมแขนแกร่
..ทั้งสองร่างพร้อมใจกันโอนเอนล้มลงไปกับเตียงใหญ่ แม้ว่าทิศเหนืออยากจะฉีกกระชากเสื้อผ้าเธอออกตามแรงอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นแค่ไหนก็ทำได้เพียงข่มใจ เพราะเขารู้ดีว่านี่คือครั้งแรกของหญิงสาวบทจูบที่อ่อนหวานเริ่มเร้าร้อนและรุนแรงขึ้นตามอารมณ์ที่สัมพันธ์กันของคนทั้งสอง ร่างกายสองร่างบดเบียดกันไปมาอย่างหิวกระหายมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่มีเสื้อผ้ากั้นอยู่ ริมฝีปากบดสู้กันอย่างไม่ลดละและไม่มีใครยอมใคร แก่นกายใหญ่โตแน่นตึงเต็มกางเกงจนแทบจะล้นออกมาทักทายหญิงสาว เพราะมันดันไปแนบทับกับจุดกึ่งกลางนิ่มนิ่มที่ถูไถบดเบียดกันไปมาตามแรงอารมณ์“อืมมม...จะทนไม่ไหวแล้ว”“อืออออ.....”เสียงแหบพร่าของทิศเหนือกระซิบไปที่ข้างใบหูเล็ก ก่อนจะก้มลงไปขบเม้มที่ลำคอสวย มือหนาจับต้นขาที่กระโปรงแหวกขึ้นสูงพร้อมกับลูบไล้ไปมา และล่วงเข้าไปใต้กระโปรง ทั้งที่ใบหน้าหล่อคงซุกไซ้ตรงซอกคอระหงส์กะทิเงยหน้าขึ้นพร้อมยินดีปรีดาให้เขาได้ดอมดมไปทั่ว ทิศเหนือชะงักมองสีหน้าของหญิงสาวที่กำลังอารมณ์พลุ่งพล่าน ก็ยิ่งทำให้เขาฮึกเหิมกว่าเดิม เขาหยัดตัวขึ้นก่อนจะฉ
..แม้ชายหนุ่มจะอายุขึ้นเลขสามแล้วแต่เรี่ยวแรงยังไม่แผ่วลงเลย พึ่งจะยอมหยุดก็ตอบฟ้าสาง หลังจากผ่านการรบศึกรักมา กะทิก็ยังคงนอนลืมตาอยู่อย่างนั้น ภายในหัวคิดว่านี่คงเป็นสิ่งที่เขาต้องการสำหรับการตอบแทนจากเธอ กะทิยกแขนแกร่งของเขาที่กอดก่ายเธอไว้ออก แล้วยันตัวลุกขึ้นมาจากเตียงใหญ่ที่มีชายหนุ่มที่ใครๆ ต่างก็เรียกเขาว่านายเหนือกำลังนอนหลับสนิทในห้วงนิทรากะทิหันไปมองเขาครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ ย่องฝีเท้าให้เบาที่สุดและแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตของเขาที่ถูกเหวี่ยงทิ้งไว้ แล้วออกจากห้องไป หลังจากที่กะทิออกมาจากห้องได้สำเร็จก็หันไปเห็นการันต์ยืนทำหน้าขรึมอยู่หน้าห้อง สายตาของเขามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเรียบนิ่ง ก่อนจะเอ่ยปากถาม“ไม่ทราบว่าคุณหนูรีบออกมาทำไม?”“จะให้นอนโก่งก้นรอรับแสงตะวันรึไง”“เฮ้อ...เธอนี่นะ ถ้านายเหนือตื่นขึ้นมาไม่เห็นเธอล่ะก็...”“นั่นมันเป็นปัญหาของพวกนายไม่เกี่ยวกับฉัน”กะทิพูดจบก็เดินเอามือไขว้หลังแล้วเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีที่วันนี้ยั่วโมโหผู้ดูแลหนุ่มหน้านิ่งให้ขมวดคิ้วได้ พร้อมกับกุมขมั
..“เธออยากได้อะไรไหม?”“ไม่ค่ะ”“อยากกินอะไรแพงๆ ไหม? ร้านไหนก็ได้”“ไม่ค่ะ”“อยากได้โทรศัพท์รุ่นใหม่ไหม?”“ไม่”“หรืออยากได้คอนโด บ้าน รถ”“ไม่...อะไรของคุณเนี่ย”“เรียกนายเหนือสิ”ทิศเหนือที่เดินตามถามเธอตลอดทางที่พามาห้างสรรพสินค้า จนตอนนี้กะทิเองก็ยังไม่รู้เลยว่าทิศเหนือพาเธอมาทำอะไรที่นี่ เขาเห็นว่าเธอเป็นเด็กเสี่ยหรืออย่างไรถึงได้พยายามหานั่นหานี่มาให้เธอเลือก การันต์มองเจ้านายของตอนก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ เพราะปกติทิศเหนือจะเป็นคนนิ่งขรึมและน่าเกรงขามไม่ตามใคร โดยเฉพาะผู้หญิงแต่ตอนนี้เหมือนมันกลับตาลปัตรไปหมดนิสัยของผู้เป็นนายที่เขาไม่ได้เห็นมาเป็นสิบกว่าปี ที่วิ่งตามเอาใจขนาดนี้ ทิศเหนือเคยเป็นผู้ชายที่ใส่ใจคนรักมากๆ แต่เพราะสาวเจ้าแฟนคนแรกหนีเขาไปเรียนต่อเมืองนอกโดยไม่บอกไม่กล่าว พร้อมกับอัปเดตโซเชียลควงหนุ่มคนใหม่ทำเอาช้ำระกำใจไปเป็นปีๆ ถึงจะค่อยๆเริ่มมีผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าและที่เปลี่ยนเขาไปจนหมดสิ้นความเป็นตัวเองในอดีตก็ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการมาเฟีย และถูกฆ่าล้างทั้งตระกูลเห
..หลังจากกลับมาจากห้างสรรพสินค้าโดยไม่ได้สิ่งของออะไรติดกลับมาเลยสักชิ้น พร้อมกับร่างสูงกำยำที่ทำหน้าโหดมาตั้งแต่ออกจากห้าง ถึงกะทิจะไม่รู้เรื่องรู้ราวแต่ก็ไม่ได้มีความอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องของผู้เป็นนายว่าเป็นมายังไง หลังจากถึงบ้านเธอก็แยกตัวกลับไปยังห้องของตัวเองโดยไม่พูดอะไรเช่นกันทิศเหนือมองตามหลังหญิงสาวที่เมินเขาเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ ภายในใจแอบน้อยใจอยู่ไม่น้อยที่เธอไม่ยอมถามหรือสนใจเขา และเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงอยากให้เธอถามหรืออยากให้เธออยากรู้เรื่องของเขา ทั้งที่ตัวเขาเองมักจะบอกผู้หญิงคนอื่นๆ เสมอว่าอย่ามายุ่งเรื่องของเขา แต่กลับกะทิเขากลับอยากให้ถามสักคำก็ยังดียิ่งเห็นสาวเจ้าเมินเขากลับยิ่งไม่พอใจ ไม่ทันทีกะทิจะปิดประตูห้องของตน ทิศเหนือก็เข้ามาขวางไว้เสียก่อน พร้อมด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก กะทิมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพราะเธอดูไม่อยากสนทนากับคนที่ทำหน้าตาบึ้งตึงเท่าไหร่นัก ทั้งสองยืนมองหน้ากันโดยไม่มีคำพูดใดๆ อยู่นาน กะทิจึงเลือกถอนหายใจแล้วเดินเข้าห้องไปทั้งที่ยังเปิดประตูทิ้งไว้โดยไม่ส
..-มาเจอกันที่ผับXXX – อิสรินทร์ตำรวจหนุ่มมองข้อความบนจอโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูด้วยใบหน้าที่ดูจริงจังและซีเรียสเล็กน้อย เพราะสถานที่ที่หญิงสาวนัดไปนั้นมันคือผับของชายหนุ่มที่เขาต้องการจะจับกุมแต่ก็คิดว่าหญิงสาวอาจจะคิดว่าที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็เป็นได้กะทิส่งข้อความเสร็จก็เตรียมตัวหวังจะจบชีวิตคนที่เธอคิดว่าเขาฆ่าพ่อแม่ของเธอ หญิงสาวแอบซ่อนมีดไว้ตรงที่รัดต้นขาสวยเหมือนที่ซ่อนอาวุธในภาพยนตร์สายลับอย่างไรอย่างนั้น เพราะชุดที่เธอเลือกวันนี้คือชุดเปิดไหล่รัดรูปกระโปรงยาวถึงเขาแหวกสูงสีดำ จึงทำให้ปลายกระโปรงปิดมีดเล็กที่ซ่อนไว้มิดชิด ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพื่อเดินทางไปยังที่นัดหมายที่พร้อมกับชายหนุ่มคู่หมั้นผับXXX“คุณไม่ขึ้นไปทำงานหรอคะ?”“ทำไม? ฉันอยู่ดื่มด้วยคนไม่ได้หรอ?”“ก็เห็นบอกว่ามาทำงานนี่”“ถ้าฉันไปการันต์ก็ต้องไป เธออยู่ดื่มคนเดียวได้หรอ?”“ถ้าอยากดื่ม จะดื่มคนเดียวหรือสองคนก็ย่อมดื่มได้อยู่แล้ว”
..การันต์ขับรถมาถึงบ้านหลังใหญ่อย่างเงียบๆ ภายในรถยังคงเงียบสงัดไม่มีการพูดคุยหรือถามไถ่เหตุการณ์ก่อนหน้า เมื่อรถแล่นมาถึงและจอดสนิทที่โรงจอดรถ การันต์จึงหันไปมองหญิงสาวที่นั่งมากับเขา ก็เห็นว่าสาวเจ้าเธอนอนหลับสนิทไปเสียแล้ว อาจจะเป็นเพราะเธอดื่มไปเยอะบวกกับความเงียบภายในรถชายหนุ่มมองดูใบหน้าของเธอนิ่ง การกระทำของเธอที่อยู่ในผับทำเอาเขากระวนกระวายใจไม่น้อย แต่ลึกๆ ก็แอบมีความสุขในช่วงเวลาเมื่อครู่ ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะลงจากรถแล้วเดินไปเปิดประตูทางฝั่งที่หญิงสาวนอนหลับอยู่ การันต์โน้มตัวเข้าไปในรถแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะหันไปเพื่ออุ้มหญิงสาวกลับเข้าห้องการันต์นิ่งชะงักค้างเมื่อเห็นเธอหันใบหน้าไปทางเขาพอดีมันใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจ สายตาเรียวของเขามองไปทั่วใบหน้าสวยอย่างเงียบๆ โดยไม่ทันรู้ตัวเขาก็ก้มลงไปจูบเธออีกครั้งอย่างแผ่วเบา ก่อนจะได้สติและละออกจากจูบนั้น“...เป็นความผิดของเธอเองนะ..ไม่ใช่ฉัน...ทั้งที่ฉันพยายามห้ามตัวเองมาตลอด...”ชายหนุ่มพูดจบก็ช้อนตัวหญิงสาวออกมาจากรถแล้วพาไปห้องนอนของเธอก่อนจะวางร่
..เช้าวันใหม่ที่ไม่สดใสเลยมันมืดมนกว่าทุกวันที่ผ่าน กะทิลืมตาตื่นขึ้นแต่ก็ยังคงนอนอยู่ที่เดิม เพราะท่อนแขนแกร่งได้โอบกอดเธอไว้แน่น และเธอเองก็แทบจะไม่มีแรงขยับไปไหน กะทิมองดูร่างกายของตนเองที่มีรอยช้ำเต็มตัวไปหมด ช่วงล่างลงไปรู้สึกเหมือนโดนรถทับแทบจะขยับไม่ได้ บทรักที่รุนแรงและหนักหน่วงตลอดคืนทำให้เธอบอบช้ำไปหมดก๊อกๆ“กะทิลูก ตื่นหรือยัง? เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมวันนี้ตื่นสายจัง?”เสียงเรียกของป้าจันทร์ที่ยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่ก็มีเสียงทุ้มของชายหนุ่มที่ฟังดูคุ้นหูเดินเข้าไปคุยอะไรบางอย่างกับหญิงวัยกลางคน ซึ่งภายในห้องก็ไม่ได้ยินชัดนัก“ป้าครับ นายเหนือนอนอยู่ในห้องของกะทิ อย่ารบกวนเลยครับ”“ตายจริง! ป้าไม่รู้ งั้นเราไปเตรียมกับข้าวกันเถอะอย่ารบกวนทั้งคู่เลย”ป้าจันทร์หันไปพูดกับการันต์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะลากการันต์เดินออกไปยังห้องครัว ส่วนด้านในห้องกลับไร้การเคลื่อนไหวใดๆ แม้เธอจะพยายามเอาท่อนแขนที่พยายามกอดก่ายเธอออกอย่างไม่ไยดี
..4 ปีผ่านไปหลังจากที่กะทิคลอดลูกชายตัวน้อย ทิศเหนือก็ยังคงดูแลไม่ห่างแต่ถึงอย่างนั้นเธอและลูกก็ออกจากบ้านไร่เมื่อครบสามเดือนเหมือนที่ตกลงไว้ ทิศเหนือเองก็ไม่ได้อยู่เฉย เขายังคงคอยเทียวไปหาเธอและลูกที่บ้านไม่ได้ห่าง แถมยังไม่ยอมนอนบ้านของตนเองอีกด้วย ในทุกๆ วันเขาจะมีข้ออ้างเพื่อได้นอนที่บ้านของภรรยาสาว แม้จะต้องนอนที่โซฟาก็ตามก็ยังดีกว่าช่วงปีแรกๆ ที่ต้องนอนในรถ ปีหลังๆ มานี้กะทิก็ดูจะใจอ่อนลงอยู่บ้าง ส่วนการันต์กับอัญญาก็ได้แต่งงานกันเรียบร้อยในปีที่สามชายหนุ่มยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่หน้าโรงเรียนเด็กเล็กแห่งหนึ่งเหมือนทุกครั้ง ด้วยใบหน้าที่หล่อร้ายของเขาทำเอาครูสาวถึงกับมองค้าง ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรชายคนนี้ได้เลย แม้จะเป็นสูญรวมสายตาแต่ทิศเหนือกลับไม่ได้สนใจใดๆ ยังคงก้มมองนาฬิกาเพื่อรอเวลาที่ลูกชายตัวน้อยของเขาเลิกเรียน“ปะป๊าฮับ!”เสียงเรียกของเด็กชายดังขึ้น ทิศเหนือรีบหันไปตามเสียงเรียกนั้น ก่อนที่ลูกชายตัวน้อยจะวิ่งกางแขนไปหาผู้เป็นพ่ออย่างดีใจเช่นทุกวัน ครูสาวยืนม
..“เริ่มเลยดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเด็กจะไม่มีน้ำนมดื่ม เพราะเด็กยังทานอย่างอื่นไม่ได้นอกจากน้ำนมจากอกคุณแม่”“เอ่อ....”พยาบาลสาวไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปลากมือของทิศเหนือไปยังหญิงสาวที่ยังนั่งอ้าปากค้างอยู่ กะทิเบือนหน้าหนีเล็กน้อย ส่วนพยาบาลก็สอนวิธีนวดให้ทิศเหนืออย่างตั้งใจ ทิศเหนือเองก็ไม่ต่างจากกะทิเท่าไหร่ อะไรที่ไม่เคยทำก็ทำมันแบบเขินๆ ที่กะทิไม่แย้งเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องปัญหาที่มีของตน จึงทำได้แค่เงียบ“อย่างนั้นแหละค่ะ...ต้องนวดแบบนี้บ่อยๆ นะคะ”“...ครับ”“เพราะว่าถ้าคุณพ่อช่วยนวดจะทำให้น้ำนมไหลออกมาได้เร็ว”“เอ่อ...ครับ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พยาบาลขอตัวก่อนนะคะ”พยาบาลยิ้มก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้คนทั้งคู่อยู่ด้วยกันเงียบๆ ในห้อง กะทิเองก็ไม่ได้พูดอะไรเอนตัวนอนและหลับตานิ่ง เพื่อรอเวลาที่คุณหมอจะส่งตัวลูกชายของตน ทิศเหนือมองหน้าไร้อารมณ์ของกะทิก็หย่อนตัวนั่งโซฟาข้างๆ เตียงพร้อมกับถอนหายใจ อาจจะเป็นเพราะความเพลียจึงทำให้กะทิผล็อยหลับไป ทิศเหนือมองกะทิอยู่เงียบๆ อย่างนั้
..เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ทิศเหนือไม่เคยออกไปทำงานนอกบ้านอีกเลย แถมยังใช้เวลาเกือบสองเดือนที่ทำงานอยู่ที่บ้านไร่ไม่หนีหายไปไหนแม้แต่นาทีเดียว กะทิเองจะยังไม่ค่อยพูดคุยกับเขาเหมือนเดิม แถมยังพยายามทำตัวห่างจากเขาอีกตามเคย แม้กระทั่งถึงวันคลอดเธอก็ไม่เคยถามหาเขา ยังคงถามหาแต่การันต์ลูกน้องของเขาแทนจนตอนนี้มาอยู่หน้าห้องคลอดทิศเหนือก็แทบจะนั่งไม่อยู่ ลุกเดินไปเดินมาอย่างตื่นเต้นเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววหมอคนไหนจะเดินออกมาจากห้องคลอดเลย การันต์นั่งมองผู้เป็นนายไปมา แม้ตัวเขาเองจะตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าหลานแต่ก็ไม่เท่าทิศเหนือเลย“นั่งก่อนดีไหมครับนาย”“เป็นมึงนั่งใจเย็นได้หรอวะ กูตื่นเต้นจนอยากจะไปทำคลอดเองแล้วเนี่ย”“อย่างน้อยนายเหนือก็น่าจะใจเย็นลงหน่อยนะครับ”“แม่ง...ช้าฉิบหาย หมอมัวทำอะไรกันอยู่วะ”ทิศเหนือเดินไปเดินมาพร้อมกับสบถไป คิ้วเข้มขมวดยุ่งเมื่อรู้สึกว่ามันนานเกินไปสำหรับเขา การันต์ยิ้มกริ่มเพราะความใจร้อนอยากเห็นหน้าลูกชายของผู้เป็นนาย แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเขาไม่เคยคิดจะมีล
..หลังจากขับรถมานานกว่าสองชั่วโมง ก็ถึงบ้านไร่เดชาเสียที คนในบ้านต่างออกมาต้อนรับพวกเขาเพราะยังไม่ค่ำจึงมีคนงานในบ้านเดินเข้ามาช่วยหอบหิ้วข้าวของของเจ้านายเข้าบ้านไป แม้กะทิจะอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะสนิทสนมด้วย เพราะถือว่าเธอเป็นคุณนายเดชาเดชจึงมีหลายครั้งที่กะทิมักจะออกไปเดินเล่นคนเดียว ถึงจะมีผู้ติดตามไปแต่กลับไม่มีใครกล้าพูดคุยกับเธอทิศเหนือเองก็ไม่ได้ถามไถ่เธอเรื่องนี้ และกะทิก็ไม่ยอมบอกเขากลัวว่าจะไปเป็นเรื่องรบกวนเวลาเขาทำงานเสียเปล่าๆ แต่การไม่ที่เธอไม่อยากงอแงใส่เขาหรือเอาแต่ใจกับเขา กลายเป็นการเปิดทางให้เขามีคนอื่นเสียอย่างนั้น ถึงจะพูดไม่ได้เต็มปากว่ามีคนอื่นแต่ช่วงเวลานั้นทิศเหนือก็ได้แปรใจปันให้คนอื่นไปแล้วกะทิเดินเข้าบ้านที่คุ้นเคยอย่างเงียบๆ ไม่มีคำพูดหรือสนทนาใดๆ กับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอเดินเข้าห้องนอนของตัวเองโดยไม่หันหลังกลับไปมองมาเฟียหนุ่มที่กำลังเดินตามเธอต้อยๆ เหมือนสุนัขเชื่องๆ ที่เลี้ยงไว้ กะทิหันไปมองชายหนุ่มที่เดินตามเธอเข้าในห้องด้วยสายตาเรียบนิ่งอย่างที่ชอบทำ ใบหน้าหล่อทำทีท่าสงสัย
..“เลือกได้ดีค่ะ”กะทิพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มที่แสดงถึงความดีใจ แม้ภายในใจจะไม่ได้เป็นอย่างสีหน้าที่แสดงออกไป แววตาของมาเฟียหนุ่มผู้โหดร้ายกลับแสดงออกมาอย่างชัดเจน เขามองกะทิด้วยความรู้สึกเจ็บปวด มันเจ็บปวดมากกว่าการโดนแย่งแฟนคนแรกเสียอีก แม้แต่ลูกเขาก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นการเติบโตของลูกชายตัวเอง“แต่...เธอต้องอยู่กับพี่จนกว่าจะคลอดได้สามเดือน เพราะร่างกายเธอยังคงไม่หายดี”“ไม่จำเป็น”“พี่ขอแค่สามเดือน ให้เวลาพี่หาบ้านที่จะซื้อให้และรถ”“คนอย่างคุณมันไม่ใช่เรื่องยากหรอกแค่เรื่องพวกนั้น”“ก็จริง...แต่พี่ขอ..ขอร้อง...ให้พี่คุกเข่าตรงนี้ก็ยอม”“ทำสิ”กะทิพูดออกมาอย่างไม่แยแส การันต์เองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อทิศเหนือยอมคุกเข่าทันทีที่กะทิพูดจบ เพราะคนอย่างทิศเหนือไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร มีแต่คนอื่นที่คุกเข่าต่อหน้าเขาเพราะความเกรงกลัว ทิศเหนือยอมจำนนทุกอย่างจริงๆ เพื่อให้ได้อยู่กับลูกและเมียเพียงแค่สามเดือน“กะทิ นายเหนือ”“ได้ ฉันจะยอมอยู่กับคุณสามเดือน และค
..“อะไรนะครับ?”“กูให้มึงไปสืบหาเรื่องของอัญญา...แต่มึงกลับมาสภาพนี้ มึงสืบแบบไหน?”“ก็....”“อย่าบอกนะว่าแบบเดิมที่เคยทำ”“.......”การันต์ไม่ได้ตอบคำถามทีเล่นทีจริงของผู้เป็นนาย เพียงเท่านั้นทิศเหนือก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นอย่างที่เขาคิดแน่นอน เพราะเขาและการันต์อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมจะไม่รู้วิธีการของลูกน้องคนสนิท ทิศเหนือยกยิ้มก่อนจะพยักหน้าเบาๆ“ขอโทษครับนาย”“กูยังไม่ได้ว่าอะไรมึงเลย”“ผมนึกว่านายจะโกรธที่...”“ทำไมกูต้องโกรธ กูดีใจด้วยซ้ำ กะทิจะได้ไม่คิดมาก”“นายจะบอกเรื่องนี้กับกะทิหรอครับ?”“มีเหตุผลอะไรที่กูต้องบอก...เดี๋ยวเธอก็เห็นท่าทีของพวกมึงเอง”“ครับ? ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอ”“กูไม่ได้หมายถึงมึงหรอก กูหมายถึงอัญญาต่างหาก”ทิศเหนือพูดด้วยความมั่นใจ เพราะดูจากผู้หญิงแล้วไม่ว่าจะรักหรือไม่รักถ้าได้มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอที่ทำให้จำไม่ลืมก็ไม่แปลกที่ท่าทีที่มีต่อกันมันจะเปลี่ยนไปเองตามธรรมชาติ และยิ่งเป็นคนที่
..“ช้ากว่านี้ ฉันจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น”“ฉันทำเพราะแม่ของฉันต้องการให้ฉันเป็นนายหญิงของตระกูลเดชาเดช...ฮึกๆ ...ฉันจำเป็นต้องทำ”“มันมีความจำเป็นจนต้องแย่งขนาดนั้นเลยหรอ? ถ้านายเหนือไม่มีครอบครัวฉันจะไม่ว่าเลย”“จะให้ทำยังไงได้ล่ะ! แม่ของฉันเป็นหนี้นอกระบบ...ถึงจะเป็นเมียน้อยแต่คงได้ค่าตอบแทนไม่น้อย”อัญญาพูดทั้งน้ำตาถึงแม้เธอจะดูสวยเก่งโปรไฟล์ดี แต่ความจริงแล้วชีวิตของเธอก็ลำบากมาไม่น้อย ดีแค่ไหนแล้วพวกเจ้าหนี้ยอมปล่อยเธอมาและไม่เอาเธอไปขัดดอก อัญญาคิดเพียงว่าถวายตัวให้ทิศเหนือดีกว่าไปเสียตัวให้เสี่ยเจ้าหนี้พวกนั้น แถมอาจจะยังได้รับการคุ้มครองจากมาเฟียหนุ่มในฐานะผู้หญิงของเขาอีกก็ได้“โง่”“ฮึกๆ ..ฮือ”คำพูดของการันต์สั้นๆ ทำให้น้ำตาของเธอพรั่งพรูออกก่อนที่เธอจะเอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างนั้น มันคือความคิดโง่ๆ อย่างที่ชายหนุ่มพูดจริงๆ นั่นแหละ เพราะเธอคิดว่าแค่เสียตัวคงไม่เป็นไร แต่ตอนนี้รับรู้แล้วว่ามันรู้สึกแย่แค่ไหน ถ้ายิ่งทำอย่างนั้นเพื่อเงินและอยู่ในฐานะคนบนเตียงลับๆ
..การันต์ตรงดิ่งเข้ามายังบริษัทหลังจากที่ทิศเหนือพากะทิเข้าโรงพยาบาลและนอนแอดมิทเพื่อรอดูอาการ แม้ใบหน้าของการันต์จะนิ่งเฉยแต่ภายในใจกลับเหมือนไฟสุมอก เมื่อลิฟต์เลื่อนขึ้นมาถึงยังชั้นบนสุด เขาก็รีบย่างสามขุมเข้าไปหาเลขาสาวหน้าห้องของผู้เป็นนายที่กำลังเก็บข้าวของเตรียมจะกลับบ้าน มือหนาคว้าข้อมือเล็กของเลขาสาวสวยคมนั้นและกำไว้แน่น“คุณการันต์!! ฉันเจ็บนะ!”“คนอย่างเธอมีความรู้สึกด้วยหรอ?”“คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย!”“เธอสิเป็นบ้าอะไร? รู้ไหมว่าทำครอบครัวของคนอื่นแตกแยกร้ายแรงขนาดไหน”“แล้วไง? ก็ฉันรักของฉัน มันผิดตรงไหนที่จะแสดงความรู้สึกออกมา?”“ผิดตรงที่เธอแสดงกับคนมีเจ้าของแล้วทั้งที่รู้! ทำไม? มันคันมากหรอ?”“คุณการันต์!! พูดอะไรให้เกียรติฉันด้วย”“เธอยังเหลือเกียรติอยู่หรออัญญา มันไม่มีตั้งแต่ที่คิดจะเป็นเมียน้อยของนายเหนือแล้ว!”“แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาโวยวายใส่ฉัน?”การันต์จ้องมองหน้าสวยเขม็งอย่างโกรธเคือง แต่อัญญากลับไม่ได้เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่จะเริ่มเข้าใจว่าท
..การันต์สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันไปมองหน้ากะทิอย่างจริงจัง แต่กะทิเพียงแค่ปรายตามองเขาเล็กน้อยเท่านั้นก่อนจะหันหน้าออกไปรับลมทะเล แต่ในใจยังคงรอรับฟังเหตุการณ์จริงๆ ทั้งหมด ที่มันทำให้เรื่องยุ่งเหยิงขนาดนี้ เพราะถึงความจริงจะเป็นยังไง เธอก็มีความคิดและตัดสินใจเรื่องทั้งหมดไว้อยู่แล้ว“นายเหนือ...พอเลิกกับดุจดาวแล้วเขาก็บินไปเมืองนอก และกลับมาตอนที่รู้ข่าวว่าพ่อแม่เริ่มมีอาการป่วยแปลกๆ และทรุดหนัก ...ทั้งที่ตอนแรกนายเหนือไม่คิดจะรับช่วงต่อของตระกูล...”“แล้วตอนแรกเขาคิดจะทำอะไร?”“นายเหนือมีความฝันที่จะเป็นนักธุรกิจร้านอาหารธรรมดาโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาชื่อเสียงของครอบครัว เขาต้องการที่จะสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง...”“........”“แต่...พอเกิดเรื่องขึ้นเขาก็กลับมาสืบเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเองหลังจากที่รู้ว่ามีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นในตระกูล รวมทั้งสืบเรื่องของครอบครัวเธอ นั่นคือครั้งแรกที่นายเหนือได้พบเธอ”“แต่ฉันไม่เคยพบเขา....”“ก็ไม่แปลก เพราะนายเหนือแอบสืบและตามเธอโดยไม่ให้เธอหรือครอบครัวรู้ตัว...