ค่ำคืนอันเป็นมงคลภายในห้องสีแดงสด
ฟงชินหยางนอนหันหลังให้เจ้าสาวของเขาบนเตียงนอนด้วยอารมณ์ที่เดือดพล่านยากเก็บอาการในขณะที่หลิงเวยกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองไม่ต่างกันแต่ต้องเก็บข่มไว้อย่างนั้นจนกลายเป็นเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
เพียงครู่ต่อมาหญิงสาวในอาภรณ์เจ้าสาวจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ เกรงคนบนเตียงจะได้ยินก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาก้มหน้าหยิบชุดสีแดงบนพื้นห้องที่ถูกเจ้าบ่าวถอดแล้วโยนทิ้งเอาไว้อย่างไม่ไยดีเมื่อครู่มาถือเอาไว้ก่อนจะพับให้อย่างเรียบร้อยแล้วนำไปวางเอาไว้ที่โต๊ะข้างตู้เสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบ
ตามมาด้วยถอดชุดเจ้าสาวของตนออกแล้วพับเอาไว้เสียด้วยกัน นางพยายามปลดเครื่องประดับต่างๆ บนศีรษะด้วยตนเองอยู่ครู่ใหญ่แล้ววางเอาไว้ด้วยกันตรงนั้นทั้งหมด
งานแต่งของนางไม่มีอันใดตรงตามธรรมเนียมสักอย่าง
หลิงเวยถอนหายใจออกมาอีกคราพลางพยายามมองหาโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อที่จะได้จัดการกับผมของตนเอง แต่ทว่านางมองหาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ ห้องนี้ไม่มีโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับสตรี
เมียงมองอยู่เป็นนานนางจึงพอจะเข้าใจ ภายในห้องบุรุษอย่างนี้จะมีโต๊ะเครื่องแป้งได้อย่างไร คันฉ่องก็คงไม่มีเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าเจ้าบ่าวของนางก็คงไม่คิดจะเตรียมการหามาไว้ให้
หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบาๆ อีกหนึ่งทีก่อนจะเริ่มสางผมยาวสยายของตนด้วยปลายนิ้วเรียวเล็กตามอัตภาพ
นางค่อยๆ เดินกลับมานั่งที่โต๊ะกลางห้องก่อนจะหมอบหลับที่โต๊ะตัวนั้นไปอย่างเงียบเชียบไร้การร่ำร้องใดๆ ต่อเจ้าบ่าวของตน
ฟงชินหยางที่นอนหรี่ตามองเจ้าสาวของตนอยู่บนเตียงนอนถึงกับรู้สึกคันยุบยิบแปลกๆ ที่เห็นเจ้าสาวของตนทำท่าทางอย่างนั้น
แต่นั่นมันก็สมควรแล้วกับสตรีที่บังอาจมาวางยาใส่เขา!
ชายหนุ่มยังคงนอนอยู่นิ่งๆ อยู่บนเตียงนอนคล้ายกับว่าหลับใหลไปแล้วแต่ทว่ายังคงรู้สึกแปลกๆ อยู่ดี เขานอนนิ่งอยู่อย่างนั้นอีกครู่หนึ่งจึงเริ่มคันตามลำตัวหนักมากกว่าเดิม
เขาควรจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ ชายหนุ่มคิดอย่างนั้น
เมื่อคิดได้แล้วก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วถอนหายใจหนักหน่วงเสียงดังแสดงออกชัดเจนถึงความหงุดหงิดมากมายที่กำลังเกิดขึ้นทำเอาเจ้าสาวที่นั่งหมอบอยู่กับโต๊ะถึงกับสะดุ้งตกใจจนต้องตื่นลืมตาขึ้นก่อนจะยืดลำตัวให้นั่งตรงๆ แล้วมองมายังเจ้าบ่าวอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ฟงชินหยางนั่งเป็นหุ่นไม้ขนาดใหญ่อยู่บนเตียงนอนจ้องมองสตรีผู้เป็นเจ้าสาวนิ่งๆ
เขาพิศมองนางที่กำลังอยู่ในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ปล่อยผมยาวสยายไปตามแผ่นหลังบอบบางและปรกอยู่ตามวงหน้าสะคราญเปล่งปลั่งนวลเนียน นางนั่งมองเขาด้วยแววตาใสซื่อขบเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นและนั่งถูฝ่ามือน้อยๆ ไปมาเบาๆ
นางหนาวหรือไร ทำไมเขาร้อน?
ชายหนุ่มบนเตียงนอนเริ่มร้อนมากยิ่งขึ้นผิดกับอากาศตามฤดูกาลจนเริ่มจะทนไม่ไหว เขาจึงรีบลุกขึ้นยืนเพื่อเดินออกไปทางห้องอาบน้ำแล้วหายเข้าไปในห้องนั้นทันที
หลิงเวยได้แต่มองตามร่างสูงที่ทำท่าทางดุดันน่ากลัวตลอดเวลาแบบนั้นอย่างจนใจ นางรู้ว่าเขาไม่ชอบนาง เพราะว่านางเองก็ไม่ชอบเขาเช่นเดียวกัน
แต่ที่พวกเราต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้นั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากความโง่เขลาเบาปัญญาของนาง หากจะโทษก็ต้องโทษที่ตัวนางเอง
หญิงสาวก้มหน้าครุ่นคิดแบบนั้นพลางเมียงมองไปทางเตียงตั่งและผ้าห่มผืนหนาที่พับเอาไว้บนนั้น ช่วงนี้ใกล้เข้าวันตังโจ่ย(ใกล้สิ้นปี)เต็มที อากาศในยามค่ำคืนจึงหนาวเย็นมากนัก
หญิงสาวนั่งถูฝ่ามือไปมาแล้วยกขึ้นเป่าลมปากใส่เป็นระยะๆ อีกครู่หนึ่งจึงเริ่มมองไปทางห้องอาบน้ำ นางเห็นเจ้าบ่าวของนางหายเข้าไปในห้องนั้นเป็นนานแล้ว เขาคงอาบน้ำอยู่กระมัง เขาเป็นคนอาบน้ำนานปานนี้เชียว หรือว่าหลับอยู่ในถังอาบน้ำเสียแล้ว หากว่าเขาเมาจนหลับไปในนั้นก็คงดี นางจะได้ยึดเตียงนอนเสียเลย
หลิงเวยคิดอย่างนั้นพลางเมียงมองไปทางห้องอาบน้ำสลับกับเตียงนอน
ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจ
นางค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วแอบเดินแบบย่องเบาไปทางเตียงนอน นางหนาวเต็มทีขอนอนห่มผ้าบนเตียงจะเป็นไร นางจะทำตัวให้เล็กที่สุดบนเตียงนอนเผื่อว่าเขากลับออกมาจากอาบน้ำจะได้มีที่ว่างมากพอให้เขาได้นอนร่วม
นางกับเขาเคยมีสัมพันธ์กันแล้วเช่นนั้นแล้วไม่นับว่าเป็นอันใดหากจะนอนเตียงเดียวกัน และมันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะว่าเราแต่งงานกันแล้ว
หลิงเวยคิดด้วยเหตุผลที่พึงมียามเมื่อล้มตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มแล้วห่มผ้าเอาไว้จนถึงลำคอ นางพยายามขยับกายให้ชิดกับผนังห้องข้างเตียงนอนให้ลำตัวแนบกับผนังห้องตรงฝั่งเตียงนอนด้านในให้ลึกที่สุดเท่าที่จะลึกได้แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจที่ตื่นเต้นเหลือเกินหมายให้เจือจางลงไป
นางกำลังรู้สึกว่าเป็นขโมยก็มิปาน ช่างลุ้นระทึกยิ่งนัก
เพียงครู่ต่อมาจากลมหายใจที่หอบลึกเล็กน้อยด้วยอาการตื่นเต้นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นลมหายใจสม่ำเสมอ
หลิงเวยหลับใหลไปในเวลาต่อมา
นางเหน็ดเหนื่อยกับงานแต่งงานที่รวบรัดและเหนื่อยมาตลอดสามวันที่ผ่านมาและยิ่งเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าที่ต้องนั่งเกี๊ยวเจ้าสาวมาจนตลอดทางกระทั่งถึงจวนของเจ้าบ่าวแห่งนี้
นางจึงหลับใหลไปอย่างง่ายดาย
นางหลับไปทั้งอย่างนั้น
ฟงชินหยางใช้เวลาอาบน้ำนานเหลือเกินในวันนี้ในแบบที่ไม่เคยเป็น เขาทำได้แค่หลับตาลงพร้อมเอียงใบหูอย่างต้องการฟังเสียงของคนนอกห้องอาบน้ำ เมื่อเขาได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมออย่างนั้นเขาจึงได้เวลาขึ้นจากถังอาบน้ำเขาอาบน้ำอยู่เป็นนานจนกล้ามเนื้อเย็นเยียบไปหมดหากนานกว่านี้เกรงว่าคงแข็งตายได้เลยกระมังชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอีกทีอย่างรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย ทำไมเขาต้องมาตกอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้กัน ห้องของเขาเดิมทีมันใหญ่มากแต่กลับคับแคบถนัดตาเมื่อมีสตรีตัวเล็กๆ นางนี้เข้ามา เขารู้สึกอึดอัดยิ่งนักแต่หากเขากับนางแยกเรือนกันนอนแล้วจะอธิบายกับทุกคนในจวนว่าอย่างไร เรื่องของเขากับนางที่ผิดพลาดมหันต์และสาเหตุเชิงลึกอันน่าอับอายเยี่ยงนี้ เขาจะให้ใครล่วงรู้มิได้ไม่ได้เด็ดขาด!บุรุษรูปร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องอาบน้ำด้วยอารมณ์ที่พยายามทำให้สงบลงแต่เหมือนว่ามันช่างยากเย็น ชายชาติทหารผู้องอาจอย่างเขาไยต้องมาแพ้ทางให้กับสตรีตัวเล็กๆ เยี่ยงนี้กัน หากเขาไม่เพลี่ยงพล้ำรังแกนาง เรื่องก็คงไม่เป็นอย่างนี้ หากเป็นบุรุษด้วยกันเขารับรองได้ว่าไม่มีทางได้กล้ำกลายเขาอย่างแน่นอน ฮึ! ยิ่งคิดก็ยิ่งเคืองฟงชินหยางพาเรื
เวลาใกล้รุ่งสางก่อนที่แสงตะวันจะโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา หลิงเวยค่อยๆ ปรือตาขึ้นเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงเคาะไม้ถึงห้าครั้งบ่งบอกเวลาได้เป็นอย่างดีหญิงสาวรีบเรียกสติของตนไม่ให้เสียเวลางัวเงีย นางตื่นลืมตาขึ้นมาช้าๆ แต่ทว่าพลันต้องชะงักเมื่อปะทะกับสายตามืดดำของใครบางคนใครคนนั้นนอนมองนางอยู่ด้วยสายตาดุดันใบหน้ามืดครึ้มใบหูแดงก่ำ เขาเปลือยแผงอกบึกบึนใหญ่โตช่วงบนลำตัวเขาไม่หนาวหรือไร ไยไม่ห่มผ้า?หลิงเวยมองคนตัวโตข้างกายอย่างกล้าๆ กลัวๆ เฉกเช่นดังเดิมพลางเอื้อมมือน้อยๆ ลงมาจับดึงผ้าห่มบนตัวของตนแล้วตวัดห่มให้เขาอย่างใจดี เพราะว่านางแย่งเตียงนอนของเขาและผ้าห่มของเขามาห่มอยู่คนเดียวฟงชินหยางตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์โกรธกรุ่นแสดงออกฉายชัดให้เห็นทางสีหน้า นางเป็นของเขาแล้วถึงแม้ว่าจะผิดวิธีก็ตาม และนางกับเขาก็แต่งงานกันแล้วอย่างถูกต้อง อีกทั้งเมื่อคืนยังเป็นคืนเข้าหอทำไมเขาถึงรู้สึกว่ากับเป็นบุรุษที่อับโชคเช่นนี้ไยอาภัพยิ่งนัก!เขาต้องนอนปวดเกร็งทั้งคืนด้วยเพราะว่ามีตัวนุ่มนิ่มมานอนข้างๆ ทั้งยังพ่นลมหายใจเป่าหูเขาตลอดคืนกระทั่งเช้าแล้วดูนางทำ นางยังจะเอื้อมมือมาห่มผ้าให้เขาจนหน้าอกนุ่มๆ ของนางเบียดเ
“ไม่เอา ปล่อยนะ” หลิงเวยที่ถูกจับตรึงข้อมือเอาไว้เหนือศีรษะทั้งยังถูกกดทับทั้งร่างทั้งตัวไม่เว้นแม้กระทั่งเรียวขาทำได้เพียงร้องห้ามและเบี่ยงใบหน้าซ้ายขวาไปมา นางกำลังรู้สึกร้อนผ่าวไปหมดแล้วในยามนี้ จมูกและริมฝีปากของเขาร้อนดั่งไฟ ฝ่ามือก็ร้อน ลำตัวก็ร้อน ทำนางร้อนตามไปหมดแล้ว“เจ้าเป็นเมียของข้าแล้ว ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ” บุรุษผู้มีนิสัยดิบเถื่อนอย่างฟงชินหยางมีหรือจะยอมเขาไม่จำเป็นต้องถนอมบุปผาเคลือบพิษ นั่นคือเหตุผลของการเอาแต่ใจกับภรรยาของตนเขายังคงก้มหน้าก้มตาลงกดจูบนางใต้ร่างไปตามข้างแก้ม ไปตามลำคอและติ่งหู ยิ่งนางเบี่ยงใบหน้าหลบเขาไปมาทำให้เขายิ่งฮึกเหิมตามสัญชาตญาณ“ข้าเป็นเมียท่านแล้วก็จริง แต่ยามนี้เช้าแล้ว”หลิงเวยพยายามหาเหตุผลห้ามปรามสามีผู้เอาแต่ใจด้วยใบหน้าแดงก่ำ ลำคอและใบหูก็เช่นเดียวกัน มันกำลังเห่อแดงร้อนแรงยิ่งกว่าผลอิงเถาและร้อนผ่าวไปหมดทั้งเรือนร่างที่ยามนี้ถูกชายเหนือร่างขึงตรึงตลอดทั้งลำตัวโดยเฉพาะท่อนขาเรียวเล็กของนางก็ถูกท่อนขาหนาหนักของเขากดทับจนจมที่นอน“เมื่อคืนมีโอกาสแล้วไยท่านไม่กระทำเสียเมื่อคืนเล่า” นางพยายามอ้างอย่างนั้น ในยามนี้ฟ้าสว่างจนเห็นใบหน้าเรือนร
“พี่ใหญ่!”เสียงหวานใสของดรุณีน้อยนางหนึ่งตะโกนอยู่หน้าห้องของเจ้าบ่าวเจ้าสาว“ท่านพ่อกับท่านแม่รอนานแล้วนะเจ้าคะ” สิ้นเสียงเอ่ยคำก็หัวเราะชอบใจที่ได้กลั่นแกล้งพี่ชายของตนฟงลี่หลินน้องสาวคนเล็กของบ้านมักมีนิสัยทโมนผิดสตรีด้วยกันเพราะว่าเติบโตมากับพี่ชายสองคนจึงชอบทำตัวบ้าบิ่นเกินพอดีจนฟงจินหมิงพี่ชายคนรองต้องเข้ามาห้ามปรามเสียงดัง“หยุดเดี๋ยวนี้นะน้องเล็ก!”“อะไรกันเล่าพี่รอง”“เจ้าไม่ควรรบกวนเวลาของพี่ใหญ่กับอาซ้อนะ”“หึ! เมื่อคืนเขาก็จัดการกันทั้งคืนแล้วกระมัง ไม่เป็นไรหรอก” ฟงลี่หลินเถียงฟงจินหมิงด้วยคำพูดเกินงามพลางเคาะประตูอีกคราแต่ทว่าฝ่ามือเรียวเล็กยังไม่ทันแตะต้องบานประตู เสียงผลัวะเปิดออกของประตูพลันดัง ตามด้วยบุรุษร่างสูงใหญ่เปลือยลำตัวช่วงบนเผยแผงอกบึกบึนกล้ามเนื้อหนั่นแน่นงดงามผสมผสานริ้วรอยแผลเป็นจากศึกสงครามของฟงชินหยางปรากฏกายพร้อมสายตาคมเข้มมืดดำอย่างต้องการฆ่าฟันน้องทั้งสองให้ตายตกฟงลี่หลินกับฟงจินหมิงถึงกับชะงักเล็กน้อยเสมองลำตัวใหญ่โตงามๆ ช่วงบนของพี่ชายด้วยสายตาทอประกายล้อเลียนก่อนจะรีบพากันหมุนตัววิ่งหนีพร้อมส่งเสียงหัวเราะชอบใจไปตามทางฟงชินหยางหรี่ตามองน้องชา
ฟงชินหยางยืนมองภรรยาหมาดๆ ของตนด้วยอาการคันยุบยิบตามเนื้อตัวอีกแล้วเขามองเห็นนางแต่งตัวทำผมอยู่ตรงมุมตู้เสื้อผ้าอย่างยากลำบากทำเขาถึงกับอดใจเอาไว้ไม่ไหวจำต้องเดินเข้าไปหานางอย่างหงุดหงิด“มานี่!” ฟงชินหยางคำรามเสียงดังหลิงเวยตกใจจนเนื้อกระตุกอีกคราก่อนเงยหน้าขึ้นมองคนตัวใหญ่ที่มายืนอยู่ตรงด้านหลังของนาง“ท่านจะทำสิ่งใด” หญิงสาวถามขึ้นอย่างหวาดหวั่นตัวเกร็งแข็งทื่อไม่กล้าขยับเมื่อชายหนุ่มด้านหลังจับผมของนางขยุ้มขึ้นไปแล้วดึงเส้นผมของนางไปมาจนนางเจ็บตึงตรงหนังศีรษะไปหมดแต่ไม่กล้าร้องออกมาฟงชินหยางเคยทำผมให้น้องสาวคนเล็กมาบ้างแล้วเมื่อครั้งที่นางออดอ้อนเขาให้ทำพร้อมปักปิ่นในยามนั้นฟงลี่หลินเอาแต่ร้องไห้กล่าวหาว่าเขากลั่นแกล้งนางแล้วก็วิ่งไปฟ้องท่านแม่ให้แก้ทรงผมให้เขาแน่ใจว่าเขาทำมันได้ดีแต่ที่ไม่เข้าใจไยต้องร้องไห้แล้วใส่ร้ายเขาจนถูกท่านแม่ตี!“เสร็จแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยคำเสียงเข้มพลางปล่อยมือหนาหนักจากทรงผมของภรรยาแล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำไปหลิงเวยได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของคนตัวโตพร้อมเอื้อมมือขึ้นจับทรงผมของตนที่บัดนี้ถูกรวบเอาไว้เป็นอย่างดีพร้อมปักปิ่นให้อีกด้วยอืม...แต่ทำไมนา
จวนอันใหญ่โตของตระกูลฟงมีเรือนมากมายทั้งยังมีอาณาบริเวณกว้างขวางระหว่างทางเดินของแต่ละเรือนประกอบไปด้วยสวนสวยรายรอบมีหินอ่อนทอดยาวคดเคี้ยวระหว่างเรือนและสวนที่มีสระบัวออกดอกชูช่องดงามตระการตาพาเอาจิตใจเบิกบาน...ฟงชินหยางเดินนำหน้าหลิงเวยมาตามทางเดินของเรือนต่างๆ ภายในจวนจนกระทั่งถึงเรือนใหญ่กลางจวนจึงหยุดเท้าก้าวเดินเพื่อรอคนตัวเล็กที่เดินนวยนาดนุ่มนวลเหลือเกินในยามปกติเขาเจอแต่พวกเดินฉับๆ ก้าวเท้าหนักๆ ของเหล่าลูกน้องในอาณัติไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี แต่กับภรรยาของเขานางนี้ทำให้เขาไม่ชินเอาเสียเลย ชายหนุ่มจึงต้องเดินให้ช้าลงแล้วหยุดเดินเพื่อยืนรอนางอยู่หลายก้าว เขาทำอย่างนั้นอยู่หลายคราจากเรือนหอของตนจนกระทั่งถึงหน้าเรือนกลางก่อนจะหันมามองนางด้วยสีหน้ามืดครึ้มสายตามืดดำไม่เปลี่ยนแปลงเขากำลังปรับอารมณ์ของตนเองเพื่อมิให้บิดามารดาจับผิดเขาได้ในเรื่องการแต่งงานที่ผิดพลาดนี้ เขายอมรับว่าไม่เคยต้องเสแสร้างแกล้งทำเรื่องใดมาก่อนนี่จึงนับว่าเป็นเรื่องแรกทั้งยังยากเย็นหนักหนาความผิดพลาดไหนเลยจักน่าอับอายเยี่ยงนี้!หลิงเวยที่กำลังเพลินเหลือเกินกับสภาพแวดล้อมของจวนแห่งนี้จำต้องหันหน้ามาม
ฟงชินหยางที่บัดนี้ได้พาภรรยามายืนอยู่ตรงหน้าทุกคนในครอบครัวแล้วจึงยืนนิ่งๆ สู้สายตาทุกผู้คนด้วยมาดเรียบเฉยสายตาคมกริบซ่อนแววหวาดหวั่นผิดกับหลิงเวยที่เริ่มสั่นสะพรึงขึ้นมาหญิงสาวหันหน้ามากระซิบกระซาบกับคนตัวโตข้างกายด้วยน้ำเสียงสั่นเทาเบาหวิว “ข้ายังไม่รู้นามของทุกคนเลย”“ซือหลาง ซินหรู จินหมิง ลี่หลิน ตามลำดับอาวุโส”“...”ฟงชินหยางกระซิบตอบรัวเร็วประหนึ่งว่าเอ่ยสั่งการทหารด้วยรหัสลับในสนามรบยามข้าศึกเข้าประชิดกระนั้นหลิงเวยได้ฟังคำจึงรีบคิดตามประหนึ่งว่าเป็นลูกน้องทหารของเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ นางจึงพยักหน้าน้อยๆ เข้าใจ“ข้าชื่อหลิงเวย” หญิงสาวคิดได้ว่ายังไม่รู้จักนามของสามีเพราะในพิธีแต่งงานเมื่อวานนางหูอื้อตาลายไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งนั้น นางจึงกระซิบแนะนำชื่อของตนอย่างรู้งาน“ข้าชินหยาง” ชายหนุ่มรู้งานยิ่งกว่ากระซิบกระซาบแนะนำตัวกลับไป“จะยืนกระซิบพร่ำคำรักกันอีกนานหรือไม่” เสียงหวานใสของฟงลี่หลินพลันดังมาจากกลางห้องโถงไกลออกไป “อะไรจะหวานกันปานนั้นเจ้าคะ” จบคำก็หัวเราะคิกคักชอบใจทำเอาบิดามารดาถึงกับต้องกระแอมไออยู่ในลำคอฟงชินหยางจึงเริ่มปฏิบัติการหลอกข้าศึกให้ตายใจโดยการเอื้อมฝ่าม
หลิงเวยเองก็รู้สึกไม่ต่างไปจากฟงชินหยางเพียงแต่นางกำลังรู้สึกผิดอย่างมหันต์และเริ่มตระหนักขึ้นมาหากว่าวันหนึ่งข้างหน้าบุรุษข้างกายของนางในยามนี้เกิดรักปักใจกับใครจนไม่อาจถอนใจแล้วเขาจักต้องทำอย่างไรนี่มิใช่ว่านางเป็นต้นเหตุให้บุรุษเช่นเขาหมดหนทางแห่งตนในภายภาคหน้าเลยหรือและบางทีเขาอาจจะมีสตรีในดวงใจอยู่แล้วก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้นมิใช่ว่านางมาเป็นมารหัวใจของเขาหรอกหรือไรหญิงสาวยิ่งคิดยิ่งหม่นแสงในชีวิตดวงตาเริ่มรื้นน้ำใสจนต้องรีบยกชายผ้าขึ้นมาปาดออกไปในทันที“เจ้าเป็นอะไรไปเวยเอ๋อร์ ปลื้มมากหรือไร” ฟงชินหยางถามหลิงเวยในฉับพลันด้วยรอยยิ้มตรงมุมปากพร้อมสายตาคาดคั้นซ่อนแววประชดประชันในที หลิงเวยรีบปรับอารมณ์ของตนแล้วตอบคำเสียงเบา “เจ้าค่ะ ข้ากำลังรู้สึกปลื้มใจยิ่งนัก ต้องขออภัยท่านทั้งสอง” นางตอบคำแก้ต่างพลางยกยิ้มงดงามส่งให้บิดาและมารดาของสามี“เรียกท่านพ่อท่านแม่” ฟงชินหยางก้มหน้าเข้าหาพลางเอ่ยกระซิบดุดันเสียงเบาใส่หูของหลิงเวยหญิงสาวรีบปรับคำพูดในทันทีก่อนจะถูกใครบางคนกินหูของนางเข้าไปทั้งใบ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าหลิงเวยของฝากตัวเจ้าค่ะ ข้าขอสัญญาว่าจะทำตัวดีๆ ว่านอนสอนง่าย เป็นส
ฟงชินหยางพาเรือนร่างสูงใหญ่มายืนตระหง่านอยู่ที่ลานกว้างของค่ายทหารในเวลาแค่เพียงไม่นานหลังจากที่เอ่ยสั่งการลงโทษนายทหารหน้าห้องที่บังอาจมายืนเรียกเขาเสียงดังจนทำภรรยาตกใจชายหนุ่มกวาดสายตาคมดำเย็นเยียบแผ่กลิ่นอายมืดครึ้มมองไปทั่วยังบุคคลทั้งหลายที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางลานกว้างที่ลานกว้างแห่งนี้มีทหารหลายนายยืนคุมเชิงอยู่โดยรอบ ในขณะที่ตรงกลางลานมีบุคคลแปลกหน้าในอาภรณ์แปลกตาอยู่ห้าคนที่ถูกจับมัดตรึงเสียแน่นให้นั่งเรียงรายในสภาพสะบักสะบอมเนื้อตัวฟกช้ำมีบาดแผลหลายแห่งร่องรอยคล้ายกับถูกพยัคฆ์กัดขย้ำฟงชินหยางหรี่ตาลงมองที่สองในห้ามีสตรีสองนางที่อยู่ในอาภรณ์บางเบาวาบหวิวกำลังนั่งตัวสั่นงันงกผิดกับเมื่อยามค่ำคืนที่พยายามเหลือเกินกับการยั่วเย้ายั่วยวน และหนึ่งในสตรีสองนางนี้ยังบังอาจใส่ยาปลุกกำหนัดในเหล้าของเขานอกจากนั้นยังมีบุรุษหนุ่มคนหนึ่งนั่งคุกเข่าไกลออกไปจากห้าคนที่ถูกจับมัดเป็นห่อนึ่ง บุรุษผู้นั้นมีรอยบากของแผลเป็นพาดเฉียงจากหว่างคิ้วลากมาถึงสันกรามข้างขวาฟงชินหยางกระตุกยิ้มบางเบาตรงมุมปากไร้ใครสังเกตนั่นมันน้องรองที่ปลอมตัวมามิใช่หรือไร?“เรียนท่านแม่ทัพ” เสียงของทหารนายหนึ่งที่ม
เพลายามรุ่งสางใกล้สว่างมาเยือน...เสียงกระเส่าแหบพร่ายังคงครวญครางแว่วหวานอยู่ใต้ร่างใหญ่หนาของฟงชินหยางเป็นรอบที่เท่าไหร่มิอาจนับ จนกระทั่งนางใต้ร่างหลับลึกไปแล้วชายหนุ่มจึงก้มหน้าลงจรดจมูกคมสันกับไรผมชื้นเหงื่อของนางและแตะไล้เรียวปากเบาๆ สลับหนักๆ ไปตามหน้าผากกลมมนที่มีหยดน้ำพร่างพราวอยู่เต็มวงหน้าของนางก่อนพลิกกายใหญ่หนาลงนอนเคียงข้างนางพลางตวัดวงแขนล่ำสันโอบกอดกระชับนางเอาไว้อย่างแนบแน่น ถึงแม้ว่าหลิงเวยจะหลับใหลไปแล้วแบบไม่รู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อยามค่ำคืนจนกระทั่งยามนี้แต่ฟงชินหยางก็ยังคงเป็นสามีที่ดีทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพื่อชดเชยช่วงเวลาห้าปีที่ห่างหายไป เขาจะทำนางให้สะใจให้หายคิดถึงกันไปเลย แต่ทว่ายิ่งทำก็ยิ่งคึกทำจนหยุดทำไม่ได้ สภาพของภรรยาจึงเป็นอย่างที่เห็น นางคล้ายกับร่างกายขาดน้ำสลบไสลไปเลยทีเดียวเขาควรให้น้ำนางอีก น้ำของเขาช่างมีเหลือเฟือชายหนุ่มก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมแขนที่กำลังหลับตาพริ้มเหงื่อกาฬไหลเยิ้มริมฝีปากบวมเป่งตามลำตัวขาวนวลมีริ้วรอยฝากรักสีแดงเป็นจ้ำเล็กจ้ำน้อยอย่างถ้วนทั่ว ในขณะที่แผงอกและแผ่นหลังของฝ่ายชายหนุ่มเองก็มีรอยขีดข่วนจากเล็บงามๆ ข
"องค์ชายทรงรู้ว่าหมายถึงสิ่งใด"ฟงลี่หลินเดินตามมาพลางกระซิบกระซาบฝ่าความมืดมิดด้วยเพราะเกรงว่าใครจะได้ยิน “เอามา...”นางกำลังปลอมตัวอยู่นะ มันสำคัญยิ่ง! ฉีเล่อนึกขันเสียจริงกับสตรีข้างกายที่กำลังส่งสายตาเรียวคมสวยเฉียบฟาดใส่เขาอยู่ตลอดเวลา "ข้าไม่รู้ว่าคือสิ่งใด" "องค์ชาย..." ฟงลี่หลินลากเสียงยาวเย็นเยียบอารมณ์เดือดปุดๆ "เอาแผลเป็นของข้าคืนมา" นางกล่าวพลางก้มมองที่ฝ่ามือใหญ่หนาของบุรุษหน้าตายตรงหน้า"..."ฉีเล่อหมดคำพูดกับสตรีแปลกประหลาด นางถูกจับได้ว่าปลอมตัวมาแต่นางยังคงมึนได้ใจ ไยไม่รีบแก้ตัวแล้วหลบหนีไป น่าชังจริง!"หากอยากได้คืน เจ้าแค่บอกกล่าวแก่ข้า" ฉีเล่อเริ่มหว่านล้อมสตรีตรงหน้าที่กำลังก้มหน้ามองฝ่ามือของเขาจนเขาต้องเอาฝ่ามือหลบเอาไว้ที่ด้านหลังทั้งยังกำแผลเป็นของนางเอาไว้แน่นไม่ยอมคืนให้นางง่ายๆ "ข้าไม่มีอะไรจะบอกแก่ท่าน" ฟงลี่หลินขมวดคิ้วขัดใจ นางเตรียมมาแค่เพียงอันเดียว ยังปลอมตัวไม่ทันพ้นคืนเลยมันทำยากด้วยนะ ไยเขาถึงถือวิสาสะลอกมันออกจากใบหน้าของนาง น่าชังนัก!องค์ชายแห่งแคว้นเป่ยฉีเริ่มหรี่ตามองสตรีของแคว้นเฉินที่แปลกคนเหลือเกินในยามนี้แล้วเอ่ยเสียงต่ำใส่หน้านาง "เ
รอบแรกหลังจากที่ห่างหายกันไปเนิ่นนานปีทั้งยังมีตัวยาปลุกเร้ารุนแรงเยี่ยงนี้ การเล้าโลมเคล้าคลึงจึงไม่จำเป็น หากมัวซุกไซร้เห็นทีว่าภรรยาคงโกรธา เขาจึงไม่เสียเวลามารยารีบปรนเปรอนางในทันทีหลิงเวยถึงกับร้องครางออกมาบ่งบอกถึงความสุขสมเมื่อฟงชินหยางจับท่อนของขานางแยกออกแล้วยกสะโพกของนางให้เข้าที่เพื่อสะโพกของเขากระชับเข้าหา ท่อนกายแกร่งร้อนผ่าวสอดใส่เข้ามาในเนื้อนูนนุ่มชื้นที่กำลังเรียกร้องอย่างไม่มีชักช้า เขาไม่อยากให้นางทรมานมากไปกว่านี้ เพราะว่าเขาเองคล้ายกับจะทรมานยิ่งกว่าหากไม่ทำตามใจนาง "ชินหยาง..." เสียงหวานครางกระเส่าเรียกชื่อบุรุษเหนือร่างทำเอาฟงชินหยางต้องรีบก้มหน้าลงมากดจูบนางในทันทีเขานาบริมฝีปากลากไล้อย่างเร่าร้อนขณะที่กลางลำตัวยังคงควบนางมิให้ขาดช่วงไม่ให้หลุดร่วงออกจากกลางกายนางชายหนุ่มรับรู้ได้ว่านางต้องการเขามากมายปานใดสังเกตได้จากวงแขนเรียวเล็กที่โอบรัด ฝ่ามือนุ่มนิ่มที่ปัดป่าย เรียวนิ้วที่จับตรึงกดจิกไปทั่วเนื้อแน่นของเขาพรุ่งนี้เขาคงต้องให้นางทำแผลเลยทีเดียวนางเสียวกระทั่งเขายังเสียวตาม เรียวขางามๆ ของนางอีกเป็นไร ตวัดรัดรึงรอบเอวของเขาเลยเชียว หากเขาเอวเคล็
ยามค่ำคืนของราตรีกาลอันยาวนาน…ถึงแม้จะมีเสียงของเกือกม้าวิ่งกระทบพื้นอย่างเร็วจนเกิดเสียงดังอื้ออึงอยู่ในใบหูพร้อมกับสายลมรุนแรงโหมเข้าปะทะใบหน้าเสียดสีรุนแรงกับสองข้างแก้มนวลแต่ทว่าหลิงเวยกลับไม่รับรู้ถึงมัน นางกำลังรู้สึกใจสั่นแบบแปลกๆ ตั้งแต่นางดื่มเหล้าจอกแรกจนกระทั่งจอกที่สาม ก่อนหน้านี้นางยังคงมีสติครบถ้วนดูแลฟงชินหยางได้เป็นอย่างดีแต่ทว่าเพียงไม่นานนางก็เริ่มร้อนรุ่มขึ้นมา นางเริ่มครองสติของตนเองเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป นางกำลังรู้สึกล่องลอย สมองของนางคล้ายกับขาวโพลนนางกำลังรู้สึกแบบว่าอยากได้สัมผัสบางอย่าง นางกำลังมีอาการบางอย่าง มันเหมือนกับเมื่อครั้งแรกที่เจอกับฟงชินหยาง ที่โรงเตี๊ยมอี้ฉาง ที่เตียงนอนในห้องพักของเขาในที่ที่มีเพียงสองเรา อา...ความรู้สึกนี้....ฟงชินหยางก้มหน้ามองหลิงเวยมาตลอดทางที่บังคับม้าควบตะบึงมา ก่อนหน้านี้ที่จวนของชินอ๋องหลิงเวยยังคงมีสติปกติดีอยู่มาก แต่แล้วเขาเริ่มรับรู้ได้ว่าร่างบางในอ้อมแขนมีอาการที่เปลี่ยนไป นางกำลังมีอารมณ์บางอย่างหลังจากดื่มเหล้าของเขาเข้าไป นางเริ่มเหม่อมอง เนื้อตัวสั่นเทา ดวงตาหยาดเยิ้ม ฝ่ามือน้อยๆ ยามนี้ปัดป่ายเนื้อตัวของเขา
ฟงลี่หลินที่เริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงเริ่มช่วยตนเองโดยการควานหาน้ำจากบนโต๊ะตรงหน้าไม่ว่าจะเป็นชาเป็นเหล้าเป็นอะไรก็ได้ในยามนี้ นางใกล้ตายเต็มที องค์ชายผู้นี้นั่งบื้ออยู่ได้!เมื่อฝ่ามือเรียวสวยคว้ากาเหล้าเอาไว้ได้แล้วจึงไม่มีการรีรอนางรีบยกขึ้นมาหมายดื่มมันทั้งกาแต่ทว่าฝ่ามือใหญ่หนากลับตีเข้ามาดังเพียะ“...!?”กาเหล้าทั้งกาถึงกับตกกระเด็นไปบนพื้นน้ำเหล้ากระฉอกหกออกหมดไม่มีเหลือ ฟงลี่หลินยิ่งถลึงตาเบิกกว้าง นางใกล้ตายแล้วนะ ไยองค์ชายตรงหน้าถึงทำอย่างนี้ นางช่วยเขาเอาไว้เมื่อครู่นี้มิใช่หรือไร เจ้าองค์ชายบ้า! เจ้าคนชั่วช้าไม่สำนึกบุญคุณ!หญิงสาวด่าเจ้าของตักแกร่งด้วยใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเรียวสวยตวัดความคมเฉี่ยวฟาดใส่ไม่มียั้งโดยไม่มีสรรพเสียงอันใดทั้งสิ้น เพราะขนมติดคออยู่แต่ทว่าชายหนุ่มผู้ถูกด่ากลับเข้าใจมันได้ไม่ยาก หากแต่ในเหล้านั้นอาจจะมียาพิษมิใช่หรือไร สาวงามก่อนหน้าพยายามทำสิ่งใดนางเองก็เห็น ไยไม่คิดให้ดี! ทั้งสองเถียงกันไปมาอย่างรู้ใจรู้ความนัยทางสายตาได้อย่างไม่น่าเชื่ออึดใจฉีเล่อจึงจับกระชับร่างบางบนตักให้นั่งตัวตรงก่อนจะเอื้อมฝ่ามือของเขาขึ้นมาแล้วตบแผ่นหลังให้นางเบาๆ เป็นจั
ข่าวจากทางบ้านบอกว่านางเป็นสะใภ้ที่ดีดูแลบิดามารดาแทนเขา ดูแลน้องๆ แทนเขา เป็นทั้งมารดาและบิดาให้ลูกๆ ทั้งสองเป็นอย่างดี ทำเขาเบาใจอยู่ไม่น้อยแต่ที่ทำให้เขาหนักใจไม่เบาก็คือยามค่ำคืนที่นางเอาแต่นอนร้องไห้แล้วหลับไปทั้งน้ำตากับกองจดหมายของเขาที่นางกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อยการศึกที่กินเวลายาวนานเช่นนี้เขาย่อมชาชินเพราะว่ามันเป็นเยี่ยงนี้มาตลอดกับหน้าที่ทหารชาญศึกเช่นเขา แต่ทว่ากับนางคงเป็นเรื่องยากอยู่ไม่น้อยฟงชินหยางนั่งมองหลิงเวยอย่างเหม่อลอยและลืมตัว ความนุ่มนวลเนิบช้าของนางกำลังครอบงำเขาเหมือนที่เคยเป็นมา ในยามนี้นางจักทำอะไรเขายอมทั้งนั้น เขาพร้อมตามใจนาง หากนางจะปลอมตัวทำเป็นไม่รู้จักกัน เขาย่อมคล้อยตามนางไม่อาจขัดใจ หากแต่คืนนี้นางต้องยอมเป็นสาวงามอุ่นเตียง ให้เขาได้นอนกอดซุกซบกับอกนุ่มๆ ของนางให้หายคิดถึง ชายหนุ่มคิดไปคิดมายังคงวกวนอยู่กับการหมายมาดที่จะกลืนกินภรรยาที่ห่างหายกันไปนานถึงห้าปี ไม่ว่านางจะปลอมตัวเป็นใคร เขาย่อมต้องจับนางมานอนใต้ร่างกระทั่งให้นางนอนบนร่างของเขาให้ฟ้าเหลือง ฟงชินหยางนั่งมองหลิงเวยด้วยความคิดที่มิได้อยู่สุข อึดใจฝ่ามือกรุ่นร้อนจึงเริ่มซุกซน เขา
ค่ำคืนของงานเลี้ยงต้อนรับเดินทางมาถึงเวลายามดึกมากแล้ว เฉินจิ้นเหอจึงเอ่ยปากกับฟงชินหยางให้อยู่ต้อนรับขับสู้องค์ชายฉีเล่อตามลำดับที่ได้จัดสรรเอาไว้ก่อนหน้าแล้วเป็นอย่างดีโดยขุนนางฝ่ายพิธีการมากฝีมือของที่นี่ที่มักจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับบุคคลสำคัญต่างแคว้นมาแต่ไหนแต่ไร เฉินจิ้นเหอกล่าวคำปราศรัยกับฉีเล่ออีกหลายประโยคก่อนจะชักชวนพระชายาของตนให้ลุกขึ้นแล้วพาเรือนกายสูงค่าเดินหายตัวไปในเวลาต่อมาฟงชินหยางรวมทั้งฉีเล่อจึงลุกขึ้นยืนทำความเคารพผู้สูงศักดิ์ทั้งสองตามด้วยข้าราชบริพานทั้งหลายยืนขึ้นแล้วค้อมกายน้อมส่งเจ้าแห่งหัวเมืองจนคล้อยหลังไป ถึงแม้ว่าเจ้าของวังอันยิ่งใหญ่จะเดินหายไปแล้วแต่งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปได้ตามปกติโดยที่ใครใคร่อยู่ต่อพึงได้อยู่ ใครที่ใคร่จะกลับบ้านพึงกลับบ้านไป มิใช่เรื่องแปลกใหม่อันใดจินเยว่ชิงยังคงหรี่ตามองไปทางฟงชินหยางกับสตรีอัปลักษณ์ด้านข้างของเขา นางเห็นฟงชินหยางนั่งนิ่งๆ คล้ายกับไม่สนใจนำพาใดๆ กับสตรีนางนั้น ในขณะที่สตรีนางนั้นกำลังนั่งก้มหน้างุดๆ คล้ายอับอายไม่กล้าทำอันใดมากไปกว่าการรินเหล้าแล้วส่งให้เขา แต่เขากลับมิได้สนใจจอกเหล้านั่นเลยแม้แต่น้อยทั้
ภายในงานเลี้ยงต้อนรับอันยาวนานแห่งค่ำคืนของรัตติกาลเพลานี้ฟงลี่หลินยังคงนั่งนิ่งๆ ไม่ไหวติงไปทางใด นางกำลังนั่งมองอาหารหน้าตาน่าทานบนโต๊ะตรงหน้าอย่างนึกชมชอบมันขึ้นมา ระยะเวลาห้าปีมานี้นางมักจะอยู่กับพี่สะใภ้ตลอดเวลา พี่สะใภ้มักจะชอบเข้าครัวทำขนมทำอาหารด้วยตนเองอยู่เสมอเพื่อดูแลคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อท่านแม่พี่รองตัวนางเองและหลานชายทั้งสองทั้งนี้ยังมีสาวใช้นามเสี่ยวชุ่ยที่มักจะชมชอบการกินเป็นชีวิตจิตใจไม่ว่าอะไรเข้าปากของเสี่ยวชุ่ยความสุขโดยรอบพลันบังเกิดแผ่ขยายวงกว้างมาถึงนาง หลานชายทั้งสองของนางก็ไม่ต่าง ทำให้นางนึกชมชอบการกินไปด้วย นางติดนิสัยของเสี่ยวชุ่ยมาไม่น้อย อืม...วันนี้นางยังมิได้กินข้าวเย็นเลย เริ่มหิวเสียแล้ว...เสียงหวานใสพลันเอ่ยเมื่อเริ่มทนไม่ไหวกับจานขนมที่หน้าตาน่าทานเหลือเกินบนโต๊ะตรงหน้า "องค์ชายเพคะ"เสียงนั้นของฟงลี่หลินทำเอาบุรุษหนุ่มรูปงามนามฉีเล่อต้องปรายสายตาคมเข้มดำขลับลงมอง "ท่านรับหรือไม่?" หญิงสาวกล่าวพลางชี้นิ้วไปที่ขนมหน้าตาน่าทานจานหนึ่งพร้อมปรายสายตาเรียวสวยโฉบเฉี่ยวขัดกับรอยแผลเป็นบนใบหน้าจ้องมองขนมสลับกับองค์ชายข้างกายฉีเล่อเลิกคิ