แองเจลีนไม่ตอบสนองโจเซฟินสะดุ้งด้วยความวิตกกังวล คลำหาสวิตช์ไฟในขณะที่สั่นสะท้านในความมืดเมื่อแสงไฟส่องมาที่เตียง โจเซฟีนก็สังเกตเห็นว่าเครื่องนอนสีขาวและผ้าปูที่นอนแดงก่ำไปด้วยเลือด ไหลเป็นดอกบัวโลหิตแบบหย่อม ๆ โจเซฟินส่งเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนก “โอ้พระเจ้า พี่แองเจลีน”เมื่อเกรย์สันและเซย์นพุ่งเข้ามาและเห็นแองเจลีนหมดสติหลังจากที่กัดข้อมือตัวเอง ชายวัยผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็ตกใจมากจนพวกเขายืนอยู่ด้วยความสับสนโจเซฟินตะคอกพวกเขา “ทำอะไรกันอยู่? รีบส่งแองเจลีนไปที่โรงพยาบาลสิ”เกรย์สันและเซย์นรีบส่งตัวแองเจลีนไปยังแกรนด์ เอเซียอย่างฉุกละหุก ในเวลานั้น ความคิดของเขาแทบจะว่างเปล่า พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรเลย ดังนั้น โจเซฟินจึงสั่งการพวกเขาทุก ๆ ขั้นตอนของวิธีการจนกระทั่งบรรดาแพทย์พาแองเจลีนแองเจลีนกลับมามีชีวิตได้จึงทำให้วิญญาณของเซย์นและเกรย์สันกลับคืนสู่ร่าง ทั้งสองนอนแผละอยู่บนทางเดินของโรงพยาบาลแกรนด์ เอเซียด้วยความกลัวที่อ้อยอิ่งแองเจลีนลืมตาที่งุนงงขึ้นทีละเล็กทีละน้อย โจเซฟินกำลังนั่งอยู่ต่อหน้าเธอพร้อมกับร้องไห้บ่นพึมพำว่า “พี้แองเจลีน ตอนนี้ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากอยู่อี
จากนั้น แองเจลีนก็ย้อนกลับเข้าไปสู่โลกของเธอเองเป็นเวลานานมากเมื่อไหร่ก็ตามที่ใครคุยกับเธอ เธอเพียงแต่จำหน้าที่เป็นผู้ฟังโดยไม่ตอบโต้ใด ๆ เมื่อคุณท่านปู่อาเรสได้ทราบถึงอาการของแองเจลีน เขาก็มาที่ห้องผู้ป่วยด้วยตัวเองและพูดกับแองเจลีนว่า “โอ้ แองเจลีน ฉันเพิ่งจะรู้ว่าเธอชอบเจย์มากแค่ไหน ที่ฉันมาในวันนี้ก็เพื่อบอกกับเธอว่าเจย์อาจจะไม่ตาย รถถังที่ฉันส่งให้เขาในวันนั้นถูกทดสอบโดยฝนกระสุนหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน หรือการที่มันไม่สามารถถูกเจาะทะลุได้โดยอาวุธชีวภาพหรือเคมี ฉันเชื่อว่าไฟนั่นไม่สามารถทำลายรถถังได้”หลังจากที่หยุดไปครั้งหนึ่ง เขาก็แนะนำอย่างเอาจริงเอาจังและพูดว่า “เพราะฉะนั้น แองเจลีน เธอต้องรักตัวเองและบริหารแกรนด์ เอเซียให้ดี ถ้าวันหนึ่งเจย์กลับมา เธอต้องแสดงด้านที่สวยงามที่สุดของโลกใบนี้ให้กับเขา”เป็นที่น่าเสียดาย แองเจลีนไม่ตอบโต้แม้กระทั่งหลังจากที่คุณท่านปู่อาเรสพูดเป็นเวลานานหมอพูดว่า “ถ้านายหญิงเซเวียร์ไม่สามารถคลี่คลายจากความโศกเศร้าและความสิ้นหวังในเวลาอันสั้นได้ ผมเกรงว่าเธอจะเดินกลับไปสู่เส้นทางเดียวกันกับคุณท่านปู่เซเวียร์และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคจิตใจและก
สิ่งนี้ทำให้เกิดผลกระทบที่ต่อเนื่อง!ผู้ถือหุ้นบางคนเสนอข้อสังเกตทั่วไปบางประการด้วยความหวังว่าคนอื่น ๆ จะเกิดความคิดเห็นที่มีคุณค่ามากขึ้น ในขณะที่คนอื่น ๆ กลับสร้างความลำบากให้กับเกรย์สันเกรย์สันรู้ว่าหุ้นที่กลุ่มคนเหล่านี้ถือนั้นน้อยเป็นอย่างมาก ควบคู่กับการกดขี่ของท่านประธานอาเรสมานานหลายปี การมีตัวตนในแกรนด์ เอเซียของพวกเขาใกล้จะถึงศูนย์แล้วในตอนนี้ การที่ท่านประธานอาเรสจากไปอย่างน่าเสียดายและประธานคนใหม่ก็ยังไม่แผลงฤทธิ์ พวกเขาจึงกำลังคว้าโอกาสนี้เพื่อระบายความคับข้องใจที่อัดอั้นในหัวใจของพวกเขาออกมาเกรย์สันก็เงียบไปเขาไม่อยากมีเรื่องกับผู้ถือหุ้นในตอนนี้ที่แกรนด์ เอเซียมีปัญหาเพราะสิ่งนี่จะลดอิทธิพลทางสาธารณะของแกรนด์ เอเซียลงอย่างมากอย่างไรก็ตาม ยิ่งเกรย์สันยังเงียบ ผู้ถือหุ้นก็ยิ่งเห็นว่าเขาเห็นเขาเป็นเป้าหมายที่ง่าย ในตอนนี้การที่ไม่มีใครหนุนหลังเกรย์สันอีกต่อไปแล้ว เขาก็ดูจะเสียความเย่อหยิ่งที่เคยมีครั้งหนึ่งไป“เกรย์สัน คุณต้องรีบคิดหาทางแก้ไขสำหรับทุกคนนะ”“ใช่แล้ว ถ้าทีมผู้นำแกรนด์ เอเซียในปัจจุบันไม่มีความสามารถ เราคิดจะตัดสินใจไหมว่าพวกเขาควรจะถูกแทนที่หรือ
เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าแองเจลียยังสาวมากแค่ไหน บรรดาผู้ถือหุ้นก็ตั้งสติและตัดสินใจที่จะดูว่าประธานหญิงคนนี้มีความสามารถและโดดเด่นขนาดนั้นจริง ๆ หรือไม่ถ้าไม่ พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะทำให้เธอขายหน้า“ใครที่เสนอความคิดที่ย่ำแย่ให้ขายแกรนด์ เอเซียคะ?” แองเจลีนนั่งลงบนเก้าอี้หมุนของประธานและไขว้ขา จ้องไปยังพวกเขาอย่างวางตัวด้วยสายตาที่เย็นชาทุก ๆ ถ้อยคำและท่าทางของเธอแบกรับเงาของเจย์บรรดาผู้ถือหุ้นสับสนเป็นอย่างมาก ประธานคนก่อนไปหาตัวผู้หญิงแบบนั้นมากจากที่ไหน? เธอมีแนวทางเดียวกันกับเขา ไม่มีใครจะรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของพวกเขาบรรดาผู้ถือหุ้นไม่กล้าตอบอย่างผลีผลามเกรย์สันชี้ไปยังผู้ถือหุ้นคนนั้นที่ออกเสียงมากที่สุดก่อนหน้านี้ “เขาคนนั้นครับ นายหญิงเซเวียร์”แองเจลีนเหลือบมองผ่าน ๆ ไปยังผู้หถือหุ้นคนนั้น สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและดูถูกขณะที่เธอพูดด้วยท่าทีที่วางมาดและเย่อหยิ่งว่า “ชดเชยให้เขาและไล่เขาออกไปจากแกรนด์ เอเซียซะ เกรย์สัน”ผู้ถือหุ้นที่กล่าวนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ท้อถอยเช่นกัน “หืม ในตอนนี้การที่นายท่านอาเรสได้จากไป ใครจะรู้ล่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแกรนด์ เอเซียใ
เมื่อเกรย์สันเดินผ่านเซย์น เขาก็เอยถามขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ “เกิดอะไรขึ้นครับ? นายหญิงเซเวียร์หายจากอาการทางจิตแล้วเหรอครับ?”เซย์นเหลือบมองแองเจลีนที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าเขาอย่างรู้สึกผิด เขาเอามือป้องปากไว้ แล้วพูดว่า “เมื่อวานฉันอยู่ที่ตึกคนไข้ร้องไห้คร่ำครวญว่าเธอป่วยหนักมากขึ้น ฉันครุ่นคิดอยู่ว่าจะส่งเธอไปที่โรงพยาบาลจิตเวชเพื่อรับการรักษา แต่จู่ ๆ เธอก็กลับมาบ้าคลั่งตอนได้ยินที่ฉันพูด เธอกระโดดขึ้นจากเตียงมาทุบตีฉันแรงมากเลย เธอถึงกับอ้างว่าเธอไม่ได้ป่วยทางจิต แล้วเมื่อเช้านี้ เธอเพิ่งฟื้นขึ้นมาหายเป็นปกติอย่างแปลกประหลาดมาก”เกรย์สันกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “หมายความว่านายหญิงก้าวออกมาจากความหมองหม่นและยอมรับการจากไปของท่านประธานอาเรสแล้วใช่ไหมครับ?”เซย์นลูบคางของเขา ดูเหมือนกำลังมองโลกในแง่ร้ายมาก “ก็นะ เธอไม่ได้ปิดกั้นตัวเองจากโลกแล้ว แต่ฉันสงสัยว่าอาการป่วยทางจิตของเธอหายแล้วได้ยังไง แค่ดูการแต่งหน้าที่เธอแต่ง มันเหมือนกับจานสีที่เปลี่ยนใบหน้าที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาของเธอให้ดูไม่บริสุทธิ์อีกแล้วน่ะสิ ทำให้ดูดุร้ายยิ่งกว่านางพญาเสือโคร่งซะอีก แล้วก็แค่ดูท่าทางอวดดีของ
เธอเป็นเหมือนจักรพรรดินีที่ยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์มองไปยังประชาชนของเธออย่างหยิ่งยโส“คุณได้ดื่มน้ำแห่งลีธีแล้วหรือยัง เจย์บี้? ได้ข้ามสะพานไปยมโลกหรือยัง? คุณจะยังจำฉันได้อยู่ไหม?”“ฉันขอโทษ ฉันยังไปกับคุณไม่ได้ ฉันต้องอยู่ที่นี่และทำสิ่งที่คุณได้เริ่มไว้ให้เสร็จและตามหาลูกชายของเรา ฉันยังต้องการอยู่ที่นี่และรอการกลับมาของคุณ”ลมกระโชกแรงขึ้นมาจากพื้นดิน ขจัดเสียงกรอบแกรบของฤดูใบไม้ร่วงและต้อนรับความหนาวเย็นอันโหดร้ายของฤดูหนาวเช่นเดียวกับฤดูหนาว แองเจลีนก็ยิ่งรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเธอเฝ้ารอด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมและไร้ความปรานี เธอจึงได้บังคับให้ตระกูลไททัส ตระกูลเบล ตระกูลอาเรสและตระกูลเซเวียร์ ยอมจำนนอย่างรวดเร็วไม่กี่ปีต่อมาณ หมู่บ้านชาวประมงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเก็บหอยแมลงภู่น้ำจืดอยู่ที่ริมแม่น้ำ โดยมีเด็กวัย 4 ขวบอยู่บนหลังของเธอ ผู้หญิงหลายคนเยาะเย้ยเธอและพูดว่า “นั่นเธอหนิ ผู้หญิงที่พาผู้ชายป่าเถื่อนกลับมาด้วยเมื่อสองสามปีก่อนและแต่งงานกับเขา ฉันได้ยินมาว่าผู้ชายคนนั้นได้พาผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในสภาพผักกลับมาด้วยนะ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เธอไม่เพียงแต
ชายคนนั้นยืดหลังตรงแล้วพูดว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ฉันจะออกไปข้างนอกและมองหาเอง มันต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ฉันทำได้แน่นอน”ขณะที่มาริลีนและผู้ชายของเธอกำลังอับจนหนทาง กลุ่มคนในหมู่บ้านกลุ่มแรกที่ออกไปหาเลี้ยงชีพนอกหมู่บ้านก็กลับมาพวกเขาสวมเสื้อผ้าดูดีและพูดได้อย่างคล่องแคล่วในขณะที่พวกเขาบอกเล่าเรื่องราวและรายละเอียดที่มีชีวิตชีวาแก่เพื่อนร่วมหมู่บ้านของพวกเขาเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของโลกภายนอกมาริลีนได้ยินพวกผู้ชายพูดกันว่าการหาเงินจากที่นั่นทำได้ง่ายมากขนาดไหน ตราบใดที่คน ๆ หนึ่งตั้งใจทำงานหนัก คน ๆ นั้นก็จะหาเงินได้หลายพันเหรียญต่อเดือนได้อย่างง่ายดายเมื่อมาริลีนกลับมาถึงบ้าน เธอพูดกับผู้ชายของเธอว่า “ที่รัก เบรตต์จากหมู่บ้านเราไปที่เมืองอิมพีเรียลมาหนึ่งปี แล้วก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเลยนะหลังจากได้กลับมา พวกเขาบอกว่าการหาเงินจากที่นั่นนั้นง่ายมาก เราควรจะออกไปข้างนอกและลองเสี่ยงโชคกับพวกเขาดูไหม? บางทีเราอาจทำเงินได้เยอะมากและคุณก็จะได้ช่วยรักษาคนที่ช่วยชีวิตคุณไว้ แล้วก็ยังจ่ายค่าเล่าเรียนของไทเกอร์ได้ด้วยนะ คุณคิดว่ายังไง?”มีร่องรอยความสงสัยในดวง
เขาเป็นคนที่เงียบมาก เป็นชายที่มีคำพูดอันแสนน้อยนิดคนในหมู่บ้านเอยถามเขา “นายชื่ออะไร?”เขาตอบอย่างแผ่วเบา “ฉันจำไม่ได้น่ะ เรียกฉันว่า เบ็น ก็แล้วกัน!”ชายในหมู่บ้านต่างก็มีชื่อว่า ร็อบ บ็อบ และอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนเป็นชื่อเล่นที่ง่ายต่อการจดจำ“นายทำอะไรได้บ้าง?”ชายคนนั้นส่ายหน้า “ฉันไม่รู้”คนในหมู่บ้านเผยสีหน้าที่ดูกถูกดูแคลน“นายมันก็แค่ไอ้รูปหล่อ” มีใครบางคนพ่นคำพวกนี้ใส่เขาเขาจ้องไปที่ชายคนนั้นอย่างดุดัน จนทำให้เขาตกใจกลัวหลังจากสองวันหนึ่งคืนบนรถไฟ พวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองอิมพีเรียลในที่สุดคนในหมู่บ้านต่างก็ไม่สนใจเขาและทิ้งเขาไว้ให้หาทางด้วยตัวเองที่สถานีหลังจากลงมาจากรถไฟแล้วเขามองไปยังเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ผู้คนเบียดเสียดและการจราจรที่ติดขัด ภาพเหล่านี้เหมือนจะทำให้เขาเกิดภาพเดจาวูขึ้นมาในตอนนั้นเอง คนในหมู่บ้านคนหนึ่งหันหลังกลับมาและคว้ามือของเขาไว้ พร้อมกับพูดว่า “เร็วเข้าเบ็น อย่าให้สแตน ฮิทเชนส์และคนอื่น ๆ ทิ้งนายไว้ข้างหลังเชียว นายจะกลายเป็นขอทานถ้านายหางานไม่ได้นะ”เขาเดินตามคนในหมู่บ้านไปและตามอยู่นานพอสมควรก่อนจะไปถึงเพิงก่อสร้างที่แสนสกปรกเมื
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ