ด้วยที่ไม่มีรถเป็นของตัวเอง โจเซฟินจึงทำได้แค่เรียกรถไปยังอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนเธอยืนอยู่ที่สี่แยกเพื่อเรียกแท็กซี่หลังจากที่ขึ้นรถ จู่ ๆ ใครบางคนก็เข้าหาเธอจากด้านหลังรถและดึงประตูเปิดออก พวกเขาเข้ามานั่งข้าง ๆ โจเซฟินโจเซฟินจ้องเซนด้วยสายตาที่งุนงง “นายกำลังสะกดรอยตามฉันใช่ไหม เซย์น เซเวียร์?”เซย์นปากแข็ง “ใคร ใคร ใครกำลังตามเธองั้นเหรอ?”เขาจ้องเรือนร่างที่โค้งเว้าและสายตาที่ดูถูกของโจเซฟินก่อนที่จะกลืนน้ำลาย คำพูดที่เขาพูดตรงข้ามกับความคิดในหัวของเขาอย่างสิ้นเชิง “ใครอยากที่สะกดรอยตามผู้หญิงหน้าอกแบนแบบเธอกันล่ะ?”โจเซฟีนเงื้อหมัดและเริ่มต่อยเซย์น “ฉันคัพดีย่ะ! สายตาดูถูกที่นายมองฉันนี่มันอะไรกัน?”“คัพดีงั้นเหรอ?” เซย์นถามอย่างสงสัย “ฉันว่ามากสุดก็คัพซีนะ”คนขับแท็กซี่เริ่มไม่สบายใจ “อะแฮ่ม อะแฮ่ม พวกคุณสองคนจะไปที่ไหนครับ?”“อสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนค่ะ”“เอมิเนนต์ ลิมิตเต็ดครับ”โจเซฟินจ้องเซย์น “เป็นสุภาพบุรุษหน่อย สุภาพสตรีมาก่อน”เซย์นชักสีหน้าและอ้อนวอน “แต่ฉันรีบ เราไปที่เอมิเนนต์ก่อนไม่ได้เหรอ?”โจเซฟินยอม “ก็ได้”รถคันนั้นเลี้ยวกลับไปทางเอมิเนนต์ ลิม
เซย์นยังคงเดินต่อโดยไม่พูดอะไรจากนั้นโจเซฟินก็หนีเซย์นเร่งฝีเท้าในตอนที่เธอวิ่งออกไปโจเซฟินเริ่มน้ำตาคลอเบ้า “นายพยายามจะทำอะไรน่ะ เซย์น? หยุดนะ นายกำลังทำให้ฉันกลัวนะ”บางทีอาจจะเป็นเพราะความใจร้อนที่ทำให้โจเซฟินบังเอิญเตะเข้าที่ขอบเตียงในขณะที่เธอกำลังหนี ทำให้เธอล้มลงบนเตียงเซย์นกระโจนเข้าหาเธอ มือที่กำลังมาจากด้านหลังกำลังตัดสายรัดบนผ้าปูที่นอน“นายกำลังจะทำอะไร? นายบ้าไปแล้วรึไง เซย์น?” โจเซฟินถีบและสู้กลับน้ำตาที่ไม่เคยไหลก็เริ่มไหลออกจากดวงตาที่แดงก่ำของเซย์นหลังจากที่มัดมือทั้งสองของโจเซฟีน ในที่สุดเข้าก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเซย์นจุดบุหรี่และสูดฟืดใหญ่ พ่นควันออกมาจนมันเต้นรำอยู่ในอากาศ น้ำเสียงของเขากำลังอ้อนวอนในตอนที่เขาหันไปมองโจเซฟินที่ยังคงถีบต่อ“ใจเย็นหน่อยสิ โจเซฟิน ฉันมีบางอย่างที่จำเป็นต้องบอกเธอ”โจเซฟินใจเย็นไม่ได้ ความกลัวกำลังทำให้เธอเสียสติ“แก้มัดฉัน ไม่งั้นนายก็ลืมเรื่องคุยกันไปได้เลย”“ถ้าเธอไม่ฟังฉันนะ โจเซฟิน ฉันคงจะไม่มีทางเลือกนอกจากมัดขาของเธอและใช้เทปปิดปากเธอไว้”ความหวาดกลัวที่เธอรู้สึกทำให้โจเซฟีนพูดไม่ออกแม้สายตาที่เย้ายวนค
เซย์นพูดไม่ออก “ฉันสบายดี”โจเซฟินพูดต่อ “ผู้ป่วยทางจิตส่วนใหญ่ก็จะพูดว่าพวกเขาสบายดีเหมือนกัน นายมาถึงจุดที่ประสาทหลอนทางหูแล้ว มากกว่านี้นายคงจะฆ่าตัวตาย”เซย์น “...”เพื่อที่จะหยุดโจเซฟินจากการเห็นเขาเป็นผู้ป่วยทางจิต เซย์นจำเป็นต้องเล่นไม้แข็งกับเธอ“โจเซฟิน เธอเคยได้ยินเรื่องโศกนาฏกรรมของหมู่บ้านจันทร์สว่างไหม?”โจเซฟินส่ายหน้าใบหน้าที่งดงามของเธอมีท่าทีที่ตกใจ “นายเจอเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจอะไรมารึเปล่าเนี่ย? นายป่วยเกินจุดของการรักษาแล้วนะ”โจเซฟินเกือบจะร้องไห้เซย์นเริ่มพึมพำกับตัวเองอย่างหมดความอดทน “อ่า ใช่สิ ฉันลืมไปว่าเธอยุ่งอยู่กับการแสดงเป็นตัวประกอบพักหลังมานี้ เธออาจจะยุ่งเกินไปที่จะสนใจเรื่องของโลกภายนอก”โจเซฟินตกตะลึงและสวนกลับด้วยความขุ่นเคืองในทันที “ฉันเป็นตัวละครประกอบก็แล้วไงล่ะ? ฉันภูมิใจในงานของฉัน”โจเซฟินเคยชินกับการดูถูกของคนอื่นและการที่พวกเขากลอกตาใส่เธอ เพราะเธอถูกหลายคนดูถูกนับตั้งแต่ที่เธอเริ่มการแสดงอย่างไรก็ตามมันเจ็บปวดเมื่อเซย์นคือคนที่กำลังทำมันอยู่เซย์นขอโทษ “ฉันควรจะเรียบเรียงมันให้ดีกว่านี้ ฉันไม่ได้ดูถูกเธอนะ”ท่าทีของโจเซฟิน
โจเซฟินงุนงงเธอตกตะลึงในขณะที่สมองของเธอว่างเปล่า เธอตกใจมากเกินกว่าจะตอบสนองอยู่พักใหญ่เซย์นโบกมือต่อหน้าเธอ แต่โจเซฟินดูไม่ตอบสนองด้วยเช่นกันเซย์เอื้อมมือเพื่อที่จะหยิกติ่งหูของเธออย่างแรง ความเจ็บปวดนี้ทำให้สติของโจเซฟินกลับมาสู่ปัจจุบันเธอจ้องเซย์นอย่างเหม่อลอย “แล้วพี่ชายของฉันล่ะ?”เจย์ อาเรสมักจะเป็นเสาหลักแห่งความหวังสำหรับตระกูลอาเรส ในการเผชิญหน้ากับเคราะห์ร้ายเช่นนี้ มันคงจะสมเหตุสมผลที่เขาเป็นคนแรกที่โจเซฟีนคิดถึงเซย์นตอบกลับว่า “เขากลับไปที่อสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนในตอนนี้เพื่อเขาจะได้มั่นใจว่าแองเจลีนและลูก ๆ ทั้งสามของเขาจะได้รับการดูแล เขาลาออกเพื่อร่วมชะตากรรมของตระกูลอาเรสพร้อมกับท่านอาวุโสและคนอื่น ๆ”โจเซฟินหน้าซีด เจย์ต้องหมดทางเลือกจริง ๆ ที่จะสร้างหนทางให้พี่แองเจลีนและลูก ๆ ทั้งสามหนีไป“งั้น… มหันภัยนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่?” โจเซฟินภาวนาและหวังว่าวันนั้นจะมาในภายหลังเซย์นหัวเสีย “สัญลักษณ์แห่งความตาย D13 ปรากฏขึ้นบนหอคอยหนึ่งของสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนแล้ว 13 หมายถึงเส้นตาย และมันคือ 4 วันจากตอนนี้”โจเซฟินตาค้าง…เสียงกรีดร้องของหัวใจที่บีบคั้
โจเซฟินห่วงแองเจลีนมากกว่า เพราะเธอคงจะอยู่ด้วยความโศกเศร้าที่เธอควรจะรู้ความจริงเบื้องหลังความโหดเหี้ยมของเจย์กับเธอ แองเจลีนมักจะเป็นคนที่ดื้อรั้นที่จะมอบให้ใจในนามของความรักในท้ายที่สุด“นายต้องบอกพี่แองเจลีนนะ เซย์น” น้ำตาของความโกรธเป็นประกายในสายตาที่ว่างเปล่าของโจเซฟินเซย์นตอบกลับว่า “ด้วยความอัจริยะที่เขาเป็น พี่ชายของเธอได้พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อบังคับให้แองเจลีนทิ้งเขาไป เธอรู้ไหมว่ามันทำให้เขาเจ็บปวดข้างในมากแค่ไหนในตอนที่แองเจลีนเข้าใจเขาผิด? เราเรียกเขาว่าเลือดเย็น แต่ฉันมองดูเขาร้องไห้เหมือนกับว่ามันคือทุกอย่างที่เขาได้รู้ ฉันมองสายตาที่เย็นชาเปลี่ยนเป็นสีเลือดพร้อมกับเส้นเลือดที่เหมือนกับดอกลิลลี่แมงมุมที่บานสะพรั่งในดวงตาขาวของเขา แม้แต่ผู้ชายอย่างฉันก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เขาต้องเจอ เธอกล้าที่จะโยนงานหนักทั้งหมดนั่นให้สูญเปล่างั้นเหรอ? เพราะว่าฉันทำไม่ได้”โจเซฟินรู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นติดอยู่ที่ลำคอของเธอ “ฉันจะไม่รู้ได้ยังไงว่าพี่ชายของฉันรักพี่แองเจลีนมากแค่ไหน? พี่แองเจลีนคือสิ่งเดียวที่เขาประคับประคองอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาอายุ 18 เขามีประวัติที่ยอดเย
เซย์นตัวสั่น บางทีเขาอาจจะพูดเกินไป“มันเป็นการท้องนอกมดลูก” เจย์บอกเขาเซย์นพูดไม่ออก“โอ้”เจย์ไม่เคยโหดเหี้ยม ไม่ใช่ในตอนที่ชายคนนั้นเลือกที่จะปิดบังความจริงเบื้องหลังการปกป้องแองเจลีนเซย์นรู้สึกบีบค้นหัวใจ “โง่เอ๊ย”เจย์ดูเหมือนจะปกป้องแองเจลีนมากเกินไป แม้ว่าการที่เธอเป็นแม่ของลูก ๆ สามคน เขายังคงเห็นเธอเป็นสาวน้อยที่ต้องการเขาอยู่เสมอเซย์นเดินเข้าไปหาแองเจลีนและโคล บังคับตัวเองระหว่างทั้งคู่“เฮ้ แองเจลีน ทำไมเธอถึงไม่เลือกที่ที่ดีกว่านี้ในการออกเดทล่ะ? ดูสิว่ามีคนอยู่ที่นี่มากแค่ไหน เธอไม่อายรึไง?”โคลยิ้มอย่างเฉิดฉาย “แน่นอนครับ ผมจะทำให้มั่นใจว่าเลือกที่ที่ดีกว่านี้ในคราวหน้า อาจจะใต้ดวงจันทร์และดวงดาวดีไหมครับ?”เซย์น “...”เซย์นรู้สึกเหมือนกับท่าดีทีเหลว“นายช่วยเลิกใช้เวลาอยู่กับน้องสาวของฉันสักสองสามวันได้ไหม โคล? เธอค่อนข้างจะยุ่งเล็กน้อย...”เซย์นเพียงหวังว่าเจย์จะจากโลกนี้ไปอย่างมีความสุข“ฉันไม่ได้ยุ่ง” แองเจลีนแทรกการโกหกของเขาเซย์นตาค้าง“อย่าลืมสิ แองเจลีน เธอคือผู้หญิงที่หย่าแล้วพร้อมกับลูก ๆ สามคน การมองหาผู้ชายไม่ใช่ปัญหาเธอคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
ทันใดนั้นเอง โคลก็เอื้อมมือไปจับมือที่เย็นเฉียบและเล็กของแองเจลีน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเธอ “อย่ากังวลไปเลยแองเจลีน ผมสัญญาว่า ผมจะคอยดูแลลูก ๆ ของคูณ เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นลูกของผมเอง”เซย์นหยิบช้อนมาและเคาะที่หลังมือของโคล “ปล่อยน้องสาวฉันเลย นายคิดว่านายกำลังทำอะไร กำลังแสดงความรักในที่สาธารณะตอนกลางวันแสก ๆ แบบนี้งั้นเหรอ?”โคลดึงมือของเขากลับมาและยิ้มอย่างสง่างามราวกับสุภาพบุรุษ “ครอบครัวของคุณหัวโบราณขนาดไหนเหรอครับ?”เซย์นตอบ “นายลองบอกฉันมาสิ นามสกุลของพวกเราคือ เซเวียร์ เพราะฉะนั้นฉันมั่นใจว่านายจะสามารถนึกได้ว่าครอบครัวพวกเรามีคุณค่าอยู่ในระดับไหน นายจะต้องผ่านการทดสอบหลายด่านก่อนที่จะได้แต่งงาน ถ้านายต้องการไล่ตามน้องสาวของฉัน ความบริสุทธิ์ก็หนึ่งอย่างแล้ว แล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือการห้ามไม่ให้จับมือหรือจูบ แต่ฉันคิดว่านายสามารถส่งจูบให้กันได้ถ้านายต้องการนะ”โคลตั้งใจฟังและบันทึกไว้อย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ลืมแองเจลีนชื่นชมท่าทีของเซย์นอย่างเงียบ ๆเธอประหลาดใจมากว่า เซย์นผู้ที่ชอบทำความผิดและแหกกฎอย่างไร้ยางอาย สามารถคิดเรื่องเช่นความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงานขึ้นมาได้อ
ไม่สามารถที่จะโทษใครได้เลย นอกจากโชคชะตา“เฮ้อ ช่างมันเถอะ เราจะคุยกันวันหลัง”เซย์นรีบไปที่โต๊ะของพนักงานเสิร์ฟอาหาร แล้วสั่งอาหารแบบห่อกลับบ้าน เมื่อได้อาหารห่อกลับแล้ว เขาก็รีบตรงออกไปข้างนอกทันทีหลังจากออกมาจากร้านอาหารแล้ว เขาเดินมาที่ทางแยกที่พลุกพล่าน เขาไม่พบเจย์ อาเรสที่ไหนเลยแท้ที่จริงแล้ว ชายผู้นั้นนั่งอยู่บนรถหรูนอกร้านอาหาร เมื่อถอดแว่นกันแดดออก เจย์ก็จ้องมองไปที่ประตูร้านอาหารโคลและแองเจลีนได้เดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งคู่“ให้ผมไปส่งคุณกลับนะ แองเจลีน” โคลพูดอย่างสุภาพแต่กระนั้น เขาก็โดนแองเจลีนปฏิเสธ “ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ แต่ฉันอยากใช้เวลาอยู่คนเดียวสักพัก”แล้วแองเจลีนก็หันหลังเดินจากไป ความร่าเริงในดวงตาของเธอถูกชะล้างไปด้วยความเหงาในทันทีโคลสาวเท้าก้าวไปข้างหน้าแล้วกอดเธอจากข้างหลัง“ผมอยากแต่งงานกับคุณ แองเจลีน อยู่กับผมนะ ทิ้งอดีตไปซะ แล้วเริ่มต้นใหม่กับผม ขอร้องล่ะได้ไหม?ม่านตาของเจย์หรี่ลง พร้อมกำปั้นของเขาที่กำแน่นขึ้นอย่างไรก็ตาม ความร้อนรนของเขาก็สงบลงอย่างรวดเร็วและหมัดของเขาก็คลายออกเขาเป็นคนเลือกที่จะปล่อยเธอไปเอง ไม่ใช่เหรอ?
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ