เธออยากจะไปจากเจย์ ด้วยความคิดที่รุนแรงเช่นนี้ เธอจึงเดินโซเซและวิ่งออกจากสวนบันทึกรักอย่างไรก็ตาม เพราะเธอใช้แรงมากเกินไป เธอได้ใช้พลังงานที่สำรองไว้ในร่างกายจนหมด ในที่สุด เธอก็ล้มลงที่ประตูสวนและลุกขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้รถสปอร์ตของโคล ยอร์คบังเอิญผ่านสวนบันทึกรัก เมื่อเห็นแองเจลีนฟุบอยู่บนพื้น เขาก็กระโดดลงจากรถ“แองเจลีน”“โคล พาฉันไปที ได้โปรด”เมื่อเจย์ไล่ตามเธอ เขาก็ได้ยินแองเจลีนร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายอีกคนด้วยน้ำเสียงที่หมดหนทางเขารู้สึกปวดใจโคลยื่นมือออกไปปละกอดแองเจลีนในตอนที่เจย์ปรณามอย่างรุนแรงในทันที “หยุดนะ”เขาเอาชนะขาที่แข็งทื่อของเขาและวิ่งเข้าไป เขาอยากที่จะพาแองเจลีนกลับบ้านใครจะรู้ว่าในตอนที่แองเจลีนเห็นเขา เธอจะรู้สึกกลัวมากและไม่สบายใจราวกับว่าเธอเพิ่งจะเห็นปีศาจร้าย เธอบีบมือของโคลแน่นและอ้อนวอนเข้าว่า “โคล พาฉันไปจากที่นี่ที”โคลมองเจย์ด้วยความสงสัย การเยาะเย้ยอย่างเย็นชาค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันสูงส่งและอ่อนโยนของเขาจากนั้น เขาก็อุ้มแองเจลีนขึ้นและเดินไปที่รถ“แองเจลีน!” เจย์คำรามเหมือนกับสิงโต“เขาไม่ใช่คนดี” เจย์เตือนเธอความเย้ยหยัน
แองเจลีนหยุดโจเซฟินอย่างอ่อนแอ “โจเซฟิน อย่าทำให้มันยุ่งยากสำหรับเขา เขากำลังช่วยฉัน”ในตอนนั้นโจเซฟินก็หยุดชกโคลและเชิญเขาเข้าไปในบ้านอย่างสงสัย“เข้ามาสิ”โคลวางแองเจลีนลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง เหลือบมองไปที่ที่แคบ ๆ เขาขมวดคิ้วและอดไม่ได้ที่จะเยาะเยาะเย้ยโจเซฟิน “อาศัยอยู่ในที่เล็ก ๆ แบบนี้ คุณเป็นหอยทากหรือไง?”โจเซฟินกลอกตาอย่างโหดเหี้ยมโคลตกใจมากกับสายตาที่เฉียบคมจนเขาแทบจะเป็นลมเล็กน้อยทำไมผู้หญิงที่เกี่ยวข้องกับเจย์ถึงรังแกเขาเหมือนเป็นแมวป่วยให้ทุก ๆ ครั้งที่เจอล่ะ?ความเหินห่างที่น่าจับใจของเจย์ก็เหมือนกับโคลนถล่มในแนวโน้มของชีวิตของการเสพสุรา ดูเหมือนว่าสาว ๆ ที่เขาพร่ำสอนคงจะไม่สนใจเขาอีกแล้ว ชายผู้มีเงินเป็นกอง“นายช่วยออกไปตอนนี้ได้ไหม?” โจเซย์ฟินเริ่มสั่งให้เขาบอกลาเพื่อที่จะกำจัดเขาโคลตกใจเล็กน้อยโจเซฟินพูดอีกครั้งว่า “ฉันอยากจะช่วยพี่แองเจลีนเปลี่ยนเสื้อผ้า และอย่างที่นายเห็น ไม่มีที่ว่างให้ปิดบังเราจากการมองเห็นของนายในบ้านหอยทากนี้ได้”โคออกไปอย่างขายหน้าทันทีที่เท้าหน้าของเขาเดินออกไป เขาก็ได้ยินเสียงประตูกำลังถูกล็อคสีหน้าของโคลดูน่าเกลียดราวกับว
สวนบันทึกรักเจย์มองบริษัทขนย้ายย้ายของของเขาด้วยท่าทีที่เฉยเมยขณะที่เขานั่งอยู่กลางห้องนั่งเล่นพนักงานของบริษัทขนย้ายจะเข้ามาแจกแจงกับเขาในบางครั้งเมื่อพวกเขาเจอบางอย่างที่พวกเขาไม่เข้าใจ “ท่านประธานอาเรสครับ ของใช้ในชีวิตประจำวันต้องย้ายออกไปด้วยไหมครับ?”“กระถางดอกไม้ในร่มต้องย้ายด้วยไหมครับ?”เจย์พูดว่า “ย้ายทุกอย่างที่เป็นของฉันออกจากบ้านหลังนี้”เขาอยากจะทิ้งสวนบันทึกรักให้กับแองเจลีน เนื่องจากแองเจลีนเกลียดเขามาก ถ้าเธอเห็นของของเขา เธอคงจะ… เจย์ส่ายหน้าและยิ้มอย่างข่มขื่น เขาไม่กล้าที่จะคิดถึงสีหน้าที่เกลียดชังของแองเจลีนเมื่อสวนบันทึกรักว่างเปล่า มันราวกับว่าไม่มีใครเคยอยู่ที่นี่ร่องรอยของเจย์ได้หายไปจากนั้นบริษัทขนย้ายก็ได้นำรถขนเฟอร์นิเจอร์จำนวนหนึ่งไปยังอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนรถโรลส์-รอยซ์ของเจย์ก็ปรากฏขึ้นที่ประตูของอสังหาริมทรัพย์ในหนึ่งชั่วโมงต่อมาคุณท่านปู่อาเรสทราบถึงข่าวของการกลับมาของเจย์ สีหน้าของเขาที่มักจะไม่เปลี่ยนแม้ว่าในตอนที่ภูเขาเอฟเวอร์เรสถล่ม ได้แตกสลายเป็นชิ้น ๆ ในทันทีด้วยความสิ้นหวังที่ไม่เต็มใจ“เจย์ ทำไมนายต้องทนทุกข์กับสิ่งนี้?”เจ
“แองเจลีน ฉันขอโทษ” เขาขอโทษอย่างเงียบ ๆ ในใจของเขา“เจย์บี้ผิดสัญญา”“เรามาถึงจุดนี้จริง ๆ แต่ฉันก็ยังไม่กล้าที่จะพาเธอไปกับฉัน”“เธอพูดถูก ถ้าการแต่งงานคือโซ่ตรวนและกรงที่ทำให้ผู้คนอึดอัดแล้ว ทำไมเราถึงไม่ปล่อยกันไปและอยู่อย่างสงบล่ะ?เจย์เงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ส่งเสียงเรียกว่า “ฟินน์”ฟินน์โค้งคำนับต่อหน้าเขา “ท่านประธานอาเรส”“เอาสัญญาการหย่าร้างมาให้ฉัน”ใบหน้าของฟินนเริ่มซีด “ท่านประธานอาเรส นายหญิงเซเวียร์จะไม่หย่ากับคุณ ทำไมคุณต้องทำแบบนี้?”มีน้ำชั้นบาง ๆ สะท้อนอยู่ในดวงตาของเจย์ “ฉันได้ผูกมัดเธอไว้กับฉันกว่าครึ่งชีวิตและมันได้ทำให้เธอเจ็บปวดมากว่าความหอมหวาน ฉันไม่สามารถเห็นแก่ตัวที่จะไม่ให้เธอมีทางรอดไปจนตายได้”ฟินน์ยืนนิ่งแองเจลีนไม่รู้ว่าท่านประธานอาเรสรักเธอมากแค่ไหน แต่เขารู้ท่านประธานอาเรสกำลังใช้เวลาที่เหลือที่เขามีในชีวิตเพื่อสร้างปราสาทที่แข็งแกร่งให้กับเธอเพื่อที่เธอจะไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารหรือเสื้อผ้าและร่ำรวยไปจนเธอแก่เฒ่า ทั้งทางวัตถุและจิตวิญญาณกลอุบายอันขมขื่นของท่านประธานอาเรสอาจจะทำให้แองเจลีนเกลียดเขาอย่างสุดซึ้ง ถ้าหากท่านประธานอาเรส
เจย์ไม่รอช้าที่จะรับโทรศัพท์บนโต๊ะกาแฟ แต่เมื่อเขาเห็นเบอร์โทรศัพท์ของเซย์นแสดงบนหน้าจอ จากนั้นเจย์ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายด้วยเหตุผลบางอย่างทันทีที่เขารับโทรศัพท์ เขาก็ได้ยินเซย์นร้องไห้อย่างหวาดกลัว “ประธานอาเรส ฉันขอโทษ! ฉันทำร็อบบี้น้อยหาย”เจย์กำมือแน่นอย่างกะทันหัน นิ้วของเขาแทบจะจิกลงในเคสโทรศัพท์ นิ้วของเขาเป็นสีเลือดขณะที่เขากำลังใช้แรงอย่างมหาศาล“มันเกิดขึ้นได้ยังไง?” เจย์ไม่สามารถข่มเสียงสั่นไว้ได้ขณะที่โทษตัวเอง เซย์นบอกกับเจย์ถึงเรื่องการถูกลักพาตัวของร็อบบี้น้อย ในที่สุดเขาก็ร้องไห้และขอโทษว่า “ฉันขอโทษนะ ประธานอาเรส ฉันพยายามอย่างดีที่สุดแล้วจริง ๆ ฉันเดินทางไปทั่วถนนของประเทศเอสในหลายวันมานี้ แต่ก็ไม่เจอร็อบบี้น้อย”เมื่อฟังผ่านน้ำเสียงที่เหนื่อยล้าและเหือดแห้งของเซย์น มันจึงรู้สึกเป็นไปได้ที่จะนึกภาพเขาก้ม ๆ มอง ๆ ไปทั่วในขณะที่ตามหาร็อบบี้น้อยท่ามกลางถนนที่ว่างเปล่า มันช่างหมดหนทางและน่าหวาดกลัวเจย์ถาม “ชายลึกลับคนหนึ่งงั้นเหรอ?”“ใช่ มันเป็นผู้ชายตัวสูงมากพร้อมกับทักษะการต่อสู้ที่เหลือเชื่อ เขาทำให้เลือดอวัยวะภายในของสตอร์มฉีกขาดและเลือดออกด้วยหมัดวายุ สตอร์มย
ด้วยความเมาอย่างเต็มที่เขายังคงเงียบและอดทนขณะที่โจเซฟินยังคงทุบหน้าอกของเขาต่อโจเซฟินทรุดตัวลงกับพื้นและจ้องไปในอากาศอย่างว่างเปล่าด้วยความเหนื่อยล้าและน้ำตาที่เหือดแห้ง“โจซี่!” เซย์นส่งเสียงเรียกเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างไรก็ตาม โจเซฟินดึงเทปกาวสองหน้าออกมาเพื่อปิดปากของเขาเท่านั้นจากนั้นเธอยืนข้าง ๆ หัวเตียง เธอจ้องลงมาที่เซย์น เซเวียร์เหมือนกับนักล่าที่เจอเหยื่อ“เซย์น เซเวียร์ ไอ้คนสารเลว” เธอถุยน้ำลาย“นายทำลายชีวิตของฉัน ฉันจะตกหลุมรักนายไม่ได้อีกแล้วเพราะนายทำให้ฉันดูแย่สำหรับคนอื่น ฉันควรจะทำอะไรดีล่ะตอนนี้?”โจเซฟินหันหลัง ยิ่งรู้สึกท้อแท้ในตอนที่เธอบ่น ดึงไวน์อีกขวดจากตู้เก็บไวน์ เธอเปิดมันออกและดื่มจากขวดโดยตรงชีวิตของโจเซฟินถลำลึกกับแอลกอฮอล์มากเกินไปโดยที่เธอไม่รู้ตัวบางที่มันอาจจะเป็นคำคืนที่โดดเดี่ยวนับไม่ถ้วนที่มีแค่แอลกอฮอล์เท่านั้นที่ขจัดอาการนอนไม่หลับของเธอได้ ช้า ๆ แต่แน่นอน โจเซฟินกลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตด้วยแอลกอฮอล์ขวดแล้วขวดเล่าที่โจเซฟินกลืนมันลงไป ด้วยความหวังว่าแอลกอฮอล์จะขับความขุ่นเคืองที่เธอรู้สึกออกไป อนิจ
เซย์นยืนขึ้น อาการปวดในกระดูกของเขาทำให้เขาประหลาดใจเมื่อพับแขนเสื้อ เขาก็พบว่าหน้าแขนของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและรอยข่วนยาว ซึ่งน่าจะมาจากเล็บของใครบางคนเซย์นจ้องที่โจเซฟินอย่างสงสัย “เธอถอดมันออกจากฉันในตอนที่ฉันเมาใช่ไหม?”เจเซฟินรู้สึกผิดเล็กน้อย “อย่ามาโทษฉันในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำสิ นายเป็นคนที่ไปในบาร์และถูกหัวหน้าใหญ่ซ้อมเพราะไม่จ่ายเงิน ฉันเป็นคนดีที่พานายกลับนะ”“งั้น แล้วรอยข่วนนี้ล่ะ?” สายตาของเซย์นจ้องไปที่เล็บยาว ๆ ของโจเซฟินโจเซฟินแอบมองไปที่รอยข่วนยาว เธอไม่รู้ว่าบาดแผลที่น่าตกใจนั่นถูกทิ้งไว้ในตอนที่เธอทำร้ายเขาเมื่อคืน หรือตอนที่เขากลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอย่างแรง“ฉันอาจจะเผลอข่วนนายตอนที่ฉันลากนายกลับแหละ” โจเซฟีนกล่าวเซย์นเกาหัวตัวเอง “เธอลากฉันกลับมางั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงจำอะไรไม่ได้เลย?”“ก็นายหมดสติ”เมื่อนึกถึงเหตุผลว่าทำไมเขาไปที่บาร์เพื่อดื่มกับตัวเองอย่างโง่ ๆ ตั้งแต่แรก สีหน้าของเซย์นก็เริ่มเคร่งขรึม“โจเซฟิน ฉันทำร็อบบี้หาย”ไม่จำเป็นต้องซ่อนความรู้สึกต่อหน้าเธอเขาใช้มือจับไปที่ผมของเธอขณะที่น้ำตาที่ใจสลายไหลลงมาจากหัวตาของเขาโจเซฟินตอบกลับว่า “ฉ
โจเซฟินมองทะลุท่าทีที่ตื่นตระหนกของเซย์นด้วยสายตาอันเฉียบคมเพียง ชายคนนี้ไม่เคยโกหกแม้ว่ามันจะทำให้เขาเสียชีวิต ความถี่ของการกระพริบตาเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ครั้งที่เขาโกหก“เซย์น!”เซย์นที่มือจับอยู่ที่ลูกบิดประตูแล้ว หยุดและหันหลังในตอนที่โจเซฟินเรียกเขาโจเซฟินเดินเข้ามาพร้อมกอดอกอย่างสบาย ๆ เธอบิดหูของเซย์นโดยไม่ทันตั้งตัว เธอกำลังโกรธขณะที่สั่งว่า “บอกความจริงกับฉันมา พี่ชายของฉันเจอกับปัญหาอะไรอยู่?”เซย์นสะอื้นด้วยความเจ็บปวด “ฉันจะรู้ได้ยังไง? มันพี่ของเธอนะ”“พี่ชายของฉันเลิกกับพี่แองเจลีน จากนั้นก็บังคับให้เธอทำแท้ง ทำไมนายถึงยกโทษให้กับวิธีที่โหดร้ายของเขาล่ะ?” โจเซฟินตะโกนอย่างเดือดดาลแม้ว่จะไม่เข้าใจว่าทำไมเจย์ถึงทำแท้งแองเจลีน เซย์นก็เชื่อว่าเจย์ อาเรสคงจะทำแบบนั้นด้วยเหตุผลที่ดี สำหรับเจย์ที่ให้ค่าชีวิตของแองเจลีนมากกว่าอะไร แม้แต่ชีวิตของเขาเองความสงสัยของโจเซฟินเพิ่มขึ้นขณะที่เธออ่านความเข้าใจในตัวเจย์ของเซย์นจากสีหน้าของเขา “นายมักจะหาโอกาสทำร้ายพี่ชายของฉันเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาแสดงสัญญาณของการทารุนพี่แองเจลีนแม้เพียงนิดเดียวก็ตาม แต่นายก็ดูสบายดีมากในตอนนี้แม้ในต
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ