“แองเจลีน ฉันขอโทษ” เขาขอโทษอย่างเงียบ ๆ ในใจของเขา“เจย์บี้ผิดสัญญา”“เรามาถึงจุดนี้จริง ๆ แต่ฉันก็ยังไม่กล้าที่จะพาเธอไปกับฉัน”“เธอพูดถูก ถ้าการแต่งงานคือโซ่ตรวนและกรงที่ทำให้ผู้คนอึดอัดแล้ว ทำไมเราถึงไม่ปล่อยกันไปและอยู่อย่างสงบล่ะ?เจย์เงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ส่งเสียงเรียกว่า “ฟินน์”ฟินน์โค้งคำนับต่อหน้าเขา “ท่านประธานอาเรส”“เอาสัญญาการหย่าร้างมาให้ฉัน”ใบหน้าของฟินนเริ่มซีด “ท่านประธานอาเรส นายหญิงเซเวียร์จะไม่หย่ากับคุณ ทำไมคุณต้องทำแบบนี้?”มีน้ำชั้นบาง ๆ สะท้อนอยู่ในดวงตาของเจย์ “ฉันได้ผูกมัดเธอไว้กับฉันกว่าครึ่งชีวิตและมันได้ทำให้เธอเจ็บปวดมากว่าความหอมหวาน ฉันไม่สามารถเห็นแก่ตัวที่จะไม่ให้เธอมีทางรอดไปจนตายได้”ฟินน์ยืนนิ่งแองเจลีนไม่รู้ว่าท่านประธานอาเรสรักเธอมากแค่ไหน แต่เขารู้ท่านประธานอาเรสกำลังใช้เวลาที่เหลือที่เขามีในชีวิตเพื่อสร้างปราสาทที่แข็งแกร่งให้กับเธอเพื่อที่เธอจะไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารหรือเสื้อผ้าและร่ำรวยไปจนเธอแก่เฒ่า ทั้งทางวัตถุและจิตวิญญาณกลอุบายอันขมขื่นของท่านประธานอาเรสอาจจะทำให้แองเจลีนเกลียดเขาอย่างสุดซึ้ง ถ้าหากท่านประธานอาเรส
เจย์ไม่รอช้าที่จะรับโทรศัพท์บนโต๊ะกาแฟ แต่เมื่อเขาเห็นเบอร์โทรศัพท์ของเซย์นแสดงบนหน้าจอ จากนั้นเจย์ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายด้วยเหตุผลบางอย่างทันทีที่เขารับโทรศัพท์ เขาก็ได้ยินเซย์นร้องไห้อย่างหวาดกลัว “ประธานอาเรส ฉันขอโทษ! ฉันทำร็อบบี้น้อยหาย”เจย์กำมือแน่นอย่างกะทันหัน นิ้วของเขาแทบจะจิกลงในเคสโทรศัพท์ นิ้วของเขาเป็นสีเลือดขณะที่เขากำลังใช้แรงอย่างมหาศาล“มันเกิดขึ้นได้ยังไง?” เจย์ไม่สามารถข่มเสียงสั่นไว้ได้ขณะที่โทษตัวเอง เซย์นบอกกับเจย์ถึงเรื่องการถูกลักพาตัวของร็อบบี้น้อย ในที่สุดเขาก็ร้องไห้และขอโทษว่า “ฉันขอโทษนะ ประธานอาเรส ฉันพยายามอย่างดีที่สุดแล้วจริง ๆ ฉันเดินทางไปทั่วถนนของประเทศเอสในหลายวันมานี้ แต่ก็ไม่เจอร็อบบี้น้อย”เมื่อฟังผ่านน้ำเสียงที่เหนื่อยล้าและเหือดแห้งของเซย์น มันจึงรู้สึกเป็นไปได้ที่จะนึกภาพเขาก้ม ๆ มอง ๆ ไปทั่วในขณะที่ตามหาร็อบบี้น้อยท่ามกลางถนนที่ว่างเปล่า มันช่างหมดหนทางและน่าหวาดกลัวเจย์ถาม “ชายลึกลับคนหนึ่งงั้นเหรอ?”“ใช่ มันเป็นผู้ชายตัวสูงมากพร้อมกับทักษะการต่อสู้ที่เหลือเชื่อ เขาทำให้เลือดอวัยวะภายในของสตอร์มฉีกขาดและเลือดออกด้วยหมัดวายุ สตอร์มย
ด้วยความเมาอย่างเต็มที่เขายังคงเงียบและอดทนขณะที่โจเซฟินยังคงทุบหน้าอกของเขาต่อโจเซฟินทรุดตัวลงกับพื้นและจ้องไปในอากาศอย่างว่างเปล่าด้วยความเหนื่อยล้าและน้ำตาที่เหือดแห้ง“โจซี่!” เซย์นส่งเสียงเรียกเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างไรก็ตาม โจเซฟินดึงเทปกาวสองหน้าออกมาเพื่อปิดปากของเขาเท่านั้นจากนั้นเธอยืนข้าง ๆ หัวเตียง เธอจ้องลงมาที่เซย์น เซเวียร์เหมือนกับนักล่าที่เจอเหยื่อ“เซย์น เซเวียร์ ไอ้คนสารเลว” เธอถุยน้ำลาย“นายทำลายชีวิตของฉัน ฉันจะตกหลุมรักนายไม่ได้อีกแล้วเพราะนายทำให้ฉันดูแย่สำหรับคนอื่น ฉันควรจะทำอะไรดีล่ะตอนนี้?”โจเซฟินหันหลัง ยิ่งรู้สึกท้อแท้ในตอนที่เธอบ่น ดึงไวน์อีกขวดจากตู้เก็บไวน์ เธอเปิดมันออกและดื่มจากขวดโดยตรงชีวิตของโจเซฟินถลำลึกกับแอลกอฮอล์มากเกินไปโดยที่เธอไม่รู้ตัวบางที่มันอาจจะเป็นคำคืนที่โดดเดี่ยวนับไม่ถ้วนที่มีแค่แอลกอฮอล์เท่านั้นที่ขจัดอาการนอนไม่หลับของเธอได้ ช้า ๆ แต่แน่นอน โจเซฟินกลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตด้วยแอลกอฮอล์ขวดแล้วขวดเล่าที่โจเซฟินกลืนมันลงไป ด้วยความหวังว่าแอลกอฮอล์จะขับความขุ่นเคืองที่เธอรู้สึกออกไป อนิจ
เซย์นยืนขึ้น อาการปวดในกระดูกของเขาทำให้เขาประหลาดใจเมื่อพับแขนเสื้อ เขาก็พบว่าหน้าแขนของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและรอยข่วนยาว ซึ่งน่าจะมาจากเล็บของใครบางคนเซย์นจ้องที่โจเซฟินอย่างสงสัย “เธอถอดมันออกจากฉันในตอนที่ฉันเมาใช่ไหม?”เจเซฟินรู้สึกผิดเล็กน้อย “อย่ามาโทษฉันในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำสิ นายเป็นคนที่ไปในบาร์และถูกหัวหน้าใหญ่ซ้อมเพราะไม่จ่ายเงิน ฉันเป็นคนดีที่พานายกลับนะ”“งั้น แล้วรอยข่วนนี้ล่ะ?” สายตาของเซย์นจ้องไปที่เล็บยาว ๆ ของโจเซฟินโจเซฟินแอบมองไปที่รอยข่วนยาว เธอไม่รู้ว่าบาดแผลที่น่าตกใจนั่นถูกทิ้งไว้ในตอนที่เธอทำร้ายเขาเมื่อคืน หรือตอนที่เขากลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอย่างแรง“ฉันอาจจะเผลอข่วนนายตอนที่ฉันลากนายกลับแหละ” โจเซฟีนกล่าวเซย์นเกาหัวตัวเอง “เธอลากฉันกลับมางั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงจำอะไรไม่ได้เลย?”“ก็นายหมดสติ”เมื่อนึกถึงเหตุผลว่าทำไมเขาไปที่บาร์เพื่อดื่มกับตัวเองอย่างโง่ ๆ ตั้งแต่แรก สีหน้าของเซย์นก็เริ่มเคร่งขรึม“โจเซฟิน ฉันทำร็อบบี้หาย”ไม่จำเป็นต้องซ่อนความรู้สึกต่อหน้าเธอเขาใช้มือจับไปที่ผมของเธอขณะที่น้ำตาที่ใจสลายไหลลงมาจากหัวตาของเขาโจเซฟินตอบกลับว่า “ฉ
โจเซฟินมองทะลุท่าทีที่ตื่นตระหนกของเซย์นด้วยสายตาอันเฉียบคมเพียง ชายคนนี้ไม่เคยโกหกแม้ว่ามันจะทำให้เขาเสียชีวิต ความถี่ของการกระพริบตาเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ครั้งที่เขาโกหก“เซย์น!”เซย์นที่มือจับอยู่ที่ลูกบิดประตูแล้ว หยุดและหันหลังในตอนที่โจเซฟินเรียกเขาโจเซฟินเดินเข้ามาพร้อมกอดอกอย่างสบาย ๆ เธอบิดหูของเซย์นโดยไม่ทันตั้งตัว เธอกำลังโกรธขณะที่สั่งว่า “บอกความจริงกับฉันมา พี่ชายของฉันเจอกับปัญหาอะไรอยู่?”เซย์นสะอื้นด้วยความเจ็บปวด “ฉันจะรู้ได้ยังไง? มันพี่ของเธอนะ”“พี่ชายของฉันเลิกกับพี่แองเจลีน จากนั้นก็บังคับให้เธอทำแท้ง ทำไมนายถึงยกโทษให้กับวิธีที่โหดร้ายของเขาล่ะ?” โจเซฟินตะโกนอย่างเดือดดาลแม้ว่จะไม่เข้าใจว่าทำไมเจย์ถึงทำแท้งแองเจลีน เซย์นก็เชื่อว่าเจย์ อาเรสคงจะทำแบบนั้นด้วยเหตุผลที่ดี สำหรับเจย์ที่ให้ค่าชีวิตของแองเจลีนมากกว่าอะไร แม้แต่ชีวิตของเขาเองความสงสัยของโจเซฟินเพิ่มขึ้นขณะที่เธออ่านความเข้าใจในตัวเจย์ของเซย์นจากสีหน้าของเขา “นายมักจะหาโอกาสทำร้ายพี่ชายของฉันเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาแสดงสัญญาณของการทารุนพี่แองเจลีนแม้เพียงนิดเดียวก็ตาม แต่นายก็ดูสบายดีมากในตอนนี้แม้ในต
ด้วยที่ไม่มีรถเป็นของตัวเอง โจเซฟินจึงทำได้แค่เรียกรถไปยังอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนเธอยืนอยู่ที่สี่แยกเพื่อเรียกแท็กซี่หลังจากที่ขึ้นรถ จู่ ๆ ใครบางคนก็เข้าหาเธอจากด้านหลังรถและดึงประตูเปิดออก พวกเขาเข้ามานั่งข้าง ๆ โจเซฟินโจเซฟินจ้องเซนด้วยสายตาที่งุนงง “นายกำลังสะกดรอยตามฉันใช่ไหม เซย์น เซเวียร์?”เซย์นปากแข็ง “ใคร ใคร ใครกำลังตามเธองั้นเหรอ?”เขาจ้องเรือนร่างที่โค้งเว้าและสายตาที่ดูถูกของโจเซฟินก่อนที่จะกลืนน้ำลาย คำพูดที่เขาพูดตรงข้ามกับความคิดในหัวของเขาอย่างสิ้นเชิง “ใครอยากที่สะกดรอยตามผู้หญิงหน้าอกแบนแบบเธอกันล่ะ?”โจเซฟีนเงื้อหมัดและเริ่มต่อยเซย์น “ฉันคัพดีย่ะ! สายตาดูถูกที่นายมองฉันนี่มันอะไรกัน?”“คัพดีงั้นเหรอ?” เซย์นถามอย่างสงสัย “ฉันว่ามากสุดก็คัพซีนะ”คนขับแท็กซี่เริ่มไม่สบายใจ “อะแฮ่ม อะแฮ่ม พวกคุณสองคนจะไปที่ไหนครับ?”“อสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนค่ะ”“เอมิเนนต์ ลิมิตเต็ดครับ”โจเซฟินจ้องเซย์น “เป็นสุภาพบุรุษหน่อย สุภาพสตรีมาก่อน”เซย์นชักสีหน้าและอ้อนวอน “แต่ฉันรีบ เราไปที่เอมิเนนต์ก่อนไม่ได้เหรอ?”โจเซฟินยอม “ก็ได้”รถคันนั้นเลี้ยวกลับไปทางเอมิเนนต์ ลิม
เซย์นยังคงเดินต่อโดยไม่พูดอะไรจากนั้นโจเซฟินก็หนีเซย์นเร่งฝีเท้าในตอนที่เธอวิ่งออกไปโจเซฟินเริ่มน้ำตาคลอเบ้า “นายพยายามจะทำอะไรน่ะ เซย์น? หยุดนะ นายกำลังทำให้ฉันกลัวนะ”บางทีอาจจะเป็นเพราะความใจร้อนที่ทำให้โจเซฟินบังเอิญเตะเข้าที่ขอบเตียงในขณะที่เธอกำลังหนี ทำให้เธอล้มลงบนเตียงเซย์นกระโจนเข้าหาเธอ มือที่กำลังมาจากด้านหลังกำลังตัดสายรัดบนผ้าปูที่นอน“นายกำลังจะทำอะไร? นายบ้าไปแล้วรึไง เซย์น?” โจเซฟินถีบและสู้กลับน้ำตาที่ไม่เคยไหลก็เริ่มไหลออกจากดวงตาที่แดงก่ำของเซย์นหลังจากที่มัดมือทั้งสองของโจเซฟีน ในที่สุดเข้าก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเซย์นจุดบุหรี่และสูดฟืดใหญ่ พ่นควันออกมาจนมันเต้นรำอยู่ในอากาศ น้ำเสียงของเขากำลังอ้อนวอนในตอนที่เขาหันไปมองโจเซฟินที่ยังคงถีบต่อ“ใจเย็นหน่อยสิ โจเซฟิน ฉันมีบางอย่างที่จำเป็นต้องบอกเธอ”โจเซฟินใจเย็นไม่ได้ ความกลัวกำลังทำให้เธอเสียสติ“แก้มัดฉัน ไม่งั้นนายก็ลืมเรื่องคุยกันไปได้เลย”“ถ้าเธอไม่ฟังฉันนะ โจเซฟิน ฉันคงจะไม่มีทางเลือกนอกจากมัดขาของเธอและใช้เทปปิดปากเธอไว้”ความหวาดกลัวที่เธอรู้สึกทำให้โจเซฟีนพูดไม่ออกแม้สายตาที่เย้ายวนค
เซย์นพูดไม่ออก “ฉันสบายดี”โจเซฟินพูดต่อ “ผู้ป่วยทางจิตส่วนใหญ่ก็จะพูดว่าพวกเขาสบายดีเหมือนกัน นายมาถึงจุดที่ประสาทหลอนทางหูแล้ว มากกว่านี้นายคงจะฆ่าตัวตาย”เซย์น “...”เพื่อที่จะหยุดโจเซฟินจากการเห็นเขาเป็นผู้ป่วยทางจิต เซย์นจำเป็นต้องเล่นไม้แข็งกับเธอ“โจเซฟิน เธอเคยได้ยินเรื่องโศกนาฏกรรมของหมู่บ้านจันทร์สว่างไหม?”โจเซฟินส่ายหน้าใบหน้าที่งดงามของเธอมีท่าทีที่ตกใจ “นายเจอเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจอะไรมารึเปล่าเนี่ย? นายป่วยเกินจุดของการรักษาแล้วนะ”โจเซฟินเกือบจะร้องไห้เซย์นเริ่มพึมพำกับตัวเองอย่างหมดความอดทน “อ่า ใช่สิ ฉันลืมไปว่าเธอยุ่งอยู่กับการแสดงเป็นตัวประกอบพักหลังมานี้ เธออาจจะยุ่งเกินไปที่จะสนใจเรื่องของโลกภายนอก”โจเซฟินตกตะลึงและสวนกลับด้วยความขุ่นเคืองในทันที “ฉันเป็นตัวละครประกอบก็แล้วไงล่ะ? ฉันภูมิใจในงานของฉัน”โจเซฟินเคยชินกับการดูถูกของคนอื่นและการที่พวกเขากลอกตาใส่เธอ เพราะเธอถูกหลายคนดูถูกนับตั้งแต่ที่เธอเริ่มการแสดงอย่างไรก็ตามมันเจ็บปวดเมื่อเซย์นคือคนที่กำลังทำมันอยู่เซย์นขอโทษ “ฉันควรจะเรียบเรียงมันให้ดีกว่านี้ ฉันไม่ได้ดูถูกเธอนะ”ท่าทีของโจเซฟิน