โจเซฟินพูดกับแองเจลีนว่า “ต้องเป็นพี่ชายของฉันแน่ ๆ ที่จะมาตามเธอกลับไป”แองเจลีนรู้สึกดีเกินกว่าจะเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข่าวแฟนใหม่ของเจย์เมื่อเช้านี้ ความคิดที่ว่าเขากลับมาเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็วนั้นดูไม่ถูกต้องกับเธอมากนักโจเซฟินผลักแองเจลีนเข้าไปในรถสปอร์ต “ไปสิ! ฉันรู้ว่าพี่ชายของฉันยังรักเธออยู่”แองเจลีนยังคงไม่ปล่อยมือของโจเซฟิน “มีบางอย่างทะแม่ง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ โจซี่”โจเซฟินตอบว่า “ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าเธอก็แค่กังวลไปเอง ไม่เป็นไรหรอก งั้นฉันจะไปด้วย”ในทำนองเดียวกัน ทั้งสองคนที่มีความไร้เดียงสาก็เข้าไปในรถสปอร์ตของคนแปลกหน้า ซึ่งเริ่มขับไปทางสวนคฤหาสน์โจเซฟินพูด “เห็นไหมล่ะ พี่แองเจลีน? เขาต้องพาเธอกลับมาที่สวนคฤหาสน์อยู่แล้ว”แองเจลีนพบว่าความกังวลก่อนหน้านี้ของเธอหายไปหมดแล้ว เมื่อรถขับวิ่งเข้าไปที่นั่นในไม่ช้า ทั้งคู่ก็รู้สึกถึงอาการง่วงซึมและผล็อยหลับไปบนไหล่ของกันและกันรถสปอร์ตขับผ่านสวนคฤหาสน์ และขับต่อไปก่อนจะถึงคฤหาสน์หุบเขาอย่างรวดเร็วโคล ยอร์ก เดินออกไปที่ประตูหลักของคฤหาสน์คาร์สันโบกมือให้โคล คาร์สันแจ้งรายงานอย่างตื่นเต้นว่า “ผมพานายหญิงก
โจเซฟินตัดสินใจพูดยั่วยุเขา “แล้วคิดว่าจะให้ฉันโทรหาเขาได้ไหมล่ะ?”คาร์สันหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงและยื่นให้เธอ “เอาไปเถอะครับ”นิ้วของโจเซฟินสั่นเมื่อเธอกดหมายเลขของเจย์ด้วยความยากลำบากโจเซฟินเริ่มเดินวกไปวนมาในขณะที่รอสาย “นายต้องรีบมานะ เจย์ ก่อนที่พี่สาวจะถูกฉวยโอกาส! เราถูกลักพาตัวมาและพวกเขาต้องการหาทางทำกับพี่สาว นายต้องมาเร็ว ๆ เลยและช่วยพี่แองเจลีนนะ เจย์”ในอีกด้านหนึ่งของสาย เจย์พบว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับเรื่องอันตรายของสถานการณ์จากช่วงเวลาที่เธอกำลังตื่นตระหนก “แล้วเธออยู่ไหน?” น้ำเสียงของเขาเย็นชาและโหดร้ายนอกจากนี้ ยังเผยให้เห็นถึงความวิตกกังวลที่ไม่สามารถปกปิดได้“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”คาร์สันหยิบโทรศัพท์ของเขากลับมาแล้วปิดเครื่อง“ผมแน่ใจว่า เจย์ อาเรส จะสามารถค้นหาตำแหน่งของคุณได้ หากเขาสูงส่งจริง ๆ อย่างที่พวกเขาพูดกัน” คาร์สันกล่าวโจเซฟินจ้องไปที่คาร์สัน “พวกแกล้วนเป็นพวกปีศาจ”คาร์สันยิ้ม “ให้ผมได้เตรียมตัวหน่อย ผมต้องให้การต้อนรับพี่ชายของคุณอย่างอบอุ่นเมื่อเขามาถึง”ด้วยเหตุนี้ คาร์สันจึงเดินออกจากห้องและขังโจเซฟินไว้ข้างในณ สวนคฤหาสน์ เจย์กำ
เจย์แทบจะนึกภาพฉากที่อนาจารที่เกิดขึ้นภายในห้องได้เลย เขากัดกรามของเขาแล้วหันไปหาฟินน์ “ทำหมันเขาซะ”ฟินน์ตอบว่า “จัดไปครับ”ด้วยการโบกมือเรียกของคาร์สัน บอร์ดี้การ์ดได้เข้าไปล้อมตัวฟินน์และเจย์ไว้ในทันที“ผมให้คุณเข้าไปไม่ได้หรอก” คาร์สันยิ้มอย่างชั่วร้ายเจย์พูดกับฟินน์ด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้ายว่า “ฉันสามารถจัดการกับพวกหัวหลักหัวตอที่ไร้ประโยชน์พวกนี้ได้”“เข้าใจแล้ว” ด้วยความเร็วราวกับเสือดาว ฟินน์กระโดดข้ามผู้คนและทิ้งตัวลงจอดนอกวงล้อมรอบด้วยการพลิกตัวกลับคาร์สันจ้องไปที่ฟินน์ซึ่งกำลังไต่กำแพงปีนขึ้นไป “ดูไม่เลว”จากนั้น เขาก็หยิบเครื่องมือปีนเขาปีนขึ้นไปและไล่ตาม ฟินน์ กัลลาเกอร์ ผู้ชายที่เหลือก็ล้อมรอบตัวเจย์ ในขณะที่สายตาก้มลงมองไปที่ขาของเขา ภายในใจพวกเขามีความคิดเดียวกัน คนง่อยคนนี้จะเรียกพวกเขาว่าคนไร้ประโยชน์ได้อย่างไร? เขาต้องมีเล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยถ้าเขาสามารถอ้างสิทธิ์ที่เย่อหยิ่งนี้ได้ถึงอย่างนั้น พวกเขาชนะในเกมนี้ได้เลย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สึกกลัว เจย์ อาเรส ผู้นำบอร์ดี้การ์ดสองสามคนจ้องมองและพูดคุยกันเงียบ ๆ ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาเขาพร้อมกันเจย์ประสานมือทั้งสอ
“ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่ได้?” แองเจลีนถามด้วยความตกใจฟินน์จ้องไปที่ โคล ยอร์ก ที่เปลือยกายและยิ้มอย่างชั่วร้าย “ตามคำสั่งของท่านประธานครับ ผมจะทำหมันไอเจ้าสารเลวคนนี้”โคลขมวดคิ้ว “แล้วคนของฉันล่ะ?”ฟินน์ตอบว่า “ท่านประธานเอาชนะพวกเขาทั้งหมดไปแล้ว”โคลรู้สึกประหลาดใจ “คนง่อยคนนี้เก่งกาจขนาดนั้นเชียว?”แองเจลีนขว้างหมอนใส่โคลด้วยเสียงตะคอกอย่างโกรธจัด “อย่าเรียกเขาว่าคนง่อย”โคลปัดหมอนออกไปและแสดงความไม่พอใจว่า “ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้? เขาทิ้งคุณไปแล้วและคุณยังจะมาปกป้องเขาอยู่อีกทำไม?”แองเจลีนโต้กลับ “มันไม่ใช่เรื่องของคุณ”เมื่อรู้ว่า เจย์ อาเรสอยู่ชั้นล่าง แองเจลีนก็พุ่งตัวไปที่ประตูทันทีและวิ่งลงไปชั้นล่างแองเจลีนยืนอยู่ข้างหน้าเขา ในขณะที่เจย์เข็นตัวเองเข้าไปที่ประตูหลักของคฤหาสน์“ทำไมนายถึงมาที่นี่?” น้ำเสียงของแองเจลีนเปล่งประกายอย่างมีความสุขที่แทบไม่ปิดบังเจย์กวาดสายตาที่แหลมคมเหมือนนกอินทรีอยู่เหนือเธอโดยไม่ทิ้งรายละเอียดใด ๆ ไว้เบื้องหลัง ความเย็นจัดในดวงตาของเขาที่ขู่ว่าจะกลืนเธอเข้าไปทั้งตัวนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกินเมื่อเขาเห็นผมยุ่ง ๆ และเสื้อผ้าที่น่าระทึกใจของเ
เขารู้สึกว่าโลกของเขาแหลกสลายในขณะที่แองเจลีนล้มลงบนพื้น ราวกับว่าโลกกำลังแตกและเขาใช้ชีวิตที่ตกอยู่ในช่วงเวลาที่อันตราย นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ถึงความกลัวในวินาทีสั้น ๆ นั้น สมองของเขาก็พลุ่งพล่าน หายวับไปจากความคิดหนึ่งไปสู่อีกความคิดหนึ่ง เขายังสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าและเต็มใจที่จะผจญภัยขุมนรกทั้งเก้าขุม ถ้ามันหมายความว่าเธอจะรอดชีวิตจากสิ่งนี้ได้เขาไม่เคยคาดหวังว่าการกระทำความผิดอย่างกล้าหาญเช่นนี้จะกลายเป็นกลัวบางสิ่งบางอย่างในที่สุดคาร์สันเดินโซเซเข้าไปในบ้านหลังจากที่ผลของยาชาหมดฤทธิ์ เขาพบว่าตัวเองตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นนายน้อยนั่งอยู่อย่างสิ้นหวัง“เจย์ อาเรสและฟินน์ กัลลาเกอร์ค่อนข้างแข็งแกร่ง นายน้อย พวกเขาเป็นคนที่ไม่ควรประมาท”“ฉันรู้” หลังจากต่อสู้กับฟินน์ โคลสรุปได้เลยว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะครองตำแหน่งผู้ชนะภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่า หากทั้งสองต่อสู้ด้วยหมัดเปล่า ๆคาร์สันปลอบใจว่า “ไม่เป็นไร ๆ นายน้อย แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสู้กับคนมือเปล่าในสายธุรกิจของเรา ด้วยอาวุธร้ายแรงของเรา แม้แต่ เจย์ อาเรส 100 คนก็ยังไม่คู่ควรกับเราแน่นอน”โคลเงยหน้าขึ้นและตอบอ
“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงของเขาฟังดูไม่แยแสแองเจลีนถามอย่างอ่อนแรง “ทำไมฉันถึงอยู่ที่นี่? และโอ้ โจซี่อยู่ที่ไหนเนี่ย?”“หล่อนมีสิ่งที่ต้องทำในเมืองอิมพีเรียล เธอควรพักผ่อนนะ เธอบาดเจ็บอยู่”คำพูดของเจย์กระตุ้นความทรงจำของแองเจลีนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่คฤหาสน์หุบเขาเมื่อวันก่อนโคล ยอร์กลักพาตัวเธอไป ส่วนเจย์ก็ได้ไปช่วยโจเซฟิน เธอวิ่งเข้าไปหาเขาอย่างมีความสุข โดยได้ฟังคำพูดจากเขาเพียงแค่ว่าเธอเป็นคนหาเรื่องให้โจเซฟินถูกทำร้าย แทนที่จะถามเธอว่าไม่เป็นอะไรใช่ไหมในตอนนั้นมันเจ็บมากเมื่อมองไปรอบ ๆ ห้องที่คุ้นเคย แองเจลีนก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเธออยู่ในสวนคฤหาสน์“พาฉันมาที่นี่ทำไม?” เธอเอียงหน้ามองอย่างสับสนในดวงตาของเธอจุดประกายความหวังเล็ก ๆ ที่บางทีเขาอาจจะแสดงความห่วงใยต่อเธอถึงอย่างนั้น เขาตอบว่า “โจเซฟินให้ฉันสัญญาว่าจะดูแลเธอ”แววตาของแองเจลีนหรี่ลงทันทีเธอถอนหายใจอย่างอ่อนแรง แยกรอยยิ้มที่อยากปฏิเสธตนเองทำไมเธอถึงได้หวังขึ้นมาอีก?“เจย์” แฟนสาวของ เจย์ อาเรส ยืนอยู่ที่ประตู ถือถาดผลไม้อยู่ในมือ “ฉันเอาผลไม้บลูเบอร์รี่ชิลีที่นายชอบมาให้นายด้วยนะ นายต้องการทาน
เลือดอกเต็มปากไหลงสู่ฝ่ามือของเธอแองเจลีนจ้องไปที่เลือดในมือของเธอด้วยสายตาที่สงสัยเกิดอะไรขึ้นกับเธอ?เจย์ได้ยินเสียงไออย่างหนักของเธอ ทุก ๆ ครั้งที่ไอทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอยู่ในอกเขาหันกลับมาและหมุนตัวไปทางเธอสายตาที่มองเลือดสีแดงสดบนมือซีด ๆ ของเธอ ทำให้ดวงตาของเขาหดเกร็ง “กลับไปนอนเถอะ แองเจลีน เซเวียร์” เขาสั่งดวงตาของแองเจลีนพร่ามัว และเธอมองเจย์ลาง ๆ เหมือนร่างเขาแยกออกเป็นแบบจำลองหลาย ๆ คนยืนอยู่ต่อหน้าเธอ เธอรู้ว่าดวงตาของเธอแปลก ๆ ไปเธอเดินโซเซไปข้างหน้า เธอพยายามหลีกเลี่ยงเขา แต่สุดท้าย เธอก็เอามือที่ยื่นออกไปแตะใบหน้าเขาซึ่งทำได้เพียงคว้าแตะอากาศตรงหน้าเธอเท่านั้นเธอรีบดึงมือกลับมา “ขอโทษนะ”ดวงตาดำของเขาหดตัวเมื่อเขามองเห็นพฤติกรรมของเธอ เจย์ยกแขนขึ้นช้า ๆ และโบกมือไปมาตรงหน้าเธอราวกับเธอจดจ่ออยู่กับบางอย่าง แต่ดวงตาของแองเจลีนไม่ได้จดจ่อกับสิ่งใดเลย เจย์นั่งอ่อนแรงอยู่บนรถเข็น “ทุกคน พานายหญิงเซเวียร์กลับไปที่เตียงเดี๋ยวนี้”“ไม่ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน” แองเจลีนพูดโต้แย้งมีสาวใช้สองสามคนมาจับแองเจลีนไว้ในอ้อมแขน ขณะที่ช่วยร่างที่อ่อนแอ
หมอตอบว่า “ลักษณะทางกรรมพันธุ์มีส่วนเพิ่มแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้ได้”เจย์เริ่มกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับอาการของแองเจลีน “ผมจะป้องกันโรคนี้ได้ยังไงบ้าง?”“คุณต้องแน่ใจว่าเธออยู่ห่างจากอารมณ์เชิงลบและป้องกันไม่ให้เธอใช้ดวงตาของเธอมากเกินไป เพราะนั่นอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือป้องกันไม่ให้เพิ่มอารมณ์ปะทุมากที่สุด”เจย์พยักหน้า “เข้าใจแล้ว”สาวใช้นำโจ๊กหนึ่งชามมาให้แองเจลีน แต่เธอปัดชามออกไปโดยไม่มีแตะต้องเลยความหิวของเธอ ทำให้เจย์รู้สึกเป็นกังวลมากขึ้นวันนั้นเขาตัดสินใจทำอาหารให้เธอเอง เขาทำซุปไก่หนึ่งชามไปให้เธอเมื่อเขาเข้าไปในห้องพร้อมกับชามซุปไก่ แองเจลีนก็หันมามองเขาด้วยความตกใจ“พวกคนใช้บอกว่าเธอไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ตื่นมา เธอกำลังพยายามจะทำอะไร?” ในขณะที่น้ำเสียงของเจย์เจือปนไปด้วยคำตำหนิเล็กน้อย แต่กลับถูกขับเคลื่อนไปด้วยความโมโหฉุนเฉียวมากกว่าความโกรธ“นายจะไปส่งฉันกลับบ้านเมื่อไหร่?” เธอถามอย่างตรงไปตรงมาความจริงคือเธอไม่อยากทนอยู่กับเขาอีกแล้ว นั่นทำให้เจย์รู้สึกร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาได้เลยเขาขับไล่ไสส่งเธอออกไปได้สำเร็จแล้วแต่ทำไมหัวใจของเขาถึงร