เจย์แทบจะนึกภาพฉากที่อนาจารที่เกิดขึ้นภายในห้องได้เลย เขากัดกรามของเขาแล้วหันไปหาฟินน์ “ทำหมันเขาซะ”ฟินน์ตอบว่า “จัดไปครับ”ด้วยการโบกมือเรียกของคาร์สัน บอร์ดี้การ์ดได้เข้าไปล้อมตัวฟินน์และเจย์ไว้ในทันที“ผมให้คุณเข้าไปไม่ได้หรอก” คาร์สันยิ้มอย่างชั่วร้ายเจย์พูดกับฟินน์ด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้ายว่า “ฉันสามารถจัดการกับพวกหัวหลักหัวตอที่ไร้ประโยชน์พวกนี้ได้”“เข้าใจแล้ว” ด้วยความเร็วราวกับเสือดาว ฟินน์กระโดดข้ามผู้คนและทิ้งตัวลงจอดนอกวงล้อมรอบด้วยการพลิกตัวกลับคาร์สันจ้องไปที่ฟินน์ซึ่งกำลังไต่กำแพงปีนขึ้นไป “ดูไม่เลว”จากนั้น เขาก็หยิบเครื่องมือปีนเขาปีนขึ้นไปและไล่ตาม ฟินน์ กัลลาเกอร์ ผู้ชายที่เหลือก็ล้อมรอบตัวเจย์ ในขณะที่สายตาก้มลงมองไปที่ขาของเขา ภายในใจพวกเขามีความคิดเดียวกัน คนง่อยคนนี้จะเรียกพวกเขาว่าคนไร้ประโยชน์ได้อย่างไร? เขาต้องมีเล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยถ้าเขาสามารถอ้างสิทธิ์ที่เย่อหยิ่งนี้ได้ถึงอย่างนั้น พวกเขาชนะในเกมนี้ได้เลย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สึกกลัว เจย์ อาเรส ผู้นำบอร์ดี้การ์ดสองสามคนจ้องมองและพูดคุยกันเงียบ ๆ ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาเขาพร้อมกันเจย์ประสานมือทั้งสอ
“ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่ได้?” แองเจลีนถามด้วยความตกใจฟินน์จ้องไปที่ โคล ยอร์ก ที่เปลือยกายและยิ้มอย่างชั่วร้าย “ตามคำสั่งของท่านประธานครับ ผมจะทำหมันไอเจ้าสารเลวคนนี้”โคลขมวดคิ้ว “แล้วคนของฉันล่ะ?”ฟินน์ตอบว่า “ท่านประธานเอาชนะพวกเขาทั้งหมดไปแล้ว”โคลรู้สึกประหลาดใจ “คนง่อยคนนี้เก่งกาจขนาดนั้นเชียว?”แองเจลีนขว้างหมอนใส่โคลด้วยเสียงตะคอกอย่างโกรธจัด “อย่าเรียกเขาว่าคนง่อย”โคลปัดหมอนออกไปและแสดงความไม่พอใจว่า “ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้? เขาทิ้งคุณไปแล้วและคุณยังจะมาปกป้องเขาอยู่อีกทำไม?”แองเจลีนโต้กลับ “มันไม่ใช่เรื่องของคุณ”เมื่อรู้ว่า เจย์ อาเรสอยู่ชั้นล่าง แองเจลีนก็พุ่งตัวไปที่ประตูทันทีและวิ่งลงไปชั้นล่างแองเจลีนยืนอยู่ข้างหน้าเขา ในขณะที่เจย์เข็นตัวเองเข้าไปที่ประตูหลักของคฤหาสน์“ทำไมนายถึงมาที่นี่?” น้ำเสียงของแองเจลีนเปล่งประกายอย่างมีความสุขที่แทบไม่ปิดบังเจย์กวาดสายตาที่แหลมคมเหมือนนกอินทรีอยู่เหนือเธอโดยไม่ทิ้งรายละเอียดใด ๆ ไว้เบื้องหลัง ความเย็นจัดในดวงตาของเขาที่ขู่ว่าจะกลืนเธอเข้าไปทั้งตัวนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกินเมื่อเขาเห็นผมยุ่ง ๆ และเสื้อผ้าที่น่าระทึกใจของเ
เขารู้สึกว่าโลกของเขาแหลกสลายในขณะที่แองเจลีนล้มลงบนพื้น ราวกับว่าโลกกำลังแตกและเขาใช้ชีวิตที่ตกอยู่ในช่วงเวลาที่อันตราย นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ถึงความกลัวในวินาทีสั้น ๆ นั้น สมองของเขาก็พลุ่งพล่าน หายวับไปจากความคิดหนึ่งไปสู่อีกความคิดหนึ่ง เขายังสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าและเต็มใจที่จะผจญภัยขุมนรกทั้งเก้าขุม ถ้ามันหมายความว่าเธอจะรอดชีวิตจากสิ่งนี้ได้เขาไม่เคยคาดหวังว่าการกระทำความผิดอย่างกล้าหาญเช่นนี้จะกลายเป็นกลัวบางสิ่งบางอย่างในที่สุดคาร์สันเดินโซเซเข้าไปในบ้านหลังจากที่ผลของยาชาหมดฤทธิ์ เขาพบว่าตัวเองตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นนายน้อยนั่งอยู่อย่างสิ้นหวัง“เจย์ อาเรสและฟินน์ กัลลาเกอร์ค่อนข้างแข็งแกร่ง นายน้อย พวกเขาเป็นคนที่ไม่ควรประมาท”“ฉันรู้” หลังจากต่อสู้กับฟินน์ โคลสรุปได้เลยว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะครองตำแหน่งผู้ชนะภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่า หากทั้งสองต่อสู้ด้วยหมัดเปล่า ๆคาร์สันปลอบใจว่า “ไม่เป็นไร ๆ นายน้อย แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสู้กับคนมือเปล่าในสายธุรกิจของเรา ด้วยอาวุธร้ายแรงของเรา แม้แต่ เจย์ อาเรส 100 คนก็ยังไม่คู่ควรกับเราแน่นอน”โคลเงยหน้าขึ้นและตอบอ
“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงของเขาฟังดูไม่แยแสแองเจลีนถามอย่างอ่อนแรง “ทำไมฉันถึงอยู่ที่นี่? และโอ้ โจซี่อยู่ที่ไหนเนี่ย?”“หล่อนมีสิ่งที่ต้องทำในเมืองอิมพีเรียล เธอควรพักผ่อนนะ เธอบาดเจ็บอยู่”คำพูดของเจย์กระตุ้นความทรงจำของแองเจลีนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่คฤหาสน์หุบเขาเมื่อวันก่อนโคล ยอร์กลักพาตัวเธอไป ส่วนเจย์ก็ได้ไปช่วยโจเซฟิน เธอวิ่งเข้าไปหาเขาอย่างมีความสุข โดยได้ฟังคำพูดจากเขาเพียงแค่ว่าเธอเป็นคนหาเรื่องให้โจเซฟินถูกทำร้าย แทนที่จะถามเธอว่าไม่เป็นอะไรใช่ไหมในตอนนั้นมันเจ็บมากเมื่อมองไปรอบ ๆ ห้องที่คุ้นเคย แองเจลีนก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเธออยู่ในสวนคฤหาสน์“พาฉันมาที่นี่ทำไม?” เธอเอียงหน้ามองอย่างสับสนในดวงตาของเธอจุดประกายความหวังเล็ก ๆ ที่บางทีเขาอาจจะแสดงความห่วงใยต่อเธอถึงอย่างนั้น เขาตอบว่า “โจเซฟินให้ฉันสัญญาว่าจะดูแลเธอ”แววตาของแองเจลีนหรี่ลงทันทีเธอถอนหายใจอย่างอ่อนแรง แยกรอยยิ้มที่อยากปฏิเสธตนเองทำไมเธอถึงได้หวังขึ้นมาอีก?“เจย์” แฟนสาวของ เจย์ อาเรส ยืนอยู่ที่ประตู ถือถาดผลไม้อยู่ในมือ “ฉันเอาผลไม้บลูเบอร์รี่ชิลีที่นายชอบมาให้นายด้วยนะ นายต้องการทาน
เลือดอกเต็มปากไหลงสู่ฝ่ามือของเธอแองเจลีนจ้องไปที่เลือดในมือของเธอด้วยสายตาที่สงสัยเกิดอะไรขึ้นกับเธอ?เจย์ได้ยินเสียงไออย่างหนักของเธอ ทุก ๆ ครั้งที่ไอทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอยู่ในอกเขาหันกลับมาและหมุนตัวไปทางเธอสายตาที่มองเลือดสีแดงสดบนมือซีด ๆ ของเธอ ทำให้ดวงตาของเขาหดเกร็ง “กลับไปนอนเถอะ แองเจลีน เซเวียร์” เขาสั่งดวงตาของแองเจลีนพร่ามัว และเธอมองเจย์ลาง ๆ เหมือนร่างเขาแยกออกเป็นแบบจำลองหลาย ๆ คนยืนอยู่ต่อหน้าเธอ เธอรู้ว่าดวงตาของเธอแปลก ๆ ไปเธอเดินโซเซไปข้างหน้า เธอพยายามหลีกเลี่ยงเขา แต่สุดท้าย เธอก็เอามือที่ยื่นออกไปแตะใบหน้าเขาซึ่งทำได้เพียงคว้าแตะอากาศตรงหน้าเธอเท่านั้นเธอรีบดึงมือกลับมา “ขอโทษนะ”ดวงตาดำของเขาหดตัวเมื่อเขามองเห็นพฤติกรรมของเธอ เจย์ยกแขนขึ้นช้า ๆ และโบกมือไปมาตรงหน้าเธอราวกับเธอจดจ่ออยู่กับบางอย่าง แต่ดวงตาของแองเจลีนไม่ได้จดจ่อกับสิ่งใดเลย เจย์นั่งอ่อนแรงอยู่บนรถเข็น “ทุกคน พานายหญิงเซเวียร์กลับไปที่เตียงเดี๋ยวนี้”“ไม่ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน” แองเจลีนพูดโต้แย้งมีสาวใช้สองสามคนมาจับแองเจลีนไว้ในอ้อมแขน ขณะที่ช่วยร่างที่อ่อนแอ
หมอตอบว่า “ลักษณะทางกรรมพันธุ์มีส่วนเพิ่มแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้ได้”เจย์เริ่มกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับอาการของแองเจลีน “ผมจะป้องกันโรคนี้ได้ยังไงบ้าง?”“คุณต้องแน่ใจว่าเธออยู่ห่างจากอารมณ์เชิงลบและป้องกันไม่ให้เธอใช้ดวงตาของเธอมากเกินไป เพราะนั่นอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือป้องกันไม่ให้เพิ่มอารมณ์ปะทุมากที่สุด”เจย์พยักหน้า “เข้าใจแล้ว”สาวใช้นำโจ๊กหนึ่งชามมาให้แองเจลีน แต่เธอปัดชามออกไปโดยไม่มีแตะต้องเลยความหิวของเธอ ทำให้เจย์รู้สึกเป็นกังวลมากขึ้นวันนั้นเขาตัดสินใจทำอาหารให้เธอเอง เขาทำซุปไก่หนึ่งชามไปให้เธอเมื่อเขาเข้าไปในห้องพร้อมกับชามซุปไก่ แองเจลีนก็หันมามองเขาด้วยความตกใจ“พวกคนใช้บอกว่าเธอไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ตื่นมา เธอกำลังพยายามจะทำอะไร?” ในขณะที่น้ำเสียงของเจย์เจือปนไปด้วยคำตำหนิเล็กน้อย แต่กลับถูกขับเคลื่อนไปด้วยความโมโหฉุนเฉียวมากกว่าความโกรธ“นายจะไปส่งฉันกลับบ้านเมื่อไหร่?” เธอถามอย่างตรงไปตรงมาความจริงคือเธอไม่อยากทนอยู่กับเขาอีกแล้ว นั่นทำให้เจย์รู้สึกร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาได้เลยเขาขับไล่ไสส่งเธอออกไปได้สำเร็จแล้วแต่ทำไมหัวใจของเขาถึงร
แองเจลีนเหลือบมองเจย์พลางรู้สึกสับสนว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ เธอนั่งตรงข้ามกับเจย์ เธอหยิบช้อนส้อมและตักอาหารเข้าปากหลังมื้ออาหาร เธอวางช้อนส้อมเมื่อทานเสร็จและหันไปหาเจย์ด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันสามารถทานและนอนได้โดยไม่ต้องมีใครมาช่วยเหลืออีกแล้ว ท่านอาเรส ฉันขออนุญาติกลับบ้านนะ”เจย์พยักหน้า ไม่มีเหตุผลที่จะบังคับให้เธออยู่ต่อเมื่อเธอดูเหมือนจะยืนกรานที่จะไปจากเขาเขาต้องการส่งเธอกลับบ้านเอง แต่คำว่า ‘ฉันไม่อยากรบกวนท่านอาเรสแล้ว ด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้’ คำพูดที่ก้องอยู่ในใจของเขาทำให้เขาละทิ้งความคิดนั้น สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจให้ฟินน์ไปส่งเธอแทนในท้ายที่สุด ฟินน์มักจะเป็นคนทำให้เธอรู้สึกแย่น้อยที่สุดเพราะฟินน์เข้าใจเจตนาของเขามื้ออาหารเย็นสิ้นสุดลงแล้ว และฟินน์ก็เตรียมยาและอาหารเสริมราคาแพงจำนวนมากขึ้นรถไป ตามคำแนะนำของท่านประธานเจย์ตามไปส่งแองเจลีนที่ประตู ไม่มีคำพูดอำลาและคำแนะนำใด ๆ เพราะมันติดแน่นอยู่ในลำคอของเขาเขาจะไม่เสี่ยงกับโอกาสเล็กน้อยจากคำพูดเหล่านั้นที่จะทำให้เธอขุ่นเคืองแองเจลีนหยุดอยู่ตรงหน้าเขาและพยักหน้าด้วยความชื่นชมอย่างสุภาพ “ขอบคุณสำหรับการ
“ฉันรับของแพงพวกนี้ไว้ไม่ได้หรอกนะ ฟินน์” แองเจลีนกล่าวอันที่จริงแล้ว เธอแค่ปฏิเสธกล่องพวกนี้เพราะมันมาจาก เจย์ อาเรส ผู้ชายที่แองเจลีนไม่อยากมีอะไรข้องเกี่ยวด้วยอีกแล้วฟินน์ยิ้ม “มันเป็นความปรารถนาของท่านประธานครับ คุณเซเวียร์”แองเจลีนดูเศร้า ๆ “ยิ่งเป็นเหตุผลที่ฉันรับไว้ไม่ได้เลย”เมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกปั่นป่วนภายในใจของฟินน์ เชอร์ลี่ย์ก็พูดกับเขาว่า ฟินน์แค่ทำตามคำสั่งน่ะ น้องแองเจลีน อย่าทำให้หน้าที่ของเขากลายเป็นเรื่องยุ่งยากไปกว่านี้เลย”ฟินน์ได้รับการช่วยชีวิตจากเชอร์ลีย์เอาไว้ “คุณคงรู้ว่าท่านประธานเป็นยังไงอยู่แล้ว คุณเซเวียร์ ถ้าผมทำตามคำสั่งไม่ได้ ผมจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน ถ้าคุณยืนกรานที่จะคืนของพวกนี้ คุณเซเวียร์ นั่นจะดีที่สุดถ้าคุณส่งมันคืนให้ท่านประธานด้วยตัวเอง”แองเจลีนหยุดโต้แย้งหลังจากที่ฟินน์ขนของทุกอย่างลงจากรถแล้ว เชอร์ลี่ย์ก็เดินเข้าไปพร้อมกับคำเชิญที่สุภาพ “คุณอยากเข้าไปดื่มชาหน่อยไหม ฟินน์? คุณคงเหนื่อยจากการขับรถมาทั้งวันแล้ว”ฟินน์ยิ้มอย่างอบอุ่น “ขอบคุณสำหรับคำเชิญครับ คุณโทมัส แต่ผมไม่ควรเลยจริง ๆ ท่านประธานกำลังรอให้ผมกลับไปอยู่”หลัง
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ