เสียงโวยวายของพวกเขาทำให้ปลุกเจย์ตื่นขึ้น เขาหายง่วงในทันทีแล้วมองดูบอร์ดี้การ์ดจากในรถในขณะที่แสงยามเย็นสาดส่องเข้ามาสถานะของเขาที่มีอยู่ในตระกูลอาเรสเมื่อพูดถึงตอนนี้คือ?!พวกเขาปฏิบัติต่อเขาราวกับว่าเขาเป็นคนพิการอย่างแท้จริงอย่างนั้นเหรอ?“เกรย์สัน สิ่งที่พวกมันหน้าไหนมีผลกระทบต่อตัวฉันแม้แต่นิดเดียว เอามันออกไปให้หมด”มีเสียงช้า ๆ มาจากกระจกรถสีดำ มันทำให้บอร์ดี้การ์ดเริ่มหมดหนทางในขณะที่พวกเขาเริ่มตัวสั่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้รับคำสั่งจากท่านอาเรส ซึ่งเกือบจะเหมือนสายฟ้าฟาด เกรย์สันก็เข้าไปบิดมือของบอร์ดี้การ์ดที่อยู่ใกล้ ๆ จนกระดูกเคลื่อนทันทีลูกน้องคนอื่น ๆ หลายคนที่อยู่ที่นั่นต่างก็ตกใจจนหน้าซีดเกรย์สันเดินไปหาพวกเขา ทันใดนั้นพวกเขาก็คุกเข่าลงบนพื้นเพื่อขอความเมตตา “นายท่าน เราต้องขอโทษด้วย เรารู้ว่าเราผิดไปแล้ว”“สายเกินไปแล้ว” เจย์พูดคำเย็นชาออกมาจากระหว่างริมฝีปากและฟันของเขาเกรย์สันเตะคนพวกนั้นไปที่แขน หลังจากได้ยินเสียงดัง ‘แคร้ก’ ตอนนี้เขารู้เลยว่าแขนของพวกเขาก็เหมือนไร้ประโยชน์ไปแล้วทันทีคนอื่น ๆ อีกหลายคนทำโทษตัวเองด้วยการบิดแขนเกรย์สันกล่าวว่า “จะดีกว่า
เมื่อได้ยินแบบนั้นการแสดงออกที่ร้ายกาจของเซร่าค่อนข้างผ่อนคลายลงทันทีเธอคิดในใจอย่างตรงไปตรงมา เธอไม่ต้องการให้เจย์ตายตั้งแต่ยังหนุ่ม เพราะถ้าเขาตาย เธอก็จะไม่มีเป้าหมายที่จะระบายความอัปยศทั้งหมดของร่างกายเธอได้อีก เพราะเธอจะรู้สึกว่าเธอมีชีวิตอยู่โดยไร้ความหมายนอกเสียจากเจย์ยังมีชีวิตอยู่และใช้ชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายเท่านั้นจึงจะสามารถอวดเอาชัยชนะต่อหน้าเขาได้อย่างภาคภูมิใจ“คุณท่าน ทำไมคุณไม่ไปที่หอท่าเรือหอมหวนเพื่อค้นหาข่าวที่ว่านั้นล่ะคะ?” เซร่าแนะนำแจ็ครู้สึกลังเลก่อนหน้านี้เขาเคยสร้างปัญหาให้กับแกรนด์ เอเซียซึ่งประหนึ่งที่ทำให้มีเรื่องมีราวกับเจย์ทันทีที่เขาคิดว่าเจย์จะมองมาที่เขา พ่อของเขาที่เลี้ยงเขามา 35 ปี ด้วยดวงตาที่เย็นชาและเหินห่าง แจ็คก็รู้สึกว่าใบหน้าของเขาเริ่มร้อนผ่าว“คุณท่าน ยังไงเขาก็ยังคงเป็นลูกชายของคุณอย่างเป็นที่รู้ ๆ กันอยู่ ถ้าคุณไม่ไปเยี่ยมเขา คุณจะรู้สึกผิดก็เท่านั้น” เซร่ากล่าวแจ็คครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เธอพูดถูก ฉันต้องไปเยี่ยมเขาสินะ”ณ ท่าเรือหอมหวนหลังจากที่เจย์กลับมาถึงบ้านแล้ว แองเจลีนกังวลว่าเขาจะรู้สึกทรมานจากการถูกกระแทกใน
ราวกับใช้อำนาจมนตร์วิเศษ แองเจลีนหยิบกระดิ่งจากกระเป๋าของเธอมาวางไว้ข้างหมอนของเจย์แล้วพูดว่า “ถ้าคุณต้องการให้ฉันช่วย คุณก็เขย่ากริ่งได้เลยนะ”เจย์มองดูระฆังสีทองอันงดงามนั่น ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเปลี่ยนเป็นมืดมนทันทีผู้หญิงคนนี้ปฏิบัติต่อตัวเองเหมือนสัตว์เลี้ยงที่กวักมือเรียกเมื่อไหร่ก็มางั้นเหรอ?เขาต้องแสดงคุณธรรมหรือความสามารถอะไรบ้างจึงจะได้รับความรักอันลึกซึ้งจากเธอได้?แองเจลีนยอมเดินจากไปอย่างไม่เต็มใจเจย์ยื่นมือออกไปคว้ากระดิ่ง ขณะที่เขาต้องการจะโยนมันทิ้ง เขาเห็นคำเหล่านั้นเขียนอยู่บนระฆังว่า “ระฆังไม่ทิ้งกัน”นี่เป็นระฆังที่เขาเคยให้เธอมาก่อนไม่ใช่เหรอ?เมื่อตอนที่พวกเขาออกไปทัศนศึกษา เขาเคยขอให้ใครบางคนปรับแต่งระฆังนี้ให้เธอเพราะเธอเป็นคนขี้อายและไม่กล้านอนคนเดียว เมื่อเธอรู้สึกกลัวในตอนกลางคืน เธอสามารถใช้กระดิ่งนี้และเขาก็จะปรากฏขึ้นข้าง ๆ เธอทันที'ระฆังไม่ทิ้งกัน' ช่วยแก้ปัญหาการนอนไม่หลับในการนอนคนเดียวของเธอได้เขาไม่คาดคิดว่าเธอจะยังเก็บมันไว้จนถึงตอนนี้จากนั้นเจย์ก็ไม่เต็มใจที่จะโยนระฆังทิ้ง เขาเปลี่ยนเป็นวางกลับเข้าที่อย่างเดิมเพื่อไม่ให้รบกวนการพ
แต่เมื่อเจดพุ่งโจมตีไปข้างหน้า แองเจลีนหยุดนิ่งไม่แม้แต่จะกะพริบหรือขมวดคิ้วใด ๆ เธอเตะด้วยท่าทีที่ดูไม่น่ากังวลและเตะเจดไปไกลที่สุดจากห้องนี้แจ็คกับคุณนายถึงกับตกตะลึงแองเจลีนยื่นมือออกมาและทำท่าทางให้สัญญาณบางอย่าง ใบหน้าของเขาดูไร้อารมณ์ขึ้นมาทันทีและเสียงของเธอก็ไม่เป็นมิตรเมื่อเธอกล่าวว่า “คุณท่าน คุณนาย ได้โปรดกลับไปเถอะค่ะ!”ท่าทางของแจ็คและคุณนายแสดงออกมาน่าเกลียดมากราวกับว่าพวกเขาได้ยินคำพูดที่รู้สึกรำคาญใจมากเธอไม่เต็มใจอยากจะรังแกพยาบาลผู้ดูแล เธอจึงตะโกนเรียก “เจย์ ลูกคือลูกของเราที่เราเลี้ยงดูมาผ่านความลำบากแสนเข็นนะ ตอนนี้พ่อแม่ของลูกต้องการพบลูกอยู่นะ ต่อให้ตะโกนไปอย่างนี้ แต่มันยากยิ่งกว่าปีนขึ้นไปบนฟ้าเสียอีก! นี่คือหัวใจของลูกที่ทำด้วยเหล็กและหินหรือไงกัน?”ในห้องนอน เจย์ตื่นขึ้นด้วยเสียงของแม่บุญธรรมของเขาและเขาเริ่มขมวดคิ้วเขาต้องการลุกขึ้นเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ร่างกายส่วนล่างของเขาหนักเหมือนตะกั่วและหิน เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยในที่สุด เขาก็มองไปที่กระดิ่งข้าง ๆ ด้วยความขุ่นเคืองใจ เขาคว้ามันและเขย่ามันแองเจลีนเข้ามาในห้องทันที เธอทำท่างี่เง่า
เจมส์จ้องไปที่ลูกชายของเขาเมื่อการสนทนาในครอบครัวของภรรยาของเขาจบลง เจย์ก็เปิดปากพูดขึ้นว่า “มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าขาของผมใช้งานได้หรือไม่ได้หรอกนะ ผมไม่เคยพึ่งขาของผมเพื่อรังแกคนอื่นก็แล้วกัน แต่ผมขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ตรงนี้”เขาชี้ไปที่หน้าผากของเขาอย่างสง่างาม จีนส์พูดกับเจย์อย่างยกย่องว่า “แน่นอน พี่ใหญ่ ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่มีสิ่งใดในโลกที่สามารถฉุดรั้งคุณไว้ได้”เจย์พลันยิ้มออกมาสายตาของแจ็คยิ้มอย่างเยาะเย้ย “เจย์ ในเมื่อขาของนายไร้ประโยชน์ในตอนนี้ ฉันจะส่งคนมาเพิ่มอีกสองสามคนเพื่อปกป้องนายจากนี้ไป นายเป็นถึงนายท่านผู้มีชื่อเสียงของเมืองอิมพีเรียล มีคนมากมายที่ต้องการใช้ชีวิตแบบนาย!”คำพูดเหล่านี้ดูเหมือนแสดงความห่วงใย แต่จริง ๆ แล้วเป็นคำที่จงใจพยายามตอกหน้าความเชื่อมั่นของเจย์ในการใช้ชีวิตด้วยรอยยิ้มที่ดูแสยะยิ้ม เจย์ขมวดคิ้วมองไปที่แจ็ค ดูเหมือนจะมีความอบอุ่นแสดงออกในสายตาของพ่อและลูก แต่ก็มีคลื่นแห่งความมืดพลุ่งพล่านอยู่จู่ ๆ แองเจลีนก็เข้าไปเตะกระถางดอกไม้ตรงห้องโถงทางเดิน กระถางดอกไม้ลอยขึ้นไปแล้วกระแทกโคมไฟระย้าเหนือหัวของแจ็คโคมไฟระย้าตกลงมาโดนตรงไหล่ของแ
เจย์สบสายตามองไปที่แองเจลีนและการจ้องมองของเขาก็เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจ “ทักษะของเธอไม่เลว ใครสอนเธอ?”แองเจลีนโพล่งออกมา “พี่ชายของดิฉันเองค่ะ”สายตาของเจย์เย็นชา เมื่อตอนที่เขายังเป็นวัยรุ่น เขาเคยสอนเทควันโดให้เธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะลืมมันไปหมดแล้ว ความจริงที่ว่าเธอเอามันมาใช้อีกครั้งภายในช่วงสองปีที่ผ่านมานั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เครดิตของเขาดูเหมือนว่าแองเจลีนจะตระหนักว่าเธอตอบคำถามผิดและเธอกำลังแก้ไขสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป “ดิฉันฝึกในยิมเทควันโด”“ทำไมเธอถึงอยากเรียนรู้มัน?” เจย์ถามด้วยความแปลกใจ“เพื่อปกป้องคนที่ฉันรัก” แองเจลีนพูดอย่างเขินอายเจย์ขมวดคิ้ว!ทำไมเขาถึงต้องการให้ผู้หญิงที่อ่อนแออย่างเธอปกป้องเขาด้วย?“คนที่เธอชอบ เขาอาจจะต้องการให้เธอเป็นคนหาอาหารมาป้อนให้หรือเหมือนกับหอยที่ไร้ประโยชน์ ไม่ใช่ว่าเขาชอบเธอเพราะเธอแข็งแกร่งหรือทรงพลัง และมาคอยรับใช้ของเขา!” เจย์พูดอย่างเย็นชาแองเจลีนใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งเพื่อทำความเข้าใจความหมายของคำพูดของเขา ทันใดนั้น ดวงตาคล้ายลูกพีชของเธอก็พลันเบิกกว้างขึ้นเขามีจุดประสงค์เดียวที่จะตามใจเธอและรักเธอมาหลายปี ก็เพื่อเปลี่ยนเธอ
ในขณะนั้นเองเด็ก ๆ ก็หยุดเดินแล้วถามเธอว่า “คุณพยาบาล คุณพ่อของเราอยู่ไหน?”เจย์ที่กำลังนั่งอยู่ในสวนแก้วที่ชั้นหนึ่ง เมื่อเขามองผ่านกระจกใส เขาเห็นเด็ก ๆ มองหาเขาทุกหนทุกแห่ง แต่เขาไม่สามารถวิ่งออกไปพบเด็ก ๆ ได้ในทันทีดวงตาของเขาจับจ้องไปที่แองเจลีนซึ่งยืนอยู่กลางห้องอย่างพูดไม่ออก เขาสัมผัสได้ถึงความสุขและความตึงเครียดของเธอแม้มองดูจากระยะไกลก็ตามเด็กทั้งสามรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนและจากนั้นก็ลงบันไดมา แต่พวกเขาไม่เห็นพ่อของพวกเขาเลย ในเวลานี้ พวกเขาทั้งหมดล้อมรอบแองเจลีน “คุณน้าครับ คุณพ่อของเราอยู่ไหน?”แองเจลีนมองดูเด็ก ๆ และเห็นว่าพวกเขาดูสูงขึ้นมาก ร่างกายของพวกเขาบางลง ใบหน้าของพวกเขาผอมลง และพวกเขาก็ทิ้งความน่ารักแบบเด็ก ๆ ไว้เบื้องหลังไปหมดแล้ว เธอไม่สามารถหยุดน้ำตาในดวงตาของเธอได้น่าเสียดายที่เธอพลาดการเติบโตของลูก ๆ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา“คุณน้าครับ คุณร้องไห้ทำไม? เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ?” เซ็ตตี้น้อยก็เริ่มร้องไห้ดวงตาของร็อบบี้น้อยและเจนส์เปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งคู่แองเจลีนรีบปาดน้ำตาและปลอบพวกเขาโดยพูดว่า “อย่าร้องนะ อย่าร้อง คุณพ่อสบายดี เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาไม่สะดวกที
เจย์เข็นรถเข็นออกมาจากห้องกระจกแองเจลีนรีบสวมหน้ากากกลับทันที เจนสันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นความตื่นตระหนกในดวงตาของแองเจลีน“คุณพ่อ” ร็อบบี้น้อยและเซ็ตตี้น้อยวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาเห็นว่าพ่อของพวกเขามีปัญหาในการเคลื่อนไหว ดวงตาของพวกเขาก็แดงและเริ่มมีน้ำตาไหลแองเจลีนปลอบเด็ก ๆ ว่า “อย่าเศร้าไปเลยนะ เดี๋ยวขาของคุณพ่อก็จะหายดี”เจย์จ้องไปที่แองเจลีน โดยไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนั้น เขาจึงเปิดเผยความจริงราวกับว่าเขาสามารถข่มอารมณ์ตัวเองได้ “มันไม่หายหรอก หมอบอกขาของพ่อจะเป็นแบบนี้ตลอดไป”แองเจลีนกล่าวว่า “จะมีปาฏิหาริย์”“จะไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นทั้งนั้น” เจย์พูดอย่างไม่ยอมแพ้แองเจลีนตกใจเล็กน้อย ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงพูดต่อต้านเธอ? ทำไมเขาถึงต้องการทำให้เด็ก ๆร้องไห้?“มันไม่สำคัญว่าขาของเขาจะดีขึ้นหรือไม่ พ่อของพวกคุณรังแกคนอื่นด้วยการใช้สมองของเขา ไม่ใช่ใช้ขา” แองเจลีนยิ้มด้วยรอยยิ้มที่โค้งขึ้นสีหน้าของเจย์เริ่มมืดลงการแสดงออกของเด็กยิ่งแย่มากขึ้น“เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต ฉันสามารถดูแลคุณได้ตลอดชีวิต” เธอกล่า
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ