หลังจากนั้นไม่นาน สตอร์มและเกรย์สันก็เริ่มฉุกคิดว่าเด็กชายทั้งสองไม่ต้องการเรียนหนังสือ“นายสองคนไม่ชอบวิชาการเหรอ?” เกรย์สันรู้สึกว่าสถานการณ์กำลังคลี่คลายลงเล็กน้อยเจนสันเป็นเด็กเงียบ ๆ ชอบอยู่เฉย ๆ มากกว่าขยับตัวไปมา เขาจะเลื่อนมาเป็นเรียนศิลปะการต่อสู้ได้ยังไง?ตามที่คาดไว้ ร็อบบี้น้อยกระดิกนิ้วไปมาใส่พวกเขา “นั่นไม่จริงครับ เราไม่ต้องการที่จะเป็นคนธรรมดาที่มีพลังมากกว่าสมอง แต่เราแค่อยากมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ที่เก่งในรอบด้านและได้รับการพัฒนามาอย่างดี”การแสดงออกของสตอร์มและเกรย์สันมืดลงสตอร์มกลืนน้ำลาย แล้วพูดว่า “ปีศาจน้อยสองคนต้องการพูดภาษาอังกฤษงั้นเหรอ? พวกนายพยายามจะพูดถึงอะไร?”เซ็ตตี้น้อยยิ้มอย่างสนุกสนาน “คุณไม่สามารถตำหนิคนอื่นที่เรียกคุณว่าโง่ได้จริง ๆ คำพูดของพี่ใหญ่ตรงไปตรงมา ดังนั้นคุณจะยังไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพยายามจะพูดอยู่อีกงั้นเหรอ? เฮ้อ”สตอร์มถึงกับพูดไม่ออก “...”สตอร์มมองไปที่เกรย์สัน “แล้วนายเข้าใจไหม?”เกรย์สันส่ายหัวพร้อมกับยักไหล่เจนสันโพล่งออกมาว่า “เราต้องการเปลี่ยนครู”เกรย์สันตอบว่า “ผมจะบอกให้ว่า ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ สตอร์มคนนี้จบการศึกษา
ประกายแห่งความสงสัยแวบวาบในดวงตาของเจนสันทันที “แล้วคุณพ่อของเราล่ะ?”เกรย์สันรู้สึกว่าหัวใจของเขามีเลือดออกในขณะที่ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอันขมขื่น “ไม่ได้สิ เราไม่อยากรบกวนเขาสำหรับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ คุณก็รู้อยู่แล้วหนิว่าพ่อของคุณเป็นยังไง เขายุ่งกับตารางงานที่แน่นเอี้ยดมากพออยู่แล้ว”สายตาที่เฉียบคมของเจนสันจับจ้องไปที่เกรย์สัน “ยุ่งมากจนไม่มีเวลาให้เราเลยเหรอ? เขาไม่กลัวว่าจะไม่มีใครมาเยี่ยมหลุมฝังศพของเขาเมื่อเขาตายด้วยวัยชราบ้างเหรอ?”เปลวไฟแห่งความสงสารแวบวาบในดวงตาของเกรย์สันถ้าเพียงท่านประธานจะตายก็ต้องด้วยวัยชรา!ดวงตาของเจนสันหดเกร็งเมื่อหัวใจของเขาบีบรัดด้วยความกลัวเหตุผลเดียวที่พ่อไม่ได้มาเยี่ยมพวกเขานานแบบนี้ก็คือเขาถูกกีดกันด้วยสิ่งกีดขวางที่ทำให้ขยับตัวไม่ได้อย่างแน่นอนตอนนี้แม้แต่แกรนด์เอเซียก็ยังอยู่ในภาวะวิกฤต บางทีสถานการณ์อาจเลวร้ายกว่าที่เขาคาดไว้มาก“เอาแล็ปท็อปคมาให้ผมสิ” เจนสันร้องขอเกรย์สันรีบวางแล็ปท็อปของเขาไว้ในมือของเจนสันทันทีเจนสันกอดแล็ปท็อปนั้นไว้ในอ้อมแขนขณะที่เขาวิ่งไปที่ห้องอ่านหนังสือ เขานั่งอยู่ด้านหน้าแล็ปท็อปและรีบเปิดมันอ
สายตาที่ลึกล้ำของเจนสันจับจ้องไปที่ใบหน้าของเกรย์สัน “ผมรับได้ บอกผมมาเถอะ”สตอร์มยังคงต้องการปกปิดเรื่องโศกนาฏกรรมนั้นไว้ “อย่าเชื่อสิ่งที่นายเห็นทางออนไลน์เลย เจนส์ พวกเขาแสดงแค่ข่าวลือ”เกรย์สันโบกมือให้สตอร์ม “ไม่เป็นไร ๆ เราสามารถบอกเขาได้ เด็กคนนี้จะโกหกเขาไม่ได้ง่าย ๆ”เกรย์สันกระแอมในลำคอ เมื่อเห็นเหตุการณ์เท็จนี้แล้ว เขาพบว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังอารมณ์ของเขาไว้ เขาเริ่มเล่า อย่างทุกข์ทรมาน “มีบางอย่างเกิดขึ้นกับพ่อของคุณจริง ๆ เขาเกือบเสียชีวิตจากการซุ่มโจมตีเพื่อช่วยปู่ย่าในสายเลือดของคุณ ณ ตอนนี้ เขายังอยู่ระหว่างการรักษาที่ห้องผู้ป่วยอาการหนักของแกรนด์ เอเซีย”ดวงตาของร็อบบี้น้อยเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ราวกับว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ หมัดที่กำซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อของเขากำไว้แน่นมากการแสดงออกของเจนสันสงบลงอย่างน่ากลัว “ใครเป็นคนทำ?”เกรย์สันตอบว่า “เรายังไม่รู้ แต่แจ็ค อาเรส คุณปู่อีกคนของคุณดูทำตัวยุ่งวุ่นวายมากช่วงนี้ เขาพยายามอยากจะย้ายพ่อของคุณออกจากแผนกการแพทย์ไปยังอีกแผนกหนึ่งในนามสิทธิ์ของผู้เป็นพ่อ ผมอยากจะบอกว่าเขานั่นแหละที่มีส่วนร่วมในแผนการของสิ่งต่
แจ็คตกใจมาก “ว่าไงนะ?”ข่าวดังกล่าวทำให้เขาตกใจ เขาเริ่มปล่อยจิตวิญญาณที่สดใสก่อนหน้านี้ของเขาทิ้งไปและทำให้เขาดูเหมือนว่าเขาถูกปีศาจดูดวิญญาณออกมาแทน เขาดูหมดแรงและสิ้นหวังเกินกว่าจะเข้าใจ“มันจะเป็นไปได้ยังไง?” แจ็คพึมพำกับตัวเองอย่างไม่เชื่อแจ็คตั้งใจตั้งทีมแฮ็กเกอร์ที่เก่งที่สุดเพื่อเจาะระบบเครือข่ายของแกรนด์ เอเซีย พวกเขาใช้เวลาทุกวันในการตรวจสอบและค้นหาข้อผิดพลาดในระบบไม่ต้องพูดถึงความสามารถของแฮ็กเกอร์ของเขาที่เจาะเครือข่ายของแกรนด์เอเซียเลย เมื่อหลายปีก่อน เหตุผลเดียวที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจากการแฮ็กในตอนนั้น ก็เพราะว่าแกรนด์ เอเซียกำลังเฟื่องฟูอยู่และเขากลัวว่าเจย์จะสงสัยถ้าหากทำมันลงไปเมื่อถึงตอนนี้เขาคิดว่ามันน่าจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะเริ่มโจมตีแกรนด์ เอเซีย ตอนนี้เจย์ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ในโรงพยาบาล เขาคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะสามารถซ่อมเครือข่ายที่ซบเซาได้ภายในเวลาไม่ถึงสามชั่วโมงเมื่อรู้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะคอยดูแลแกรนด์เอเซียอยู่ ระดับความยากในการทำลายแกรนด์เอเซียก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ใครจะนึกภาพออกว่าแจ็คจะต้องมารู้สึกผิดหวังในขณะนั้นด้วยความสิ้นหวัง แจ็คจึงกล
เกรย์สันเดินตามพวกเขาออกไปนอกทางเดินด้วยความรู้สึกหดหู่ใจเปรียบได้ว่าในบรรดากลุ่มคนตาบอด ชายตาเดียวคือผู้ที่มีความบกพร่องน้อยที่สุดมักจะได้เป็นผู้นำให้กับคนอื่น ๆ!แจ็คหยุดตรงหน้าตึกเพื่อสั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารโรงพยาบาล “เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารโรงพยาบาล ขอเอกสารการเคลื่อนย้ายลูกของฉันให้ฉันหน่อย ฉันต้องการย้ายโรงพยาบาล!”เกรย์สันก้มหน้าลงอย่างสิ้นหวังอย่างไรก็ตาม ทันใดนั้น ประตูลิฟต์ก็เปิดออกอย่างกะทันหัน น้ำหอมกลิ่นกุหลาบอบอวลไปในอากาศ ดึงดูดสายตาทุกคู่ไปรอบ ๆเสียงรองเท้าส้นสูงสีดำก้าวออกมาพร้อมกับออร่าที่กดขี่ ตามมาด้วยหุ่นที่สวยงามในชุดเดรสยาวสีแดง แม้คนคนนั้นใส่ชุดที่มีเสน่ห์และผ้าบาง ๆ สีดำที่ปกปิดใบหน้าของเธออย่างลึกลับ แต่ออร่าที่มีอำนาจดูเหนือกว่าสิ่งอื่นใดของเธอได้ปล่อยออกมาโดยไม่ได้ถูกขัดขวางขณะที่กำลังเดินตัดผ่านบรรยากาศรอบ ๆ เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายได้เดินถอยไปชิดกำแพงโดยไม่รู้ตัว พวกเขาเปิดทางให้เธอเดินไปตามทางแต่ทว่า เธอหยุดอยู่ตรงหน้าเกรย์สันและส่ายหัวอย่างผิดหวังขณะที่เธอมีสีหน้าซีดเผือกจากนั้นเธอก็ยกผ้าบาง ๆ สีดำขึ้นเพื่อยิงสายตาไปที่เขาด้วยท่าทางที่หยอ
“เธอไม่สามารถเป็น แองเจลีน เซเวียร์ได้หรอก ว่าไหม?” แจ็คพล่ามออกมาทันที “แองเจลีน เซเวียร์ เสียชีวิตไปเมื่อเก้าปีที่แล้ว”เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายมีท่าทางสงสัย สายตาของพวกเขาจ้องมองระหว่างแจ็คและแองเจลีนอยู่ชั่วขณะ“พวกคุณสองคนกำลังพูดโกหก”แจ็คชี้ไปที่แองเจลีน “มันคือเธอ เธอเป็นคนโกหก เธอไม่ใช่ แองเจลีน เซเวียร์ คุณสามารถตรวจสอบไฟล์ข้อมูลของเธอได้เลย เจ้าหน้าที่”ทันทีที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาขอความช่วยเหลือจากแผนกอื่น แองเจลีนก็รีบลุกขึ้นเพื่อขัดจังหวะเมื่อเธอเข้าใกล้คาร์เตอร์ซึ่งยืนอยู่ข้างแจ็ค แองเจลีนก็เอื้อมมือไปหยิบไฟล์ข้อมูลภาพในมือของเขา แล้วเธอก็หยิบใบทะเบียนสมรสแล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่“ฉันจะตัดปัญหาให้คุณ ดูวันที่ในทะเบียนสมรสของสามีและฉันสิ นั่นจะบอกคุณว่าฉันเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลอาเรสจริงหรือเปล่า”จากนั้น เธอก็เปิดหน้าแรกของใบรับรองเอกสารซึ่งเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายสามารถเห็นรอยยิ้มที่สวยงามของหญิงสาวที่มีดวงตาเป็นประกาย ในภาพเธอยืนใกล้ชิดกับเจย์และรูปร่างหน้าตาของเธอก็เหมือนกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาบนใบรับรองมีคำว่า 'แองเจลีน
เมื่อเห็นท่านปู่เซเวียร์ แจ็คก็เดินเข้ามาใกล้ ๆ ทันที ด้วยรอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้าของเขา “เร็ว ๆ หน่อย ลุงเซเวียร์ มาดูผู้หญิงคนนี้ที่แกล้งทำเป็นหลานสาวแสนล้ำค่าของคุณสิ แค่มองดูไปที่เธอ เธอเป็นหลานสาวของคุณได้ยังไงว่าไหม?”ท่านปู่เซเวียร์เงยหน้าขึ้นมองแองเจลีนที่อยู่ข้างหน้าเขาแองเจลีนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจขณะที่เธอมองดูคุณปู่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมด้วยมือทั้งสองข้างของเขาจับที่วางแขนของรถเข็น“คุณปู่” เธอเดินเข้ามาช้า ๆ เพื่อคุกเข่าต่อหน้าท่านปู่เซเวียร์ด้วยน้ำตาในดวงตาของเธอท่านปู่เซเวียร์เอื้อมมือที่สั่นเพื่อลูบแก้มที่ได้รับการฟื้นฟูสภาพของเธอ ขณะที่น้ำตาเริ่มไหลจากดวงตาของเขา “เจ็บไหม?”บางทีสำหรับผู้ชายอย่างท่านปู่เซเวียร์ที่มีประสบการณ์ชีวิตมามาก เขาใช้เวลามามากกับการเห็นรูปร่างหน้าตานี้ในการระบุตัวบุคคล เพราะดวงตาของบุคคลนั้นบอกอะไรได้มากมายการปรากฏตัวของแองเจลีนที่มีใบหน้าสยดสยองเมื่อสองปีก่อน เธออาจใช้เวลาทุกวันในการยิ้มต่อหน้าปู่ของเธอ แต่ท่านปู่เซเวียร์จะไม่เข้าใจความทุกข์ยากของหลานสาวของเขาได้ยังไง?หลานสาวคนโตของตระกูลเซเวียร์จะยิ่งใหญ่และสูงส่งได้ยังไง
สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นความสง่างามที่ไม่มีใครเทียบได้กลับกลายเป็นความโกลาหลวุ่นวายแองเจลีนจ้องไปที่เขาด้วยความตกใจขณะที่น้ำตายังคงไหลรินออกมาไม่หยุดหย่อนเธอรู้สึกคร่ำครวญอย่างมากจนต้องเอามือมาปิดปากเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นของเธอหลุดออกมาให้ได้ยินเธอใช้เวลา 18 ชั่วโมงอยู่ข้างในกับเขา เฝ้าดูเขาอยู่เงียบ ๆ โดยไม่ดื่มน้ำหรือทานอาหารอะไรเลยหมอได้เดินเข้ามากระตุ้นบอกเธอให้หาอะไรทานหลายครั้ง แต่หมอได้รับคำตอบที่ไม่สบายใจจากแองเจลีนทุกครั้ง “ฉันขออยู่กับเขาต่ออีกนาน ๆ นะ”เธอไม่เคยคิดที่จะฟังเขาเลยในชีวิตนี้ เขาคิดแผนการที่จะผูกเธอไว้กับเขา ในขณะที่เธอคิดที่จะหาข้อแก้ตัวเพื่อหาข้ออ้างที่จะทิ้งเขาไปเสมอเช่นกันบางทีเขาอาจจะไม่ต้องทนทุกข์กับการถูกซุ่มโจมตีแบบนี้ หากไม่ใช่เพราะพฤติกรรมที่ดื้อรั้นและหุนหันพลันแล่นของเธอ แม้ว่าจะไม่มีทางรอดจากการถูกซุ่มโจมตี อย่างน้อยถ้าหากเธอยังอยู่เคียงข้างเขาในเวลาแบบนั้นได้และเขาจะไม่ต้องเดินบนเส้นทางนี้เพียงลำพังผลของยาชาเริ่มหมดฤทธิ์และเจย์เริ่มรู้สึกว่าจิตใจของเขาค่อย ๆ ปลอดโปร่งจากการหลับใหลเป็นเวลานาน สติของเขายังคงมึนงงและเขายังคงรู้สึกสะ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ