”แม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายปี นายหญิงต้องอดทนรับความเย็นชาจากคุณ ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดของเธอได้เลย”“ฉันทำผิดกับเธอ” เจมส์พึมพำ“คุณท่านคะ ไปรับนายหญิงกลับมาเถอะค่ะ” เคซี่ย์กล่าวเจมส์มองดูสตอร์มอย่างจริงจังและพูดกับเขาว่า “สตอร์มพาฉันไปที่หอท่าเรือหอมหวนหน่อย”หลังจากที่สตอร์มฟังเรื่องราวความรักอันนองเลือดนั้น เขาก็ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความงุนงงในทันใดที่เขาได้ยินเสียงของเจมส์ เขาก็อยากตวาดออกมา ริมฝีปากของเขาขดขึ้น ให้ตายสิ เขาต้องการเตือนคนแก่ชราคนนั้นว่าเขาไม่ใช่คนรับใช้ของเจมส์และเขาอยากจะบอกว่าเขาเป็นแค่เพียงนักกายภาพบำบัดเท่านั้นกระนั้น ด้วยเหตุที่ชายชราคนนี้ต้องการไปที่หอท่าเรือหอมหวน สตอร์มจึงละทิ้งทิฐิเหล่านั้นของเขาออกไปก่อนเขาพยุงเจมส์ไปที่หอท่าเรือหอมหวน“เจย์ อาเรส นายออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” เจมส์ตะคอกเมื่อยืนอยู่ตรงหน้าประตูสตอร์มแสดงรอยยิ้มมุมปากออกมา เขาช่างกล้าตะโกนใส่ท่านประธานได้ขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้แล้วว่าท่านประธานโหดร้ายแค่ไหนเมื่อนึกถึงการล้างแค้นและการแก้แค้นท่านประธานอดทนเจอความแค้นได้ตลอดชีวิตของเขาเจย์เดินออกมาอย่างสง่างาม เขายืนกอดอก จาก
ในเวลาต่อมา สตอร์มก็ได้ผลักเจมส์เข้าไปในห้องโถงจู่ ๆ เวลาผ่านไปไม่นานเจมส์ก็ได้ผล็อยหลับไปในรถเข็นเจย์ยิ้มและพูดว่า “ความสามารถของนายดีมากขึ้นเลยทีเดียว”สตอร์มบ่นว่า “ถ้าผมรู้ว่าเขาจะหยาบคายกับคุณ ผมจะให้ยาที่แรงกว่านี้กับเขาอีก”เจย์ตอบว่า “ถึงแม้ว่ายาจะไม่มีสีหรือรสชาติใด ๆ แต่มันก็ได้ทิ้งร่องรอยของฤทธิ์ยาไว้ได้ดีเมื่อมันผ่านเข้าสู่ร่างกาย การสะกดจิตให้หลับของนายมีประโยชน์จริง ๆ และสิ่งนี้อาจเป็นประโยชน์ในการทดแทนการใช้ยาของนายในครั้งต่อไปด้วย”“ครับ ท่านประธาน”“ฉันเรียกนายมาโดยด่วนเพราะมีเหตุฉุกเฉินอยากให้นายทำ”“บอกมาได้เลยครับ ท่านประธาน”“ตอนที่ภรรยาของฉันประสบอุบัติเหตุในอสังหาริมทรัพย์ ทัวร์มาลีน โจเซฟินก็อยู่ที่นั่นกับเธอ ทว่า มันน่าแปลกที่โจเซฟินได้ลืมเรื่องพวกนี้ไปทั้งหมดหลังจากเจอเหตุการณ์นั้น ฉันเดาว่าเธอคงลืมตอนนั้นไปแล้วจริง ๆ เพราะฉะนั้นฉันต้องการยาสะกดจิตของนายเพื่อช่วยให้เธอจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น”“ได้ครับ ท่านประธาน”“หลังจากที่นายทำเสร็จแล้ว ฉันขอให้นายช่วยพานายน้อยและคุณหนูของนายออกไปจากเมืองด้วย”“ทำไมกันท่านประธาน?” สตอร์มมีแววตากังวลใจเจย
แววตาของเจย์มืดลง “มันซ่อนอยู่แค่ปลายจมูกของฉัน”“ท่านประธาน ดูเหมือนว่าคน ๆ นั้นจะเข้าใจคุณเป็นอย่างดี” สตอร์มกล่าวเจย์ตอบว่า “นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงเล่นกลได้ทั้ง ๆ ที่อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกของฉัน”เสียงของเขาเบา แต่น้ำเสียงของเขาช่างน่าสะพรึงกลัว เขาดูหายใจแรงและเร็วออกมาเมื่อนึกถึงเหยื่อของเขาเองสตอร์มกำหมัดของเขาและพูดตะคอก “ท่านประธาน ผมเอง ผมเองที่จะไปจัดการไอพวกคนใจฝ่อนั่นให้ออกมาจากหลุมพรางของพวกมัน!”เมื่อได้ยินแบบนั้นเจย์อารมณ์เริ่มสงบลง “งั้นไปที่พื้นที่ซีคามอร์ แอนเน็กซ์ซะ เด็ก ๆ อยู่ที่นั่นกับปู่ย่า แล้วพาพวกเขาออกไปจากที่นี่ในคืนนี้”“ท่านประธาน?” สตอร์มไม่เต็มใจที่จะออกจากท่านประธานในช่วงเวลาเช่นนี้ที่เขาต้องการมีใครสักคนอยู่เคียงข้างเขา“มันเป็นทางที่ดีแล้วล่ะ”“ก็ได้ครับ” สตอร์มก้มหน้ายอมรับและเดินออกจากหอท่าเรือหอมหวนอย่างไม่เต็มใจเจย์ยืนอยู่ข้างหน้าต่างแคบ ๆ จ้องมองผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดสนิทราวกับว่าเขากำลังมองหาทางออกในความมืด เขากำลังมองหาแสงสว่างณ ซีคามอร์ แอนเน็กซ์สตอร์มแอบเข้าไปในซีคามอร์ แอนเน็กซ์ตามแผนที่เขาวางไว้ในใจก่อนหน้านี้ คือเ
“ไม่ว่านายต้องการจะขโมยเงินหรือลักพาตัวผู้หญิง ฉันคิดว่านายมาผิดที่แล้ว” เจนสันพูดอย่างเย็นชาสตอร์มได้ยินแบบนั้นถึงกับกลืนน้ำลาย เขาถึงกับสะดุดกับคำพูดของเจนสัน“ฉันไม่ได้จะมาขโมยเงินและไม่ได้จะมาลักพาตัวผู้หญิงอย่างแน่นอน” สตอร์มอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปบีบใบหน้าเล็ก ๆ ของเจนสันเนื่องจากคนในสมาชิกของภูติผียังอายุน้อยและพวกเขารู้สึกว่าท่านประธานเป็นญาติสนิทของพวกเขา แต่ท่านประธานมีท่าทีที่เยือกเย็นอยู่เสมอ จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาดังนั้น เมื่อเขาเห็นหนุ่มน้อยสองคนนี้ที่ดูเหมือนท่านประธาน สตอร์มก็รู้สึกว่าไม่สามารถเข้าใกล้พวกเขาได้มากนักเช่นกันนอกจากนี้ เจนสันยังมีทัศนคติที่เย็นชาเหมือนพ่อของเขาอีกด้วยเขาเบือนหน้าที่เย็นชาหลบออกจากมือคู่นั้น ดังนั้นทำให้สตอร์มไม่สามารถเอามือไปบีบหน้าเขาได้และจับได้แค่อากาศที่ว่างเปล่ายิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้สตอร์มหันกรงเล็บปีศาจของเขาไปทางร็อบบี้น้อย ซึ่งร็อบบี้น้อยปล่อยให้เขากระทำ เมื่อทำเช่นนั้นสตอร์มดูมีความสุข เขาจึงยิ้มปากฉีกไปถึงหูเลย “นายเป็นเด็กดีมาก”“สรุปว่านายมาทำอะไรที่นี่?” โลกของร็อบบี้น้อยนั้นช่างบริสุทธิ์และไร้เดียงสา ในสายตา
สตอร์มยื่นมือไปรับมาและดมสิ่งนั้นเบา ๆ และแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป “นายไปเอาสิ่งนี้มาจากไหน?”“แล้วมันคืออะไร?” เจนสันถามสตอร์มไม่ต้องการสอนเด็ก ๆ ในสิ่งที่ไม่ควรสอน เขาจึงยัดกระดาษห่อนั่นใส่กระเป๋าเจนสันแสดงอารมณ์ไม่มีความสุข “นั่นมันของของเรา!”สตอร์มตอบว่า “ฉันจะเก็บไว้ให้ปลอดภัยเพื่อนายแล้วกัน”“มีสิทธิ์อะไร?” เจนสันเริ่มอารมณ์เสีย“มีสิทธิ์สิเพราะฉันแก่กว่านายไงล่ะ” สตอร์มตอบ“ผู้ใหญ่รังแกเด็ก”“หน้าไม่อาย”“...” สตอร์มถึงกับพูดไม่ออกเจนสันพูดอย่างเป็นผู้ใหญ่ว่า “แม้ว่านายจะไม่บอก แต่ฉันก็พอจะรู้ว่านั่นคืออะไร”สตอร์มจ้องไปที่เจนสันอย่างเฉยเมยและถามอย่างฉลาด “ในเมื่อนายรู้อยู่แล้วว่ามันมีไว้เพื่ออะไร ทำไมนายยังต้องการให้ฉันใส่ลงไปในอาหารเช้าของคุณปู่แจ็คของนายด้วย?”ความโกรธปรากฏขึ้นในดวงตาของเจนสัน “ผมแค่อยากให้เขาลิ้มลองยาของเขาเองก็เท่านั้น”สตอร์มได้ยินถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ “เจนส์ นายหมายความว่ายังไง? แจ็คกำลังวางแผนที่จะทำอย่างนั้นกับพ่อของนายงั้นเหรอ?”เจนสันพยักหน้าสตอร์มเริ่มโกรธจัด เขากำหมัดและพูดโพล่งออกมา “แจ็ค อาเรส คุณมันไอ้สารเลวหน้าไม่อายจริง
เขาลุกขึ้นและเดินเข้ามาหาเซร่าอย่างช้า ๆ“คุณท่านแจ็ค? เกิดอะไรขึ้นคะ?” เซร่ารู้สึกว่าการจ้องมองของเขาดูค่อนข้างน่ากลัว ดังนั้นเธอจึงรีบถอยหลังไปสองสามก้าว“เซร่า เซเวียร์ เธอกล้าดียังไงมาวางยาฉัน!” แจ็คเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในตัวเขาทำให้ความโกรธค่อย ๆ ลดลง อารมณ์ถูกแทนที่ด้วยความต้องการบางอย่างในตอนนี้ผิวของเซร่าเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดราวกับกระดาษ เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน เธอวางยาให้เจย์ แต่ทำไมเขาถึงปกติดีในขณะที่แจ็คกำลังประสบกับผลดังกล่าวเธอหันหลังวิ่งออกจากห้องนั้นไปทันที ตอนนี้ เธอมีเป้าหมายเพียงข้อเดียว นั่นคือการปกป้องความบริสุทธิ์ของเธอเอง เพราะเธอต้องการรักษาไว้เพื่อให้เจย์คนที่สุดแสนจะสะอาดคนนี้เท่านั้นโชคร้ายนักที่เธอวิ่งเข้าห้องทำงานแล้วล็อคประตูทันที เธอกังวลว่าจะมีใครรู้ว่าเธอสมรู้ร่วมคิดกับแจ็ค เธอจึงล็อคประตูไว้อย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามา ตอนนี้เธออยู่ภายใต้ความกดดันและความกังวลใจ แต่จู่ ๆ ประตูมันก็ถูกปลดล็อคจากนั้นแจ็คก็เข้ามาแล้วกระโดดพุ่งเข้าหาและกอดรัดเธอแน่นในที่สุดเซร่ารู้สึกราวกับว่าโลกของเธอกำลังพังทลาย
ความคิดที่ว่าชายคนนี้พยายามจะฆ่าโรสทำให้เจย์โกรธขึ้นมาทันที “นายเป็นใคร?” เขาเดินเข้าไปใกล้ชายคนนั้นทีละก้าว“อยากรู้เหรอ?” ชายคนนั้นถามเจย์มองดูผิวที่เหมือนซากศพของชายคนนั้นและเข้าใจว่าชายผู้นี้แทบจะไม่ได้สัมผัสกับแสงแดดเลย เขาเยาะเย้ยชายคนนั้นโดยกล่าวว่า “ฉันไม่คิดว่านายมีความกล้าพอที่จะเผชิญกับมนุษย์ที่มีลมหายใจอย่างฉันหลังจากใช้ชีวิตอย่างไร้ตัวตนโดยไม่เห็นดวงอาทิตย์ตลอดชีวิตของนาย”เมื่อชายคนนั้นได้ฟังแบบนั้นแล้วก็รู้สึกโกรธเจย์มากและพยายามเอื้อมมือไปคว้าคอของเจย์ แต่เจย์ได้จับมือชายคนข้างหลังไว้ จากนั้นเจย์ก็ยกเขาขึ้นและกระแทกเขาลงกับพื้น การเคลื่อนไหวนี้ทำอย่างคล่องแคล่ว“เจย์ อาเรส นายควรจะเป็นคนที่ถูกซ่อนตัวไว้ต่างหาก ฉันอยู่ที่นี่ในนามของนายก็เท่านั้น” ชายคนนั้นที่นอนแนบนิ่งอยู่บนพื้น ผิวซีดขาวของเขาปรากฏราวกับโปร่งแสงสว่างภายใต้แสงแดด“นายรู้ไหมว่าฉันเกลียดนายมากขนาดไหน?” ดวงตาสีพีชที่สวยงามของชายผู้นั้นดูหม่นหมอง แต่ก็ยังดูมีเสน่ห์เจย์มองชายที่ดูค่อนข้างยังเป็นคนหนุ่ม ไม่มีแม้แต่รอยย่นในบริเวณรอบดวงตา แต่รอยเส้นผิวที่คอเผยให้เห็นอายุโดยประมาณของเขาได้ผู้ชายคนนั้นโต
“นี่เป็นความลับสกปรก ๆ ของตระกูลอาเรส เพื่อปกปิดเรื่องนี้ ครอบครัวอาเรสต้องเสียสละผู้บริสุทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วน แม้แต่ผู้หญิงที่นายรักอย่างสุดซึ้งก็ตายด้วยเหตุนี้ สำหรับฉัน เหตุผลที่ฉันอาศัยอยู่หลังเงามืดคือการปกป้องความลับนี้ นายมาถามผิดคนหรือเปล่า?”ชายคนนั้นค่อย ๆ ยืนขึ้นและเอื้อมหยิบกระบอกฉีดยาและเข็มฉีดที่อยู่ในกระเป๋าของเขาเจย์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่พยายามหลบเลี่ยงเข็มได้ในขณะที่มันกำลังจะพุ่งเข้ามาทิ่มตรงตัวเขา เขาปัดเข็มทิ้งได้ในทันทีเจย์โกรธมาก เขาหยิบเข็มขึ้นมาและโจมตีโดยการทิ่มไปที่คอของชายคนนั้น“นายคือคนที่ฆ่าแองเจลีนใช่ไหม?”ชายผู้นั้นเผยรอยยิ้มชั่วร้ายที่น่าหลงใหลออกมา “ใช่แล้ว สาวสวยที่เหมือนแม่ของนาย เธอมีใบหน้าที่สามารถแข่งความสวยได้พอ ๆ กับเฮเลนที่เป็นต้นเหตุความหายนะของการทำลายล้างได้เลยล่ะ แล้วใบหน้าของเธอสามารถทำให้ผู้ชายนับไม่ถ้วนต้องคุกเข่าลง ฉันไม่ได้ต้องการจะฆ่าเธอเลย แต่เธอรู้มากเกินไป ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสร้างอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างแนบเนียนเพื่อปกป้องตระกูลอาเรส...”เจย์ยกเข็มขึ้นไปข้างหน้า ทันใดนั้นชายตรงหน้าเขาก็หลับตาลงช้า ๆ และขมวดคิ้วเ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ