แววตาของเจย์มืดลง “มันซ่อนอยู่แค่ปลายจมูกของฉัน”“ท่านประธาน ดูเหมือนว่าคน ๆ นั้นจะเข้าใจคุณเป็นอย่างดี” สตอร์มกล่าวเจย์ตอบว่า “นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงเล่นกลได้ทั้ง ๆ ที่อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกของฉัน”เสียงของเขาเบา แต่น้ำเสียงของเขาช่างน่าสะพรึงกลัว เขาดูหายใจแรงและเร็วออกมาเมื่อนึกถึงเหยื่อของเขาเองสตอร์มกำหมัดของเขาและพูดตะคอก “ท่านประธาน ผมเอง ผมเองที่จะไปจัดการไอพวกคนใจฝ่อนั่นให้ออกมาจากหลุมพรางของพวกมัน!”เมื่อได้ยินแบบนั้นเจย์อารมณ์เริ่มสงบลง “งั้นไปที่พื้นที่ซีคามอร์ แอนเน็กซ์ซะ เด็ก ๆ อยู่ที่นั่นกับปู่ย่า แล้วพาพวกเขาออกไปจากที่นี่ในคืนนี้”“ท่านประธาน?” สตอร์มไม่เต็มใจที่จะออกจากท่านประธานในช่วงเวลาเช่นนี้ที่เขาต้องการมีใครสักคนอยู่เคียงข้างเขา“มันเป็นทางที่ดีแล้วล่ะ”“ก็ได้ครับ” สตอร์มก้มหน้ายอมรับและเดินออกจากหอท่าเรือหอมหวนอย่างไม่เต็มใจเจย์ยืนอยู่ข้างหน้าต่างแคบ ๆ จ้องมองผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดสนิทราวกับว่าเขากำลังมองหาทางออกในความมืด เขากำลังมองหาแสงสว่างณ ซีคามอร์ แอนเน็กซ์สตอร์มแอบเข้าไปในซีคามอร์ แอนเน็กซ์ตามแผนที่เขาวางไว้ในใจก่อนหน้านี้ คือเ
“ไม่ว่านายต้องการจะขโมยเงินหรือลักพาตัวผู้หญิง ฉันคิดว่านายมาผิดที่แล้ว” เจนสันพูดอย่างเย็นชาสตอร์มได้ยินแบบนั้นถึงกับกลืนน้ำลาย เขาถึงกับสะดุดกับคำพูดของเจนสัน“ฉันไม่ได้จะมาขโมยเงินและไม่ได้จะมาลักพาตัวผู้หญิงอย่างแน่นอน” สตอร์มอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปบีบใบหน้าเล็ก ๆ ของเจนสันเนื่องจากคนในสมาชิกของภูติผียังอายุน้อยและพวกเขารู้สึกว่าท่านประธานเป็นญาติสนิทของพวกเขา แต่ท่านประธานมีท่าทีที่เยือกเย็นอยู่เสมอ จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาดังนั้น เมื่อเขาเห็นหนุ่มน้อยสองคนนี้ที่ดูเหมือนท่านประธาน สตอร์มก็รู้สึกว่าไม่สามารถเข้าใกล้พวกเขาได้มากนักเช่นกันนอกจากนี้ เจนสันยังมีทัศนคติที่เย็นชาเหมือนพ่อของเขาอีกด้วยเขาเบือนหน้าที่เย็นชาหลบออกจากมือคู่นั้น ดังนั้นทำให้สตอร์มไม่สามารถเอามือไปบีบหน้าเขาได้และจับได้แค่อากาศที่ว่างเปล่ายิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้สตอร์มหันกรงเล็บปีศาจของเขาไปทางร็อบบี้น้อย ซึ่งร็อบบี้น้อยปล่อยให้เขากระทำ เมื่อทำเช่นนั้นสตอร์มดูมีความสุข เขาจึงยิ้มปากฉีกไปถึงหูเลย “นายเป็นเด็กดีมาก”“สรุปว่านายมาทำอะไรที่นี่?” โลกของร็อบบี้น้อยนั้นช่างบริสุทธิ์และไร้เดียงสา ในสายตา
สตอร์มยื่นมือไปรับมาและดมสิ่งนั้นเบา ๆ และแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป “นายไปเอาสิ่งนี้มาจากไหน?”“แล้วมันคืออะไร?” เจนสันถามสตอร์มไม่ต้องการสอนเด็ก ๆ ในสิ่งที่ไม่ควรสอน เขาจึงยัดกระดาษห่อนั่นใส่กระเป๋าเจนสันแสดงอารมณ์ไม่มีความสุข “นั่นมันของของเรา!”สตอร์มตอบว่า “ฉันจะเก็บไว้ให้ปลอดภัยเพื่อนายแล้วกัน”“มีสิทธิ์อะไร?” เจนสันเริ่มอารมณ์เสีย“มีสิทธิ์สิเพราะฉันแก่กว่านายไงล่ะ” สตอร์มตอบ“ผู้ใหญ่รังแกเด็ก”“หน้าไม่อาย”“...” สตอร์มถึงกับพูดไม่ออกเจนสันพูดอย่างเป็นผู้ใหญ่ว่า “แม้ว่านายจะไม่บอก แต่ฉันก็พอจะรู้ว่านั่นคืออะไร”สตอร์มจ้องไปที่เจนสันอย่างเฉยเมยและถามอย่างฉลาด “ในเมื่อนายรู้อยู่แล้วว่ามันมีไว้เพื่ออะไร ทำไมนายยังต้องการให้ฉันใส่ลงไปในอาหารเช้าของคุณปู่แจ็คของนายด้วย?”ความโกรธปรากฏขึ้นในดวงตาของเจนสัน “ผมแค่อยากให้เขาลิ้มลองยาของเขาเองก็เท่านั้น”สตอร์มได้ยินถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ “เจนส์ นายหมายความว่ายังไง? แจ็คกำลังวางแผนที่จะทำอย่างนั้นกับพ่อของนายงั้นเหรอ?”เจนสันพยักหน้าสตอร์มเริ่มโกรธจัด เขากำหมัดและพูดโพล่งออกมา “แจ็ค อาเรส คุณมันไอ้สารเลวหน้าไม่อายจริง
เขาลุกขึ้นและเดินเข้ามาหาเซร่าอย่างช้า ๆ“คุณท่านแจ็ค? เกิดอะไรขึ้นคะ?” เซร่ารู้สึกว่าการจ้องมองของเขาดูค่อนข้างน่ากลัว ดังนั้นเธอจึงรีบถอยหลังไปสองสามก้าว“เซร่า เซเวียร์ เธอกล้าดียังไงมาวางยาฉัน!” แจ็คเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในตัวเขาทำให้ความโกรธค่อย ๆ ลดลง อารมณ์ถูกแทนที่ด้วยความต้องการบางอย่างในตอนนี้ผิวของเซร่าเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดราวกับกระดาษ เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน เธอวางยาให้เจย์ แต่ทำไมเขาถึงปกติดีในขณะที่แจ็คกำลังประสบกับผลดังกล่าวเธอหันหลังวิ่งออกจากห้องนั้นไปทันที ตอนนี้ เธอมีเป้าหมายเพียงข้อเดียว นั่นคือการปกป้องความบริสุทธิ์ของเธอเอง เพราะเธอต้องการรักษาไว้เพื่อให้เจย์คนที่สุดแสนจะสะอาดคนนี้เท่านั้นโชคร้ายนักที่เธอวิ่งเข้าห้องทำงานแล้วล็อคประตูทันที เธอกังวลว่าจะมีใครรู้ว่าเธอสมรู้ร่วมคิดกับแจ็ค เธอจึงล็อคประตูไว้อย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามา ตอนนี้เธออยู่ภายใต้ความกดดันและความกังวลใจ แต่จู่ ๆ ประตูมันก็ถูกปลดล็อคจากนั้นแจ็คก็เข้ามาแล้วกระโดดพุ่งเข้าหาและกอดรัดเธอแน่นในที่สุดเซร่ารู้สึกราวกับว่าโลกของเธอกำลังพังทลาย
ความคิดที่ว่าชายคนนี้พยายามจะฆ่าโรสทำให้เจย์โกรธขึ้นมาทันที “นายเป็นใคร?” เขาเดินเข้าไปใกล้ชายคนนั้นทีละก้าว“อยากรู้เหรอ?” ชายคนนั้นถามเจย์มองดูผิวที่เหมือนซากศพของชายคนนั้นและเข้าใจว่าชายผู้นี้แทบจะไม่ได้สัมผัสกับแสงแดดเลย เขาเยาะเย้ยชายคนนั้นโดยกล่าวว่า “ฉันไม่คิดว่านายมีความกล้าพอที่จะเผชิญกับมนุษย์ที่มีลมหายใจอย่างฉันหลังจากใช้ชีวิตอย่างไร้ตัวตนโดยไม่เห็นดวงอาทิตย์ตลอดชีวิตของนาย”เมื่อชายคนนั้นได้ฟังแบบนั้นแล้วก็รู้สึกโกรธเจย์มากและพยายามเอื้อมมือไปคว้าคอของเจย์ แต่เจย์ได้จับมือชายคนข้างหลังไว้ จากนั้นเจย์ก็ยกเขาขึ้นและกระแทกเขาลงกับพื้น การเคลื่อนไหวนี้ทำอย่างคล่องแคล่ว“เจย์ อาเรส นายควรจะเป็นคนที่ถูกซ่อนตัวไว้ต่างหาก ฉันอยู่ที่นี่ในนามของนายก็เท่านั้น” ชายคนนั้นที่นอนแนบนิ่งอยู่บนพื้น ผิวซีดขาวของเขาปรากฏราวกับโปร่งแสงสว่างภายใต้แสงแดด“นายรู้ไหมว่าฉันเกลียดนายมากขนาดไหน?” ดวงตาสีพีชที่สวยงามของชายผู้นั้นดูหม่นหมอง แต่ก็ยังดูมีเสน่ห์เจย์มองชายที่ดูค่อนข้างยังเป็นคนหนุ่ม ไม่มีแม้แต่รอยย่นในบริเวณรอบดวงตา แต่รอยเส้นผิวที่คอเผยให้เห็นอายุโดยประมาณของเขาได้ผู้ชายคนนั้นโต
“นี่เป็นความลับสกปรก ๆ ของตระกูลอาเรส เพื่อปกปิดเรื่องนี้ ครอบครัวอาเรสต้องเสียสละผู้บริสุทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วน แม้แต่ผู้หญิงที่นายรักอย่างสุดซึ้งก็ตายด้วยเหตุนี้ สำหรับฉัน เหตุผลที่ฉันอาศัยอยู่หลังเงามืดคือการปกป้องความลับนี้ นายมาถามผิดคนหรือเปล่า?”ชายคนนั้นค่อย ๆ ยืนขึ้นและเอื้อมหยิบกระบอกฉีดยาและเข็มฉีดที่อยู่ในกระเป๋าของเขาเจย์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่พยายามหลบเลี่ยงเข็มได้ในขณะที่มันกำลังจะพุ่งเข้ามาทิ่มตรงตัวเขา เขาปัดเข็มทิ้งได้ในทันทีเจย์โกรธมาก เขาหยิบเข็มขึ้นมาและโจมตีโดยการทิ่มไปที่คอของชายคนนั้น“นายคือคนที่ฆ่าแองเจลีนใช่ไหม?”ชายผู้นั้นเผยรอยยิ้มชั่วร้ายที่น่าหลงใหลออกมา “ใช่แล้ว สาวสวยที่เหมือนแม่ของนาย เธอมีใบหน้าที่สามารถแข่งความสวยได้พอ ๆ กับเฮเลนที่เป็นต้นเหตุความหายนะของการทำลายล้างได้เลยล่ะ แล้วใบหน้าของเธอสามารถทำให้ผู้ชายนับไม่ถ้วนต้องคุกเข่าลง ฉันไม่ได้ต้องการจะฆ่าเธอเลย แต่เธอรู้มากเกินไป ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสร้างอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างแนบเนียนเพื่อปกป้องตระกูลอาเรส...”เจย์ยกเข็มขึ้นไปข้างหน้า ทันใดนั้นชายตรงหน้าเขาก็หลับตาลงช้า ๆ และขมวดคิ้วเ
“ไม่ว่าใคร อย่าเข้ามา” เทมเพสสั่งอย่างเข้มงวด“ถึงเราจะไม่สามารถเอาชนะนายท่านได้ แต่เราสามารถเอาชนะผู้ชายคนนี้ได้ เราเข้าไปจัดการกันเถอะ” จากนั้นมีคนมากกว่าสิบคนล้อมรอบเทมเพส“ไอ้พวกสวะ!” เทมเพสด่าสาปแช่งขณะที่เขาถอยหลังไปติดกำแพงโดยที่หมัดจากคนเหล่านั้นพุ่งเข้ามาใส่ตัวเขาในขณะที่เจย์ค่อย ๆ เดินเข้าไปข้างใน เขาเดินผ่านทางเดินที่ทำจากไม้กระดานและมองดูห้องต่าง ๆ ที่เรียงกันเป็นแถวไปเรื่อย ๆ หัวใจของเจย์เริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูกเขาผลักประตูบานหนึ่งที่ปิดอยู่ จากนั้นก็เห็นผู้หญิงรูปร่างผอมบางอยู่บนเตียง ก่อนที่เจย์จะมองไปที่เธอให้ชัดยิ่งขึ้น เธอกลับรีบซ่อนตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างรวดเร็วเจย์กลืนน้ำลายก่อนที่เขาจะย่ำฝีเท้าเดินไปที่ข้างเตียงเขาเห็นผมยาวสลวยโผล่ออกมาจากผ้าห่ม เขารู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูกเจย์กระแอมเสียงในลำคอ ก่อนที่เสียงที่ลึกล้ำและน่าดึงดูดจะก้องกังวานอยู่ในห้อง “ผมจะไม่ทำร้ายคุณ ได้โปรดออกมาเถอะ”ในไม่ช้า ผู้หญิงคนนั้นค่อย ๆ เอาหัวของเธอโผล่ออกมาจากผ้าห่ม เมื่อเจย์เห็นหน้าเธอ เขาถึงกับตกใจเวลาไม่ได้ลบล้างความงามดั่งวัยเยาว์ของเธอเลย แต่ใบหน้าของเธ
“หลบไปซะ” เจย์ตะคอกชายคนนั้นใช้มือกำเป็นกำปั้นพุ่งไปข้างหน้า สายตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องสิ่งที่เป็นของเขา“อย่าทำร้ายเขา” แม่ของเจย์อ้อนวอนอย่างเจ็บปวดเจย์กล่าวว่า “ฉันกำลังพาเธอออกไปและจะไม่มีใครหยุดฉันได้” น้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นออร่าที่โหดเหี้ยมและความตายในที่สุดเทมเพสก็กำจัดกลุ่มคนหลังค่อมและมายืนอยู่ตรงหน้าเจย์“ท่านประธานออกไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวทางนี้ผมจะจัดการชำระล้างเอง” เทมเพสกล่าว“ตกลง” เจย์อุ้มแม่ของเขาไปที่ทางออกของถ้ำหญิงคนนั้นร้องตะโกนออกมาด้วยความสิ้นหวัง “ลูก อย่าทำร้ายเขาเลย”หลังของเจย์แข็งทื่อทันทีแม่ของเขาต้องการปกป้องชายคนนั้นจากส่วนลึกของหัวใจของเธอ บางทีอาจเป็นเพราะเธอมีความรู้สึกลึกอันซึ้งต่อผู้ชายคนนั้นและสิ่งนี้ทำให้เจย์รู้สึกรังเกียจตัวเองการเกิดมาของเขาอาจไม่ได้เกิดมาจากความรักเพราะผู้ชายที่แม่รักคือผู้ชายคนนี้ที่อยู่เคียงข้างเธอมาหลายปี“เทมเพส เราไปกันเถอะ” เจย์ตะโกนเรียกเมื่อเป็นอย่างนั้น เทมเพสรีบวิ่งไปหาเจย์และช่วยพาพวกเขาไปยังที่ปลอดภัย“อ๊ากก!”ชายที่อยู่ข้างหลังพวกเขาส่งเสียงทรมานเหมือนถูกบีบคั้นวิญญาณออกมา“จอ