ร็อบบี้น้อยเลียนแบบท่าทางการเดินของผู้ใหญ่ขณะที่เขาเดินเข้าไปหาเจย์ เขาแสดงสีหน้าที่เขียนว่า ‘ฉันไม่มีความสุข’“คุณพ่อครับ!” เขาพูดอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงขณะที่น้ำตาไหลออกมาเจนสันมองผ่านช่องว่างของประตู เมื่อเขาเห็นว่าการแสดงออกของร็อบบี้น้อยเปลี่ยนไปเป็นร้องไห้ได้ในชั่วพริบตา เขาก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจเขาใช้กลไกการแสดงอารมณ์เพื่อแทนที่ไอคิวของเขางั้นเหรอ?เมื่อเจย์เห็นว่าร็อบบี้น้อยดูอารมณ์ไม่ดีนัก เขาจึงอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาแล้ววางลงบนตัก เขาถามด้วยความเป็นห่วง “ร็อบบี้น้อยของพ่อ เป็นอะไรไป?”“เจนส์ชอบเรียกผมว่าเด็กโง่ แล้วเขาก็ตัดสินใจไม่มากับผมด้วย!” ร็อบบี้น้อยขยี้จมูกของเขา ในขณะที่เขามีสีหน้าเสียใจการแสดงออกในดวงตาของเจนสันกลายเป็นเย็นชา เด็กผู้ชายคนนี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ กำลังลากเขาเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องนี้ไปไหม?เจย์ขมวดคิ้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่น้องสองคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ใช่เหรอ? พวกเขามีการพูดคุยสนิทสนมกันมาตลอด ไม่เคยทะเลาะกัน ไม่เคยโต้แย้งกันมาก่อนเลย เจนสันมักจะนิ่งเงียบต่อหน้าคนอื่น แต่เขากลับกลายเป็นคนพูดมากทุกครั้งที่อยู่กับ
มันเป็นแผ่นผนังที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจนเจย์เดินตรงไปบริเวณนั้นแล้วเขาก็เอื้อมมือไปเคาะแผ่นไม้ยิปซั่มแบบบาง เสียงเคาะดังก้องจากภายในแผ่นกลวง ๆ ของมัน เจย์ผลักมันออกอย่างแรงและแล้วไม้ยิปซั่มแบบบางก็เลื่อนไปด้านข้างมีกำแพงอีกชั้นหนึ่ง แต่มันถูกผนึกไว้ด้วยไม้ฟีบี้เจิ้นหนานที่เป็นไม้สีทอง เมื่อเห็นไม้อีกชั้นผนังนั้นมันดูแข็งแรงมากระหว่างชั้นในและชั้นนอกของกำแพงจะมีทางเดิน ซึ่งเมื่อมองเข้าไปข้างในมันดูมืดสนิทเจย์เปิดไฟฉายของโทรศัพท์แล้วเดินเข้าไปข้างในตามทางเดิน เขาเห็นว่าทางเดินเป็นขั้นเหมือนขั้นบันได แต่ละขั้นกว้างไม่เกินสามสิบเซ็นติเมตร รู้สึกได้เลยว่าคนธรรมดาไม่สามารถผ่านมันไปได้ง่าย ๆ ใบหน้าของเจย์ซีดเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเส้นผมในมือของเขาไหม้ราวกับจะเผาเขาด้วยเปลวเพลิงเทมเพสเป็นคนพบเส้นผมสีน้ำตาลเกาลัดในที่แห่งนั้น เป็นไปได้ไหมที่เธออาศัยอยู่ที่นั่น?หากมีคนอยู่ในนี้จริง ๆ แล้วเธอจะถูกมองว่าเป็นคนปกติ ได้ไหม?“ท่านประธาน” เสียงของเทมเพสดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่งเจย์ค่อย ๆ หันกลับไปตามต้นเสียงเทมเพสมองดูท่านประธานด้วยท่าทางสั่นสะท้าน ริมฝีปากของเขาซีด เขากำลังมองด้ว
เจย์เหมือนตกอยู่ในความฝันเขาฝันถึงวันที่แองเจลีนอายุครบ 18 ปี เธอสวมชุดสีขาว เธอเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง แต่เธอต้องการให้ตัวเองดูเหมือนผู้ใหญ่ เธอยังสวมต่างหูเพชรขนาดใหญ่ มีกิ๊บติดผมบนศีรษะของเธอด้วย แม้ว่ารูปลักษณ์ของเธอจะดูล้าสมัย แต่ตัวเขาในวัย 26 ปีก็ไม่สามารถต้านทานเธอได้เธอดูงามสง่า มีเสน่ห์ งดงามยิ่งนักช่วงเวลากลางคืน เธอได้วิ่งเข้าไปในห้องของเขา แล้วถอดต่างหู ถอดกิ๊บติดผมและแม้กระทั่งปลดกระดุมเสื้อผ้าของเธอออกเจย์เข้าไปจูงมือเธอและกล่าวตักเตือนเธอ “เธอคิดจะทำอะไร?”“ตอนนี้ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันจะทำอะไรกับนายก็ได้…”“ไร้ยางอาย” ปากของเขาพูดปฏิเสธ แต่ร่างกายของเขาก็รู้สึกร้อนแรงขึ้นอย่างช้า ๆแองเจลีนมีนิสัยดื้อรั้นตั้งแต่ยังเด็ก ยิ่งเขาผลักไสเธอออกไปมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งมีความมุ่งมั่นมากขึ้น เสียงหัวเราะของเธอช่างซ่อนความซุกซนแต่ก็ช่างมีเสน่ห์ “ที่รัก นายโกหก นายก็ต้องการมันเหมือนกัน!”เธอเข้ามาใกล้ ๆ เขาทีละก้าวจนตัวเธอเข้าไปแนบประชิดตัวกับร่างกายของเขาสายตาของเขาเปลี่ยนทันที เขามองใบหน้าที่แสนบริสุทธิ์ของเธอ เดินเข้าหาด้วยเปลือยเปล่าเขาตะลึงในความงามของเธอหน้าอกของ
“ฉันขอร้องล่ะ เธอกลับมา ได้ไหม?”สายตาที่ประหลาดใจปรากฏขึ้นภายใต้ดวงตาของเซร่าโรส ลอยล์ คือ แองเจลีน เซเวียร์ งั้นเหรอ?“ที่รัก เธอไม่ต้องการฉันแล้วเหรอ? เธอไม่ต้องการที่จะกลับมาอีกแล้วงั้นเหรอ?“อย่าทิ้งฉันไว้ข้างหลังเลยนะ”เสียงของเขาอ่อนลง และจู่ ๆ ก็มีน้ำตาของเขาไหลหยดออกมาโดนใบหน้าของเซร่าที่แนบชิดเขาอยู่ดวงตาของเซร่าเริ่มแสดงแววตาชั่วร้ายแองเจลีนยังไม่ตายเหรอ?นี่หมายความว่าเธอยังมีโอกาสที่จะได้มีความสุขกับเจย์อีกงั้นเหรอ?เซร่ามองไปที่ชายผู้นั้นอย่างนิ่งเฉย เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของเขา เธอรู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันทีแท้จริงแล้ว เจย์ อาเรสจะไม่แสดงด้านที่อ่อนโยนของเขาให้คนทั้งโลกเห็นตั้งแต่เธอจำได้ เขาก็เย็นชาและเยือกเย็นอยู่เสมอ เขาเป็นเหมือนพญายมในโลกธุรกิจที่ไม่ชอบการใกล้ชิดกับผู้คนด้วยซ้ำสิ่งที่เธอจำได้ก็คือมือของเขาเปื้อนเลือดมาตลอดทำไมเขาถึงอ่อนโยนต่อแองเจลีนและต้องเป็นแค่แองเจลีนเท่านั้นล่ะ?มือของเธอเอื้อมไปปลดกระดุมบนเสื้อเชิ้ตสีขาวของเจย์ชั้นล่างของบ้าน เจนสันและร็อบบี้น้อยกำลังวิ่งเข้ามาในบ้านเจนสันขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกกุหลาบ
“แองเจลีน แต่งงานกันเถอะ ฉันไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว” เจย์พึมพำด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดเมื่อเจนสันได้ยินเขาก็กลอกตาไปที่ร็อบบี้น้อย “นายได้ยินแล้วหรือยัง ผู้หญิงที่พ่อชอบคือแองเจลีน ก่อนที่แม่จะกลับมา พ่อดูเหมือนคิดถึงแองเจลีนทุกวัน เขาวาดภาพเหมือนของเธอและฟังเพลงของเธอ เมื่อไหร่ก็ตามที่เขานึกถึงแองเจลีน พ่อก็จะหัวเราะอย่างมีความสุข”ใบหน้าของร็อบบี้น้อยเกิดความผิดหวัง “พ่อของเราชอบแองเจลีนมากขนาดนั้น แล้วแม่ของเราจะดูไม่น่าสงสารไปหน่อยเหรอ…”เจนสันถึงกับพูดไม่ออก “แม่ไม่ได้น่าสงสารเลย อย่างน้อยพ่อก็ซ่อนความรักที่เขามีต่อแองเจลีนเพื่อแม่ อันที่จริงพ่อปฏิบัติต่อแม่ได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวล่ะ”ในขณะนั้น พวกเขาได้ยินเจย์พึมพำอีกครั้ง “ฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะเป็น โรส ลอยล์ หรือ แองเจลีน เซเวียร์ สิ่งที่สำคัญก็คือเธอยังเป็นเธอ ต่อให้เธอชื่ออะไรและหน้าตาเป็นยังไงก็ตาม ฉันก็ไม่สนหรอก ฉันแค่คิดถึงช่วงเวลาที่ไม่ต้องกังวลกับอะไรและช่วงที่เราเคยอยู่ด้วยกันอย่างมาก กลับมาได้ไหม ได้โปรด?”ดวงตาของเจนสันเบิกกว้างร็อบบี้น้อยก็รู้สึกสับสน “พ่อชอบผู้หญิงสองคนเลยเหรอ? นี่เป็นคำในตำนานของ 'นอกใจ' หรือเป
เจย์สังเกตได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา เขามองดูลูกชายทั้งสองด้วยความสงสัยและถามว่า “ลูกทั้งสองมาทำอะไรที่นี่?”ร็อบบี้น้อยตอบอย่างตรงไปตรงมาและตอบทันทีว่า “คุณพ่อครับ ถ้าเราไม่อยู่ที่นี่ คุณอาจจะ...”เจนสันรีบเหยียบเท้าของร็อบบี้น้อย ดังนั้นทำให้เขาหยุดนิ่งเงียบไปทันทีเจนสันกล่าวเองว่า “คุณพ่อ ร็อบบี้น้อยและผมรู้สึกหิวน้ำมาก เมื่อเราเห็นเซร่าเอาผลไม้มาให้คุณ เราก็เลยเดินตามมาเพราะเราอยากจะกินด้วยเหมือกัน”“เซร่า?” ดวงตาของเจย์เย็นชาเธออีกแล้วเหรอ?ทั้งสองครั้งที่เขาฝันถึงความฝันเช่นนั้น มันล้วนเกี่ยวข้องกับเซร่าทุกครั้งแม้ว่าเขาจะเป็นคนไม่ฉลาดมากนัก เขาก็พอจะเดาได้ว่าเซร่ากำลังหลอกเขาอยู่“ลูก ๆ ไปเล่นกันเถอะ” เขาพูดเสียงเรียบเฉยเจนสันสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกในดวงตาของพ่อ ดังนั้นเขาจึงเดาว่าคำใบ้ของเขาได้ผลเจนสันดึงมือของร็อบบี้น้อย “เราไปกันเถอะ เราควรให้คุณพ่อได้พักผ่อน”หลังจากที่เด็ก ๆ เดินออกไป เจย์ก็ลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปที่ห้องน้ำ เขาแช่ตัวในอ่างน้ำเย็นและรู้สึกว่าเรี่ยวแรงของเขาได้กลับมาอีกครั้ง“เซร่า เซเวียร์!”เจย์มีแววตาที่ชั่วร้ายในขณะที่มือของเขาจ
ชายหนุ่มรูปงามมีเสน่ห์สวมเสื้อกาวน์หมอและแว่นตากรอบทองเดินเข้ามาในห้องอย่างจริงจังใบหน้าของเขาดูสะอาดสะอ้านในขณะที่ลักษณะของเขาเฉียบคมและดูลึกล้ำ รอยยิ้มของเขาช่วยเยียวยาได้เลย เขาดูน่าเชื่อถือและดูเป็นเด็กเก่งที่ตั้งใจเรียนเจมส์ถามว่า “คุณชื่ออะไร?”“ผมชื่อ สตอร์ม!” สตอร์มตอบอย่างสุภาพ“คุณท่านอาเรส ต่อจากนี้ไป ผมจะเป็นนักกายภาพบำบัดส่วนตัวของคุณครับ ในอีกสามเดือนข้างหน้า ผมจะช่วยคุณขจัดจากการพยุงด้วยไม้เท้านั่นและให้คุณยืนด้วยสองเท้าของคุณเองได้อีกครั้ง” น้ำเสียงของสตอร์มเป็นจังหวะที่ดี น้ำเสียงของเขาดูปานกลางไม่รุนแรงมากนัก แต่ก็ปนไปด้วยความรู้สึกมั่นใจและภาคภูมิใจเจมส์พยักหน้า “งั้นฉันหวังว่าคุณจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ”หัวหน้าแพทย์ได้จัดการเรื่องย้ายออกจากโรงพยาบาลของเจมส์ให้เรียบร้อยต่อจากนั้นสตอร์มและเจมส์กลับไปที่คฤหาสน์กุหลาบของเขาที่อยู่ในอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึง ในคฤหาสน์ดอกกุหลาบ ซึ่งครั้งหนึ่งสถานที่แห่งนี้เคยคึกคักไปด้วยกิจกรรม แต่ตอนนี้กลับดูเงียบสงบและว่างเปล่าเจมส์พยุงตัวเองด้วยไม้เท้าขณะยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า เขาตะโกนอย
”แม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายปี นายหญิงต้องอดทนรับความเย็นชาจากคุณ ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดของเธอได้เลย”“ฉันทำผิดกับเธอ” เจมส์พึมพำ“คุณท่านคะ ไปรับนายหญิงกลับมาเถอะค่ะ” เคซี่ย์กล่าวเจมส์มองดูสตอร์มอย่างจริงจังและพูดกับเขาว่า “สตอร์มพาฉันไปที่หอท่าเรือหอมหวนหน่อย”หลังจากที่สตอร์มฟังเรื่องราวความรักอันนองเลือดนั้น เขาก็ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความงุนงงในทันใดที่เขาได้ยินเสียงของเจมส์ เขาก็อยากตวาดออกมา ริมฝีปากของเขาขดขึ้น ให้ตายสิ เขาต้องการเตือนคนแก่ชราคนนั้นว่าเขาไม่ใช่คนรับใช้ของเจมส์และเขาอยากจะบอกว่าเขาเป็นแค่เพียงนักกายภาพบำบัดเท่านั้นกระนั้น ด้วยเหตุที่ชายชราคนนี้ต้องการไปที่หอท่าเรือหอมหวน สตอร์มจึงละทิ้งทิฐิเหล่านั้นของเขาออกไปก่อนเขาพยุงเจมส์ไปที่หอท่าเรือหอมหวน“เจย์ อาเรส นายออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” เจมส์ตะคอกเมื่อยืนอยู่ตรงหน้าประตูสตอร์มแสดงรอยยิ้มมุมปากออกมา เขาช่างกล้าตะโกนใส่ท่านประธานได้ขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้แล้วว่าท่านประธานโหดร้ายแค่ไหนเมื่อนึกถึงการล้างแค้นและการแก้แค้นท่านประธานอดทนเจอความแค้นได้ตลอดชีวิตของเขาเจย์เดินออกมาอย่างสง่างาม เขายืนกอดอก จาก