บอร์ดี้การ์ดเดินเข้ามาหาเธอ “ไปกันเถอะ นายหญิงโจเซฟิน”โจเซฟินตะโกนกลับใส่บอดี้การ์ดว่า “‘บ้าเอ้ย! ทั้งครอบครัวของพวกนายจะฉิบหายแน่!”บอดี้การ์ดตกตะลึง!เมื่อถูกบังคับให้เข้าไปในรถ โจซี่ก็จ้องเขม็งไปที่บ้านพักเจ้าหน้าที่ของแผนกการแพทย์และโบกมือ “ลาก่อนนะ พี่สะใภ้”ข้าง ๆ โจเซฟิน เจย์ได้นั่งมองเธออย่างเย็นชาเมื่อนึกถึงการแสดงความรักของโจเซฟินที่พูดออกมาก่อนหน้านี้ยิ่งทำให้แววตาของเขาแข็งกระด้างขึ้นเท่านั้น“เธอต้องการที่จะแต่งงานกับหล่อนเหรอ?”โจซี่พยักหน้า “ใช่”เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอพูดอะไร เธอจึงหันไปมองเจย์อย่างหวาดกลัวก่อนจะส่ายหัวคล้ายกับเสียงกลองดังรัว ๆ“นายเข้าใจผิดแน่ ๆ ระหว่างพี่สะใภ้และฉัน เจย์ เราเป็นผู้หญิงด้วยกัน แล้วเราจะแต่งงานกันได้ยังไง?”สายตาของเจย์จ้องมาที่เธอ “ก็ไปแต่งงานกันที่ต่างประเทศที่มีให้จดทะเบียนสำหรับคู่รักหญิงกับหญิงได้หนิ”แม้ว่าพี่ชายของเธอจะดูไม่เป็นอันตราย แต่โจเซฟินก็แทบจะสัมผัสได้ถึงเสียงนุ่ม ๆ ของเขาที่ทำให้เธอหายใจไม่ออกราวกับมือของปีศาจมาเกาะอยู่ที่คอของเธอโจเซฟินยังคงเก็บอาการของเธอเพื่อตั้งสติเอาไว้ “ถ้าบอกว่าเธอกับฉันจะแต่งงานกัน
มันเป็นคืนที่อ้างว้างสำหรับผู้ชายที่โดดเดี่ยวเจย์ยืนอยู่ข้างหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานในห้องทำงานของเขา เจย์เงยหน้ามองออกไปไกล ๆ สายตาของเขาจ้องมองไปที่ตึกสูงที่โดดเด่นที่สุดของเมืองอิมพีเรียล นั่นก็คือแกรนด์ เอเซียเขาสงสัยว่าเมื่อไหร่จะได้กลับบ้านที่รักของเขาแล็ปท็อปบนโต๊ะทำงานแสดงฉากที่มีสีสันของเกมอย่างเงียบ ๆ แต่การแจ้งเตือนที่คุ้นเคยของการออนไลน์ไม่ได้ดังขึ้นมาเลยแม้ว่าเขาจะต้องการด้วยจุดประสงค์อย่างแรงกล้าที่จะเข้าไปเล่นก็ตามเจย์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ บางทีเธออาจพบว่าไม่จำเป็นต้องเข้ามาเล่นออนไลน์หากไม่มีโจซี่อยู่ด้วยติ้ง ติ๊ง!การแจ้งเตือนของการออนไลน์ร่วมกันก็ดังขึ้นจากแล็ปท็อปเจย์รีบเดินมาที่โต๊ะของเขา เมื่อเห็นไอคอนโปรไฟล์ของ ‘ไล่ล่าเหล่าบุรุษด้วยการชักดาบ’ เด้งสว่างขึ้นด้วยสีสัน ความโกรธทำให้เจย์มีรูปลักษณ์ที่ดูมีแรงดึงดูด‘ไล่ล่าเหล่าบุรุษด้วยการชักดาบ’ ส่งข้อความสั้น ๆ ให้เขา ‘นายว่างไหม?’เจย์ตอบไปว่า ‘ว่าง’ไล่ล่าเหล่าบุรุษด้วยการชักดาบพูดว่า ‘ฉันนอนไม่หลับ เรามาคุยกันหน่อยได้ไหม?’เจย์พิมพ์ว่า ‘ด้วยความยินดี!’ไล่ล่าเหล่าบุรุษด้วยการชักดาบพูดว่า ‘วั
โจซี่คร่ำครวญว่า “ไม่มีทางเป็นไปได้ เจย์ นายคือคนที่ลากฉันกลับบ้านและตอนนี้นายกำลังบอกให้ฉันกลับไปเนี่ยนะ? นายกลายเป็นคนไร้ศีลธรรมตั้งแต่เมื่อไหร่?“ฉันจะไม่กลับไป” โจเซฟินไม่พอใจ“เธอต้องกลับไป” น้ำเสียงของเขาไม่มีที่ว่างสำหรับการปฏิเสธ“งั้นฉันจะกลับพรุ่งนี้เช้า โอเคไหม?” เมื่อเป็นเวลาดึกมากแล้วเธอรู้สึกง่วงนอน โจเซฟินไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการล้มตัวลงนอนบนเตียง เธอรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกับคำขอที่ไม่สุภาพของเจย์เจย์ยังคงยืนอยู่และมีสีหน้าไม่ยอมแพ้ดวงตาของโจเซฟินเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “นายกำลังแสดงบทบาทในรายการโปรดอยู่ เจย์ ตั้งแต่เรายังเด็ก นายก็เล่นเป็นตัวเต็งด้วยท่าทางแบบนี้เสมอเลย”เจย์ชะงักกับคำพูดที่ออกจากปากเธอคำกล่าวอ้างของโจเซฟินไม่มีมูลความจริง ในเมื่อเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตนี้ไปกับแองเจลีนเสียมากกว่าเป็นผลให้เขาไม่รู้ถึงความรู้สึกของโจเซฟินด้วยซ้ำกระนั้น เขาก็ไม่เสียใจที่ทำเช่นนั้นกับใครก็ตาม เนื่องจากแองเจลีนมีค่าควรแก่ทุกห้องหัวใจของเขา“มากับฉัน” จากนั้น เขาก็เดินหันหลังกลับไปโจเซฟินเดินตามเขาไปในห้องทำงานที่ ๆ เจย์ต้องการบอกให้เธออ่านข้อความบางอย่างบนหน
เมื่อเรียกสมาชิกกลุ่มนักวิเคราะห์ของเขามาในห้องสำนักงาน เจย์ถามอย่างไม่รู้สึกอาย “พวกนายพอจะรู้เรื่องการติดฟิล์มกันรอยหน้าจอโทรศัพท์กันบ้างไหม?”สมาชิกต่างตกตะลึง พวกเขาตกใจกับคำถามที่ถูกโยนมาที่พวกเขา ทว่า ภายใต้การจ้องมองที่ดุร้ายและโหดเหี้ยมของท่านประธาน พวกเขาทำได้เพียงคิดเพื่อหาคำตอบสำหรับคำถามของเขา“ติดฟิล์มกันรอยคือการตั้งแผงขายของที่ริมถนนครับ ท่านประธาน”“แผงลอยริมถนนหมายความว่ามันจะเป็นที่ที่คนจำนวนมากจะอยู่”“ปกติอยู่ใต้สะพานลอย”น้ำเสียงของเจย์ถือเป็นที่สิ้นสุดเมื่อเขาพูดว่า “เตรียมเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการขาย คืนนี้ฉันจะตั้งแผงขายของใต้สะพานสายรุ้ง”เกรย์สันและคนอื่น ๆ ตกตะลึงกับข่าวที่ได้แจ้งมาแบบนี้ “ท่านประธาน… คุณ… คุณต้องการตั้งแผงขายของริมถนนจริงเหรอครับ?”เจย์พยักหน้าเล็กน้อยเกรย์สันไม่กล้าที่จะแหย่คำถามลึกลงไปกว่านี้ เกรย์สันและคนอื่น ๆ จึงขอตัวออกไปเตรียมของทันที“เมื่อเร็ว ๆ นี้ท่านประธานได้รับผลกระทบด้วยความตกใจทางด้านจิตใจไปหรือเปล่า คุณเกรย์สัน? ทำไมเขาถึงต้องการตัดสินใจอย่างกะทันหันที่จะไปเปิดร้านติดฟิล์มกันรอยไว้ใต้สะพานลอยฟ้า?”“ลองนึกดูว่าถ้
เด็กน่ารักสามคนคุยกันต่อหน้าเขา ร็อบบี้น้อยพูดอย่างโกรธเคือง “คุณน้าของเราพูดถูก คุณพ่อกำลังเลือกสาว ๆ อยู่”เซ็ตตี้น้อยพูดขึ้น “กระดูกของแม่ยังไม่ทันเย็นเลย แต่พ่อลืมแม่ไปแล้ว มันทำให้พี่รู้สึกหนาวสั่นจริง ๆ เลยดูสิ”เจนสันพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอไม่สามารถด่วนสรุปได้จนกว่าเธอจะรู้ความจริงนะ”“แล้วตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง?” เซทตี้น้อยถามร็อบบี้น้อยแนะนำว่า “เราไปตามหาผู้ดูแลที่คุณพ่อชอบกันเถอะ”เจนสันตกลง “ได้เลย”หลังจากนั้น พวกเขาก็จากไปโดยไม่สนใจคนอื่นเกรย์สันถูกลูก ๆ ที่น่ารักของนายท่านไม่สนใจโดยสิ้นเชิง... เขายังคงยืนนิ่งอย่างตกตะลึงขณะที่เขากำลังคิดจะบอกท่านประธานเกี่ยวกับแผนของเด็ก ๆ เจนสันก็กลับมาขู่เขาโดยทันทีว่า “คุณลุงเกรย์สัน ถ้าคุณอยากเจอพวกเราทุกวัน ไปฟ้องพ่อได้เลยครับ”นี่เป็นการขู่คุกคามที่โจ่งแจ้งอย่างเห็นได้ชัดมาก!ความคิดของเขาดูจงใจตั้งแต่อายุยังน้อย เขารู้วิธีโจมตีและถอยทัพด้วยซ้ำ มันไม่เป็นที่พอใจจริง ๆ!ไม่นานเจนสันและคนอื่น ๆ ก็มาถึงแผนกการแพทย์ของแกรนด์ เอเซียพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในโถงบันได มีหัวเล็ก ๆ หลายหัวมารวมกันขณะวางแผนอะไรบางอย่าง“ถ้าเราสามคนออ
เจนสันมองไปที่ร็อบบี้น้อยและเซ็ตตี้น้อย “ฉันจะไปดูเอง”จากนั้นเขาก็เดินไปที่ ห้องพักฟื้นผู้ป่วย ห้อง 11 เมื่อเขานึกถึงวันที่แม่ตกจากอาคารตรงหน้าต่างของบ้านและได้ยินพ่อคุยกับตำรวจในตอนนั้น“ท่านอาเรส ตามรอยที่เกิดเหตุ ภรรยาของคุณตกลงมาจากหน้าต่าง มีแอ่งเลือดอยู่บนพื้น เศษแก้วคงทำให้ภรรยาคุณบาดเจ็บ! ผมไม่รู้ว่าภรรยาคุณบาดเจ็บกับร่างกายส่วนสำคัญใด ๆ หรือเปล่า…”ไม่นานเขาก็มาถึงห้องพักฟื้นผู้ป่วย ห้อง 11 เขายกมือขึ้นเคาะประตูโรสจ้องไปที่ประตูด้วยความงุนงงก่อนจะพูดว่า “เข้ามาสิ”เจนสันเปิดประตูและค่อย ๆ เดินไปหาโรสโรสเดาว่ารอบนี้คงเป็นตาของเจนส์ที่จะเข้ามาข้างใน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นและเสียงของเธอก็แหบเล็กน้อยขณะที่เธอถามว่า “หนูมาที่นี่เพื่อตามหาเลนนี่ด้วยอีกคนหรือเปล่า?”เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาที่สวยงามของเขาฉายแววความเป็นผู้ใหญ่และความมั่นคงที่ไม่เข้ากับอายุของเขาเขาพยักหน้า “ใช่ครับ”โรสอดหัวเราะไม่ได้ ทำไมเด็ก ๆ กำลังมองหาเธอ?“หนูมองหาเธออย่างนั้นเหรอ? แต่ที่นี่ไม่มีเลนนี่หรอกนะ” โรสถามอย่างสงสัยเขามองเข้าไปในดวงตาของเธอ เขาพูด “คุณคือเธอ”โรสอึ้ง!
ถึงแม้ว่าเจย์จะรักเด็ก แต่เขาไม่เคยที่จะตามใจเด็ก ๆ จนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องแยกแยะสิ่งที่ถูกและผิด เขาจะไม่ยอมตามใจเด็ก ๆ เป็นอันขาด“พวกหนูคิดว่าตัวเองโตกันหมดแล้วเหรอ หืม? หนีเรียนมางั้นเหรอ?เด็กน้อยที่น่ารักเหล่านี้ยืนอย่างเรียบร้อยต่อหน้าเจย์ พวกเขาทำเหมือนหดตัวจิ๋วให้มีขนาดเท่ากับไข่นกกระทาทีละคน พวกเขาก้มหน้า จนไม่กล้าสบตากับพ่อตัวเองด้วยความรู้สึกผิดหวัง“ใครเป็นคนต้นคิดเรื่องที่แย่ ๆ นี้?”เด็กน้อยที่น่ารักทั้งสามก้าวไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันเกรย์สันตกใจมากกับความรู้สึกนี้ที่อธิบายออกมาไม่ได้กับเด็ก ๆ อย่างพวกเขาจนดวงตาของเขาเกือบจะล่วงหลุดลงกับพื้น“ท่านอาเรส นายน้อยและคุณหนูคงวางแผนกับเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว”เจนสันจ้องไปที่เกรย์สันอย่างดุเดือด นั่นทำให้เขาต้องหยุดเงียบไปในทันทีเขากลัวสายตาเพชรฆาตของนายน้อยที่ดูเหมือนพอ ๆ กับท่านประธานของเขาหลังจากได้ถูกปลูกฝังมาหลายปีอย่างที่คาดไว้ ในแต่ละรุ่นของวัยนั้นคนรุ่นใหม่มักจะพัฒนาได้เก่งขึ้นกว่าคนรุ่นเก่า!“พวกหนูมาที่นี่เพื่ออะไร?”เซ็ตตี้น้อยเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวประณามการกระทำที่ผิด ๆ ของพ่อทั้งน้ำตา
เมื่อเจย์มาที่ผู้ป่วยห้อง 11 โรสกำลังอ่านพระคัมภีร์ให้คุณปู่ของเธออย่างเรื่อย ๆเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยกำลังเดินเข้ามา หัวใจของโรสก็บีบรัดก่อนที่จะเต้นแรงขึ้นเจย์เดินเข้ามาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเธอและมองเธออย่างครุ่นคิดด้วยดวงตาที่ชัดเจนของเขาโรสท่องพระคัมภีร์ต่อไปว่า “ถ้ายึดความคิดเดียวจะติดอยู่ในความคิดเดียว เมื่อปล่อยความคิด ใจก็จะเป็นอิสระ สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปด้วยใจ เงื่อนไขสร้างด้วยใจ และทุกข์อะไรก็เกิดมาจากใจเช่นกัน…”เจย์ก็พูดขึ้นทันที “หมายความว่ายังไง?”หน้าหนังสือที่ดูยับยู่ยี่ด้วยแรงนิ้วกดจากมือของเธอจับมันแน่นด้วยความงุนงงเล็กน้อย“ท่านอาเรส อาการป่วยของท่านปู่เซเวียร์นั้นเป็นโรคหัวใจ ในหัวใจของเขามีเป็นพัน ๆ ปม หากเขาไม่กำจัดมันออกไป มันจะกลายเป็นสิ่งที่วนเวียนอยู่ในใจไม่รู้จบเมื่อจ้องไปที่ดวงตาของเจย์เหมือนสัมผัสได้ถึงการสูญเสียที่ประกายในดวงตาคู่นั้น “อืม แล้วมันมีทางแก้ไขไหม?”โรสกระซิบ “ถ้าคุณหมอทำอะไรไม่ถูก ฉันก็ไม่มีทางแก้ไขได้อย่างแน่นอน!”เขายืนขึ้นอย่างหงุดหงิดแล้วพูดว่า “เพราะเป็นโรคหัวใจและฉันกำลังขอวิธีการรักษาอยู่ จะไม่มีวิธีแก้ปัญหาได้ยั