แววตาของเจย์แคบลงดูอันตรายเมื่อเขาเห็นโรสที่กำลังบัง "เจนสัน" ไว้เหมือนแม่ไก่ปกป้องลูกเจี๊ยบเขารู้สึกหุงดหงิด ยังไงก็ตาม เจนสันก็เป็นลูกชายของเขา 'เธอคิดว่าเธอเป็นใคร จะมาเอาเจนสันไปจากฉัน?'"มานี่สิเจนสัน" เจย์เอิ้อมมือไปเพื่อจะพาตัว "เจนสัน" ไปร็อบบี้น้อยก้มหน้า คำสั่งนั้นยากที่จะทำตามแต่เมื่อคิดถึงเหตผลที่ว่าตัวจนของเขาตอนนี้คือ "เจนสัน" เขาจึงควรตามพ่ออย่างไรก็ตาม คุณแม่เห็นเขาเป็นร็อบบี้น้อย และเธอไม่มีทางยอมปล่อยให้เขาโดนลักพาตัวไปโดยพ่อแน่ คุณพ่อกับคุณแม่กำลังแย่งชิงเขา เขาควรทำอะไร?โรสอุ้มร็อบบี้น้อยไว้แน่นในอ้อมแขน แสดงอย่างชัดเจนว่าจะไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่เธอกลัวว่าร็อบบี้น้อยจะถูกพาตัวกลับไปที่บ้านอาเรส และเจย์จะรู้ว่าเขามีลูกชายสองคนเมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะต้องนำตัวทั้งเจนสันและร็อบบี้น้อยไป และเธอจะสูญเสียลูกชายทั้งสองและนั่นเธอยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอน"เจนสัน?" ดวงตาของเจย์มีความฉงน'แม้ว่าเจนสันจะชอบโรสมาก แต่เขาจะยอมทิ้งพ่อจริง ๆ เพื่อเธอเลยเหรอ?' เขาคิด'และเจนสันเองก็ยังไม่รู้ว่าโรสเป็นแม่แท้ ๆ เลยด้วยซ้ำ! มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เขาจะยึดติดกับโรสขนาดนี้
"แต่ถ้าคุณหายไป คุณพ่อจะลงโทษผมอย่างไร?" ร็อบบี้น้อยถามอย่างใสซื่อเกรยส์สันลดการป้องกันลงเพราะคำถามของเขา "ถ้าผมหายไป" เขากล่าวเสียงน่าขนลุก "คุณอาเรสคงจะไม่ได้คิดมากอะไร"ร็อบบี้น้อยขยิบตาใส "โอ้ ถ้าอย่างนั้นมันคงดีกว่าถ้าคุณหายไป"เกรย์สันมองร็อบบี้น้อยด้วยความสงสัย "ฮึ่ม นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกรึเปล่าวันนี้? คุณดูแปลกไปเล็กน้อยนะครับ ท่านเจนสัน"ร็อบบี้น้อยลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปหาเกรย์สันพร้อมแขนที่กำลังบิดขี้เกียจ มีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าจองเขา"คุณผู้ชาย มันเป็นเพราะวันนี้ผมพูดมากรึเปล่า?""ไม่ใช่แค่นั้นครับ ใบหน้าของคุณเองก็ดูมีความรู้สึกมากขึ้นในวันนี้เช่นกัน" เกรย์สันกล่าวด้วยความคิดร็อบบี้น้อยเดินไปหาเขา "คุณผู้ชาย ถ้าคุณชูมือขึ้น มันมีเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นอีกล่ะ!"เกรยส์สันค่อย ๆ ยกมือของเขาขึ้นโดยไม่ถาม ทันใดนั้น ร็อบบี้น้อยก็ดึงไทออก แล้วมัดแขนของเกรย์สันแนบคอของเขาไปด้วย"ท่านเจนสัน คุณกำลังทำอะไรครับ?" เกรย์สันส่งเสียง"ไม่ต้องกลัวนะ คุณผู้ชาย ผมก็แค่อยากเล่นเกมกับคุณ" ร็อบบี้น้อยเอาเชือกมาจากในห้องทำงานแล้วมัดเกรย์สัน"เจนสัน คุณกำลังพยายามทำอะไร?""คุ
หลังจากที่ร็อบบี้น้อยถูกทิ้งไว้ที่แกรนด์เอเซีย เขาก็โทรหาเจนสันผ่านบนสมาร์ทวอชท์ทันที และบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เจนสันฟังถึงวิธีที่คุณพ่อแลคุณแม่แย่งชิงเขาตั้งแต่ต้นจนจบเมื่อเขาเล่าจบเขาก็ถามเจนสันอย่างลนลาน “เจนสัน นายคิดว่าตอนนี้ฉันควรทำอย่างไร? แม่ดูเหมือนจะจำฉันได้แล้วสิ คุณแม่ต้องคิดว่าคุณพ่อพาฉันไปด้วย ฉันพนันเลยว่าตอนนี้แม่ต้องเสียใจจริง ๆ”เจนสันคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เปลี่ยนกลับกันเถอะ”ร็อบบี้น้อยตระหนักถึงความหมายที่เจนสันหมายถึงอยู่พักหนึ่ง “นายหมายถึงเปลี่ยนกลับไปใช้ ตัวตนจริง ๆ ของเราน่ะเหรอ?”“ใช่ มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้พ่อกับแม่สงสัยน้อยลง” เจนสันกล่าวอย่างหนักแน่น“ฉันเดาได้ว่านี่คือวิธีเดียวในตอนนี้” ร็อบบี้น้อยกล่าว “ฉันจะกลับไปที่ชุมชนเจิดจรัสในตอนนี้เลย ส่วนนายก็กลับไปที่โฮไรซอน คอลเลอร์”“ตามนั้น”ในขณะที่เด็กสองคนวางแผนการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป ทั้งเจย์และโรสต่างก็ต้องใจสลายไปพร้อม ๆ กันโรสรู้สึกหวั่นไหวกับความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียร็อบบี้น้อยไปตลอดกาลในทางกลับกันเจย์รู้สึกว้าวุ่นใจอย่างมากเพราะดูเหมือนว่าเจนสันจะชอบแม่ผู้ให้กำเนิดมากกว่าพ่อของเขาเสียอีก
‘เขาใข้น้ำเสียงเหมือนโรสเป๊ะ! เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าโรสจะปลูกความคิดประเภทนี้ไว้ในหัวของลูก!‘โรส เธอเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากผู้หญิงที่เลวร้าย’"ใครเป็นคนบอกลูก?" เจย์ถามเขา อารมณ์ของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเจนสันเห็นใบหน้าของคุณพ่อที่กำลังโกรธ เขาก็หยุดพูดทันที เพราะเขารู้ว่ายิ่งพูดไปก็จะทำให้คุณพ่อโกรธมากขึ้นเท่านั้นเจย์เริ่มหมายหัวความผิดของโรสเช้าวันรุ่งขึ้นแนนซี่ มาถึงที่บ้านของเจนสันตามที่กำหนดไว้ เธอนำของขวัญและเสื้อผ้ามาให้เจนสันมากมาย“ขอบคุณมากครับ คุณแนนซี่” เจย์เอ่ยอย่างสุภาพ “เจย์ คุณก็พูดเกินไป” แนนซี่พูด “เจนสันเป็นเด็กน่ารัก ฉันรู้สึกดีที่ได้ดูแลเขา”เจนสันทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ เจย์อย่างไม่สบอารมณ์ เขาจ้องมองไปที่กองเสื้อผ้าหรูหราที่แนนซี่ซื่อมาให้เขา…แนนซี่ เมื่อเธอเห็นเขาจ้องมอง เธอก็รีบถามเจนสันว่า “หนูชอบเสื้อผ้าที่ฉันซื้อมาไหม?” เจนสันชอบเสื้อยืดที่ดูเรียบ ๆ ใส่สบายที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าของร็อบบี๊น้อยมากกว่า ลวดลายสีสันบนเสื้อผ้าพวกนั้นก็ดูดี เสื้อผ้าพวกนั้นราคาก็เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าสตางค์อยู่มาก เขารู้สึกสบายตัวหลังจากที่ได้ลองสวมใส่ในสองวันนั้น
เจนสัน ไม่เคยใส่เสื้อผ้าเท่ ๆ และสบายเหมือนกับตอนที่ใส่ ‘สมาร์ท เบบี้ ไทเกอร์’ มาก่อนหลังจากที่แนนซี่พยายามค้นหาเสื้อผ้าของ ‘สมาร์ท เบบี้ ไทเกอร์’ และแล้วเธอก็โทรศัพท์ให้เจย์ดู เมื่อเขาเห็นเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด เขาขมวดคิ้วทันที “ลูกไปหัดใส่เสื้อผ้าแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? สีมันดูฉูดฉาดเกินไป!”เจนสันเริ่มรู้สึกแย่ “ผมก็เป็นแค่เด็ก!” เขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจเจย์สังเกตดูที่ป้ายราคา มีตั้งหลักสิบหยวนไปจนถึงร้อยหยวน แล้วเขาก็กลับไปจ้องมองที่เจนสันอย่างสงสัย “แน่ใจนะว่า จะใส่เสื้อผ้าถูก ๆ แบบนี้?”เจนสันรีบพยักหน้า เขาแค่อยากใส่เสื้อผ้าที่เหมือนกับร็อบบี้น้อย มันจะได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น เจย์ถอนหายใจ เขาแสดงสีหน้าดูถูกออกมา “คุณพ่อไม่เคยซื้อเสื้อผ้าออนไลน์พวกนี้เลย”เจนสันรีบโต้กลับอย่างหน้าตาย “มันไม่ได้มีไว้สำหรับคุณพ่อนี่ครับ”เจย์สบตาของเจนสัน เขาเริ่มโตขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพยายามต่อสู้ในสิ่งที่เขาอยากได้เจย์เลือกที่จะรักษาน้ำใจของลูก เขายื่นโทรศัพท์ให้เจนสัน “ลูกเลือกของที่ลูกต้องการลงไปในรถเข็น เดี๋ยวพ่อจะจ่ายเงินให้”เจนสันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาเลือกเสื้อผ้าอย่างกระตืนรือ
โจเซฟินเดินลงไปชั้นล่างพร้อมกับเอามือกุมหน้าผากที่ฟกช้ำของเธอไว้ เธอเดินเข้าไปหาเจย์ ร้องไห้เข้าฟ้องเขา “เจย์ ลูกชายของนายทำร้ายฉัน นายจะไม่ทำอะไรหน่อยเหรอ?”เจย์มองโจเซฟินเงียบ ๆ… “เธอก็รู้ว่าเขาไม่ชอบให้เธอไปแตะต้องเนื้อตัวเขา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกระด้าง “แต่เธอก็ยังจะหาเรื่องใส่ตัวเอง”โจเซฟินรู้สึกแย่เป็นอย่างมาก “ก็ฉันคิดว่าเขาคงดีขึ้นแล้ว ฉันถึงได้มาหาเขาที่นี่เพื่อดูแลเขา ใครจะไปรู้ว่าจะเป็นอีก”ใบหน้าอันหล่อเหลาของเจย์เริ่มบูดบึ้ง “เจนสันไม่ได้ป่วย”โจเซฟินพูดด้วยน้ำเสียงที่แห้งแหบ “นายรู้ดีแก่ใจว่าเขาป่วยหรือไม่ป่วยเจย์ ฉันขอเตือนนายไว้เลยนะว่า เจนสันคนเดิมนั้นมีนิสัยเย็นชาและหยิ่งจองหอง นายก็เคยเห็นมันด้วยตาของนายที่วันนั้นนายพาเขามาที่บ้าน เขาแตกต่างจากเดิมวันนั้นเขาดูมีชีวิตชีวา สดใสร่างเริงและสุภาพ เดิมทีฉันคิดว่าแม่ของเขาสามารถรักษาอาการที่เขาเป็นอยู่ได้ แต่นี่มันดูเหมือนจะเลวร้ายลงไปอีก เจนสันดูเงียบมากขึ้นไปอีก เขากลายเป็นคนต่อต้านสังคม ฉันพูดจริง ๆ นะ ฉันอดสงสัยไม่ได้เขาป่วยเป็นโรคจิต!”เงาดำกระจายไปทั่วใบหน้าหล่อเหลาของเจย์“นายรีบพาเขาไปหาจิตแพทย์ในโรงพยาบาลแก
เจนสันจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เย็นชาก่อนที่จะพยักหน้าหงึก ๆ โจเซฟินกอดเจนสันอย่างมีความสุข เธอส่งเสียงให้กำลัง “เจนสัน เธอเปลี่ยนไป เธอน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ เลย น้าขอคืนคำพูดที่หาว่าเธอเป็นโรคออทสติกหรือโรคจิต เธอเป็นเด็กที่น่ารักที่สุดในโลกเลย”เจนสันแสดงสีหน้ารังเกียจบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา“เจย์ พวกเราไปกันก่อน”“กลับมากันเร็ว ๆ ล่ะ” เจย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่แน่ใจ โจเซฟินพาเจนสันออกจากบ้านพัก และเข้าไปนั่งในรถซุปเปอร์คาร์สีแดงของเธอ เธอกำลังรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ อยู่ในห้วงความฝันที่เธอปรารถนานั้นเป็นจริงเสียงที่เย็นชาของเจนสันได้ขัดฝันกลางวันของเธอ “ผมอยากไปเที่ยวสวนสนุก”รอยยิ้มสดใสของโจเซฟินหยุดชะงักทันที "ทำไมล่ะ?"เธอโตกว่าเขาตั้งมากมาย ทำไมถึงต้องให้เด็กตัวเล็ก ๆ อย่างเจนสันต้องมาบอกเธอว่าจะไปที่ไหน?“เจนสัน ฉันจะไปที่กองถ่ายภาพยนตร์ก่อน” โจเซฟินตอบด้วยรอยยิ้ม เธอตัดสินใจที่จะหลอกพาเจนสันไปที่กองถ่ายให้ได้ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม เธอตั้งใจว่าจะให้ผู้กำกับหนัง ได้เห็นใบหน้าของเจนสัน ใบหน้าที่หล่อเหลาดูเป็นธรรมชาติของเขาที่สามารถเป็นดาราได้อย่างสยาย ไม่แน่ในอน
หลังจากที่เจนสันยักไหล่โจเซฟินก็วิ่งเข้าไปที่สวนสนุกคนที่ชวนเขามาเที่ยวสวนสนุกก็คือ ร็อบบี้น้อย พี่ชายทั้งสองคนแต่งตัวเข้ากันมาก เขาใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน ซึ่งมีเพียงไม่กี่ตัว เสื้อยืดของ Adidas สีดำ และกางเกงสีขาว กับร้องเท้าผ้าใบ ความแตกต่างก็คือร็อบบี้น้อย ใส่หมวกปากเป็ดสไตล์ฮิปฮอปหญิงสาวสวมหมวกฟางขนาดใหญ่ ที่สามารถซ่อนหัวของเธอไว้ในทั้งหัว เธอสวมชุดสีแดงและเธอเว้นระยะห่างจากเจนสันประมาณห้าเมตร เธอพยายามใช้ทุกอย่างเพื่อปิดบังตัวเธอเองร็อบบี้น้อย ใช้สมาร์ทวอทช์เพื่อส่งข้อความหาเจนสัน “ผู้หญิงชุดสีแดงกำลังไล่ตามนายอยู่”เจนสันไม่ต้องหันกลับไปมองด้วยซ้ำ เขาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นน้าที่สติไม่ดีของเขาอย่างแน่นอน“เธอคือ โจเซฟิน อาเรส” เจนสันตอบร็อบบี้ร็อบบี้น้อยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขาส่งข้อความเสียงไปให้เจนสัน “นายไม่ใช่เคยบอกเหรอว่า เธอชอบกลั่นแกล้งนายอยู่เสมอ? นายต้องการให้ฉันช่วยนายแก้แค้นไหม?”มุมริมฝีปากของเจนสัน ยกขึ้นเล็กน้อย "ตกลง!"“หาที่ซ่อนตัว ฉันจะย้ายที่ทันที”ทันทีที่เจนสันได้รับข้อความร็อบบี้น้อย เขาก็มุ่งหน้าไปยังห้องน้ำด้านข้าง โจเซฟินกลัวว่าเจนสันนั้นจะหา
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ