หลังจากที่เจนสันยักไหล่โจเซฟินก็วิ่งเข้าไปที่สวนสนุกคนที่ชวนเขามาเที่ยวสวนสนุกก็คือ ร็อบบี้น้อย พี่ชายทั้งสองคนแต่งตัวเข้ากันมาก เขาใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน ซึ่งมีเพียงไม่กี่ตัว เสื้อยืดของ Adidas สีดำ และกางเกงสีขาว กับร้องเท้าผ้าใบ ความแตกต่างก็คือร็อบบี้น้อย ใส่หมวกปากเป็ดสไตล์ฮิปฮอปหญิงสาวสวมหมวกฟางขนาดใหญ่ ที่สามารถซ่อนหัวของเธอไว้ในทั้งหัว เธอสวมชุดสีแดงและเธอเว้นระยะห่างจากเจนสันประมาณห้าเมตร เธอพยายามใช้ทุกอย่างเพื่อปิดบังตัวเธอเองร็อบบี้น้อย ใช้สมาร์ทวอทช์เพื่อส่งข้อความหาเจนสัน “ผู้หญิงชุดสีแดงกำลังไล่ตามนายอยู่”เจนสันไม่ต้องหันกลับไปมองด้วยซ้ำ เขาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นน้าที่สติไม่ดีของเขาอย่างแน่นอน“เธอคือ โจเซฟิน อาเรส” เจนสันตอบร็อบบี้ร็อบบี้น้อยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขาส่งข้อความเสียงไปให้เจนสัน “นายไม่ใช่เคยบอกเหรอว่า เธอชอบกลั่นแกล้งนายอยู่เสมอ? นายต้องการให้ฉันช่วยนายแก้แค้นไหม?”มุมริมฝีปากของเจนสัน ยกขึ้นเล็กน้อย "ตกลง!"“หาที่ซ่อนตัว ฉันจะย้ายที่ทันที”ทันทีที่เจนสันได้รับข้อความร็อบบี้น้อย เขาก็มุ่งหน้าไปยังห้องน้ำด้านข้าง โจเซฟินกลัวว่าเจนสันนั้นจะหา
“ครั้งนี้เจนสันทำอะไรกับเธอบ้าง?”“เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน!” โจเซฟินไม่รู้จะบอกกับเขายังไง เธอกลัวว่าข่าวร้ายนี้จะทำให้เขาหัวหมุนเจย์ยังคงวนอยู่กับในอดีต “แล้วเธอทำอะไรเขา?”โจเซฟินรีบตอบว่า “ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเขาเหมือนกัน!”ใบหน้าอันหล่อเหลาของเจย์ขุ่นมัว “แล้วเธอจะมาร้องไห้คร่ำครวญเพื่ออะไร?”เสียงสะอื้นของโจเซฟินกลายเป็นร้องไห้เสียงดัง “มันมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเจนสัน”เจย์พูดอย่างเย็นชาว่า “โจเซฟิน เธอพูดทุกอย่างในคราวเดียวได้ไหม?”โจเซฟินปาดน้ำตาของเธอ ความเศร้าที่เกิดขึ้นน้ำเสียงของเธอแสดงถึงความตื่นเต้น ขณะที่เธอพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “วันนี้เจนสันแสดงอาการกับฉัน เขาดูเย็นชาเหมือนถูกแช่แข็งในฤดูหนาว บางครั้งเขาก็ดูอบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์ในเดือนมิถุนายน เมื่อเขาเยือกเย็นเขาจะเรียกฉันว่า โจเซฟิน อาเรส หรือไม่ก็โรคจิต แต่พอเขานิ่งสงบ เมื่อเขารู้สึกอบอุ่นเขาเรียกฉันว่า น้าโจเซฟิน และยังยิ้มให้ฉันด้วย แต่แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เขาสามารถทำแบบนี้สลับกันได้หลายต่อหลายครั้ง ถ้าเขาแค่แสดงมันต่อหน้าฉัน ฉันว่าเขาสามารถรับรางวัลออสการ์ได้แล้ว!”เมื่อได้ยินสิ่งที่โจเซฟินพูดมา ฝ่ามือที่ถือโทรศัพท์
ร็อบบี้ยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “ถ้าน้าอยากตีผมก็ต้องดูว่าน้าจะจับผมได้ไหม?”หลังจากที่พูดจบร็อบบี้น้อย ก็รีบวิ่งหนี โจเซฟินกางแขนออกมา สีหน้าของเธอช่างหน้ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อ “ฉันไม่เชื่อว่าจะจับเธอไม่ได้”ตามปกติแล้วเจนสันไม่ชอบที่จะออกกำลังกาย เมื่อเข้าหน้าหนาวร่างกายของเขาจะเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจได้ง่าย นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่โจเซฟินดูถูกความสามารถทางด้านกีฬาของเขา และตั้งชื่อเล่นที่น่าเกลียดให้กับเขาว่า ลูกเจี๊ยบขี้โรคเธอไม่รู้ว่าคนที่เธอเจอในวันนี้นั้นไม่ใช่เจนสัน แต่เป็นร็อบบี้น้อย เขาฝึกเรียนเทควันโด้ตั้งแต่ยังเล็ก ความสามารถทางร่างกายของเขาแตกต่างจากเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน ความเร็วของเขานั้นเหนือกว่าคนปกติทั่วไปเมื่อโจเซฟินยื่นมือไปออกไปขวางร็อบบี้น้อย เขาก็เตะแขนของเธออกไปด้วยการหมุนเตะตีลังกาในอากาศ เพื่อที่เขาจะได้ไปลงตรงด้านหลังของโจเซฟิน ซึ่งมันทำให้ไถลไปเหมือนปลาเมื่อเธอเห็นร็อบบี้น้อย ทำท่าทางนี่สวยงามเหล่านี้ และดูปราดเปรียวเธอตกใจมาก ลูกตาของเธอถลนออกมาจนแทบจะตกลงบนพื้น “แม่เจ้า! เจนสันของฉันเจ๋งมาก เขาเจ๋งขนาดนี้เลยเหรอ?”ภายในสมองของโจเซฟินกลับเสียงย้อนแย้
ใช่ เธอเองก็รู้สึกว่ามันแปลกประหลาด มันดูลึกลับเช่นกัน ไม่กี่ปีมานี้ขณะที่เธอไปต่างประเทศ เธอมักจะวีดีโอคอลหาครอบครัวของเธอเสมอ แต่เธอไม่เคยได้ยินว่าเจนสันไปเรียนศิลปะการต่อสู้ ตอนที่กลับมาที่บ้านเมื่อช่วงฤดูหนาว และฤดูร้อนนั้นเธอก็ไม่เคยเห็นเจนสันไปฝึกมันเช่นกันแล้วสิ่งที่เขาแสดงให้เห็นก่อนหน้านี้มันคืออะไร?โจเซฟินพยายามคิดทบทวนอย่างหนักในเรื่องนี้ ขณะที่เธอกำลังเดิน แต่เธอไม่สามารถหาเหตุผลได้ไม่ว่าเธอจะใช้สมองทั้งหมดที่มีคิดออกมาอย่างไรก็ไม่สามารถหาเหตุผลเรื่องนี้ได้ขณะที่เจย์พาเจนสันออกจากสวนสนุก เขาเห็นผู้คนมากมายกำลังมุงรายล้อมอยู่ที่รถซุปเปอร์คาร์สีแดงที่อยู่ตรงทางเข้า ใบหน้าของเขาคล้ำลงทันที “โจเซฟิน อาเรส!”เมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นมาอย่างดุเดือดของเจย์ โจเซฟินก็รีบวิ่งเข้ามา เมื่อเธอเห็นรถสปอร์ตของเธอถูกทิ้งขว้างไม่มีใครสนใจ จนถูกปรับมากมายเธอก็อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาให้ไหล“ฉันควรที่จะตำหนินายอย่างไรดี? รอจนกว่านายจะได้พาดหัวข่าวในวันพรุ่งนี้ดีไหมนะ? เจย์เกลียดการแสดงออกทางหน้าตาของน้องสาว มันช่างดูอวดดีราวกับว่าใบหน้าของเธอจะถูกปั้นแต่งให้เป็นสีทอง จริง ๆ แล้ว
เจนสันไม่อยากใส่ใจและไม่อยากยอมรับในสิ่งที่น้าของเขาพูด เขาเลยเลี่ยงเข้าไปในครัวเพื่อช่วยพ่อของเขาโจเซฟินรู้สึกว่ามันน่าเบื่อและไม่ได้น่าสนใจ เธอจึงจากไปอย่างรีบร้อน“พี่ชาย ฉันไปก่อนนะ แล้วอย่าลืมหาหมอให้มารักษาเจนสัน ดร.แซนเดอร์ แซคารี ที่ แกรนด์ เอเชีย ก็ไม่เลว” โจเซฟินจากไปหลังจากพูดจบเจย์แสดงออกอย่างสงบนิ่ง หมอที่น้องสาวของเขาแนะนำมานั้น มีความเชี่ยวชาญทางด้านจิตเวช ใจของเขารู้สึกต่อต้านเป็นอย่างมากที่จะให้เจนสันไปปรึกษากับหมอด้านจิตเวชเขารู้สึกว่าเจนสันนั้นเหมือนกับเขา พวกเขาเพียงแค่ต้องการความสงบสุข และต่อต้านสังคมเมื่อตอนที่เขายังเด็ก พอโตขึ้นได้รู้จักเพื่อนมากขึ้น มีได้กี่คนที่จะรู้จีกนิสัยของเขาอย่างแท้จริง ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแต่ช่วงสองสามวันนี้เจนสันมักจะมีอารมณ์ที่สลับไปมาระหว่างกระตือรือร้น และดูสดใสพูดมากขึ้น กับอีกอารมณ์ที่นิ่งเงียบ สิ่งนี้ทำให้เจย์ตกใจ เขากลัวว่าความประมาทของเขาจะทำให้พลาดช่วงเวลาดี ๆ ที่จะรักษาเจนสันไปในมื้ออาหารค่ำ เจย์ตัดสินใจที่จะพูดคุยกับเจนสันอย่างตรงไปตรงมา“เจนสัน คุณพ่อจะให้ ดร.แซคารี มาลองตรวจพรุ่งนี้ ตกลงไหม?”ปฏ
หลังจากที่ ดร.แซคารี จากไปเจนสันก็วิ่งเข้าไปในห้องทำงาน เขาผลักประตูเปิดเข้าไปหาเจย์พร้อมกับเอามือกุมศีรษะเหมือนคนที่มีอาการเจ็บปวดอย่างร้ายแรง เจนสันนั้นมีคำตอบอยู่ในใจของเขา“เขาบอกว่าผมป่วยอย่างนั้นเหรอ?” เจนสันพูดขึ้นมาด้วยความโมโหเจย์เงยหน้ามองไปที่ใบหน้าลูกชายมี่หน้าตาดีของเขา ความกังวลปรากฎทั่วใบหน้าไม่สามารถปกปิดได้บางทีเขาคิดว่าเจนสันนั้นอาจจะสมบูรณ์แบบจนเกินไป จนสวรรค์ต้องการที่จะเล่นตลกกับเขา“เจนสัน… ดร.แซคารี บอกพ่อว่า อาการผิดปกติของลูกนั้นยังอยู่ในช่วงแรกเริ่ม ถ้าเรายินยอมที่จะรักษามันจะหายได้” เจย์ไม่ต้องการให้เจนสันรับรู้เรื่องที่โหดร้ายเช่นนี้ แต่เขาอยากให้เจนสันร่วมมือที่จะรักษามันไปกับเขา ดังนั้นเขาจึงต้องทำให้เจนสันยอมรับความจริง“รักษาชีวิตของผม ให้เหมือนต้นหญ้าที่กำลังถูกเหยียบย่ำ” เจนสันพูดด้วยความโกรธของมาจากปากของเขาเจย์จ้องมองใบหน้าที่แสดงอาการไม่พอใจของเจนสัน ทำให้ภายในใจของเขารู้สึกไม่ดี เรื่องที่เขาแบกรับไว้ในมือครั้งนี้เป็นเรื่องร้ายแรง เขาไม่สามารถโอนอ่อนตามความต้องการของเจนสันได้“คุณพ่อตัดสินใจแล้ว ลูกปฏิเสธหรือแสดงอาการต่อต้านมาก็ไร้ประโยชน์
โรสค้านเสียงอ่อน "คุณต่างหากที่จับผิดฉันก่อน"มันเป็นโชคดีที่เธอรู้ว่าเขาชอบรสแบบไหน เขาชอบให้กาแฟออกไปทางขม แต่เขาก็ยังขอกาแฟที่หวานเจ็ดสิบเปอร์เซ็นวันนี้ โรสจึงรู้ได้ว่าเขาต้องการหาเรื่องเธอโชคดีที่เธอนั้นมีสติและเผยไต๋ของเขาอย่างชาญฉลาด จึงหยุดปัญหาที่ไม่ทันตั้งตัวนี้ได้ทันเวลาเพียงแต่ เธอประเมินความต้องการในการแก้แค้นของเจย์ต่ำไปเจย์เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นแล้วสุ่มเปิดเว็บเพจของบริษัทภายใตเครือ แกรนด์ เอเซีย ขึ้น ใช้ทักษะอันสูงส่งด้านการแฮ็กของเขา ในการเสริมไฟล์วอลของเว็บ จากนั้นเขาก็มองไปที่โรสและเตรียมทำให้เธอติดกับดัก"โรส ลอยส์ ระบบกิเลนของ แกรนด์ เอเซีย ถูกเจาะโดยพวกแฮ็คเกอร์ เปิดคอมพิวเตอร์แล้วทำให้ระบบกิเลนกลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด"โรสจ้องเจย์ด้วยดวงตาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอรู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ กับงานนี้ แต่ในเมื่อเธอต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้อยู่เหนือกว่า เธอจึงทำได้แค่ยอมรับมันเธอเปิดคอมพิวเตอร์ หลังจากรอให้คอมพิวเตอร์เปิดระบบเสร็จ เสียงของเจย์ที่เหมือนวิญญาณร้ายก็ดังขึ้น "โรส วันเดียวพอใช่ไหม?"โรสนั้นเป็นอัจฉริยะแห่งวงการแฮ็คเกอร์มาตลอด เธอไม่เคยมีคู่ปรับที่
ในอีกด้านหนึ่ง เจย์แอบรู้สึกพอใจอย่างมากที่เขาสามารถดัดนิสัยของโรส แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้น เขาได้รับสายจากครูของเจนสันที่ทำให้เขารู้สึกวุ่นวายใจในสาย ครูของเจนสันกล่าว "ในสองวันมานี้ การปฏิบัติตัวของเจนสันนั้นแปลกมาก เขามีความย้อนแย้งทางอารมณ์อย่างรุนแรง วันก่อน เขายังดูสดใสและเป็นเด็กร่าเริงน่ารัก แต่มาวันนี้ เขากลายเป็นเด็กน้อยผู้เงียบขรึม"เจย์เงียบลงหลังจากวางสาย ความย้อนแย้งในอารมณ์ของเจนสันนั้นชัดเจนมาก หากใครที่สนิทกับเขามาก่อนจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่ชัดเจนมาก นี่มันเป็นผลสะท้อนจากความรุนแรงของโรคจิตเภชที่เจนสันเป็นรึเปล่า?ความสุขแบบเด็ก ๆ ของเจย์นั้นหายไปทันทีในคืนนั้น เป็นคืนนี้เงียบสงบแสงนีออนของเมืองสว่างหลากสีสัน แต่มันก็ไม่สามารถทำให้หัวใจที่ดำมืดทะมึนของเจย์สว่างได้เลย เขาขับ Rolls-Royce อย่างโดดเดี่ยวไปบนถนนหลากสี คิดถึงความรู้สึกในครั้งแรกที่เขาได้รับรู้ความเปลี่ยวเหงาและหมดหนทางในตอนนั้น เขาต้องการคนรักอยู่นิดหน่อยเขามาถึง แกรนด์ เอเซีย และรับยาของเจนสันตามใบสั่งยาที่ได้รับมาจากหมอก่อนจะกลับไปที่คฤหาสน์เจนสันนั่งอยู่ที่บันไดรอเขาอยู่ เมื่อ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ